**"EUR/USD เสี่ยงแตะเท่าเทียมในปี 2025 หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯแกร่ง"***การคาดการณ์ราคาประจำปี EUR/USD: ความเท่าเทียมทางค่าเงินดูเป็นไปได้ในปี 2025 เมื่อช่องว่างระหว่างเศรษฐกิจสหรัฐฯ-ยุโรปกว้างขึ้น**
🌟 **หัวข้อสำคัญที่ควรจับตา**
- ธนาคารกลางยังคงให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อ แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจควรนำพาไปข้างหน้า
- การดำรงตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อประเทศอื่น
- คู่เงิน EUR/USD มีแนวโน้มทดสอบความเท่าเทียมทางค่าเงินในช่วงครึ่งแรกของปี 2025
#EURUSD #เศรษฐกิจ #การเงิน
🎯 **สรุปภาพรวมปี 2024 ของคู่เงิน EUR/USD**
EUR/USD เริ่มต้นปีที่ระดับประมาณ 1.1040 และปิดใกล้จุดต่ำสุดประจำปีที่ 1.0332 โดยในเดือนกันยายน คู่เงินนี้พุ่งขึ้นสู่ 1.1213 สร้างความมั่นใจว่าเงินยูโร (EUR) จะมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก 🪙 อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความหวังที่ไม่เป็นจริงเกี่ยวกับการลดนโยบายการเงินแบบเข้มงวดจากธนาคารกลาง 🌍
#เงินยูโร #ตลาดการเงิน #การเงิน
📉 **ECB เปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงิน แต่ไม่ใช่เพราะเงินเฟ้อ**
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เป็นหนึ่งในธนาคารกลางแรก ๆ ที่เปลี่ยนนโยบาย โดยในเดือนมิถุนายน ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปี 2024 และดำเนินการลดอีกครั้งในเดือนธันวาคม 📉 อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากความกลัวเศรษฐกิจถดถอยมากกว่าปัญหาเงินเฟ้อ
#ECB #นโยบายการเงิน #เศรษฐกิจยุโรป
📊 **แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ: ดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งแกร่ง**
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบสองปีในวันที่ 20 ธันวาคม โดยมีแรงหนุนสำคัญจากการเลือกตั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และความคาดหวังด้านนโยบายทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปในปี 2025 💵 ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททำสถิติสูงสุด เนื่องจากนโยบายลดภาษีและการกำหนดภาษีนำเข้าของทรัมป์
#ดอลลาร์สหรัฐ #นโยบายเศรษฐกิจ #วอลล์สตรีท
🔮 **การคาดการณ์ EUR/USD ในปี 2025**
ในปี 2025 ความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างยูโรโซนและสหรัฐฯ มีแนวโน้มกว้างขึ้น โดยธนาคารกลางยุโรปอาจต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมเนื่องจากการเติบโตที่อ่อนแอและเงินเฟ้อที่ลดลง 📉 ในทางตรงกันข้าม เฟดคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีหน้า พร้อมกับปรับประมาณการการเติบโต GDP ของปี 2024 ขึ้นเป็น 2.5%
#การคาดการณ์เศรษฐกิจ #EURUSD #ปี2025
📌 **บทสรุป**
ภาพรวมทางเศรษฐกิจในปัจจุบันเอื้อต่อดอลลาร์สหรัฐมากกว่าเงินยูโร แม้ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ จากนโยบายของทรัมป์ แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแสดงความแข็งแกร่งสูงสุดในกลุ่ม G7 นับตั้งแต่การฟื้นตัวหลังโควิด-19
#เศรษฐกิจโลก #คู่เงิน #การลงทุน
การวิเคราะห์ด้านอื่นๆ
Gold Idea - 17/12/2024 (GC - Future Price)ทองในช่องเดือนธ.ค Volume จะเริ่มวิ่งแบบไม่ปกติ
โซน Sell 1.1 - Big Volume (จาก Footprint Chart) ตอนที่เท ลงมาค้างอยู่ที่โซนตรงนั้น และมี FVG M30
โซน Sell 1.2 - ที่แถวๆปลายหาง ก็ยังมี Imbalance ที่ยัง Match ไม่หมด เช่นกัน แต่อาจจะยังขึ้นไปไม่ถึง
โซน Sell 2 - Supply + มี Imbalance ค้างอยู่ที่ยังไม่ Match เช่นกัน
โซน Buy 1 - มี VI ที่น่าสนใจ เค้าอาจจะลงมาเก็บก่อนขึ้นไป แต่จุด VI อยู่แถวๆปลายหาง เป็นไปได้ว่า อาจจะ โดน Sweep ก่อน
โซน Buy 2 - มี FVG + Demand และมี Liq ด้านบน (รอ Reject)
BTC ดิ่งแรง! จับตาระดับสำคัญ $91,500-$104,790 สัปดาห์นี้🚀 การคาดการณ์ราคา Bitcoin: ระดับสำคัญและกลยุทธ์สำหรับสัปดาห์นี้ 📊
ตลาดคริปโตในสัปดาห์นี้เต็มไปด้วยแรงขาย:
BTC: ลดลง 2.5%
ETH: ลดลง 3.5%
BNB: ลดลงกว่า 4%
DOGE: ลดลง 7.5%
SHIBA: ลดลงเกือบ 7%
อย่าเพิ่งตื่นตระหนก นี่อาจเป็นจังหวะที่ตลาดกำลังตั้งค่าใหม่!
🏗️ ระดับราคาสำคัญของ Bitcoin Futures:
1. โซนรีบาวด์:
ซื้อ: $97,750 ถึง $98,850
จุดสำคัญ: $97,375
หากหลุดโซนนี้ ราคาอาจลดต่ำลงอีก
2. Value Area Low (VAL):
ช่วง: $95,400 ถึง $96,000
โซนที่ผู้ซื้อและผู้ขายมักหาข้อตกลง
3. แนวรับ VWAP:
ระดับ: ประมาณ $94,000
หากราคารีบาวด์จากจุดนี้ อาจเป็นสัญญาณซื้อ
4. โซนมั่นใจของตลาดหมี:
ระดับ: $91,500
หากราคาหลุดระดับนี้ พร้อมปิดรายวันสองวันติด อาจเกิดแรงขายหนัก
🎯 กลยุทธ์การเทรด Bitcoin:
ฝั่ง Long:
มองหาการรีบาวด์ที่ $97,750 โดยตั้งจุดหยุดขาดทุนใกล้ $97,375
หากหลุด GETTEX:97K รอเข้าที่ $95,400 หรือแนว VWAP $94,000
เป้ากำไร: $104,500 ถึง $104,790
ฝั่ง Short:
หากราคาหลุด $91,500 พร้อมปิดรายวันต่อเนื่อง อาจมีแรงขายไปสู่ $91,000
🔍 สรุป:
Bitcoin ยังแกว่งตัวในกรอบ $91,500 ถึง $104,790 คาดว่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบนี้ระยะสั้น แต่ระยะยาวยังคงมุมมองบวก
#Bitcoin #คริปโต #วิเคราะห์ราคา #BTC
XAUUSDเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาลงมาทดสอบแถวๆ 2614 อีกครั้งซึ่งเป็นบริเวณ Swing Low เพื่อทดสอบแนวรับอีกรอบว่าสามารถลงต่อได้ไหมแต่ราคาไม่สามารถผ่านได้และมีแรงซื้อกลับค่อนข้างมากในช่วงประกาศตัวเลขจ้างงานราคาเทลงมาอีกรอบก็ไม่สามารถทำ Low ต่ำลงได้เช่นกันผมจึงมองว่าอาจจะเป็นการบอกนัยๆว่าอาจจะไม่ลงแล้วก็ได้และการนับโครงสร้างคลื่นก็ถือว่าจบรอบพักตัวแล้วเช่นกัน โดยแผนในวันจันทร์นี้เงื่อนไขแผนของเราคือต้องไม่ทำ Low ต่ำกว่า 2614 เด็ดขาดหากจะขึ้น
เทคนิคคอล
-ราคา 2628-2631 เป็นโซน Buy แรกระยะก็ประมาณ 300 จุดซึ่งจะมองว่าเปิดตลาดแล้วขึ้นเลยเพราะเราก็ยังไม่รู้ว่าเสาร์-อาทิตย์นี้จะมีข่าวตูมตามอะไรอีกบ้าง
-ราคา 2619-2622 ตรงนี้ก็มองว่าลงมาทดสอบได้ถึงจะไม่ควรลงมาก็เถอะเพราะ Demand ทั้งก้อนของชุดนี้ได้ทดสอบไปแล้วในครั้งล่าสุดที่ลงมาตอบประกาศการจ้างงาน ระยะก็ 300 จุดเช่นกัน
**SL ที่สมเหตุสมผลควรอยู่ที่ 2614 นะครับหากพ็อตสามารถ MM ได้ถึงก็อย่างกเลยจะได้เทรดง่ายๆ**
XAUUSD H4มาทำโครงสร้างภาพ H4 ให้ดูมุมมองส่วนตัวของผมนะครับเผื่อผมไม่ว่างทำแผนสองสามวัน จากภาพจะเห็นว่าราคาพักตัวเป็น SW UP แต่ไม่มีความชันมากแสดงให้เห็นได้ว่าเค้ากำลังรออะไรบางอย่างนะครับโดยส่วนตัวยังคงมองว่าย่อ Buy ได้เปรียบแต่ตอนนี้ถ้าเราดูแท่ง Day เกิดแท่งแดงแล้วนะครับเป็น PA Sell ด้วย หากมีการทิ้งอีกรอบแล้วมาโซนแรกก็หยอด Buy ได้เพราะโซนแค่ 300 จุด และ Monitor Buy หากยืน 2600-2605 ได้ แต่หากไปเยอะกว่านั้นรอข้างล่างที่ Fibo ชุดใหญ่เลยนะครับ
BREADTH SET50 DASHBOARDภาพรวม ตลาด SET50 ยังไม่ค่อยจะดีนัก แต่ก็เริ่มมี DATA ระยะสั้นบางตัว เริ่มส่งสัญญาณ Divergence ออกมาให้เห็นบ้างแล้ว
หุ้นหลายๆตัว เริ่ม กลับมายืนเหนือ ma22 กันมากขึ้น ในขณะที่ SET50 INDEX ยังไม่ขึ้น
อาทิตย์นี้น่าสนใจ ถ้า ตลาดมีการรีบาวขึ้นมาได้ โอกาส data ระยะยาว กลับตัวได้ อาจจะส่งสัญญาณดี เทรน เดือน ธันวาคม อาจจะกลับขึ้นได้อีกรอบ
รูปแบบฮาร์มอนิก GARTLEY: ทำงานอย่างไร?!รูปแบบฮาร์มอนิก GARTLEY: ทำงานอย่างไร?!
"Gartley" ตามชื่อของมัน ถูกสร้างขึ้นโดย Henry Mackinley Gartley
รูปแบบฮาร์มอนิกอื่นๆ ทั้งหมดเป็นการดัดแปลงจาก Gartley
โครงสร้างประกอบด้วยคลื่น 5 คลื่น:
XA: อาจเป็นการเคลื่อนไหวรุนแรงใดๆ บนแผนภูมิก็ได้ และไม่มีข้อกำหนดเฉพาะใดๆ สำหรับการเคลื่อนไหวนี้เพื่อให้เป็นจุดเริ่มต้นของ Gartley
AB: ตรงข้ามกับการเคลื่อนไหวของ XA และควรอยู่ที่ประมาณ 61.8% ของการเคลื่อนไหว XA
BC: การเคลื่อนไหวของราคาควรตรงข้ามกับการเคลื่อนไหวของ AB และควรอยู่ที่ 38.2% หรือ 88.6% ของการเคลื่อนไหว AB
CD: การเคลื่อนไหวของราคาครั้งล่าสุดตรงข้ามกับ BC และควรอยู่ที่ 127.2% (ส่วนขยาย) ของ CD หาก BC อยู่ที่ 38.2% ของ BC หาก BC อยู่ที่ 88.6% ของ BC CD ควรอยู่ที่ 161.8% (ส่วนขยาย) ของ BC
AD: การเคลื่อนไหวของราคาโดยรวมระหว่าง A และ D ควรอยู่ที่ 78.6% ของ XA
วิธีใช้
จุด D คือจุดที่คุณเข้ามา! นั่นคือสัญญาณการเข้าของคุณ
-หากเป็นรูปแบบ M ให้คุณซื้อ
-หากเป็นรูปแบบ W ให้คุณขาย2
ควรวางจุดตัดขาดทุนไว้ตรงไหน
-ด้านล่างหรือ "X" หากคุณเป็นผู้ซื้อ
-ด้านบน "X" หากคุณเป็นผู้ขาย
เปอร์เซ็นต์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับอัตราส่วน Fibonacci ที่มีชื่อเสียง ซึ่งลึกลับพอๆ กับพีระมิดแห่งอียิปต์!
โดยสรุป รูปแบบ Gartley ก็เหมือนกับซิการ์คิวบาดีๆ หนึ่งชนิด: ต้องใช้ความอดทนและประสบการณ์จึงจะประเมินค่าได้อย่างแท้จริง แต่เมื่อคุณเชี่ยวชาญมันแล้ว มันสามารถกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในคลังอาวุธการซื้อขายของคุณ มีประสิทธิภาพเท่ากับหมัดของ Rocky Balboa!
XAUUSDเอาโซนมาฝากครับ หลังจากเช้านี้เทลงมา 6000 กว่าจุดคิดว่าน่าจะเป็นการเทขายทำกำไรนั้นแหละวันนี้พึ่งเริ่มสัปดาห์วันแรกกราฟยังทำอะไรได้อีกเยอะกว่าจะปิดแท่ง Week ในวันศุกร์ แต่ที่แน่ๆคือแท่ง Week สร้าง PA กลับตัว ไปแล้วสัปดาห์นี้จะเริ่มมองหน้า Buy นะครับเพราะปัจจัยเรื่องรัสเซียและยูเครนมาแรงมาก
**มองว่าชุดนี้เป็นคลื่นพักก็นับคลื่นเอานะครับไม่ยาก**
Block Trade คืออะไร?Block Trade คืออะไร เทรดอย่างไร ?
👯👯👯 สำหรับใคร ที่ชื่นชอบความท้าทาย และต้องการมีรายได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในหุ้น ให้รีบมาอ่านบทความนี้ เพราะหากเราลองเปรียบเทียบ การลงทุนในหุ้นด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆกัน แต่เราสามารถสร้างผลตอบแทนและกำไรได้มากกว่าหลายเท่าตัวด้วย Block trade จะดีกว่ามั้ย มาครับมาตามอ่านกัน
Block Trade คืออะไร?
Block Trade เป็นหนึ่งในบริการที่บริษัทหลักทรัพย์จัดทำให้กับลูกค้าที่มีความต้องการลงทุนใน Single Stock Future (SSF) ซึ่งมีวิธีการซื้อขายแบบจับคู่ซื้อขาย (SSF) ที่ราคา และจำนวนสัญญาที่ตกลงกันไว้ เพื่อช่วยเรื่องสภาพคล่องที่ไม่เพียงพอ
Single Stock Futures (SSF) แรกเริ่มเดิมที คือ การซื้อขายสัญญา Futures ของหุ้นอ้างอิงที่เราสนใจนั่นเอง โดยมากแล้วหุ้นอ้างอิงเหล่านี้มักจะเป็นสมาชิกของ SET50 ซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วบวกเพิ่มเข้าไปกับหุ้น SET100 อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว ปัจจุบันมีทั้งหมด 69 หุ้นอ้างอิงที่เราสามารถเลือกซื้อขาย Long-Short โดยใช้ Single Stock Futures เป็นตัวช่วยในการเพิ่มอัตราทดให้พอร์ตการลงทุนของเราได้
แต่การซื้อขาย SSF กลับไม่ราบรื่นเท่าที่ควร เหตุก็เพราะว่าผู้เล่นในสนามนี้โดยมากแล้วจะเป็นนักลงทุนทั่วไป ที่มาตั้งซื้อ-ขายกันเอง ทำให้ “สภาพคล่อง” ของสินค้าชนิดนี้น้อย เป็นผลให้นักลงทุนไม่สามารถซื้อขายกันได้อย่างสะดวก ด้วยเหตุนี้เองทำให้ SSF ได้รับความนิยมน้อย และนักลงทุนไม่ให้ความสนใจมากนักเนื่องจากปัญหาสภาพคล่องที่ต่ำ
จนกระทั่งเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทหลักทรัพย์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นผู้เพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด SSF วิธีการคือบริษัทหลักทรัพย์เหล่านี้จะทำตัวเป็นคู่สัญญาให้กับผู้ซื้อทุกคน โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ซื้อจะต้องซื้อจำนวนสัญญา SSF เป็นจำนวนขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่มีกำหนดขึ้นมาจากตลาดหลักทรัพย์
การจับคู่สัญญาของผู้ซื้อ และบริษัทหลักทรัพย์นี้เองที่เรียกว่า “BLOCK TRADE”
โดยที่หากผู้เล่นต้องการเปิด สถานะ LONG บริษัทหลักทรัพย์ก็จะมารับเป็นคู่สัญญาเปิด สถานะ SHORT ทำให้ออเดอร์ทั้งสองฝั่งแมทช์กันได้
ดังนั้น ในกรณีที่ราคาหุ้นขยับขึ้นไป ผู้เล่นก็จะมีกำไร และทางบริษัทหลักทรัพย์คู่สัญญาตรงข้ามก็จะต้องรับขาดทุนไปด้วย แต่บริษัทหลักทรัพย์ไม่ต้องการเปิดความเสี่ยงตรงนี้จุดนี้ จึงใช้วิธีป้องกันความเสี่ยง โดยการเข้าไปซื้อ “หุ้นจริงบนกระดาน” เอาไว้เท่ากับจำนวนที่เป็นคู่สัญญาให้กับผู้เล่น เพราะฉะนั้นแล้วบริษัทหลักทรัพย์ก็จะ “ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย” จากการเป็นคู่สัญญากับนักลงทุน เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้นักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากอัตราทดของสินค้านี้ได้
ตัวอย่างขั้นตอนการทำ Block Trade (ตัวเลขสมมติ)
- ผู้เล่นติดต่อมาร์เกตติ้งส่วนตัวเพื่อขอทำ Block Trade หุ้น CBG 1 แสนหุ้น
- มาร์เกตติ้งส่งคำสั่งเปิด long CBG 100 สัญญา ถึงบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นคู่สัญญา
- บริษัทหลักทรัพย์ทำการซื้อหุ้น CBG 100,000 หุ้นจากบนกระดานหลักเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงตามที่ได้กล่าวไปด้านบน
- ลูกค้ามีสถานะ long CBG 100 สัญญา หรือเทียบเท่ากับมีหุ้น CBG 100,000 หุ้น
*** เหตุการณ์ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น ***
หลังจากที่มีโบรคเกอร์เข้ามาเป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมนี้แล้ว ปริมาณการเทรด SSF จึงโตขึ้นถึง 10 เท่าตัว จากเดิมที่มีการซื้อขาย SSF เฉลี่ย 10,000 สัญญา ต่อวัน เขยิบขึ้นมาที่ราวๆ 80,000 สัญญาต่อวัน ซึ่งในวันที่มีการเทรดกันคึกคักสุดๆ จำนวนสัญญาเคยขึ้นไปสูงถึง 150,000 สัญญาต่อวันเลยทีเดียว
ทำไมผู้เล่นถึงเข้ามาเทรด Block Trade กันมากมายขนาดนี้ !!?
1. หุ้นที่สามารถทำ Block Trade ได้นั้น โดยมากจะเป็นหุ้นใน SET50 และ SET100
2. เลือกทิศทางได้ทั้งในฝั่ง LONG และ SHORT เพราะฉะนั้น ไม่ว่าตลาดจะเป็นขาขึ้น,ขาลง หรือแม้แต่ไซด์เวย์ ก็มีโอกาสให้กับผู้เล่นอยู่เสมอ
3. การทำ Block Trade ใช้เงินน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อหุ้นในตลาด
👽👽👽 เป็นอย่างไรกันบ้างครับพอจะเริ่มเป็นแนวทางในการหาเงินหรือกำไรเพิ่มขึ้นมั้ยครับ แอดว่ามันเข้าท่าดีนะครับ สำหรับคนที่มีเงินทุนน้อย และชอบเทรดในตลาดหุ้นที่มีทั้ง short และ long บอกเลยว่ามันได้ฟิลดีเหมือนกันนะเออ
แล้วอย่าลืม หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
EP07:จาก Adaptive.Simple/Simple สู่ Quantitative Strategy ต่อไปการพัฒนา Quantitative Strategy บน TradingView เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ใช้ตัวเลขและสถิติมาช่วยในการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น การคำนวณผลตอบแทน ความเสี่ยง หรือการวิเคราะห์เชิงปริมาณผ่าน Pine Script ซึ่งเป็นภาษาสำหรับเขียนโค้ดที่ TradingView ใช้ โดยสามารถทำได้ดังนี้:
1. เริ่มต้นเขียน Quantitative Strategy บน Pine Script Strategy
2. เพิ่มการคำนวณเชิง Quantitative
- Sharpe Ratio : ใช้วัดผลตอบแทนต่อความเสี่ยง
- Drawdown : เพื่อดูช่วงขาดทุนสูงสุดของกลยุทธ์
- Optimization : ปรับค่าพารามิเตอร์ให้เหมาะสมที่สุด
3. ทดสอบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ ใช้ Strategy Tester บน TradingView เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ เช่น:
- Profit Factor
- Win Rate
- Net Profit
ทดสอบบนข้อมูลย้อนหลัง (Backtest) และทดลองปรับค่าต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับตลาด
4. ใช้ข้อมูล Quantitative ที่ลึกขึ้น สำหรับการวิเคราะห์ Quantitative ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น สามารถนำข้อมูลจากภายนอก เช่น Python หรือ R มาช่วยวิเคราะห์เชิงลึก แล้วกลับมาใช้ Pine Script เพื่อประมวลผลบนกราฟได้
ดังนั้นบทต่อไปจากการขิงความง่ายๆจะเป็นการขิงความยากครับ 55555 ขิงเกิ้น...
1. องค์ประกอบของระบบ Quantitative
1.1 Data Collection
ใช้ Pine Script ดึงข้อมูลราคา เช่น Open, High, Low, Close (OHLC) หรือข้อมูล Volume
คำนวณตัวชี้วัดเชิงลึก เช่น ATR, RSI, หรือ Beta ของหุ้น (สินทรัพย์นั้นๆ)
1.2 Quantitative Indicators
ใช้ตัวชี้วัดทางสถิติ เช่น:
- ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average)
- ความผันผวน (Volatility)
- การแจกแจงความถี่ (Probability Distribution)
1.3 Risk Management
วางระบบจัดการความเสี่ยง เช่น:
- กำหนด Risk per Trade
- การตั้ง Stop Loss และ Take Profit
- วัด Maximum Drawdown
1.4 Performance Metrics
สร้างตัวชี้วัดเพื่อประเมินผล เช่น:
- Sharpe Ratio
- Sortino Ratio
- Calmar Ratio
2. ตัวอย่างระบบ Quantitative เชิงลึก
2.1 โครงสร้างพื้นฐาน
เริ่มต้นด้วยโค้ดระบบที่รวมเอาส่วนประกอบทั้งหมด:
3. การวิเคราะห์และขยายระบบ
3.1 Multi-Timeframe Analysis
รวมข้อมูลจากหลาย Timeframe เช่น การใช้ข้อมูล Daily ควบคู่กับ 1 Hour เพื่อเพิ่มความแม่นยำ:
3.2 Machine Learning Integration
นำผลลัพธ์ของ Pine Script ส่งออกไปยัง Python ผ่าน Webhook หรือ API เพื่อปรับปรุงโมเดลด้วย Machine Learning เช่น Decision Trees หรือ Neural Networks
3.3 Portfolio Optimization
สร้างระบบที่สามารถจัดการพอร์ตการลงทุนแบบ Dynamic โดยใช้หลักการ Quantitative เช่น Markowitz Portfolio Theory หรือ Risk Parity
4. การจัดการ Backtesting เชิงลึก
ใช้ Strategy Tester ของ TradingView เพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์
วัดผลบนข้อมูลหลายช่วงเวลา (Walk-Forward Analysis)
ใช้ Monte Carlo Simulation เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของกลยุทธ์
5. สร้างอินดิเคเตอร์เฉพาะตัว (Custom Indicators)
XAUUSDปัจจัยส่งราคาแรงมากนะครับ ตอนนี้เริ่มทำกรอบชัดเจนแแล้วเป็นอัพเทรนแชลแนลโดยมีแนวฐานราคาใหม่ที่ 2620 แปลว่าเค้าไม่ควรหลุดหากจะไหลขึ้นต่อเรื่อยๆ ใครมีไม้รันมาก็ให้ใช้จุดนี้เป็นจุดกันทุนใหม่ได้เลย โดยแผนหลังจากนี้จะเป็นการหลุด Swing Low เล็กแล้วดึงกลับก็ค่อย Buy ไม่ต้องรอ Demand เหมือนเดิมเพราะการวิ่งแบบนี้จะไม่มาที่ Demand นะครับแค่กวาด SL แล้วขึ้นต่อเรื่อยๆ ให้ระวังเวลาราคาเข้าใกล้กรอบบนให้รอเค้าย่อค่อยหาจังหวะเทรดใหม่
เทคนิคคอล
-Hidden Base จุดนี้มองว่าย่อได้ลึกสุดนะครับและไม่ควรหลุดด้วย
-Demand H4 เป็นแนวฐานราคาใหม่หรือโครงสร้างราคาขาขึ้นใน H1 และ H4
-Swing Low ที่มีเส้นขีดให้มองเป็นจุด Liquidity รอเค้ากวาดจุดพวกนี้แล้วดึงกลับเพื่อพิจารณาเข้าออเดอร์
"GBP/JPY พุ่งแรง! ทะลุ 196.00 ก่อนเผยตัวเลข CPI สหราชอาณาจักร"**GBP/JPY พุ่งทะยานเหนือระดับกลาง 196.00 แตะจุดสูงสุดรายสัปดาห์ใหม่ก่อนการเปิดเผยตัวเลข CPI ของสหราชอาณาจักร**
📈 *GBP/JPY ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งเดือนเมื่อวันอังคาร ท่ามกลางการขาย JPY ที่กลับมาอีกครั้ง*
🌍 *ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ลดลง ประกอบกับความไม่แน่นอนของ BoJ กดดันค่าเงินเยน (JPY)*
💡 *การวิเคราะห์ทางเทคนิคแนะนำให้ระมัดระวังสำหรับนักลงทุนฝั่งซื้อ ก่อนการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อผู้บริโภคของสหราชอาณาจักร*
คู่เงิน **GBP/JPY** ยังคงแรง rebound จากระดับ 193.60-193.55 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม และยังคงเพิ่มแรงดึงดูดเชิงบวกต่อเนื่องเป็นวันที่สามในวันพุธ การฟื้นตัวนี้ส่งผลให้ราคาสปอตทะยานเหนือระดับกลาง 196.00 ในช่วงตลาดเอเชีย โดยได้รับแรงหนุนจากแรงขายใหม่ในฝั่งเงินเยน (JPY) 😲📊
💬 *คำแถลงจากเจ้าหน้าที่รัสเซียและสหรัฐฯ ช่วยบรรเทาความกังวลของตลาดเกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์อย่างเต็มรูปแบบ* อีกทั้ง *ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินเพิ่มเติมของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BoJ)* กดดันค่าเงินเยนที่ถือว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย 😅✨ ในขณะเดียวกัน *ความคาดหวังที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหราชอาณาจักรอาจกระตุ้นแรงกดดันเงินเฟ้อ* และชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (BoE) ส่งผลให้เงินปอนด์ (GBP) ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติม 💷💪
🔍 *อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ว่าทางการญี่ปุ่นอาจเข้ามาแทรกแซงตลาด FX เพื่อหนุนค่าเงินเยน รวมถึงความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ อาจทำให้นักลงทุนฝั่งขาย JPY ยับยั้งการลงเดิมพันที่รุนแรง* นักลงทุนยังอาจเลือกที่จะรอข้อมูลเงินเฟ้อผู้บริโภคล่าสุดของสหราชอาณาจักรก่อนตัดสินใจวางเดิมพันเชิงทิศทางอย่างจริงจัง 🎯📉
**มุมมองทางเทคนิค**
จากมุมมองทางเทคนิค คู่เงิน **GBP/JPY** แสดงความแข็งแกร่งที่ระดับต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (SMA) ในวันอังคารที่ผ่านมา และแรงซื้อที่เกิดขึ้นตามมาช่วยเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุนฝั่งซื้อ ✨📈 นอกจากนี้ เครื่องมือ Oscillators ในกราฟรายวันเริ่มฟื้นตัวจากระดับต่ำ แต่ยังไม่ยืนยันแนวโน้มเชิงบวก 📊
- หากราคาสามารถทะลุระดับ **197.00** ได้สำเร็จ อาจเผชิญแรงต้านสำคัญที่โซน **197.70-197.80**
- การซื้อที่ตามมาทะลุระดับ **198.00** อาจเป็นการเปิดทางสำหรับกำไรระยะสั้นเพิ่มเติม 🚀💹
ในทางกลับกัน ระดับ **196.00** ดูเหมือนจะเป็นแนวรับสำคัญทันที ซึ่งหากหลุดไป ราคาคู่อาจลดลงไปที่แนวรับ **195.40-195.35** และต่ำกว่าระดับ **195.00** ซึ่งเป็นจุดสำคัญของเส้น SMA 200 วัน การหลุดระดับนี้อาจดึงราคากลับไปยังจุดต่ำสุดของวันก่อนหน้าใกล้โซน **193.60-193.55** โดยมีแนวรับระหว่างทางใกล้ระดับ **194.00** 🎯📉
#GBPJPY #คู่เงิน #เงินเยน #เงินปอนด์ #CPI #วิเคราะห์กราฟ #ตลาดการเงิน #เทรดเดอร์
**"EUR/USD ใกล้โซนวิกฤต ลุ้นทะลุแนวต้านหรือดิ่งลงต่อ"**### **การวิเคราะห์ EUR/USD อย่างละเอียดและรอบด้าน**
---
### **1. การวิเคราะห์ Fibonacci Retracement และแนวโน้มระยะยาว**
- **โซนสำคัญ (Key Levels)**:
- แนวรับ: **1.01475 (Fibonacci 0.786)** และ **1.04515 (Fibonacci 0.618)** เป็นจุดที่ราคามีแนวโน้มดีดกลับจากแรงซื้อ (Demand Zone) หากราคาลงมาทดสอบ.
- แนวต้าน: **1.06803 (Fibonacci 0.382)** และ **1.08465 (Fibonacci 0.236)** เป็นจุดที่ราคามีแนวโน้มเผชิญแรงขาย (Supply Zone) หากราคาฟื้นตัวขึ้น.
- **การตีความ**:
- หากราคาทะลุแนวต้านที่ 1.06803 อาจพุ่งต่อเนื่องไปยังโซน 1.08465.
- หากราคาหลุดแนวรับ 1.05982 อาจปรับตัวลงไปยังระดับ 1.04515 หรือ 1.02478.
---
### **2. การวิเคราะห์แนวโน้มด้วยเส้น EMA**
- **EMA 20/50/100/200**:
- EMA 200 อยู่ด้านบนของกราฟ บ่งบอกว่าแนวโน้มระยะยาวยังเป็นขาลงที่ชัดเจน.
- ราคาปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า EMA 20 และ 50 แสดงถึงโมเมนตัมขาลงที่ยังไม่หมด.
- **กลยุทธ์**:
- หากราคายืนเหนือ EMA 20 ได้อีกครั้ง อาจบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวในระยะสั้น.
- หากราคายังอยู่ต่ำกว่า EMA 50 ให้พิจารณาตามแนวโน้มขาลงต่อไป.
---
### **3. การวิเคราะห์พฤติกรรมตลาด (RSI และ MACD)**
- **RSI (Relative Strength Index)**:
- RSI อยู่ที่ **35.85** ใกล้โซน Oversold แสดงถึงแรงขายที่เริ่มอ่อนแรง.
- หาก RSI ลงไปต่ำกว่า 30 จะเป็นสัญญาณ Oversold ที่ชัดเจน และอาจเกิดการดีดกลับของราคา.
- **MACD (Moving Average Convergence Divergence)**:
- เส้น MACD ยังคงต่ำกว่าเส้น Signal Line และอยู่ในแดนลบ แสดงถึงโมเมนตัมขาลงที่ยังเด่นชัด.
- หากเกิด Bullish Divergence (MACD เริ่มกลับขึ้นขณะที่ราคายังลง) จะเป็นสัญญาณกลับตัวที่น่าเชื่อถือ.
---
### **4. การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ (Chart Patterns)**
#### **Descending Triangle**:
- **ลักษณะของกราฟ**:
- ราคาสร้างรูปแบบสามเหลี่ยมลู่ลง (Descending Triangle) โดยมีแนวรับที่ 1.05982 และแนวต้านลาดลง.
- รูปแบบนี้มักเป็นสัญญาณของการ Breakout ขาลง หากราคาหลุดแนวรับ.
- **โอกาส**:
- หากราคาหลุดแนวรับที่ 1.05982 อาจปรับตัวลงต่อไปยังเป้าหมายที่ 1.04515 หรือ 1.02478.
- หากราคาทะลุแนวต้านด้านบนของสามเหลี่ยม อาจฟื้นตัวขึ้นสู่ 1.08465.
#### **Descending Channel**:
- ราคากำลังเคลื่อนที่ใน **Descending Channel**:
- ขอบล่างของ Channel ใกล้ 1.04515 อาจเป็นจุดดีดกลับ (Rebound Zone).
- ขอบบนของ Channel ใกล้ 1.08700 เป็นแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตา.
---
### **5. การวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns)**
- **Bearish Engulfing**:
- รูปแบบแท่งเทียนขาลงที่กลืนแท่งก่อนหน้า (Bearish Engulfing) บ่งบอกถึงแรงขายเด่นชัดในแนวต้าน.
- **Doji Candlestick**:
- การเกิด Doji ในโซนสำคัญ เช่น Fibonacci 0.618 อาจสะท้อนการลังเลของตลาดและการพักฐาน.
---
### **6. Harmonic Patterns**
- **Gartley Pattern**:
- หากราคาย่อตัวลงไปที่โซน 1.04515 (Fibonacci 78.6%) และเด้งกลับ จะยืนยันการสร้าง Bullish Gartley Pattern.
- หากราคาหลุดต่ำกว่า 1.04515 และแตะ 1.02478 (Fibonacci 88.6%) โอกาสเด้งกลับมีสูง.
---
### **7. การวิเคราะห์โซนอุปสงค์-อุปทาน (Supply and Demand Zones)**
- **Demand Zones**:
- โซน 1.04515 และ 1.02478 เป็นจุดที่ราคามีโอกาสเด้งกลับจากแรงซื้อ.
- **Supply Zones**:
- โซน 1.08773 เป็นพื้นที่ที่แรงขายมีโอกาสเกิดขึ้นมาก หากราคาฟื้นตัวขึ้นมา.
---
### **สรุปแผนการเทรด**
1. **กลยุทธ์ขาลง (Bearish Strategy)**:
- หากราคาหลุดแนว 1.05982:
- Short ที่บริเวณนี้ ตั้งเป้าหมายที่ 1.04515.
- ติดตาม RSI และ MACD เพื่อยืนยันโมเมนตัมขาลง.
2. **กลยุทธ์ขาขึ้น (Bullish Strategy)**:
- หากราคายืนเหนือ 1.06803:
- Buy ที่บริเวณนี้ ตั้งเป้าหมายที่ 1.08465.
- ใช้ RSI และรูปแบบแท่งเทียนเพื่อคอนเฟิร์ม.
3. **เฝ้าดูพฤติกรรมราคา**:
- หากราคาลงมาทดสอบโซน Demand (1.04515 หรือ 1.02478) พร้อมเกิด Bullish Candlestick เช่น Hammer หรือ Bullish Engulfing ให้มองหาจังหวะเข้าซื้อ.
4. **การบริหารความเสี่ยง**:
- ใช้ Stop Loss ที่ต่ำกว่า Demand Zone สำหรับการตั้งสถานะซื้อ และเหนือ Supply Zone สำหรับการตั้งสถานะขาย.
- ใช้ Trailing Stop เพื่อรักษากำไรหากราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่คาดหวัง.
---
**หมายเหตุ**: ควรติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยหรือดัชนีเศรษฐกิจที่สำคัญ เพื่อปรับแผนการเทรดให้สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน. 📊📈📉






















