รูปแบบฮาร์มอนิก GARTLEY: ทำงานอย่างไร?!รูปแบบฮาร์มอนิก GARTLEY: ทำงานอย่างไร?!
"Gartley" ตามชื่อของมัน ถูกสร้างขึ้นโดย Henry Mackinley Gartley
รูปแบบฮาร์มอนิกอื่นๆ ทั้งหมดเป็นการดัดแปลงจาก Gartley
โครงสร้างประกอบด้วยคลื่น 5 คลื่น:
XA: อาจเป็นการเคลื่อนไหวรุนแรงใดๆ บนแผนภูมิก็ได้ และไม่มีข้อกำหนดเฉพาะใดๆ สำหรับการเคลื่อนไหวนี้เพื่อให้เป็นจุดเริ่มต้นของ Gartley
AB: ตรงข้ามกับการเคลื่อนไหวของ XA และควรอยู่ที่ประมาณ 61.8% ของการเคลื่อนไหว XA
BC: การเคลื่อนไหวของราคาควรตรงข้ามกับการเคลื่อนไหวของ AB และควรอยู่ที่ 38.2% หรือ 88.6% ของการเคลื่อนไหว AB
CD: การเคลื่อนไหวของราคาครั้งล่าสุดตรงข้ามกับ BC และควรอยู่ที่ 127.2% (ส่วนขยาย) ของ CD หาก BC อยู่ที่ 38.2% ของ BC หาก BC อยู่ที่ 88.6% ของ BC CD ควรอยู่ที่ 161.8% (ส่วนขยาย) ของ BC
AD: การเคลื่อนไหวของราคาโดยรวมระหว่าง A และ D ควรอยู่ที่ 78.6% ของ XA
วิธีใช้
จุด D คือจุดที่คุณเข้ามา! นั่นคือสัญญาณการเข้าของคุณ
-หากเป็นรูปแบบ M ให้คุณซื้อ
-หากเป็นรูปแบบ W ให้คุณขาย2
ควรวางจุดตัดขาดทุนไว้ตรงไหน
-ด้านล่างหรือ "X" หากคุณเป็นผู้ซื้อ
-ด้านบน "X" หากคุณเป็นผู้ขาย
เปอร์เซ็นต์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับอัตราส่วน Fibonacci ที่มีชื่อเสียง ซึ่งลึกลับพอๆ กับพีระมิดแห่งอียิปต์!
โดยสรุป รูปแบบ Gartley ก็เหมือนกับซิการ์คิวบาดีๆ หนึ่งชนิด: ต้องใช้ความอดทนและประสบการณ์จึงจะประเมินค่าได้อย่างแท้จริง แต่เมื่อคุณเชี่ยวชาญมันแล้ว มันสามารถกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในคลังอาวุธการซื้อขายของคุณ มีประสิทธิภาพเท่ากับหมัดของ Rocky Balboa!
รูปแบบฮาร์โมนิค
โครงสร้างของ Three Hills and a Mountain**Three Hills and a Mountain Pattern** เป็นรูปแบบกราฟราคาที่ใช้ใน **การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)** โดยส่วนใหญ่มักปรากฏในตลาดที่มีความผันผวนสูง เช่น ตลาดคริปโต (Cryptocurrency) ซึ่งสามารถใช้ระบุจุดกลับตัวหรือแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นได้ รูปแบบนี้ประกอบด้วย:
### โครงสร้างของ Three Hills and a Mountain
1. **Three Hills (เนินสามลูก)**
- กราฟแสดงการขึ้นและลงของราคาที่มีลักษณะเป็นยอดเขาสามลูกติดกัน
- เนินเหล่านี้อาจมีระดับสูงที่ใกล้เคียงกันหรือค่อยๆ ลดลง/เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
- แต่ละยอดอาจเกิดจากแรงขายหรือแรงซื้อที่ลดลงอย่างช้าๆ
2. **A Mountain (ภูเขาใหญ่)**
- ราคาทำการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมักเป็นภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในรูปแบบ
- หลังจากนี้จะเกิดการกลับตัวของราคา (reversal)
### ตัวอย่างการตีความ
- ในแง่ **ขาขึ้น**: รูปแบบนี้อาจสะท้อนแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อถึงภูเขาใหญ่ จะมีแรงขายออกมาในปริมาณมาก
- ในแง่ **ขาลง**: หากภูเขาใหญ่เกิดหลังจากขาลง และราคากลับตัวไปทางขึ้น อาจแสดงถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาลง
---
### ตัวอย่างในกราฟเหรียญ ETH
สมมติว่า ETH มีราคาต่อเนื่องดังนี้:
1. **ช่วงต้น (Three Hills):**
- Hill 1: ราคาขึ้นไปแตะ $1,900 แล้วปรับลงมา $1,850
- Hill 2: ราคาขึ้นไปแตะ $1,910 แต่ปรับลงมา $1,860
- Hill 3: ราคาขึ้นไปแตะ $1,920 แล้วลงมาที่ $1,870
2. **ช่วงภูเขาใหญ่ (The Mountain):**
- ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วไปแตะ $2,000
- หลังจากนั้นปรับฐานลงมาที่ $1,850
---
### การวิเคราะห์
1. **กรณี Bullish (แนวโน้มขึ้น):**
- หากหลังจากปรับฐานลงมาที่ $1,850 แล้วราคากลับตัวขึ้นใหม่ เช่น ทะลุ $2,000 อาจแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
2. **กรณี Bearish (แนวโน้มลง):**
- หากราคาปรับตัวต่ำกว่า $1,850 ต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณว่าผู้ขายเริ่มควบคุมตลาด
---
### เคล็ดลับในการใช้:
1. ยืนยันด้วย **อินดิเคเตอร์** อื่นๆ เช่น RSI, MACD หรือ Volume เพื่อดูว่าการกลับตัวนั้นแข็งแรงหรือไม่
2. ใช้การตั้ง Stop-loss เพื่อจัดการความเสี่ยง เนื่องจากตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง
**Three Hills and a Mountain Pattern** ร่วมกับ **Fibonacci Retracement** สามารถวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ Fibonacci เพื่อระบุจุดเข้าและออกจากตลาดอย่างแม่นยำ เราจะพิจารณาโครงสร้างและแนวทางตามทฤษฎีดังนี้:
---
### **โครงสร้างตามทฤษฎี Three Hills and a Mountain**
1. **Three Hills**
- กราฟสร้างยอด 3 ลูก โดยอาจมีระดับสูงที่ใกล้เคียงกันหรือปรับขึ้นลงเล็กน้อย
- มักแสดงถึงการปรับฐานระหว่างแนวโน้ม
2. **The Mountain**
- ราคาพุ่งขึ้น (หรือร่วงลง) อย่างรวดเร็ว เป็นยอดใหญ่ที่สุด
- หลังจากนั้นจะเกิดการปรับฐานอย่างมีนัยสำคัญ
---
### **การใช้งาน Fibonacci กับ Three Hills and a Mountain**
1. **ระบุจุดสำคัญ:**
- ใช้ Fibonacci Retracement จากจุดต่ำสุดของเทรนด์ก่อนหน้า (Swing Low) ไปยังจุดสูงสุดของภูเขาใหญ่ (Swing High)
- ระดับ Fibonacci สำคัญที่ต้องจับตา:
- **0.236 (23.6%)**: การพักฐานเล็กน้อย
- **0.382 (38.2%) และ 0.5 (50%)**: จุดปรับฐานปานกลาง
- **0.618 (61.8%)**: จุดปรับฐานสำคัญที่มักเป็นโซนกลับตัว
- **0.786 (78.6%)**: สัญญาณแนวโน้มเปลี่ยน
2. **จุดเข้า (Entry Point):**
- หากราคาแตะระดับ **0.618** หรือใกล้เคียง พร้อมมีสัญญาณยืนยัน (เช่น RSI Oversold หรือ Divergence)
- เข้าเมื่อราคากลับขึ้นเหนือระดับ 0.618 หรือ 0.786
3. **จุดออก (Exit Point):**
- ใช้ Fibonacci Extension เพื่อคาดการณ์เป้าหมาย:
- **1.618 (161.8%)** หรือ **2.0 (200%)** มักเป็นจุดทำกำไรในขาขึ้น
- หากราคาไม่สามารถทะลุระดับ 1.0 เดิมได้ อาจเลือกปิดส่วนหนึ่งที่ระดับ 0.618
---
### **ตัวอย่างกราฟ ETH ตาม Fibonacci**
1. **ช่วง Three Hills:**
- Hill 1: ราคาแตะ $1,900
- Hill 2: ราคาแตะ $1,910
- Hill 3: ราคาแตะ $1,920
- Swing Low: $1,850
2. **The Mountain:**
- ราคาเด้งขึ้นไปแตะ $2,050 (Swing High)
3. **การปรับฐาน:**
- ราคาเริ่มปรับลง: ใช้ Fibonacci Retracement จาก $1,850 ถึง $2,050
- ระดับที่พบ:
- **0.382 (38.2%)**: $1,960
- **0.618 (61.8%)**: $1,920
4. **กลยุทธ์การเข้าออก:**
- หากราคาปรับตัวลงใกล้ $1,920 (0.618) และ RSI แสดง Oversold → **จุดเข้า Buy**
- เป้าหมายการทำกำไรที่ $2,100 (1.618) หรือ $2,200 (2.0)
---
### **สรุปจุดเข้าและออก**
- **จุดเข้า:** เมื่อราคากลับขึ้นเหนือระดับ 0.618 ($1,920)
- **จุดออกระยะสั้น:** $2,050 (ระดับเดิม)
- **จุดออกระยะยาว:** $2,100 (Fibo 1.618) หรือ $2,200 (Fibo 2.0)
วิเคราะห์โอกาสหมดตัว ด้วย money and Time FrameCredit :ส่วนนึงนำมาจากช่อง cwayinvestment ยูทูป
- IM ของ S50 futures คือ 6860 บาท ต่อ 1 สัญญา
หมายความว่า ถ้าวางเงิน 6860 บาท แล้วเรามองว่าน่า Short ถ้าตลาด ลงจริง เราก็ได้ pay off ต้องมากกว่า 1 จุดเพราะ ว่าหักค่า comm ถึงได้กำไรเช่น 920 ลงมา 919 ยังไม่ได้กำไร จะได้กำไรต่อเมื่อต่ำกว่า 919
- ถ้าตลาดไปผิดทางที่เราคาล่ะ ก็จะขาดทุน จนถึง MM ก็ต้องเอาเงินมาเติมให้ครบ IM เช่น MM อยู่ที่ 3440 แล้ว พอร์ทเราต่ำกว่า MM เราควรนำเงินมาเติมให้กลับไปที่ IM เพื่อความปลอดภัยไม่ถูกปิดสัญญา
- จากบทวามข้างต้น การวางเงิน ที่ IM ไม่ฉลาด เพราะ พอร์ตไม่มั่นคง ทำให่อารมณ์เราไม่มั่นคง อ่อนไหวง่ายเมื่อตลาดผิดทาง
- Professional เขาจะวางมากกว่า ปรมะณ 3 เท่าหรือต่ำกว่า เพื่อกันราคาสะบัด ลองคิดดูว่าวันนึงสะบัดไป 50 จุดแล้วเราผิดทางทั้ง 50 จุด หมายความว่า เราขาด 10,000 ต่อหนึ่งสัญญา
- มูลค่าของ Set50 นำตัวคูณ 200 มา คูณราคาปัจจุบัน สมมติว่า 900 จุด แสดงว่า Set50มีมูลค่า 180,000 บาท เราวางเิงน 180,000 บาทต่อ 1 สัญญา ความเสี่ยงในการโดนราคาสะบัดจะหายไปทันทีเพราะ ไม่มีทางสะบัดเหลือ 0
- Timeframe มาเกี่ยวอะไร เราให้ TF เพื่อดูการสะบัดของราคา ถ้าเราวางเงินเยอะ เราสามารถใช้ TF ใหญ่ได้ลดความผันผวนทางอารมณ์ สำหรับขา Long
- แต่ถ้าเราวางต่ำมาก ๆ แล้วเรายังไม่คุ้นกับนิสัย S50 แฟนของเรา ซึ่งอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เราจะเสี่ยงมากในการ ปิดๆเปิดๆ สัญญา แล้วค่า comm ก็จะเสียไป สรุปเดือนนึง ค่า comm แพงกว่าขาดทุนจาก futures
รูปแบบกราฟ Cypher Patternรูปแบบกราฟ Cypher Pattern
👽👽👽 มากันอีกแล้ว กลับมากันอีกแล้วกับบทความดีๆ และเทคนิคการวิเคราะห์รูปแบบกราฟจากแพทเทรินต่างๆ เพื่อให้เราเทรดกันได้ง่ายขึ้น วันนี้เรามาทำความรู้จักกันกับ Cypher Pattern แพทเทรินที่มาเร็วเคลมเร็ว เหมาะกับสายสไนเปอร์ และสาย Scalping สุดๆ ตามมาอ่านกันต่อได้เลยครับ
รูปแบบกราฟ Cypher Pattern
เป็นรูปแบบที่ได้มาจากทฤษฎี Harmonic Pattern ที่เกิดบ่อยในช่วงตลาดผันผวน เหมาะมากครับกับเทรดเดอร์สายทองคำ ที่ชื่นชอบการเทรด Scalping หรือ สไนเปอร์ เทรดสั้น เข้าเร็วออกเร็ว ด้วยเทคนิคการเทรดของรูปแบบนี้ ทำให้ผลลัพธ์ RR สูงถึง 2-3 เท่า เหมาะกับพอร์ตที่ต้องการการเติบโตแบบรวดเร็ว
เป็นรูปแบบการเทรดที่เหมาะกับตลาดที่มีการเหวี่ยงแรง ๆ เช่น Forex ทอง น้ำมัน ใช้ได้ทั้งขาขึ้นและขาลง โดยกราฟมีลักษณะการเคลื่อนที่ไปตามแนวโน้ม แต่มีราคาผลักให้เหวียงกลับจนกระทั่งหลุดแนวรับหรือแนวต้านอย่างรุนแรง จุดนี้แหละฮะ ที่เราควรเข้าทำกำไรกัน
ลักษณะรูปแบบกราฟ Cypher Pattern
เป็นแพทเทร์นที่มี 4 ขา ดีดเลยหัวแต่หางไม่เลยฐาน คล้ายกับการเคลื่อนที่ตามแนวโน้มปกติ แต่ย่อลึกหลุดแนวรับหรือแนวต้าน มีความแม่นยำสูงถึง 75%
การสร้างรูปแบบ Bullish Cypher
Bullish Cypher สัญญาณในการเข้า Buy
เกิดขึ้นจากการหมดแนวโน้มจากขาลง และกำลังจะกลับตัวเป็นขาขึ้น หรือจะเกิดในช่วงพักตัวของแนวโน้มขาขึ้น กลับตัวจากแนวโน้มย่อยเพื่อที่จะขึ้นต่อ โดยมีโครงสร้างเริ่มต้นจาก X ตามด้วย ABCD
โดย AB จะพักตัว 38.2-61.8% ของ XA และ BC จะยืดออกอยู่ที่ 127-138.2% ของ AB และจุดกลับตัว PRZ จะอยู่ที่ 127-200% ของ BC และ 78.6% ของ XA คือจุด D
👉 จุดเข้า Buy PRZ จะอยู่ที่ 127-200% ของ BC และ 78.6 ของ XA
👉 Stop Loss เลยหัว X ไป 5-10 pip
👉 Target TP1 ที่ 38.2% ของ CD และ TP28% ของ CD
การสร้างรูปแบบ Bearish Cypher Pattern
Barish Cypher สัญญาณในการเข้า Sell
เกิดขึ้นจากการหมดแนวโน้ม จากขาขึ้นและกำลังจะกลับตัวเป็นขาลง หรือจะเกิดในช่วงพักตัวของแนวโน้มขาลง กลับตัวจากแนวโน้มย่อยเพื่อที่จะลงต่อ โดยมีโครงสร้างเริ่มต้นจาก X ตามด้วย ABCD
โดย AB จะพักตัว 38.2-61.8% ของ XA และ BC จะยืดออกอยู่ที่ 127-138.2% ของ AB และจุดกลับตัว PRZ จะอยู่ที่ 127-200% ของ BC และ 78.6% ของ XA คือจุด D
👉 จุดเข้า Sell PRZ จะอยู่ที่ 127-200% ของ BC และ 78.6% ของ XA
👉 Stop Loss เลยหัว X ไป 5-10 pip
👉 Target TP1 ที่ 38.2% ของ CD และ TP28% ของ CD
ทริคและการเข้าเทรดแบบย่อๆ
1. แพทเทิร์นนี้จะทำกำไรได้สั้นหรือยาว อยู่ที่ TF เป็นหลัก ยิ่ง TF ใหญ่ กำไรก็จะยิ่งมากและยาวมากขึ้น
2.แพทเทรินนี้ เหมาะมากครับสำหรับการทำกำไรในตลาด Forex โดยเฉพาะการเทรดทองคำ เพราะมีความแม่นยำสูง และสามารถเก็บ RR ได้สูงเช่นกัน
3. ใช้ควบคู่กับระบบหรือสัญญาณ แท่งเทียน ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับระบบ
4. ใช้ Fibonacci ในการตรวจเช็คสัดส่วน ว่าเป็นไปตามทฤษฎีหรือไม่ ก่อนที่จะทำการวางแผนการเทรดจริง
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ทริคการเทรดและแพทเทรินดีๆในการเทรดทองคำกันแล้ว หากใครเป็นสายเทรดทองก็อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูะครับ ไม่แน่นะว่าอาจจะถูกจริตกับเราบ้างก็เป็นได้สำหรับสายเทรดทอง แอดฟันธงเลย
และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
รูปแบบกราฟฉลาม (Shark Pattern)รูปแบบกราฟฉลาม (Shark Pattern)
👽👽👽 กลับมากันอีกแล้วกับบทความดีๆ และเทคนิคการวิเคราะห์รูปแบบต่างๆในการเทรดจากบทความที่แล้วเราได้รู้จักกับรูปแบบกราฟค้างคาวกันไปแล้ว รอบนี้แอดพาไปรู้จักกราฟฉลามกันบ้างดีกว่า รูปแบบนี้ทำกำไรเด็ดไม่แพ้กราฟค้างคาวเลยทีเดียวเชียว
รูปแบบกราฟฉลาม (Shark Pattern)
เป็นรูปแบบที่ได้มาจากทฤษฎี Harmonic Pattern ซึ่งจัดว่ามีความแม่นยำสูงอีกตัวหนึ่ง ที่โอกาสชนะมีถึง 65 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าเปอร์เซ็นต์การชนะอาจไม่สูงเท่าแพทเทรินตัวอื่น แต่ไอ่เจ้าแพทเทรินตัวนี้ เป็นไปได้ว่าเราอาจมีลุ้นในการทำกำไรถึงสองรอบ
เนื่องจากกราฟมีลักษณะการวิ่งและทิศทางภาพรวมที่ออกมา คล้ายกับฟันของฉลาม เราจึงเรียกว่ากราฟฉลาม และสัดส่วนรูปฟันฉลามที่มีระยะบอดี้ที่ค่อนข้างยาวนี่แหละ ทำให้เราสามารถทำกำไรได้สองรอบ ทั้งขาขึ้น และขาลง
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการวัดค่าเฉลี่ยและองศาของแพทเทรินก็คือ การกำหนดสัดส่วน Fibonacci ตามทฤษฎี ABCD ซึ่งแพทเทรินตัวนี้อาจมีความสลับซับซ้อนนิดหน่อยนะฮะ แต่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าแก่การเรียนรู้และนำไปปฏบัติใช้แน่นอน
จุดเด่นของShark Pattern
เป็นแพทเทิร์นที่มีการดีดกลับของราคาเลยหัว และหางยาวเลยจุดเริ่มต้นแต่บางครั้งก็ไม่เลยทำให้ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
การสร้างรูปแบบ Bullish Shark Pattern
Trade Setup ด้วย Bullish Shark Pattern สำหรับขาขึ้น BUY
การสร้างรูปแบบของ Bullish Shark จะแตกต่างจากรูปแบบอื่น ๆ โดยปกติแล้วจะเริ่มต้นที่จุด X แล้วไป ABCD แต่รูปแบบ Shark จะเริ่มต้นด้วย O ก่อนที่จะไป XABC และจุด PRZ ก็คือจุด C นั่นเอง
การสร้างรูปแบบ Bearish Shark สำหรับขาลง SELL
รูปแบบของ Bearish Shark จะแตกต่างจากรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งโดยปกติแล้วจะเริ่มต้นที่จุด X แล้วไป ABCD แต่รูปแบบ Shark จะเริ่มต้นจากจุด O ก่อนที่จะไป XABC และจุด PRZ ก็คือจุด C เช่นกัน
สาเหตุที่เริ่มจาก O แล้วจบด้วย C เพราะจะมีรูปแบบต่อเนื่อง และจบที่จุด D เหมือนกับทุก ๆ แพทเทิร์นนั่นเอง
ทริคและการเข้าเทรดแบบย่อๆ
1. แพทเทิร์นนี้จะทำกำไรได้สั้นหรือยาว อยู่ที่ TF เป็นหลัก ยิ่ง TF ใหญ่ กำไรก็จะยิ่งมากและยาวมากขึ้น
2.แพทเทรินนี้ เราเทรดได้สองขา คือขาบาย และขาแซล จากจุดกึ่งกลางจุด A เรามักจะทำกำไรจากสัญญาณกลับตัวระยะสั้น โดยเป้าหมายกำไรมักเป็นจุดกึ่งกลางลำตัวนั่นคือจุด A
3. ใช้ควบคู่กับระบบหรือสัญญาณ แท่งเทียน ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับระบบ
4. ใช้ Fibonacci ในการตรวจเช็คสัดส่วน ว่าเป็นไปตามทฤษฎีหรือไม่ ก่อนที่จะทำการวางแผนการเทรดจริง
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ทริคการเทรดใหม่ๆกันไปแล้วก็อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูบ้างนะครับ ไม่แน่นะว่าอาจจะถูกจริตกับเราบ้างก็เป็นได้สำหรับสายชอบเทรดสวน ดีนักแล แอดฟันธงเลย และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
Cup and Handle Pattern ถ้วยกาแฟ คืออะไร?Cup and Handle Pattern
ถ้วยกาแฟ คืออะไร?
👯👯👯กลับมาพบเจอกันอีกเช่นเคยกับบทความที่เกรี่ยวกับเทคนิคการเทรดดีๆ แพทเทรินแจ่มๆที่มักมาให้เราได้พบได้เจอบ่อยๆ และ Cup and Handle Pattern หรือที่เรามักเรียกกันว่าถ้วยกาแฟก็ยังไม่จกเทนด์นะ เพราะมันออกมาห้เราได้เห็นกันอีกแล้ว
วันนี้เแอดพาทุกท่านไปรำลึกและหวนคืนการรื้อฟื้นรูปแบบถ้วยกาแฟมาให้ได้อ่านกัน สำหรับสายเทรดทอง ที่กำลังติดดอยกันอยู่ในตอนนี้ เพราะ เขามาอีกแล้วฮะ ไหน มาแล้วหรอ มาตอนไหน แล้วตอนนี้ถึงตรงไหนแล้ว บทความนี้มาช่วยวิเคราะห์ให้ได้อ่านกันครับ
Cup and Handle Pattern ถ้วยกาแฟ คืออะไร?
รูปแบบกราฟถ้วยกาแฟเป็นสัญญาณในตลาดกระทิง หรือแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวฮะ
องค์ประกอบของรูปแบบนี้ก็มี2 อย่างเเท่านั้น คือ ถ้วย และหูถ้วย
1. ขนาดของถ้วยกาแฟ มักมีหลายขนาดและหลายรูปทรง และทีเรามักจะเห็นกันบ่อยๆ ก็มักจะเป็นรูปตัวยู U นั่นก็คือ
- ราคามีแรงซื้อเข้ามา แล้วเกิดแรงเทขายอย่างหนัก จนเกิดการพักตัวที่ฐานล่างเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นสวิงเทรนไซด์เวย์
- หลังจากนั้น ราคาก็จะมีแรงซื้อเข้ามาอีกรอบ เป็นอันเสร็จ การทำถ้วยรูปตัว U
2. แต่มันจะไม่จบเพียงเท่านี้ หลังจากที่หลอกล่อเม่ามาได้ระดับนึงแล้ว กราฟจะยังหลอกเม่าต่อไปอีก ด้วยการทำหูถ้วยกาแฟ ซึ่งมีรูปแบบการวิ่งคล้ายถ้วยกาแฟเลย ต่างกันตรงที่ เล็กกว่า น้อยกว่า แคบกว่า
-ซึ่งมาถึงหูตรงนี้แล้ว รูปทรงของหูกาแฟ ก็สามารถเป็นได้ทั้งตัว U และตัว V
เราควรเริ่มเทรดที่ไหนดี
1. หากคุณเป็นสายเทรดเทรนด์ระยะยาว ถือว่าคุณโชคดีมาก ตรงที่เราจะได้จุดเข้าสวยๆ และเก็บกำไรได้เพิ่มอีก หากราคาลงมาใหม่ และขึ้นไปใหม่
2. แต่หากคุณเป็นนักเทรดระยะสั้น ๆ แนะนำให้มองหาหูกาแฟเป็นหลัก เพราะเป็นไปได้สูงมากที่ราคาจะเบรคเอ๊าท์ทะลุแนวต้านเก่าขึ้นไป ทำไฮใหม่ ซึ่งจัดว่าสูงและไกลมาก เผลอๆระยะการทำ take profit อาจจะมีระยะที่ยาวและสูงพอๆกะรูปทรงของถ้วยกาแฟเลย ( วัดระยะได้จากก้นถ้วยกาแฟจนถึงปากถ้วยกาแฟ)
จุดทำกำไรก็ง่ายๆเลยด้วยการวัดระยะของถ้วยกาแฟตั้งแต่ก้อถ้วย จนถึงปากถ้วยกาแฟว่ามีระยะวิ่งประมาณเท่าไหร่ สดส่วนตรงนี้แหละจะเป็นระยะทำกำไรในอนาคตของเรา ที่มีความน่าจะเป็นค่อนข้างสูง แต่อาจต้องใช้เวลานานนิดนึงนะฮะ
ต้องฝึกการรอหน่อย แต่ถ้าไม่ชอบรอ ก็ฝึกการทำกำไรระยะสั้น โดยยึดหลัก ย่อแล้วเข้า Buy เป็นหลัก เพื่อหวังผลกำไรในการไต่ขึ้นไปนั่นเอง
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ง่ายๆเบสิค แต่หลายๆคนมักมองจะมาเห็นสัญญาณในช่วงท้ายๆหรือตรงหูไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะทำกำไรไม่ได้นี่นา หลักสำคัญที่เราต้องทำเลยก็คือการรอ และหาจังหวะสวยๆครับ ฝึกฝนบ่อยๆเราจะอ่านกราฟออกเอง และบางทีการฝึกใจเย็นก็ทำให้เราได้กำไรเพิ่มมากขึ้นด้วยนะ แอดคอนเฟริม
หมั่นฝึกฝนให้ได้ทุกวัน และเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
วิธีใช้ ATR ในการเทรด Forexวิธีใช้ ATR ในการเทรด Forex:
การกำหนดระดับ Stop-Loss: เทรดเดอร์สามารถใช้ ATR ร่วมกับระดับแนวรับแนวต้านเพื่อกำหนดระดับ Stop-Loss โดยทั่วไปแล้ว Stop-Loss จะถูกวางไว้เหนือแนวต้านสำหรับการเทรด Long และต่ำกว่าแนวรับสำหรับการเทรด Short ATR ช่วยให้
เทรดเดอร์สามารถปรับระยะ Stop-Loss ให้เหมาะสมกับความผันผวนของตลาดได้
การระบุโอกาสในการ Breakout: ATR สามารถช่วยระบุโอกาสในการ Breakout ของราคา โดยทั่วไปแล้ว Breakout จะเกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนไหวเกินกว่า ATR สองเท่า เทรดเดอร์สามารถใช้ Breakout เพื่อเข้าหรือออกจากการเทรด
การวัดความเสี่ยง: ATR เป็นเครื่องมือวัดความเสี่ยง เทรดเดอร์สามารถใช้ ATR เพื่อเปรียบเทียบความเสี่ยงของคู่สกุลเงินต่างๆ คู่สกุลเงินที่มีค่า ATR สูง มีความเสี่ยงสูงกว่าคู่สกุลเงินที่มีค่า ATR ต่ำ
การกรองสัญญาณ: ATR สามารถใช้เป็นเครื่องมือกรองสัญญาณจากตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์อาจรอให้ ATR ลดลงก่อนที่จะเข้าซื้อหรือขายตามสัญญาณจาก RSI
ข้อจำกัดของ ATR:
ATR เป็นตัวบ่งชี้ที่ล้าหลัง: ATR คำนวณจากข้อมูลราคาในอดีต ดังนั้น ATR จึงไม่สามารถบอกอนาคตได้ เทรดเดอร์ควรใช้ ATR ควบคู่กับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ
ATR ไม่สามารถบ่งบอกทิศทางของราคา: ATR สามารถบอกเทรดเดอร์ได้ว่าราคาเคลื่อนไหวมากแค่ไหน แต่ ATR ไม่สามารถบอกเทรดเดอร์ได้ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปทางใด
ค่า ATR สามารถเปลี่ยนแปลงได้: ค่า ATR สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลา เทรดเดอร์ควรติดตามค่า ATR อย่างใกล้ชิด
โดยสรุป:
ATR เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ Forex เทรดเดอร์สามารถใช้ ATR เพื่อกำหนดระดับ Stop-Loss ระบุโอกาสในการ Breakout วัดความเสี่ยง และกรองสัญญาณ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรตระหนักถึงข้อจำกัดของ ATR และใช้ ATR ควบคู่กับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ
Adam And Eve Pattern แพทเทริน อดัม & อีวาAdam And Eve Pattern
Adam And Eve Pattern เป็นรูปแบบที่เห็นได้บ่อยๆ แถมทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ ไม่ว่าจะสายเทรดสั้น เทรดยาว Scalping Sniper Follow trend เราสามารถเทรดได้หมดเลย
ลักษณะแพทเทรินที่เห็นกันตลอดและเห็นบ่อยมากๆ และมักเรียกติดปากว่า กราฟรูปตัววี V
รูปแบบแพทเทริน Adam And Eve จะมีพฤติกรรมการวิ่งที่สังเกตุได้ง่ายคือ กราฟดิ่งลงอย่างแรง แล้วกลับตัวขึ้นไปหาจุดไฮเก่าที่จากมา เกิดเป็นก้นแหลมรูปตัววี V คือ Adam แล้วกลับตัวลงมาทดสอบแนวรับเดิมอีกครั้งเป็น double bottom แต่รอบนี้ค่อยๆทำแพทเทรินขึ้นช้าๆเป็นรูปตัว U คือ Eve เพื่อเป็นการส่งสัญญาณของเทรนด์ใหม่ ส่วนในขาลงก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกันในทิศทางตรงกันข้าม
Adam And Eve โดยทั่วไปแล้วจะทำแพทเทรินคล้าย double bottom แต่ไม่เหมือนกันนะฮะ อย่าจำสับสนเชียว
วิธีการเข้าเทรด
1. หากเราเจอแพทเทรินรูปวี V ให้สังเกตุและรอกราฟอาจเกิดรูปตัวยู U โดยดักรอที่ราคาโลว์เดิม หรือ ไฮเดิม
2. เมื่อแพทเทรินครบองค์ประกอบทั้ง V + U แล้วให้มองหาราคาไฮเดิม หรือ โลว์เดิมจากกรอบราคานี้ แล้วรอการเบรคเอ๊าท์ Breakout
3.เข้าเทรดทำกำไรได้ตามความพอใจ หรือ สามารถใช้เทรนด์ก่อนหน้าแพทเทริน Adam & Eve เป็นตัวกำหนดเป้าหมายกำไรในอนาคตได้
4. สามารถเทรดได้ทุกทามเฟรม แต่จะให้ดี ทามเฟรม H1 ขึ้นไปจะให้ผลกำไรที่มากขึ้นและเยอะกว่า เพราะส่วนใหญ่ การเบรคเอ๊าท์ราคามักเป็นเทรนด์ใหม่ที่วิ่งในระยะยาว
เเผนเทรด Harmonic สัปดาห์ที่เเล้วHarmonic Pattern คืออะไร? อธิบายง่ายๆ สำหรับมือใหม่ Forex
Harmonic pattern เป็นหนึ่งในรูปแบบกราฟเทรดที่มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น โดยอาศัยระดับ Fibonacci และพฤติกรรมราคาที่มีความเชื่อมโยงรูปแบบเรขาคณิตเข้ามาเกี่ยวข้อง เราเรียกรูปแบบนี้ว่า harmonic pattern ตามชื่อของ Harold McKinley Gartley ผู้ที่คิดค้นทฤษฎีนี้ขึ้นมาครั้งแรกในปี 1932 โดยเขาได้เขียนอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพทเทิร์นดังกล่าวในหนังสือของเขาซึ่งเป็นหนึ่งในหนังสือเกี่ยวกับการเทรดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เหตุผลที่เทรดเดอร์ควรใช้เครื่องมือที่มีความซับซ้อนนี้ เนื่องจากว่ามันสามารถใช้เพื่อระบุ PRZ (Potential Reverse Zone) เพื่อขยายโอกาสในการทำกำไร ลดความเสี่ยงจากการขาดทุน และเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการเปิดออเดอร์นั่นเองครับ ตามที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่ากลยุทธ์นี้จะใช้ตัวเลข Fibonacci และแพทเทิร์นทางเรขาคณิตต่างๆ ในการคาดการณ์จุดที่ราคาอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง (Price Turning Point)
แนวทางสู่ภาวะถดถอย - มันคืออะไร?ภาวะถดถอยเป็นคำที่น่ากลัวสำหรับประเทศใด ๆ ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจหดตัว ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้แต่ธุรกิจต่างๆ ก็ปิดประตู แม้แต่บุคคลก็สามารถเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยตาของเขาเอง:
1. คนตกงาน
2. การลงทุนสูญเสียมูลค่า
3. ธุรกิจขาดทุน
หมายเหตุ: ภาวะถดถอยเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรเศรษฐกิจ
หากคุณยังไม่ได้อ่านบทความนั้น คุณสามารถตรวจสอบแนวคิดที่เกี่ยวข้อง:
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยคืออะไร
การลดลงติดต่อกันสองไตรมาสของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศถือเป็นภาวะถดถอย ภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามมาด้วยช่วงพีค แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะกินเวลาเพียงไม่กี่เดือน แต่เศรษฐกิจจะไม่ถึงจุดสูงสุดหลังจากสิ้นสุดการให้บริการไปหลายปี
ผลกระทบต่ออุปสงค์และอุปทาน - ความต้องการสินค้าลดลงเนื่องจากราคาแพง อุปทานจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และในทางกลับกันอุปสงค์จะเริ่มลดลง นั่นทำให้เกิด "อุปทานส่วนเกิน" และจะนำไปสู่การลดลงของราคา
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่อาจสร้างความเจ็บปวดได้ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทุกครั้งมีสาเหตุที่แตกต่างกัน แต่มีเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ภาวะซึมเศร้าคืออะไร - ภาวะถดถอยลึกซึ่งคงอยู่เป็นเวลานานนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าในที่สุด
ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย อัตราเงินเฟ้อจะลดลง
จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้อย่างไร?
1. นโยบายการเงิน
- ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- ผ่อนคลายเชิงปริมาณ
- เงินเฮลิคอปเตอร์
2: นโยบายการคลัง
- ลดภาษี
- การใช้จ่ายภาครัฐที่สูงขึ้น
3: เป้าหมายเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
4: ความมั่นคงทางการเงิน
ว่างงาน :
เราทราบดีว่าบริษัทต่างๆ มีการขยายตัวที่ดี แต่มีคำกล่าวที่ว่า "สิ่งใดมากเกินไปก็ไม่มีประโยชน์"
ในช่วงพีค
บริษัทไม่สามารถหารายได้ส่วนเพิ่มถัดไปได้
บริษัทต่าง ๆ กำลังรับความเสี่ยงและหนี้สินมากขึ้นเพื่อรีเซ็ตการเติบโต
ไม่เพียงแต่บริษัทเท่านั้น แต่นักลงทุนและลูกหนี้ก็ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเช่นกัน
ทำไมการเลิกจ้างจึงเกิดขึ้น
หลังจากช่วงพีค บริษัทต่างๆ จะไม่สามารถหารายได้ส่วนเพิ่มถัดไปได้ ตอนนี้ธุรกิจไม่มีกำไรแล้ว Cบริษัทเริ่มลดต้นทุนเพื่อเข้าสู่ระบบที่ทำกำไรได้ ตัวอย่างเช่น - แรงงาน
ปัจจุบันบริษัทต่าง ๆ กำลังทำงานโดยมีพนักงานน้อยลง พนักงานน้อยลงต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มิฉะนั้นพวกเขาอาจถูกเลิกจ้างโดยบริษัทเช่นกัน คุณสามารถจินตนาการถึงภาระงานและความกดดัน
คุณอาจโต้แย้งว่าพวกเขาควรออกจากบริษัท! จริงหรือ พวกเราเพิ่งพูดถึงอัตราการจ้างงานที่ลดลง คุณจะได้งานอย่างไรเมื่อไม่มีงานทำ? ตอนนี้คุณเข้าใจแล้ว!
สมมติว่าผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจถดถอยต่อคนทั่วไป:
-*-เงื่อนไขที่ 1: เขาอาจถูกเลิกจ้าง
-*- เงื่อนไขที่ 2: บางทีเขาอาจถูกบังคับให้ทำงานนานขึ้น บริษัทไม่สามารถรักษาแนวโน้มเชิงบวกได้ พนักงานจำนวนน้อยลงกำลังทำงานมากขึ้นเนื่องจากการเลิกจ้างจำนวนมาก ค่าจ้างของเขาลดลงและเขาไม่มีรายได้ที่ใช้แล้วทิ้ง
ส่งผลให้อัตราการบริโภคลดลงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลง การชะลอตัวของเศรษฐกิจเกิดจากราคาที่ลดลงซึ่งทำให้กำไรลดลงส่งผลให้มีการลดงานมากขึ้น
สี่สาเหตุของภาวะถดถอย:
1. ภาวะช็อกทางเศรษฐกิจ
2. การสูญเสียผู้บริโภค
3. อัตราดอกเบี้ยสูง
4. ตลาดหุ้นตกกะทันหัน
1) Economic shocks - เมื่อเกิดภาวะช็อกจากภายนอกหรือเศรษฐกิจที่ประเทศเผชิญ ตัวอย่างเช่น โควิด-19,
2) ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค - การรับรู้เชิงลบเกี่ยวกับเศรษฐกิจและบริษัทจากผู้บริโภคที่ไม่มั่นใจในอำนาจการใช้จ่าย แทนที่จะใช้จ่ายพวกเขาจะเลือกประหยัดเงิน เนื่องจากไม่มีการใช้จ่ายจึงไม่มีความต้องการสินค้าและบริการ การขาดการใช้จ่ายส่งผลให้ความต้องการซื้อสินค้าและบริการลดลง
3) อัตราดอกเบี้ยสูง - อัตราดอกเบี้ยสูงจะลดการใช้จ่าย เงินกู้มีราคาแพง น้อยคนนักที่จะปล่อยกู้ การใช้จ่ายของผู้บริโภค ยอดขายรถยนต์ และตลาดที่อยู่อาศัยจะได้รับผลกระทบ จะไม่มีความต้องการที่ดีหากไม่มีการให้ยืม จะมีการผลิตลดลง
4) ตลาดหุ้นพังกระทันหัน - หลีกเลี่ยงความไว้วางใจของผู้คนในตลาดหุ้น เป็นผลให้พวกเขาจำเงินได้และอารมณ์ทำให้พวกเขาคลั่งไคล้ นอกจากนี้ยังถือเป็นปัจจัยทางจิตวิทยา ส่งผลให้ผู้คนไม่ใช้เงินและจีดีพีจะลดลง
การใช้จ่ายของผู้บริโภค:
ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผู้บริโภคไม่มีรายได้เพิ่มเติมที่เรียกว่ารายได้ที่ใช้แล้วทิ้ง
ส่วนของการใช้จ่ายของผู้บริโภค
-- สินค้าคงทน - มีอายุการใช้งานมากกว่าหนึ่งปี
-- สินค้าไม่คงทน - มีอายุการใช้งานน้อยกว่าหนึ่งปี
-- บริการ - บัญชี กฎหมาย บริการนวด ฯลฯ
นักท่องสินค้าคงทนในช่วงเศรษฐกิจถดถอย สินค้าไม่คงทนสามารถพิสูจน์ภาวะถดถอยได้เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานในแต่ละวันไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอย
ลองยกตัวอย่างหุ้นสองตัว
ABC Food เทียบกับ ABC car
แต่คุณจะหยุดซื้ออาหารเพราะภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่? คุณจะลดการบริโภคยาสีฟัน ขนมปัง และนมหรือไม่?
คำตอบคือ "ไม่"
ผู้บริโภคซื้ออาหารในปริมาณเท่าๆ กันในช่วงเวลาที่ดีหรือไม่ดี ในทางกลับกัน ผู้บริโภคจะแลกหรือแลกซื้อรถก็ต่อเมื่อพวกเขาไม่ได้ทำงานเท่านั้น แต่ยังมองในแง่ดีเกี่ยวกับความปลอดภัยของงานและมั่นใจว่าจะได้รับโปรโมชั่น หรืองานที่ได้รับค่าตอบแทนสูงกับนายจ้างรายอื่น และรายได้ที่ใช้แล้วทิ้งของผู้คนจะถูกดูดซับในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
การใช้จ่ายของผู้บริโภคคือจุดสำคัญในการแทนที่ภาวะถดถอย
การขายรถยนต์:
อย่างที่เราคุยกัน มีคนไม่กี่คนที่ซื้อรถในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ยอดขายรถใหม่นับเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจ คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับสินเชื่อ 0% บริษัทอำนวยความสะดวกสินเชื่อ 0% เพื่อเพิ่มยอดขายรถยนต์ คนส่วนใหญ่ซ่อมรถหรือซื้อรถเก่าในช่วงเศรษฐกิจถดถอย
คุณอาจเห็นการเติบโตของตลาดรถมือสองและยอดขายของบริษัทขายอะไหล่
ยอดขายบ้าน/ตลาดที่อยู่อาศัย:
ฉันมีคำถามตอนนี้!
สินทรัพย์ใดที่ใหญ่ที่สุดของคุณ? พวกคุณส่วนใหญ่จะพูดว่า my home!
ยอดขายบ้านใหม่เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ราคาบ้านยังส่งผลต่อความรู้สึกของผู้บริโภคที่มั่งคั่งอีกด้วย ราคาบ้านยิ่งสูง ยิ่งรวย และในทางกลับกัน เมื่อราคาบ้านสูงขึ้น ผู้บริโภครู้สึกว่าตนมีฐานะร่ำรวยและเต็มใจที่จะใช้จ่าย แต่เมื่อราคาบ้านลดลง การใช้จ่าย/การบริโภคก็ลดลง
หากราคาสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของคุณลดลง คุณไม่ใช้จ่ายและเศรษฐกิจต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว อัตราที่สูงขึ้นจะหยุดการเพิ่มราคาบ้านเพราะต้องจ่าย EMI มากขึ้น ธนาคารกลางลดอัตราในช่วงเศรษฐกิจถดถอย และอัตราตลาดที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเนื่องจากเงินกู้/อีเอ็มไอมีราคาถูก
อัตราดอกเบี้ย:
โดยทั่วไป อัตราดอกเบี้ยจะลดลงในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ย เป็นเหตุให้เงินกู้มีราคาถูก
ประโยชน์ของการลดอัตราดอกเบี้ย -
- - เพิ่มขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัย
- - เพิ่มยอดขายสินค้าคงทน
- - เพิ่มการลงทุนทางธุรกิจ
- - พันธบัตรและอัตราดอกเบี้ยมีความสัมพันธ์แบบผกผัน ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมีแนวโน้มที่จะทำให้นักลงทุนสนใจพันธบัตรมากกว่าหุ้น ซึ่งสามารถดำเนินการได้ดีในภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- - ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย อัตราดอกเบี้ยถูกลงและธนาคารกำหนดเกณฑ์ในการขอสินเชื่อให้สูงขึ้น เพื่อให้ผู้คนสามารถเผชิญกับนามธรรมในขณะที่ให้กู้ยืมเงิน
ตลาดหุ้น:
ฉันต้องการชี้แจงว่าตลาดหุ้นไม่ใช่เศรษฐกิจ วัฏจักรเศรษฐกิจล้าหลังกว่าวัฏจักรตลาดและวัฏจักรความรู้สึก มันทำให้ฉันสบายใจในฐานะนักวิเคราะห์ทางเทคนิคและช่วงเวลาที่เศร้าใจในฐานะคนรักเศรษฐศาสตร์ บางครั้งก็อยู่ข้างหน้าและบางครั้งก็อยู่ข้างหลัง ภาวะถดถอย = ตลาดหมี
อุตสาหกรรมที่พิสูจน์ภาวะถดถอย:
* ลวดเย็บกระดาษของผู้บริโภค
* ความสุขที่มีความผิด
* ยูทิลิตี้
* ดูแลสุขภาพ
* เทคโนโลยีสารสนเทศ
* การศึกษา
ฉันจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ในอนาคต แต่สำหรับในตอนนี้ เราจะกลับไปที่ การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ประเภทของแพทเทิร์นฮาร์โมนิคแพทเทิร์นฮาร์ดโมนิคที่เราเห็นว่ามีหลายรูปแบบนั้น ถ้าเอามาแบ่งเป็นประเภทจะได้ 4 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1 คือ แพทเทิร์นฮาร์โมนิคที่มีจุด C และ D อยู่ภายใน ของ X-A ตัวอย่างเช่น Gartley, Bat
ประเภทที่ 2 คือ แพทเทิร์นฮาร์โมนิคที่มีจุด C อยู่ภายใน ของ X-A แต่จุด D อยู่ภายนอก ของ X-A ตัวอย่างเช่น Butterfly, Crab
ประเภทที่ 3 คือ แพทเทิร์นฮาร์โมนิคที่มีจุด C อยู่ภายนอก ของ X-A แต่จุด D อยู่ภายใน ของ X-A ตัวอย่างเช่น Shark, 5-0
ประเภทที่ 4 คือ แพทเทิร์นฮาร์โมนิคที่มีจุด C และ D อยู่ภายนอก ของ X-A ตัวอย่างเช่น Alt. Shark, 5-0
Harmonic Series on TFEXTFEX - S50Z22 เป็น Series ที่มีสภาวะ Sideway อย่างยาวนาน นักเทรดไม่สามารถหาสัญญาณการเกิดเทรนได้ หรือเกิดสัญญาณแล้วก็ False
แต่ในสภาวะ Sideway ที่ราคาเคลื่อนตัวเหมือนจะไร้ทิศทางนี้ แท้จริงแล้วกลับมีรูปแบบที่ซ่อนอยู่ เป็นการฟอร์มตัวของจุดที่มีนัยยะสำคัญ 5 จุด ก่อเกิดเป็นรูปแบบที่เรียกว่า 'HARMONIC PATTERN'
Harmonic Pattern คือ Pattern ที่จะเกิดในสภาวะ sideway หรือในชุดพักตัว และยิ่งพักตัวยาวนานเท่าไหร่ เราก็จะได้เห็น Harmonic Pattern ที่ร้อยเรียงกันต่อเนื่องกันไปเหมือนอย่างในรูปชาร์ตของ TFEX Series Z นี้
HARMONIC TRADING เป็นเทคนิคการเทรดในสภาวะไร้ทิศทางด้วย 'Harmonic Pattern' ในแต่ละ Pattern ของ Harmonic จะมีหลักในการวาง จุดเข้าซื้อ จุดตัดขาดทุน และจุดล็อกกำไร ไว้อย่างชัดเจน และจะแตกต่างกันไปตามแต่ละ Pattern ซึ่งจำเป็นจะต้องเรียนรู้และฝึกฝนให้ชำนาญก่อนที่จะนำไปใช้ แล้วเราก็จะสามารถเปลี่ยนสภาวะไร้ทิศทางที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงสูง ไปเป็นการแกว่งตัวในรูปแบบที่เรารู้จักและสามารถเทรดทำกำไรกับมันได้
มนุษย์กราฟ | Humangraphy
เทคนิคเทรดการทองคำให้แม่นยำถึง 95% EP2เทคนิคเทรดการทองคำให้แม่นยำถึง 95% นั้นเริ่มต้นจากการใช้รูปแบบ QM ทั่วไปโดยที่ผมจะเพิ่มจุดเข้าที่ได้เปรียบยิ่งขึ้นเพื่อให้เกิดความแม่นยำในการเทรดและได้ราคาที่ดีที่สุดจากการใช้ FIBO ระดับ 78.6 ถึง 88.6 เข้ามาช่วยในการหาจุดเข้านั่นเอง จากตัวอย่างข้างต้นจะเป็นการพูดถึงการใช้รูปแบบ QM BUY + FIBO 78.6-88.6 ใน TF 15 นาที ซึ่งจะเห็นว่าที่จุดเข้า BUY นั้นราคาได้มีการชนแล้วค่อยๆกลับตัวขึ้นไป เนื่องจากเทรด set up นี้เป็นการเทรดแบบสวนเทรนจึงทำให้ราคาไปถึงเพียงแค่ TP1 เท่านั้น
การใช้เทคนิคนี้มีเงื่อนไขที่ต้องระวังอยู่ 2 ข้อด้วยกัน คือ
1. ต้องตั้งจุด SL เหนือหัวของ QM ประมาณ 100-200 เสมอ
2. ให้ใช้รูปแบบ QM + FIBO 78.6 - 88.6 ใน TF 15 นาที ขึ้นไปจะมีความแม่นยำสูงขึ้น
เพียงเท่านี้เราก็สามารถเทรดทองคำได้อย่างแม่นยำสูงถึง 95% แล้วครับ
+++ หากใครที่สนใจที่จะเข้ากลุ่มเรียนรู้การใช้เทคนิคเทรดทองคำด้วย QM และรับซิกทองคำด้วยรูปแบบ QM สามารถส่งข้อความมาสอบถามได้นะครับ +++
เทคนิคเทรดการทองคำให้แม่นยำถึง 95% EP1เทคนิคเทรดการทองคำให้แม่นยำถึง 95% นั้นเริ่มต้นจากการใช้รูปแบบ QM ทั่วไปโดยที่ผมจะเพิ่มจุดเข้าที่ได้เปรียบยิ่งขึ้นเพื่อให้เกิดความแม่นยำในการเทรดและได้ราคาที่ดีที่สุดจากการใช้ FIBO ระดับ 78.6 ถึง 88.6 เข้ามาช่วยในการหาจุดเข้านั่นเอง จากตัวอย่างข้างต้นจะเป็นการพูดถึงการใช้รูปแบบ QM SELL + FIBO 78.6-88.6 ใน TF 15 นาที ซึ่งจะเห็นว่าที่จุดเข้า SELL นั้นราคาได้มีการชนแล้วกลับตัวลงไปอย่างรุนแรง
การใช้เทคนิคนี้มีเงื่อนไขที่ต้องระวังอยู่ 2 ข้อด้วยกัน คือ
1. ต้องตั้งจุด SL เหนือหัวของ QM ประมาณ 100-200 เสมอ
2. ให้ใช้รูปแบบ QM + FIBO 78.6 - 88.6 ใน TF 15 นาที ขึ้นไปจะมีความแม่นยำสูงขึ้น
เพียงเท่านี้เราก็สามารถเทรดทองคำได้อย่างแม่นยำสูงถึง 95% แล้วครับ
BTCUSDTความคล้ายกันของ harmonic และ รูปแบบชาร์ตทั่วไป คือ ในแต่ละอัน รูปร่างและโครงสร้างจะเป็นปัจจัยหลักในการรับรู้และยอมรับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นการเคลื่อนไหวของราคาถัดไปสามารถถูกคาดหมายด้วยเป้าหมายที่จะเปลี่ยนจากรูปแบบมาเป็นกำไร อย่างไรก็ตามความแตกต่างที่สำคัญ คือ รูปแบบ harmonic ถูกกำหนดไว้อย่างละเอียดมากกว่า โดยมีโครงสร้างกลับตัวแบบ 5 จุด ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนผสมของ Fibonacci retracements และ Fibonacci extensions ที่ต่อเนื่องกันด้วยรูปแบบอย่างดี ทำให้ไม่เกิดการแปลความหมายได้หลายอย่าง
รูปแบบ Harmonic จะเกิดซ้ำๆ กันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตลาดที่ราคากำลังพักตัว โดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ โครงสร้าง retracement แบบ 5 จุด อย่างเช่น Gartley และ Bat และรูปแบบ extension แบบ 5 จุด อย่างเช่น Butterfly และ Crab การเทรดตามรูปแบบ Harmonic ต้องอาศัยความอดทน เนื่องจากความเฉพาะตัวของอัตราส่วน รูปแบบที่ปรากฎเป็น Harmonic อาจไม่ได้เป็นตามนั้น เนื่องจากมันต้องตรงตามสัดส่วนที่เหมาะสม
BTCUSD DayBTCUSD Day
1.ราคาได้ปรับตัวจากขาลง เป็นขาขึ้น
2.รอบใหญ่การขึ้นรอบแรก มีการย่อตัว บริเวณ 61.8%
3.รอบใหญ่การขึ้นรอบสอง มีการย่อตัว บริเวณ 78.6%
3.การย่อตัวรอบ2มากกว่ารอบแรก ลึกกว่าเดิม
แสดงให้เห็นถึง "กำลัง" ที่น้อยลง
4. ปริมาณการซื้อขาย ลดลงเรื่อยๆ
---วิเคราะห์---
1.ราคาอาจมีการปรับตัวสูงขั้น ได้
แต่ โอกาส จะทำ High เกิน 69,000 น้อย
และมีโอกาส ที่จะย่อตัว ลึกกว่า 78.6% ได้
2.หากจะเปิดสถานะ Buy หรือ Sell ควรรอ ให้เกิด Volume ที่ชัดเจน ก่อน ตอนนี้ ปริมาณซื้อขายน้อย
AUDUSD รอเข้าDemand Zone เพื่อ BuyTrading Journal#4 AUDUSD wait for buy
จากภาพจะพบว่า AUDUSD มี2โซนที่น่าสนใจ คือแถวๆ 0.71583 และ 0.70245
แผนคือ เมื่อราคามาที่ 0.71583 ซึ่งเป็น Demand Zone ในอดีต ให้รอสัญญาณคอนเฟิร์มเพื่อเข้า Buy ไม้นี้หากโดน SL จะเข้าแผน2
แผน2 หากไม้แรกโดน SL เราจะรอเข้าไม้ที่ 2 ที่ราคา 0.70245 ซึ่งเป็น QML ขนาดใหญ่ และเป็นจุด D Point Cypher Pattern
Trading Journal#2 อัพเดทแผนเทรดทองTrading Journal #2 (อัพเดท)
ต่อเนื่องจากแผนก่อนหน้า ราคาทองคำได้เบรคแนวรับ 1830 ในแผนลงมาอย่างรุนแรง แผนนี้จึงเป็นอันยกเลิก (ไม่เข้าเทรด เพราะไม่มีสัญญาณ Confirm ใดๆ)
แผนแรกตอนนี้คือการรอให้ราคาลงไปถึงบริเวณ 1779 และรอให้เกิดสัญญาณคอนเฟิร์มจึงเข้าออเดอร์ Buy
เนื่องจากเป็นจุดที่เป็น Confluence Zone (trendline + OB + HMN + Fibo Retrace 50%) และเป็นสวิงโลว์ล่าสุดที่มีนัยสำคัญ ความหมายคือ หากราคายังคงเป็นเทรนด์ขาขึ้นอยู่ จุดนี้คือ Price Structure ที่สำคัญของ Uptrend รอบนี้ การเบรคจุดนี้ลงไป เราจะเปลี่ยนมุมมองของทองคำเป็นขาลงทันที
แผนที่สอง คือมองหาโอกาส Sell โดยมีเป้า TP ที่ 1779 โดยอาจให้ราคาย่อกลับขึ้นมาที่ 1810-1815 หรือ หากราคาเบรคแนวรับ 1800 ลงไปเลย ค่อยรอการกลับมา Retest แล้วเข้า Sell อีกที
**ทุกแผน ทุกโซน แม้มีนัยสำคัญ แต่สำคัญกว่าคือการรอให้เกิดสัญญาณคอนเฟิร์มตามระบบแล้วจึงเข้าออเดอร์
การหาโซนที่จะเล่น อาจเป็นเพียงการมโนตามหลักที่เราเรียนมา แต่การมองหาสัญญาณคอนเฟิร์ม คือการรอคำตอบจากตลาด ว่าราคาจะไปในทิศทางไหน และจะทำให้เราได้เปรียบกว่ามาก