SET ไอเดียในการเทรด
SET ปัจจุบัน ก็ยังเป็นเทรนด์ขาลงที่แข็งแกร่งอยู่SET
ปัจจุบัน ก็ยังเป็นเทรนด์ขาลงที่แข็งแกร่งอยู่
โดยมีแนวต้าน หาก breakout และ สามารถยินได้ จะคอนเฟิร์ม Bullish
คือ 1200
และ ตอนนี้ หากยังไม่สามารถข้ามแนวต้าน 1137-1147 ได้
ก็ยังคงมองเป็นแค่ เด้งรีบาวน์ เพื่อลงต่อ โดยมีเป้าแนวรับคือ 1055
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มถอยลงไป 1068.40 จุด หรือต่ำกว่านั้น คำอธิบาย จากภาพกราฟ SET (TF 30 นาที) ซึ่งมีการใช้งาน TD Sequential
เราวิเคราะห์และระบุตำแหน่งสำคัญ ตามหลัก TD DEFERRED + COUNTDOWN อย่างละเอียด พร้อมสรุปบริบทภาพรวม ดังนี้ครับ:
________________________________________
📌 สรุปตำแหน่งสำคัญบนกราฟ
ตำแหน่ง รายละเอียด ความหมาย
🟥 TDST @ 1161.81 เส้นแนวต้านจาก TD Setup 9 ขาลง ก่อนหน้า หากราคาปิดหรือทำ TRUE LOW> เส้นนี้ → TD Countdown จะถูกยกเลิก
🟩 CLOSE @ 1068.40 ราคาปิดของแท่ง TD COUNTDOWN #8 ถ้าราคากลับลงต่ำกว่าระดับนี้ → มีโอกาส นับต่อจนถึง TD13
🟪 บริเวณกล่องม่วง (TF 30 นาที) ช่วงที่เกิด Buy Setup ใหม่ + นับ TD Countdown 12 แท่ง เป็นบริเวณ TD Deferred → กำลังนับ Countdown ใกล้จบ
________________________________________
🔍 การวิเคราะห์ TD ตามโครงสร้างในภาพ
✅ 1. ช่วงก่อนหน้า (ซ้ายมือของกราฟ)
• มีการนับ TD Buy Setup ครบ 9 แล้ว
• ตามด้วยการนับ TD Countdown ต่อไป (1-13) ซึ่งในภาพได้มาถึง TD Countdown #8
• จุดราคาปิดของแท่ง Countdown #8 = 1068.40 → ใช้เป็นแนวรับสำคัญ
________________________________________
✅ 2. บริเวณกล่องม่วง = พื้นที่ TD Deferred
• ราคา “พยายามดีดกลับ” หลังนับ Setup 9
• แต่ยัง ไม่สามารถทะลุ TDST @ 1161.81
• ทำให้เข้าสู่ช่วง "รอ Exhaustion" หรือที่เรียกว่า TD Deferred
• ล่าสุดนับได้ถึง TD Countdown #12 แล้ว → เข้าใกล้ TD13 (จุด Exhaustion)
________________________________________
✅ 3. สถานะปัจจุบัน (ราคาล่าสุด 1129.98)
• ยืนเหนือระดับ 1068.40 → แสดงว่ายังไม่หลุดแนวรับ Countdown #8
• แต่ยังต่ำกว่า 1161.81 → ยังไม่มีการยกเลิก TD Countdown
• แปลว่า TD Deferred ยังมีผลอยู่ และมีแนวโน้ม นับต่อไปจนถึง TD13
________________________________________
🔺 เงื่อนไขการเปลี่ยนสถานะต่อไป:
กรณี ผลที่เกิดขึ้น
ราคาลงต่ำกว่า 1068.40 ➜ เดินหน้าสู่ TD13 (Exhaustion)
ราคาปิด > 1161.81 หรือเกิด TRUE HIGH > 1161.81 ➜ ยกเลิก TD Countdown / TD Deferred
เกิด Price Flip + Setup ใหม่ ➜ Reset รอบใหม่ ยกเลิก Countdown เดิม
________________________________________
✅ สรุปเชิงกลยุทธ์จากภาพ:
• TD Deferred ยังคงทำงาน → เพราะยังไม่ทะลุ TDST และยังไม่เกิด TRUE LOW
• ตลาดมีแนวโน้มจะ นับ TD Countdown จนถึง 13 หากราคายังไม่ทะลุ 1161.81 และกลับลงต่ำกว่า 1068.40
• ควรเฝ้าระวังการเกิด TD13 หรือการ Break แนวต้าน TDST เพื่อเตรียมเปลี่ยนแนวคิดการเทรด
10/04/25 เราอาจอธิบายว่าทำไมตลาดดีดแรงได้ด้วย10/04/25 เราอาจอธิบายว่าทำไมตลาดดีดแรงได้ด้วย
1. ตลาดเหลือ PBV = 1 ในวันที่ 08/04/25 ถูกสุดในรอบ 10 ปี ถูกกว่าโควิดที่ 1.12
2. นับจาก low 969.08 ขึ้นไปทำ hi 1718.55 ช่วงตลาดฟื้นจากโควิด 2020-2022 ตลาดหุ้นไทยได้ลงมา 88.6% และเริ่มเกิด "SELL REJECT"
3. ข้อสังเกต SET@WEEK กับ "TD SEQUENTIAL"
Aggressive Count จะยืนยัน TD#13 ศุกร์สิ้นวัน เพราะ TF@WEEK ต้องจบ วีค
Classic Count จะยืนยัน TD#10 ศุกร์สิ้นวัน เพราะ TF@WEEK ต้องจบ วีค
การนับครบด้วย Aggressive Count ให้น้ำหนัก REBOUND ไม่ใช่ REVERSAL
4. Fibo Time 161.8% ตรงกับ 04/04/25 ซึ่ง 5-6-7 ตลาดปิดทำการ ก็แปลว่ามีโอกาสเจอ แนวรับของเวลาตั้งแต่ 8 เมษายน 68 เป็นต้นไป
5. ตลท. ห้ามทำ "SHORT SELL" ช่วง 8-11 เมษายน 68
6. การสะสม long futures ของต่างชาติ YTD 40,233 สัญญา ในขณะที่ สถาบันและรายย่อย short สะสม YTD
TD Countdown 13 ใน SET อ่านอย่างไร🔍 TD Sequential คืออะไร?
เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่พัฒนาโดย Thomas DeMark ใช้เพื่อช่วยบอกว่าแนวโน้มราคากำลังจะ หมดแรง และอาจจะ กลับตัว ในไม่ช้า
มันประกอบด้วย 2 ขั้นตอนหลัก:
1. TD Setup
2. TD Countdown
________________________________________
📌 1. TD Setup (นับ 1 ถึง 9)
ใช้เพื่อระบุว่าแนวโน้มกำลังแข็งแรง หรือเริ่มอ่อนแรง
กรณีขาขึ้น (Buy Setup):
• ดูแท่งเทียนทีละแท่ง
• ถ้า ราคาปิดของแท่งนี้มากกว่า "ราคาปิดของแท่งเมื่อ 4 แท่งก่อนหน้า"
• นับต่อเนื่องให้ครบ 9 แท่ง → เรียกว่า Buy Setup ครบ 9
หมายความว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจใกล้จะหมดแรง
กรณีขาลง (Sell Setup):
• ถ้า ราคาปิดของแท่งนี้น้อยกว่า "ราคาปิดของแท่งเมื่อ 4 แท่งก่อนหน้า"
• นับต่อเนื่องให้ครบ 9 แท่ง → เรียกว่า Sell Setup ครบ 9
หมายความว่าแนวโน้มขาลงอาจใกล้หมดแรง
เงื่อนไขสำคัญ:
• ต้องนับแบบต่อเนื่อง (ถ้าเจอแท่งที่ไม่เข้าเงื่อนไข การนับต้องเริ่มใหม่)
________________________________________
📌 2. TD Countdown (นับต่อจาก Setup)
หลังจากเกิด Setup ครบ 9 แท่งแล้ว ถ้าแนวโน้มยังไปต่อ → จะเข้าสู่ Countdown Phase เพื่อดูว่าใกล้จะกลับตัวจริงหรือยัง
กรณี Buy Countdown (มองจุดกลับตัวขึ้น):
• ต้องเจอแท่งที่ ราคาปิดน้อยกว่า "ราคาต่ำสุดของแท่งเมื่อ 2 แท่งก่อนหน้า"
• นับให้ได้ครบ 13 แท่ง (ไม่จำเป็นต้องติดกัน)
• ถ้าครบ → สัญญาณซื้อแรง ๆ
กรณี Sell Countdown (มองจุดกลับตัวลง):
• ต้องเจอแท่งที่ ราคาปิดมากกว่า "ราคาสูงสุดของแท่งเมื่อ 2 แท่งก่อนหน้า"
• นับให้ได้ครบ 13 แท่ง
• ถ้าครบ → สัญญาณขายแรง ๆ
________________________________________
✅ สรุปให้เข้าใจง่าย:
ขั้นตอน เงื่อนไขการนับ ความหมาย
Setup 9 ปิดมากกว่าหรือปิดน้อยกว่าราคาปิดของ 4 แท่งก่อนหน้า แนวโน้มเริ่มอ่อนแรง
Countdown 13 ปิดมากกว่าหรือปิดน้อยกว่าราคาสูงสุด/ต่ำสุดของ 2 แท่งก่อนหน้า แนวโน้มมีโอกาสกลับตัวสูง
________________________________________
🧠 เคล็ดลับ:
• อย่าใช้ TD Sequential ตัวเดียว → ใช้คู่กับแนวรับแนวต้าน, RSI หรือเครื่องมืออื่น
• จุด "9" เป็นแค่คำเตือน แต่ "13" มีน้ำหนักมากกว่า
• ใช้ได้กับทุกกราฟ เช่น หุ้น, คริปโต, ฟอเร็กซ์
มี 2 correction ที่เป็นไปได้ของดัชนีตลาดหุ้นไทย SETจากช่วงปี 2018 ที่ผ่านมา ราคาดัชนีหุ้นไทยได้พุ่งสูงสุดทำ High ใหม่
และได้ร่วงลงมาในช่วง Covid-19 break out และมีการทยอยซื้อกลับ
price action เหล่านี้ ส่วนตัวผมขอมองในรูปแบบการทำ Correction
ทีนี้จากลักษณะที่เป็นไปได้ มองได้ 2 มุม คือการทำ Triangular correction หรือ Zigzag correction
โดยหากเกิด Zigzag correction มีความเป็นไปได้ว่า
ราคาจะหลุดไปแถวๆ 600-800
หากเกิด Trianular correction ก็จะเป็นการ correction ที่ไม่ได้ทำให้นักลงทุนเจ็บตัวกันมากนัก
โดยราคาจะแกว่งในกรอบ
สำหรับส่วนตัวผมในการลงทุน มองว่าช่วงเวลานี้เริ่มสะสมได้ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะลงต่อได้เหมือนกัน
คาดหวังว่าจะเป็นการลงแท่งสุดท้ายถือเป็นการเปิด gap ลงที่รุนแรงมาก อารมณ์ประมาณ "กดให้หมดใจ" กดไม่ให้ขึ้น กดแช่ให้ลงต่อ จนอึดอัดทนพิษบาดแผลไม่ไหว ต้อง "คายออก"
ถ้าเป็นไปตามข้อสังเกตนี้อาจจะเป็นสถานการณ์ที่ดี ที่หมายความว่านี่จะเป็นการลงครั้งสุดท้ายของตลาดหุ้นไทยก็ได้
แต่ถึงกระนั้น นี่เป็นเพียงแค่ความเห็นเท่านั้น
มันอาจจะลงต่อเพราะตลาดหุ้นอเมริกามันลงต่อ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ราคาที่เราคิดว่ามันต่ำแล้วสามารถลงต่ำกว่านี้ได้อีก
ดังนั้นให้ความเสี่ยงมาก่อนเสมอ อย่าปล่อยให้พอร์ตของคุณ ขาดทุนหนักเกิน 10%
ช่วงนี้ถ้าใครไม่ขาดทุนเลยถือว่า "โคตรเก่ง"
ถ้าคุณขาดทุนไม่เกิน 10% ถือว่า "เก่งไม่ใช่เล่น"
ฝึกอ่านกราฟเมื่อ 2-3 วันนี้มีข่าวร้ายสำหรับประเทศไทยซึ่งก็มีผลกระทบต่อทุกคนมากมายเรื่องเกี่ยวกับแผ่นดินไหวมีผลต่อตัวเองเหมือนกันก็ได้รับความรู้สึกของแผ่นดินไหวบ้านสั้นรุนแรงแต่ไม่กระทบต่อโครงสร้างแต่ก็ไม่ได้มีผลเสียหายต่อทรัพย์สินอะไรแต่ก็เตือนตระหนกส่งผลต่อความรู้สึกหวาดระแวง
และขอแสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินญาติพี่น้องด้วยนะครับ
วันนี้ก็เลยคิดว่าตลาดของประเทศไทยน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมาจากกลุ่มสินค้ากลุ่มหนึ่งนั่นก็คือกลุ่มประเภทประกันภัยและประกันสุขภาพน่าจะเป็นตัวเปลี่ยนแปลงทำให้ตลาดมีการปรับตัวได้กลุ่มสินค้ากลุ่มนี้น่าจะขายได้ขายได้ดีเลยก็เลยมาลองดูตลาดรวมดูว่าเขาจะกลับตัวไหมก็ใช้ภาพกราฟเดิมที่เคยวิเคราะห์เอาไว้เลยครับมันก็ยังเป็นทรงเดิมอยู่ซึ่งมันกำลังลงไปที่ส่วนที่ 2 ซึ่งถ้าเกิดว่ามีการปรับตัวได้อาจจะเป็นการกลับตัวจากกลุ่มประกันภัยนี่แหละน่าจะเป็นตัวน่าสนใจซึ่งผมมานั่งคิดเฉยๆว่านอกจากการทำประกันภัยอะไรต่างๆแล้วเนี่ยมันก็จะมีการทำประกันทำศพอะไรต่างๆพวกนี้ใช่ไหมครับคิดว่าถ้าเกิดธุรกิจใหม่ที่จะเกิดในตลาดหลักทรัพย์ได้น่าจะเป็นกลุ่มพิธีกรรมการทำศพการทำโลงศพอะไรต่างๆพวกนี้น่าจะมีธุรกิจใหม่ขึ้นมาขายได้ตลอดด้วยนะคนเป็นก็ต้องกินต้องใช้คนตายก็ต้องใช้โลงใช้พิธีกรรมประกอบการทางศาสนามันต้องมีธุรกิจประเภทนี้เกิดขึ้นมาแน่นอนตอนนี้คือที่ทำอยู่มันเป็นธุรกิจครอบครัวแต่ถ้าหากใครจับได้ผมว่าน่าจะไปได้ก่อนเลยนะตัวนี้น่าจะเปลี่ยนโลกได้เลยนะธุรกิจช่วยเหลือคนตายให้จากไปอย่างสงบ
การขายสินค้าก็คือการพ่วงแพ็คเกจกับกลุ่มประกันภัยนั่นแหละครับผมว่าน่าจะได้รายได้จากส่วนนี้ด้วยกลุ่มประกันภัยก็จะมาซื้อแพ็คเกจของเราเอาไปขายให้กับลูกค้าของเขาผมว่าน่าจะเชื่อมโยงได้นะต้องลองคิดกันดู
อ่านไปข้างหน้า SET ตั้งแต่ 26 มี.ค. - 04 เม.ย.68 จะขึ้น 12xxอ่านไปข้างหน้า SET ตั้งแต่ 26 มี.ค. - 04 เม.ย.68 จะขึ้นไปในกรอบ 1212-1228 ครับ
ไม่ได้อ่านรายวันนะครับ ดูทั้งช่วงเวลา 7 วันทำการตลาด
การนำระบบ TD Sequential และ Hull Moving Average (HMA) มาใช้ร่วมกันในการเทรดหุ้น มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการจับจังหวะกลับตัวของราคา และยืนยันแนวโน้มให้ชัดเจนมากขึ้น โดยมีหลักการใช้งานดังนี้:
________________________________________
📌 1. TD Sequential คืออะไร?
TD Sequential เป็นเครื่องมือที่ถูกพัฒนาโดย Tom DeMark ใช้สำหรับหา "จุดกลับตัว" ของแนวโน้มราคา โดยประกอบไปด้วยชุดตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 9 และ 1 ถึง 13:
• TD Buy Setup (Bullish Reversal)
เกิดเมื่อมีแท่งราคาปิดต่ำกว่าแท่งก่อนหน้า ติดต่อกัน 9 แท่งขึ้นไป
🔹 บ่งบอกถึงการสิ้นสุดแนวโน้มขาลง อาจเกิดการกลับตัวขึ้น
• TD Sell Setup (Bearish Reversal)
เกิดเมื่อมีแท่งราคาปิดสูงกว่าแท่งก่อนหน้า ติดต่อกัน 9 แท่งขึ้นไป
🔸 บ่งบอกถึงการสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้น อาจเกิดการกลับตัวลง
• TD Countdown (9 → 13)
ยืนยันการกลับตัวที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเมื่อครบเลข 13 จะมีโอกาสกลับตัวสูงมาก
________________________________________
📌 2. Hull Moving Average (HMA) คืออะไร?
Hull Moving Average เป็นเส้นค่าเฉลี่ยที่ลดความล่าช้า (Lagging) ที่พบได้ในเส้นค่าเฉลี่ยอื่นๆ เช่น SMA และ EMA ทำให้สามารถจับแนวโน้มและจุดกลับตัวได้เร็วและแม่นยำกว่า:
• เมื่อราคาตัดเส้น HMA ขึ้น (Bullish Cross)
🔹 บ่งบอกสัญญาณซื้อ (Long) หรือการเปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงสู่ขาขึ้น
• เมื่อราคาตัดเส้น HMA ลง (Bearish Cross)
🔸 บ่งบอกสัญญาณขาย (Short) หรือการเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นสู่ขาลง
________________________________________
🎯 3. การใช้ TD Sequential ร่วมกับ Hull Moving Average (TD + HMA)
แนวทางที่ดีคือใช้ TD Sequential เพื่อระบุจุดกลับตัว จากนั้นใช้ HMA เพื่อยืนยันแนวโน้มและจังหวะเข้าเทรด:
กรณี Long (ซื้อ)
• TD Sequential เกิดสัญญาณครบเลข 9 (Buy Setup) หรือเลข 13 (Buy Countdown)
• รอให้ราคาตัดขึ้นเหนือเส้น HMA เพื่อยืนยันแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน
➡️ เปิด Long Trade ทันทีที่ราคายืนเหนือ HMA ได้
กรณี Short (ขาย)
• TD Sequential เกิดสัญญาณครบเลข 9 (Sell Setup) หรือเลข 13 (Sell Countdown)
• รอให้ราคาตัดลงใต้เส้น HMA เพื่อยืนยันแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน
➡️ เปิด Short Trade ทันทีที่ราคาหลุดใต้เส้น HMA ลงมา
________________________________________
🚩 4. ข้อดีของการใช้งานร่วมกัน
• เพิ่มความแม่นยำในสัญญาณเข้าเทรด
• ลดสัญญาณหลอกที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใช้ TD Sequential เพียงอย่างเดียว
• ช่วยให้จับจังหวะตลาดได้รวดเร็ว และอยู่ในแนวโน้มหลักได้ดีขึ้น
________________________________________
🚨 5. ข้อควรระวัง
• ระบบนี้มีประสิทธ์ภาพดีในสภาวะตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน
• ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้าน (Pivot Points, Volume Profile) เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
________________________________________
📌 ตัวอย่างที่ดีของการใช้งาน
เช่น กราฟที่คุณให้มาข้างต้น มีสัญญาณ TD Sequential ชัดเจน และราคากำลังตัดขึ้นเหนือ HMA บ่งบอกโอกาสการกลับตัวเป็นขาขึ้นในระยะสั้น-กลาง นั่นเองครับ
หากมีคำถามเพิ่มเติม ยินดีอธิบายต่อได้ครับ!
SET50 อาจจะปรับฐานใหญ่จบ บริเวณนี้
จากภาพ หากมองว่าตั้งแต่ 2013 จนถึง ตอนนี้ เป็นการปรับฐานแบบ diamond หรือเวฟ 4ใหญ่
(ต้องอิงจาก SET เพราะ SET50 ชาร์ทไม่โชว์ช่วง asian financial crisis)
บริเวณนี้ อาจจะจบเวฟ E แล้ว (SET50)
ซึ่งหากเป็นการปรับฐานแบบ diamond จริง เราอาจจะได้เห็น SET และ SET50 ทำ new all time high ก็เป็นได้
สรุปภาพรวมและการวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย ตามแนวทาง Elliott Wave สรุปภาพรวมและการวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย (SET) รายวัน ด้วยโปรแกรม TradingView ตามแนวทาง Elliott Wave อย่างละเอียด อ้างอิงข้อมูล 21/03/25 มีประเด็นสำคัญดังนี้:
________________________________________
สรุปสถานการณ์ตลาด (ภาพรวมใหญ่):
• ตลาดหุ้นไทยอยู่ในแนวโน้มขาลงใหญ่ (Major Downtrend)
โดยดัชนี SET เริ่มปรับฐานจากจุดสูงสุดที่ 1506.82 จุด ลงมาสู่จุดต่ำสุดล่าสุดที่ระดับ 1157.96 จุด
• ภาพใหญ่ปรากฏการลงแบบ Impulse Wave ครบ 5 คลื่น (Wave 1-5 ขาลงชัดเจน)
o รวมระยะที่ลดลง: 348.86 จุด
o ใช้เวลาปรับฐานขาลงรอบนี้ประมาณ 98 วันทำการ (ประมาณ 5 เดือน)
________________________________________
สถานการณ์ล่าสุด (ระยะสั้น):
• หลังจากแตะจุดต่ำสุดที่ 1157.96 จุด ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นสั้นๆ (Corrective Wave หรือ Rebound Wave) ไปแตะระดับ 1273.17 จุด ซึ่งการฟื้นตัวนี้ใช้เวลาประมาณ 52 วันทำการ (ราว 2.5 เดือน)
• ราคาปิดล่าสุด ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 1186.61 จุด
ถือว่ายังอยู่ในโซนล่างของการเคลื่ระยะสั้นนี้ และใกล้แนวรับสำคัญเดิม
________________________________________
กรอบวิเคราะห์และแนวต้าน-แนวรับสำคัญ (Fibonacci):
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ล่าสุด และราคาปัจจุบัน 1186.61 จุด จะตีกรอบวิเคราะห์ระยะสั้น โดยให้ความสำคัญกับแนว Fibonacci Extension 127.2% ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1210 จุด
แนวรับสำคัญ:
• 1157-1160 จุด (จุดต่ำสุดเดิม Wave 5)
หากดัชนียังไม่หลุดต่ำกว่าระดับนี้ ถือว่ายังคงมีโอกาสฟื้นตัวได้อีกครั้ง
แนวต้านสำคัญ:
• 1210 จุด (Fibonacci 127.2%)
เป็นด่านแรกที่ SET ต้องผ่านให้ได้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น
• หากผ่านได้จะมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 1230-1250 จุด (โซน Fibonacci 138.2%-161.8%) ซึ่งจะถือเป็นเป้าหมายระยะสั้นที่สำคัญถัดไป
________________________________________
สัญญาณสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง:
กรณีขาขึ้น (Bullish Case):
• หากดัชนีสามารถยืนเหนือระดับ 1210 จุด ได้ จะเกิดสัญญาณการกลับตัวขึ้นระยะสั้นอย่างมีนัยสำคัญ
• เป้าหมายต่อไปคือบริเวณ 1230-1250 จุด
• นักลงทุนสามารถวางกลยุทธ์เทรดฝั่งซื้อ (Long) ระยะสั้น เมื่อดัชนีทะลุผ่าน 1210 จุด และมี Stop Loss ต่ำกว่า 1180 หรือ 1160 จุด (ตามความเสี่ยงที่รับได้)
กรณีขาลง (Bearish Case):
• หากดัชนีปรับขึ้นแต่ไม่ผ่าน 1210 จุด หรือไม่สามารถยืนเหนือได้ และกลับมาหลุดต่ำกว่าแนวรับ 1157 จุด อีกครั้ง
• ถือเป็นสัญญาณเชิงลบชัดเจน โดยอาจเกิดขาลงรอบใหม่ ซึ่งอาจจะลงไปต่ำกว่า 1157 จุดได้อีก นักลงทุนควรระวังการถือหุ้นและบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด
________________________________________
ข้อแนะนำเพิ่มเติม (เพื่อการลงทุนที่ปลอดภัย):
• ติดตามการทดสอบแนวต้านสำคัญ 1210 จุด อย่างใกล้ชิด
• หากยังไม่ผ่านแนวต้านดังกล่าว ควรรอจังหวะที่ชัดเจนก่อนการลงทุน
• ใช้ Indicator อื่นๆ ประกอบ (เช่น MACD, RSI, Oscillator) ร่วมกับ Elliott Wave เพื่อยืนยันแนวโน้ม
________________________________________
บทสรุปสำคัญที่ต้องจับตาในตอนนี้:
• ราคาปัจจุบัน (1186.61) อยู่ใกล้โซนสำคัญคือ 1210 จุด
• แนวรับสุดท้ายที่ต้องไม่หลุด: 1157-1160 จุด
• ตลาดจะพลิกกลับเป็นขาขึ้นระยะสั้นเมื่อทะลุผ่าน 1210 จุด
• หากไม่ผ่าน 1210 จุดและหลุด 1157 จุดอีกครั้ง ต้องระวังการปรับตัวลงรอบใหม่อย่างจริงจัง
________________________________________
การวิเคราะห์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนในระยะสั้นและกลางครับ
________________________________________
Elliott Wave (คลื่นเอลเลียต) คือ ทฤษฎีที่ใช้อธิบายพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์ เช่น หุ้น ทองคำ ค่าเงิน หรือคริปโต โดยเชื่อว่าการเคลื่อนไหวของราคามีลักษณะเป็นรอบคลื่นที่ชัดเจน สามารถนำไปใช้วิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคตได้
ทฤษฎีนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย Ralph Nelson Elliott ในช่วงปี 1930 โดยมีหลักการสำคัญดังนี้
________________________________________
หลักการเบื้องต้นของ Elliott Wave
ตามทฤษฎีนี้ราคาจะเคลื่อนไหวเป็น "คลื่น" (Wave) ซึ่งมีทั้งหมด 2 รูปแบบ คือ:
1. Impulse Wave (คลื่นส่ง, คลื่นขาขึ้น/ลงตามแนวโน้มหลัก)
จะมีทั้งหมด 5 คลื่น ประกอบด้วย
o คลื่นที่ 1 (ขึ้น)
o คลื่นที่ 2 (พักฐานเล็กน้อย)
o คลื่นที่ 3 (ขึ้นแรงที่สุดและชัดเจนที่สุด)
o คลื่นที่ 4 (พักฐานอีกครั้ง)
o คลื่นที่ 5 (ขึ้นอีกครั้ง แต่แรงน้อยกว่าคลื่น 3)
2. Corrective Wave (คลื่นปรับฐาน)
หลังจากจบ Impulse Wave แล้ว ราคาจะมีการปรับฐานเป็น Corrective Wave จำนวน 3 คลื่น คือ
o คลื่น A (ลง)
o คลื่น B (ขึ้นกลับมาเล็กน้อย)
o คลื่น C (ลงอีกครั้ง ชัดเจนกว่าคลื่น A)
สรุปรูปแบบมาตรฐานจะเป็น:
• ขาขึ้น : 5 คลื่น (1-2-3-4-5)
• ขาลง : 3 คลื่น (A-B-C)
________________________________________
กฎพื้นฐานของ Elliott Wave
ในการวิเคราะห์คลื่น Elliott มีข้อกำหนดที่ต้องจำให้ขึ้นใจ คือ:
• คลื่นที่ 2 ต้องไม่ลงต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของคลื่นที่ 1
• คลื่นที่ 3 ต้องไม่ใช่คลื่นที่สั้นที่สุดในบรรดา 1,3,5 (โดยทั่วไปจะยาวที่สุด)
• คลื่นที่ 4 ต้องไม่ย้อนกลับไปทับซ้อนกับคลื่นที่ 1
________________________________________
ความสำคัญและการนำไปใช้งาน
Elliott Wave ถูกนำไปใช้วิเคราะห์แนวโน้มตลาดได้หลายแบบ ได้แก่
• การระบุแนวโน้ม ว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง
• การคาดการณ์จุดกลับตัวของราคา เพื่อหาโอกาสในการเข้าซื้อหรือขาย
• ช่วยวางแผนกลยุทธ์การเทรดและการบริหารความเสี่ยง ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
________________________________________
ข้อควรระวังในการใช้งาน
แม้ Elliott Wave จะเป็นเครื่องมือที่ดี แต่ในทางปฏิบัติก็มีความซับซ้อนและอาจมีการตีความที่หลากหลาย ดังนั้น ควรนำไปใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ เช่น Fibonacci, RSI หรือ Trend Line เป็นต้น
________________________________________
สรุปง่ายๆ: Elliott Wave คือการวิเคราะห์ตลาดผ่านการนับ "คลื่น" เพื่อให้รู้แนวโน้มและ
SET จะหยุดไหลเมื่อไร?จากมุมมองในทางเทคนิคจะเห็นแล้วว่า หากเราตี fibo proj ในหลายๆชุด เราจะเห็นได้ชัดว่าตลาดไหลลงมาแล้วพักตัว +/-30จุดอยู่ในกรอบ 1187-1208 อยู่พักหนึ่งก่อนที่จะหลุดแนวรับลงมาอีกครั้ง
คำถามที่พบบ่อยมากในช่วงนี้คือตลาดจะย่อลงไปถึงไหน ผมขออ้างอิงจาก fibo proj ที่ตีไว้ 3ชุดพบว่าเกิดการคลัทเตอร์กับที่แนว
# 1155-1162
# 1100-1116 (ผมมองงแนวนี้มากกว่า)
# 1000-1026
จะเห็นว่าตลาดอาจจะย่อได้อีกไม่ไกล และต้องบอกว่าตลาดมันย่อมาเลยจุดที่ผมเคยประเมินไว้แล้ว(ตอนต้นปีที่แล้วมองไว้ว่า 1180) เพราะงั้นตอนนี้เลยใช้หลักการเดียวกันในการวัดการเคลื่อนที่ครับ
ผู้สนใจลองหาข้อมูลพื้นฐานเพิ่มเติมดูนะครับ
***หมายเหตุ เป็นเพียงการแชร์ความรู้เชิงกราฟแพทเทิร์นเท่านั้นไม่ได้เจตนาชี้นำในการลงทุนแต่อย่างใด
SET Index ใน Timeframe 1W (รายสัปดาห์)🔎 Elliott Wave Analysis - SET Index (TF: 1W)
จากกราฟ SET Index ใน Timeframe 1W (รายสัปดาห์) พบว่า SET กำลังเคลื่อนที่อยู่ใน Corrective Wave โดยโครงสร้างปัจจุบันมีความเป็นไปได้ของการจบใน WXY Correction ภายในคลื่น (C) ของ Cycle ใหญ่
---
📌 Elliott Wave Structure (คลื่นหลักที่เกิดขึ้น)
1️⃣ ระดับ Cycle (สีแดง) - A-B-C Correction
📉 (A) : เริ่มต้นจากช่วงโควิดปี 2020 ที่ราคาร่วงลงแรง
📈 (B) : เป็นการรีบาวด์ แต่ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่
📉 (C) : กำลังดำเนินอยู่ โดยมีโครงสร้างเป็น WXY Correction
---
2️⃣ ระดับ Primary (สีส้ม) - WXY Pattern
✅ W : ขาลงแรกของ Correction
✅ X : การรีบาวด์สั้น
✅ Y : กำลังดำเนินต่อไป คาดว่าจะลงไปหา 969 - 813 จุด
---
📌 วิเคราะห์แนวโน้มราคา & Target Levels
📍 แนวรับสำคัญ
🔸 1,076 จุด (Fibonacci 1.0) → แนวรับแรก
🔸 969 จุด (Low ก่อนหน้า) → จุดที่อาจมีแรงซื้อ
🔸 813 จุด (Fibonacci 1.618) → เป้าหมายลึกสุดของคลื่น (C)
📍 แนวต้านสำคัญ
🔹 1,240 - 1,300 จุด → แนวต้านแรกของการรีบาวด์
🔹 1,506 จุด → หากราคาสามารถเบรกขึ้นไป อาจเปลี่ยนโครงสร้างเป็นขาขึ้น
---
🔮 รูปแบบการจบของคลื่น (C) ได้อย่างไร?
📌 1️⃣ จบแบบ Zig-Zag (A-B-C) ธรรมดา
- หาก SET ลงไปถึง 969 จุด แล้วมีแรงซื้อ อาจจบที่จุดนี้
- หากราคาลงลึกถึง 813 จุด มีโอกาสจบคลื่น (C)
📌 2️⃣ จบแบบ Extended Wave (ขยาย)
- หากหลุด 969 จุด และยังไม่มีแรงซื้อ อาจเกิดการขยายของคลื่น (C) ไปถึง 813 จุด
📌 3️⃣ จบแบบ Ending Diagonal (รูปแบบลิ่ม)
- หากราคาลงมาในกรอบ 969 - 813 จุด แล้วเกิด Divergence ของ RSI หรือ MACD อาจเป็นสัญญาณกลับตัว
---
📌 สรุปแนวทางการเทรด
✅ หากต้องการซื้อ ควรรอดู แนวรับสำคัญ 1,076 - 969 จุด พร้อมสัญญาณกลับตัว
✅ หากต้องการ Short Sell ควรจับจังหวะรีบาวด์ไปที่แนวต้าน 1,240 - 1,300 จุด
✅ หากหลุด 969 จุด เป้าหมายต่อไปคือ 813 จุด (Fibonacci 1.618)
📢 ข้อควรระวัง: ยังไม่มีสัญญาณกลับตัวที่ชัดเจน ควรรอดูพฤติกรรมราคาก่อนเข้าเทรด 🚨
SET@QUARTERLY ซึ่งใช้วิเคราะห์แนวโน้มของตลาดหุ้นไทยSET@QUARTERLY เป็นกราฟจากโปรแกรม TradingView ซึ่งใช้วิเคราะห์แนวโน้มของตลาดหุ้นไทยโดยอิงกับ Fibonacci Retracement และ Price Action ที่ผ่านมา
________________________________________
1. เหตุการณ์สำคัญในอดีตที่ระบุในกราฟ
จากกราฟเราสามารถระบุวันที่และราคาที่สำคัญได้ดังนี้:
1. 30 ม.ค. 1998 - ดัชนีต่ำสุดที่ 204.59 จุด
o เป็นช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง (1997) ตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก
o นักลงทุนต่างชาติเทขาย ทำให้ตลาดตกต่ำสุด
2. 28 ส.ค. 2007 - ดัชนีที่ 924.70 จุด
o เป็นช่วงตลาดฟื้นตัวจากวิกฤตต้มยำกุ้ง และมีการขยายตัวของเศรษฐกิจ
o ช่วงนี้เป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤติซับไพรม์ในปี 2008
3. 30 มี.ค. 2018 - จุดสูงสุดที่ 1852.51 จุด
o เป็นช่วงที่ SET Index ทำจุดสูงสุดใหม่ในยุคหลัง
o ตลาดหุ้นได้รับแรงสนับสนุนจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการเติบโตของ GDP ไทย
4. 31 มี.ค. 2022 - ดัชนีที่ 1718.55 จุด
o ตลาดหุ้นยังคงแกว่งตัวสูงจากแรงหนุนของการลงทุนภาครัฐและฟื้นตัวจากโควิด-19
o แต่เริ่มมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอก เช่น ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจาก Fed และสงครามรัสเซีย-ยูเครน
5. 31 ม.ค. 2025 - ดัชนี 1789.16 จุด
o ปัจจุบันตลาดเริ่มมีการปรับฐานจากระดับสูง และอยู่ในช่วงที่ต้องจับตาแนวรับสำคัญ
6. แนวรับต่ำสุดล่าสุด (7 ม.ค. 2025) ที่ 1173.13 จุด
o เป็นจุดต่ำที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2025 แสดงถึงแนวรับสำคัญที่ต้องจับตา
________________________________________
2. วิเคราะห์แนว Fibonacci 61.8% ที่ 1183.85 จุด
Fibonacci Retracement 61.8% เป็นระดับที่สำคัญมาก เนื่องจากมักเป็นจุดกลับตัวของตลาด
🔹 ระดับ 1183.85 จุด เป็นแนวรับที่สำคัญมากในทางเทคนิค หากราคาปิดหลุดระดับนี้ ใน Q1/25
• อาจเกิด Bearish Breakout และมีโอกาสลงต่อเนื่อง
• แสดงถึงความอ่อนแอของตลาด และนักลงทุนอาจเริ่มตื่นตระหนก
• หากราคายืนอยู่เหนือแนวนี้ มีโอกาสที่ตลาดจะดีดกลับไปทดสอบแนวต้านที่กรณีดีมาก 1450 จุด อีกครั้ง
📌 ปัจจัยที่ต้องจับตาเมื่อราคามาถึงแนว 1183.85 จุด
• ดูวอลุ่มการซื้อขาย: ถ้าปริมาณซื้อขายต่ำ อาจเป็นสัญญาณของการร่วงต่อ
• ดูพฤติกรรมของแท่งเทียน: ถ้าเกิดแท่งเทียนกลับตัวแบบ Hammer หรือ Bullish Engulfing อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังรีบาวด์
• ดูปัจจัยพื้นฐาน: ข่าวสารเศรษฐกิจ เช่น นโยบายดอกเบี้ยของ Fed หรือ สภาพเศรษฐกิจไทย จะมีผลกระทบโดยตรง
________________________________________
3. วิเคราะห์แนวโน้มตลาดเชิงลึก
🔺 กรณีตลาดเป็นขาขึ้น (Bullish Case)
• ดัชนีต้องยืนเหนือ 1220 จุด และกลับไปยืนเหนือ 1450 จุด (Fib 78.6%)
• ต้องมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ และเม็ดเงินไหลกลับเข้าตลาด
• ปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ: การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลาง, แผนกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ
🔻 กรณีตลาดเป็นขาลง (Bearish Case)
• หากดัชนีหลุดแนวรับ 1183 จุด ใน Q1/25 ตลาดอาจลงต่อเนื่อง ซึ่งต้องประเมินต่อไป
• ปัจจัยเสี่ยง: การชะลอตัวของเศรษฐกิจ, ปัญหาหนี้ครัวเรือน, สงครามหรือปัจจัยภายนอกที่กระทบความเชื่อมั่น
________________________________________
🔎 สรุปแนวทางการลงทุน
✅ ถ้าตลาดยืนเหนือ 1220 จุด - อาจเป็นโอกาสซื้อสะสม โดยดูเป้าหมายที่กรณีดีมาก 1450 จุด
🚨 ถ้าหลุด 1183 จุด - ใน Q1/25 อาจต้องระวังแรงขาย เกิดการลงต่อเนื่อง
SET 10/03/25 กรอบเลือกทาง 1173-1209 ลงต่อ หรือหยุดลงจะหยุดลง หรือลงต่อ
กรณีลง
- หลุด 1187.5 1173
กรณีดีดขึ้น
- เบรค 1209 ยืนได้
.
W : ขาลง os 00 / ค้าง ob
- ค้าง ob ถ้าเบรค 1242.5 ได้
D : ลงสุด / ค้าง ob
- ค้าง ob ถ้าเบรค 1210 ได้
240 : ขาลง 261.8+ TSu / ค้าง ob
- ค้าง ob คาดจิ้มลึก
- กรอบ 1173-1267.5
60 : ขาลง 00 / สกปฐ.
- 1173-1209
- ถ้าเบรค 1209 จะมีหัวขึ้น
- ขึ้น rsi ob หรือพา 240 ob
- ถ้าหลุด 1187.5 ลง test 1173 sw
- ถ้าหลุด 1173 ลงไป fibo W 240 60
15 5 : sw up test บน
SET จะเด้งขึ้น หรือ ลง ต่อไปลึกกว่าเดิม ให้ดูหลัง 7 มี.ค.68SET จะเด้งขึ้น หรือ ลง ต่อไปลึกกว่าเดิม ให้ดูหลัง 7 มี.ค.68
จากการวิเคราะห์เชิงเทคนิคของ SET Weekly โดยอ้างอิงจาก TD Sequential และ Keltner Channel ที่ตั้งค่า 21, 21, 3 พบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับโอกาสฟื้นตัวของตลาด ดังนี้:
________________________________________
🔹 TD Sequential - TD Buy Setup 9 (คอนเฟิร์มวันที่ 7 มี.ค. 2025)
• TD Buy Setup 9 บ่งบอกถึงจุดที่อาจเกิด Reversal (การกลับตัวขึ้น) โดยปกติแล้วสัญญาณนี้จะมีนัยสำคัญเมื่อราคาลงมาต่อเนื่องถึงแท่งที่ 9
• อย่างไรก็ตาม สัญญาณจะมีน้ำหนักมากขึ้นหากแท่งถัดไป (สัปดาห์ถัดไป) มี Bullish Price Flip หรือเกิดแท่งกลับตัวที่แข็งแรง
• ปัจจัยที่ช่วยยืนยันการฟื้นตัว:
o แท่งเทียนกลับตัว (Reversal Candle)
o Volume ที่เพิ่มขึ้น
o เกิด Bullish Divergence กับ RSI หรือ MACD
o Breakout แนวต้านสำคัญ (เช่นเส้น EMA หรือแนวรับสำคัญในอดีต)
________________________________________
🔹 Keltner Channel (KC) ตั้งค่า 21, 21, 3
• เส้น KC Upper Band และ Lower Band บ่งบอกถึงขอบเขตของแนวโน้มและความผันผวน
• จากกราฟปัจจุบัน ราคาลงมาต่อเนื่องและกำลังแตะ KC Lower Band ซึ่งอาจเป็นจุดพักฐานหรือเด้งขึ้น
• หากราคาสามารถยืนเหนือ Lower Band ได้ และมีแรงซื้อกลับ ก็มีโอกาสฟื้นตัวระยะสั้น
• แต่ถ้าราคาทะลุ KC Lower Band ลงต่อ นั่นหมายถึงแนวโน้มขาลงยังคงแข็งแกร่ง
________________________________________
🔹 แนวรับและแนวต้านสำคัญ
• แนวรับสำคัญ: 1,170 – 1,190 (โซนที่ราคากำลังทดสอบ)
• แนวต้านสำคัญ: 1,210 – 1,220 (แนวเส้นกลางของ Keltner Channel และเส้น EMA)
________________________________________
🔹 โอกาสฟื้นตัวและแนวทางการเทรด
1. เฝ้ารอดูการยืนยันสัญญาณจาก TD Sequential
o ถ้าสัปดาห์ถัดไปเกิดแท่งเทียนกลับตัวแบบ Bullish เช่น Hammer, Engulfing, หรือ Morning Star อาจเป็นสัญญาณฟื้นตัว
2. จับตา Keltner Channel Lower Band
o ถ้าราคาสามารถกลับขึ้นมายืนเหนือ KC Lower Band ได้ อาจเกิด Technical Rebound สั้น ๆ
3. Volume และ Indicator สนับสนุนหรือไม่
o ควรดูว่า RSI, MACD หรือ Volume มีสัญญาณกลับตัวสนับสนุนหรือไม่
4. กลยุทธ์การเทรด
o หากเกิดสัญญาณกลับตัว สามารถพิจารณา Long Position (ซื้อ) โดยตั้ง Stop Loss ไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดที่เพิ่งทำไว้
o หากราคาทะลุแนวรับ 1,170 ลงไป ควร หลีกเลี่ยงการเข้าซื้อ จนกว่าจะเห็นสัญญาณกลับตัวที่ชัดเจน
________________________________________
📌 สรุปแนวโน้ม
• SET มีโอกาสเกิด Technical Rebound เนื่องจาก TD Buy Setup 9 และการทดสอบ KC Lower Band
• อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอการยืนยันจากแท่งเทียนสัปดาห์ถัดไปและ Volume
• หากเกิดแท่งกลับตัวพร้อมแรงซื้อ อาจเป็นจุดเข้าเทรดระยะสั้นที่ดี
• ถ้าหลุดแนวรับ 1,180 ให้ระวังแนวโน้มขาลงต่อเนื่อง
🔍 ติดตามการปิดแท่งวันที่ 7 มี.ค. 2025 อย่างใกล้ชิด! 🚀
SET ยังลงไม่จบ แต่หุ้นไทยไม่น้อยที่ทำ bottom pattern จบแล้วลองไล่เปิดดูหุ้นที่บวกดี ๆ ในสัปดาห์นี้ดูนะครับ มีหลายตัวมากที่เคลียร์ bottom setup (โดยเฉพาะ double bottom)ได้แล้ว ซึ่งน่าสนใจมาก ลองแหย่ดูนะครับ เผื่อบางทีช่วงนี้ตลาดจะเริ่มกลับตัวแล้วก็ได้
ปล. อย่าเสี่ยงกับหุ้น xd นะครับ มีโอกาสเสียมากกว่าได้นะครับ
04/03/25 วิเคราะห์จากกราฟ SET (Time Frame: WEEKLY)04/03/25 จากกราฟ SET (Time Frame: WEEKLY) ที่แสดง TD Sequential (BUY SETUP 9) และ Keltner Channel (KC)
🔎 TD Sequential - BUY SETUP 9
1. TD Buy Setup 9 ปรากฏขึ้น แสดงถึงภาวะ Oversold หรือมีโอกาสที่แนวโน้มขาลงจะเริ่มชะลอ และอาจมีการรีบาวด์ทางเทคนิค สัญญาณยืนยันแท่ง WEEK วันที่ 07/03/25
2. แท่งเทียนล่าสุดแสดงแท่งที่ 9 ของ TD Buy Setup ซึ่งหมายความว่าหากมีแท่งเทียนสีเขียวในช่วงถัดไป อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวระยะสั้น
3. ดู Confirmation Signal (เช่น การปิดแท่งเทียนสูงกว่าค่ากลางของแท่งก่อนหน้า) เพื่อยืนยันว่าแรงขายอ่อนแรงลง
📈 Keltner Channel (KC)
1. ราคาต่ำกว่าเส้นล่างของ Keltner Channel ซึ่งหมายความว่าตลาดอยู่ในภาวะ Oversold และมีโอกาสที่ราคาจะดีดกลับเข้าสู่ Channel
2. แนวต้านที่สำคัญ อยู่บริเวณกลางของ KC (~1,303) และแนวต้านถัดไปอยู่ที่เส้นบน (~1,443)
3. หากราคาไม่สามารถดีดกลับเข้า KC ได้ อาจบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่งและมีโอกาสทำ Lower Low ต่อไป
🎯 กลยุทธ์เทรด
✅ สำหรับสายรีบาวด์ (Short-Term Bullish)
• หากราคาเริ่มปิดเหนือแท่งเทียนก่อนหน้า อาจพิจารณาเข้าซื้อเก็งกำไรโดยมีเป้าหมายที่ 1,219 - 1,303
• ตั้ง Stop Loss หากราคาหลุดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งที่ 9 (ประมาณ 1,180)
❌ สำหรับสายเทรนด์ฟอลโลว์ (Trend Following Bearish)
• หากราคายังไม่สามารถกลับขึ้นเหนือ KC และปิดต่ำกว่าระดับ 1,180 อาจเป็นสัญญาณให้เทรนด์ขาลงแข็งแกร่งต่อไป
• เป้าหมายแนวรับถัดไปอยู่แถว 1,150 - 1,125
🔔 สรุป
• TD Sequential Buy Setup 9 บ่งบอกว่าตลาดอยู่ในภาวะ Oversold และมีโอกาสเกิด Rebound
• Keltner Channel แสดงให้เห็นว่าราคาหลุดออกจาก Channel ซึ่งอาจมี Technical Rebound กลับเข้ามาหรือเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง
• ต้องรอการยืนยันสัญญาณ (เช่น การปิดแท่งเขียว) ก่อนเข้าซื้อเพื่อความปลอดภัย
📌 จับตาแนวรับ 1,180 และแนวต้าน 1,219 - 1,303 สำหรับการเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้า! หลัง 7 มีนาคม 2568 เป็นค้นไป
ฝึกอ่านกราฟช่วงนี้เห็นข่าวของเซ็ตมันออกมาเต็มไปหมดเลยก็เลยลองย้อนกลับไปดูหน่อยในอดีตที่เคยวิเคราะห์เอาไว้ในอีกเมลหนึ่งที่ใช้วิเคราะห์หุ้นเป็นหลักช่วงของเดือนธันวาคมปีที่แล้วมันก็ยังไม่หลุดแผนอะไรนะครับเอาเป็นว่าตอนนั้นช่างมันอดีตไม่ต้องพูดเรามาพูดถึงปัจจุบันเลยกลับมาวิเคราะห์ใหม่ตามรูปที่เห็นนี่แหละครับคืออยากจะเล่าตามรูปลองอ่านทำความเข้าใจดูครับกราฟบนโลกใบนี้เป็นแบบนี้แหละไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากนี้เลยทีนี้การที่มันลงแบบต่อแท่งลงมามันไม่ใช่เรื่องที่ประหลาดแปลกใหม่อะไรเลยคือถ้ามันจะต่อแท่งลงในเดือนขนาดนี้นะแสดงว่า 1 แท่งคือ 1 เดือนเนี่ยมันลงต่อเนื่องเราก็ปล่อยให้มันลงไปถ้าเปรียบเทียบก็คือเราก็ปล่อยให้รถขนส่งมันไปขนส่งมาจากทางเหนือแล้วก็ให้มันลงไปทางใต้แล้วให้มันไปที่จุดพักรถขนส่งสินค้าก่อนเสร็จแล้วมันก็ต้องกระจายสินค้าก็คืออะไรทำ่side way สักพักนึงแล้วให้มันทำการบรรทุกใส่รถให้เรียบร้อยแล้วก็เตรียมส่งออกไปที่หัวเมืองต่างๆมันก็คือการที่จะเตรียมพุ่งขึ้นหรือจะพุ่งลงแค่นั้นเองสุดท้ายมันก็คืออะไรครับเกิด price action อะไรบางอย่างเราถึงค่อยเข้าออเดอร์ฉะนั้นในกรอบตรงนี้ฝั่งซ้ายก็มีประโยชน์เสมอฝั่งซ้ายที่
ตีกรอบเล็กๆมันคือเจ้าตลาดเอาไว้สร้างข่าวเพื่อให้เม่าเข้าออเดอร์ถ้าไม่เข้าใจก็จะเข้า order แบบมั่วๆถั่วเฉลี่ยไม้เข้าแบ่งไม้เข้าสุดท้ายก็จะโดนลากไปก่อนให้ขาดทุนสุดท้ายถ้าทนไม่ไหวก็ต้องตัดขายเพราะฉะนั้นสำคัญที่สุดก็คือ PA สำคัญสุด PA ในรูปแบบของ indicator PA ในรูปแบบของแท่งเทียนหรือ pa ในรูปแบบของเราเองที่เราจำได้ในรูปแบบนั้นๆที่เคยทำกำไรได้เอาภาพนั้นแหละมาใช้แค่นั้นเองบนโลกใบนี้ใช้แบบเดียวกันเลยส่วนการกระพือข่าวอะไรต่างๆมันอยู่ที่ด้านซ้ายของกราฟทั้งหมดนั่นแหละครับตามที่ตีกรอบให้คือจุดพักตัวนะครับลองสังเกตดูเอาตัวนี้ไปลองภาพดูกับทุกๆกราฟเลยบนโลกใบนี้อ่ะเห็นหมดเลย
ฝึกอ่านกราฟช่วงนี้เห็นข่าวออกมาอีกละตลาดหุ้นไทยเซ็ตตกหุ้นร่วงก็ยังงงๆว่ามันจะกังวลอะไรก็ในเมื่อมันต้องลงอยู่แล้วจะให้มันลงมาเท่าไหร่ก็ให้มันลงมาเลยจนกว่ามันสร้าง price action ขาขึ้นแล้วเราก็ค่อยช้อนซื้อกลับไปแค่นั้นเองวิเคราะห์เอาไว้เมื่อเดือนธันวาคมมันก็ลงไปตามแผนอยู่นะก็มาขัดเกลาเพิ่มเติมจากการมองในวันนี้เขาจะเห็นภาพประมาณนี้แหละสุดท้ายราคาปัจจุบันมันยังลงอยู่ก็อย่าเพิ่งไปเข้ามันแค่นั้นเองอย่าไปขวางรถสิบล้อรถสิบล้อมันกำลังจะลงมาอยู่ก็ปล่อยให้มันลงไปก็แค่นั้นเองอืมงง
Set ทำ new low แต่อย่าด่วนสรุปว่าตลาดหุ้นไทยแย่ช่วงนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการหาหุ้นผู้นำตลาดและจับจังหวะเทรด เพราะมันอาจจะเป็นการลงครั้งท้ายๆของดัชนีแล้วก็ได้
ที่ผมตั้งข้อสังเกตแบบนี้เพราะว่าเห็นหุ้นที่ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบปีจำนวนไม่น้อยและมาเป็นกลุ่ม ที่สำคัญคือแม้ว่าดัชนีจะทำจุดต่ำสุดใหม่แต่หุ้นผู้นำก็ยังคงยืนในโซนจุดสูงสุดที่มันขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง
ถึงตอนนั้นนี่เป็นเพียงแค่ความเห็นเท่านั้น ความเห็นไม่มีทางเอาชนะความจริงได้ ดังนั้นทุกการเทรดที่ผมเข้าในช่วงนี้ผมจะให้ระดับตัดขาดทุนที่แคบมากๆเผื่อผิดทางจะได้เสียหายน้อยเอาไว้ก่อน