SET สิ่งที่นายตลาดทำ คือ การสลายพลังเทของ Market Distribution13/06/25 ต้นสัปดาห์ ตลาดหุ้นไทย ลากวนหลอกตรง VWAP@1145 อยู่หลายวัน สิ่งที่นายตลาดทำ คือ การสลายพลังเทของครับ {Market Distribution Phase}
ความเดิมที่เราชวนกันหา "หัวคลื่น A" หลังจากการดีดตัวมาทดสอบ 38.2% ที่ 1231.01 เมื่อ 13 พ.ค.68
หลังจากนั้นเราจะเห็นว่า 14-15-16 ในสัปดาห์นั้นตลาดอ่อนกำลังทางขึ้นชัดเจน
ฟินฟลูเอนเซอร์ ต้องเตือนการพักตัวของตลาด ว่ามันกำลังจะลงกลับสู่แนวโน้มหลัก กรอบที่มีนัยสำคัญ คือ 61.8-88.6 นั่นก็คือ 1123.11-1093.78*-1076.32 {1093.78 = ปิด GAP}
ดังนั้นตั้งแต่ 15-16 พ.ค.68 เป็นต้นไป ไม่ควรแนะนำให้ไปซื้อหุ้นสวนตลาด เพราะมันชัดแล้วว่าตลาดลง
SET50 Futures ก็คือเทรดลงไม่ว่าจะ Put Option/Put DW/Short Futures
ซึ่งทางเพจก็ย้ำมาตลอดทาง ว่ามันลงนะไม่เทรดขึ้น ในมื่อวางแผนแบบนี้ไว้ล่วงหน้า แล้วเรามาตกใจอะไรกันไปใยให้ป่วยการ จิตตก เสียสุขภาพ เสียเวลา เปล่าประโยชน์
Market Distribution Phase เป็นช่วงสำคัญที่นักลงทุนต้องระวังให้มาก เพราะเป็นช่วงที่ตลาดเริ่มส่งสัญญาณว่า “จบรอบขาขึ้น” แล้ว กำลังจะ “กลับทิศ” ไปเป็นขาลง
________________________________________
🔍 อธิบายง่ายๆ: Market Distribution Phase คืออะไร?
Distribution Phase (ระยะกระจายของ):
คือช่วงที่ “รายใหญ่” หรือ “นักลงทุนสถาบัน” เริ่ม ขายทำกำไรอย่างเงียบๆ หลังจากราคาขึ้นมามากในช่วงก่อนหน้า
________________________________________
📉 ลักษณะของช่วง Distribution
ลักษณะ ความหมาย
ราคาเริ่มแกว่งตัวในกรอบแคบ (Sideway บนยอด) แรงซื้อเริ่มหมด แรงขายเริ่มแทรกเข้ามา
ปริมาณซื้อขาย (Volume) สูงในบางแท่ง แต่ราคาไม่ไปต่อ เป็นการ “ขายของออก” จากรายใหญ่ โดยไม่ให้ราคาตก
มีแท่งเทียนกลับทิศ เช่น Shooting Star, Bearish Engulfing สัญญาณว่าแรงขายเริ่มคุมตลาด
เริ่มหลุดแนวรับสำคัญ (Support) สัญญาณว่าขาลงใกล้เริ่มแล้ว
________________________________________
💡 เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย
• ตอนสะสมของ (Accumulation) = พ่อค้าตุนสินค้า
• ตอน Public Participation = ขายของดี ลูกค้ารุมซื้อ
• ตอน Excess = สินค้าราคาสูงเกินจริง คนเริ่มตะโกน “ไปต่อ!”
• ตอน Distribution = พ่อค้าเริ่มทยอย “ขายหมดโกดัง” โดยยังทำหน้าตาเฉย ไม่ให้คนอื่นรู้
________________________________________
⚠️ แล้วนักลงทุนทั่วไปควรทำอย่างไร?
1. จับสัญญาณกลับตัวให้ทัน เช่น:
o แท่งเทียนกลับทิศ
o Volume ไม่สนับสนุนการขึ้น
o ราคาทะลุแนวรับลงมา
2. หยุดซื้อเพิ่ม
3. ทยอยขายทำกำไร / ปิดพอร์ตบางส่วน
4. ตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับ
________________________________________
SET ไอเดียในการเทรด
SET มีโซนแนวต้าน FVG ขนาดใหญ่SET มีโซนแนวต้าน FVG ขนาดใหญ่
🔍 FVG คืออะไร (พื้นฐานก่อนเข้า Bear FVG)
FVG (Fair Value Gap) คือช่องว่างของราคา (Price Imbalance) ที่เกิดจากแรงซื้อหรือขายที่ "รุนแรงและไม่สมดุล" ในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ตลาดยังไม่มีโอกาส "เทรดในราคาที่ยุติธรรม" ระหว่างกลางของช่วงนั้น
เกิดขึ้นได้เมื่อ:
แท่งเทียน 3 แท่งเรียงกัน มี “ช่องว่าง” ระหว่าง High กับ Low ของแท่งเทียนที่ 1 และ 3 โดยแท่งกลางเป็นแท่งเทียนที่เคลื่อนตัวรุนแรง
________________________________________
🐻 BEARISH FVG (Bear FVG) คืออะไร?
"ช่องว่างของความไม่เป็นธรรมจากการขายรุนแรง ที่รอให้ราคากลับมาเติมก่อนจะลงต่อ"
✅ โครงสร้าง Bear FVG:
เกิดจากแท่งเทียน 3 แท่งต่อเนื่อง:
แท่งที่ 1: แท่งเขียวหรือแดง (ราคายังนิ่ง)
แท่งที่ 2: แท่งแดงใหญ่ (แรงขายรุนแรง เกิด Break Down)
แท่งที่ 3: แท่งแดง/เขียว ขึ้นเล็กน้อย หรือพักตัว
📌 Bearish FVG จะเกิดขึ้นเมื่อ:
• Low ของแท่งที่ 1 > High ของแท่งที่ 3
• เกิด “ช่องว่าง” ที่ราคาไม่ได้เทรดตรงกลางระหว่างนั้นเลย
เช่น:
แท่ง 1: Low = 100
แท่ง 2: แท่งแดงรุนแรง ลงมาถึง 90
แท่ง 3: High = 95
→ เกิด FVG ช่องราคา 95 ถึง 100
________________________________________
📈 การใช้งาน Bearish FVG ในการเทรด
1. เทรดตามแนวโน้ม (Trend Continuation)
ใช้ Bear FVG เป็น “จุดกลับตัวเพื่อเปิด Short”
• เมื่อราคา รีเทสต์กลับเข้าไปใน FVG (เช่น กลับขึ้นมาถึง 96-98 ในช่อง 95–100)
• ให้หาสัญญาณกลับตัว (เช่น Doji, Rejection wick, Bearish Engulfing)
• เข้า Short ที่ช่วง FVG
• วาง SL เหนือ High ของ FVG
• วาง TP ที่ Low ก่อนหน้า หรือ Fibonacci Ext 1.272 / 1.618
________________________________________
2. ใช้ประกอบกับ Order Block หรือ Supply Zone
• FVG มักเกิดคู่กับ Order Block (OB) ที่เป็นจุดเริ่มต้นของแรงขาย
• ถ้า OB และ FVG อยู่ใกล้กัน → เสริมความน่าเชื่อถือ
• ใช้เป็น “Zone หลอกรีบาวด์ ก่อนร่วงแรง”
________________________________________
3. FVG หลายช่วง → Zone Compression
• หากพบ Bear FVG ต่อเนื่องหลายชุด → ราคาอาจสร้าง Supply Zone แรง
• เมื่อราคากลับขึ้นมาเจอ FVG บนๆ → มีโอกาสกลับตัวรุนแรงมากขึ้น
________________________________________
🧠 คำแนะนำจากผู้คิดค้น (สไตล์มาสเตอร์):
“Fair Value Gap ไม่ใช่แค่ช่องว่างของราคา แต่คือ ‘รอยแผลของการต่อสู้ที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา’… เมื่อทหาร (ราคา) กลับมาสู่สนามรบเดิม พวกเขามักจะพ่ายแพ้อีกครั้ง”
________________________________________
✅ Checklist ก่อนเทรดด้วย Bearish FVG
เงื่อนไข ตรวจสอบแล้วหรือยัง?
เกิดแท่งแดงแรงกลาง 3 แท่งหรือไม่ ✅
มี Gap ระหว่างแท่ง 1 กับ 3 ✅
ราคาเริ่มรีเทสต์ขึ้นไปใน FVG ✅
มีแรงขายกลับตัว? ✅ (สัญญาณจากแท่งเทียนหรือ RSI divergence)
วาง SL / TP อย่างมีเหตุผล ✅
________________________________________
วิเคราะห์คลื่น SET ปรับฐานคลื่น IV Flat Correction คลื่น 5 ขา C การปรับฐานคลื่น IV เวฟหลักของดัชนี SET เป็นรูปแบบ Flat correction โดยที่มี คลื่น Strong-B ยกตัวที่ระดับ 78.6% ของคลื่น A ในช่วงโควิท บ่งบอกถึงคลื่น B ที่แข็งแกร่งและแรงซื้อที่มีมาก
ตอนนี้การปรับฐานของคลื่น C กำลังอยู่ในช่วงคลื่นที่ 5 เป็นรูปแบบคลื่นขยายโดยมีความยาวเท่ากับ คลื่น 1 + คลื่น 3 รวมกันที่ระดับ 61.8% ของคลื่น A เป็นเป้าหมายแรก ที่โซนดัชนี 1150 แล้วมีแรงซื้อกลับทันที แต่ยังไม่สามารถเบรคผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 20 สัปดาห์และเส้นกดดาวน์เทรนไลน์ของคลื่น 5 ได้
สิ่งที่น่าจับตามองในสถานการณ์นี้ คือ ความยาวของคลื่นทั้ง C เกิดขึ้นเป็นรูปแบบตามทฤษฎีคลื่น Strong-B Flat correction ย่อลงมาที่แนวรับสำคัญ โดยมีโครงสร้างตามลำดับ
คลื่น 1 ย่อตัวพักฐานมาที่ความยาว 38.6% ของคลื่นขาขึ้นก่อนหน้า
คลื่น 2 ยกตัวที่ระดับ 61.8 - 78.6% ของความยาวคลื่น 1 ถือว่ามีแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
คลื่น 3 ย่อตัวพักฐานแบบ Falling wedge มีความยาวเท่ากับ 161.8 - 200% ของคลื่น 1
คลื่น 4 มักจะเป็นคลื่นหลอกกลับตัวก่อนกลับตัวจริง มีความเร็วและรุนแรงยกตัวที่ระดับ 50 % ของคลื่น 3
คลื่น 5 ของขา C ที่มีการปรับฐานในรูปแบบขยายมีความยาวเท่ากับคลื่น 1 + 3 รวมกัน หากแต่ยังไม่มีสัญญาณ bullish divergence ใน RSI อาจจะนำไปสู่การเกิด Extended Flat Strong-B correction ที่คลื่น C ขยายตัวไปมากกว่า 61.8% ของคลื่น A
Bearish Scenario: แนวโน้มยังให้น้ำหนักฝั่งลง หากปริมาณการซื้อขายที่ลดลงต่อไป การกลับตัวอาจจะชะลอตัวและปรับฐานลงต่อไป สังเกตุจากรูปแบบการย่อตัวคลื่นแรกของคลื่น 5 เคลื่อนที่แบบเร็วและรุนแรง มีแนวโน้มที่จะขยายตัวไปที่แนวรับต่อไปที่ระดับ 78.6% ของคลื่น A ที่ระดับดัชนี 1010 ไปถึง 100% ของคลื่น A ที่ระดับดัชนี 850 ทำให้การปรับฐานมีแนวโน้มลึกเป็นระดับหรือแม้แต่ 123.6% ในกรณีที่ตลาดมีแรงขายสูง
Bullish Scenario: หากคลื่น 5 ไม่มีแรงขายส่งอาจจะเกิด Truncation ทำให้เกิดการกลับตัวก่อนเวลา ซึ่งจะสามารถยืนยันได้จากการเบรคเอ้าท์ทะลุดาวน์เทรนแชนนัลของคลื่น C หรือกลับขึ้นไปยืนดาวน์เทรนแชนนัลหรือเหนือดัชนีของคลื่น 3 ก่อนหน้านี้ได้ที่โซน 1290 เป็นการส่งสัญญาณบวก
จากนี้ไปจับตาดูสัญญาณขัดแย้งกระทิงและการทะลุเส้นแนวโน้ม 20 สัปดาห์อีก 1-2 รอบ จะมีโอกาสเป็นการกลับตัวจริง
SET ไม่เล่นขึ้น จนกว่าจะลงถึงโซนแล้วเห็น "Sell Reject"🧠 สรุปภาพรวมจากภาพ SET@DAY:
• เป็นกราฟ SET Index รายวัน ที่เน้นวิเคราะห์พฤติกรรมราคาในเฟรมกลาง–ยาว
• ใช้เครื่องมือ 3 อย่างหลัก:
1. Linear Regression Channel ±3SD (เส้นแดง)
2. Fibonacci Retracement (เส้นแนวนอนสีฟ้า-แดง)
3. Price Pattern: Rebound & Rejection
________________________________________
🔻 1. แนวโน้มหลัก (Primary Trend)
• แนวโน้มเป็น Downtrend ที่ชัดเจน
o จากจุดสูงสุด 1506.82 → จุดต่ำสุด 1056.41
o แกนกลางแนวโน้มคือ Regression Line ที่ลากลง
o ราคาวิ่ง “ใต้แนวโน้มหลัก” ตลอดเวลา
• พฤติกรรมราคาทำ Lower Highs – Lower Lows อย่างสม่ำเสมอ
________________________________________
🔁 2. การฟื้นตัวจาก -3SD: Rebound ที่ยัง “ไม่พ้นกรอบขาลง”
• SET มีแรงรีบาวด์แรงจาก 1056.41 → 1231.02
🔹 ถือเป็น การดีดตัวจากขอบล่าง -3SD กลับเข้าใกล้ค่าเฉลี่ย
• จุด 1231.02 = เป็น จุดสูงสุดของการ Rebound Wave
o แต่ไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน Fibonacci 38.2% (1228.47)
o แล้วโดนแรงขายกดกลับลงมา (เห็นจากเส้น dotted red)
• แปลว่า การดีดขึ้นนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแนวโน้มหลักได้
________________________________________
📏 3. Fibonacci Retracement
• ใช้ Fibonacci วัดจากยอด rebound → low
• จุดราคาปัจจุบัน 1149.18 อยู่ระหว่างแนว 50% (1143.72) และ 38.2% (1164.32)
ระดับ Fib จุดราคา ความหมาย
1228.47 38.2% (rebound wave) แนวต้านสูงสุด
1164.32 38.2% (pullback) แนวต้านรอง
1143.72 50% แนวรับสำคัญ → “แนวรับชี้ชะตา”
1123.11 61.8% แนวรับถัดไป ถ้าหลุด = bearish
1093.78 78.6% แนวรับสุดท้ายก่อน low เดิม
________________________________________
🧭 แนวทางกลยุทธ์:
เงื่อนไข แนวโน้ม กลยุทธ์
ยืนเหนือ 1143.72 มีโอกาส sideway / rebound เทรดสั้น ลุ้นไป 1164–1180
หลุด 1143.72 กลับเข้าสู่ bearish wave Cut loss หรือวาง short / hedge
หลุด 1123.11 เสี่ยงลงแรง เตรียมรับแนวรับสำคัญ 1093.78
หลุด 1056.41 new low, panic zone อาจเร่งขาย force sell
________________________________________
🔮 สรุปในสไตล์ "นักเทคนิคอล Fibonacci"
“SET ดีดแรงจากขอบนรก -3SD แต่ขึ้นไม่สุด ฟ้าไม่รับ วิญญาณร่วง
หากไม่สามารถเกาะแนว 1143 ได้อีกครั้ง... ราคาก็อาจถลำกลับลงไปรับกรรมที่แนว 1123 → 1093 หรือจุดเริ่มนรกเดิม 1056”
สงครามหมีกระทิงในแดน Fibonacci🐂🐻 สงครามหมีกระทิงในแดน Fibonacci
เปรียบแต่ละระดับ Fibonacci เป็น "ตำแหน่งยุทธศาสตร์" ที่สำคัญของสงครามแนวโน้ม
🔢 ระดับ Fib 📍ตำแหน่งในสงคราม 🧠 ความหมายเชิงเทรด
14.6% จุดลาดตระเวนเบื้องต้น รอยเท้าศัตรูเล็กๆ – อาจเป็นการพักตัวระยะสั้นก่อนเดินหน้าต่อ ไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่สำคัญ
23.6% ป้อมหน้า (Outpost) เริ่มเห็นแรงต้าน หรือรับ – มักใช้วัด momentum ว่ายังแข็งแรงไหม ถ้ายังไปต่อได้ แสดงเทรนด์ยังอยู่
38.2% ค่ายทหารย่อย เป็น “ฐานป้องกัน” ที่เริ่มมีความสำคัญ กระทิง-หมีเริ่มเผชิญหน้าชัดเจน มักใช้เป็น wave 2 หรือ b pullback
50.0% สนามรบหลัก จุดวัดใจกลางสนาม – ยังไม่ใช่เมืองหลวง แต่เป็นจุดที่ "ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบ" รอดูว่ากระทิงหรือหมีจะควบคุมได้
61.8% เมืองหลวง 💥 จุดยุทธศาสตร์สูงสุด – หากโดนทะลุ เทรนด์อาจ เปลี่ยนฝั่ง ได้เต็มตัว จึงเป็นแนว ตัดสินขาด
78.6% เมืองหลวงแตกแต่ยังไม่ยึด ปราการสุดท้ายก่อนแตกทัพ – โอกาสพลิกกลับมีน้อย แต่ถ้ากลับได้ = รีเวอร์แซลขั้นเทพ
88.6% เมืองหลวงลุกเป็นไฟ ⚔️ สถานการณ์สิ้นหวัง แต่ยังพอมีปาฏิหาริย์ – การถอยลึกเกินปกติ แต่หากกระทิงโต้กลับได้ อาจเป็น "V-shape reversal" แบบไม่คาดคิด
100% กองทัพถอยกลับเต็มตัว เทรนด์เดิม ตายสนิท – เท่ากับราคา ย้อนกลับ 100% จบแนวโน้มเดิม
127.2% ล้อมเมืองใหม่ เริ่มเข้าสู่แนว Extension – กองทัพเริ่มบุกไป “ยึดเมืองใหม่” ตั้งเป้าทะลุไฮ/โลเดิม
161.8% ยึดประเทศใหม่ เป็น เป้าโปรดของกระทิง/หมีที่ชนะศึก – คล้ายจุด Take Profit แรกของเทรนด์ใหม่
200% ขยายอาณาเขต เทรนด์เริ่มร้อนแรงเกินเหตุ – เข้าสู่ “ภาวะเร่ง” ที่ต้องระวังความร้อนแรงเกินจริง
261.8% จักรวรรดิใหม่ จุดสูงสุดของสงครามเทรนด์ – มักเกิดก่อนการพักฐานใหญ่หรือ Reversal – “ยิ่งสูง ยิ่งเสี่ยงหัก”
________________________________________
📌 สรุปภาพรวม
• 🔸 14.6–38.2% = โซน "พักเพื่อไปต่อ" (Pullback โซน)
• 🔸 50–61.8% = โซน "ตัดสินใจ" (Reversal Zone)
• 🔸 >100–261.8% = โซน “ขยายแนวรบ” (Extension Zone)
"ทุกวิกฤตจบที่ 1183 จุด: จุดที่ Fibonacci กลายเป็นเส้นชีวิตตลาด""ทุกวิกฤตจบที่ 1183 จุด: จุดที่ Fibonacci กลายเป็นเส้นชีวิตตลาด"
ภาพนี้คือกราฟ SET Index รายไตรมาส (SET@Quarterly) ที่แสดงการย้อนกลับของราคาหลักทรัพย์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 1975 จนถึงปัจจุบัน โดยใช้ Fibonacci Retracement จากจุดสูงสุด (ประมาณ 1789.16) มายังจุดต่ำสุด (204.59) ซึ่ง ระดับ 61.8% (ที่ 1183.85 จุด) ปรากฏว่าเป็นแนวรับสำคัญซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายวิกฤติ
🧠 ความสำคัญของแนว Fibonacci 61.8%
• Fibonacci 61.8% คือสัดส่วน "Golden Ratio" ที่มักเกิดขึ้นในธรรมชาติ และตลาดการเงินก็มักสะท้อนพฤติกรรมแบบนี้เช่นกัน
• ในแง่จิตวิทยา นักลงทุนจำนวนมากจับตาแนวนี้ และเมื่อราคาย่อลงถึง 61.8% มักมีแรงซื้อเข้ามาพยุงไว้
________________________________________
🕰️ วิเคราะห์เหตุการณ์ตามช่วงเวลาสำคัญ
📍1. จุดเริ่มต้น: 204.59 จุด (30 มิ.ย. 1998)
• หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง 1997
• SET พังจากเกือบ 1800 จุดลงมาเหลือต่ำกว่า 300 จุด
• จุดต่ำสุดเกิดในช่วง IMF เข้าแทรกแซง
• จากจุดนี้ SET เริ่มฟื้นระยะยาว
________________________________________
📍2. ปี 2008: วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (Subprime Crisis)
• จากกราฟ ราคาย่อลึกในช่วงปี 2008 แต่ยัง “ไม่หลุด” แนว 61.8% (บริเวณ 1183.85)
• เกิดแรงดีดกลับขึ้น ทำ new high
________________________________________
📍3. ปี 2020: วิกฤต COVID-19
• SET ยุบอย่างรวดเร็วช่วง Q1/2020
• ต่ำสุดใกล้ระดับ 960 จุด แต่ดีดกลับขึ้นแรง → ถือเป็น Rebound แบบ V-Shape
• อีกครั้งที่ราคาลงลึก แต่ไม่หลุด 61.8%
________________________________________
📍4. ปัจจุบัน (Q2/2025): กลับมาทดสอบ 1183.85 อีกครั้ง
• ภาพแสดงว่าราคากำลัง “ชะลอตัว” ใกล้แนวแนวต้าน 61.8%
• ถือว่าเป็นจุดวัดใจระหว่าง “พักตัวเพื่อฟื้น” หรือ “หลุดแล้วจบรอบใหญ่”
________________________________________
🔁 สรุปเชิงกลยุทธ์
เหตุการณ์ จุดต่ำสุด การฟื้นตัว สถานะของ 61.8%
วิกฤต 1997 ~204.59 เริ่มต้นรอบใหม่ เป็นฐาน
วิกฤต 2008 ~380-500 เด้งกลับแรง ไม่หลุด 61.8%
วิกฤตโควิด ~960 เด้ง V-Shape ไม่หลุด 61.8%
ปัจจุบัน ~1170 รอวัดใจ กำลังทดสอบ 61.8%
________________________________________
📌 สรุปสุดท้าย
ภาพนี้แสดงความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของ SET กับ Fibonacci 61.8% ได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะ:
• 61.8% (ที่ 1183.85) ทำหน้าที่เหมือน "แนวรับ-ต้าน ในอดีต" ที่ตลาดเคารพเสมอ
• เป็นระดับที่ รอดจากทุกวิกฤตใหญ่: ต้มยำกุ้ง / แฮมเบอร์เกอร์ / โควิด
• ขณะนี้กำลังทดสอบอีกครั้ง → เป็นจุดวัดใจของรอบใหญ่ในปี 2025
เมื่อ SET ถูกกดกลับจาก 38.2% = มีโอกาสกลับไปทดสอบแนวรับเดิมหรือตเมื่อ SET ถูกกดกลับจาก 38.2% = มีโอกาสกลับไปทดสอบแนวรับเดิมหรือต่ำกว่า
_______________________________________
อธิบายภาพ
1. โครงสร้างภาพรวม
• จุด High (Hi): 18 ต.ค. 2567 ที่ระดับ 1506.82 จุด (จุดสูงสุดในรอบนี้)
• จุด Low (Lo): 8 เม.ย. 2568 ที่ระดับ 1056.41 จุด (จุดต่ำสุดในรอบนี้)
• กราฟแสดงการเคลื่อนไหวของ SET Index ที่ดิ่งลงจาก Hi → Lo แบบต่อเนื่อง
2. การฟื้นตัว (Retracement)
• หลังจากทำจุดต่ำสุด SET มีแรงรีบาวด์หรือฟื้นตัวขึ้น
• เส้นแนวนอนแต่ละเส้น (สีน้ำเงิน-แดง) คือระดับ Fibonacci Retracement สำคัญ (วัดจากจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดรอบนี้)
3. จุดเด่นของภาพ: Fibonacci 38.2%
• ระดับ 38.2% (1228.47 จุด) ถูกเน้นด้วยตัวเลขและเส้นสีแดงในภาพ
• กราฟรีบาวด์มาชนแนวต้านนี้ (ฟื้นตัวขึ้นมาถึง 38.2% ของขาลงทั้งหมด) แล้วเกิดแรงขายกดกลับลงมาอีกครั้ง
________________________________________
หลักการ Fibonacci Retracement (Hi to Lo)
1. Fibonacci Retracement ใช้วัด "แรงฟื้นตัว" ของราคาหลังเกิดแนวโน้มใหญ่ (ขึ้นหรือลง)
o วาดจากจุดสูงสุด (Hi) → จุดต่ำสุด (Lo) ในรอบนั้น
2. ค่า 38.2% เป็นหนึ่งในโซนยอดนิยมที่ราคา "มัก" จะฟื้นตัวกลับมา (แต่ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง)
o ตามทฤษฎี: ถ้าราคาขึ้นไปแล้วหยุดที่ 38.2% มักสะท้อนว่า "ยังอยู่ในเทรนด์เดิม" (ในที่นี้ คือ เทรนด์ขาลงยังไม่จบ)
o หากผ่าน 38.2% ได้ชัดเจน เป้าหมายถัดไปคือ 50% และ 61.8% ตามลำดับ
________________________________________
สรุปความสำคัญ
• SET ฟื้นตัวได้ 38.2% แล้วหยุด: เป็นสัญญาณว่า “แรงขายจากเทรนด์ขาลง” ยังครอบงำอยู่
• โซน 38.2% = แนวต้านสำคัญที่เทรดเดอร์จับตามองว่าราคาจะไปต่อหรือไม่
• หากยืนเหนือ 38.2% ได้ อาจมีแรงดันไปสู่โซน 50% (1281.61) หรือ 61.8% (1334.76) ตามลำดับ
• แต่ถ้าถูกกดกลับจาก 38.2% = มีโอกาสกลับไปทดสอบแนวรับเดิมหรือต่ำกว่า
________________________________________
สรุปย่อ
SET Index ฟื้นตัวหลังลงหนัก แต่หยุดอยู่ที่ 38.2% ตามหลัก Fibonacci—แนวต้านสำคัญที่วัดใจตลาด! ถ้าผ่านได้ มีลุ้นขึ้นต่อ แต่ถ้ายืนไม่อยู่ อาจเห็นการทดสอบจุดต่ำใหม่อีกครั้ง
ปัจจุบันก็เห็นชัดเจนว่าไม่ผ่านแนว 38.2% นะครับ
Fibonacci 38.2% ในการวิเคราะห์กราฟ SET-WEEKFibonacci 38.2% ในการวิเคราะห์กราฟ SET
________________________________________
Fibonacci 38.2% คืออะไร?
• Fibonacci 38.2% คือ “แนวต้านสำคัญ” ที่ได้จากการลากเส้นวัดรีบาวด์ (Fibonacci Retracement) หลังจากที่ SET เกิดขาลงแรง
• ตัวเลข 38.2% มาจากหลักคณิตศาสตร์ Fibonacci ซึ่งนักเทคนิคอลใช้กันทั่วโลกเพื่อจับ “จุดเปลี่ยน” หรือ “ด่านสำคัญ” ของราคา
________________________________________
ความหมายของ 38.2% ในเชิงเทคนิค
• แนวต้านจิตวิทยา:
ราคามักจะเด้งขึ้นมาทดสอบแนวนี้หลังจบขาลงใหญ่
นักลงทุนที่ติดดอยหรือรอขายขาดทุน จะใช้จังหวะนี้ขายออก
ทำให้ราคามักหยุดชะงัก หรือพักตัวบริเวณนี้
• ถ้ายืนเหนือ 38.2% ได้:
สะท้อนว่ากำลังซื้อเริ่มกลับมา เทรนด์ฟื้นตัวมีลุ้นไปต่อถึง 50%–61.8%
• ถ้ายืนไม่ได้ หรือโดนขายหนัก:
ตลาดยังอยู่ในโหมดรีบาวด์เท่านั้น ยังไม่มีแรงซื้อจริงจัง
________________________________________
ตัวอย่างในกราฟ SET
• ในกราฟที่แสดง เส้น 38.2% อยู่ที่ 1,228.47 จุด
• จะเห็นว่าราคาวิ่งขึ้นมาทดสอบแนวนี้ และเริ่มมีแรงขายกดลง
• ถ้าราคาขึ้นไปแล้วยืนเหนือ 1,228 จุดไม่ได้ ตลาดมีโอกาสพักฐานหรือลงต่อ
• ถ้าทะลุ 38.2% ขึ้นไปได้ชัดเจน จะเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับรอบฟื้นตัว
________________________________________
สรุปสั้น:
Fibonacci 38.2% คือแนวต้านหลักที่ตลาดต้องตัดสินใจ ถ้าผ่านได้ ตลาดมีลุ้นฟื้นตัวต่อ
แต่ถ้าชนแล้วกลับตัวลงอีก แสดงว่ารีบาวด์อาจจบลงแค่ตรงนี้
SET 21/05/25 กำลังปรับฐาน D : ขาลง ที่ดีดขึ้น 38.2 ob will os
- will os 38.2
- Tsd.1195.8-1231 ถ้าไม่เ่บรค 1231 ยัง os
240 : ขึ้นไม่ถึง 161.8 จึง os 38.2
- os HL ในวันเบรค 1195.3 แต่ปิดต่ำกว่า จึงยังไม่มี TSu.
60 : os LL ลุ้นลง 161.8
- H-Budi. Tsu.1185.3-1191.5
- ถ้าเบรค 1191.5 ไม่หลุด 1185 จะ ob test 1230.3
30 15 : os HH HL
- ถ้าไม่หลุด 1185 พา 60 ob
- ถ้าหลุด 1185 ลงเป้า 1175.5 1164-62
SET หากเปิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1195 เด้งขึ้นต่อ SET หากเปิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1195 เด้งขึ้นต่อ
โดยมีแนวต้าน 1216 กับ 1231, 1245
แต่ถ้ายืนไม่ได้ มองย่อตัวต่อ โดยมีแนวรับย่อย 1188, 1182, 1175, 1166, 1150 ตามลำดับ
อาจจะพักตัวสักสองสามวันก่อนเลือกทางอีกที
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
เหตุใด Wave 1 หรือ Wave A ถึงมักมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 38.2% ดังจากเอกสาร “Overview of Fibonacci and Wave Relationships” โดย Marc Rinehart เราสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใด Wave 1 หรือ Wave A ถึงมักมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 38.2% ดังนี้:
________________________________________
🔍 พื้นฐานของแนวคิด Fibonacci Retracement
Fibonacci retracement เป็นเครื่องมือสำคัญใน Elliott Wave ที่ใช้หาจุดกลับตัวหรือแนวต้านสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของคลื่นใหม่ เช่น Wave 1 หรือ A
________________________________________
🧠 กรณี Wave 1 หรือ A:
• Wave 1 หรือ A คือ คลื่นเริ่มต้นของขาใหม่ในโครงสร้างคลื่น ซึ่งมักเกิดหลังจากตลาดปรับตัวแรงจากคลื่นก่อนหน้า (เช่น Wave 5 หรือ C จบลง)
• ผู้เล่นจำนวนมากยังไม่ “เชื่อมั่น” ว่าการกลับตัวเกิดขึ้นจริง → จึงเกิดแรงขายสวนในระยะสั้นตามแนว “ความไม่แน่ใจ” หรือ “retest”
• จากสถิติที่มีการค้นคว้า
“We typically expect only 12% of Wave 2’s to hold 38% retracements of Wave 1…”
หมายความว่า…
• เมื่อ Wave 1 (หรือ A) เด้งขึ้นจากจุดต่ำสุด → จุดสิ้นสุดของ Wave 1 จะมักไป ติดแนวต้าน Fibonacci 38.2% ของคลื่นใหญ่ก่อนหน้า
• เหตุผลคือ เป็นจุดที่ แรงขายจากผู้ติดดอย หรือผู้ที่ยังมองว่าเป็น “dead cat bounce” เริ่มทำงาน → กลายเป็นแนวต้านสำคัญ
________________________________________
📉 สถานการณ์ในตลาดจริง:
• เมื่อเกิดการปรับฐานแรง เช่นจากขาลงใหญ่ → หากราคาฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย (เช่น +38.2%) แล้วถูกเทขายลงอีก → มักหมายความว่าเป็นแค่ “Wave A” ของการย่อตัวแบบ Zigzag
• แต่หากราคาสามารถ ทะลุ 38.2% ไปได้ และถือฐานอยู่ → มีแนวโน้มสูงว่าเป็น “Wave 1” ของรอบใหม่ และจะมี Wave 3 แรงตามมา
________________________________________
✅ สรุป:
แนวต้าน Fibonacci 38.2% เป็นระดับสำคัญที่ Wave 1 หรือ A มักไปติด เพราะ:
1. เป็น “ระดับฟื้นตัวต่ำสุด” ที่ยังดูไม่น่าเชื่อถือ
2. นักลงทุนจำนวนมากใช้จุดนี้ในการ “ขายเพื่อออกของ” หรือทดสอบการกลับตัว
3. หากทะลุได้ → เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มใหม่อาจเริ่มจริง (Wave 3 หรือ C กำลังจะเกิด)
________________________________________
SET 15/05/25 SW สะสมพลังในกรอบ 1196.5-1230.3 จนกว่าจะเลือกทางสะสมพลังในกรอบ 1196.5-1230.3
รูปแบบการเกิดทรงกราฟ
a. ขึ้นทะลุ 1223.3 ปิดเหนือ W 1126.9 ยืนได้ 1230.3 ยังขึ้นต่อ
เป้า : 1238.4-1239 1281.6-1288.5
b. ลงหลุด 1207.5 ต่ำกว่า 120 Tsd. 1196.5 จะมี สญ.กลับลง
เป้า : 1189.4-1187.3 1175.5 1164-1162.6
c. แกว่งเลือกทาง สะสมพลังในกรอบ 1196.5-1230.3 จนกว่าจะทะลุทางใดทางหนึ่ง
ถ้าเลือกทางแล้ว เรามีสถานะผิดฝั่งควร SL ออกไปก่อน หากราคาไม่กลับมาในกรอบ
.
W : ขาลง กำลังรีบาวด์
- ob ดีดขึ้น 38.2 1228.4 แนวโน้มฟื้นตัว
- ถ้ายืนเหนือ 38.2 ได้จะ test 50 1281.6
- 50 ต้านจิตวิทยารวม เบรคได้มวลชนจะมองขึ้น
- ob LH LL / เปิด 1226.9
D : ขาลง กำลังรีบาวด์
- ob LH LL + H-Brdi. ยังไม่มี สญ.กลับลง
240 : กำลังขึ้น ลุ้น 161.8 1288.5
- ob HH ลุ้น 161.8
- ยังไม่มี สญ.กลับลง
60 : ขาขึ้น กรอบ 1196.5-1230.3
- จากขึ้น 00+ Brdi. os HL = ยังไม่มี สญ.กลับลง
- sw สะสมพลังในกรอบ 1196.5-1230.3
- ถ้าเบรค 1230.3 ขึ้น 1238.4-1239 1281.6-1288.5
- ถ้าหลุด 1196.5 ลง 1189.4-1187.3 1175.5 1164-1162.6
SET ติดแนวต้าน 1231 และกำลังสร้างกรอบ 1216-1207SET
ติดแนวต้าน 1231
และกำลังสร้างกรอบ 1216-1207
หากหลุด 1207-1205 จะดูไม่ดีในระยะสั้น
มีโอกาสย่อลงไปหาแนวรับ 1196 และถ้าหากหลุดอีก
จะมีแนวรับถัดไปคือ 1179, 1162 ตามลำดับ
แต่ถ้าหากไม่หลุด 1207-1205 แล้วยืนได้ ต้องเบรก
และยืนเหนือแนวต้าน 1216 ให้ได้ เพื่อที่จะขึ้นไปทดสอบ high 1231
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
วิเคราะห์ SET เมื่อตลาดทดสอบแนวต้าน Fibonacci 38.2% ที่ 1,228 จากภาพกราฟ SET รายวัน (TF: 1D) ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2025 มีรายละเอียดทางเทคนิคที่สำคัญดังนี้:
________________________________________
🔍 1. บริบทโดยรวมของกราฟ:
• SET มีการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดบริเวณ 1,056.41 จุด (เม.ย. 2025)
• ปัจจุบันราคาขึ้นมาทดสอบแนวต้าน Fibonacci 38.2% ที่ 1,228.47 จุด
• คลื่น Elliott Wave ปรากฏรูปแบบ 5 คลื่นขาลงสมบูรณ์แล้ว และกำลังเข้าสู่คลื่นฟื้นตัวรอบใหม่ (Wave 1 หรือ A)
________________________________________
📊 2. แนวรับ-แนวต้านสำคัญจาก Fibonacci Retracement:
ระดับ Fibonacci จุดที่สำคัญ ความหมาย
0.0% 1,056.41 จุดต่ำสุด (Bottom)
14.6% 1,122.17 แนวต้านย่อยแรก ถูก Break ขึ้น
23.6% 1,162.71 กลายเป็นแนวรับระยะสั้น
38.2% 1,228.47 แนวต้านหลักแรกในรอบฟื้นตัว
50.0% 1,281.62 แนวต้านเชิงจิตวิทยา
61.8% 1,334.76 แนวต้านสำคัญที่สุดใน Fibonacci
100% 1,506.82 จุดสูงสุดเดิมก่อนขาลง
________________________________________
📈 3. วิเคราะห์พฤติกรรมราคาเมื่อทดสอบ 38.2% (1,228.47):
✅ ด้านบวก (Bullish Factors):
• ราคาทะลุเส้นแนวต้านก่อนหน้า (1,188 และ 1,200) ได้อย่างแข็งแรง
• มี Impulse Wave 1 เสร็จสมบูรณ์ ตาม Elliott Wave สีฟ้า (นับเป็นคลื่นฟื้นตัวรอบใหม่)
• มีโซน Volume Profile เดิมที่เบาบางบริเวณ 1,200–1,250 → มีโอกาส “วิ่งทะลุ” อย่างรวดเร็ว หากผ่าน 1,228.47
⚠️ ด้านลบ (Risk / Bearish Signal):
• 1,228.47 คือระดับ Fibonacci 38.2% ซึ่งเป็นแนวต้านธรรมชาติของการ "Dead Cat Bounce" หรือคลื่น B
• แท่งเทียนเริ่มแสดงอาการ “ลังเล” หรืออาจเกิด bearish divergence ใน Momentum Indicator
• มีโอกาสเป็น คลื่น (B) ใน ABC corrective structure → หากไม่สามารถผ่าน 1,228 ได้อย่างมั่นคง อาจโดนเทขาย
________________________________________
🧠 4. แนวโน้มพฤติกรรมที่อาจเกิดขึ้นหลังจากนี้:
🔹 กรณี 1: “เบรก 1,228 ได้” (Breakout Confirmed)
• เป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 1,281 จุด (Fib 50%)
• อาจเป็นการเริ่ม Wave 3 ของคลื่นใหญ่ → Bullish Trend ชัดเจน
• กลยุทธ์: รอ pullback แล้วเข้าซื้อ หรือไล่ซื้อบางส่วนเมื่อเบรกยืนยัน
🔸 กรณี 2: “ชนแล้วไม่ผ่าน 1,228” (Reject @ Fib 38.2%)
• มีโอกาสเกิดคลื่น (2) หรือ B correction → ถอยมาที่โซนแนวรับ 1,188 หรือ 1,162
• กลยุทธ์: รอราคาย่อลงเพื่อซื้อเมื่อเห็น bullish signal บริเวณแนวรับ
________________________________________
📌 5. Key Zones ที่ควรจับตาในระยะสั้น:
โซน ความสำคัญ กลยุทธ์
1,228–1,230 แนวต้าน Fib 38.2% สังเกตแรงขาย / Bearish Reversal
1,188–1,200 แนวรับสำคัญ ถ้าร่วงกลับมาคือจุดทดสอบความแข็งแกร่งของเทรนด์
1,162 แนวรับลึกสุดก่อนล้มเทรนด์ฟื้นตัว หากหลุดลงมา → อาจมองว่ารอบฟื้นตัวนี้จบแล้ว
________________________________________
🎯 สรุปกลยุทธ์เทรด:
ประเภทนักลงทุน กลยุทธ์
🔄 นักเก็งกำไรระยะสั้น เทรดตาม momentum → วาง Stop ที่ 1,188 หากถือ Long
📥 รอซื้อ รอ Pullback มาที่ 1,188 หรือ 1,162 แล้วหา signal ขึ้นรอบใหม่
🛡️ นักลงทุนอนุรักษ์นิยม รอทะลุ 1,228 อย่างชัดเจน พร้อม Volume แล้วค่อยสะสม
________________________________________
SET 13/09/25 ทรงยังดี แม้ไม่เบรคบน เบรค 1220.5 ยังคงขึ้นต่อ
หลุด 1196.5 ระยะสั้นถึงจะเริ่มกลับลง
.
W : ขึ้นรีบาวด์
- ปิดแท่งเขียว
D : ขึ้นรีบาวด์
- ob test 1457.7
240 : ขาขึ้น HH
- ob test 1288.5
- เบรค 1220.5 ยังขึ้นต่อ
60 : ขาขึ้น ที่มี Budi.
- os HL ถ้าไม่หลุด 1135.3
- เบรค 1220.5 ยังขึ้นต่อ
30 : ขาขึ้น HH HL
- ob test 1220.5
- กรอบ 1196.5-1220.5
SET ติดแนวต้าน 1210-1220 และปัจจุบันมีแนวรับ 1195 SET
ติดแนวต้าน 1210-1220 และปัจจุบันมีแนวรับ 1195
หรือบริเวณแนวรับเส้น 50วัน โดยประมาณ
หากไม่หลุด จะสามารถเด้งได้ต แถมยังมี speed line รองรับอยู่
ซึ่งน่าจะเด้งได้ค่ะ และ ถ้าหากข้ามแนวต้าน 1220 ได้ก็มีโอกาสขึ้นข้าม 1280-1300
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
SET 09/05/25 อาจมีปรับฐาน ปิดเหนือ 1200.5 ยังไม่เสียทรงดีดขึ้นW : ขาลง กำลังรีบาวด์ เปิด 1200.3
- will ob test 1506.8
D : ขาลง กำลังรีบาวด์
- ob test 1457.7
240 : ob HH
- ลุ้นขึ้น 1288.5 ถ้าถึงมีหัวขึ้น(หัก)
60 : ขาขึ้น 00
- ขึ้น 00+ TSd.= จึง os
- os-L 1187.8 ถ้าไม่หลุดยังขึ้นต่อตาม fibo
- 5 มีหัวลง 1215.5 จึงพา 60 os
.
กรอบเล่น 60 = 1187.8-1220.5
- 5 กำลังพา 60 ย่อ test 1187.8
- 60 ถ้าไม่หลุด 1187.8 หรือ 5 เบรค 1215.5 จะกลับขึ้น test 1220.5
- 60 ถ้าหลุด 1187.8 หรือไม่เบรค 1220.5 จะกลับเป็นขาลง
set 07/05/25 ยืนกลับ 1200 ไม่ได้จะปรับฐานระยะกลางระยะยาวรีบาวด์
-โดยระยะกลางพาขึ้น
ระยะกลากจากขึ้นเริ่มมีปรับฐาน
-โดยระยะสั้นพาลง
.
D : ขาลง ob LH
- กำลังรีบาวด์ ยังไม่มี สญ.กลับลง
240 : ob HH
- ob ลุ้น 1288.5 ถ้าไม่ถึงยังค้าง os
- กำลังขึ้น ยังไม่มี สญ.กลับลง
60 : ขาขึ้น 00
- os HL กำลังปรับฐาน
- ถ้าไม่หลุด 1122.5 ยังไม่พัง
15 : ขาลง
- ถ้าไม่เบรค 1200.5 ลงต่อ
SET ติดแนวต้าน 1210 หากยืนได้ มีโอกาสขึ้นทดสอบ 1230SET
ติดแนวต้าน 1210 หากยืนได้ มีโอกาสขึ้นทดสอบ 1230
และ ถ้าย่อตัวไม่หลุด 1200-1190 ซึ่งเป็นแนวรับเส้น 200 วัน หรือไปต่อเลยแบบไม่ย่อ
จะมีโอกาสขึ้นไป 1280-1300 ได้
กลับกัน หากไม่ข้าม 1210 หรือไปติด 1230 แล้วย่อตัวแรงหลุด 1200
จะมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับ 1170 หรือ 1162 แถวเส้นค่าเฉลี่ยราย 50วัน
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
SET รายชั่วโมง หากไม่สามารถยืนเหนือ 1145 ได้ ย่อตัวระยะสั้น SET
รายชั่วโมง หากไม่สามารถยืนเหนือ 1145 ได้ ย่อตัวระยะสั้น โดยมีแนวรับของ
รอบนี้คือ 1112 หากย่อมาแล้วหลุด จะลงไปทดสอบ low เดิม 1065/ 1045 โดยประมาณ
กลับกัน หากยืนเหนือ 1112 ได้ ก็เด้งรีบาวน์ต่อ จนกว่าจะยืนเหนือ 1145
ถ้ายืนได้ มองเป้าแนวต้านถัดไปคือ 1167 1185 และ 1200
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
SET VS สงครามหมีกระทิงในแดน Fibonacci🐂🐻 สงครามหมีกระทิงในแดน Fibonacci
เปรียบแต่ละระดับ Fibonacci เป็น "ตำแหน่งยุทธศาสตร์" ที่สำคัญของสงครามแนวโน้ม
🔢 ระดับ Fib 📍ตำแหน่งในสงคราม 🧠 ความหมายเชิงเทรด
14.6% จุดลาดตระเวนเบื้องต้น รอยเท้าศัตรูเล็กๆ – อาจเป็นการพักตัวระยะสั้นก่อนเดินหน้าต่อ ไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่สำคัญ
23.6% ป้อมหน้า (Outpost) เริ่มเห็นแรงต้าน หรือรับ – มักใช้วัด momentum ว่ายังแข็งแรงไหม ถ้ายังไปต่อได้ แสดงเทรนด์ยังอยู่
38.2% ค่ายทหารย่อย เป็น “ฐานป้องกัน” ที่เริ่มมีความสำคัญ กระทิง-หมีเริ่มเผชิญหน้าชัดเจน มักใช้เป็น wave 2 หรือ b pullback
50.0% สนามรบหลัก จุดวัดใจกลางสนาม – ยังไม่ใช่เมืองหลวง แต่เป็นจุดที่ "ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบ" รอดูว่ากระทิงหรือหมีจะควบคุมได้
61.8% เมืองหลวง 💥 จุดยุทธศาสตร์สูงสุด – หากโดนทะลุ เทรนด์อาจ เปลี่ยนฝั่ง ได้เต็มตัว จึงเป็นแนว ตัดสินขาด
78.6% เมืองหลวงแตกแต่ยังไม่ยึด ปราการสุดท้ายก่อนแตกทัพ – โอกาสพลิกกลับมีน้อย แต่ถ้ากลับได้ = รีเวอร์แซลขั้นเทพ
88.6% เมืองหลวงลุกเป็นไฟ ⚔️ สถานการณ์สิ้นหวัง แต่ยังพอมีปาฏิหาริย์ – การถอยลึกเกินปกติ แต่หากกระทิงโต้กลับได้ อาจเป็น "V-shape reversal" แบบไม่คาดคิด
100% กองทัพถอยกลับเต็มตัว เทรนด์เดิม ตายสนิท – เท่ากับราคา ย้อนกลับ 100% จบแนวโน้มเดิม
127.2% ล้อมเมืองใหม่ เริ่มเข้าสู่แนว Extension – กองทัพเริ่มบุกไป “ยึดเมืองใหม่” ตั้งเป้าทะลุไฮ/โลเดิม
161.8% ยึดประเทศใหม่ เป็น เป้าโปรดของกระทิง/หมีที่ชนะศึก – คล้ายจุด Take Profit แรกของเทรนด์ใหม่
200% ขยายอาณาเขต เทรนด์เริ่มร้อนแรงเกินเหตุ – เข้าสู่ “ภาวะเร่ง” ที่ต้องระวังความร้อนแรงเกินจริง
261.8% จักรวรรดิใหม่ จุดสูงสุดของสงครามเทรนด์ – มักเกิดก่อนการพักฐานใหญ่หรือ Reversal – “ยิ่งสูง ยิ่งเสี่ยงหัก”
________________________________________
📌 สรุปภาพรวม
• 🔸 14.6–38.2% = โซน "พักเพื่อไปต่อ" (Pullback โซน)
• 🔸 50–61.8% = โซน "ตัดสินใจ" (Reversal Zone)
• 🔸 >100–261.8% = โซน “ขยายแนวรบ” (Extension Zone)