เส้นแนวโน้มช่องว่างฟิวเจอร์ส Bitcoin BTCเส้นแนวโน้มช่องว่างฟิวเจอร์ส Bitcoin เป้าหมายคือการเติมเต็มช่องว่างด้านล่าง เป้าหมายอยู่ต่ำกว่าเส้นแนวโน้ม ถ้ามันอยู่ต่ำกว่าช่องว่าง มันจะถอยกลับ
BTC1! ไอเดียในการเทรด
ช่องว่างฟิวเจอร์ส Bitcoinราคา Gap ของ Bitcoin Futures อยู่ระหว่าง 40325 ถึง 39640 รอการเติมเต็ม Gap ตามกฎของตลาด Gap นี้จะถูกเติมเต็ม 100%
บิทคอยน์จะปีนขึ้นหรือล่มสลายเมื่อความวุ่นวายของธนาคารลดลงหรือไม่บิทคอยน์จะปีนขึ้นหรือล่มสลายเมื่อความวุ่นวายของธนาคารลดลงหรือไม่?
บิทคอยน์จะออกจากช่วงสัปดาห์ที่แล้วทางไหน? บนหน้าจอฉันได้เน้นช่วงราคาระหว่าง 229,000 และ 226,700,เป็นตัวแทนของสูงและต่ำของระยะเวลาสัป ราคาได้เจ้าชู้กับการแบ่งข้อเสียสัมผัสที่ต่ำเป็น 226,500 แต่มีความมั่นใจปิดด้านล่าง 227,000 ยังคงเกิดขึ้น
บการเขย่ากับการล่มสลายของไม่กี่ธนาคารในภูมิภาคของสหรัฐและสวิสยักษ์เครดิต ขณะที่มันยืนก็ปรากฏว่าความเสี่ยงของธนาคารอื่นๆที่กำลังลดลงซึ่งยังอาจยับยั้งศักยภาพคว่ำ ระดับทางสรีรวิทยาของ 330000 อาจจะสูงเกินไปเป้าหมายสำหรับวัวตอนนี้ถ้าหยุดพักไปกลับหัวกลับ ทองตี$2,000 อาจจะมีแนวโน้มมากขึ้นที่จุดนี้
ที่อื่นๆในทรงกลมการเข้ารหัสลับและบางทีอาจจะใช้แรงกดดันมากขึ้นในราคาของบิทคอยน์,ฟิวเจอร์สสินค้าโภคภัณฑ์และคณะกรรมการการซื้อขายได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อไบนานซ์และผู้ก่อตั้งของฉางเป็งเซา,ที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายการซื้อขายและสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐ. ารดำเนินงาน"โปรแกรมการปฏิบัติตามที่ไม่มีประสิทธิภาพ"และจงใจละเมิดกฎหมาย "ข่าวปลอม"
ใครคือบุคคลในการเข้ารหัสลับที่มีอิทธิพลมากที่สุด?
ในทางทฤษฎีแล้วตลาดสกุลเงินดิจิทัลมีการกระจายอำนาจเป็นส่วนใหญ่ หมายความว่าไม่มีหน่วยงานหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งควบคุม อย่างไรก็ตาม มีบุคคลและองค์กรจำนวนมากในตลาดที่มีอิทธิพลและผู้ติดตามอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งพวกเขาสามารถใช้เพื่อควบคุมราคาของสกุลเงินดิจิตอล ผู้มีอิทธิพล crypto ที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ :
Vitalik Buterin: Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum มีความสามารถในการส่งผลกระทบต่อราคาของสกุลเงินดิจิตอลรายวัน โดยเฉพาะ Ethereum ความคิดเห็นและแถลงการณ์ของเขาเกี่ยวกับการพัฒนาและอนาคตของ Ethereum และตลาด crypto ที่กว้างขึ้นสามารถมีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นของนักเทรดและนักลงทุน ดังนั้นจึงส่งผลต่ออุปสงค์และราคาของ Ethereum และ cryptocurrencies อื่นๆ
ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2021 Buterin ทวีตเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูงในเครือข่าย Ethereum และความจำเป็นในการแก้ปัญหาการปรับขนาด สิ่งนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนในชุมชน crypto และส่งผลให้ราคาของ Ethereum ลดลง ความคิดเห็นของเขาสะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้ใช้ Ethereum และนักพัฒนาเกี่ยวกับความท้าทายด้านความสามารถในการปรับขนาดของเครือข่าย
Elon Musk: ในฐานะ CEO ของ Tesla และ SpaceX และหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก Elon Musk เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมาก และคำพูดและการกระทำของเขาที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrencies สร้างความสนใจและความสนใจอย่างมาก ตัวอย่างหนึ่งที่โดดเด่นเกี่ยวกับผลกระทบของ Elon Musk ต่อตลาด crypto เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2021 เมื่อเขาทวีตว่า "เพิ่งซื้อ Bitcoin มา" พร้อมกับอีโมจิหัวใจที่แตกสลาย ทวีตนี้ทำให้ราคาของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้น โดยสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นถึง 20% ในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากทวีต ปฏิกิริยาของตลาดต่อทวีตของ Musk แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่ตัวเลขที่รู้จักกันดีสามารถมีต่อความเชื่อมั่นของผู้ค้าและนักลงทุนในตลาด cryptocurrency
Changpeng Zhao (CZ): ในฐานะ CEO ของหนึ่งในการแลกเปลี่ยน crypto ที่ใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุด ความคิดเห็นและการกระทำของ CZ เกี่ยวกับ cryptocurrencies สร้างความสนใจและความสนใจอย่างมาก เขามีผู้ติดตามจำนวนมากบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งเขามักจะแบ่งปันความคิดของเขาเกี่ยวกับตลาด crypto และอนาคตของ Binance ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2021 CZ ทวีตเกี่ยวกับ Dogecoin โดยแสดงการสนับสนุนสำหรับสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมีม สิ่งนี้ทำให้ราคาของ Dogecoin พุ่งสูงขึ้นโดยสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นสูงถึง 25% ในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากทวีตถูกส่ง
Jack Dorsey: ในฐานะอดีต CEO ของ Twitter และ CEO คนปัจจุบันของ Square คำแถลงและการดำเนินการของ Dorsey ที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrencies สร้างความสนใจและความสนใจจากสื่อและสาธารณชน บางครั้งก็ส่งผลกระทบต่อราคาของ cryptocurrency ตัวอย่างเช่น ในปี 2021 Dorsey ประกาศว่าเขาได้ซื้อ Bitcoin และเป็นแฟนตัวยงของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาเชิงบวกในตลาดและราคาของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ Square บริษัทของเขายังได้ลงทุนจำนวนมากใน Bitcoin และสนับสนุนการซื้อและขาย Bitcoin ผ่านแอพเงินสด ซึ่งช่วยเพิ่มการมองเห็นและการยอมรับของ cryptocurrencies
Michael Saylor: Saylor เป็น CEO ของ MicroStrategy ซึ่งเป็นบริษัทมหาชน และได้กลายเป็นบุคคลสำคัญในชุมชน crypto เนื่องจากการลงทุนของบริษัทของเขาและแถลงการณ์สาธารณะเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตัวอย่างหนึ่งของผลกระทบของ Saylor ต่อตลาด cryptocurrency เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2021 เมื่อเขาพูดในการประชุมเสมือนจริงเกี่ยวกับการลงทุนใน Bitcoin ของ MicroStrategy ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ เขายกย่อง Bitcoin ว่าเป็น "แหล่งเก็บมูลค่าที่เหนือกว่า" และสนับสนุนให้บริษัทอื่นๆ ทำตามผู้นำของ MicroStrategy สิ่งนี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในชุมชน crypto และช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนใน Bitcoin ในฐานะ CEO ของบริษัทมหาชนที่มีการลงทุนจำนวนมากใน Bitcoin ความคิดเห็นและถ้อยแถลงของ Saylor มีน้ำหนักมากและสามารถมีผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของตลาด
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผู้มีอิทธิพลในการเข้ารหัสลับยอดนิยม มีบุคคลและองค์กรอีกมากมาย
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผู้มีอิทธิพลในการเข้ารหัสลับที่ได้รับความนิยม มีบุคคลและองค์กรอื่น ๆ อีกมากมายที่มีการติดตามและมีอิทธิพลอย่างมากในตลาดการเข้ารหัสลับ โปรดทราบว่าความคิดเห็นและการคาดการณ์ของผู้มีอิทธิพลเหล่านี้อาจไม่ถูกต้องเสมอไป และไม่ควรใช้เป็นแหล่งข้อมูลเดียวในการตัดสินใจลงทุน
นอกจากนี้ยังมีองค์กรขนาดใหญ่ที่ถือครองสกุลเงินดิจิทัลจำนวนมาก เช่น กองทุนรวมเพื่อการลงทุน กองทุนเฮดจ์ฟันด์ และกลุ่มการขุดที่สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดผ่านกิจกรรมการซื้อและขายของพวกเขา
สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าตลาด crypto นั้นมีการเก็งกำไรสูงและมีการกระจายอำนาจ ซึ่งทำให้ยากที่จะระบุว่าใครคือบุคลิกที่แท้จริงที่ควบคุมตลาด นอกจากนี้ ตลาด crypto ยังได้รับอิทธิพลอย่างมากจากความเชื่อมั่นของตลาด กฎระเบียบของรัฐบาล และการยอมรับโดยรวม
การแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอลขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กดีกว่ากัน?
เมื่อพูดถึงการซื้อขาย cryptocurrencies ผู้ค้าจำนวนมากอาจสับสนว่าจะซื้อขายสินทรัพย์ใด มีโครงการ cryptocurrency หลายพันรายการในตลาด ซึ่งมีมูลค่าตามราคาตลาดและยูทิลิตี้ที่แตกต่างกันไป นี่คือคุณภาพประการสุดท้ายที่ฉันต้องการเน้นย้ำในบทความนี้ เนื่องจากขนาดของสกุลเงินดิจิทัลอาจส่งผลต่อความผันผวนและเงื่อนไขการซื้อขายของสินทรัพย์ได้อย่างมาก
ในการเข้ารหัสลับ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดคือมูลค่าที่คุณได้รับเมื่อคุณคูณราคาต่อหน่วยของโทเค็นหรือเหรียญด้วยจำนวนโทเค็นทั้งหมดที่มีการหมุนเวียน เป็นตัวชี้วัดว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีขนาดใหญ่เพียงใด แม้ว่าคำว่า 'ขนาดใหญ่' และ 'ขนาดเล็ก' จะมีความคลุมเครือในเชิงปริมาณ แต่กฎทั่วไปก็คือ สกุลเงินดิจิทัลขนาดใหญ่มีมูลค่าตามราคาตลาดมากกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ค่าต่ำสุดมีค่าน้อยกว่าค่านี้ ตามกฎนี้ ในขณะที่เขียน ตัวอย่างของสกุลเงินดิจิทัลขนาดใหญ่ ได้แก่ Bitcoin ( BTC ), Ethereum (ETH), Tether (USDT), Binance coin (BNB), Ripple (XRP), Dogecoin (DOGE) และ คาร์ดาโน (ADA) ตัวอย่างของสินทรัพย์ที่มีทุนต่ำนั้นมีมากมายกว่าสินทรัพย์ที่มีทุนขนาดใหญ่ อันที่จริงแล้ว โครงการส่วนใหญ่ที่อยู่นอกเหนือไปจาก 50 โครงการที่ใหญ่ที่สุดมีมูลค่าต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
สกุลเงินดิจิทัลขนาดใหญ่โดยทั่วไปถือว่าผันผวนน้อยกว่าสกุลเงินดิจิทัลขนาดเล็ก เนื่องจากปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นและผู้เข้าร่วมตลาดจำนวนมากที่ดึงดูดได้ อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าสิ่งนี้สามารถล่อให้เทรดเดอร์เข้าใจผิดถึงความปลอดภัย เนื่องจากความผันผวนที่รุนแรงสามารถปรากฏในแผนภูมิของสกุลเงินดิจิทัลใดๆ โดยไม่คำนึงถึงมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด นี่เป็นเพราะยังไม่บรรลุนิติภาวะและเชื่อมโยงกันของภาคส่วน
ถึงกระนั้นก็ตาม สกุลเงินดิจิทัลขนาดเล็กมีศักยภาพในความผันผวนสูงกว่า เนื่องจากปริมาณการซื้อขายที่ลดลงซึ่งเกิดขึ้นกับสินทรัพย์เหล่านี้ และโดยทั่วไปแล้ว พวกมันมีสเปรดที่กว้างกว่า ผู้ค้าสกุลเงินดิจิทัลขนาดเล็กมองหาการเอาชนะสเปรดที่กว้างขึ้นโดยใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาที่มากขึ้นซึ่งสามารถมีอยู่ในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนเหล่านี้ ในขณะเดียวกัน เนื่องจากสินทรัพย์ขนาดเล็กดึงดูดความสนใจของผู้ค้าปลีกและสื่อได้น้อยกว่า รายงานข่าวที่เคลื่อนไหวของตลาดอาจมีไม่มาก ซึ่งหมายความว่าปัจจัยขับเคลื่อนของการเคลื่อนไหวของราคาในสินทรัพย์ขนาดเล็กอาจเป็นเรื่องลึกลับในบางครั้ง
ก่อนเลือกว่าจะซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก คุณควรทำความเข้าใจว่ากลยุทธ์การซื้อขายของคุณนำไปใช้กับลักษณะของสินทรัพย์แต่ละชนิดอย่างไรและคุณต้องการบรรลุผลอย่างไร
BTC บิตคอยน์ อนาคต ช่องว่างการตกสีแดงยังไม่ครอบคลุม การขึ้นสีเขียวไม่ได้ครอบคลุม การขึ้นและตกสีเทาสีขาวถูกปกคลุม เส้นแนวนอนสีแดงคือช่องว่าง K-line ที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และ เส้นแนวนอนสีเขียวคือช่องว่าง K-line ที่เกิดจากการลดลงในปีที่ผ่านมา , เส้นสีเทาและสีขาวคือช่องว่างทั้งหมดที่ได้รับการเติมเต็มในประวัติศาสตร์ของ Bitcoin ราคาต่ำของเส้นสีแดงนั้นมากกว่า ราคาสูงของเส้นสีเขียว ความน่าจะเป็นที่จะเติมเต็มช่องว่างในประวัติศาสตร์คือ 90%~100% มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่ช่องว่างจะถูกเติมเต็ม เส้นหนาในภาพเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ และเส้นบางๆ เป็นช่องว่างเล็กๆ เส้นในรูปนี้ ใช้ได้อีกยาวครับ
หรือว่าฤดูกาลของเศรษฐีเกิดใหม่จะกลับมาเเล้วสำหรับโลกคริปโตเคอเรนซี่ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นโลกที่วัยรุ่นยุคใหม่สนใจมากที่เนื่องจากเรื่องของนวัตกรรมการนำไปต่อยอดสิ่งใหม่ในอนาคตแล้ว กำไรของมันก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดมากไปแพ้กัน โดยจากสถิติแล้วทุกครั้งหลังจากเกิดการ Halving เหรียญบิทคอยจะวิ่งทำ All Time High เสมอ ทำให้รอบนี้เหรียญบิทคอยจะวิ่งเหมือนทุกครั้งมั้ยนะ!!!!
ในทางเทคนิคอล เหรียญบิทคอย ดูเหมอนว่าเราจะได้จุดต่ำสุดมากแล้วในเวฟสี่ที่ราคา 3120 แล้วราคาได้ทำการเคลือนที่ในรูปแบบImpulse Wave ทำไฮมาเรื่อยๆ จนถึงไฮด้านสุดท้ายที่ราคา 20650 หากราคาสามารถทะลุเเนวนี้ได้เราจะได้เจอกับการพุ่งขึ้นอย่างรุนเเรงในเหรียญบิทคอยอีกรอบแน่นอน
สำหรับทางEWTS คาดการณ์ว่าราคาบิทคอยจะสามารถราคา ATH ได้ และราคาสามารถไปที่45000-70000$ได้
ฺBTC ระวังการกระชากลงมาล้าง long เพื่อปิด CME Gap แถวๆ 9500-9700
BTC ตามรูปเลย ที่ผ่านมา ช่วงขาขึ้นปี 2019 มันก็เคยทำท่านี้นะครับ
ใครที่เข้า long leverage สูงๆ ไว้ที่ยอด ต้องระวังให้มากๆ เลยครับ
ใครอยากลุ้น ทุบมาปิด gap ก็ตั้ง buy limit ดักไว้แถวนั้นโลดครับ
เผื่อโชคดี 555
เน้นว่า ควรเป็น spot นะครับ
Vol BTC Future ของ CME เดือน ม.ค. 2020 สูงมาก หรือจะกลับตัว?นั่งส่องๆ กราฟ BTC Month ไปเรื่อย เพราะ อีกประมาณ ชม.ครึ่ง เราก็จะปิดแท่ง เดือน ม.ค. 2020
ซึ่งจริงๆ จากที่เล็งมาสักพักก็เห็นว่า ไอ้แท่งเดือนนี้ มันปิดค่อนข้างจะสวยเลย
เพราะตัว body ของแท่งเทียน มันขึ้นมาสูงกว่า 3 แท่งเทียนก่อนหน้า..
และพอเราเหลือบไปดู vol ของเดือนนี้เพียวๆ ก็พบว่า.. ( ปกติไม่ค่อยได้เปิด เพราะมันเกะกะ จอ )
อื้อหือ... Vol trade ของ CME BTC future ในเดือน ม.ค. 2020 นี่สูงมากๆ!!
ถ้าลองสังเกตุดีๆ จะเห็นได้ว่า
ในปี 2019 ก็มีเดือนที่อยู่ๆ vol ก็ peak ขึ้นมา ( Apr 2019 )
แล้วหลังจากนั้น BTC ก็เปิดฉากบินไปอีกสองเดือน
จนปิดเดือนที่ยอดสูงสุด แต่ vol แห้ง... หลังจากนั้นก็ร่วงเลย 555
ดังนั้น ถ้าเราตีความ แค่จาก vol ที่อยู่ๆ เพิ่มมาสูงกว่า vol ของ 7 เดือนก่อนหน้า
เราก็น่าจะบอกได้ว่า การขึ้นในเดือนนี้ ค่อนข้างมีนัยยะสำคัญ
และมีความเป็นไปได้สูงว่า ... เจ้าจะลากขึ้นไปต่ออีกเดือนสองเดือน
จนกว่า เม่าจะเข้า ...และ vol จะแห้ง
แล้วก็ค่อยปล่อยของเหมือนเดิม 5555
ก็มาเรียกขึ้นรถกันอีกรอบ อาจจะเป็นรอบสุดท้าย ที่ยังพอขึ้นทันนะครับ สำหรับคนที่ยังไม่ได้ขึ้น 555
BTCUSD อาทิตย์หน้า อาจจะได้เห็น 10k ก่อนโดนตบมา 8500ก็ตามรูปล่ะครับ
รอบนี้ CME Future เปิดมาหนาวแน่ สำหรับคนที่ short ไว้ก่อนปิดเสาร์อาทิตย์
เพราะพี่แกเล่นลากราคาขึ้นไป จาก ปิดวันศุกร์ 8440 ตอนนี้ 9200
นี่ยังไม่นับว่า เปิดมา เช้านี้ ตีสี่ จะเกิดการที่ short position ต้องโดนบังคับให้ปิด short อีก
ทำให้ราคา น่าจะยิ่งดีดแรงต่ออีก..
ซึ่งผมคิดว่า รอบนี้ เราน่าจะได้เห็น การทดสอบ 10k ภายในก่อนสิ้นเดือนนี้แหละ
...
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า..
ถ้ามี Gap... มันก็มักจะต้อง ย่อลงมาปิด gap
ดังนั้น ถ้ามันต้องปิด gap จริง รอบนี้เราก็คงได้เห็นการย่อ flash crash ระดับ -19% กันเลยทีเดียว
ใครที่จะไปเข้าที่ยอด 10k ก็ต้องระวังตัวกันด้วยนะครับ
...
แต่ก็อย่าไปกลัวมาก การย่อ ลงมา ถ้ามันยังไม่หลุด และเด้งกลับ 9000 ได้ในทันที
เดี๋ยวมันก็ไปต่อเองแหละ
BTC เหยียบ 9200 ในวันจันทร์นี้? เพื่อเปิด GAP CMEจากที่ผมสังเกตุมา
ไอ้เจ้า มันชอบลาก BTC เพื่อให้เกิดการเปิด Gap ที่ CME future price
เนื่องด้วยเหตุผลอะไรผมก็ไม่ทราบได้
ซึ่งผมดูทรงแล้ว เป็นไปได้สูงว่า จันทร์นี้ อาจจะเปิด Gap ขึ้น
โดยอาจจะไปลากกันหนักๆ ทะลุ 9200 แถวๆ ช่วงเสาร์ หรือไม่ก็อาทิตย์เช้า
ตอนนี้ก็เริ่มลากขึ้นมาพอสมควรแล้ว อาจจะมีการพักผ่อน ให้พวกหมีได้เข้า short กันเพิ่มอีกสักหน่อย
ไม่งั้นลากขึ้นยาก
อีกไม่นาน ก็จะมีการปิดสัญญา June ของ Bitcoin Future ของ CME แล้วด้วย ( วันที่ 28 นี้ )
ดูจากการเคลื่อนที่อย่างรุนแรงของราคา
ผมว่า วีคเอ็นนี้แหละ น่าจะรู้ผล
โปรดติดตามอย่างใกล้ชิด
BTC กำลังขึ้นมาปิด Gap ของ CME future แถวๆ 8550-8650?บางทีผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการปิด Gap ของ BTC future ของ CME เท่าไหร่
แต่ที่สังเกตุมาทีไร เวลามี gap เกิดขึ้น มันก็มักจะขึ้นไปปิด gap อยู่เรื่อย
อย่างรอบนี้ จริงๆ ก็มองไม่เห็น gap อันนี้ แต่พอมาดูดีๆ ..เออ นี่มันอาจจะเป็น gap ก็ได้นี่หว่า 555
ก็ถ้ามันปิดจริง รอบนี้ เราก็คงจะได้เห็น BTC กลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 8550-8650 กันอีกรอบ
หรือถ้าดีกว่านั้นก็คงไปทดสอบ 9000 กันเลย..
ก็ดูกันต่อไปนะครับ
ใครอยาก backtest เรื่องปิด gap ก็ลองไปเปิดกราฟไล่ดูเองนะ
