ReutersReuters

USA:ชี้หุ้นสหรัฐต้นปีนี้ได้แรงหนุนสำคัญจากกระแส AI

นิวยอร์ค--22 พ.ค.--รอยเตอร์

  • ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วราว 9% จากช่วงต้นปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นบริษัทขนาดยักษ์บางแห่ง ซึ่งรวมถึงหุ้นหลายตัวที่เกี่ยวข้องกับกระแสความนิยมในปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงความนิยมใน ChatGPT ซึ่งเป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบโต้ตอบข้อความ นอกจากนี้ ความก้าวหน้าใน AI ก็ช่วยกระตุ้นการคาดการณ์ในทางบวกที่ว่า ธุรกิจหลายแห่งจะสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้นได้อีกในช่วงหลายปีข้างหน้าด้วย ทั้งนี้ เจสสิกา ราเบอ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทดาตาเทรค รีเสิร์ชระบุว่า การพุ่งขึ้นทั้งหมดของดัชนี S&P 500 นับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้มีที่มาจากหุ้น 5 ตัว ซึ่งได้แก่หุ้นบริษัทไมโครซอฟท์, อัลฟาเบท, เอ็นวิเดีย, แอปเปิล และเมตา แพลตฟอร์มส์ และราว 25-50% ของการพุ่งขึ้นนี้เกี่ยวข้องกับกระแส AI

  • ธนาคารโซซิเอเต เจเนอราลได้มุ่งความสนใจไปยังหุ้น 20 ตัวที่กองทุน ETF ที่เน้นลงทุนด้าน AI ถือครองอยู่ในช่วงนี้ ในขณะที่สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของกองทุนกลุ่มนี้พุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 40% จากช่วงต้นปี โดยรายงานวิเคราะห์ของโซซิเอเต เจเนอราลระบุว่า ถ้าหากตัดหุ้น 20 ตัวนี้ออกไปจากดัชนี S&P 500 ปัจจัยดังกล่าวก็จะส่งผลลบราว 10% ต่อดัชนี และจะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 1.4% จากช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ประเมินว่า ปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (generative AI) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการผลิตของบริษัทต่าง ๆ และคาดว่าอัตราผลกำไรของบริษัทใน S&P 500 อาจจะเพิ่มขึ้นราว 4% ในช่วงเวลา 10 ปีหลังจากมีการนำ AI แบบรู้สร้างมาใช้ในวงกว้าง

  • การคาดการณ์ในทางบวกต่อ AI คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงตลาดหุ้นสหรัฐเอาไว้ในช่วงนี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นเผชิญกับปัจจัยลบหลายประการ ซึ่งรวมถึงความขัดแย้งในเรื่องการปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ และความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ กระแส AI ช่วยหนุนหุ้นบางตัวให้พุ่งขึ้นสูงมาก ซึ่งรวมถึงหุ้นไมโครซอฟท์ที่ทะยานขึ้นมาแล้ว 32% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ไมโครซอฟท์ถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่าในตลาดมากเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ โดยหุ้นไมโครซอฟท์ได้รับแรงหนุนหลังจากไมโครซอฟท์ประกาศเป็นหุ้นส่วนกับบริษัท OpenAI ซึ่งเป็นผู้สร้าง ChatGPT และไมโครซอฟท์นำ AI มาใช้กับ Bing ซึ่งเป็นโปรแกรมค้นหาข้อมูลออนไลน์ของไมโครซอฟท์

  • หุ้นเอ็นวิเดีย ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าในตลาดมากเป็นอันดับ 5 ของสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้ว 110% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ชิปของเอ็นวิเดียมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระแส AI ทางด้านกองทุน Global X Robotics & Artificial Intelligence ETF ที่ลงทุนใน AI พุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 30% จากช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้นักลงทุนจะรอดูผลประกอบการของเอ็นวิเดีย และจะรอดูปัญหาเรื่องเพดานหนี้สหรัฐ และตัวเลขดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐประจำเดือนเม.ย.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์ที่ 26 พ.ค.ด้วย

  • หุ้นบริษัทขนาดยักษ์ในสหรัฐได้รับแรงหนุนจากปัจจัยอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐหลังจากแตะระดับสูงในปีที่แล้ว และการที่นักลงทุนมองว่าหุ้นบริษัทขนาดยักษ์ถือเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอน อย่างไรก็ดี มีการตั้งข้อสงสัยกันว่า หุ้น AI อาจจะเผชิญกับภาวะฟองสบู่ในช่วงนี้ โดยรายงานของแบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบัล รีเสิร์ชระบุว่า หุ้น AI กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่เล็กน้อย โดยภาวะฟองสบู่นี้ถือว่ามีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับภาวะฟองสบู่ครั้งใหญ่ที่เคยเกิดกับหุ้นกลุ่มอินเทอร์เน็ตเมื่อราว 20 กว่าปีก่อน และเกิดกับบิทคอยน์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้