ราคาทองคำทรงตัวเมื่อเงินดอลลาร์สูญเสียโมเมนตัม ระดับแนวรับ 2,000ราคาทองคำทรงตัวในวันอังคาร หลังจากร่วงลงอย่างรวดเร็วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นชั่วคราว โดยตลาดต่างๆ มองว่าโลหะสีเหลืองมีแนวโน้มที่จะทดสอบแนวรับที่สำคัญ
แนวโน้มของทองคำในระยะสั้นยังคงถูกกดดันจากความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่สูงขึ้นในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดเริ่มมีราคาในความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงเดือนมิถุนายน
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งและความคิดเห็นที่เข้มงวดจากประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของมุมมองนี้ ทั้งสองปัจจัยส่งผลให้ราคาทองคำลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงสองช่วงที่ผ่านมา
เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่สูงขึ้น ซึ่งกดดันทองคำต่อไป
ราคาทองคำสปอตทรงตัวที่ 2,026.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่จะหมดอายุในเดือนเมษายนไม่เปลี่ยนแปลงที่ 2,042.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 00:23 ET (05:23 GMT)
ระดับแนวรับที่ 2,000 USD มุ่งเน้นไปที่ความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าราคาทองคำสปอตสามารถทดสอบระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
Fed Rate Tracker ของ CME แสดงให้เห็นว่าเทรดเดอร์กำลังกำหนดราคาโดยมีโอกาส 83% ที่ Fed จะรักษาอัตราดอกเบี้ยให้คงที่ในเดือนมีนาคม และคาดว่าจะมีความเคลื่อนไหวคล้าย ๆ กันในเดือนพฤษภาคม
ทองคำทดสอบราคาที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงสั้นๆ ในช่วงต้นเดือนมกราคม แต่การฟื้นตัวดูเหมือนจะหยุดชะงักลง การเคลื่อนไหวใด ๆ ที่ต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์อาจส่งผลให้ราคาทองคำลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในระยะยาวที่สูงขึ้น
ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะทำหน้าที่เป็นประเด็นสำคัญสำหรับราคา ในขณะที่เจ้าหน้าที่ Fed หลายคนก็จะพูดเช่นกันในสัปดาห์นี้
อัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่สูงขึ้นในระยะยาวจะช่วยลดความน่าดึงดูดใจของทองคำโดยการเพิ่มต้นทุนเสียโอกาสในการลงทุนในโลหะสีเหลือง
Xauusdsignal
XAUUSD วันนี้ทองคำวิ่งแคบท่ามกลางความหมดหวังลดดอกเบี้ยในระยะใกล้📈ปัจจัยพื้นฐาน
เมื่อคืนนี้ ราคาทองคำย่อ $15.13!! ลงทำ Low $2,015 / ดัชนีดอลลาร์ และ Bond Yield สหรัฐปรับขึ้นต่อเนื่อง ดอลล์ลาร์ทำ New High ในรอบ 2 เดือน!! ขานรับ ISM เผย PMI ภาคบริการสหรัฐยังแกร่งสูงกว่าคาดการณ์ทั้งภาคบริการและภาคผลิต ที่ ISM ประกาศไปในสัปดาห์ก่อน ประกอบกับ “พาวเวลล์” กล่าวย้ำ ในรายการ 60 Minutes ช่วงเช้าว่า เฟดมีแมีนวโน้มที่จะปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้ ปัจจัยเหล่านี้ จึงไปหนุนแนวโน้มที่เฟดจะตรึงดอกเบี้ยได้นาน และจึงกลับมากดดันราคาทองย่อ
ขณะที่แรงซื้อเริ่มจำกัดเนื่องจากภาพใหญ่ทองคำ จะมีแรงกดดันจากตลาดที่เริ่มลดความหวังที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ หั่นความเชื่อมั่นต่อคาดการณ์ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว และรุนแรงในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ได้จาก CME FedWatch ล่าสุด สะท้อนโอกาสเพียง 54% ที่เฟดจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. โดยสาเหตุนั้นนั้ นอกจากตัวเลขเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีแล้ว อีกส่วนมาจาก Raphael Bostic ประธานเฟดแอตแลนตา ที่กล่าวว่าเฟดได้คาดการณ์อัตราว่างงานในระยะยาว ซึ่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ระหว่างวันยังพยายามรักษาการฟื้นตัวขึ้นหลังเผชิญกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหลายรายการ ที่ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ดี นักลงทุนจำนวนไม่น้อยให้น้ำหนักต่อคาดการณ์ที่เฟดอาจปรับลดเพียง 4 ครั้งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ชี้ว่าตลาดอาจถูกกดดันให้ลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดลงได้อีกจากปัจจุบัน ค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจึงยังคงมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในระดับสูง ทำให้ราคาทองคำมีปัจจัยที่คอยกดดันให้การฟื้นตัวขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด
🙏Credit ข้อมูลโดย : บ. ylgbullion .co .th
อนึ่งสถานการณ์สุ่มเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์แถบตะวันออกกลางยังคงไม่ผ่อนคลาย นักลงทุนยังต้องติดตามปัยจัยนี้อย่างใกล้ชิด
📊เทคนิคอล 🧩แนวคิดประจำวัน
เช้านี้มีแรงซื้อทางเทคนิคในระยะสั้นจากสัญญาณ Bullish Divergence ใน Timeframe 1H ราคาทองจึงขึ้นมาแกว่งตัวในกรอบแคบๆ 2,023-2,029 ดอลลาร์ ประเมินว่าหากราคาทดสอบแนวต้าน 2,041-2,051 ยังไม่สามารถยืนได้ อาจเกิดแรงขายกดดันราคาทองคำ ปรับตัวลงช่วงสั้นต่อ /แนะนำ เปิดสถานะขายเก็งกำไรระยะสั้น หากราคาดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านดังกล่าว / ลดสถานะขายหรือพิจารณาตัดขาดทุน หากราคาผ่านแนวต้านโซน 2,065 // ปิดสถานะ Sell เอากำไรระยะสั้นหากราคาอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับบริเวณ 2,014-2,000 และยังยืนได้(ทยอยเข้าซื้อหากมีพบความเหมาะสม)
แนวต้าน
2170.00 Daily**
2135.00 Daily***
2090.00 Daily***
2051.00 intraday
2041.00 intraday
2033.00 intraday
แนวรับ
2019.00 intraday
2014.00 intraday
2008.00 intraday
2005.00 Daily***
1970.00 Daily***
1930.00 Daily***
***จำนวนเครื่องหมายดอกจันแสดงถึงความแข็งแกร่งของระดับแนวรับและระดับแนวต้าน
🔽แนวคิดแผน Sell 1 (6กพ)
Scalping
Sell 2033-2036 / 2041-2044
Sl 2046
TP1 2024
TP2 2015
TP3 2006
TP4 1995
แผน 1
Sell 2050-2055
SL 2066
TP1 2030
TP2 2010
TP3 1990
แผน 2
Sell 2065-2075
Sl 2095
TP1 2045
TP2 2025
TP3 2005
TP4 1985
🔼แนวคิดแผน Buy (6 กพ)
แผน 1 (5 ก.พ)
Buy 2008-2005
Sl 1995
TP1 2030
TP2 2050
TP3 2070
TP4 2090
แผน 2
Buy 2002-2000
sl 1985
TP1 2020
TP2 2040
TP3 2060
แผน 3 6 กพ
Buy 1986-1982
Sl 1969
TP1 2005
TP2 2025
TP3 2045
TP4 2065
TP5 2085
ฝั่ง Buy ต้องระวังการตั้งฐานบริเวณ 2005-2000 แนวรับจิตวิทยานะครับ 🙏เทรดด้วยความระมัดระวัง หากหลุดแนวรับ 2000 อาจเกิด Panic sell เปิดโอกาสให้ราคาทองคำปรับลงทดสอบ 1990 ได้ โฟกัสเฉพาะจุดกลับตัวชัดๆ เพื่อเก็งกำไรระยะสั้น
.........................
⚠️ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่่ยงสูง แนะนำให้นักลงทุนติดตามปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำอย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจลงทุนยังไงก็ขอให้เพื่อนๆประสบความสำเร็จในการลงทุน
Gold ร่วงหลัง Nonefarm ดียกแผง แต่ยังยืนเหนือแนวรับ Daily📈ปัจจัยพื้นฐาน
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำเคลื่อนไหว ภายใต้ความกังวลของสถานการณ์ความไม่แน่นอนจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง และตลาดยังคาดหวังว่าตัวเลข Nonfarm เมื่อคืนวันศุกร์อาจจะลดต่ำลงกว่าคาดตามไปด้วย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์คือ ทองคำแอบมีแรงขายออกมาเป็นทุกระยะแนวต้าน 2033 /2048 /2056/ 2065 และท้ายที่สุดก็มีแรงขายลงมา หลังตัวเลขแรงงานวันศุกร์แกร่ง!! ราคาทองคำมาพลิกกลับมาปรับตัวลดลง ทันทีที่สหรัฐประกาศตัวเลขตลาดแรงงาน ที่แกร่งกว่าคาดยกแผง จนทองร่วง $14.87!! ดอลล์-บอนยีลด์ฟื้น !! ปัจจัยเหล่านี้จึงไปกระตุ้นคาดการณ์เฟดไม่รีบลดดอกเบี้ย กลับมากดทอง Low $2,028
🙏Credit : shininggold . com / ylgbullion .co .th
👀เช้านี้ทองคำเปิด GAP กระโดดเล็กน้อยจาก 2039 ไป 2042 ก่อนกลับลงมาปิด GAP จนสนิทในทันที สาเหตุก็น่าจะมาจากการสอดรับกับข่าวที่สหรัฐประกาศโจมตีกลุ่มติดอาวุธฮูตีในเยเมนครั้งใหม่ เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และฮูตีก็ให้คำมั่นจะตอบโต้การโจมตีทางอากาศที่นำโดยสหรัฐ และอังกฤษ หลังจากสหรัฐ และพันธมิตรกำหนดเป้าหมายพื้นที่ของกลุ่มฮูตีในเยเมน 13 แห่ง ที่นับเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การโจมตีครั้งแรกเมื่อ 11 ม.ค.เลยก็ว่าได้ แต่หากเปรียบเสมือน Action ที่เกิดขึ้นในตลาดทองคำเช้านี้ก็ดูเหมือนจะน้อยอยู่มาก ระหว่างวันแกว่งตัวในกรอบ 2,029-2,042 โดยราคาค่อยๆแกว่งซึมตัวลง หลังดัชนีดอลลาร์แร์ละบอนด์ยีลด์สหรัฐกลับมาเคลื่อนไหวทิศทางปรับตัวขึ้นและเช้านี้ได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากเงินหยวนสลับมาอ่อนค่า หลังไฉซินเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการในเดือน ม.ค.ที่ลดลงสู่ระดับ 52.7
สวนจากคาดการณ์ ทั้งนี้แนะนำให้จับตาตัวเลขศก.สหรัฐรวมถึงถ้อยแถลงจนท.เฟดอย่างใกล้ชิด
🙏Credit : shininggold . com / ylgbullion .co .th
📊เทคนิคอล
กราฟรายสัปดาห์ที่ผ่านมาแม้จะปิดเป็นกราฟเขียวแต่ในภาพกราฟ DAY ก็ยังคงแสดงภาวะแรงขายที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง /กราฟ Month ยังกดลง / กราฟ 4H Rebound /แสดงภาวะความขัดแย้งกันอย่างมากในแต่ละ TF ดังนั้นจะเลือกให้สัญญาณ Rebound ก่อน แต่หากไม่สามารถทะลุผ่าน 2055 และ 2075 ได้ตามลำดับ ก็จะให้น้ำหนักไปทางฝั่ง Rebound เพื่อลงเช่นเดิม
🧩แนวคิดประจำวัน
🛸มุมมองฝั่ง Sell
ราคาทองคำ เคลื่อนไหวผัวผวนขึ้น หากราคาปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน ไม่สามารถยืนได้ อาจเกิดแรงขายเพิ่มเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคามีการปรับตัวขึ้น ยังคงมีแรงขายเข้ามากดราคาอย่างชัดเจน // แนะนำ เปิดสถานะขายเพื่อทำกำ ไรระยะสั้นหากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 2050-2065 รอปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาปรับตัวลงสามารถยืนเหนือโซนแนวรับ 2,020-2,2000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
🚀มุมมองฝั่ง Buy
กลยุทธ์วันนี้รอย่อเข้าหาหาแนวรับ หาสัญญาณกลับตัวเพื่อเปิดสถานะ Buy เมื่อราคาปรับลดลงไม่หลุดบริเวณแนวรับ 2020-2000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รอเป้าทำกำไร 2050-2065- 2075 หากผ่านและยืนได้ชะลอการปิดสถานะไปที่โซนถัดไป 2088-2106(Trillingstop) ทั้งนี้สถานะบายยังควรเน้นการลงทุนระยะสั้น เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นทยอยปิดสถานะซื้อทำกำไร หากราคาไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 2050-2065 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ชะลอการเข้าซื้อ หรือตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวต้าน
2170.00 Daily**
2135.00 Daily***
2090.00 Daily***
2057.00 intraday
2052.00 intraday
2047.00 intraday
แนวรับ
2033.00 intraday
2026.00 intraday
2020.00 intraday
2005.00 Daily***
1970.00 Daily***
1930.00 Daily***
***จำนวนเครื่องหมายดอกจันแสดงถึงความแข็งแกร่งของระดับแนวรับและระดับแนวต้าน
🔼แนวคิดแผน Buy (5 กพ)
แผน 1 (2 ก.พ)
Buy 2023-2021-2019
Sl 2007
TP1 2035
TP2 2055
TP3 2075
TP4 ปล่อย(2090)
TP5 ปล่อย(2135)
แผน 2 (5 ก.พ)
Buy 2008-2005-2002
Sl 1983
TP1 2030
TP2 2050
TP3 2070
TP4 2090
ฝั่ง Buy ต้องระวังการตั้งฐานบริเวณ 2005-2000 แนวรับจิตวิทยานะครับ 🙏เทรดด้วยความระมัดระวัง หากหลุดแนวรับ 2000 อาจเกิด Panic sell เปิดโอกาสให้ราคาทองคำปรับลงทดสอบ 1990 ได้ โฟกัสเฉพาะจุดกลับตัวชัดๆ เพื่อเก็งกำไรระยะสั้น
.........................
🔽แนวคิดแผน Sell 1 (5กพ)
Scalping
Sell 2040-2043
Sl 2056
TP1 2030
TP2 2010
TP3 1990
แผน 1
Sell 2055-2060
SL 2065
TP1 2030
TP2 2010
TP3 1990
แผน 2
Sell 2065-2075
Sl 2095
TP1 2045
TP2 2025
TP3 2015
TP4 2005
⚠️ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่่ยงสูง แนะนำให้นักลงทุนติดตามปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำอย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจลงทุนยังไงก็ขอให้เพื่อนๆประสบความสำเร็จในการลงทุน
(ติดตามสัญญาณฟรีผ่าน Telegram -ของเราไม่มีเงื่อนใข)
โปรดช่วยสนับสนุนพวกเราและช่องฟรีด้วยการกดปุ่มไลค์/เพิ่มความคิดเห็นต่อเรา 🚀 และเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ ผู้ให้การสนับสนุน 🙏ขอขอบพระคุณมากครับ
ค่าเงินดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบแปดสัปดาห์เนื่องจากการคาดการณ์กเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบแปดสัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในวันจันทร์ เนื่องจากผู้เข้าร่วมตลาดได้ปรับการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางสหรัฐ การปรับเทียบการเดิมพันการปรับลดอัตราดอกเบี้ยใหม่เกิดขึ้นภายหลังรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และความคิดเห็นจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ ที่แนะนำว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมไม่น่าจะเป็นไปได้
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งติดตามค่าเงินดอลลาร์เทียบกับตะกร้าสกุลเงิน สูงสุดที่ 104.18 ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม การเพิ่มขึ้นของค่าเงินดอลลาร์เกิดขึ้นหลังจากรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ สหรัฐฯ เอาชนะการคาดการณ์ของตลาดและเสริมความคิดเห็นล่าสุดโดย พาวเวลล์ว่าความเข้มแข็งของเศรษฐกิจอาจทำให้เฟดอดทนในการปรับอัตราดอกเบี้ยได้
การประเมินความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed อีกครั้งนั้นเห็นได้ชัดในการประเมินมูลค่าตลาด โดยปัจจุบันเครื่องมือ CME FedWatch แสดงโอกาสเพียง 20% ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม ซึ่งลดลงอย่างมากจากโอกาสเกือบ 50% ราคาชุดประกอบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . ความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคมก็ลดลงเช่นกัน
ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ "60 Minutes" ของ CBS นายพาวเวลล์กล่าวว่าเฟดมีสิทธิ์ที่จะ "ระมัดระวัง" ในการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยโดยพิจารณาจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ
ฟิวเจอร์สกองทุนเฟดสะท้อนถึงความรู้สึกนี้ โดยคาดว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายพื้นฐานประมาณ 137 จุดในปีนี้ ลดลงจาก 150 จุดพื้นฐานที่คาดการณ์ไว้เมื่อปลายปีที่แล้ว
เงินเยนอ่อนค่าลงเป็น 0.15% อยู่ที่ 148.58/USD แตะระดับต่ำสุดที่ 148.82 ดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.33% สู่ระดับ 0.6490 ดอลลาร์ และดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.25% สู่ระดับ 0.6050 ดอลลาร์ เงินปอนด์อังกฤษก็แตะระดับต่ำสุดที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม ที่ 1.2600 ดอลลาร์สหรัฐฯ
อัตราผลตอบแทนกระทรวงการคลังสหรัฐสะท้อนถึงความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราผลตอบแทนสองปีเพิ่มขึ้นเกือบ 7 จุดเป็น 4.4386% และอัตราผลตอบแทนมาตรฐาน 10 ปีเพิ่มขึ้น 5 จุดพื้นฐานเพิ่มขึ้น 4.0829%
ประเด็นสำคัญประจำสัปดาห์นี้: การประชุมของเฟดและการจ้างงานนอกภาคเธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในการประชุมวันที่ 30-31 มกราคม ซึ่งตลาดมองหาเบาะแสว่าธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะเริ่มเมื่อใด เริ่มลดต้นทุนการกู้ยืมหลังจากหนึ่งในรอบที่ตึงเครียดที่สุดครั้งหนึ่ง ในทศวรรษ
ความคาดหมายว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยทันทีในเดือนมีนาคม 2567 ทำให้เกิดการขึ้นอย่างรวดเร็วของหุ้นและพันธบัตรในช่วงปลายปี 2566 สำหรับตอนนี้ นักลงทุนยังคงเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในปีนี้ แต่แข็งแกร่งกว่า- ข้อมูลเศรษฐกิจที่คาดหวังและการต่อต้านจากผู้กำหนดนโยบายต่อการผ่อนคลายในช่วงต้นได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของตลาดว่าเฟดจะเดินหน้าการปรับอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสแรกของปี 2567
สัญญาณที่แสดงว่าประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ เห็นด้วยที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงในปัจจุบันต่อไปอีกสักหน่อยอาจสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่ออัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐและเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ราคา
นอกจากนี้ ตลาดจะติดตามดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะประกาศในวันศุกร์ (2 กุมภาพันธ์) ผลการสำรวจของรอยเตอร์แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าจะสร้างงานใหม่ได้ 162,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคม เทียบกับ 216,000 ตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า
รายงานผลประกอบการ การตัดสินใจของ Fed ในสัปดาห์นี้ราคาหุ้นล่วงหน้าของสหรัฐฯ วนเวียนอยู่รอบทั้งสองด้านของเส้นทรงตัวในวันจันทร์ เนื่องจากเทรดเดอร์เตรียมพร้อมรับรายงานรายได้ของบริษัทสำคัญๆ และการตัดสินใจของธนาคารกลางเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
เมื่อเวลา 05:07 ET (10:07 GMT) สัญญา Dow Jones ร่วงลง 55 จุดหรือ 0.1% S&P 500 ลดลง 3 จุดหรือ 0.1% และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Nasdaq 100 เพิ่มขึ้นอีก 19 จุดหรือ 0% แรก
การเริ่มต้นปีใหม่ที่มั่นคงสำหรับดัชนีหุ้นหลักของ Wall Street มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับการทดสอบที่เข้มงวดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นักลงทุนจะวิเคราะห์ข้อมูลจากธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดบางแห่งของอเมริกาและรับความคิดเห็นที่มีอิทธิพลจาก Federal Reserve ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สามารถช่วยชี้แจงแนวโน้มเศรษฐกิจในวงกว้างได้ ใหญ่กว่า (ดูด้านล่าง)
S&P 500 ร่วงลง 0.1% เมื่อวันศุกร์ ทำให้ดัชนีมาตรฐานอยู่ใกล้ระดับสูงสุดตลอดกาล ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงความคาดหวังของตลาดว่าอัตราเงินเฟ้ออาจลดลงโดยไม่ชะลอการเติบโต - สถานการณ์ที่มักเรียกกันว่า "การลงจอดอย่างนุ่มนวล" ดัชนี Nasdaq Composite ก็ร่วงลง 0.4% ในช่วงสิ้นสุดสัปดาห์การซื้อขายก่อนหน้า ในขณะที่ดัชนี Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.2%
2. รายได้มหาศาลรออยู่ข้างหน้า
สัปดาห์นี้จะมีการประกาศผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและอาจทำให้ตลาดสั่นคลอนจากบริษัทหลายแห่ง รวมถึงหุ้นที่เรียกว่า "Magnificent 7" จำนวนมากที่กระตุ้นให้ตลาดหุ้นพุ่งสูงขึ้นในระยะสั้น นี้
ในวันอังคาร Microsoft จะรายงานหลังระฆัง เพียงไม่กี่วันหลังจากที่มูลค่าตลาดของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายนี้ทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google (NASDAQ:GOOGL) ซึ่งเหมือนกับ Microsoft ที่ได้รับประโยชน์จากกระแสกระแสโฆษณาปัญญาประดิษฐ์ก็จะเปิดเผยตัวเลขล่าสุดหลังตลาดปิดประตู
ในวันพุธจะมีผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ Qualcomm (NASDAQ:QCOM) โดยนักลงทุนกำลังรอจุดยืนของกลุ่มบริษัทในซานดิเอโกเกี่ยวกับการผลิตชิปในปีหน้า ตัวเลขรายไตรมาสยังมาจาก Boeing (NYSE:BA) ผู้ผลิตเครื่องบินที่กำลังดิ้นรนซึ่งถูกตรวจสอบอย่างละเอียดหลังจากเหตุระเบิดอันตรายบนเครื่องบิน 737 Max 9 รุ่นใดรุ่นหนึ่งเมื่อต้นเดือนนี้ เช่นเดียวกับ Novo Nordisk (NYSE:NVO) ผู้ผลิตยาสัญชาติเดนมาร์กที่ผลิตยาลดน้ำหนัก Wegovy ยอดนิยม
บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จำนวนมากจะก้าวเข้าสู่จุดสนใจในวันพฤหัสบดี รวมถึงผู้ผลิต iPhone Apple, Amazon ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซ และ Meta Platforms ที่เป็นเจ้าของ Facebook (NASDAQ:META)
3. จุดสนใจอยู่ที่การตัดสินใจของเฟด
ตลาดจะจับตาดูธนาคารกลางสหรัฐเนื่องจากธนาคารกลางที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกจัดการประชุมนโยบายสองวันล่าสุด
เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่าสองทศวรรษหลังการประชุมในวันพุธ โดยเน้นไปที่ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มต้นทุนการกู้ยืมในระยะสั้น
ในเดือนธันวาคม เฟดส่งสัญญาณว่าสามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้หกครั้งในปีนี้ ทำให้เกิดความหวังที่จะลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วที่สุดในเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม ผู้กำหนดนโยบายบางรายได้ลดความคาดหวังเหล่านี้ลง โดยชี้ให้เห็นว่ายังคงมีความกังวลว่าภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็วอาจกระตุ้นให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงได้
การคาดการณ์ล่วงหน้าที่แข็งแกร่งเกินคาดของการเติบโตของสหรัฐในไตรมาสที่สี่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังตอกย้ำความเป็นไปได้ที่เฟดจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ในขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนมกราคมในวันศุกร์จะแสดงความยืดหยุ่นอย่างต่อเนื่องในตลาดแรงงานสหรัฐฯ แม้ว่า Fed จะไม่สามารถรวมข้อมูลเฉพาะนี้ตามการคาดการณ์ล่าสุดได้
วิธีที่เฟดมองว่าราคาเพิ่มขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาในปี 2024 จะส่งผลต่อการเดิมพันในช่วงเวลาของการปรับลดครั้งแรก ตามเครื่องมือติดตามอัตราดอกเบี้ยของ Fed ของ Investing.com มีโอกาสเกือบ 50% ที่ธนาคารจะดำเนินการดังกล่าวในเดือนพฤษภาคม
USD ทรงตัว นักลงทุนรอข้อมูลเศรษฐกิจและสัญญาณของ Fedเงินดอลลาร์เริ่มต้นสัปดาห์ที่มั่นคงในขณะที่นักลงทุนวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนการประชุมนโยบายธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลางก็จำกัดจิตวิทยาความเสี่ยง
ดัชนี USD ซึ่งเป็นมาตรวัดสกุลเงินสหรัฐเทียบกับคู่แข่ง 6 ราย เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ 103.50 ในวันจันทร์ และยังคงอยู่ใกล้กับระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 103.82 ที่แตะระดับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2% ในเดือนมกราคม เนื่องจากเทรดเดอร์ลดความคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เนิ่นๆ และเชิงลึก
ในเดือนธันวาคม เฟดสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยท่าทีแบบผ่อนคลายและคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานที่ 75 จุดในปี 2567 ส่งผลให้ผู้ค้าปรับราคาในลักษณะผ่อนคลายเชิงรุก โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในต้นเดือนมีนาคม
แต่ตั้งแต่นั้นมา ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและปฏิกิริยาจากธนาคารกลางทำให้เทรดเดอร์ปรับความคาดหวัง เครื่องมือ CME FedWatch แสดงให้เห็นว่าตลาดกำลังกำหนดราคาโดยมีโอกาส 48% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม เทียบกับโอกาส 86% ณ สิ้นเดือนธันวาคม
“ตลาดตระหนักดีว่าวงจรที่เข้มงวดสิ้นสุดลงแล้ว” Marc Chandler หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ Bannockburn Forex กล่าว อย่างไรก็ตาม พวกเขามีการเคลื่อนไหวอย่างแข็งแกร่ง โดยกำหนดราคาแบบผ่อนคลายเชิงรุกโดยธนาคารกลาง G10 ส่วนใหญ่”
แชนด์เลอร์กล่าวว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้ามีแนวโน้มที่จะแก้ไขแนวโน้มที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วต่อไป
ข้อมูลเมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าราคาในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นปานกลางในเดือนธันวาคม ทำให้อัตราเงินเฟ้อต่อปีเติบโตต่ำกว่า 3% เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และตอกย้ำความคาดหวังว่าการลดอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปีนี้
ความสนใจของนักลงทุนในสัปดาห์นี้จะมุ่งเน้นไปที่การประชุมนโยบายสองวันของธนาคารกลางสหรัฐซึ่งจะเริ่มในวันอังคาร โดยธนาคารกลางคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม โดยปล่อยให้ความสนใจมุ่งเน้นไปที่ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ และความคิดเห็นของเขา
นอกจากเฟดแล้ว นักลงทุนยังจะได้ดูชุดข้อมูลเศรษฐกิจ รวมถึงข้อมูลการว่างงานของสหรัฐฯ และรายงานบัญชีเงินเดือนที่จะช่วยวัดความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน
เงินยูโรอ่อนค่าลง 0.08% อยู่ที่ 1.0842 ดอลลาร์ และมีแนวโน้มว่าจะร่วงลง 2% ในเดือนนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วธนาคารกลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4% และยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์กำลังเดิมพันว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนเมษายน โดยมีจุดพื้นฐานเกือบ 140 จุดของการปรับราคาในปีนี้
เงินสเตอร์ลิงซื้อล่าสุดที่ 1.2704 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.01% ในวันก่อนการประชุมนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษในสุดสัปดาห์นี้
ทองคำโลกแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในวันอังคาร (30 มกราคม) โดยได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลง ในขณะที่ความสนใจหันไปที่การประชุมนโยบายของสหรัฐฯ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กำลังมองหาข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับ แผนงานเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ในช่วงสิ้นสุดเซสชั่นการซื้อขายของวันอังคาร สัญญาทองคำสปอตเพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 2,035.86 USD/ออนซ์ หลังจากที่แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มกราคมในช่วงเริ่มต้นเซสชั่น สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 0.5% เป็น 2,054.40 USD/oz
Daniel Pavilonis นักยุทธศาสตร์การตลาดอาวุโสของ RJO Futures ให้ความเห็นว่า “ความผันผวนส่วนใหญ่ในตลาดทองคำมีสาเหตุมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและค่าเงิน USD ที่อ่อนค่าลง แต่เราเห็นว่าตลาดมีการเคลื่อนไหวที่สูงขึ้นจากการคาดการณ์การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในวันที่ 31 มกราคม .
ดัชนี USD อ่อนตัวลง 0.2% ทำให้ทองคำน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะช่วยลดต้นทุนโอกาสในการถือครองโลหะสีเหลือง
การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 31 มกราคม หลังจากการเปลี่ยนแปลง "นกพิราบ" ในการประชุมเดือนธันวาคม 2566 ตลาดคาดหวังว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมเมื่อสิ้นสุดการประชุมสองวัน
Fed ต้องการให้ตลาดมีเสถียรภาพ ดังนั้นเราจึงอาจไม่เห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากนัก และนายพาวเวลล์จะยังคงเป็นกลางและพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นายพาวิโลนีกล่าว
ข้อมูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นว่าราคาสหรัฐปรับตัวขึ้นปานกลางในเดือนธันวาคม 2566 ทำให้อัตราเงินเฟ้อรายปีต่ำกว่า 3% เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันและอาจส่งผลให้เฟดเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ ในขณะนี้
ผลสำรวจของรอยเตอร์เมื่อวันที่ 29 มกราคม แสดงให้เห็นว่าความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่ลดลงอาจส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024
ทองคำโลกเข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนในวันพฤหัสบดี (1 กุมภาพันธ์) หลังข้อมูลเผยข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ตลาดเปลี่ยนโฟกัส เน้นข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนงานนโยบายของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ในช่วงสิ้นสุดเซสชันการซื้อขายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ สัญญาทองคำสปอตเพิ่มขึ้น 0.9% เป็น 2,054.89 USD/ออนซ์ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2024 ในช่วงเริ่มต้นเซสชัน
สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 0.2% อยู่ที่ 2,071.1 USD/ออนซ์
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่า การขอรับสวัสดิการว่างงานเบื้องต้นเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 224,000 รายที่ปรับตามฤดูกาลแล้วในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 มกราคม รายงานแยกต่างหากแสดงให้เห็นว่าผลิตภาพแรงงานของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่สี่ของปี 2023
Phillip Streible หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ Blue Line Futures กล่าวว่าทองคำยังคงอยู่ในรูปร่างที่ “ต่ำที่สุด” หลังจากการตอบรับของ Fed แต่มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากข้อมูลการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน การว่างงาน
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมและปฏิเสธแนวคิดที่ว่าธนาคารกลางอาจลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ล้มเลิกการอ้างอิงที่มีมายาวนานถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ตามเครื่องมือ CME Fed Watch ปัจจุบันนักลงทุนคาดการณ์ความเป็นไปได้ 96% ที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนพฤษภาคม 2024
ตลาดยังเผชิญกับปัญหาที่ Community Bancorp ผู้ให้กู้ระดับภูมิภาคในนิวยอร์ก ซึ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ
ขณะนี้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เพื่อทำความเข้าใจเส้นทางอัตราดอกเบี้ยให้ดียิ่งขึ้น
คาดว่าทองคำจะลดลงจนถึงปี 2020 วันนี้ราคาทองคำวันนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยซื้อขายทองคำ Spot ที่ 2,030.87 USD/ออนซ์ การเพิ่มขึ้นของมูลค่าโลหะมีค่าเกิดขึ้นพร้อมกับดัชนีดอลลาร์ที่ลดลงเล็กน้อย 0.1% ซึ่งโดยทั่วไปจะมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากการลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์อ้างถึงคำแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ เจ้าหน้าที่เหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของข้อมูลเงินเฟ้อเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ความคาดหวังของตลาดสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนมีนาคมได้ผ่อนคลายลง โดยมีโอกาสอยู่ที่ 55%
เมื่อเทียบกับสภาพเศรษฐกิจในวงกว้าง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางปี 2021 การมองโลกในแง่ดีของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นนี้มีแนวโน้มที่จะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการใช้จ่าย การใช้จ่ายและการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดทองคำและภาคการเงินอื่นๆ
นักลงทุนมักจะหันมาใช้ทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงิน ทำให้การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานของโลหะมีค่า . ในขณะที่ตลาดยังคงยอมรับจุดยืนที่ระมัดระวังของเฟดเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ราคาทองคำล่วงหน้า ก็ฟื้นตัวเช่นกัน ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจของนักลงทุนในสินทรัพย์ในฐานะสวรรค์ ซ่อนไว้อย่างปลอดภัย
เมื่อพิจารณาจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในปัจจุบันและการตัดสินใจนโยบายของ Fed ที่กำลังจะเกิดขึ้น ผู้เข้าร่วมตลาดจะติดตามผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างใกล้ชิดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
คาดว่าทองคำจะยังคงลดลงในวันนี้สัปดาห์นี้ ตลาดจะติดตามความผันผวนของ USD อย่างใกล้ชิด คาดว่า USD จะมีความผันผวนมากขึ้นเมื่อธนาคารกลางรายใหญ่ทำการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน
ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นคาดว่าจะคงท่าทีที่เป็น Dovish แต่ธนาคารแห่งประเทศแคนาดาก็คาดว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจหลังจากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดในเดือนธันวาคม ผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าความผันผวนของ USD และทองคำจะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยการตัดสินใจของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
สัปดาห์ที่แล้วที่ World Economic Forum ในเมืองดาวอส (สวิตเซอร์แลนด์) สมาชิก ECB คัดค้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนกำหนด นโยบาย "เหยี่ยว" ของ ECB สามารถสร้างแรงกดดันต่อ USD และสนับสนุนราคาทองคำในอนาคตอันใกล้นี้
นักลงทุนต่างตั้งตารอข้อมูลเงินเฟ้อที่จะเปิดเผยในวันศุกร์อย่างใจจดใจจ่อ นักวิเคราะห์กล่าวว่าหากรายงานแสดงให้เห็นว่าดัชนีการใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลหลัก (มาตรการเงินเฟ้อที่ Fed ต้องการ) ไม่ลดลงตามที่คาดไว้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแผนการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ทองคำโลกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย รอสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐราคาทองคำเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร (23 มกราคม) เนื่องจากนักลงทุนรอชุดข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เปิดเผยในสัปดาห์นี้เพื่อค้นหาสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนงานของธนาคารกลางสหรัฐในการลดอัตราดอกเบี้ย US (Fed)
ในช่วงท้ายของช่วงการซื้อขายในวันที่ 23 มกราคม สัญญาทองคำสปอตเพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 2,025.09 USD/ออนซ์ สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 2,025.8 USD/oz
“ตลาดทองคำอยู่เหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ และดูเหมือนว่าจะเป็นตลาดที่เป็นกลาง” Daniel Pavilonis นักยุทธศาสตร์การตลาดอาวุโสของ RJO Futures กล่าว ทุกครั้งที่ราคาเริ่มสูงขึ้น ราคาก็กลับลดลง”
จุดสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ รายงาน PMI เบื้องต้นของสหรัฐฯ ในวันที่ 24 มกราคม ประมาณการ GDP ไตรมาสที่ 4 ปี 2023 ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 25 มกราคม และข้อมูลการใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลของ PCE ในวันที่ 26 มกราคม /01
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่เฟดกล่าวว่าธนาคารกลางต้องการข้อมูลเงินเฟ้อเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย และกำหนดเวลาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มในไตรมาสที่สามของปี 2567
ตามเครื่องมือ CME FedWatch ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมเมื่อสิ้นสุดการประชุมนโยบายในวันที่ 30-31 มกราคม และเลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกออกไป
Michael Hewson หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ตลาดของ CMC (HM:CMG) Markets กล่าวว่า “การฟื้นตัวของทองคำเมื่อเร็วๆ นี้ดูเหมือนจะอ่อนตัวลง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะลดลงอีกหากธนาคารกลาง รัฐบาลกลางยังคงผลักดันความคาดหวังของตลาดในการลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป ”
อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะช่วยลดต้นทุนโอกาสในการถือครองทองคำ
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการประชุมในวันที่ 25 มกราคม และคาดว่าจะคงนโยบายการเงินไว้ได้
ในด้านกายภาพ อินเดียได้เพิ่มภาษีนำเข้าทองคำและเงินที่ใช้ทำเครื่องประดับ
คาดการณ์ทองคำสัปดาห์นี้ - สัปดาห์หน้าทองคำในสัปดาห์นี้และยาวจนถึงสัปดาห์หน้า
ส่วนตัวคาดการณ์ว่าทองคำราคายังสามารถลงไปได้อีก โดยโซนราคาที่น่าจับตามอง 2024-2028 เป็นโซนที่น่าพิจารณาเข้า SELL และถ้าราคาเบรค2036ได้=ขึ้นต่อ
ผลสรุป ทองคำ
ยังสามารถลงต่อได้ ฝั่งSELL ยังได้เปรียบ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ไม่ได้ชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด ❗️
ปล. การลงทุนมีความเสี่ยงควรศึกษาก่อนลงทุนนะครับ📈
ทองคำกำลังรอข่าวว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงในปี 2553ราคาทองคำผันผวนเล็กน้อยในช่วงเซสชั่นเอเชียเมื่อวันพุธ ก่อนที่นักลงทุนจะตั้งคำถามถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงต้น
จุดสนใจส่วนใหญ่อยู่ที่ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้น ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงทรงตัวในเดือนธันวาคม
ราคาทองคำร่วงลงอย่างรวดเร็วในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากเทรดเดอร์เริ่มกังวลว่า Fed อาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด ไม่ว่าจะเป็นในเดือนมีนาคม 2024 มุมมองนี้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งยังสร้างแรงกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม โลหะสีเหลืองสามารถรักษาระดับไว้ที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้หลังจากที่ทะลุระดับนี้ไปได้สบาย ๆ ในช่วงต้นเดือนธันวาคม ราคาทองคำก็เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ในปี 2023
ราคาทองคำสปอตทรงตัวที่ 2,029.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ ขณะที่สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าเดือนกุมภาพันธ์ทรงตัวที่ 2,034.65 ดอลลาร์/ออนซ์ ณ เวลา 00:28 ET (05:28 GMT)
ข้อมูล CPI ที่ครบกำหนดในวันพฤหัสบดีคาดว่าจะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนธันวาคม อัตราเงินเฟ้อคงที่พร้อมกับสัญญาณการฟื้นตัวในตลาดแรงงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ทำให้ห้องเฟดสามารถคงอัตราดอกเบี้ยไว้สูงขึ้นเป็นระยะเวลานานขึ้น
นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดกำลังลดการปรับลดเดิมพันว่า Fed สามารถเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยได้ในเดือนมีนาคม 2567 เครื่องมือติดตามอัตราดอกเบี้ยของ Fed CME เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน 25 จุดซึ่งเปิดตัวในเดือนมีนาคมโดยมีผลการดำเนินงาน 63.6% ลดลงจาก 69.6% % โอกาสที่เห็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แม้ว่าเฟดจะส่งสัญญาณว่าในที่สุดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 แต่ก็ให้ข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับระยะเวลาของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย จนถึงขณะนี้ธนาคารกลางยังคงรักษาแนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเงินเฟ้อเป็นส่วนใหญ่ในการลดอัตราดอกเบี้ย
วัตถุประสงค์ที่สูงขึ้น ทำให้เกิดต้นทุนเสียโอกาสในการลงทุนในทองคำซึ่งไม่ได้ผลกำไร การค้าขายนี้ได้กดดันโลหะสีเหลืองในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยการเพิ่มขึ้นของทองคำอย่างต่อเนื่องชี้ไปที่ความคาดหวังของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงในปี 2024
ในบรรดาโลหะอุตสาหกรรม ราคาทองแดงขยับขึ้นในวันพุธหลังจากลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวในปีนี้
ฟิวเจอร์สที่จะหมดอายุในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 3.7717 ดอลลาร์ต่อปอนด์ แต่การซื้อขายลดลงมากกว่า 2% ในปี 2567
เมื่อวานทองร่วงลงถึงปี 2544 แล้วค่อย ๆ ฟื้นตัวราคาทองคำยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่องในการซื้อขายในเอเชียในวันพุธ เนื่องจากสัญญาณที่ฉุนเฉียวจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นโดยธนาคารกลางสหรัฐ เนื่องจากการฟื้นตัวของเงินดอลลาร์ยังส่งผลเสียต่อราคาทองคำอีกด้วย
ในบรรดาโลหะอุตสาหกรรม ราคาทองแดงร่วงลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน หลังจากที่ข้อมูลการเติบโตทางเศรษฐกิจจากผู้นำเข้าชั้นนำของจีนอยู่ตรงกลาง
ราคาทองคำร่วงลงจาก 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันอังคาร หลังจากที่คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด ส่งสัญญาณถึงแนวทางการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง และกล่าวว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อเร็วๆ นี้อาจทำให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นล่าช้าออกไป
ความคิดเห็นของเขาส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าสูงสุดในรอบ 1 เดือน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังพุ่งสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทน 10 ปีทะลุระดับ 4%
แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่มีอายุยืนยาวขึ้นจะช่วยชดเชยความต้องการทองคำที่ปลอดภัยในปัจจุบันได้อย่างมาก ขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ค้าเปลี่ยนจากโลหะสีเหลืองไปเป็นดอลลาร์
ราคาทองคำสปอตลดลง 0.4% สู่ระดับ 2,019.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่จะหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 0.4% สู่ระดับ 2,022.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 00:20 น. ET (05:20 GMT) ตราสารทั้งสองร่วงลงมากกว่า 1% ในวันอังคาร
สัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มเติมกำลังรออยู่ ในขณะที่เทรดเดอร์ปรับลดเดิมพันลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม
ขณะนี้ตลาดมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลยอดค้าปลีกและข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนธันวาคม ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันพุธนี้ สัญญาณความเข้มแข็งใดๆ ในเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะทำให้ Fed มีพื้นที่มากขึ้นในการรักษาอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นได้นานขึ้น
ตามนโยบายติดตามนโยบายของ Fed CME ผู้ค้าได้ลดเดิมพันเล็กน้อยเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมโดยธนาคารกลาง ตลาดมองเห็นโอกาส 62.8% ที่จะปรับลดจุดพื้นฐาน 25 จุด ลดลงจาก 66.1% ที่เห็นในวันก่อนหน้า
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะผลักดันต้นทุนเสียโอกาสในการลงทุนในทองคำแท่ง และจำกัดการไหลของเงินทุนเข้าสู่ทองคำ เนื่องจากเทรดเดอร์ต้องการผลตอบแทนจากหนี้ที่ดีขึ้น แนวโน้มนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อโลหะสีเหลืองในช่วงสองปีที่ผ่านมา
ในขณะที่ทองคำมองเห็นความต้องการแหล่งที่ปลอดภัยท่ามกลางการดำเนินการทางทหารที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง สิ่งนี้ก็ถูกชดเชยโดยผู้ค้าที่มองหาที่หลบภัยในสกุลเงินดอลลาร์แทน
อย่างไรก็ตาม โลหะสีเหลืองยังคงได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่ร่วงลงในที่สุดในปีนี้
ฟิวเจอร์สที่จะหมดอายุในเดือนมีนาคมลดลง 0.5% สู่ระดับ 3.7492 ดอลลาร์ต่อปอนด์ และอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม
โลหะสีแดงประสบปัญหาการขายครั้งใหม่หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีนเติบโตน้อยกว่าที่คาดไว้เล็กน้อยในไตรมาสที่สี่
แม้ว่าการเติบโตของ GDP ยังคงบรรลุเป้าหมายที่ 5% ของรัฐบาลในปี 2023 แต่ก็ได้รับแรงหนุนส่วนใหญ่จากฐานเปรียบเทียบที่ต่ำจากปี 2022 ตัวชี้วัดที่อ่อนแออื่นๆ ในเดือนธันวาคมยังส่งสัญญาณที่อ่อนแอด้านเครดิตสำหรับจีนเข้าสู่ปี 2024
ทองคำพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในสัปดาห์นี้ บางทีทองคำอาจพุ่งไปที่ 22ความต้องการทองคำเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากนักลงทุนยังคงเดิมพันว่าธนาคารกลางสหรัฐสามารถกลับนโยบายการเงินและลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วที่สุดในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2567
ความก้าวหน้าในการประชุมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดขึ้นแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะมุ่งมั่นในการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดก็ตาม ด้วยเหตุนี้ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐจึงกล่าวเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมว่าเขายังคงไม่มั่นใจว่านโยบายการเงินในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะลดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ให้เหลือระดับเป้าหมายที่ 2%
นี่แสดงให้เห็นว่านักลงทุนในตลาดทองคำไม่ได้ให้ความสนใจกับคำพูดของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ มากนัก เครื่องมือ CME FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือติดตามอัตราดอกเบี้ยของ Fed แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสแรกของปี 2024 พุ่งสูงขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 50%
เมื่อวานตลาดลอนดอนปิดทำการในช่วงวันหยุด ดังนั้นทองคำจึงไม่มีแอมพราคาทองคำปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ (15 มกราคม) ผันผวนใกล้ 2,060 USD/oz เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยจากความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นในตะวันออกกลางและการคาดการณ์ใหม่เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าโดยธนาคารกลาง Federal Reserve (Fed)
ในช่วงท้ายของช่วงการซื้อขายในวันที่ 15 มกราคม สัญญาทองคำสปอตเพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 2,053.69 USD/ออนซ์ หลังจากบันทึกการเพิ่มขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในวันที่ 12 มกราคม
สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 0.3% อยู่ที่ 2,057.70 USD/oz
สงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสเข้าสู่วันที่ 100 ในขณะที่อิสราเอลยังคงโจมตีอย่างดุเดือดต่อไป ในขณะที่กลุ่มกบฏฮูตีขู่ว่าจะตอบโต้การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ต่อเยเมน ซึ่งเสี่ยงต่อความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น
Kyle Rodda นักวิเคราะห์ตลาดการเงินที่ Capital.com ให้ความเห็นว่า: “ทองคำมีการซื้อขายเป็นเพียงตัวแทนสำหรับผลตอบแทนทันที ซึ่งตัวมันเองยังแสดงถึงความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงในสหรัฐฯ เนื่องจากตลาดในปัจจุบันไม่สนใจ CPI ที่สูงกว่าที่คาดไว้ ตัวเลข
ข้อมูลเมื่อวันที่ 12 มกราคม แสดงให้เห็นว่าราคาผู้ผลิต PPI ในสหรัฐฯ ลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนธันวาคม 2023 ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีลดลงเช่นกัน
โดยรวมแล้ว นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ที่ 166 จุด ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ที่ 150 จุดในเช้าวันที่ 12 มกราคม
นักลงทุนกำลังกำหนดราคาโดยมีโอกาส 79% ที่เฟดจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมีนาคม 2567 ตามข้อมูลจากแอปความน่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยของ LSEG
เมื่อวานมีชัยชนะครั้งใหญ่ แนวโน้มหลักของทองคำในปัจจุบันยังคงลดลงราคาทองคำทรงตัวในวันอังคาร (9 มกราคม) เนื่องจากนักลงทุนยังคงระมัดระวังรอข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่เปิดเผยในปลายสัปดาห์นี้
ในช่วงท้ายของช่วงการซื้อขายวันอังคาร สัญญาทองคำสปอตเพิ่มขึ้นเกือบ 0.1% เป็น 2,029.06 USD/ออนซ์ หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ในวันที่ 8 มกราคม สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าก็เพิ่มขึ้นเกือบ 0.1% เป็น 2,035.3 USD/ออนซ์
Jim Wyckoff นักวิเคราะห์อาวุโสของ Kitco Metals ให้ความเห็นว่า "หากข้อมูลเงินเฟ้อน่าประหลาดใจ Fed อาจไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ ซึ่งจะนำปัจจัยลบมาสู่ตลาดทองคำ"
ความสนใจของนักลงทุนตอนนี้หันไปที่รายงานอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคและภาคการผลิตของสหรัฐฯ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 มกราคม โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการเพิ่มขึ้นของราคาจะชะลอตัวลงในเดือนธันวาคม 2023
การสำรวจของเฟดที่นิวยอร์กเมื่อวันที่ 8 มกราคม แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลง โดยรายได้ครัวเรือนและการใช้จ่ายจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไป
มิเชล โบว์แมน ผู้ว่าการเฟดเมื่อวันที่ 8 มกราคม ประกาศว่านโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ดูเหมือนจะ "เข้มงวดเพียงพอ"
จากเครื่องมือ CME FedWatch ผู้เข้าร่วมตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาส 60% ที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนมีนาคม 2024
อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะช่วยลดต้นทุนโอกาสในการถือครองโลหะไม่ให้ผลตอบแทน
วันนี้อาจจะวิ่ง ขึ้นลงได้แรงเร็วกว่าปกติ ระวังกันด้วยนะคะ กรอบรสำหรับวันนี้ มุมทองคำ ให้ติดตามข่าวสงครามในทะเลแดงและฉนวนกาซา อาจมีการรุนแรงขึ้น ทองพร้อมบินได้ตลอดเวลา
แต่ถ้าไม่มีข่าวของสงครามทองคำยังมองลงได้ 2013.51
และข่าววันนี้ 20.30 น.คาดการณืออกมาดีต่อสกุลเงินอาจเป็นปัจจัยที่จะกดทองได้บ้าง
ฉะนั่นวันนี้ ให้รอ Confirm จากข่าวและดูvolumeกองทุนตลาดด้วย กราฟ วันนี้อาจจะวิ่ง ขึ้นลงได้แรงเร็วกว่าปกติ ระวังกันด้วยนะคะ
กรอบราคา 2013-2061
ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตลาดรอเฟดปรับลดอัตราดอกเราคาทองคำมีความผันผวนเล็กน้อยในการซื้อขายในเอเชียในวันพุธ หลังจากร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากผู้ค้ากำลังมองหาสัญญาณเพิ่มเติมว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด ตา.
รายงานการจ้างงานของ JOLTs ที่อ่อนแอเกินคาดในเดือนตุลาคม ทำให้เกิดความคาดหวังบางประการเกี่ยวกับการชะลอตัวของตลาดแรงงาน อย่างไรก็ตาม ความสนใจยังคงอยู่ที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งคาดว่าจะประกาศในวันศุกร์นี้
โลหะสีเหลืองเริ่มต้นในสัปดาห์นี้ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากคำพูดที่ดูเหมือนประหม่าของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ จางหายไปและความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเนื่องจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นมา ความไม่แน่นอนโดยรอบธนาคารกลางสหรัฐได้ช่วยให้เงินดอลลาร์ฟื้นตัว ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงอย่างรวดเร็วจากระดับสูงสุดตลอดกาล ราคาทองคำยังคงอยู่เหนือ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์
ณ เวลา 12:08 ET (17:08 น. ตามเวลาญี่ปุ่น) สปอตทองคำเพิ่มขึ้น 0.1% อยู่ที่ 2,021.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่จะหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 0.1% อยู่ที่ 2,039.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มันกลายเป็น.
แม้ว่านักลงทุนจะมั่นใจว่าเฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าเฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด
ราคาฟิวเจอร์สกองทุนของรัฐบาลกลางแสดงให้เห็นว่าเทรดเดอร์กำลังกำหนดราคาโดยมีโอกาสมากกว่า 50% ที่เฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2024 นอกจากนี้ ฟิวเจอร์สยังแนะนำว่ามีโอกาสมากกว่า 90% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในเดือนธันวาคม แต่ธนาคารกลางไม่ได้ให้ข้อบ่งชี้ว่าจะเป็นเช่นนั้น โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูงในวงกว้างเป็นเวลานาน เว้นแต่อัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงสูงกว่าเป้าหมายประจำปีของ Fed ที่ 2% และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง
คาดการณ์ว่าสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าทองคำจะทะลุ 2,000ในการซื้อขายแรกของสัปดาห์ใหม่ ราคาโลหะมีค่ายังคงลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสัปดาห์ซื้อขายก่อนหน้า โดยทองคำร่วงลงมากถึง $30/ออนซ์ จากเริ่มซื้อขายที่ $2008/oz เหลือเพียงระดับต่ำสุดในปี 2008 1975 มาร์ค ออนซ์
เนื่องจากราคาทองคำแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,143 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาจึงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงเกือบ 8% สาเหตุหลักคือตลาดกระทิงบันทึกผลกำไรหลังจากที่ราคาพุ่งถึงจุดสูงสุดในช่วงปลายปี นอกจากนี้ ยังมีข่าวสำคัญมากมายในวาระการประชุมในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงาน CPI และ PPI โดยเฉพาะการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยล่าสุดของ Fed และความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เพิ่มแรงกดดันในการทำกำไร เครื่องปฏิกรณ์. เครื่องปฏิกรณ์.
ความผันผวนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในวันพฤหัสบดี เนื่องจากธนาคารกลางยุโรป (ECB), ธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE), ธนาคารกลางนอร์เวย์ (ธนาคารนอร์เวย์) และธนาคารแห่งชาติสวีเดน SI (SNB) ร่วมกันประกาศการตัดสินใจเชิงนโยบาย อย่างไรก็ตาม นโยบายส่วนใหญ่คาดว่าจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และโมเมนตัมของราคาทองคำอาจกลับมาหากความคิดเห็นของธนาคารกลางสะท้อนถึงอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงในปีหน้า
ก่อนหน้านั้น เราได้ดำเนินการ "ทดสอบ" สองครั้งจากสหรัฐอเมริกา กรมแรงงาน รายงาน ดัชนีราคาผู้บริโภค (อังคาร 20.30 น.) และ ดัชนีราคาขายส่ง PPI (พุธ 20.30 น.) เพื่อกำหนดระดับ “จับตา” คลื่นในตลาดโลหะมีค่า
ทำนายวันนี้ว่าทองคำจะลดลงถึงปี 2020เงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณยุติวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและต้นทุนการกู้ยืมอาจลดลงในปี 2567 เงินดอลลาร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่ลดลงหลังจากประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์เสนอแนะในการประชุมคณะกรรมการตลาดกลางสหรัฐเมื่อวันพุธว่าช่วงระยะเวลาของ มาตรการทางการเงินที่เข้มงวดอาจสิ้นสุดลงแล้ว
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศการตัดสินใจด้านนโยบายในวันนี้ และคาดว่าธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BOJ) จะปฏิบัติตามในสัปดาห์หน้า ทั้งสองเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่มีการติดตามอย่างใกล้ชิดในตลาดเงิน เพื่อตอบสนองต่อสัญญาณของเฟด ค่าเงินยูโรและเยนญี่ปุ่นจึงเพิ่มขึ้น
Matt Simpson นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ Citi Index กล่าวว่าการพัฒนานี้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่สำคัญสำหรับตลาด เนื่องจากจะนำความชัดเจนมาสู่ปัจจัยที่ขับเคลื่อนสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความเสี่ยงโดยทั่วไป Simpson ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าข่าวนี้อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากข้อมูลการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใช้วัดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐต่อตะกร้าสกุลเงิน อยู่ที่ 102.87 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากร่วงลงสู่ 102.77 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ ความคาดหวังของตลาดกำลังเปลี่ยนแปลง โดยมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมในขณะนี้ที่ประมาณ 75% ลดลงจาก 54% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามเครื่องมือ CME FedWatch
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเกิดการชะลอตัวลง แต่พาวเวลล์ยอมรับว่าผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจมักจะขัดแย้งกับการคาดการณ์ และยืนยันว่าเฟดพร้อมที่จะดำเนินการหากจำเป็น ทำ.
การตัดสินใจของธนาคารกลางกำลังจับตามองอยู่ในขณะนี้ โดยมี ECB, Bank of England (BoE), Norges Bank และ Swiss National Bank ต่างก็จับตามอง คาดว่า ECB จะรักษาอัตราดอกเบี้ยให้คงที่ แต่ทุกฝ่ายจับตาดู GDP และการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ รวมถึงวิธีที่ประธาน ECB Lagarde จะจัดการกับความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย






















