ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงกระตุ้นให้ราคาทองคำพุ่งสูง✍️ วิเคราะห์ราคาทองคำประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 21/04/2025 - 25/04/2025
ทองคำ (XAU/USD) เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยแนวโน้มขาขึ้น แต่กลับมีโมเมนตัมขาขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์จนแตะระดับสูงสุดใหม่เหนือ 3,350 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี และยังปิดสัปดาห์ด้วยฐานที่แข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้นกว่า 2.79% โดยโลหะมีค่าพุ่งขึ้นเกือบ 90 ดอลลาร์ ท่ามกลางความอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ (USD) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนของการค้าโลกที่ยังคงมีอยู่ ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ XAU/USD ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 3,326 ดอลลาร์
แม้จะแตะระดับสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ 3,358 ดอลลาร์ แต่การพุ่งขึ้นก็ค่อนข้างชะลอลงเล็กน้อย เนื่องจากผู้ซื้อขายล็อกกำไรก่อนวันหยุดอีสเตอร์ที่ยาวนานขึ้น โดยตลาดยุโรปและสหรัฐฯ ปิดทำการ ในขณะเดียวกัน ผลตอบแทนที่แท้จริงก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้เกิดแรงต้านเล็กน้อย
ในด้านนโยบาย แมรี่ เดลีย์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าบางส่วนจะแสดงสัญญาณชะลอตัว เธอย้ำว่านโยบายการเงินยังคงเข้มงวดเพียงพอที่จะควบคุมเงินเฟ้อได้ ขณะเดียวกันก็แนะนำว่าอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางอาจเพิ่มขึ้น
🔥 ความเห็นเพิ่มเติม:
ราคาทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างมาก การปรับฐานในระยะสั้นทำให้ราคาทองคำสะสมมากขึ้นและยังคงแตะจุด ATH ใหม่ ภาษีศุลกากรตึงเครียด ราคาทองคำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง: มุ่งเป้าไปยัง 3383, 3403
📊 ปัจจัยทางเทคนิค ::
ราคาทองปิดสัปดาห์โดยอยู่เหนือระดับสูงสุดของช่องทางการถดถอยแบบขาขึ้นซึ่งมีอายุ 4 เดือนอย่างมาก และตัวบ่งชี้ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI) บนกราฟรายวันยังคงอยู่เหนือระดับ 70 แม้ว่าจะมีการย่อตัวลงในวันพฤหัสบดี ซึ่งเน้นย้ำถึงสภาวะซื้อมากเกินไป
📈ในทางกลับกัน 3,358 ดอลลาร์ (ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์) จะเป็นแนวต้านสำคัญก่อน 3,400 ดอลลาร์ (ระดับรอบ) และ 3,500 ดอลลาร์ (ระดับรอบ)
📉ในกรณีที่ XAU/USD เริ่มปรับตัวลดลงจากอารมณ์ตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น แนวรับแรกอาจอยู่ที่ 3,300 ดอลลาร์ (ระดับรอบ ขีดจำกัดบนของช่องทางขาขึ้น) ก่อน 3,250 ดอลลาร์ (ระดับคงที่ แนวต้านเดิม) และ 3,200 ดอลลาร์ (ระดับรอบ จุดกึ่งกลางของช่องทางขาขึ้น)
จากแนวต้านและแนวรับของราคาทองคำตามกรอบ H4 ระบุพื้นที่สำคัญที่สำคัญดังต่อไปนี้:
แนวต้าน: $3360, $3383, $3403
แนวรับ: $3236, $3155, $3050
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ : ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
Xauusdsignal
วางแผนเทรดทองที่ยอดดอย ตามระบบ ICT Smart Money Concept กราฟ TF1H และ TF15M ที่ชัดมากครับตอนนี้น้าจะวางแผนเทรดตามระบบ ICT Smart Money Concept โดยดูจาก:
โครงสร้าง BOS / CHoCH ล่าสุด
โซน Liquidity (Premium / Discount)
POI ที่น่าจะเกิด Reaction (OB / FVG / EQ)
🧠 1. โครงสร้างตลาดปัจจุบัน (Market Structure)
✅ TF1H:
ขาขึ้นหลักชัดเจน (เกิด BOS หลายรอบ)
ขณะนี้ราคา เก็บ Weak High แล้วเกิด CHoCH ลง
✅ TF15M:
มี CHoCH + BOS ลง ยืนยันเริ่มพักตัว
ตอนนี้ราคากำลังลงเข้าสู่ Fair Value Gap / Demand Zone ก่อนหน้า
📍 2. POI (จุดที่น่าสนใจตามหลัก ICT)
🟩 Buy POI:
POI A: 3,288 – 3,300
FVG บน TF15M + OB TF1H
เป็น Mid-range ของคลื่น Break ล่าสุด
POI B: 3,215 – 3,225
Discount Zone + FVG + HL ก่อนหน้า
เป็นฐานก่อนราคาเร่งขึ้น
POI C: 3,130 – 3,145
FVG TF1H ลึกสุด + EQ TF1H
อยู่ใน Discount Zone + แนวรับโครงสร้างใหญ่
🟥 Sell POI (เฝ้าระวัง):
บริเวณ 3,355 – 3,360 (Premium + Weak High เดิม)
ถ้าราคากลับมาและเกิด SFP + CHoCH ลงอีก → อาจเป็นโอกาส Short แบบ Scalp
🧭 3. วางแผนเทรดตามระบบ ICT
📈 แผน A: Long จาก POI A
✅ Entry: 3,290
❌ SL: 3,279
🎯 TP1: 3,320
🎯 TP2: 3,355
🔥 R:R ~ 1:3
💡 Trigger: CHoCH TF5M + RSI หักขึ้น
📈 แผน B: Long จาก POI B (ถ้าราคาย่อลึก)
✅ Entry: 3,218
❌ SL: 3,208
🎯 TP1: 3,290
🎯 TP2: 3,350
🔥 R:R ~ 1:4
💡 Trigger: SFP / CHoCH TF15
📉 แผน C: Short จาก Weak High (ถ้ากลับขึ้นแล้วโดน reject)
✅ Entry: 3,358
❌ SL: 3,365
🎯 TP1: 3,320
🎯 TP2: 3,290
🔥 R:R ~ 1:2.5
💡 Trigger: SFP + BOS ลง TF5M–15M เท่านั้น
📊 4. ความน่าจะเป็น
กลยุทธ์ ความเป็นไปได้ ความเห็นเสริม
✅ Long จาก 3,290 80% FVG ชัดเจน + รอ Confirm
✅ Long จาก 3,218 90% โซนปลอดภัย มี OB รองรับ + Discount
⚠️ Short จาก 3,358 40% ต้องมี Rejection เท่านั้น ไม่ควรเดาสวน
📌 บทสรุป
🔹 โครงสร้างหลัก = ขาขึ้น
🔹 ตอนนี้เกิด CHoCH ลง = โอกาสพักตัวเพื่อเข้าใหม่
🔹 เน้น Buy จาก FVG และ OB โซนกลาง-ล่างใน Discount Zone
🔧 ยังไม่ควร Buy ตรงนี้จนกว่าจะย่อชัด + มี CHoCH กลับขึ้น
🧩 แผนแนะนำ:
รอให้ราคาย่อเข้า POI A หรือ POI B แล้วค่อยหาสัญญาณเข้าซื้อแบบ Smart Money เท่านั้น
ช่วยกดติดตามด้วยนะ ผมจะมาวิเคราห์กราฟ ด้วยระบบSMC
#smcลึกแต่เข้าใจง่าย #ICT #oakmastertrader #บันทึกเทรดน้า
ราคาทองคำก็เริ่มเย็นลง กลับสู่ระดับ 3,000💬พยากรณ์ทองคำรายสัปดาห์ 07/04/2025 - 11/04/2025
: การปรับฐานรุนแรงขึ้นหลังจากการประกาศภาษีของทรัมป์สร้างสถิติใหม่ ราคาทองคำก็เริ่มเย็นลง กลับสู่ระดับ 3,000
ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นจากปฏิกิริยาเบื้องต้นต่อการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐ (US) เมื่อวันพุธ และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,168 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเกิดการปรับฐานครั้งใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์ นักลงทุนจะยังคงจับตาดูข่าวที่เกี่ยวข้องกับภาษีนำเข้าและให้ความสนใจข้อมูลเงินเฟ้อจากสหรัฐอย่างใกล้ชิด
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังของจีนประกาศว่าจีนจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมด 34% ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน เพื่อเป็นการตอบโต้ และทองคำก็ฟื้นตัวขึ้นเหนือ 3,100 ดอลลาร์หลังจากข่าวนี้ ต่อมาในช่วงค่ำ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) แข็งค่าขึ้นจากข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่สดใส และบีบให้ทองคำตกอยู่ภายใต้แรงกดดันขาลงอีกครั้ง สำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ รายงานว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) เพิ่มขึ้น 228,000 ตำแหน่งในเดือนมีนาคม ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 135,000 ตำแหน่งอย่างมาก ในช่วงเวลาดังกล่าว อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.2% ในขณะที่อัตราการมีส่วนร่วมของแรงงานเพิ่มขึ้นเป็น 62.5% จาก 62.4%
อนึ่งความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกและส่งผลกระทบต่อแนวโน้ม อุปสงค์ของโลหะมีค่า ทำให้ราคาทองคำหันทิศทางกลับ นักลงทุนอาจมองเห็นโอกาสในการขายทำกำไรก่อนที่จะได้รับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสงครามการค้า
ก่อนถึงสุดสัปดาห์นี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐเจอโรม พาวเวลล์กล่าวว่าภาษีศุลกากรของทรัมป์นั้นสูงกว่าที่คาดไว้ และอาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นและการเติบโตชะลอตัวลง "ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าแนวทางที่เหมาะสมสำหรับนโยบายการเงินจะเป็นอย่างไร" พาวเวลล์กล่าว และเสริมว่าภาระหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐคือการทำให้แน่ใจว่าการขึ้นราคาเพียงครั้งเดียวจะไม่กลายเป็นปัญหาเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ ราคาทองคำได้ปรับฐานลงหลังจากความเห็นดังกล่าว
นักลงทุนทองคำรอคอยข่าวภาษีศุลกากรและข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
ผู้เข้าร่วมตลาดจะยังคงจับตามองการพัฒนาใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ต่อไป หากรัฐบาลทรัมป์ถอยกลับมาและเริ่มเจรจากับประเทศต่างๆ เพื่อยกเลิกภาษี นักลงทุนอาจหลีกเลี่ยงการวางตำแหน่งตัวเองให้รองรับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่อาจเกิดขึ้นในสหรัฐฯ และช่วยให้ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวอย่างเด็ดขาด ในทางกลับกัน ทองคำน่าจะยังคงได้รับประโยชน์จากกระแสเงินทุนสำรองที่ปลอดภัย หากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงสูง โดยคู่ค้าของสหรัฐฯ ตอบโต้ด้วยภาษีศุลกากรตอบโต้ของตนเอง ในขณะนี้ สามารถสันนิษฐานได้อย่างปลอดภัยว่าความผันผวนของทองคำจะยังคงสูงในระยะใกล้
🕯การวิเคราะห์ทางเทคนิคของทองคำ
การเพิ่มขึ้นของราคาทองคำจากความกลัวว่าจะไม่ได้เกิดประโยชน์ เริ่มแสดงสัญญาณว่าจะหยุดลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ราคาทองคำจะยังคงลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 3,000 ซึ่งจะทำให้ตลาดกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง
จากแนวต้านและแนวรับของราคาทองคำตามกรอบ H4 ระบุแนวรับและแนวต้านสำคัญ รายสัปดาห์ 07/04/2025 - 11/04/2025
ดังต่อไปนี้:
แนวต้าน: 3,055 ดอลลาร์ 3,080 ดอลลาร์ 3,105 ดอลลาร์ 3,135 ดอลลาร์
แนวรับ: 2,998 ดอลลาร์ 2,953 ดอลลาร์ 2,937 ดอลลาร์ 2,900 ดอลลาร์
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
ทองคำกำลังทดสอบระดับ 3100 ท่ามกลางความวุ่นวายจากสงครามการค้า✍️วิเคราะห์ราคาทองคำ 31/03/2025 - 04/04/2025
ทองคำพุ่งทดสอบระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3,100 ดอลลาร์ ท่ามกลางความวุ่นวายจากสงครามการค้า
ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในวันศุกร์ โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ที่ 3,086 ดอลลาร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ควบคู่ไปกับการปรับขึ้นของมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เลือกใช้ หลังจากนั้น ความรู้สึกของตลาดก็บ่งชี้ว่ามั่นใจมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2025 ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ ซื้อขายที่ 3,084 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.81%
บรรยากาศตลาดมีแนวโน้มเป็นลบ เนื่องจากผู้ค้าเตรียมรับมือกับวันที่ 2 เมษายน ซึ่งตรงกับวันปลดปล่อยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ โดยเขาได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ทุกคันในอัตรา 25% ต่อรถยนต์ที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ เหตุการณ์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแคนาดาและสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเริ่มเตรียมการตอบโต้ต่อมาตรการดังกล่าว
ในระหว่างนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าลงและมีแนวโน้มที่จะปิดสัปดาห์ด้วยการลดลง 0.11% ตามดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาโลหะมีค่า อัตราผลตอบแทนของสหรัฐฯ ก็ลดลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนที่ต้องการความปลอดภัยได้ซื้อทองคำแท่งและเงินเยนของญี่ปุ่น (JPY)
ปฏิทินเศรษฐกิจสหรัฐฯเปิดเผยว่าดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (PCE) ในเดือนกุมภาพันธ์ส่วนใหญ่สอดคล้องกับที่คาดการณ์ ขณะที่การสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนในเดือนมีนาคมกลับแย่ลงไปอีก
นอกจากนี้ นางแมรี่ เดลีย์ แห่งธนาคารกลาง ซานฟรานซิ สโก กล่าวว่าเธอคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปี 2568 และเมื่อไม่นานนี้ เธอเสริมว่าเธอจะมุ่งเน้นไปที่อัตราเงินเฟ้อ 100% เนื่องจากความคืบหน้ายังคงเท่าเดิม
ในขณะเดียวกัน ตลาดเงินได้กำหนดราคาการผ่อนคลายนโยบายของเฟดที่ 73.5 จุดพื้นฐานในปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้น 10 จุดพื้นฐานจากวันก่อนหน้า ตามความน่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยใน Prime Market Terminal
สัปดาห์นี้จับตา รายการเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะประกอบด้วยการประกาศภาษีของทรัมป์ในวันที่ 2 เมษายน, ดัชนี PMI ภาคการผลิตของ ISM ประจำเดือนมีนาคม, การเปิดรับสมัครงานแบบ JOLTS และการจ้างงานนอกภาคเกษตร
👀 มุมมองส่วนตัว:
ราคาทองคำขยับขึ้น ต้นเม.ย. มีโอกาสจะระเบิดขึ้นต่อเนื่องเป็น NEW Ath
📊 ปัจจัยทางเทคนิค: :
แนวโน้มทางเทคนิคของราคาทองคำ: หลังจากพุ่งทะลุ 3,050 ดอลลาร์ จับตาแนวต้านถัดไปที่ 3,100 ดอลลาร์
📈ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,086 ดอลลาร์ และเตรียมที่จะทดสอบระดับ 3,100 ดอลลาร์ แนวโน้มดังกล่าวบ่งชี้ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อ โดยหากราคาทองคำสามารถทะลุแนวรับ 3,150 ดอลลาร์และ 3,200 ดอลลาร์ได้ ราคาทองคำก็จะยังคงปรับตัวขึ้นต่อไป
📉เนื่องจากแนวโน้มขาขึ้นมีความรุนแรงมาก ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI) จึงกลายเป็นซื้อมากเกินไป โดยทะลุ 70 อย่างไรก็ตาม การอ่านค่าที่รุนแรงที่สุดจะอยู่ที่ 80 ในทางกลับกัน หากร่วงลงต่ำกว่าระดับสูงสุดของเดือนมีนาคมที่ 3,057 ดอลลาร์ อาจทำให้ราคาปรับตัวลดลงไปที่ 3,000 ดอลลาร์
✍️ราคาทองคำ 31/03/2025 - 04/04/2025
จากแนวต้านและแนวรับของราคา
ทองคำตามกรอบ H4 จะระบุแนวรับและแนวต้านสำคัญดังนี้:
แนวต้าน: $3115, $3171, $3200
แนวรับ: $3002, $2957, $2880
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
ความตึงเครียดการค้าโลก ยังกระตุ้นราคาทองคำต่อเนื่อง วิเคราะห์ราคาทองคำ ตั้งแต่วันที่ 10/03/2568 - 14/03/2568
🔥 สถานการณ์:
คูเกลอร์เน้นย้ำว่าความไม่แน่นอนเป็นความท้าทายต่อเศรษฐกิจ ก่อนหน้านี้เธอกล่าวว่านโยบายการเงินน่าจะทรงตัวไปอีกสักระยะ และมองว่าค่าจ้างเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเงินเฟ้อ
ขณะเดียวกัน ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ยืนยันอีกครั้งว่าธนาคารกลางไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยยอมรับว่าการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% จะเป็นกระบวนการแบบค่อยเป็นค่อยไป และเตือนว่าอย่าตอบสนองมากเกินไปต่อความผันผวนของข้อมูลในระยะสั้น โดยระบุว่าเฟดมีจุดยืนที่ดีในเรื่องนโยบายการเงิน
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับภาษีศุลกากร พาวเวลล์ตั้งข้อสังเกตว่าผลกระทบต่อเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นยังคงไม่แน่นอน
🔥ความเห็น:
การสะสมกำลังเหนือระดับ 2900 เป็นสัญญาณที่ดี อนึ่งความตึงเครียดทางการค้าจะครอบคลุมทั่วโลก พร้อมส่งเสริมราคาทองคำมุ่งหน้าสู่ระดับ 3000+
แนวโน้มทางเทคนิค: ราคาทองคำลดลง ผู้ขายคาดการณ์ไว้ที่ 2,900 ดอลลาร์
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในแนวราบ โดยไม่สามารถทะลุระดับ 2,930 ดอลลาร์ได้ หลังจากที่ พุ่งขึ้น อย่างโดดเด่นกว่า 1.72% ในเดือนนี้ ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI) บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อไป เนื่องจาก RSI ยังคงเป็นขาขึ้น
ดังนั้นแนวต้านถัดไปของ XAU/USD จะอยู่ที่ 2,950 ดอลลาร์ ตามด้วยจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,956 ดอลลาร์ หากทะลุแนวต้านหลังได้ ราคาจะทะลุ 3,000 ดอลลาร์ ในทางกลับกัน หากราคาตกลงต่ำกว่า 2,900 ดอลลาร์ ราคาจะทะลุจุดต่ำสุดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ 2,832 ดอลลาร์ ตามด้วยจุดสูงสุด 2,800 ดอลลาร์
🔥 ในทางเทคนิค: ราคาทองคำ ตั้งแต่วันที่ 10/03/2568 - 14/03/2568
จากพื้นที่แนวต้านและแนวรับของราคาทองคำตามกรอบระบุพื้นที่สำคัญสำคัญดังนี้:
แนวต้าน 2930, 2956 , 3000
แนวรับ 2900, 2832, 2800
XAUUSD (GOLD) H4 (ทองคำโลก)เห็นยังไง วิเคราะห์ไปแบบนั้น
ไม่ยึดติดทฤษฏี มองถึงความได้เปรียบของรูปทรงกราฟที่เกิดขึ้น
นำไปสู่ผลลัพธ์ที่สร้างผลตอบแทน !!
แต่ถ้าอยากรู้เหตุผลอย่างอื่นเพิ่มเติม
เข้ามารับชมได้ที่เพจ Order Concept
หรือพิมพ์ค้นหาที่ FacebooK : @OrderConceptFX ได้เลย
ไลฟ์วิเคราะห์ทุกวันอังคาร และวันพฤหัสบดี
(เวลา 14:00 น.) เป็นต้นไป สามารถดูย้อนหลังได้ตลอด
ที่นี้เราจะไม่พูดถึงแค่เรื่องกราฟแบบมือใหม่
แต่เราจะพาไปเจาะลึกถึง Macroeconomics (เศรษฐศาสตร์มหภาค)
ทองคำอาจท้าทาย ATH ได้เมื่อผ่านแนวต้าน 2772-2773 ได้เด็ดขาดราคาทองคำอาจมุ่งท้าทายจุดสูงสุดตลอดกาลได้เมื่อสามารถผ่านแนวต้าน 2,772-2,773 ดอลลาร์ได้อย่างเด็ดขาด
ราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากการเคลื่อนไหวในเชิงบวกของวันก่อนหน้า และแกว่งตัวขึ้นเหนือระดับ 2,760 ดอลลาร์ในช่วงการซื้อขายเอเชียในวันนี้ สัญญาณของเสถียรภาพในตลาดหุ้นเป็นปัจจัยต้านโลหะมีค่าที่ปลอดภัย ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ลดลงอีกครั้งและการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้ ส่งผลให้ การฟื้นตัวของ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ลดลงจากระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน สิ่งนี้ควบคู่ไปกับความกังวลเกี่ยวกับแผนภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ช่วยหนุนโลหะมีค่าที่ไม่มีผลตอบแทนนี้
นอกจากนี้ ดูเหมือนว่านักลงทุนจะไม่เต็มใจที่จะเดิมพันอย่างก้าวร้าวเกี่ยวกับราคาทองคำ และเลือกที่จะรออยู่ข้างสนามก่อนที่จะเกิดความเสี่ยงจากเหตุการณ์สำคัญของธนาคารกลาง ซึ่งเป็นผลจากการประชุมนโยบายการเงินของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เป็นเวลา 2 วัน เฟดมีกำหนดจะประกาศผลการตัดสินใจในช่วงเซสชั่นอเมริกาเหนือ และคาดว่าจะยังคงยืนหยัดต่อไป แม้ว่าทรัมป์จะเรียกร้องให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยทันทีก็ตาม อย่างไรก็ตาม แนวโน้มนโยบายของเฟดจะมีบทบาทสำคัญในการส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาดอลลาร์สหรัฐในระยะใกล้ และกำหนดขั้นตอนต่อไปของการเคลื่อนไหวในทิศทางของโลหะมีค่า
ในขณะเดียวกัน ความสนใจของตลาดยังคงยึดติดกับการตัดสินใจด้านนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุมครั้งแรกในปีนี้ ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และช่วยผลักดันทองคำใหม่
🕯มุมมองทางเทคนิค
📈จากมุมมองทางเทคนิค การทะลุแนวต้านที่ระดับ 2,720-2,725 ดอลลาร์ล่าสุดและออสซิลเลเตอร์เชิงบวกบนกราฟรายวันบ่งชี้ว่าแนวต้านต่ำสุดสำหรับราคาทองคำยังคงอยู่ด้านบน การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปเหนือระดับ 2,772-2,773 ดอลลาร์จะยืนยันแนวโน้มเชิงบวกและผลักดันให้ XAU/USD ทะลุระดับ 2,786 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 ที่แตะเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว โดยมุ่งสู่จุดสูงสุดตลอดกาล ใกล้กับโซน 2,790 ดอลลาร์ การซื้อตามหลังบางส่วนซึ่งนำไปสู่ความแข็งแกร่งเหนือระดับ 2,800 ดอลลาร์ จะถูกมองว่าเป็นตัวกระตุ้นใหม่สำหรับเทรดเดอร์ขาขึ้น และปูทางไปสู่การขยายแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนซึ่งเห็นได้ในช่วงเดือนที่ผ่านมา
📉ในทางกลับกัน การอ่อนตัวลงต่ำกว่าแนวรับทันทีที่ 2,755-2,753 ดอลลาร์อาจยังคงดึงดูดผู้ซื้อบางส่วนและยังคงอยู่ในขอบเขตจำกัดใกล้จุดต่ำสุดของรอบสัปดาห์ที่บริเวณ 2,730 ดอลลาร์ที่แตะเมื่อวันจันทร์ การขายตามลงมาต่ำกว่าแนวต้านที่ 2,725-2,720 ดอลลาร์ที่กลายเป็นแนวรับอาจเปิดทางให้เกิดการขาดทุนที่รุนแรงขึ้นและลากราคาทองคำไปที่บริเวณ 2,707-2,705 ดอลลาร์ ก่อนจะไปถึงบริเวณ 2,684 ดอลลาร์
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
สัปดาห์นี้ทองคำน่าจะมีโอกาสปรับตัวลงและหรือมีแนวโน้มไปทางข้าง✍️ วิเคราะห์ราคาทองคำโดยพื้นที่ราคา H4 ระหว่างวันที่ 20/01/2025 - 24/01/2025
ทองคำยืนหยัดมั่นคงเหนือระดับ 2,700 ดอลลาร์ สัปดาห์นี้ทองคำน่าจะมีโอกาสปรับตัวลงและหรือมีแนวโน้มไปทางข้าง(Sideway)
🔥ไฮไลท์สถานการณ์สำคัญ:
⭐️ราคาทองคำร่วงลงในช่วงปลายเซสชันของตลาดอเมริกาเหนือ แต่ยังปิดสัปดาห์ด้วยกำไรมากกว่า 0.40% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดรอพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แม้ว่าจะซื้อขายที่ 2,701 ดอลลาร์ ลดลง 0.44% แต่ผู้ลงทุนยังคงซื้อทองคำต่อไปเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมือง
⭐️ราคายังคงถูกขับเคลื่อนโดยภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองในสหรัฐฯ (US) แม้ว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในระดับโควตาจะยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ผู้ซื้อทองคำแท่งก็ไม่สามารถดันราคาให้สูงขึ้นเพื่อทำกำไรเพิ่มก่อนสุดสัปดาห์ได้
⭐️ตารางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าการเริ่มก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้นสองหลัก แม้ว่าใบอนุญาตการก่อสร้างจะหดตัวในเดือนธันวาคมก็ตาม ทองคำแทบไม่ตอบสนองต่อข่าวนี้เนื่องจากข้อมูลส่วนใหญ่ที่เปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งนำโดยยอดขายปลีกที่นำเสนอในวันพฤหัสบดี บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีความมั่นคง
⭐️ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ(DXY) ซึ่งติดตามการเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ 6 สกุลที่เป็นคู่กัน พุ่งขึ้น 0.35% สู่ระดับ 109.34
⭐️ข้อมูลอื่นๆ ที่เปิดเผยในช่วงเซสชั่นเอเชียแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของจีนมีอัตราการเติบโต 5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2567 ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
⭐️เมื่อวันพฤหัสบดี ผู้ว่าการเฟด คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ แสดงท่าทีผ่อนปรนนโยบาย และแสดงความเห็นว่าธนาคารกลางของสหรัฐสามารถลดต้นทุนการกู้ยืมได้เร็วขึ้นและเร็วขึ้น หากกระบวนการลดภาวะเงินเฟ้อเกิดขึ้น
⭐️ผู้เข้าร่วมตลาดกำลังคาดการณ์ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งภายในสิ้นปี 2568 และจะเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิถุนายน
👀สัปดาห์นี้ มี รายงานเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับพิธีเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ การเปิดเผยข้อมูลการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก และข้อมูล PMI
🕯แนวโน้มทางเทคนิค
📈ราคาทองคำลดลงเนื่องจากไม่มีปัจจัยกระตุ้นมากพอก่อนสุดสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เห็นได้ว่าผู้ซื้อต้องรักษาราคาไว้เหนือ 2,700 ดอลลาร์ เพื่อให้สามารถมีความหวังในการผลักดันให้ทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในวันที่ 12 ธันวาคมที่ 2,726 ดอลลาร์ เมื่อทะลุผ่านแล้ว จุดหยุดถัดไปคือ 2,750 ดอลลาร์ ตามด้วยจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 2,790 ดอลลาร์
📉ในทางกลับกัน หากผู้ซื้อไม่สามารถบรรลุผลลัพธ์ที่กล่าวไว้ข้างต้นได้ อาจส่งผลให้ราคาทองคำอาจทดสอบจุดต่ำสุดในวันที่ 13 มกราคมที่ 2,656 ดอลลาร์ จากนั้นจึงมาบรรจบกันของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย (SMA) 50 และ 100 วันที่ 2,639 - 2,642 ดอลลาร์
🔥 ระบุ:
ทองคำแตะแนวต้านกรอบใหญ่ที่ 2726 อ่อนตัวลงและปรับฐานลงระยะสั้น ตลาดรอรับนโยบายเศรษฐกิจใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์
🔥 ในทางเทคนิค:
จากแนวต้านและแนวรับของราคาทองคำตามกรอบ H4 ระบุพื้นที่สำคัญดังต่อไปนี้:
แนวต้าน: 2726, 2750, 2790
แนวรับ: 2656, 2642-2639
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
ทองคำพุ่งขึ้นไม่สะเทือนจากข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ วิเคราะห์ราคาทองคำ 13/01/2025 - 17/01/2025
ไฮไลท์✨
ราคาทองคำฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบวันในวันศุกร์ โดยเป็นวันที่สี่ติดต่อกันที่ปรับตัวขึ้น แม้ว่ารายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ จะแข็งแกร่งก็ตาม ซึ่งทำให้ความกังวลของธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับตลาดแรงงานคลายลงบ้าง แม้ว่าเงินเฟ้อยังคงเป็นประเด็นที่ผู้กำหนดนโยบายให้ความสนใจ เพิ่มขึ้น 0.69% สู่ระดับ 2,689 ดอลลาร์(ราคาปิด) ก่อนหน้านี้ ทองคำร่วงลงชั่วครู่หลังจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเกิน 200,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานลดลง ตัวเลขเหล่านี้ทำให้ผู้ลงทุนคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลง เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงสร้างงานต่อไปในขณะที่กระบวนการลดภาวะเงินฝืดดูเหมือนจะหยุดชะงัก ตามรายงานการประชุมล่าสุดของเฟด
วิเคราะห์ราคาทองคำ 13/01/2025 - 17/01/2025
จากแนวต้านและแนวรับของราคาทองคำตามกรอบ H4 เราระบุพื้นที่สำคัญที่สำคัญดังต่อไปนี้:
🔽แนวต้าน: 2723 , 2758, 2750
🔼แนวรับ: 2640 , 2612 , 2586
ความเห็นเพิ่มเติม หากกวาดสายตามาจากพื้นที่ D1 แนวรับใกล้สุดที่ยังคงรองรับขาขึ้นแข็งแกร่งยังคงมองทีี 2680-2675 โดยเป้าหมายสำคัญยังวางไว้ที่ 2720 หากผ่านได้ จะมีเป้าถัดไปที่ 2758 ก่อนถึงจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 2790 ต่อไป
อนึ่งหากสูญเสียแนวรับแรก 2675 อาจไปพบแนวรับถัดไปบริเวณ 2645 - 2635 และ 2600 ในที่สุด
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
ทองคำยังคงมีแนวโน้มลดลงในช่วงต้นสัปดาห์เช้านี้ราคาทองคำทรงตัวเหนือระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์จากดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง แนวโน้มขาขึ้นดูเหมือนจะยังถูกจำกัด
ราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากลงมาทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่บริเวณ 2,644-2,643 ดอลลาร์ ซึ่งแตะระดับดังกล่าวในช่วงการซื้อขายในตลาดเอเชียเมื่อช่วงเช้า ท่ามกลางความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินน้อยลง โดยนักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าเฟดจะระมัดระวังมากขึ้นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ท่ามกลางสัญญาณว่าความคืบหน้าในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อให้เข้าใกล้เป้าหมาย 2% นั้นหยุดชะงักลง ซึ่งในทางกลับกัน ปัจจัยดังกล่าวยังคงสนับสนุนให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐสูงขึ้น และกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลง
นอกจากนี้ ดูเหมือนว่านักลงทุนจะเริ่มชะลอการลงทุน และอาจเลือกที่จะรออยู่ข้างสนามก่อนการตัดสินใจนโยบายที่สำคัญของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในคืนวันพุธนี้ โดยความเสี่ยงจากเหตุการณ์สำคัญของธนาคารกลางสหรัฐฯ คือการที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ทำให้ผู้ซื้อขายดอลลาร์สหรัฐยังคงต้องตั้งรับ นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ อาจยังคงให้การสนับสนุนราคาทองคำในระดับหนึ่ง อนึ่งนักลงทุนต่างจับจ้องไปที่การเปิดเผยดัชนี PMI ของทั่วโลกเพื่อมองหาโอกาสในระยะสั้น
📊 ปัจจัยทางเทคนิค:
การปรับราคาทองคำทางเทคนิคทำให้ต้องระมัดระวัง ราคามีโอกาสผันผวนสูง
📉จากมุมมองทางเทคนิค ราคาทองคำที่ต่ำในรอบเซสชั่นเอเชียที่บริเวณ 2,644-2,643 ดอลลาร์ อยู่ในโซนที่มีการซื้อขายหนาแน่น หากการปรับลดต่อไปอาจส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งเป้าไปที่ 2,625 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดประจำเดือนที่บริเวณ 2,614 ดอลลาร์ ตามลำดับ และแนวรับสำคัญที่ 2,605-2,600 ดอลลาร์ หากราคาทองคำทะลุลงมาต่ำกว่า 2,605 ดอลลาร์ จะเป็นปัจจัยกระตุ้นใหม่สำหรับผู้ซื้อขายที่มีแนวโน้มจะขาลง และเปิดทางให้เกิดการขาย หรือขาดทุนเพิ่มเติม(Panic sell)
📈ในทางกลับกัน ระดับ 2667 ดอลลาร์ในขณะนี้ดูเหมือนจะทำหน้าที่เป็นอุปสรรคทันทีก่อนที่จะถึงระดับ 2,677 ดอลลาร์ ซึ่งหากสูงกว่านั้น ราคาทองคำอาจมุ่งเป้าไปที่การกลับตัวกลับขึ้นไปถึงระดับ 2,700 ดอลลาร์อีกครั้ง การเคลื่อนตัวขึ้นครั้งต่อไปอาจขยายไปสู่จุดสูงสุดรายเดือนที่บริเวณ 2,726 ดอลลาร์ ซึ่งหากผ่านได้อย่างเด็ดขาด ก็จะเป็นการปูทางไปสู่การเคลื่อนไหวที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะใกล้ต่อไป
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
ราคาทองคำทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ มีแนวโน้มจะปรับขึ้ราคาทองคำดึงดูดผู้ซื้อบางส่วนที่ซื้อในช่วงขาลงระหว่างการซื้อขายในตลาดเอเชียเช้าวันนี้ และกลับมาเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ซึ่งแตะระดับในวันก่อนหน้า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงหนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งเมื่อรวมกับการที่ธนาคารกลางของจีนกลับมาซื้ออีกครั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ถือเป็นปัจจัยหนุนสำหรับทองคำ นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับแผนภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ถือเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลดีต่อทองคำแท่ง
ในขณะเดียวกัน รายงาน การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ(NFP) ประจำวันศุกร์ยืนยันการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ซึ่งส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ ประกอบกับการคาดการณ์ว่านโยบายของทรัมป์จะกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น จึงช่วยหนุนราคาทองคำ ซึ่งถือเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ที่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะมีท่าทีผ่อนปรนมากขึ้น อาจสกัดช่วงบวก ก่อนตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ต่อไป
📊 ปัจจัยทางเทคนิค:
ราคาทองคำอาจมุ่งเป้าไปที่การกลับขึ้นไปทดสอบระดับ 2,700 เหรียญฯ และทดสอบโซนต้านทาน 2,720-2,722 เหรียญฯ
📈จากมุมมองทางเทคนิค การทะลุแนวรับในช่วงข้ามคืนและการปิดตลาดรายวันเหนือระดับ 2,650 ดอลลาร์อาจถือเป็นปัจจัยกระตุ้นใหม่สำหรับผู้ซื้อ นอกจากนี้ ออสซิลเลเตอร์บนกราฟรายวันเพิ่งเริ่มได้รับแรงหนุนเชิงบวกและสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำ ดังนั้นเป้าหมายถัดไปพวกเขาจ้องมองไปที่ ระดับ 2,700 ดอลลาร์อีกครั้ง เพื่อมุ่งสู่โซนอุปทาน 2,720-2,722 ดอลลาร์ จึงดูมีความเป็นไปได้สูงขึ้น
📉ในทางกลับกัน อีกด้านหนึ่ง จุดทะลุแนวรับที่ 2,650 ดอลลาร์ ซึ่งตรงกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียล 200 ช่วงเวลา (EMA) บนกราฟ 4 ชั่วโมง ควรทำหน้าที่เป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในทันที หากการทะลุลงอย่างเด็ดขาด อาจเผยให้เห็นแนวรับที่เกี่ยวข้องถัดไปที่บริเวณ 2,625-2,620 ดอลลาร์ ก่อนที่ราคาทองคำจะลดลงเหลือ 2,600 ดอลลาร์ในที่สุด การทะลุลงครั้งต่อไปต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน ซึ่งขณะนี้บริเวณ 2,590-2,585 ดอลลาร์ อาจจะทำให้เกิดการขายที่เพิ่มมากขึ้น และลาก ไปสู่จุดต่ำสุดของเดือนพฤศจิกายน ที่บริเวณ 2,537-2,536 ดอลลาร์
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
ทองคำยังออกด้านข้างปิดร่วงต่ำกว่า 2630 หลัง NFP ออกมาดูดี📊วิเคราะห์ราคาทองคำสัปดาห์นี้ระหว่าง 9 - 13/ธ.ค/2567
ทองคำยังคงเคลื่อนไหวออกด้านข้าง!สะสมกำลังตลอด 2 สัปดาห์ ปิดวีคราคาร่วงลงต่ำกว่า 2,630 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ หลังจากที่มีการเผยแพร่ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนพฤศจิกายน การลดลงดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากรายงานตลาดแรงงานเผยให้เห็นว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด โดยมีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 200,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานสอดคล้องกับที่คาดไว้ โดยเพิ่มขึ้นเป็น 4.2%
การเติบโตที่มั่นคงของตลาดแรงงานได้ตอกย้ำความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม ตามเครื่องมือ FedWatch ของ CME โอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับลด 25 จุดพื้นฐาน (bps) เหลือ 4.25%-4.50% ในเดือนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 87% จาก 71% เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม
อนึ่ง การละเมิดข้อตกลงสงบศึกระหว่างอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ทำให้เกิดความตึงเครียดในตะวันออกกลางขึ้นมาอีกครั้ง คงยังส่งผลให้ทองคำได้รับการสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้นและความไม่แน่นอนระดับโลกส่งผลให้สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ มีความน่าดึงดูดใจมากขึ้น
🔥 Identify::
ข้อมูล NF ทำให้ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางออกด้านข้าง โซนระหว่าง 2602 - 2688 ในกรอบราคาที่ดำเนินมาร่วม 2 สัปดาห์ - ไม่มีการทะลุโซนออกไป
🔥 ในทางเทคนิค:
จากแนวต้านและแนวรับของราคาทองคำตามกรอบ H4 ระบุพื้นที่สำคัญ
ระหว่าง 9 - 13/ธ.ค/2567
ดังนี้:
แนวต้าน: 2666, 2688, 2720
แนวรับ: 2602, 2577, 2540
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
ทองคำ SIDEWAY - การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังรออยู่ข้างหน้า!ราคาทองคำยังคงอยู่ในกรอบที่คุ้นเคย แม้มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงเช้า
อารมณ์ตลาดที่สดใสยังถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ลดความต้องการทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เลวร้ายลง ความกลัวสงครามการค้า รวมถึงความวุ่นวายทางการเมืองในฝรั่งเศสและเกาหลีใต้ ล้วนเป็นปัจจัยหนุน
นอกจากนี้การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพียงเล็กน้อยยังช่วยจำกัดการขาดทุนของสินค้าโภคภัณฑ์อีกด้วย
นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังดูเหมือนจะเริ่มชะลอการลงทุนหรือรอดูปัจจัยเพิ่มเติม ก่อนที่จะมีการเผยแพร่ รายงาน การจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ที่สำคัญของสหรัฐฯ ในวันพรนุ่งนี้(วันศุกร์)
ในคืนนี้มีการประกาศตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ ตามปกติ เพื่อลุ้นผลตอบรับ อย่างไรก็ตาม ความสนใจหลักยังคงจับจ้องไปที่รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันศุกร์ซึ่งเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิด
📊 ปัจจัยทางเทคนิค: TF H4
ราคาทองคำยังคงจำกัดอยู่ในกรอบที่คุ้นเคย แนวโน้มขาลงยังคงเหมือนเดิม
📉จากมุมมองทางเทคนิค การพังทลายของสัปดาห์นี้ต่ำกว่าช่องทางขาขึ้นที่ดำเนินมาหลายวันถือเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่มีแนวโน้มขาลง อย่างไรก็ตาม ออสซิลเลเตอร์ที่เป็นกลางในกราฟรายวัน/4 ชั่วโมงทำให้ควรรอให้มีการขายตามมาต่ำกว่าแนวรับการซื้อขายล่าสุดที่บริเวณ 2,630 ดอลลาร์ ก่อนที่จะวางตำแหน่งเพื่อขาดทุนเพิ่มเติม การตกต่ำที่ตามมาอาจทำให้ราคาทองคำลดลงต่ำกว่าจุดต่ำสุดของรอบสัปดาห์ที่บริเวณ 2,622-2,621 ดอลลาร์ และเข้าใกล้ระดับ 2,600 ดอลลาร์ เส้นทางขาลงอาจขยายออกไปไกลขึ้นจนถึงเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย 100 วัน (SMA) ซึ่งปัจจุบันตรึงไว้ใกล้บริเวณ 2,581 ดอลลาร์ และมุ่งหน้าสู่จุดต่ำสุดรายเดือนในเดือนพฤศจิกายนที่บริเวณ 2,537-2,536 ดอลลาร์
📈ในทางกลับกัน ระดับ 2,655 ดอลลาร์อาจทำหน้าที่เป็นอุปสรรคทันที ก่อนที่ราคาจะแตะระดับสูงสุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่บริเวณ 2,666 ดอลลาร์ การซื้อตามราคาบางส่วน ส่งผลให้ราคาทองคำมีความแข็งแกร่งขึ้นเหนือระดับ 2,677-2,678 ดอลลาร์ ซึ่งน่าจะทำให้ราคาทองคำสามารถคว้าระดับ 2,700 ดอลลาร์กลับคืนมาได้ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนตัวขึ้นต่อไปอีกนั้น น่าจะเผชิญกับแรงต้านที่แข็งแกร่งใกล้บริเวณอุปทาน 2,721-2,722 ดอลลาร์ ซึ่งหากสามารถผ่านได้อย่างเด็ดขาด อาจเปลี่ยนแนวโน้มไปเป็นขาขึ้น และเปิดทางให้เกิดการเคลื่อนไหวที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
ADP-NF จะกระตุ้นให้ราคาทองคำจะลดลงไปที่ 2605 หรือไม่?ระหว่างวันราคาทองคำร่วงลงต่ำกว่า 2,640 ดอลลาร์ ถือเป็นจุดต่ำสุดใหม่ในแต่ละวัน ก่อนที่ประธานเฟด พาวเวลล์ จะกล่าวสุนทรพจน์ เพื่อพิจารณาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและแรงกระตุ้นที่สำคัญบางประการ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเฟดจะมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายมากขึ้น
อนึ่ง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่ ความกังวลเกี่ยวกับแผนภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าที่โดนัลด์ ทรัมป์ และความวุ่นวายทางการเมืองในเกาหลีใต้ น่าจะจำกัดขาลงของทองคำได้บางส่วน
📊 ปัจจัยทางเทคนิค:
ราคาทองคำร่วงซ้ำเมือเข้าใกล้ 2,650 ดอลลาร์ ทำให้มีการสนับสนุนแนวโน้มขาลงเพิ่มเติม
📉จากมุมมองทางเทคนิค ราคาที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบล่าสุดอาจยังคงจัดอยู่ในประเภทช่วงการรวมตัวขาลงเมื่อเทียบกับการลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ การที่ราคาปรับตัวลงต่ำกว่าช่องทางขาขึ้นที่ดำเนินมาเป็นเวลา 4 วันในสัปดาห์นี้ ส่งผลดีต่อผู้ซื้อขายขาลง อย่างไรก็ตาม ออสซิลเลเตอร์ที่เป็นกลางในกราฟรายวันบ่งชี้ว่าหากราคาปรับตัวลงต่อไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดในช่วงข้ามคืนที่บริเวณ 2,622-2,621 ดอลลาร์ อาจยังคงมีแนวรับอยู่ที่บริเวณ 2,605-2,600 ดอลลาร์ต่อไป ในขณะเดียวกัน การขายตามราคาอาจเผยให้เห็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย 100 วัน (SMA) ซึ่งขณะนี้บริเวณ 2,575 ดอลลาร์ ซึ่งหากต่ำกว่านี้ ราคาทองคำอาจทดสอบจุดต่ำสุดรายเดือนในเดือนพฤศจิกายนที่บริเวณ 2,536 ดอลลาร์
📈ในทางกลับกัน บริเวณ 2,655 ดอลลาร์ ตามด้วยบริเวณ 2,666 ดอลลาร์ อาจทำหน้าที่เป็นอุปสรรคสำคัญในทันที อุปสรรคที่เกี่ยวข้องต่อไปอยู่ที่บริเวณ 2,677 ดอลลาร์ ซึ่งหากทะลุผ่านบริเวณนั้น ราคาทองคำอาจมุ่งเป้าไปที่การกลับตัวกลับใจเป็น 2,700 ดอลลาร์อีกครั้ง การเคลื่อนตัวขึ้นต่อไปอาจเผชิญกับแรงต้านที่แข็งแกร่งบริเวณ 2,721-2,722 ดอลลาร์ ความแข็งแกร่งที่ยั่งยืนเหนือบริเวณหลังอาจเปลี่ยนแนวโน้มไปเป็นผู้ซื้อขายขาขึ้น และเปิดทางให้เกิดการเคลื่อนไหวที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระยะใกล้
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
ราคาทองคำถูกเทขายอย่างหนักท่ามกลางความสนใจซื้อดอลลาร์สหรัฐ
📊ราคาทองคำกระตุ้นการขายเพื่อทำกำไรอย่างหนักประเดิมวันต้นสัปดาห์/ประเดิมเดือนใหม่ และร่วงลงมาที่ระดับ 2,621 ดอลลาร์ในช่วงการซื้อขายของตลาดเอเชีย ท่ามกลางอุปสงค์ของดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวขึ้นตามความคาดหวังว่าแผนภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ อาจจุดชนวนแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออีกครั้ง และจำกัดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในทางกลับกัน ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ที่แตะเมื่อวันศุกร์ และกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้กระแสเงินไหลออกจากทองคำ
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐานในเดือนธันวาคม นอกจากนี้ มาตรการภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่ไว้ ได้กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกที่ปะทุขึ้นใหม่ และอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก ทั้งนี้ เมื่อรวมกับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่จากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ทำให้ราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยยังสามารถยืนเหนือระดับ 2,600 ดอลลาร์ได้
📊 ปัจจัยทางเทคนิค:
Gold price seems vulnerable; one-week-old ascending channel breakdown in play
📉จากมุมมองทางเทคนิค การร่วงลงของราคาในวันเดียวต่ำกว่าขอบล่างของช่องทางขาลงที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบหนึ่งสัปดาห์ก่อนอาจถือเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่มีแนวโน้มขาลง นอกจากนี้ ออสซิลเลเตอร์บนกราฟรายวัน/4 ชั่วโมงเริ่มสร้างแรงกระตุ้นเชิงลบอีกครั้ง และบ่งชี้ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มลดลงต่ำสุด ดังนั้น การร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในสัปดาห์ที่แล้วที่บริเวณ 2,605 ดอลลาร์จึงดูมีความเป็นไปได้สูง การขายตามราคาที่ต่ำกว่า 2,600 ดอลลาร์อาจเปิดโอกาส ให้เห็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย 100 วัน (SMA) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ 2,575 ดอลลาร์
📈ในทางกลับกัน จุดทะลุแนวรับของช่องแนวโน้มขาขึ้นที่บริเวณ 2,642-2,643 ดอลลาร์ อาจทำหน้าที่เป็นอุปสรรคทันทีก่อนที่แนวต้านคงที่ที่ 2,652 ดอลลาร์และจุดสูงสุดของสวิงที่บริเวณ 2,665 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา การซื้อตามราคาบางส่วนจะช่วยให้ราคาทองคำสามารถกลับขึ้นไปถึงระดับ 2,700 ดอลลาร์ได้อีกครั้งและขยายการเคลื่อนไหวในเชิงบวกให้เข้าใกล้โซนอุปทาน 2,721-2,722 ดอลลาร์มากขึ้น จุดหลังนี้ควรทำหน้าที่เป็นจุดสำคัญ ซึ่งหากผ่านได้อย่างเด็ดขาด ก็จะบ่งชี้ว่าการปรับลดลงล่าสุดจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่แตะเมื่อเดือนตุลาคมได้ผ่านพ้นไปแล้วและปูทางไปสู่การเคลื่อนไหวที่เพิ่มสูงขึ้นต่อไป
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีส่งราคาทองคำขยับขึ้น นลท.รอ FOMEวานนี้ราคาทองคำถูกทิ้งลงอย่างหนัก ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็ร่วงลงอย่างรุนแรง เนื่องจากมีข่าวว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่งตั้งมหาเศรษฐีสก็อตต์ เบสเซนต์ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
การแต่งตั้งเบสเซนต์ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลทรัมป์ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับตลาดพันธบัตรของสหรัฐฯ เนื่องจากเขาถูกมองว่าเป็นอดีตมือเก๋าของวอลล์สตรีทและเป็นผู้มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมทางการเงิน
สำหรับเช้าวันนี้ราคาทองคำฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในการซื้อขายตลาดเอเชีย หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 วันที่ 2,605 ดอลลาร์ในช่วงเช้าของการซื้อขาย นักลงทุนทองคำต่างรอคอยที่จะทราบรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนพฤศจิกายน เพื่อกำหนดทิศทางราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นอีกหรือไม่
✨ไฮไลท์
⭐️ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ จากนั้นจึงฟื้นตัวขึ้นจากมาตรการภาษีของทรัมป์ที่นำไปสู่การมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย #หนุนทอง
⭐️สัญญาณ Bear Cross ที่ใกล้จะเกิดขึ้นบนกราฟรายวันและ RSI ที่เป็นขาลงเตือนผู้ซื้อทองคำ #กดดันทองคำ
⭐️เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group แสดงให้เห็นว่าปัจจุบันตลาดกำลังกำหนดราคาโอกาส 61% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า #หนุนทอง
⭐️นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิสราเอลและเลบานอนที่ลดลงยังคงสกัดช่วงบวกของราคาทองคำ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอลกล่าวกับรอยเตอร์เมื่อวันจันทร์ว่า คณะรัฐมนตรีของอิสราเอลจะประชุมในวันอังคารเพื่ออนุมัติข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งของอิสราเอลกล่าวกับรอยเตอร์ว่า คณะรัฐมนตรีจะประชุมเพื่อหารือข้อตกลงที่อาจจะบรรลุผลได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า #กดดันทองคำ
💬สัปดาห์นี้ นักลงทุนจะพิจารณารายงานการประชุม FOMC เดือนพฤศจิกายน และข้อมูลดัชนีราคาการบริโภคและรายจ่ายส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อจับสัญญาณใหม่เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
📊 ปัจจัยทางเทคนิค:
ปัจจุบันราคาทองคำกำลังสร้างฐานที่บริเวณ 2,620 ดอลลาร์ เนื่องจากผู้ลงทุนเริ่มระมัดระวังท่ามกลางแนวโน้มขาลงที่กำลังจะมาเกิดขึ้น
📉แนวรับใกล้สุดอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบวันอยู่ที่ 2,605 ดอลลาร์ ซึ่งหากต่ำกว่านั้นก็ย่อมเปิดโอกาส ให้ราคาตัดแนวโน้มลงไปสู่ SMA 100 วันที่ 2,566 ดอลลาร์ได้ในระยะถัดไป รวมถึงแนวโน้มการทะลุลงต่ำกว่าระดับดังกล่าวอย่างต่อเนื่องอาจท้าทายระดับต่ำสุดของวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ 2,537 ดอลลาร์ได้
📈ในทางกลับกันฝั่งกระทิงต้องมีแท่งเทียนรายวันปิดเหนือจุดบรรจบกันของเส้น SMA 21 วันและเส้น SMA 50 วันที่ราคา 2,667 ดอลลาร์ อุปสรรคด้านบนถัดไปอยู่ที่ระดับ 2,700 ดอลลาร์และระดับสูงสุดของวันจันทร์ที่ 2,721 ดอลลาร์
กระทิงดุดัน!รายสัปดาห์มีโอกาสปรับขึ้นได้อีกตั้งเป้า 2800วิเคราะห์ราคาทองคำประจำสัปดาห์ระหว่าง 25 พ.ย. - 29 พ.ย. 2567
สัปดาห์ที่แล้วทองคำฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก พุ่งขึ้น 1.50% ในวันศุกร์ กลับมายืนเหนือระดับ 2,710
ปัจจัยบวกทองคำ
⭐️ข่าวความตึงเครียดทั่วโลกยังคงเป็นแรงผลักดันหลักที่ทำให้ราคาทองคำฟื้นตัวต่อไป
ความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการขยายตัวที่อาจเกิดขึ้นของความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน / ความเสี่ยงสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่อาจขยายวงกว้างและกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซียทำให้ราคาทองคำแท่งสูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลและเลบานอนอาจปูทางไปสู่การทดสอบระดับสูงสุดตลอดกาล 2,790 ดอลลาร์อีกครั้ง #หนุนทอง
⭐️อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีลดลงเหลือ 4.40% ถือเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำแท่ง โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% ในสัปดาห์นี้ #หนุนทอง
⭐️ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นสัญญาณที่ไม่แน่นอน โดย PMI ภาคบริการและภาครวมมีผลงานดีกว่าคาด ขณะที่ PMI ภาคการผลิตยังคงอยู่ในภาวะหดตัว #หนุนทอง
📊 ปัจจัยทางเทคนิค:
แนวโน้มทางเทคนิค: ผู้ซื้อทองคำตั้งเป้าราคาที่ 2,800 เหรียญ
ราคาทองคำยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายถัดไปทีรอท้าทายคือระดับ 2,750 ดอลลาร์อีกครั้ง
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ราคาได้ทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย (SMA) 50 วันที่ 2,663 ดอลลาร์ ทำให้ผู้ซื้อพากันดันราคาให้สูงขึ้น
📈เงื่อนใขดังกล่าว หากราคาทองคำทะลุ 2,750 ดอลลาร์ ราคาสูงสุดตลอดกาลที่ 2,790 ดอลลาร์จะเป็นราคาถัดไป หากทะลุราคาสูงสุดตลอดกาลที่ 2,800 ดอลลาร์ได้ ราคาจะทะลุ 3,000 ดอลลาร์ ซึ่งโกลด์แมนแซคส์มองว่าจะเป็นแนวต้านสำคัญถัดไป
📉ในทางกลับกัน หากราคาร่วงลงต่ำกว่า 2,700 ดอลลาร์ ราคาทองคำอาจเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบ 2,700-2,650 ดอลลาร์ เว้นแต่ว่าขาลงจะสามารถผ่านจุดต่ำสุดของวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ 2,536 ดอลลาร์ ตามด้วย 2,500 ดอลลาร์
ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI) ได้เปลี่ยนไปในทิศทางขาขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ซื้อเป็นผู้ควบคุมทิศทางราคา
จากแนวต้านและแนวรับของราคาทองคำตามกรอบ H4 ระบุพื้นที่สำคัญดังนี้:
แนวต้าน: $2750, $2800, $2870
แนวรับ: $2650, $2600, $2525
ในตัวของทองคำวันนี้อาจมีการทำราคาReboundขึ้นมา📌ในตัวของทองคำวันนี้อาจมีการทำราคาReboundขึ้นมา
เพราะในตัวของ Candlestick H1
คายังไม่ทำลายโครงสร้าง -Bullish engulfing
ถ้าจะทำลายโครงสร้างขาขึ้นได้ทอง
ต้องลงปิดต่ำกว่า 2587 (จุดยอมขา BUY)
TP มุ่งหวัง 2615/2619/2627
( ระรังข่าวนอกตาราง )
📌 มุมมองส่วนตัวและมุมมองของนักวิเคราะห์ สรุปข่าวทองคำและแนวรับแนวต้านวันที่ 13/11/2024
1. ข่าวเศรษฐกิจสำคัญ: วันนี้ต้องติดตามตัวเลข Core CPI (ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน) ของสหรัฐฯ ซึ่งจะประกาศเวลา 20:30 น. ตัวเลขนี้สำคัญเพราะเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ Fed ใช้ตัดสินใจในการดำเนินนโยบายการเงิน หากตัวเลขสูงกว่าคาด อาจส่งผลให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงจากความกังวลในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
2. แนวรับ-แนวต้านสำคัญ:
• แนวรับสำคัญ: $2,589 - $2,604
• แนวต้านสำคัญ: $2,615 - $2,627
3. มุมมองกราฟเทคนิค (TF M30): กราฟแสดงการกลับตัวของราคา (Rebound) ในกรอบเวลาราย 30 นาที และมีโอกาสที่ราคาทองคำจะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน $2,627 หากสามารถทะลุแนวต้านแรกได้ แต่หากไม่สามารถขึ้นได้ อาจกลับมาทดสอบแนวรับที่ $2,589
4. กลยุทธ์การเทรด: หากกราฟสามารถทะลุแนวต้าน $2,615 ได้ คาดว่าจะขึ้นไปทดสอบเป้าหมาย $2,627 แต่ถ้าหลุดแนวรับ $2,604 อาจพิจารณาทำคำสั่งขาย (Sell) โดยตั้งเป้าหมายกำไรที่ $2,589
🏦นักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำในขณะนี้มีโอกาสที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ หากราคาสามารถทะลุผ่านระดับแนวต้านที่ $2,531 ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม มีการสังเกตเห็นรูปแบบเทคนิคที่อาจเกิด “double-top” บนกราฟราคาทองคำ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวของราคาในกรณีที่มีการดีดตัวขึ้นไปสูงแล้วตกลงมา ดังนั้น นักลงทุนควรจับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหลังการประกาศ CPI ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของ FED ในเรื่องนโยบายการเงินในอนาคต
สรุปคือ แนวโน้มระยะสั้นของทองคำดูจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากการคาดการณ์เรื่องการลดดอกเบี้ย แต่อาจเผชิญแรงต้านในช่วงราคาสูง ขณะที่ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งในยูเครน ยังคงเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนราคาทองคำให้ทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง  .
📌ฉะนั้นแล้ววันนี้ให้ติดตามข่าวสองทุ่มครึ่งให้ดีตัวชี้วัดทิศทางทองคำ
มุมมองจากนักวิเคราะห์มองว่าทองคำมีแนวโน้มผันผวนตามข้อมูลเศรษฐกิจ🚩สรุปข่าวทองคำวันนี้ (04/11/2024)
จากข้อมูลในรูปและการวิเคราะห์เพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต มีประเด็นที่ต้องจับตาซึ่งอาจส่งผลต่อราคาทองคำในวันนี้ ได้แก่:
1.การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ: ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งทำให้ทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก เนื่องจากเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ต้นทุนในการถือครองทองคำสำหรับผู้ลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นจะลดลง
2.ข้อมูลการจ้างงานและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ: ตัวเลขการจ้างงานที่ลดลงและอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยต่ำมักกระตุ้นความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นทองคำ
3.ความไม่แน่นอนในตะวันออกกลาง: ความขัดแย้งและความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลและกลุ่มประเทศในภูมิภาค อาจเพิ่มความต้องการในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเช่นทองคำ เนื่องจากนักลงทุนมีแนวโน้มที่จะมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
4. แนวโน้มทางเทคนิค: จากกราฟที่ให้มา ราคาอาจมีโอกาสวิ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณระดับ 2,751.56 และ 2,767.50 หากผ่านระดับนี้ได้อาจวิ่งไปทดสอบ 2,789.99 อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถผ่านแนวต้านได้ อาจเกิดการย่อตัวไปยังแนวรับบริเวณ 2,731.12 และ 2,715.22
การติดตามข่าวสารเพิ่มเติม รวมถึงมุมมองจากนักวิเคราะห์และการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้นเป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณาการลงทุนในทองคำ
มุมมองจากนักวิเคราะห์มองว่าทองคำมีแนวโน้มผันผวนตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยหากดอลลาร์อ่อนค่าหรือข้อมูลเงินเฟ้ออ่อนลง อาจช่วยหนุนราคาทองคำ แนวรับสำคัญที่ควรจับตาคือ 2,730 ดอลลาร์ และแนวต้านที่ 2,767-2,777 ดอลลาร์
ทองคำจ่อ 2,800 ดอลลาร์ ก่อนการเปิดดัชนีราคา PCE ของสหรัฐฯในคืนนีราคาทองคำทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดตลอดกาล 2,790 ดอลลาร์และจ่อระดับ 2,800 ดอลลาร์ ก่อนการเปิดดัชนีราคา PCE ของสหรัฐฯในคืนนี้
ราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
🔸การซื้อขายในตลาดเอเชียในช่วงเช้านี้
แกว่งตัวในกรอบแคบๆ หลังจากการฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมาสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ดึงดูดการซื้อในช่วงขาลง และในตอนนี้ ดูเหมือนว่าการปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนจะหยุดชะงักลง ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยช้าลง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เหตุการณ์นี้ เมื่อรวมกับความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ยังคงผลักดันให้ผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ สูงขึ้น และยังมีส่วนสกัดช่วงบวกของราคาทองคำ จากภาวะซื้อมากเกินไปเล็กน้อยในกราฟรายวัน
🔸นอกจากนี้นักลงทุนจะลังเลเกี่ยวกับราคาทองคำในระยะนี้และเลือกที่จะรอการประกาศ ดัชนีราคาการใช้ จ่ายเพื่อการบริโภคส่วน บุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯ ที่กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในวันศุกร์นี้ จะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟดซึ่งจะผลักดันความต้องการทองคำดังไปในทางเดียวกัน ในระหว่างนี้ การย่อตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ดูเหมือนจะทำได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายนและความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
🕯แนวโน้มทางเทคนิค: ราคาทองคำอาจหยุดพักเพื่อพักสักครู่ใกล้แนวต้านช่องขาขึ้นที่ประมาณ 2,800 ดอลลาร์
📈จากมุมมองทางเทคนิค การเคลื่อนตัวขึ้นล่าสุดตามช่องทางลาดขึ้นจากจุดต่ำสุดในเดือนสิงหาคมไปสู่แนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นที่ได้รับการยืนยันแล้ว อย่างไรก็ตาม ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI) บนกราฟรายวันกำลังส่งสัญญาณถึงสภาวะซื้อมากเกินไป ดังนั้น การเคลื่อนตัวขึ้นครั้งต่อไปจึงมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ที่ระดับ 2,800 ดอลลาร์ ซึ่งหากทะลุผ่านได้ก็จะถือเป็นจุดเริ่มต้นใหม่สำหรับขาขึ้น และเตรียมการสำหรับการเคลื่อนไหวที่เพิ่มค่าขึ้นต่อไป
📈ในทางกลับกัน การลดลงอย่างมีนัยสำคัญใดๆ ในขณะนี้ดูเหมือนว่าจะพบแนวรับที่ดีใกล้บริเวณ 2,753-2,747 ดอลลาร์ หรือจุดทะลุแนวต้านของช่วงการซื้อขาย การขายตามอาจทำให้ราคาทองคำเสี่ยงที่จะขยายการลดลงต่อไปที่แนวรับระยะกลาง 2,732-2,730 ดอลลาร์ เพื่อมุ่งหน้าสู่บริเวณ 2,715 ดอลลาร์ ตามมาด้วยระดับ 2,700 ดอลลาร์ ซึ่งหากทะลุลงได้ ก็ควรจะเปิดทางให้ราคาลดลงสู่แนวรับที่เกี่ยวข้องถัดไปใกล้บริเวณ 2,675 ดอลลาร์ เพื่อมุ่งหน้าสู่บริเวณ 2,657-2,655 ดอลลาร์
แนวคิดแผน Buy (31 ตุลาคม)
Buy zone 2755-2750-2745
Sl 2720
TP1 2770
TP2 2785
TP3 2800
TP4 2850
แนวคิดเพิ่มเติมจะประกาศในกลุ่ม
—————-
แนวคิดแผน Sell (แผน 1 ) วันที่ 31 ตุลาคม
Sell zone 2805-2810--2815
Sl 2830
TP1 2790
TP2 2770
TP3 2750
TP4 2725
TP5 2700
แนวคิดเพิ่มเติมจะประกาศในกลุ่ม
—————-
ราคาทองคำเคลื่อนไหวในเชิงลบ ยังคงจำกัดอยู่ในกรอบรายสัปดาห์⭐️ราคาทองคำร่วงลงในช่วงการซื้อขายในตลาดเอเชียเช้าวันนี้ และพลิกกลับจากการเคลื่อนไหวเชิงบวกของวันก่อนหน้าบางส่วน แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงสัปดาห์ก็ตาม โดยผลสำรวจความคิดเห็นระบุว่าการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายนจะสูสีกันในอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อรวมกับความตึงเครียดในตะวันออกกลางแล้ว อาจยังคงเป็นปัจจัยหนุนสำหรับราคาทองคำ ที่ถูกมิงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
⭐️ปัจจัยสนับสนุนส่วนใหญ่ถูกชดเชยด้วยการเกิดขึ้นของ การซื้อ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ในระดับต่ำลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากความคาดหวังที่ชัดเจนขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะผ่อนปรนนโยบายน้อยลง ในความเป็นจริง นักลงทุนได้ประเมินความเป็นไปได้ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในเดือนพฤศจิกายนอย่างเต็มที่แล้ว เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคล่าสุดของสหรัฐบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งในทางกลับกัน ปัจจัยดังกล่าวจะหนุนค่าเงินดอลลาร์และส่งผลกระทบต่อราคาทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย
⭐ปัจจัยด้านรัฐศาสตร์ถูมิศาสตร์ อิสราเอลยังคงโจมตีทางทหารต่อกลุ่มฮิซบัลเลาะห์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในเลบานอน และเพิ่มการปิดล้อมพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
👀คืนนี้ จับตาดูรายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเปิดเผยยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมิชิแกนที่ปรับปรุงใหม่ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นในระยะสั้นก่อนถึงสุดสัปดาห์นี้
🕯แนวโน้มทางเทคนิค: ราคาทองคำดูเหมือนว่าจะสร้างรูปแบบหัวไหล่ลงบนกราฟ 1 ชั่วโมง
จากมุมมองทางเทคนิค การเคลื่อนไหวราคาล่าสุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อให้เกิดรูปแบบหัวไหล่ขาลงบนกราฟระยะสั้น
📉 แนวรับของรูปแบบดังกล่าวอยู่ใกล้กับระดับ 2,703 ดอลลาร์ ซึ่งขณะนี้ควรทำหน้าที่เป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในทันที การขายตามลงมาบางส่วนซึ่งนำไปสู่การร่วงลงต่ำกว่าระดับ 2,700 ดอลลาร์ในเวลาต่อมา มีความเสี่ยงต่อการเปิดทางให้เกิดการขยายปริมาณการขายที่รุนแรงขึ้น และดึงให้ราคาทองคำเข้าใกล้แนวรับ 2,675 ดอลลาร์มากขึ้น การร่วงลงต่อไปอาจขยายไปสู่เป้าหมายรูปแบบขาลงใกล้ระดับ 2,660 ดอลลาร์
📈อีกด้านหนึ่ง ระดับ 2,740-2,745 ดอลลาร์ดูเหมือนจะกลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งทันที ในขณะเดียวกัน ความแข็งแกร่งที่ต่อเนื่องกันจะลบล้างรูปแบบหัวไหล่และอนุญาตให้ราคาทองคำมุ่งเป้าไปที่การท้าทายจุดสูงสุดตลอดกาลที่บริเวณ 2,758-2,759 ดอลลาร์ที่แตะเมื่อต้นสัปดาห์นี้การเคลื่อนตัวขึ้นในเวลาต่อมาอาจทำให้ราคาเคลื่อนตัวเข้าใกล้โซน 2,770 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่มีอายุเกือบสี่เดือน ก่อนจะมุ่งหน้าสู่ระดับ 2,800 (2810) ดอลลาร์ซึ่งเป็นตัวเลขกลมๆ(Round number)
แนวคิดแผน Buy (25 ตุลาคม)
Buy zone 2704-2702-2700
Sl 2690
TP1 2710
TP2 2720
TP3 2730
TP4 2740
TP5 2750
TP6 2800
แนวคิดเพิ่มเติมจะประกาศในกลุ่ม
—————-
แนวคิดแผน Sell (แผน 1 ) วันที่ 25 ตุลาคม
แนวคิดแผน Sell วันที่ 8 ตุลาคม
Sell zone 2748-2750-2753
Sl ✨2763(High risk‼️)
TP1 2740
TP2 2730
TP3 2720
TP4 2710
TP5 2700
แนวคิดเพิ่มเติมจะประกาศในกลุ่ม
ทองคำทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ATH) ยังไม่พอ?ราคาทองคำยังคงทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ATH)ไม่สนใจผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น ดอลลาร์สหรัฐยังคงรักษาระดับกำไรที่แข็งแกร่งไว้ได้ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม แต่ก็ไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อความรู้สึกเชิงบวกที่แข็งแกร่งซึ่งเกี่ยวข้องกับราคาทองคำมากนัก
ราคาทองคำฟื้นตัวกลับมามีทิศทางบวกอีกครั้งหลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงเมื่อคืนนี้
ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ และความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ ทองคำ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
คืนนี้ติดตามดูการเผยแพร่ดัชนีการผลิตริชมอนด์ ร่วมถึงคำปราศรัยของนายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย อาจช่วยผลักดันทิศทางราคาได้บ้าง
📊แนวโน้มทางเทคนิค: ราคาทองคำอาจหยุดถูกชะลอช่วงบวกใกล้แนวต้านช่องแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นที่ระดับ 2,750 ดอลลาร์
📈การเคลื่อนตัวขึ้นล่าสุดที่เกิดขึ้นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นไปในช่องทางขาขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นที่ชัดเจน และสนับสนุนแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวไปท้าทายแนวต้านของช่องทางแนวโน้ม ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ 2,750(2747) ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI) บนกราฟรายวันและ4 ชั่วโมงกำลังส่งสัญญาณว่าซื้อมากเกินไปเล็กน้อย และควรระมัดระวัง ดังนั้น จึงควรรอให้ราคาปรับตัวขึ้นในระยะใกล้หรือย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนที่ผู้ซื้อขายจะเริ่มวางตำแหน่งเพื่อขึ้นในครั้งต่อไป
📉ในขณะเดียวกัน การปรับฐานลงใดๆ ก็ตามในขณะนี้ ดูเหมือนว่าจะพบแนวรับที่บริเวณ 2,720 ดอลลาร์(ระหว่างวัน) ตามมาด้วยแนวรับด้านล่างของช่องที่กล่าวถึงข้างต้น ซึ่งขณะนี้ตรึงไว้ใกล้บริเวณ 2,710 ดอลลาร์ หากทะลุผ่านลงได้อย่างเด็ดขาด อาจทำให้เกิดการเทจายเพิ่มเตืมได้(Panic sell) การร่วงลงครั้งต่อไปเมื่อหลุดระดับแนวรับ 2700 อาจทำให้ราคาทองคำลดลงเข้าใกล้แนวรับ 2,685 ดอลลาร์ จุดหลังนี้น่าจะเป็นจุดสำคัญที่ราคาทองคำอาจเร่งการลดลงไปสู่จุดทะลุแนวต้านที่ 2,662-2,661 ดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแนวรับไปแล้ว
แนวคิดแผน Buy (22 ตุลาคม)
Buy zone 2695-2690
Sl 2680
TP1 2705
TP2 2715
TP3 2725
TP4 2735
TP4 2745
แนวคิดเพิ่มเติมจะประกาศในกลุ่ม
—————-
แนวคิดแผน Sell วันที่ 22 ตุลาคม
Sell zone 2763-2766
Sl 2775
TP1 2755
TP2 2745
TP3 2735
TP4 2720
TP5 2700
แนวคิดเพิ่มเติมจะประกาศในกลุ่ม
ราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 2,733 - 2,769 หากไม่มีข่าว...📊มุมมองส่วนตัวและมุมมองนักวิเคราะห์ วิเคราะห์ราคาทองคำ (XAUUSD) ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2024
แนวรับและแนวต้านสำคัญ
🔽1. แนวรับสำคัญ:
• อยู่ที่ระดับ 2,674.07 และ 2,653.02 ซึ่งเป็นจุดที่ทองคำอาจย่อตัวลงมาหากมีการปรับฐาน
• อีกระดับที่สำคัญคือ 2,660 เป็นแนวรับเพิ่มเติมจาก Fibonacci retracement ระดับ 0.27
🔼2. แนวต้านสำคัญ:
• อยู่ที่ระดับ 2,733.30 และ 2,769.91 (Fibonacci extension 1.618) หากราคาผ่านระดับนี้ได้ คาดว่าจะปรับตัวขึ้นไปต่อเนื่อง
• ในระยะสั้น มีโอกาสเห็นการย่อและ rebound ระหว่าง 2,733 และ 2,769
🏦ข่าวเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
1. ประกาศดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB): คาดว่าหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย อาจส่งผลให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น แต่ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนลง ทองคำจึงมีแนวโน้มที่จะขึ้น
2. รายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ: การประกาศ Core Retail Sales และดัชนีผู้ผลิต (PMI) จะมีผลโดยตรงต่อค่าเงินดอลลาร์ และทองคำ เนื่องจากทองคำมีการเคลื่อนไหวผันผวนตามค่าเงินดอลลาร์
🗣️มุมมองนักวิเคราะห์และกองทุน
• มุมมองนักวิเคราะห์เทคนิค: นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มขาขึ้นหากยังสามารถรักษาระดับแนวรับที่ 2,700-2,710 ได้ สัญญาณ Bullish บนกราฟ H4 ยังสนับสนุนการขึ้นต่อเนื่อง
• มุมมองกองทุน: หลายกองทุนเพิ่มการถือครองทองคำในช่วงที่ดอกเบี้ยยังสูงและเศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน โดยเฉพาะกองทุนที่มองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงวิกฤต
สรุป:
📌ราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 2,733 - 2,769 หากไม่มีข่าวเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบรุนแรง นักลงทุนควรระวังการย่อสั้น ๆ และติดตามแนวต้านที่ 2,769 อย่างใกล้ชิด