Short $US500 หลังจากตัดขาดทุนไปเมื่อคืน
เช้านี้ ราคามาชนแนวต้าน 3966
จึงเปิด Short โซนนี้และ ตั้ง Stoploss แคบๆ
TP แนว ARD low หรือ ทยอยเลื่อน S/L ตามลงมา
_____________________________________________________________
Pepperstone ได้รับรางวัลจากการโหวตเป็น “โบรกเกอร์แห่งปี 2022” ของ TradingView Broker Awards ด้วยคุณภาพและเทคโลยีที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ทั่วโลก
หากอยากเริ่มต้นประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดของคุณตอนนี้ทาง Pepperstone พร้อมมอบสิทธิพิเศษ เพียงลงทะเบียนเปิดบัญชีซื้อขาย รับสิทธิ์การเทรดฟรี 20 trades* เพื่อช่วยเริ่มต้น
เส้นทางการเทรดของคุณให้รวดเร็วและราบรื่นยิ่งขึ้น
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถคลิกลิงก์เว็บไซต์ Pepperstone ที่แนบไว้ใน bio
*เป็นไปตามข้อตกลงและเงื่อนไขที่กําหนด
Us500
US500มีความเป็นไปได้ทั้งสองทางแต่อาจจะยังคงมีการขยับตัวสูงขึ้น
แน่นอนว่าการกังวลของสภาวะเศรษฐกิจที่เกิดถดถอย อาจจะส่งผลทำให้ดัชนี US500 มีการฟื้นตัวขึ้นในระยะสั้นแต่ก็ยังคงต้องจับตาดูผลประกอบการของสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นเดียวกัน
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเขตซัพพลายโซนหรือเขตดีมานด์โซนยังคงเป็นปัจจัยที่ยังคงอาจจะยังต้องจับตาดูและควรเทรดระยะสั้นเท่านั้น
ดังนั้นจับตาดูการประกาศตัวเลขสำคัญในสัปดาห์หน้ารวมทั้งจับตาดูการประกาศการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐเช่นเดียวกัน
แผนเทรด S&P500 (US500)แผนเทรด S&P500 (US500) คืนนี้ เเนวโน้มมองขึ้น มองจาก TF D ราคายังเป็น ขาขึ้น เทรนย่อยเป็นเทรนลง คิดว่าพักเเล้วขึ้น เเต่ถ้า เบรคเเนวรับนี้ได้ มองว่าลงยาว เสียโครงสร้างเทรนขึ้น นะตอนนี้ราคาทำเเพทเทิร์น Falling Wedge เเต่ครั้งนี้ไม่ได้มาพร้อมกับ Divergence จุดนี้ต้องระวัง
เหตุผลมองขึ้น
1.เทรนขึ้น TF D
2.Major Price Structure หรือ เเนวต้านที่ถูกทดสอบเเล้วหลายครั้ง
3. Falling Wedge
ครั้งนี้เหตุผลเข้า น้อยมากระวังกันด้วยนะครับ
Stock เริ่มมีการเคลื่อนไหวนกับทั้ง UPS, Moderna, Tesla และอื่น ๆหุ้นที่ทำการเคลื่อนไหวสูงสุดในตอนกลางวัน: UPS, Moderna, Tesla และอื่นๆ
สิ่งที่จะเกิดขึ้น?
UPS — บริษัทลอจิสติกส์ร่วงลงกว่า 8% หลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทแสดงให้เห็นว่ารายรับในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างคาดไม่ถึง UPS กล่าวว่าปริมาณการส่งมอบทั้งหมดในสหรัฐฯ ลดลงเกือบ 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่รายได้จากพัสดุภัณฑ์ของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่สองไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ตามข้อมูลของ Street Account อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถเอาชนะทั้งบนและล่าง ต้องขอบคุณความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในคำสั่งซื้ออีคอมเมิร์ซ
Polaris — ส่วนแบ่งของผู้ผลิตรถยนต์สูญเสียมากกว่า 6% แม้จะเกินประมาณการที่เป็นเอกฉันท์ในรายงานผลประกอบการรายไตรมาสและประมาณการรายได้ที่ตรงกัน Polaris รายงานต้นทุนการส่งเสริมการขายที่ต่ำกว่าและราคาที่สูงกว่า แต่ประสบปัญหาต้นทุนสินค้าและแรงงานที่สูงขึ้น
F5 Networks — หุ้นของ F5 Networks พุ่งขึ้น 5.7% ตามผลประกอบการไตรมาสสามที่พุ่งขึ้น บริษัทเทคโนโลยีรายงานกำไรที่ปรับแล้วที่ $2.76 ต่อหุ้น เทียบกับการประมาณการ $2.46 ต่อหุ้นของนักวิเคราะห์ ตาม Refinitiv F5 Networks มีรายได้ 652 ล้านดอลลาร์เทียบกับประมาณการ 638 ล้านดอลลาร์ของ Wall Street
Moderna — Moderna ลดลงมากกว่า 4% หลังจากที่ผู้ให้บริการวัคซีนรายงานว่าพันธมิตรด้านการผลิตบางรายนอกสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับความล่าช้าอันเป็นผลมาจากปัญหาการทดสอบในห้องปฏิบัติการล่าสุด ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ยังชะลอการเปิดตัววัคซีนในตลาดอื่น
การคาดหวังในครั้งนี้?
โดยการคาดหวังในครั้งนี้ทำให้การชะลอตัวของในแต่ละบริษัท รวมทั้งการประกาศรายได้ที่ผ่านมาของในแต่ละบริษัทที่กล่าวมาข้างต้นต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ทำให้ดัชนี S&P 500 มีการปรับตัวร่วงลงรวมทั้งดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์ที่มีการปรับตัวร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์มีการปรับตัวร่วงลงในรอบวัน -1.11% และดูเหมือนว่าอาจจะมีการปรับตัวร่วงลงอย่างต่อเนื่องตามทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ จากปัจจัยดังกล่าว
การวิเคราะห์ของราคา
จากการคาดหวังทำให้ดัชนีราคา S&P 500 ฟิวเจอร์มีการปรับตัวร่วงลงดังกล่าวและทะลุกรอบแนวรับสำคัญลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนหลายสำนักให้แนวรับที่สำคัญที่ 4378 และดูเหมือนว่าจะสามารถทะลุลงจากแนวรับนี้อย่างต่อเนื่องดังนั้นถ้ามีการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องของดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์อาจจะส่งผลทำให้มีการย่อตัวลงไปถึงแนวรับล่างสุดจับตาดูว่าจะมีกรอบแนวรับแนวต้านอย่างไร
ถ้ามีการขยับตัวร่วงลงของดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์แนวรับแรกก็คือ 4367.42 แนวรับที่สองก็คือ 4356.35 แนวรับสุดท้ายก็คือ 4326.75
แต่ถ้ามีสัญญาณการฟื้นตัวไม่ว่าจะเป็นทั้งผลประกอบการของแต่ละบริษัทหรือผลกำไรที่จะมีการประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ทำให้มีการขยับตัวสูงขึ้นของดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์นั้นแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 4389.82 แนวต้านที่สองก็คือ 4406.30 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 4425.10
ตลาดหุ้นสหรัฐและ US10Y เพิ่มขึ้นตลาดหุ้นสหรัฐ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้น น้ำมันดิ่งลงในช่วงสัปดาห์ที่ผันผวน
วอลล์สตรีทปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์หลังจากสัปดาห์ที่หินซึ่งนักลงทุนรู้สึกไม่สบายใจกับกรณี COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นซึ่งได้รับแรงหนุนจากตัวแปรเดลต้าที่แพร่ระบาดมากขึ้นในขณะที่ราคาน้ำมันร่วงลงหลังจากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งจากการลดลงของวันจันทร์
หุ้นเทคโนโลยี Megacap ช่วยผลักดันดัชนีหลักของสหรัฐฯ ให้สูงขึ้นอีกครั้ง โดยดัชนี S&P 500 (SPX) และดัชนี Nasdaq 100 (NDX) ทำสถิติสูงสุด อัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐก็เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับดอลลาร์ โดยนักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเน้นที่การฟื้นตัวของสหรัฐและการสนับสนุนเศรษฐกิจของเฟด
“ตราบใดที่นโยบายการเงินยังคงเป็นเชิงรุก หุ้นจะยังคงไปได้ดีในระยะยาว” Steve Massocca กรรมการผู้จัดการของ Wedbush Securities กล่าว “มีข้อกังวลเกี่ยวกับตัวแปรเดลต้า เป็นความกังวลที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเนื่องจากการแทรกแซงและการปิดตัวของรัฐบาล เราเห็นเงินกลับคืนสู่ชื่อที่มีแนวโน้มจะดีโดยไม่คำนึงถึงการปิดตัวทางเศรษฐกิจ”
นักลงทุนสันนิษฐานว่า “สิ่งต่างๆ จะดีขึ้น การเดินทางจะเพิ่มขึ้น” Massocca กล่าว
โดยดัชนีหุ้นขยับขึ้นทำจุดสูงสุดอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นทั้งดัชนี Nasdaq ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์หรือแม้กระทั่งดัชนี S&P 500 ที่มีการขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ดีนักลงทุนยังคงเฝ้าจับตาดูการขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยนักลงทุนเริ่มเห็นความสำคัญของกรอบแนวต้านสำคัญว่าถ้ามีการขยับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นจะขยับตัวขึ้นถึงกรอบแนวต้านสำคัญหรือไม่
ซึ่งดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์มีการขยับตัวขึ้นในรอบวัน +0.73% และอาจจะมีการพักตัวระยะสั้นแต่ต้องติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นทะลุ 4416 ขึ้นไปได้แนวต้านที่สองก็คือ 4453 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 4513
แต่ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 4383 แนวรับที่สองก็คือ 4356 แนวรับสุดท้ายก็คือ 4324
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์ที่จะกระทบในสัปดาห์ถัดไป : สัปดาห์ถัดไปจะมีการประกาศตัวเลขสำคัญของสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็นทั้งการประกาศดัชนีจีดีพีของสหรัฐประกอบกับในส่วนของการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยและนโยบายทางการเงินของธนาคารกลาง สหรัฐอเมริการวมทั้งการประกาศดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคลและดัชนีการใช้จ่ายผู้บริโภคส่วนบุคคลพื้นฐานของสหรัฐ