ไอเดียชุมชน
XAUUSD Daily Analysis 21/2/2025 by TraderTan
Trading note: XAUUSD / GOLD
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี (20 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะส่งผลให้เกิดสงครามการค้าทั่วโลก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศในอัตรา 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มี.ค. โดยปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า มาตรการภาษีศุลกากรจะช่วยลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ
SELL : 2940
TP : 2919
SL : 2954
เหตุผลในการเข้าเทรด:
Trendline
จากกราฟแท่งเทียนในกรอบTF H1-H4
ราคาเริ่มทำจุดสูงสุดอีกครั้งและเริ่มมีสัญญาณลงอีกครั้ง หลังจากพยายามทดสอบแนวต้านเดิมอยู่ จึงทำการเข้า SELL โดยเน้นรูปแบบการทำกำไรแบบ scalping ในระยะสั้นๆตามกรอบเส้นเทรนไลน์
จุดเข้า - จุดออก เป้าหมายการทำกำไร
ใช้สัญญาณการกลับตัวจากกรอบไซด์เวย์ที่แนวต้านหลัก ในกรอบ H1 และการกรอบไซด์เวย์ที่เป็นกรอบการพักตัว เป็นไปได้ที่ราคาจะทิ้งดิ่งลงมาก่อน โดยตั้งเป้าหมายกำไร 800 จุดขึ้นไป และตั้ง TSL เมื่อกำไรเริ่มบวกแล้ว 500 จุด
RSI : เป็นกลางในขาลง เน้นจบปิดกำไรรายวัน และอาจปิดเร็วขึ้น หากกำไรเป็นที่พอรับได้ โดยมีตั้งกำไร TP และตั้ง SL ไม่ไกลจากแนวรับแนวต้านเดิม ทั้งใน TF1H และ 4H และจะทำการล๊อคกำไรจาก TSL ด้วยระดับหนึ่ง
ประสบการณ์: เน้นการถืออออเดอร์โดยปิดจบรายวัน และเน้นเก็บกำไรแบบเป็นรอบสวิงเทรนไซด์เวย์ เพื่อเป็นการเพิ่มกระแสเงินสด แคชโฟร์ ในพอร์ต อาจมีการแบ่งปิดกำไรจากออเดอร์ที่กำไรในระดับหนึ่งแล้ว อาจมีการตั้ง TSL เพื่อเป็นการล๊อคกำไรได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
เพื่อนๆคิดว่าตลาดตอนนี้เป็นขาขึ้น ( Bullish)หรือขาลง (Bearish)ครับ คอมเม้นท์ด้านล่างไว้ได้เลย !!!
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
คนที่กล้าหาญ-ปูตินโทรจุดประกายยูโรชุมนุม คนที่กล้าหาญ-ปูตินโทรจุดประกายยูโรชุมนุม
เงินยูโรปรับตัวสูงขึ้นจากจุดสูงสุดของเซสชั่นหลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ประกาศโทร 90 นาทีกับประธานาธิบดีรัสเซียวลาดิมีร์ปูตินในระหว่างที่พวกเขาตกลงที่จะเยี่ยมชมซึ่งกันและกันและเริ่มต้นการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน ทรัมป์กล่าวว่าคำบรรยายสันติภาพจะเริ่มต้น"ทันที.”
ในทางเทคนิคเงินยูโรดีดตัวขึ้นจากการสนับสนุนขาลงทำให้ความสนใจในการฝ่าวงล้อมที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม 1.02–1.05 หมีอาจยังคงมีความเสี่ยงตราบใดที่ทั้งคู่ถือเหนือระดับ 1.02
ไม่นานหลังจากที่การสนทนาของเขากับปูติน,คนที่กล้าหาญได้พูดคุยกับประธานาธิบดียูเครนโ ยืนยันการอภิปรายที่อธิบายว่ามันเป็น"มีความหมาย"และการกล่าวขวัญแผนสำหรับข้อตกลงใ
Thai Coconut Public Company Limited (COCOCO) ในกรอบเวลา 1D🔍 การวิเคราะห์แนวโน้ม
แนวโน้มขาลงในระยะสั้น
กราฟอยู่ใน ช่องขาลง (Descending Channel) ซึ่งยังคงเป็นแนวโน้มขาลง
ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 9.90 THB และกำลังทดสอบแนวรับบริเวณ 0.618 Fibonacci Retracement (ประมาณ 9.65-9.70 THB )
หากหลุดต่ำกว่านี้ อาจลงไปที่แนวรับ 0.786 Fibonacci Retracement (บริเวณ 8.50-8.65 THB )
มีโซน Gap Support อยู่ที่ประมาณ 8.50-8.80 THB ซึ่งอาจเป็นจุดพักตัว
📈 Indicator Analysis
MACD แสดงสัญญาณ Bearish (ขาลง) แต่หากเกิด Divergence อาจมีโอกาสกลับตัว
Volume Profile แสดงโซนที่มีการซื้อขายหนาแน่นที่ 9.50-9.80 THB หากราคาหลุดต่ำกว่านี้อาจเกิดแรงขายเพิ่มขึ้น
📌 แนวต้านสำคัญ
แนวต้านแรกอยู่ที่ 10.30-10.50 THB (Fib 0.5)
แนวต้านบนของช่องขาลง อยู่ที่ 11.50-12.00 THB
เป้าหมายถัดไปหากทะลุแนวต้านหลักคือ 14.10 THB
🔮 สรุปแนวโน้ม
✅ หากราคาสามารถ ยืนเหนือ 9.65-9.70 THB ได้ มีโอกาสเกิดการรีบาวด์ไปทดสอบแนวต้าน
❌ หากหลุดต่ำกว่า 9.65 THB มีโอกาสลงไปแนวรับถัดไปที่ 8.50-8.80 THB
🛑 ความเสี่ยง
หากแนวรับปัจจุบันถูกทะลุลงไป อาจมีแรงขายกดดันเพิ่ม
ตลาดโดยรวมและปัจจัยพื้นฐานของบริษัท อาจมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคา
Weekly Update Trend XAUUSD(Gold) by C.AugustAbout Trend
แนวโน้มทองคำแบ่งเป็น 2 ภาพ ดังนี้
-ภาพ Secondary trend : มุมมองขาขึ้น(Up trend) จนกว่าราคาจะหลุด Low ที่ 2733.32
-ภาพ Minor trend : มุมมองขาขึ้น(Up trend) จนกว่าราคาจะหลุด Low ที่ 2772.15
สรุปกลยุทธ์จากแนวโน้ม คือ เล่น Buy โดยรอย่อ หรือเล่นเบรคเอ้า
__________
About Momentum
-หากสังเกตุจาก Squeeze Momentum นั้นจะเห็นได้ว่าในภาพ 1h มีการ Slope Up อยู่ซึ่งสอดคล้องกับ Minor trend สนับสนุนฝั่ง Buy อยู่ (Positive Momentum)
-จากรอบของ Williams %R ก็จะเห็นได้ว่าราคาก็มีการทำ Overbought และ Higher High ได้ด้วยเช่นกัน ล่าสุดช่วงเช้าวันจันทร์นี่ราคาก็มีการปรับตัวลงมาและเกิด Oversold และก็ทำ Higher Low ด้วยเช่นกัน ยังคงสนับสนุนฝั่ง Buy เช่นกัน แต่ต้องระมัดวังหากราคาไม่สามารถขึ้นกลับมา Break High ได้ หรือราคาวกกลับไปหลุด Low 2772.15 จะทำให้ Momentum ของรอบ %R กลับมาสนับสนุนฝั่งลงทันทที (Positive Momentum)
-หากสังเกตุ Bollinger Band ก็จะเห็นได้ว่าราคาล่าสุดนั้นมีการเบรค Lower Band ลงมาทำให้ภาพของความผันผวน+การเบี่ยงเบนมาตรฐานนั้น เวลานี้เบี่ยงเบนมาทางลงเด้งขึ้นมาก็ไม่ได้เบรค Upper Band ด้วยยังสนุบสนุนมุมมองกลุ่ม Sell แต่หากราคาสามารถเบรค Upper Band ไปได้ก็จะทำให้กลุ่มคนฝั่ง Buy เริ่มได้เปรียบมากขึ้นนั้นเอง (Negative Momentum)
__________
-สรุปกลยุทธ์ควบคู่กับ Momentum คือ สามารถเล่น Buy ได้ ให้ดีรอ Momentum ในภาพ 1H อย่างการที่ราคาเบรค High 2817 ได้ก็พอเล่น Follow Buy ได้ หรือรอเห็นการย่อลงมาไม่หลุด Low 2772.15 + Reversal pattern or Reversal Candlestick ก็เริ่มกลับมา Buy ได้เช่นกัน
__________
About Expected Price
โดยมีแนวราคาคาดหวังกรณีที่ราคาเลือกที่จะขึ้นต่อในสัปดาห์นี้ ที่ Range Volatile Week High คือ 2837-2850 และแนวคาดหวังระดับเดือนเลยคือ Range Volatile Month High อยู่ที่ 2906+- แต่หากราคาเลือกที่จะลงในสัปดาห์นี้นั้นก็สามารถลงไปได้ที่ Range Volatile Week Low ที่ 2738.6+- ได้เช่นกัน
MTA : วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis MTA: วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis
👰กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ หลายคนอาจจะงง กับการเทรดหลายๆทามเฟรม และบางคนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเทรดเพียงแค่ทามเฟรมเดียว หรือ เทรดหลายทามเฟรมมีดีอย่างไร มาครับวันนี้แอดพาไปทำความรู้จักการเทรดแบบ MTA กัน ตามมาอ่านกันได้เลย
การใช้ Multiple Timeframe Analysis (MTA) เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น โดยการวิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่เพื่อหาแนวโน้มหลัก และกรอบเวลาเล็กเพื่อหาจุดเข้า-ออกที่แม่นยำ นี่คือขั้นตอนละเอียดในการใช้ MTA อย่างมีประสิทธิภาพ
1. เลือกกรอบเวลาที่เหมาะสม
การวิเคราะห์หลายกรอบเวลาควรใช้กรอบเวลาที่สัมพันธ์กัน เช่น:
กรอบเวลาใหญ่ (Higher Timeframe - HTF): ใช้เพื่อหาแนวโน้มหลัก เช่น Daily (D1), H4
กรอบเวลากลาง (Intermediate Timeframe): ใช้เพื่อยืนยันสัญญาณ เช่น H1
กรอบเวลาเล็ก (Lower Timeframe - LTF): ใช้เพื่อหาจุดเข้า-ออก เช่น M15, M5
2. วิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่ (HTF) เพื่อหาแนวโน้มหลัก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาใหญ่ (เช่น Daily)
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้ม เช่น Moving Average (MA), Trendline, หรือ ADX
ระบุแนวโน้มหลัก:
ขาขึ้น (Uptrend): Higher Highs (HH) และ Higher Lows (HL)
ขาลง (Downtrend): Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL)
Sideway/Range: ราคาเคลื่อนที่ในกรอบแนวนอน
ระบุระดับ Support/Resistance ที่สำคัญ
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาขึ้น ให้มองหาโอกาสซื้อ (Buy) ในกรอบเวลาเล็ก
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาลง ให้มองหาโอกาสขาย (Sell) ในกรอบเวลาเล็ก
3. วิเคราะห์กรอบเวลากลางเพื่อยืนยันสัญญาณ
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลากลาง (เช่น H4)
ตรวจสอบว่าแนวโน้มในกรอบเวลากลางสอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่หรือไม่
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น Fibonacci Retracement, RSI, หรือ MACD เพื่อหาจุดกลับตัวหรือสัญญาณยืนยัน
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily เป็นขาขึ้น และกราฟ H4 แสดง Pullback (การปรับตัวลงชั่วคราว) ให้มองหาโอกาสซื้อเมื่อราคากลับมาทะลุแนวต้านหรือยืนเหนือ MA
4. วิเคราะห์กรอบเวลาเล็ก (LTF) เพื่อหาจุดเข้า-ออก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาเล็ก (เช่น M15)
หาจุดเข้าเทรดโดยใช้สัญญาณจาก Price Action หรือตัวบ่งชี้ เช่น:
Price Action: รูปแบบแท่งเทียน (Pin Bar, Engulfing, Inside Bar)
ตัวบ่งชี้: RSI, Stochastic Oscillator, หรือ MACD
ตั้ง Stop Loss และ Take Profit โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่และกลาง
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily และ H4 แสดงแนวโน้มขาขึ้น และกราฟ M15 แสดงสัญญาณซื้อ (เช่น Bullish Engulfing) ให้เข้าซื้อและตั้ง Stop Loss ต่ำกว่า Support ล่าสุด
5. จัดการความเสี่ยงและวางแผนเทรด
Stop Loss: ตั้ง Stop Loss โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวของราคา
Take Profit: ตั้ง Take Profit โดยอ้างอิงจากระดับ Resistance ในกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง
Risk-Reward Ratio: ควรมีอัตราส่วน Risk-Reward อย่างน้อย 1:2 (เสี่ยง 1 เพื่อกำไร 2)
6. ตัวอย่างการใช้งานจริง
สมมติคุณวิเคราะห์กราฟ Daily และพบว่า EUR/USD อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
กรอบเวลาใหญ่ (Daily):
แนวโน้มขาขึ้น (Higher Highs และ Higher Lows)
Support หลักอยู่ที่ 1.1000
กรอบเวลากลาง (H4):
ราคากำลัง Pullback ลงมาใกล้ระดับ Support ที่ 1.1000
RSI ใกล้ Oversold (30)
กรอบเวลาเล็ก (M15):
ราคาเกิด Bullish Engulfing Pattern ใกล้ระดับ 1.1000
เข้าซื้อที่ 1.1005 และตั้ง Stop Loss ที่ 1.0980 (ต่ำกว่า Support)
ตั้ง Take Profit ที่ 1.1100 (ใกล้ระดับ Resistance ในกรอบ Daily)
7. ข้อควรระวัง
False Signal: สัญญาณในกรอบเวลาเล็กอาจไม่แม่นยำหากไม่สอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่
Overanalysis: อย่าวิเคราะห์กรอบเวลาเล็กมากเกินไปจนเสียโฟกัสจากแนวโน้มหลัก
ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับสไตล์การเทรด: หากเป็นเทรดเดอร์ระยะสั้น อาจใช้กรอบเวลาเล็กเป็นหลัก แต่ต้องยืนยันแนวโน้มจากกรอบเวลาใหญ่
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กลยุทธิ์การเทรดแบบ MTA เรียบง่ายแต่ทรงพลัง แถมทำกำไรได้เรื่อยๆอีกนะ มันทำให้เราไม่ต้องไปพะว้าพะวง หรือเครียดมากจนเกินไปด้วย ที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ
Gold Market Outlook [Febuary 3, 2025]🌟 Gold Market Outlook
📈 "ทองคำแนวโน้มบวก หลัง Fed ส่งสัญญาณชะลอปรับลดดอกเบี้ย - แนะจับตา NFP สัปดาห์นี้"
ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) 🔍
ตลาดทองคำเริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ด้วยทิศทางเชิงบวก โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการประชุม FOMC เมื่อสิ้นเดือนมกราคม ที่ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% แต่ท่าทีของ Fed ต่อภาวะเงินเฟ้อที่ยังสูงได้สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์
เศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงสัญญาณชะลอตัวชัดเจน สะท้อนจาก GDP ไตรมาส 4 ที่ลดลงเหลือ 2.7% จาก 3.3% ขณะที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งสูงถึง 224,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis) 📊
การวิเคราะห์ระยะสั้น (Time Frame 15 นาที)
รูปแบบการเคลื่อนตัว: ราคากำลังเคลื่อนที่ในกรอบ Ascending Channel อย่างชัดเจน โดยมีการทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีการย่อตัวที่เป็นระเบียบ
ดัชนี RSI: อยู่ที่ระดับ 58 ซึ่งยังห่างจากเขต Overbought (70) ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้
MACD: เส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal Line แสดงถึงโมเมนตัมเชิงบวกในระยะสั้น และ Histogram กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น
Moving Averages: EMA 21 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับไดนามิกที่แข็งแกร่ง
Volume Profile: ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้น แสดงถึงแรงซื้อที่มีนัยสำคัญ
การวิเคราะห์รายวัน (Time Frame H1)
แนวโน้มหลัก: ราคาปัจจุบันที่ $2,797.94 กำลังเคลื่อนตัวในแนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง โดยมีการสร้าง Higher High และ Higher Low อย่างต่อเนื่อง
RSI (H1): ที่ระดับ 46.05 แสดงถึงโมเมนตัมที่อ่อนตัวชั่วคราว แต่ยังไม่เข้าสู่เขต Oversold ทำให้มีโอกาสฟื้นตัวได้
MACD (H1): ค่า MACD ที่ 3.96 ต่ำกว่า Signal Line ที่ 5.52 เล็กน้อย บ่งชี้ถึงแรงขายระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่แสดงสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน
Bollinger Bands: ราคากำลังเคลื่อนตัวใกล้เส้นกลาง แสดงถึงช่วงของการสะสมแรงซื้อ
Fibonacci Retracement: ระดับ 38.2% ที่ $2,790 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญ
รูปแบบแท่งเทียนที่น่าสนใจ
กราฟ 15 นาที: เกิดรูปแบบ Bullish Engulfing ที่แนวรับ ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น
กราฟรายชั่วโมง: มีการสร้าง Doji ที่แนวต้าน $2,800 แสดงถึงการชะลอตัวของแรงซื้อ
แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ 🎯
แนวต้าน:
R3: $2,815 (แนวต้าน Fibonacci Extension 161.8%)
R2: $2,810 (High ของสัปดาห์ที่ผ่านมา)
R1: $2,800 (แนวต้านจิตวิทยาและ Round Number)
แนวรับ:
S1: $2,790 (MA20 H1 และ Fibonacci 38.2%)
S2: $2,780 (MA50 H1)
S3: $2,775 (แนวรับ Channel ระยะกลาง)
กลยุทธ์การเทรดแบบ Multiple Time Frame 💡
Scalping (15 นาที)
ระดับเข้าซื้อ: $2,792-2,795 (บริเวณ EMA 21)
Stop Loss: $2,788 (ใต้แนวรับ Channel)
Take Profit 1: $2,800 (แนวต้านจิตวิทยา)
Take Profit 2: $2,805 (แนวต้าน Channel บน)
อัตราส่วน Risk:Reward = 1:1.5
Day Trading (H1)
Long Position:
จุดเข้าซื้อ: รอย่อตัวที่แนวรับ $2,790
ยืนยันด้วย: Bullish Candlestick Pattern และ RSI เริ่มฟื้นตัว
Stop Loss: $2,785
Take Profit: $2,800 และ $2,810
Short Position:
จุดขาย: แนวต้าน $2,800
ยืนยันด้วย: Bearish Candlestick Pattern หรือ Divergence
Stop Loss: $2,805
Take Profit: $2,790
ปัจจัยที่ควรจับตา 👀
การประกาศตัวเลข NFP วันที่ 7 กุมภาพันธ์ (เป้าหมายต่ำกว่า 200,000 ตำแหน่ง)
ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
การเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์ (DXY)
วิเคราะห์โดย : Beam
BTC/USD D1 Bearish divergenแนวโน้มขาลงที่คาดการณ์
มีการคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวลง โดยมีเป้าหมายการทำกำไร
(TP) ที่ระดับ 92,476 USD และ 83,965 USD
(ตาม Fibonacci Extension 1.618 และ 2.618)
แนวต้าน (Resistance)
101,000 - 106,000 USD (แนวต้าน Fibonacci 0.786)
ระดับ 100,000 USD เป็นจิตวิทยาสำคัญ
หากราคากลับมายืนเหนือได้ อาจมีโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้น
แนวรับ (Support)
97,736 USD (แนวรับแรก Fibonacci 0.618)
92,476 USD (TP1) และ 83,965 USD (TP2)
เป็นจุดที่ควรจับตาดูหากราคาลงไปถึง
กลยุทธ์การเทรด
Bearish Bias: แนวโน้มขาลงยังมีน้ำหนักมากกว่าขาขึ้น
โดยมีเป้าหมายการลงที่ 92,476 - 83,965 USD
กลยุทธ์ที่แนะนำ
หากถือสถานะ Short ควรตั้ง TP ที่ 92,476 USD และ 83,965 USD
หากต้องการเข้า Long ควรรอดูสัญญาณกลับตัวบริเวณแนวรับ 92,000 - 84,000 USD
#หมายเหตุ🚀
ไม่ได้ชี้นำการลงทุน เป็นเพียง การบันทึก ไอเดียร์การวิเคราะห์
28/01/25 การวิเคราะห์หุ้น OR: โอกาสการลงทุนในกรอบ P/BV Band28/01/25 การวิเคราะห์หุ้น OR: โอกาสการลงทุนในกรอบ P/BV Band
________________________________________
💡 ข้อมูลสำคัญ
• ราคาปิดล่าสุด: 11.50 บาท
• P/BV ปัจจุบัน: 1.3x
• มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (BV): 8.85 บาท
________________________________________
กรอบราคาใน P/BV Band
กรอบ P/BV Band เป็นการวิเคราะห์จากค่าสถิติในอดีต โดยใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เพื่อหากรอบราคาที่เหมาะสม:
• ค่าเฉลี่ยระยะยาว (10 ปี): P/BV = 2.55x
• -2SD: P/BV = 1.23x
• -1SD: P/BV = 1.89x
👉 เมื่อคำนวณตามข้อมูลตลาดจริง กรอบราคาในกระดานเทรดปรับเป็นดังนี้:
• กรอบล่าง (-2SD): 11.00 บาท
• กรอบบน (-1SD): 16.00 บาท
________________________________________
วิเคราะห์แนวโน้ม (ข้อมูลพื้นฐาน Q4/2024)
📈 ปัจจัยหนุนราคาหุ้น:
1. ผลประกอบการ Q4/24 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น
o รายได้คาดการณ์เพิ่มขึ้นเป็น 190.11 พันล้านบาท (+6.58%)
o การเติบโตของธุรกิจ Non-Oil (เช่น ร้านค้า-คาเฟ่ในสถานีบริการน้ำมัน) สนับสนุนรายได้
2. ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน (Retail):
แนวโน้มดีขึ้นจากการเติบโตของการบริโภคในประเทศและราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพ
________________________________________
โอกาสการลงทุน (เหมาะกับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว):
1. ราคาหุ้นปัจจุบันที่ 11.50 บาท:
o ใกล้กรอบล่าง (-2SD) 11.00 บาท
o ถือเป็นโอกาสสะสม หากเชื่อมั่นในผลประกอบการที่จะฟื้นตัว
2. กรอบราคาเป้าหมายระยะกลาง:
o เป้าหมายบน (-1SD): 16.00 บาท
3. แนวรับสำคัญ: 11.00 บาท
หากหลุดแนวนี้ อาจต้องระมัดระวังต่อแรงกดดันทางราคา
________________________________________
💬 สรุป:
หุ้น OR ณ ราคาปัจจุบันสะท้อนถึงโอกาสการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะหากผลประกอบการ Q4/24 ออกมาตามที่คาดการณ์ การกลับเข้าสู่กรอบ -1SD มีโอกาสผลักดันราคาไปถึง 16 บาทได้
📌 หมายเหตุ: การลงทุนมีความเสี่ยง ควรติดตามผลประกอบการและแนวโน้มอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด
________________________________________
🛢️ "OR: โอกาสที่ซ่อนอยู่ในธุรกิจน้ำมันและ Non-Oil"
อย่าพลาด! หากคุณกำลังมองหาหุ้นฟื้นตัวในปี 2025
#OR #หุ้นไทย #วิเคราะห์หุ้น #PBVBand #หุ้นฟื้นตัว
แนวโน้มทองคำสำหรับ วันที่28/1/68ทองคำ
ภาพDAYและWeek
ถ้าราคาผ่านกรอบบนได้ มองว่าราคาน่าจะขึ้นไปโซน2900-2960 การเบรกกรอบบนรอบนี้ให้ระวังราคามีโอกาสร่วงแรงเนื่องจากกด RSI divergent ในภาพweek
ภาพH4
ราคาวิ่งขึ้นเป็นขาขึ้น มองว่า การย่อรอบนี้ราคาค้างการรีบาวด์ให้1เที่ยว คาดว่าน่าจะดีดให้โซน 2722-2706 ให้ระวังเมื่อรีบาวด์รอบนี้ถ้าเบรก2772ไม่ได้ มีโอกาสกลับตัวเป็นขาลง
ภาพH1
ตอนนี้ราคาเป็นขาลง มีswing high และหัวFIBO อยู่2772 เช้านี้คิดว่าถ้ารีบาวด์ขึ้นมา 2750-2756 น่าจะถูกขายใส่กลับไป2736
หน้าBUY
มีของอยู่แล้วระวังราคาหลุด2730 แนะนำTP2750หรือถ้าจะรันเทรนด์เผื่อทองขึ้นเบรกhigh ให้เอาslกันทุนไว้
แต่ถ้าเช้านี้ราคาหลุด2736ได้ ให้ไปรอซื้อแถว2722-2706
หน้าSELL
รอดู2750-2756 รอ5นาทีเปลี่ยนเทรนด์ก่อนค่อยเข้าไปS แล้ววางSLที่Highของรายนาที เป้า2736 2722
Bitcoin พุ่งจากความหวังนโยบาย TrumpBTC กำลังทดสอบแนวสำคัญ
Bitcoin ฟื้นตัวต่อเนื่องและทดสอบระดับ $100k โดยความเชื่อมั่นเชิงบวกและแนวโน้มลดดอกเบี้ยสหรัฐในครึ่งปีแรกช่วยหนุนโอกาสกลับสู่จุดสูงสุด แม้ USD ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
Trump หนุนคริปโต
ตลาดคาดว่า Trump จะสนับสนุนคริปโตหลังเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งอาจช่วยดัน BTC ให้เริ่มวิ่งขาขึ้นใหม่ แต่ยังมีความเสี่ยงหากนโยบายไม่เป็นไปตามคาด หาก Trump แสดงจุดยืนเร็ว ๆ นี้ อาจช่วยหนุนราคาแตะจุดสูงสุดใหม่ในเดือนนี้
มุมมองทางเทคนิค BTC
BTC ทดสอบขอบบนของกรอบขาลงและแนวต้านที่ 100,195 หากทะลุได้ จะส่งสัญญาณบวก (bull flag break) โดยเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 107,855 พร้อมโมเมนตัมที่สนับสนุนโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง.
BTCUSD : ระบบ ATR Trend Following มีสัญญาณ "ซื้อ" 18/1/2025อธิบาย : ระบบ ATR Trend Following ใช้หลักการง่ายๆ คือ เอา ATR x multiplier มาตีกรอบราคาที่จะแกว่งของ BTC ถ้าทะลุกรอบ ก็จะเกิดการ flip ของสัญญาณ เช่น จากซื้อเป็นขาย หรือจากขาย เป็นซื้อ เป็นต้น
ความเห็นของรอบนี้ : แหม ดีดซะแรงจนเกิน ATR ไปไกลเลยนะ กว่าจะเขียวก็เกินไปตั้งหลายเปอร์เซ็นต์ 555 แต่ถ้าใครเข้าไม้แรกตอน action zone เขียว ไม้นี้ก็มาเฉลี่ยต้นทุนกันไปครับ
ส่วนตัวก็หวังว่ามันจะไปต่อ ตามหลัก new year rally แต่อีกใจก็ไม่อยากคาดหวังอะไรมาก เพราะกลัวผิดหวังครับ ก็ลุ้นกันไป ไปต่อก็ดี ไม่ตกรถ แต่ถ้าไม่ไปก็คัทอีกรอบ เจ็บกันไปเบาๆ ครับ
BTC ATR = เขียว ( 18/1/2025 )
------------------
Entry : 104000+-
SL : 95000 ( -8.6% )
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )
* ปัดให้เลขกลมๆ เพราะรอบที่แล้วโดนไป
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2025 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(1Jan-???) EMA120D = ??%
(7Jan-10Jan) ATR = -1%
(7Jan-10Jan) ActionZone = -1%
(17Jan-???) ActionZone = ??%
(18Jan-???) ATR = ??%
Sum กำไรสะสมของปี 2025 = -2% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง ( Max 4% กำไรหน่วย USD )
วิเคราะห์กราฟเทรดทอง XAUUSD (ช่วงเช้า) 15/01/2568วางเเผนย่อ Buy ตามกรอบ Fibo 50 Day trade
TP 2675 - 2680 - 2685
SL 2664
ข้อควรรู้ : คลิปนี้ เป็นการแชร์ความรู้กี่ยวกับการเทรด ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงินหรือการการลงทุน (การลงทุนในตลาด CFDS มีความเสี่ยงสูง โปรดใช้วิจารณญาณ)
__________________________________________
เตรียมอัพเดทข่าวแนวโน้มตลาด วิเคราะห์กราฟเด่นประจำวัน
ที่นักเทรดไม่ควรพลาด
.
.
#xauusdanalysis #goldanalysis #dailyforecast #เทรดทอง #trade #gold #xauusd #ทองคำ #forex
การวิเคราะห์ข่าวสาร และกราฟหุ้น EE (1D)1. Technical Analysis (การวิเคราะห์ทางเทคนิค)
แนวโน้มราคา (Trend Analysis)
การพุ่งขึ้นล่าสุด (Bullish Breakout):
ราคาปรับตัวขึ้นเด่นชัดช่วงปลายปี 2024 พร้อม Volume เพิ่มสูง สะท้อนความสนใจของนักลงทุน
ปัจจัยหนุน: การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่และแผนธุรกิจใหม่
แนวรับ-แนวต้าน (Support and Resistance):
แนวรับสำคัญ: 0.50–0.55 บาท
แนวต้านสำคัญ: 0.70–0.75 บาท หากทะลุได้ อาจไปถึง 0.80 บาท
เครื่องมือทางเทคนิค (Indicators)
MACD:
อยู่ในโซนบวก สะท้อนโมเมนตัมขาขึ้น
หาก MACD Line ตัด Signal Line อาจเกิดแรงขายระยะสั้น
ปริมาณการซื้อขาย (Volume):
Volume สูง สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น
หาก Volume ลดลงในช่วงราคาสูง อาจบ่งบอกถึงแรงขาย (Divergence)
2. Fundamental Analysis (การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน)
2.1 คุณภาพรายได้
รายได้จากการดำเนินธุรกิจ:
รายได้ลดลงต่อเนื่อง:
ปี 2565: 13.14 ล้านบาท
ปี 2566: 5.13 ล้านบาท
งบ 9 เดือน 2567: 0.55 ล้านบาท (-87.14%)
ระยะเวลาเก็บหนี้:
ระยะเวลาเก็บหนี้เพิ่มขึ้นจาก 187.59 วัน (2566) เป็น 737.24 วัน (2567) สะท้อนปัญหาการจัดเก็บหนี้
2.2 ความสามารถในการทำกำไร
อัตรากำไรขั้นต้น:
ติดลบในปี 2566 (-71.24%) และ 2567 (-182.66%)
อย่างไรก็ตาม งบ 9 เดือน 2567 กลับมาเป็นบวก (1,991.04%) จากการลดต้นทุน
อัตรากำไรสุทธิ:
ติดลบหนักในปี 2566 (-9,633.59%) และ 2567 (-29,632.08%)
2.3 วงจรเงินสด
วงจรเงินสดโดยรวม:
งบ 9 เดือน 2567 วงจรเงินสดลดลงมาอยู่ที่ -22.77 วัน สะท้อนถึงการบริหารเงินสดดีขึ้น แต่ยังมีปัญหาเรื่องการเก็บหนี้
3. ปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้น
การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่:
การเข้ามาของนายพันธ์ธวัช ("นอท กองสลากพลัส") พร้อมแผนธุรกิจใหม่ในเทคโนโลยี เช่น Payment Gateway และ Marketplace
การระดมทุนและปรับโครงสร้างธุรกิจ:
การเพิ่มทุน 2,720 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจใหม่
ความสนใจจาก Volume การซื้อขาย:
Volume เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2024 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในอนาคตของบริษัท
4. การประเมินราคาเป้าหมาย (Target Price)
กรณีเชิงบวก (Optimistic Case):
ธุรกิจใหม่สำเร็จและสร้างรายได้:
ราคาหุ้น: 1.20–1.50 บาท (1 ปี) และ 1.80–2.00 บาท (2 ปี)
กรณีเชิงลบ (Pessimistic Case):
ธุรกิจล่าช้าหรือขาดความสำเร็จ:
ราคาหุ้น: 0.40–0.60 บาท
กรณีพื้นฐาน (Base Case):
ธุรกิจเริ่มต้นสร้างรายได้แต่ยังไม่เติบโตเต็มที่:
ราคาหุ้น: 0.80–1.00 บาท
5. แนวรับ-แนวต้านสำคัญ
แนวรับระยะยาว: 0.50–0.60 บาท
แนวต้านระยะกลาง: 0.80–1.00 บาท
แนวต้านเป้าหมายในอนาคต: 1.20–1.50 บาท
6. กลยุทธ์การลงทุน
ระยะสั้น (1-6 เดือน):
ซื้อ: เมื่อราคาย่อตัวที่ 0.55–0.60 บาท
ขาย: ที่แนวต้าน 0.70–1.00 บาท
ตัดขาดทุน: หากราคาหลุด 0.50 บาท
ระยะยาว (1-2 ปี):
สะสมหุ้นในช่วง 0.50–0.60 บาท หากธุรกิจใหม่มีความคืบหน้า
ถือยาวรอเป้าหมายที่ 1.20–1.50 บาท หรือมากกว่า
7. ข้อควรระวัง
หุ้น EE มีความเสี่ยงสูงจากการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ
ปัญหาเรื่องคุณภาพรายได้และกระแสเงินสดยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม
ควรติดตามผลประกอบการและแผนการดำเนินธุรกิจใหม่อย่างใกล้ชิด
SET50 Sentiment with SET50 Dashboardวันนี้ตลาดหุ้นลงค่อนข้างหนักมากๆ หุ้นใหญ่ถูกทิ้งหนักหน่วง
หลายๆคน อาจจะคาดการณ์ว่า เปิด มค อาจจะมี rally ขึ้นไปได้ แต่สุดท้ายเปิดตลาดหุ้นมา
ตลาดหุ้นลงเละ
ถ้าถามว่า มีสัญญาณเตือนอะไรก่อนหน้านี้ไม๊ คำตอบคือ
มี!
ถ้าดูจาก SET50 Dashboard จะเห็นชัดว่า หลายๆเครื่องมือ ส่งสัญญาณมาแล้ว่า ตลาดเริ่มไม่ดีมากๆ
โดยเฉพาะดูระดับ Week เป็นภาพใหญ่ จะค่อนข้างคิดว่าตลาดหุ้นไทย อาจจะ วิ่งทางลงอีกสักพัก
ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะตลาดจะเปลี่ยนกลับมาขาขึ้นเมื่อไหร่
สิ่งที่ทำได้คือแกะรอบข้อมูลไปทุกวัน
PTTGCบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
..................
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTT Global Chemical Public Company Limited) เกิดจากการควบบริษัทระหว่าง บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTCH) และ บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) (PTTAR) โดยได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขึ้นเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2554 เพื่อก้าวขึ้นเป็นแกนนำของธุรกิจเคมีภัณฑ์ (Chemical Flagship) ของกลุ่ม ปตท.
..................
💥เส้น V-wap = อยู่ที่ 58.50💥
💥Book value = 57.73 💥
💥D/E = 1.46💥
💥P/E กลุ่ม = ****💥
💥P/E = *****💥
💥P/BV = 0.45 💥
💥EPS = *****💥
💥Free Float = 54.81 💥(27/02/24)
💥NVDR ถือหุ้น = 4.82% 💥
💥ต่างชาติถือหุ้น = 11.12% 💥
....................
ข้อมูลวันที่ 02/01/25
การซ์้อ-ขาย ของ NVDR ( NET แล้ว)
💥ซื้อ 11,040,201 หุ้น💥
.....................
เงินปันผลครั้งล่าสุด
24 เม.ย. 2024
เงินปันผล 0.75 บ./หุ้น
***************
....................
📲💥ฝากกดติดตามผมด้วยนะครับ💥📲
📲💥อยากให้ทางผม ทำกร๊าฟหุ้นตัวไหน หรือ สินทรัพย์อะไร สามารถทิ้งไว้ที่ใต้โพส หรือ ทักส่วนตัวมาเลยก็ได้นะครับ
......................
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเราไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
5 กฎเหล็กในการเทรด Scalping 5 กฎเหล็กในการเทรด Scalping
👺👺👺 กลับมาพบเจอกันอีกแล้วกับบทความดีๆ รวมไปถึงทริคและเทคนิคการเทรดดีๆ ที่แอดพร้อมมาแชร์ให้ได้รู้กัน โดยวันนี้เอาใจสายScalping ที่ชอบเก็บกำไรสั้นๆ การเทรดที่มาพร้อมกฎเห็กในการทำกำไร มาครับมาตามอ่านกันได้เลย
ในยุคสมัยที่โลกหมุนไวไปไวนี่เอง การเทรดก็ย่อมมาเร็วเคลมเร็วไม่ต่างกัน หากเราชื่นชอบการเทรด Scalping เราก็ควรต้องมีกฎเหล็กในการเข้าทำกำไรด้วย เพราะความเสี่ยงในการเทรดรูปแบบนี้จัดว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างสูงมากครับ การวางแผนการเทรดที่ดีจึงช่วยให้เรามีกำไรที่สม่ำเสมอและชนะได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
5 กฎในการเทรด Scalping
1. ยิ่งแพ้ยิ่งเป็นประสบการณ์
เพราะการเทรดไม่ได้มีคำว่าชนะอย่างเดียว เราจะมีแพ้ชนะ สลับกันไป แต่ที่ต้องจำให้ขึ้นใจคือ แพ้น้อยกว่าชนะได้ แต่กำไรต้องมากกว่า ไม้ที่แพ้เสมอ
2. ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด
คุณต้องอยู่ในตลาดให้ได้นานมากที่สุด แม้ว่าออเดอร์ที่เข้าไปจะแพ้ก็ตาม ให้ยืนดูอยู่ข้างตลาดเอาไว้ก่อน แล้วมองหาโอกาสในการเทรดใหม่ (ที่ยืนอยู่บน Mindsetที่ดีด้วยนะ) เพราะโอกาสที่ดี มักมาในช่วงที่คนส่วนใหญ่เริ่มยอมแพ้กันหมดแล้ว
3.เริ่มจากทุนน้อยๆไปหาทุนมากๆ
อย่าเพิ่งเริ่มต้นด้วยทุนก้อนโต การค่อยเป็นค่อยไปช่วยให้เราคุ้นชินและมีประสบการณ์ที่ดีและไม่ดีร่วมกัน และทำให้เราแก้ปัญหา และหลบเลี่ยงเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ดียิ่งขึ้น
4. หมั่นตรวจสอบกลยุทธ์และประเมินผลลัพธ์บ่อยๆ
คล้ายกับการติดตามผลลัพธ์การเทรดนั่นแหละครับ แต่เราทำมากกว่านั้นด้วยการประเมินและวิเคราะห์กลยุทธ์ของเราตลอดเวลา อาจจะเป็นทุก3 เดือน 6 เดือน หรือปีละครั้ง ครับ
5. อย่าแหกกฎของตัวเอง
เชื่อว่าข้อสุดท้ายนี้ใครๆก็พูดได้แต่ทำยากมากที่สุด แต่จำไว้เถอะฮะ ถ้าคุณทำตามกฎการเทรดของตัวเองได้ เรื่องยากๆในชีวิตนี้จะดูง่ายขึ้นเยอะเลย จริงๆ
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ หมั่นสำรวจและลองผิดลองถูกในกลยุทธ์ของตัวเอง แล้วพยายามสร้างกฎการเทรดให้ตัวเองที่ไม่ยากจนเกินไปจะทำให้เราไม่เครียด และทำตามกฎได้ง่ายขึ้น นะฮะ ว่าแล้วก็ลองไปลองเริ่มทำกันดูฮะ วางแผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
และที่สำคัญ ฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน รับรองว่ากำไรไม่ไกลเกินฝันแน่นอนฮะ แอดเอาใจช่วย แล้วอย่าลืม MM กันด้วยนะ ชีวิตการเทรดของเราจะยืนยาวและมั่นคง แอดฟันธงให้เลย
27/12/24 วิเคราะห์ S50H25 ตามหลักการของ "Tom Joseph" Type I Buy27/12/24 วิเคราะห์ S50H25 ตามหลักการของ "Tom Joseph" ผู้สร้างโปรแกรม Advanced GET ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักลงทุนวิเคราะห์แนวโน้มและคลื่น Elliott Wave อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือคำอธิบายและการวิเคราะห์ภาพ S50H25: ในที่นี่เราจะใช้้ TradingView วิเคราะห์แทน Advanced GET
---
## **การวิเคราะห์ภาพ S50H25**
### **1. ความเข้าใจพื้นฐาน (Elliott Wave และ Fibonacci Integration)**
- โครงสร้างในกราฟนี้ถูกวิเคราะห์โดยใช้ **Elliott Wave** เพื่อระบุคลื่นย่อย (subwaves) และคลื่นใหญ่ (primary waves)
- คลื่นปัจจุบันอยู่ใน **Wave 4 Correction** ที่จบลงในรูปแบบ Zigzag (ABC) และราคามีการเด้งกลับจาก **จุดต่ำสุดของ Wave C**
- การใช้ Fibonacci Retracement และ Extension ช่วยกำหนดแนวต้านและเป้าหมายการฟื้นตัว
---
### **2. จุดสำคัญในภาพ**
- **Wave C Completion:**
จุดต่ำสุดของ Wave C อยู่ที่ระดับ **874 (วันที่ 20/12/24)** ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่นักลงทุนควรเริ่มมองหาการกลับตัว
- **Type One Buy Setup:**
รูปแบบนี้แนะนำว่าโอกาสการเข้าซื้อเกิดขึ้นในโซนนี้ เนื่องจากราคากำลังฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด และมีความน่าจะเป็น (Win Rate) สูงถึง **80%** ตามข้อมูลในภาพ
- **Profit Taking Index (PTI):**
ค่า **PTI = 72** แสดงว่ามีโอกาสสูงที่ราคาจะเคลื่อนไปยัง **เป้าหมาย Wave 5** ตามโครงสร้างคลื่น Elliott Wave
---
### **3. การวิเคราะห์เป้าหมาย (Target Zones)**
- **Wave 5 Target:**
การใช้ Fibonacci Extension ช่วยกำหนดเป้าหมายของ Wave 5:
- เป้าหมายแรก: **0.618 (926 7/8)**
- เป้าหมายต่อไป: **1.000 (959 1/2)**
- เป้าหมายขยาย: **1.272 (982 3/4)** หรือ **1.618 (1012 3/8)** หากโมเมนตัมยังแข็งแกร่ง
- **แนวรับและแนวต้านที่สำคัญ:**
ระดับ Fibonacci Retracement:
- แนวรับแรก: **886 1/2 (0.146 Fibonacci)**
- แนวต้าน: **894 (0.236), 906 (0.382), 916 (0.500)**
---
### **4. การตัดสินใจซื้อ (Type One Buy)**
- **จุดเข้า (Entry):**
เมื่อราคายืนยันการกลับตัวจาก Wave C (ประมาณ 890–902)
- **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):**
ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ Wave C ที่ **874**
- **กลยุทธ์ Take Profit:**
ใช้ระดับเป้าหมายตาม Fibonacci Extension (เป้าหมาย Wave 5)
---
### **5. การจัดการความเสี่ยง**
- **Risk-to-Reward Ratio:**
วางแผนให้ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนอยู่ที่ **1:2 หรือ 1:3**
- **Trailing Stop:**
ขยับ Stop Loss ตามการเคลื่อนที่ของราคาเมื่อถึงเป้าหมายกำไรระดับแรก
---
### **สรุปมุมมอง Tom Joseph**
- **กราฟ S50H25 แสดงโอกาสเข้าซื้อที่เหมาะสม (Type I Buy)** จากจุดต่ำสุดของ Wave C (874)
- การฟื้นตัวไปสู่ Wave 5 มีโอกาสสูง ด้วยค่า PTI = 72 และ Fibonacci Level ที่บ่งบอกการสนับสนุน
- ใช้เทคนิค Elliott Wave ร่วมกับ Fibonacci และการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อวางแผนการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมืออื่นใน Advanced GET เช่น **XTL**, **Divergence**, หรือ **Oscillator**, แจ้งมาได้ครับ!
Improve your Strategy วิธีปรับปรุงกลยุทธ์การซื้อขายในตลาด ForexImprove your Strategy
วิธีปรับปรุงกลยุทธ์การซื้อขายในตลาด Forex
👯👯👯 กลับมาพบเจอกันอีกแล้ว กับบทความเทคนิคดีๆในการเทรด วันนี้แอดพาพวกเราไปทำการบ้านกันครับ การบ้านในการเทรดก็คือการปรับปรุง ปรับแต่ง และการพัฒนากลยุทธ์ในการเทรดนั่นเอง มาครับไปดูกันว่าเราควรเริ่มจากอะไรได้บ้าง
💁 เพราะตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก การซื้อขายสกุลเงินถือเป็นธุรกิจที่ทำได้ง่าย และรวยเร็ว และจนเร็วได้ด้วยเช่นกัน การปรับปรุงกลยุทธ์การเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จนั้นก็ต้องใช้เวลา และความพยายาม และความเข้าใจในตลาดอย่างลึกซึ้ง
💁การปรับปรุงกลยุทธ์หรือเปลี่ยนกลยุทธ์ในการเทรด จึงถือเป็นเคล็ดลับที่เราควรต้องทำ อย่างน้อยปีละครั้งครับ
💁เพราะตลาดการเงินในตอนนี้ส่วนใหญ่แล้ว AI โรบอทเข้ามามีบทบาทสำคัญมากในตลาด ไอ่เจ้าพวกนี้แหละที่คอยจับตาและสร้าสถิติการเลียนแบบการเทรด รวมไปถึงพฤติกรรมการเทรดของเรา ให้เราชนะได้ยากขึ้น และแพ้มากขึ้นนั่นเอง
1.การเลือกโบรกเกอร์และประเภทบัญชีที่เหมาะสม
เพราะโบรกเกอร์นั้นมีเยอะและหลากหลาย แต่ประสิทธิภาพไม่ได้เหมือนกันทุกโบรก
- บางโบรกข่าวมาก็ค้างบ่อย
- บางโบรกมีเก็บค่า swap บางโบรกไม่มี
- ค่าสเปรดสูง-ต่ำ ไม่เท่ากัน ฯลฯ
การเลือกโบรกจึงค่อนข้างสำคัญฮะ เพราะความหลากหลายตรงนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำกำไร เราต้องวางแผนให้ดี ว่าการเทรดของเรา เป็นไปในลักษณะไหน ถ้าชอบถือนานๆเป็นอาทิตย์เป็นเดือน ก็ไม่ควรเลือกโบรกที่มีค่า swap แล้วหันไปเลือกโบรกที่ไม่มีค่าswap แทน เป็นต้น
2. Leverage เลเวอเรจ เป็นได้ทั้งปืนและดาบสองคม
ยิ่งซื้อมาก(Overtrade) ยิ่งล้างง่าย คำนี้จำให้ขึ้นใจ เพราะเลเวอเรจไม่ต่างจากการยืมเงินคนอื่นมาใช้ หากชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็เตรียมหงายการ์ดล้มละลายได้เลย แต่หากใช้ให้ถูกทาง ถูกหลักและแบบแผนในการเทรดเราแล้วหละก็ มีแต่กำไรแน่นอนครับ
เราต้องเลือกเลเวอเรจ ที่ไม่มากจนเกินไป และไม่น้อยจนเกินไป เพราะอัตราส่วนเลเวอเรจเป็นตัวกำหนดความเสี่ยงและความเหมาะสมในการเทรดของแต่ละคนครับ คำนวณดีๆยังไงเราก็ชนะแน่นอน
3. ปรับเปลี่ยนเปอร์เซ็นต์ผลกำไรและการขาดทุน
เพราะค่าเฉลี่ยความผันผวนการวิ่งในตลาดนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เป้าหมายการทำกำไร และการกำหนดจุดหรือเปอร์เซ็นต์การเทรดจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนตาม
เช่น เราเคยทำกำไรจากตลาดทองคำ เราจะรู้ว่าเมื่อก่อนนี้หรือปีที่ผ่านๆมา ทองจะวิ่งแต่ละครั้งไม่เกิน 10-15$ หรือคิดเป็น 10,000 - 15,000 จุด แต่ในปีนี้ และปีถัดไป มันไม่ใช่แล้ว ทองสามารถวิ่งสวิงในแต่ละรอบ อยู่ที่ 50 -100$ ในแต่ละวัน เอ๊า! คิดดูเอาเองแล้วกัน ถ้าเรายังต้องการกำไร-ขาดทุนที่ 10 เปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม เราจะเทรดขาดทุนตลอดเวลา ด้วยสัดส่วนที่มันกว้างมากขึ้นนี่เอง
4. จดบันทึกยังคงสำคัญเสมอ
อดีตมักสอนเราเกี่ยวกับอนาคต ดังนั้นการจดสถิติการเทรดของตัวเอง การติดตามการซื้อขายของเราเองจึงช่วยทำให้เราเห็นจุดอ่อนและจุดแข็ง อย่าปล่อยให้ AI โรบอทมาล้วงความลับของเราแค่ฝ่ายเดียว
การวิเคราะห์ข้อมูลของตัวเอง ช่วยให้เราเห็นจุดบอด และทำให้เราแก้ไขได้ตรงจุดด้วยนะ รวมไปถึงการอัพเกรดให้มันมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
5. จิตวิทยาและ mindset ก็สำคัญไม่แพ้กัน
อย่าปล่อยปะละเลยกับความสุขที่แท้จริงในชีวิต การไม่มีอะไรและการไม่คิดอะไรเลยคือความสุขที่ถาวร ปรับเปลี่ยนความคิดของเราให้ไม่ยึดติดมากเกินไปในการเทรด สิ่งนี้แหละจะช่วยทำให้เราชนะตลาดได้มากขึ้น พยายามฝึกจิต ควบคุมอารมณ์ และปล่อยวาง ไม่จดจ่ออยู่ที่ผลกำไรมากเกินไป แล้วความสุขจะมาหาเราเองครับ
👽👽👽 เป็นอย่างไรกันบ้างครับพอจะได้ทริคดีๆในการปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดกันแล้วใช่มั้ยครับ อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูนะครับ มันดีจริงๆแอดคอนเฟริมเลย
แล้วที่สำคัญ หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
XOบริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน)
..................
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย 1. ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสอาหาร เช่น ซอสพริก น้ำจิ้มไก่ และซอสต่างๆ 2.ผลิตภัณฑ์เครื่องประกอบอาหาร เช่น กะทิและเครื่องแกงต่าง ๆ 3. ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน เช่น ข้าวแกงเขียวหวานและก๋วยเตี๋ยวผัดไทย และ 4. ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูปต่าง ๆ เช่น สินค้าในน้ำมันและน้ำเกลือ, ผักและผลไม้กระป๋อง, ผลิตภัณฑ์จากข้าว, ของแห้งและของดองต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทถูกจัดจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัท เช่น EXOTIC FOOD, THAI PRIDE และ FLYING GOOSE เป็นต้น
..................
💥เส้น V-wap = อยู่ที่ 11.3💥
💥Book value = 3.59 💥
💥D/E = 0.19💥
💥P/E = 10.5💥
💥P/BV = 6.12 💥
💥EPS = 0.37💥
💥Free Float = 40.05 💥(08/03/24)
💥NVDR ถือหุ้น = 2.65% 💥
💥ต่างชาติถือหุ้น = 10.91% 💥
....................
ข้อมูลวันที่ 23/12/24
การซ์้อ-ขาย ของ NVDR ( NET แล้ว)
💥ซื้อ 1,093,144 หุ้น💥
.....................
เงินปันผลครั้งล่าสุด
10 ก.ย. 2024
เงินปันผล 1.7 บ./หุ้น
*****
...................
📲💥ฝากกดติดตามผมด้วยนะครับ💥📲
📲💥อยากให้ทางผม ทำกร๊าฟหุ้นตัวไหน หรือ สินทรัพย์อะไร สามารถทิ้งไว้ที่ใต้โพส หรือ ทักส่วนตัวมาเลยก็ได้นะครับ
......................
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเราไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
การหาเทรนด์ด้วย EMA ในการเทรด Forexการหาเทรนด์ (Trend) เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเทรด Forex เพราะช่วยให้เราสามารถวางกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมที่ใช้ในการหาเทรนด์คือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (Exponential Moving Average หรือ EMA)
EMA คืออะไร?
EMA คือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลราคาล่าสุดมากกว่าข้อมูลในอดีต ทำให้เส้น EMA ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาได้รวดเร็วกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบธรรมดา (Simple Moving Average หรือ SMA) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการวิเคราะห์ตลาดที่มีความผันผวนสูง เช่น ตลาด Forex
การใช้ EMA ในการหาเทรนด์
การใช้ EMA เพื่อหาเทรนด์สามารถทำได้โดยการวิเคราะห์ตำแหน่งของราคาและการเปรียบเทียบ EMA หลายเส้นดังนี้:
การวิเคราะห์ตำแหน่งของราคา
หากราคาปัจจุบันอยู่เหนือเส้น EMA แสดงว่าแนวโน้มตลาดกำลังเป็นขาขึ้น (Uptrend)
หากราคาปัจจุบันอยู่ต่ำกว่าเส้น EMA แสดงว่าแนวโน้มตลาดกำลังเป็นขาลง (Downtrend)
การใช้ EMA หลายเส้น
การใช้ EMA หลายเส้น เช่น EMA 30, EMA 50 และ EMA 100 ช่วยให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มระยะสั้นและระยะยาวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ตัวอย่างการหาเทรนด์:
หาก EMA 30 > EMA 50 > EMA 100 หมายถึงตลาดอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น
หาก EMA 30 < EMA 50 < EMA 100 หมายถึงตลาดอยู่ในเทรนด์ขาลง
ตัวอย่างกลยุทธ์การเทรดด้วย EMA
กลยุทธ์ Cross Over
เมื่อเส้น EMA ระยะสั้น (เช่น EMA 30) ตัดขึ้นเหนือเส้น EMA ระยะยาว (เช่น EMA 50) เป็นสัญญาณซื้อ (Buy Signal)
เมื่อเส้น EMA ระยะสั้นตัดลงใต้เส้น EMA ระยะยาว เป็นสัญญาณขาย (Sell Signal)
การใช้ EMA ร่วมกับแนวรับแนวต้าน
หากราคาปรับตัวลงมาทดสอบเส้น EMA ที่ทำหน้าที่เป็นแนวรับ และเด้งกลับขึ้นไป อาจเป็นจุดเข้าเทรด Buy
หากราคาปรับตัวขึ้นมาทดสอบเส้น EMA ที่ทำหน้าที่เป็นแนวต้าน และปรับตัวลง อาจเป็นจุดเข้าเทรด Sell
การวัดความแข็งแกร่งของเทรนด์
หากระยะห่างระหว่างเส้น EMA หลายเส้นกว้างขึ้น แสดงว่าเทรนด์มีความแข็งแกร่ง
หากเส้น EMA เริ่มเข้ามาใกล้กัน อาจบ่งบอกถึงการสิ้นสุดของเทรนด์หรือการเข้าสู่ช่วงไซด์เวย์ (Sideway)
ข้อควรระวังในการใช้ EMA
EMA ตอบสนองต่อราคาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้เกิดสัญญาณหลอก (False Signal) ได้ในตลาดที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน
ควรใช้ EMA ร่วมกับเครื่องมืออื่น เช่น RSI, MACD หรือ Fibonacci เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
สรุป
การใช้ EMA ในการหาเทรนด์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับนักเทรดทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ อย่างไรก็ตาม ควรทำการทดสอบกลยุทธ์ (Backtest) และฝึกฝนการใช้งานในบัญชีทดลองก่อนนำไปใช้ในบัญชีจริง เพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ