XAUUSD 26/10/25 พักตัวในกรอบ 4004.2-4161.5ทรงกราฟเกิดการพักตัวในกรอบ
กรอบ 4004.2-4381.4  ใหญ่
กรอบ 4004.2-4161.5  เล็ก
.
D : แท่งเทียนมี สญ.กลับลง 
- ค้าง os ได้ ถ้า 60 ยังลงไม่จบ
240 : ย่อ os HL
- ob test 4381.4 รอ 60 พาขึ้นก่อน
120 60 : LL LH SW 
- กรอบเลือกทาง 4004.2-4161.5
- ขึ้น เบรคบนต้องยืนเหนือให้ได้
- ลง หลุดล่างต้องต่ำกว่ากรอบลงมา
- ob Brdi. 4161.5 เบรคยืนเหนือได้ถึงล้าง
- ถ้าเบรคยืนเหนือไม่ได้ sw ในกรอบ
จากกรอบ 4004.2-4161.5
15 : มีทั้งหัวขึ้น หัวลง
การเกิดทรงกราฟ
1. SW 4004.2-4161.5
- มองขึ้น : เข้าเมื่อใกล้กรอบล่าง แล้ว tfเล็กเกิด สญ HL HH 
  เข้าแล้ว SL ที่ Low ก่อนเข้า
  TP ในกรอบเมื่อมีแท่งกลับลง หรือมี สญ.กลับลง 
- มองลง : เข้าเมื่อใกล้กรอบบน แล้ว tfเล็ก เกิด สญ. LL LH
  SL ที่ high ก่อนเข้า
  TP ในกรอบเมื่อมีแท่งกลับขึ้น หรือมี สญ.กลับขึ้น 
2. เมื่อเลือกทางแล้ว จากสะสมพลังในกรอบ
2.1 ขึ้น เบรคบนยืนเหนือได้
- ถ้าไล่ L เมื่อเบรค SL ที่ Low ก่อนเข้า
  TP ตามเป้า หรือเมื่อมีแท่งกลับลง หรือมี สญ.กลับลง 
2.2 ลง หลุดล่างต้องต่ำกว่ากรอบลงมา
- ถ้าไล่ S เมื่อเบรค SL ที่ high ก่อนเข้า
  TP ตามเป้า หรือเมื่อมีแท่งกลับขึ้น หรือมี สญ.กลับขึ้น 
.
***การเปิด order ควรมีแผน รับเสี่ยงได้คำนวณ RR คุ้ม วาง stop loss ทุกครั้ง
เพราะวินัย คือสิ่งสำคัญในการเป็นมืออาชีพ***
บทความนี้ เป็นการบันทึกแนวคิดจากกราฟ
โดยผู้เขียนหวังเพื่อเป็นประสบการณ์ศึกษากราฟของตนเอง และเพิ่มแนวคิดให้กับเพื่อนผู้อ่าน
มาร่วมปิดความผิดพลาดในการดูกราฟให้น้อยลง เพื่อการเทรดที่ดีขึ้น
สร้างสังคมการอ่านกราฟไปด้วยกัน แลกเปลี่ยนแนวคิดได้ที่คอมเม้นท์ ไม่มีผิดถูก
การวิเคราะห์แนวโน้ม
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปดูSET50ซะหน่อย ตัวอย่างรูปแบบเดิมๆที่เห็นประจำเห็นอะไรไหมครับกราฟไหนในโลกมันก็แบบเดิมๆทั้งนั้นแหละลองหาไล่อ่านเอานะครับ
กำหนดแผนการเทรด ภาพรวมใหญ่ของทุกต้นเดือนดูภาพใหญ่ก่อนค่อยสร้างคว่ามน่าจะเป็น ครอบสมมุติฐานการเดินทางของแท่งเทียน MM และ หาจุดTP ด้วยเงื่อนไขใดบ้าง
BTCUSD📲💥ฝากกดติดตามผมด้วยนะครับ💥📲
📲💥อยากให้ทางผม ทำกร๊าฟหุ้นตัวไหน หรือ สินทรัพย์อะไร สามารถทิ้งไว้ที่ใต้โพส หรือ ทักส่วนตัวมาเลยก็ได้นะครับ
......................
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเราไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
DGX US🌎Quest Diagnostics ให้บริการทดสอบทางคลินิกในห้องปฏิบัติการ บริการจัดการข้อมูล และโซลูชันเพื่อปรับปรุงสุขภาพของผู้ป่วย บริการของเราถูกนำไปใช้โดยแพทย์ โรงพยาบาล บริษัทประกันภัย และสถาบันสุขภาพอื่นๆ เพื่อวินิจฉัย ติดตาม และรักษาโรค
ธุรกิจหลักประกอบด้วย:
ข้อมูลการวินิจฉัย: แหล่งรายได้หลัก รวมถึงการทดสอบในห้องปฏิบัติการที่หลากหลาย
เทคโนโลยีสารสนเทศ: การพัฒนาโซลูชันสำหรับการจัดการข้อมูลทางการแพทย์
บริการผู้บริโภค: การเข้าถึงการทดสอบของผู้ป่วยโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มของบริษัท กระแสเงินสดจากการดำเนินงานสุทธิในปี 2567 อยู่ที่ 1.33 พันล้านดอลลาร์
บริษัทมีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่มั่นคง โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 5 ปีที่ 7.59%
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 Quest Diagnostics ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สามที่แข็งแกร่ง รายได้อยู่ที่ 2.82 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.73 พันล้านดอลลาร์ กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.60 ดอลลาร์ เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.50 ดอลลาร์
การเติบโตของรายได้ปกติ (ไม่รวมการเข้าซื้อกิจการ) อยู่ที่ 6.8%
บริษัทปรับเพิ่มประมาณการรายได้และกำไรต่อหุ้นทั้งปี
คาดการณ์รายได้จะอยู่ระหว่าง 10.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึง 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้วอยู่ระหว่าง 9.76 ดอลลาร์สหรัฐ ถึง 9.84 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐผันผวน เฟดจ่อหั่นดอกเบี้ยท่ามกลางความไม่แน่นอน🔹 การคาดการณ์รายสัปดาห์ของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ: ดินแดนแห่งความสับสน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยขยับขึ้นเล็กน้อยในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ถูกคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%
อัตราเงินเฟ้อสหรัฐในเดือนกันยายนต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่ยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย
---
## 📅 สรุปเหตุการณ์สำคัญของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เปิดสัปดาห์ด้วยท่าทีแข็งแกร่ง แม้โมเมนตัมจะอ่อนตัวลงเมื่อเข้าสู่กลางสัปดาห์ แต่ **ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY)** ยังสามารถปิดบวกได้เล็กน้อยใกล้ระดับ **99.00 จุด** เพียงพอที่จะลบการอ่อนค่าของสัปดาห์ก่อนหน้าและรักษาการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดกลางเดือนกันยายน 2025 ได้
แรงหนุนของดอลลาร์กลับมาอีกครั้งหลังจาก **ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ–จีน** ถึงทางตัน ทำให้ตลาดคาดการณ์ถึงความคืบหน้าทางการทูต หลังจากประธานาธิบดี **โดนัลด์ ทรัมป์** ส่งสัญญาณเตรียมพบกับ **สี จิ้นผิง** ในสัปดาห์หน้า
ในขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาความไม่แน่นอนในวอชิงตัน เนื่องจาก **ความเสี่ยงของการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลาง (shutdown)** ที่ยืดเยื้อยังคงกดดันความเชื่อมั่นของตลาด ด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย–ยูเครนยังคงอยู่ในพื้นหลัง เช่นเดียวกับการพบปะระหว่างทรัมป์–ปูตินที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง
ในตลาดพันธบัตร อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเริ่มชะลอการปรับตัวลง และขยับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของสัปดาห์ บ่งชี้ถึงการพักตัวของแนวโน้มขาลงที่ดำเนินมาในช่วงเดือนก่อนหน้า
---
## 🏦 ท่าทีผ่อนคลายของเฟด (The Fed’s Dovish Tilt)
นักลงทุนเพิ่มเดิมพันว่า **เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องหลายครั้ง** หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดแสดงให้เห็นแรงกดดันด้านราคาที่ลดลงเล็กน้อยในเดือนกันยายน
ข้อมูลจาก **สำนักงานสถิติแรงงาน (BLS)** ชี้ว่า **ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)** เพิ่มขึ้น 3.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) สูงกว่าระดับ 2.9% ของเดือนสิงหาคมเล็กน้อย แต่ยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ การอ่านค่าที่อ่อนลงนี้ยืนยันมุมมองว่าเงินเฟ้อกำลังชะลอลง ซึ่งเปิดโอกาสให้เฟดสามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินได้มากขึ้น
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อิงอัตราดอกเบี้ยของเฟดบ่งชี้เกือบแน่นอนว่าเจ้าหน้าที่เฟดจะ **ลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลงสู่ช่วง 3.75%–4.00%** ในการประชุมวันที่ **29 ตุลาคม**
นอกจากนี้ ตลาดยังให้โอกาสกว่า 95% ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม และมีความเป็นไปได้ประมาณ 55% ที่จะมีการลดอีกครั้งในเดือนมกราคม
แนวโน้มดังกล่าวสะท้อนความมั่นใจเพิ่มขึ้นว่า **เฟดกำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนนโยบายที่ผ่อนคลายมากขึ้น** ขณะที่เงินเฟ้อค่อย ๆ เคลื่อนเข้าใกล้เป้าหมาย 2%
---
## 🏛️ วิกฤติการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4
วิกฤติ **รัฐบาลสหรัฐปิดทำการ (shutdown)** ยืดเยื้อมาจนเข้าสู่วันที่ 24 โดยยังไม่มีสัญญาณของการประนีประนอมระหว่างพรรคการเมือง ทั้งสภาคองเกรสและวุฒิสภายังอยู่ในภาวะชะงักงัน การลงมติครั้งต่อไปถูกเลื่อนออกไปถึงวันอังคาร ซึ่งหลายฝ่ายไม่คาดว่าจะได้ข้อสรุป
นี่คือ **การปิดรัฐบาลครั้งที่ยาวนานเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์สหรัฐ** และหากยืดไปถึงวันที่ **5 พฤศจิกายน** จะกลายเป็นการปิดรัฐบาลที่ยาวที่สุดเป็นประวัติการณ์ แซงหน้าสถิติเดิม 35 วันในปี 2018–2019
ผลกระทบเริ่มชัดเจนมากขึ้น — **เจ้าหน้าที่รัฐบาลหลายแสนคนขาดรายได้**, **บริการสาธารณะดำเนินงานอย่างจำกัด**, และ **ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเริ่มสั่นคลอน** นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการปิดแต่ละสัปดาห์อาจทำให้ GDP ไตรมาสนั้นหดตัวลงเป็นทศนิยม และกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการจ้างงาน
เมื่อวันศุกร์ ความขัดแย้งในวุฒิสภาปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อพรรคเดโมแครตปฏิเสธข้อเสนอของรีพับลิกันที่จะจ่ายเงินเฉพาะให้ “พนักงานจำเป็น” ขณะที่รีพับลิกันก็ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายที่ครอบคลุมพนักงานที่ถูกพักงานด้วย ผลลัพธ์คือทุกฝ่ายยังไม่ได้รับค่าจ้าง เพิ่มแรงกดดันต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีทางออก
---
## 🇺🇸–🇨🇳 ภาษีศุลกากร: ชัยชนะเชิงยุทธวิธีแต่เสี่ยงในระยะยาว
**ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์** เตรียมพบกับ **ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง** ระหว่างการเดินทางเยือนเอเชียในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
การพบกันครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อลดความตึงเครียดทางการค้าและรื้อฟื้นการเจรจาที่หยุดชะงักไปก่อนหน้านี้ โดยจะเป็น **การพบกันแบบตัวต่อตัวครั้งแรกตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวในเดือนมกราคม** และเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2019
ช่วงเวลานี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ **ข้อตกลงหยุดยิงทางการค้า (truce)** จะหมดอายุในวันที่ **10 พฤศจิกายน** หากทั้งสองฝ่ายไม่ต่ออายุ และทรัมป์ได้กำหนดเส้นตายวันที่ **1 พฤศจิกายน** สำหรับการขึ้นภาษีรอบใหม่ 100%
มาตรการตอบโต้กันระหว่างสองประเทศยังดำเนินต่อไป เช่น **ค่าธรรมเนียมท่าเรือที่สูงขึ้น**, **การควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีและแร่หายาก**, รวมถึง **ข้อพิพาทด้านการค้าเกษตร**
นอกเหนือจากเศรษฐกิจแล้ว ประเด็นการเจรจายังครอบคลุมถึง **ไต้หวัน**, **การลักลอบค้ายาเฟนทานิล**, และ **การแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ในภูมิภาคแปซิฟิก** ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการพบปะครั้งนี้มีเดิมพันมากกว่าแค่เรื่องการค้า
ในด้านเศรษฐกิจ มาตรการภาษีอาจให้ผลทางการเมืองระยะสั้น แต่ในระยะยาวอาจสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อและชะลอการเติบโต แม้บางฝ่ายในรัฐบาลทรัมป์จะมองว่าค่าเงินดอลลาร์อ่อนสามารถช่วยภาคส่งออกได้ แต่ **การย้ายฐานการผลิตกลับประเทศ (reshoring)** ไม่ใช่เรื่องง่ายหรือประหยัด และภาษีเพียงอย่างเดียวไม่อาจบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
---
## 💵 แนวโน้มต่อไปของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
การปิดรัฐบาลยังคงสร้าง “ภาพเศรษฐกิจที่พร่ามัว” เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายชุดถูกเลื่อนออกไป ส่งผลให้ตลาดขาดแนวทางชัดเจนเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจจริง
ดังนั้น **การประชุมคณะกรรมการ FOMC สัปดาห์หน้า** และ **การแถลงของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์** จะเป็นเหตุการณ์สำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกจับตา นอกจากนี้ รายงาน **ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence)** ของ Conference Board จะเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่ตลาดให้ความสนใจ
หลังการประชุม นักลงทุนจะวิเคราะห์ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดอย่างละเอียด เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับ “จุดสมดุล” ระหว่างการชะลอตัวของเงินเฟ้อและตลาดแรงงานที่เย็นลง และผลต่อทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
---
## 📊 มุมมองทางเทคนิค
หากการฟื้นตัวของดอลลาร์ยังต่อเนื่อง **ดัชนี DXY** มีแนวต้านถัดไปที่ระดับ **99.56 (9 ต.ค.)** ก่อนจะเจอกับแนวต้านใหญ่ที่ **100.26 (1 ส.ค.)** หากทะลุผ่านได้ อาจกลับไปทดสอบระดับสูงสุดของเดือนพฤษภาคมที่ **100.54–101.97**
ด้านแนวรับสำคัญอยู่ที่ **98.03 (17 ต.ค.)** หากหลุดระดับนี้ มีโอกาสอ่อนต่อถึง **96.21 (17 ก.ย. 2025)** และฐานเดิมในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่ **95.13** หรือแม้แต่จุดต่ำสุดของปี 2022 ที่ **94.62**
ขณะนี้ดัชนีซื้อขายอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวทั้ง 200 วัน (100.72) และ 200 สัปดาห์ (103.26) ซึ่งยังคงรักษาแนวโน้มขาลงโดยรวมไว้
อย่างไรก็ตาม **สัญญาณโมเมนตัมเริ่มเป็นบวก** โดยค่า RSI อยู่เหนือระดับ 57 แสดงถึงแรงซื้อที่ยังคงอยู่ ส่วนค่า ADX ที่ระดับ 19 บ่งชี้ว่ากำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวอย่างช้า ๆ
---
## ⚖️ บทสรุป
แนวโน้มระยะสั้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงไม่ชัดเจน แม้เฟดจะเผชิญแรงกดดันทางการเมืองลดลง แต่ตลาดยังคงเดิมพันต่อไปว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ท่ามกลางปัจจัยลบหลายด้าน เช่น ความเสี่ยงจากภาษี การขยายตัวของหนี้ภาครัฐ ความตึงเครียดทางการค้า และการปิดรัฐบาลที่ยืดเยื้อ
แม้ดอลลาร์จะสามารถดีดกลับได้เป็นช่วง ๆ แต่ก็มักไม่สามารถรักษาแรงหนุนไว้ได้ยาวนาน
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองว่าแนวโน้มหลักเป็นขาลงต่อไป — ไม่ใช่การร่วงแรงทันที แต่เป็นการค่อย ๆ อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
XAUUSD – ความกดดันในการลดราคายังคงมีหลังจากข้อมูล CPIเนื่องจาก CPI ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมากที่ 3.1% (จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.9%) อัตราเงินเฟ้อยังคงสูง ทำให้ Fed อาจจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ความคาดหวังในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายโอกาสในการถือทองคำ (สินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน) เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ กดดันทองคำลง ขณะเดียวกัน USD ก็แข็งค่า.
บนกราฟ H4, XAUUSD กำลังปรับตัวลงหลังจากแตะที่ระดับแนวต้าน 4,140,000 ราคาอาจจะลดลงต่อหากยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มขาลงระยะยาว จุดรองรับสำคัญ ถัดไปที่ 4,000,000 อาจจะมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนที่แนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป.
 การคาดการณ์: 
XAUUSD อาจลดลงต่อเนื่อง เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงทำให้ทองคำมีความน่าสนใจน้อยลง.
ระดับรองรับถัดไป: 4,000,000, หากราคาผ่านไปได้ อาจจะมีการลดลงลึกกว่าที่คาด.
XAUUSD (1D) – แนวโน้มระยะยาว!ราคาอยู่ในช่วงสะสมใหม่หลังจากเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยคงแนวรับที่ 4,080 - 4,120 โครงสร้างรั้นระยะกลาง-ยาวยังคงไม่บุบสลายตราบใดที่ฐานราคานี้ไม่ทะลุ
มาโครเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวโน้มระยะยาว:
เฟดกำลังเข้าสู่วงจรของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย → อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงอ่อนตัวลง → สนับสนุนทองคำ ความจำเป็นในการป้องกันความเสี่ยง (ภูมิศาสตร์การเมืองและการอ่อนค่าของ USD) ยังคงกลับมา กระแสเงินสดจำนวนมากให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ที่มีจำกัดแทนที่จะเป็นพันธบัตร
สคริปต์หลัก:
อุปทานสะสม/ดูดซับบน → เตรียมขยายคลื่นขาขึ้นลูกใหม่
ทะลุ 4,350 - 4,450 จะเป็นการยืนยันการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปอย่างเป็นทางการ
การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD (24 ตุลาคม 2025)
1️⃣ โมเมนตัม
กรอบเวลา D1:
โมเมนตัม D1 ปิดอยู่ในโซน Oversold แสดงให้เห็นว่าแรงขายเริ่มอ่อนลงอย่างชัดเจน
ความเป็นไปได้ที่จะเกิด การกลับตัวขึ้น (Bullish Reversal) มีสูงมากในตอนนี้
ต้องการให้มี แท่งเทียน D1 ปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง เพื่อยืนยันการกลับตัว
หากได้รับการยืนยัน ราคามีโอกาสที่จะ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องประมาณ 5 วัน
กรอบเวลา H4:
โมเมนตัม H4 ยังคงลดลงต่อเนื่อง
หากแท่ง H4 ปิดในรูปแบบเดียวกับตอนนี้ มีแนวโน้มว่าจะเกิด คลื่นขาลงหลักในวันนี้ (ประมาณ 5 แท่ง H4)
เนื่องจากวันนี้เป็น วันศุกร์ โอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงลึกยิ่งขึ้นยังคงมีอยู่
→ ดังนั้น ควร สังเกตและวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนเข้าทำการซื้อขาย
กรอบเวลา H1:
โมเมนตัม H1 ยังคงอ่อนตัวลง
ราคามีแนวโน้มจะลดลงไปยัง โซนสภาพคล่อง 4098
หากทะลุระดับนี้ได้ เป้าหมายถัดไปคือ 4050
2️⃣ โครงสร้างคลื่น
กรอบเวลา D1:
ราคายังคงเคลื่อนไหวแบบ ไซด์เวย์ต่อเนื่องหลายวัน
ตามทฤษฎี Elliott Wave เมื่อราคาถึงเป้าหมายแล้ว มักต้องใช้เวลาเพื่อสร้าง สมดุลด้านเวลา (Time Harmony) ก่อนสิ้นสุดคลื่น
ดังนั้น การเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์ในช่วงนี้คือการสร้างสมดุลของเวลา
ตอนนี้ยัง เร็วเกินไปที่จะยืนยัน ว่านี่คือ คลื่น 4 สีเหลือง หรือเพียงแค่ คลื่น 4 ย่อยในคลื่น 3 สีเหลือง
กรอบเวลา H4:
มี 2 สถานการณ์หลัก:
คลื่น Y สีฟ้า ยังคงดำเนินต่อไป
คลื่น 5 สีม่วง อาจเริ่มต้นขึ้นแล้ว
เพื่อแยกแยะว่าข้อใดถูกต้อง ต้องเฝ้าดู เฟสขาลงของ H4 ปัจจุบัน:
หากราคายัง ไม่หลุดต่ำกว่าจุดต่ำก่อนหน้า และโมเมนตัม H4 เข้าสู่โซน Oversold มีความเป็นไปได้สูงว่า คลื่น 5 สีม่วงได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยมีเป้าหมายบริเวณ 4476
แต่ถ้าราคา หลุดต่ำกว่าจุดต่ำก่อนหน้า แสดงว่า คลื่นแก้ไข Y สีฟ้ายังดำเนินต่อไป หรือราคาอยู่ใน โครงสร้างแก้ไขที่ใหญ่กว่า
ในกรณีนั้น ให้จับตาดู โซนสภาพคล่องด้านล่าง โดยเป้าหมายการสิ้นสุดคลื่น Y อยู่ที่ประมาณ 3927
กรอบเวลา H1:
บนกราฟ H1 จะเห็นว่า คลื่น C ได้ จบในรูปแบบสามเหลี่ยมสิ้นสุด (Ending Triangle)
ตามทฤษฎี Elliott หลังจากสามเหลี่ยมสิ้นสุด ราคามักจะ ลดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง
แต่ในขณะนี้ ยังไม่เห็นการลดลงแรงดังกล่าว ดังนั้นเราควร ติดตามและสังเกตต่อไป
มี 2 สถานการณ์สำคัญ ที่ต้องพิจารณา:
หากราคาลดลงช้า ๆ มาที่โซนสภาพคล่อง 4050, คลื่นมีการทับซ้อนกัน และโมเมนตัม H4 เข้าสู่โซน Oversold แสดงว่ามีโอกาสสูงที่ คลื่น 5 ได้เริ่มขึ้นแล้ว
→ ในกรณีนี้ ควร มองหาจังหวะซื้อ (Buy)
หากราคาลดลงอย่างรวดเร็วและชัน, มีแนวโน้มว่า คลื่น Y สีฟ้ายังไม่จบ หรือราคาอยู่ใน ช่วงแก้ไขของโครงสร้างที่ใหญ่กว่า
→ ในกรณีนี้ ราคามีโอกาส หลุดต่ำกว่า 4004 และเราควร รอจังหวะซื้อบริเวณ 3953 หรือ 3927
3️⃣ แผนการเทรด
ฝั่งขาย (Sell Setup):
โซนขายเมื่อวานที่ 4149 ทำกำไรไปแล้วประมาณ +400 pips
ขณะนี้ยังไม่มีโซนขายใหม่ที่เหมาะสม → รอการทะลุของโซนสภาพคล่อง เพื่อหาโอกาสขายรอบใหม่
ฝั่งซื้อ (Buy Setup):
จับตาการตอบสนองของราคาในบริเวณ:
4050
3953
3927
⚠️ หมายเหตุ:
ขณะนี้ราคากำลังอยู่ใน โซนที่อ่อนไหว โดยแต่ละแท่งเทียนมี ระยะเคลื่อนไหวมากกว่า 200 pips
→ ดังนั้น การตั้งคำสั่ง Limit Order ถือว่ามีความเสี่ยงสูง และอาจโดน Stop Loss ได้ง่าย
สัญญาณบวกล่าสุดสำหรับทองคำ!คุณกำลังติดตาม XAUUSD อยู่หรือไม่?
หลังจากการปรับฐานอย่างรุนแรงจากบริเวณ 4,380 ทองคำ (XAUUSD) ได้แตะแนวรับสำคัญที่ระดับ 4,050–4,080 และดีดตัวกลับ
บริเวณนี้สอดคล้องกับแนวรับด้านล่างของช่องขาลงและโซนอุปสงค์ที่มีสภาพคล่องสูง บ่งชี้ว่าผู้ซื้อกำลังค่อยๆ เข้าควบคุมตลาด
ในกรอบเวลา 45 นาที โครงสร้างราคาแสดงให้เห็นว่ากำลังเกิดรูปแบบการฟื้นตัวแบบ W
หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับปัจจุบันได้ เป้าหมายระยะสั้นจะอยู่ที่ 4,310–4,330 และต่อเนื่องไปจนถึงบริเวณ 4,380 ซึ่งจะไปบรรจบกับระดับ Fibonacci extension ที่ 1.618
มหภาค:
นักลงทุนกำลังรอข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในวันนี้ (24 ตุลาคม)
หากตัวเลขเงินเฟ้อต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดอลลาร์สหรัฐอาจอ่อนค่าลง ส่งผลให้เกิดแรงผลักดันให้ทองคำดีดตัวกลับอย่างแข็งแกร่ง
XAUUSD Daily Analysis 24/10/2025 by AlphaQuantXTrading note: XAUUSD / GOLD 
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (23 ต.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ขณะเดียวกัน สื่อรายงานว่า คณะบริหารของปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณาใช้มาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยซอฟต์แวร์ของสหรัฐฯ ไปยังจีน ซึ่งสินค้าเหล่านี้ครอบคลุมถึงแล็ปท็อปไปจนถึงเครื่องยนต์เครื่องบิน เพื่อตอบโต้จีนที่จำกัดการส่งออกแร่หายาก ซึ่งถือเป็นการยกระดับความตึงเครียดทางการค้าครั้งใหม่ระหว่างสองประเทศ
 SELL  : 4095
 TP  : 4088
 SL  : 4161
 เหตุผลในการเข้าเทรด:
Trendline 
 จากกราฟแท่งเทียนในกรอบTF H1-H4 
ราคาเริ่มมีย่อตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ขาลงยังมีลุ้นต่อจากการยืนต่ำกว่าเส้น EMA100และ 200 เป็นไปได้ที่ราคาจะเป็นเพียงการย่อขึ้นแล้วลงต่อ จึงทำการเข้า SELL โดยเน้นรูปแบบการทำกำไรแบบ scalping ในระยะสั้นๆตามกรอบเส้นเทรนไลน์
 จุดเข้า - จุดออก เป้าหมายการทำกำไร 
ใช้สัญญาณแท่งเทียนการลงต่อจากการยืนต่ำกว่าเส้น EMA ทั้งสามเส้น โดยแนวรับฐานล่างยังเป็นตัวเบรคการเทขายอยู่ แต่ก็ยัังน่าลุ้นในการลงต่อ ยังเน้นเก็บระยะสั้นในกรอบสวิิงแคบๆจากฐานรับเก่า ในกรอบ H1 โดยตั้งเป้าหมายกำไร 1000 จุดขึ้นไป และตั้ง TSL เมื่อกำไรเริ่มบวกแล้ว 500 จุด
 RSI :  เป็นกลางในขาลง แต่มีสัญญาณไดเวอเจ้นขาลงระยะสั้นๆ เน้นจบปิดกำไรรายวัน และอาจปิดเร็วขึ้น หากกำไรเป็นที่พอรับได้ โดยมีตั้งกำไร TP และตั้ง SL ไม่ไกลจากแนวรับแนวต้านเดิม ทั้งใน TF1H และ 4H และจะทำการล๊อคกำไรจาก TSL ด้วยระดับหนึ่ง
 ประสบการณ์:  เน้นการถืออออเดอร์โดยปิดจบรายวัน และเน้นเก็บกำไรแบบเป็นรอบสวิงเทรนไซด์เวย์ เพื่อเป็นการเพิ่มกระแสเงินสด แคชโฟร์ ในพอร์ต อาจมีการแบ่งปิดกำไรจากออเดอร์ที่กำไรในระดับหนึ่งแล้ว อาจมีการตั้ง TSL เพื่อเป็นการล๊อคกำไรได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
 เพื่อนๆคิดว่าตลาดตอนนี้เป็นขาขึ้น ( Bullish)หรือขาลง (Bearish)ครับ คอมเม้นท์ด้านล่างไว้ได้เลย !!! 
 “หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
EURUSD Daily Analysis 24/10/2025 by AlphaQuantXTrading note: EURUSD 
สหภาพยุโรป (EU) ประกาศขึ้นบัญชีดำโรงกลั่นน้ำมันจีน 2 แห่ง และไชน่าออยล์ ฮ่องกง (Chinaoil Hong Kong) ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจค้าพลังงานของปิโตรไชน่า (PetroChina) หลังพบว่ายังคงซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซีย
จากเอกสารทางการของ EU ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (23 ต.ค.) ระบุว่า โรงกลั่นที่ถูกคว่ำบาตร ได้แก่ เลียวหยาง ปิโตรเคมิคัล (Liaoyang Petrochemical) และซานตง ยูหลง ปิโตรเคมิคัล (Shandong Yulong Petrochemical) ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 6 แสนบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นราว 3% ของกำลังการผลิตน้ำมันกลั่นทั้งหมด 19 ล้านบาร์เรลต่อวันของจีน
EU ระบุว่า บริษัทน้ำมันทั้งสามแห่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบรัสเซียรายสำคัญ จึงถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาลรัสเซีย
แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ EU ขึ้นบัญชีดำบริษัทจีน แต่ครั้งนี้ถือว่ามีผลกระทบทางเศรษฐกิจมากที่สุด โดย EU ร่วมกับกลุ่มประเทศ G7 เพื่อลดช่องทางหารายได้จากน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการทำสงครามกับยูเครน
 SELL  : 1.16027
 TP  : 1.15557
 SL  : 1.16300
 เหตุผลในการเข้าเทรด:
จุดเข้า - จุดออก เป้าหมายการทำกำไร 
ราคายังคงไต่ลงเรื่อยๆ โดยการยื่นต่ำกว่าเส้น EMA ทั้งสามเส้น เป็นไปได้ที่ราคาจะสวิงขึ้นลงสั้นๆและทยอยลงต่อ จึงทำการเข้า SELL โดยตั้งเป้าหมายกำไร 200 จุดขึ้นไป และตั้ง TSL เมื่อกำไรเริ่มบวกแล้ว 100 จุด
 RSI :  เป็นกลาง เน้นทำกำไรตามกรอบแนวรับแนวต้าน ซึ่งเป็นตัวกำหนดจุดกำไร และตั้ง SL ระยะห่างไม่ไกลมากเพื่อป้องกันความเสี่ยง เน้นจบปิดกำไรรายวัน และอาจปิดเร็วขึ้น หากกำไรเป็นที่พอรับได้ โดยมีตั้งกำไร TP และตั้ง SL ไม่ไกลจากแนวรับแนวต้านเดิม ทั้งใน TF1H และ 4H และจะทำการล๊อคกำไรจาก TSL ด้วยระดับหนึ่ง
 ประสบการณ์:  เน้นการถืออออเดอร์โดยปิดจบรายวัน เพื่อเป็นการเพิ่มกระแสเงินสด แคชโฟร์ ในพอร์ต อาจมีการแบ่งปิดกำไรจากออเดอร์ที่กำไรในระดับหนึ่งแล้ว อาจมีการตั้ง TSL เพื่อเป็นการล๊อคกำไรได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
 เพื่อนๆคิดว่าตลาดตอนนี้ป็นขาขึ้น ( Bullish)หรือขาลง (Bearish)ครับ คอมเม้นท์ด้านล่างไว้ได้เลย !!! 
 “หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
วิเคราะห์หุ้น DELTA: เมื่อกราฟขึ้นถึง 127.2% แต่กำไรกลับลดลง🟡 วิเคราะห์หุ้น DELTA: เมื่อกราฟขึ้นถึง 127.2% แต่กำไรกลับลดลง
หุ้น DELTA กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ราคาทะยานขึ้นแตะระดับ Fibonacci 127.2% ที่ราว 206.50 บาท — จุดที่สะท้อนแรงซื้อมหาศาลจากทั้งกลุ่มเก็งกำไรและนักลงทุนที่มองอนาคตอุตสาหกรรม AI–EV แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นระดับที่หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า…
“ราคานี้ยังสะท้อนพื้นฐานอยู่ไหม?”
ลองประเมินทุกมิติไปพร้อมกันครับ 👇
________________________________________
1️⃣ การขึ้นมาถึง 127.2% — สัญญาณเตือนของแรงซื้อที่อาจหมดรอบ
กราฟ DELTA ล่าสุดแสดงการขึ้นแรงต่อเนื่องจนถึงโซน Fibonacci 127.2% @ 206.50 บาท
ซึ่งในเชิงเทคนิคถือเป็น “จุดเร่งสุดท้าย” ของขาขึ้นรอบใหญ่
📍 เมื่อราคาวิ่งแรงขนาดนี้:
•	โอกาสเกิด “การพักฐาน (Pullback)” หรือ “กลับตัวชั่วคราว” สูงมาก
•	นักลงทุนที่เข้ามาช่วงต้นรอบ มักเริ่มทยอยขายทำกำไร
•	ถ้าไม่มีปัจจัยใหม่มารองรับ เช่น งบโตแรงกว่าคาด หรือข่าวดีด้านอุตสาหกรรม ราคามักเข้าสู่ช่วง “ย่อเพื่อหาฐานใหม่”
ด้านพื้นฐานล่าสุด (Q2/2025) บริษัทมีรายได้เติบโตเพียง 6.5% YoY
แต่ กำไรสุทธิลดลงกว่า 29.5% YoY — จุดนี้คือสัญญาณ “แรงซื้อมากกว่าพื้นฐาน” อย่างชัดเจน
🔸 สรุป:
ราคาที่ขึ้นถึง 127.2% บ่งชี้แรงซื้อมหาศาล แต่ก็สะท้อน “ความร้อนแรงเกินจริง” และความเสี่ยงในการกลับตัว หากไม่มีปัจจัยใหม่หนุนในรอบถัดไป
________________________________________
2️⃣ งบ Q3/2025 (24 ต.ค. 68) – ราคานี้เกินมูลค่าหรือยัง?
มาดูตัวเลขพื้นฐานกันชัด ๆ 👇
รายการ	ตัวเลขโดยประมาณ
รายได้ Q2/2025	44,490 ล้านบาท (+6.5% YoY)
กำไรสุทธิ	4,629 ล้านบาท (−29.5% YoY)
EPS 12 เดือนล่าสุด	~1.46 บาท
ราคาหุ้น (อิงกราฟ)	~200 บาท
P/E โดยประมาณ	≈ 137 เท่า!
แม้บทวิเคราะห์บางสำนักคาดว่า
•	ปี 2025 กำไรอาจโต +11.6% YoY (ราว 21,130 ล้านบาท)
•	ปี 2026 โตต่ออีก +36% (ราว 28,820 ล้านบาท)
แต่ถึงอย่างนั้น P/E ยังสูงเกิน 80–100 เท่า
ถือว่า “ราคานำหน้าอนาคตไปไกล” และเปิดช่องให้เกิดแรงขายได้ง่าย หากผลประกอบการไม่ถึงเป้า
🔸 สรุป:
ราคาช่วง 200 บาทสะท้อนความคาดหวังเกินจริง (Overvalued)
เว้นแต่งบ Q3 จะสร้างเซอร์ไพรส์เชิงบวก — ไม่เช่นนั้นความเสี่ยงในการ “ปรับฐานหลังประกาศงบ” มีสูงมาก
________________________________________
3️⃣ ความหมายของ “ติดแคชบาลานซ์” – เมื่อการเก็งกำไรแรงเกินพื้นฐาน
หลายคนสงสัยว่า “ติดแคชบาลานซ์” คืออะไร?
ตลาดหลักทรัพย์จะใช้มาตรการนี้ เมื่อหุ้นมีการซื้อขายผิดปกติ — เช่น ราคาพุ่งแรง หรือมีการเก็งกำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ
📘 ความหมายสั้น ๆ:
หุ้นที่ “ติด Cash Balance” ต้องซื้อด้วยเงินสดเต็มจำนวน ห้ามใช้เครดิต หรือ Margin
ผลกระทบที่มักเกิดขึ้น:
•	แรงซื้อจากรายย่อยลดลงทันที (เพราะใช้วงเงินไม่ได้)
•	ราคาหุ้นมักเข้าสู่ภาวะ “พักตัวหรือย่อแรง” ชั่วคราว
•	หุ้นที่พื้นฐานยังดี มักฟื้นหลังพ้นระยะ 3 สัปดาห์
•	หุ้นที่ราคานำหน้าพื้นฐาน มักเข้าสู่รอบปรับฐานระยะกลาง
ในกรณีของ DELTA —
ด้วยราคาที่สูงกว่าปัจจัยพื้นฐานและ P/E ระดับเกิน 100 เท่า
หากมีการวิ่งแรงต่อเนื่อง ก็เข้าข่ายเสี่ยง ถูกเข้ามาตรการ Cash Balance ได้ง่ายมาก
🔸 สรุป:
Cash Balance ไม่ได้แปลว่าหุ้นไม่ดี
แต่หมายถึง “แรงเก็งกำไรสูงผิดปกติ”
และบ่งชี้ว่า “ตลาดกำลังส่งสัญญาณเตือนให้ระวัง”
________________________________________
🎯 บทสรุปภาพรวมความเสี่ยง DELTA
มิติ	สถานะปัจจุบัน	ความเสี่ยง
📈 ราคาเทียบเทคนิค	ขึ้นแตะ 127.2% @206.50	เสี่ยงพักฐานหรือกลับตัว
💰 พื้นฐาน Q2/25	รายได้โตแต่กำไรลด 29.5%	ผลประกอบการยังไม่รองรับราคา
⚖️ มูลค่า (P/E)	~130–140 เท่า	สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหลายเท่า
🚨 งบ Q3 (24 ต.ค. 68)	ความคาดหวังสูง	ถ้าผิดคาด = แรงขายทันที
💳 Cash Balance	มีโอกาสเข้ามาตรการ	ลดแรงซื้อและสภาพคล่อง
________________________________________
💡 มุมมองเชิงกลยุทธ์
•	ผู้ถืออยู่แล้ว:
แนะนำทยอยขายหรือปรับลดพอร์ตบางส่วน เพื่อป้องกันแรงย่อหลังประกาศงบ
•	ผู้รอจังหวะเข้า:
ยังไม่เหมาะจะ “ไล่ราคา” ควรรอให้ราคาย่อตัวมาที่โซนฐานใหม่ หรือรอผ่านรอบ Cash Balance ก่อน
•	นักลงทุนระยะยาว:
DELTA ยังเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งในเชิงธุรกิจ
แต่ “ราคาปัจจุบัน” สะท้อนอนาคตมากเกินไป — ควรรอจังหวะที่ Valuation สมเหตุสมผลกว่านี้
________________________________________
🔍 บทสรุปสุดท้าย
DELTA วันนี้ ไม่ใช่หุ้นน่ากลัว — แต่เป็นหุ้น “น่าระวัง”
เพราะราคานำหน้ากำไรไปไกล
และเมื่อแรงซื้อสะสมมากเกินไป … ตลาดย่อมต้องพักหายใจ
________________________________________
AUD/JPY แข็งเหนือ 99.50 หนุนโดยความคืบหน้าการค้าสหรัฐฯ–จีน**AUD/JPY ยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกเหนือระดับ 99.50 เนื่องจากการเจรจาการค้าช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน**
ค่าเงิน **AUD/JPY** ยังคงปรับตัวอยู่บริเวณระดับ **99.35** ในช่วงการซื้อขายยุโรปตอนต้นของวันศุกร์
ความเชื่อมั่นในเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่าง **สหรัฐฯ–จีน** ช่วยหนุนค่าเงิน **ออสซี่ (AUD)** ซึ่งมักเคลื่อนไหวตามเศรษฐกิจจีน
ตลาดได้เลื่อนการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปออกไปเป็นช่วง **เดือนธันวาคมเป็นอย่างเร็วที่สุด**
---
ในช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาในยุโรป คู่เงิน **AUD/JPY** ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าใกล้ระดับ 99.35
ความหวังในการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่าง **สหรัฐฯ และจีน** ช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) เมื่อเทียบกับเงินเยนญี่ปุ่น (JPY)
นักลงทุนจะจับตาดูสัญญาณเพิ่มเติมจาก **ถ้อยแถลงของผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)** นาง **มิเชล บูลล็อก (Michele Bullock)** ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
---
### **แรงหนุนจากการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้า**
ค่าเงินออสซี่ได้รับแรงหนุนบางส่วนจากการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง **สหรัฐอเมริกา** และ **จีน**
ทั้งสองประเทศเตรียมเริ่มต้นการเจรจาการค้าระดับสูงรอบใหม่ที่ **ประเทศมาเลเซีย** ในวันศุกร์นี้ ซึ่งถือเป็น **รอบที่ห้า** ของการหารือ
โดยมี **เหอ ลี่เฟิง (He Lifeng)** รองนายกรัฐมนตรีของจีน เข้าร่วมการประชุมร่วมกับ **สก็อต เบสเซนต์ (Scott Bessent)** รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และ **เจมิสัน เกรียร์ (Jamieson Greer)** ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ
ประธานาธิบดี **โดนัลด์ ทรัมป์** ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดี **สี จิ้นผิง** ของจีน มีกำหนดพบปะกันในวันพฤหัสบดีหน้า ระหว่างการประชุมสุดยอด **เอเปก (APEC)**
การเจรจาครั้งนี้อาจครอบคลุมตั้งแต่การที่จีนจะกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ไปจนถึงการจำกัดอาวุธนิวเคลียร์
พัฒนาการเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีนนี้ อาจส่งผลให้ค่าเงิน **ออสซี่ (AUD)** ซึ่งมักเคลื่อนไหวตามเศรษฐกิจจีนแข็งค่าขึ้น เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้าหลักของออสเตรเลีย
---
### **แนวโน้มของเงินเยน (JPY)**
ค่าเงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลีย แม้ว่าข้อมูล **อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation)** ของญี่ปุ่นจะเร่งตัวขึ้นในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
รายงานดังกล่าวออกมาก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของ **ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ)** ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าธนาคารจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม
---
### **แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและผลกระทบต่อค่าเงิน**
ตลาดได้เลื่อนการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปไปเป็นช่วง **เดือนธันวาคมเป็นอย่างเร็วที่สุด** โดยส่วนใหญ่คาดว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า
ปัจจัยดังกล่าวอาจจำกัดการแข็งค่าของเงินเยนได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศความระมัดระวังและความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน อาจกระตุ้นความต้องการถือครอง **สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเงินเยน (JPY)** และกดดันต่อการเคลื่อนไหวของคู่เงินนี้
IndicatorGDHblackpantherSystemวิเคราะห์แบบสั้นๆ รอบบ่ายนะคะ
ภาพรวมตลาด (TF 1H)
Trend: ขาลง (Lower High – Lower Low)
Momentum: ยังเป็นลบ (-18.13)
EMA เรียงตัวลง (แดง > น้ำเงิน > เหลือง)
โซนสำคัญ
🔴 L3: 4,185 – 4,195 (ต้านหลัก)
🟦 L2: 4,120 – 4,140 (ต้านย่อย)
🟨 L1: 4,060 – 4,070 (แนวรับระยะสั้น)
🟩 GDH DEMAND: 3,900 – 3,930 (แนวรับใหญ่)
$4,005 ถูกทำลาย! ทองคำพร้อมสำหรับการล่มสลายของ CPIFranCi$$_FiboMatrix แผนฉุกเฉิน (เน้น H1)
ยินดีต้อนรับนักเทรด! ทองคำ (XAU/USD) ได้ดึงดูดผู้ขายและตอนนี้กำลังซื้อขายต่ำกว่า $4,100. ด้วยการประกาศ CPI ของสหรัฐฯ ที่ใกล้เข้ามา การพังทลายทางด้านล่างเป็นสถานการณ์ที่เรามั่นใจมากที่สุด!
1. ภาพรวมตลาด 
สถานะปัจจุบัน: ทองคำกำลังรวมตัวในโซน Sideway ระหว่าง $4,159 (แนวต้าน) และ $4,005 (แนวรับสำคัญ).
แรงกดดัน: การพังทลายล่าสุดต่ำกว่า $4,100$ และการฟื้นตัวของ USD เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหมี.
ตัวกระตุ้น: CPI ของสหรัฐฯ วันนี้. การพิมพ์เงินเฟ้อที่ร้อนแรงจะกระตุ้น USD และทำลายพื้น $4,005$.
ความเสี่ยงหลัก: การพังทลายต่ำกว่า $4,005.438$ ยืนยันแนวโน้มขาลงหลักที่มีเป้าหมายที่ $3,889$.
2. แผนการซื้อขายหลัก: สถานการณ์การพังทลาย (SHORT) 💰
เรากำลังวางกับดักเพื่อดำเนินการขายทันทีเมื่อมีการพังทลายของแนวรับ $4,005$.
เปิดใช้งาน SHORT: พังทลายต่ำกว่า $4,005.438$. (รอการยืนยันปิด H1).
STOP-LOSS (SL): $4,159.686$. วางไว้อย่างปลอดภัยเหนือแนวต้าน Sideway.
TAKE-PROFIT 1 (TP1): $3,938.128 (เป้าหมาย Fibo).
TAKE-PROFIT 2 (TP2): $3,889.330 (เป้าหมายโครงสร้างสูงสุด).
3. สถานการณ์ฉุกเฉิน (LONG) ⬆️
เปิดใช้งาน LONG: เฉพาะเมื่อทองคำพังทลายอย่างเด็ดขาดที่ $4,159.686$ (โซนพังทลาย) และมีเป้าหมายที่ $4,237.334.
หมายเหตุ: การซื้อขายทวนกระแสที่มีความเสี่ยงสูง อาจต้องการความประหลาดใจเชิงลบใหญ่จากรายงาน CPI.
การมีส่วนร่วมของชุมชน 🚀
CPI กำลังมา! ข้อมูลจะร้อนแรงพอที่จะทำลาย $4,005$ หรือไม่? หรือโซน Sideway จะอยู่ต่อไป?
ส่งสถานการณ์ที่คุณให้ความสำคัญตอนนี้! 👇






















