BTCUSD Daily Analysis 3/2/2025 by TraderTanข่าวต่างประเทศ
การควบคุมจากรัฐบาล: ข่าวเกี่ยวกับการพิจารณากฎหมายและการควบคุมที่เข้มงวดจากหลายประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ และจีน ยังคงมีผลต่อการเคลื่อนไหวของ Bitcoin โดยเฉพาะการพูดถึงภาษีและกฎเกณฑ์ใหม่ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานและการซื้อขาย
การยอมรับจากองค์กรและสถาบันการเงิน: ข่าวการที่บริษัทหรือสถาบันการเงินบางแห่งเริ่มลงทุนหรือยอมรับ Bitcoin เป็นสินทรัพย์หรือเป็นวิธีการชำระเงิน มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความมั่นใจให้กับตลาด
cr.investing -siamblockchain
Trading note: ✅
Sell : 98749.39
✅ Tp: 96763.06 95265.05
❗ SL: 99863.97
เหตุผลในการเข้าเทรด:
ราคายังวิ่งในกรอบแคบๆ กำำลงทดสอบโซนที่เราวางแผนใว้
ลุ้นในการลงต่อ ในการ ระเบิดกรอบราคา
fibo : เป้าหมายในการเข้า 38-50
เป้ามหาย ลุ้นให้ราคาขึ้นไป 95000
RSI: OverSold
รอให้มีสัญญาณกลับตัว หาจังหวะเข้า
หากรับความเสี่ยงได้และไม่อยากรอสามารถตั้ง Pending Sell บริเวณโซนดังกล่าวได้เลย
แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้ สามารถเข้าซื้อขายได้เลย
โดยสามารถเก็บกำไรระยะสั้น Scalping โดยมีจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน หรือ ถือยาวข้ามวัน ทั้งนี้เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประยะหนึ่ง สามารถตั้ง TSL เพื่อป้องกันกำไร หรือ ทะยอยปิด ออเดอร์ปิดกำไร
ประสบการณ์: การBreakout และการ Retest เพื่อป้องกันการเกิด False Breakout และเป็นรูปแบบที่คาดหวังกำไร RRR เกิน 1:2 ขึ้นไปได้ และเป็นจุดที่ทำให้ราคาได้ราคาที่เปรียบ ซื้อถูกขายแพง เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นิยมใช้เทรด ไม่ว่าจะเป็น เทรดสั้น เทรดยาว หรือ สายสวนเทรน ตามเทรน สามารถที่จะประยุกต์ได้หลากหลาย
❗นี้เป็นเพียงความคิดส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
การวิเคราะห์แนวโน้ม
การซื้อระยะยาวอ่อนตัวลงหลังจากทำสถิติสูงสุด?หลังจากการลดลงจากสัปดาห์ก่อน ราคาทองคำทดสอบจุดต่ำสุดใกล้ 2,730 เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดเริ่มให้ความสำคัญกับการประชุมของธนาคารกลางต่างๆ 1. ธนาคารแห่งประเทศแคนาดา ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1/4% ตามด้วยธนาคารกลางสหรัฐคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม จากนั้น ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1/4 จุดเปอร์เซนต์ ส่งผลให้ราคาดีดตัวขึ้น การลดลงของอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกดึงดูดการซื้อทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำก้าวข้ามระดับสูงสุดที่ 2,790 โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายภาษีของทรัมป์ เบี้ยประกันความเสี่ยงจึงพุ่งสูงขึ้นก่อนสุดสัปดาห์ ส่งผลให้ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,817 ในช่วงการประชุมสหรัฐฯ วันศุกร์. แต่ราคากลับตกลงมาปิดที่ 2798 โดยทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้น 28 ดอลลาร์
เนื่องจากค่าพรีเมียมความเสี่ยงในช่วงสุดสัปดาห์ ราคาทองคำจึงแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,817 ในวันศุกร์ แต่การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐในวันจันทร์ทำให้เกิดแรงกดดันต่อราคาทองคำ ข้อมูล GDP ของสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อ PCE ในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งสองอย่างนี้สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนโยบายภาษีที่ทรัมป์นำมาใช้ในช่วงสุดสัปดาห์ได้เพิ่มการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเพิ่มเติม อัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูงใน S-T เช่นเดียวกับที่พาวเวลล์ประกาศหลังจากเฟด การประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และราคาทองคำจะเผชิญกับแรงกดดันด้านปัจจัยพื้นฐาน
ใน COMEX จำนวน open interest(OI) ลดลงหลังจากแตะ 59,000 สัญญาในวันที่ 24 มกราคม เมื่อราคาทองคำแตะระดับสูงสุดใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งปริมาณการซื้อขายและ OI ลดลง สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนระมัดระวังในการซื้อระยะยาวที่ ระดับปัจจุบัน จุดสนใจในสัปดาห์นี้จะเป็นข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ตราบใดที่ตัวเลขยังคงแข็งแกร่ง ราคาทองคำก็จะได้รับแรงกดดันอีกครั้ง
กราฟ 1 ชั่วโมง(ด้านบน) > แนวต้านเหนือ 2790 ยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากราคาทองคำไม่สามารถทรงตัวเหนือ 2790 ได้ตั้งแต่สุดสัปดาห์ อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงอยู่ในช่องทาง S-T เพิ่มขึ้น (1) การเคลื่อนไหวของราคาจะเปลี่ยนเป็นไซด์เวย์เฉพาะในกรณีที่ราคาอยู่ต่ำกว่าเส้นแนวรับ (1) สังเกตว่าบริเวณแนวต้านบนตอนนี้อยู่ที่ 2790-2800(5)
กราฟรายวัน > แม้ว่าจะมีการขายชัดเจนก่อนตลาดปิดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว แต่สัญญาณการกลับตัวยังไม่ปรากฏ ทองคำยังคงวิ่งอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นพร้อมกับเส้น ma (6) 10 วัน รอให้ทะลุจุดที่หมีจะเข้ามา
ฝึกอ่านกราฟทดลองใส่ indicator ตามค่ามาตรฐานที่โปรแกรมมีให้เลยมุมมองของแต่ละคนไม่เหมือนกันแน่นอนบางคนมองว่าจะต้องบายบางคนมองว่าจะต้องเซลล์ซึ่งมันไม่มีผิดไม่มีถูกมันขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ว่าเราจะเข้าใช้แบบใดโดยให้เงื่อนไขของแท่งเทียนแบบใดจึงจะเข้าออเดอร์บ่ายหรือแบบใดจึงจะเข้าออเดอร์เซลล์ซึ่งอินดิเคเตอร์ถ้าคนเข้าใจในรูปแบบการใช้งานมันก็คือเครื่องไม้เครื่องมือชนิดนึงที่เอามาให้เรามองและก็หาจุดเช่าซึ่งมันก็คือกับดักที่เจ้าตลาดเขาได้ set เอาไว้ให้เราอยู่แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่จะบอกว่าเครื่องมือมีให้มีประโยชน์แต่ก็ต้องหาวิธีเข้าที่ต้องระวังโดนเจ้าย้อนกลับมากินเราจนขาดทุน
XAUUSD 03/02/25 การขึ้นที่มีลีลา แกว่งโซน 2790 รอดู 15 เลือกทางขาขึ้น ob sw
จากราคาลงมาแกว่งโซน 2790
มี beardi. 240 60
tf 15 สกปฐ.ยังไม่เลือกทาง
tf 5 ลงเพื่อให้ 15 เลือกทาง
การย่อ long จึงเป็นการเล่นตามแนวโน้มที่ดี
การ short เล่นตามระยะสั้นเท่านั้น
วินัย สำคัญในการเทรด ต้องมีทุก order
.
D : ขาขึ้น All Time High
- ราคาอยู่โซนเบรค 2790 = ob sw
240 : ขาขึ้น มี beardi. os-L 2730.5
60 : ขาขึ้น มี beardi. os-L 2744.7
15 : เริ่ม สกปฐ. 2784.7-2917.2
5 : ขาลง พา 15 สกปฐ.
อีซีบีปฏิเสธบิทคอยน์-ใครจะซื้อแทน? อีซีบีปฏิเสธบิทคอยน์-ใครจะซื้อแทน?
สินทรัพย์ดิจิทัลความจงรักภักดีเมื่อเร็วๆนี้เผยแพร่รายงานการคาดการณ์ประเทศมากขึ้น-รัฐธนาคารถึงธนาคารกลางและกองทุนความมั่งคั่งอธิปไตยจะสร้างทุนสำรองบิทคอยน์เชิงกลยุทธ์ มีการเรียกประเทศต่างๆรวมทั้งรัสเซีย,บราซิล,และโปแลนด์ออกมาในรายงานแต่มีข้อแนะว่ารัฐบาลอาจเลือกซื้ออย่างสุขุมเพื่อหลีกเลี่ยงราคาที่มีอิทธิพล.
สัปดาห์ที่ผ่านมาประธานาธิบดีอีซีบีคริสตินลาการ์ดตัดออกเพิ่มบิทคอยน์ในยุโรปสำรองอ้างถึงความผันผวนของมัน ในสหรัฐอเมริกาการอภิปรายระดับรัฐมากกว่าหนึ่งโหลกำลังดึงดูดแรงดึงดูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่โดนัลด์ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหารที่รวบรวมทีมเพื่อสำรวจคลังสินค้าบิทคอยน์แห่งชาติ
เอลซัลวาดอร์ได้นำทาง,ถือเกือบ 6,000 บิทคอยน์,ตอนนี้มูลค่ากว่า 5550 ล้าน. ในม.ค. 20 สำนักงานบิทคอยน์ประกาศนอกเหนือจากอีก 11 บิทคอยน์เพื่อสำรองบิทคอยน์เชิงกลยุทธ์
BTC/USD D1 Bearish divergenแนวโน้มขาลงที่คาดการณ์
มีการคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวลง โดยมีเป้าหมายการทำกำไร
(TP) ที่ระดับ 92,476 USD และ 83,965 USD
(ตาม Fibonacci Extension 1.618 และ 2.618)
แนวต้าน (Resistance)
101,000 - 106,000 USD (แนวต้าน Fibonacci 0.786)
ระดับ 100,000 USD เป็นจิตวิทยาสำคัญ
หากราคากลับมายืนเหนือได้ อาจมีโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้น
แนวรับ (Support)
97,736 USD (แนวรับแรก Fibonacci 0.618)
92,476 USD (TP1) และ 83,965 USD (TP2)
เป็นจุดที่ควรจับตาดูหากราคาลงไปถึง
กลยุทธ์การเทรด
Bearish Bias: แนวโน้มขาลงยังมีน้ำหนักมากกว่าขาขึ้น
โดยมีเป้าหมายการลงที่ 92,476 - 83,965 USD
กลยุทธ์ที่แนะนำ
หากถือสถานะ Short ควรตั้ง TP ที่ 92,476 USD และ 83,965 USD
หากต้องการเข้า Long ควรรอดูสัญญาณกลับตัวบริเวณแนวรับ 92,000 - 84,000 USD
#หมายเหตุ🚀
ไม่ได้ชี้นำการลงทุน เป็นเพียง การบันทึก ไอเดียร์การวิเคราะห์
Gold Market Outlook [Febuary 3, 2025]🌟 Gold Market Outlook
📈 "ทองคำแนวโน้มบวก หลัง Fed ส่งสัญญาณชะลอปรับลดดอกเบี้ย - แนะจับตา NFP สัปดาห์นี้"
ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) 🔍
ตลาดทองคำเริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ด้วยทิศทางเชิงบวก โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการประชุม FOMC เมื่อสิ้นเดือนมกราคม ที่ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% แต่ท่าทีของ Fed ต่อภาวะเงินเฟ้อที่ยังสูงได้สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์
เศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงสัญญาณชะลอตัวชัดเจน สะท้อนจาก GDP ไตรมาส 4 ที่ลดลงเหลือ 2.7% จาก 3.3% ขณะที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งสูงถึง 224,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis) 📊
การวิเคราะห์ระยะสั้น (Time Frame 15 นาที)
รูปแบบการเคลื่อนตัว: ราคากำลังเคลื่อนที่ในกรอบ Ascending Channel อย่างชัดเจน โดยมีการทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีการย่อตัวที่เป็นระเบียบ
ดัชนี RSI: อยู่ที่ระดับ 58 ซึ่งยังห่างจากเขต Overbought (70) ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้
MACD: เส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal Line แสดงถึงโมเมนตัมเชิงบวกในระยะสั้น และ Histogram กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น
Moving Averages: EMA 21 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับไดนามิกที่แข็งแกร่ง
Volume Profile: ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้น แสดงถึงแรงซื้อที่มีนัยสำคัญ
การวิเคราะห์รายวัน (Time Frame H1)
แนวโน้มหลัก: ราคาปัจจุบันที่ $2,797.94 กำลังเคลื่อนตัวในแนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง โดยมีการสร้าง Higher High และ Higher Low อย่างต่อเนื่อง
RSI (H1): ที่ระดับ 46.05 แสดงถึงโมเมนตัมที่อ่อนตัวชั่วคราว แต่ยังไม่เข้าสู่เขต Oversold ทำให้มีโอกาสฟื้นตัวได้
MACD (H1): ค่า MACD ที่ 3.96 ต่ำกว่า Signal Line ที่ 5.52 เล็กน้อย บ่งชี้ถึงแรงขายระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่แสดงสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน
Bollinger Bands: ราคากำลังเคลื่อนตัวใกล้เส้นกลาง แสดงถึงช่วงของการสะสมแรงซื้อ
Fibonacci Retracement: ระดับ 38.2% ที่ $2,790 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญ
รูปแบบแท่งเทียนที่น่าสนใจ
กราฟ 15 นาที: เกิดรูปแบบ Bullish Engulfing ที่แนวรับ ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น
กราฟรายชั่วโมง: มีการสร้าง Doji ที่แนวต้าน $2,800 แสดงถึงการชะลอตัวของแรงซื้อ
แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ 🎯
แนวต้าน:
R3: $2,815 (แนวต้าน Fibonacci Extension 161.8%)
R2: $2,810 (High ของสัปดาห์ที่ผ่านมา)
R1: $2,800 (แนวต้านจิตวิทยาและ Round Number)
แนวรับ:
S1: $2,790 (MA20 H1 และ Fibonacci 38.2%)
S2: $2,780 (MA50 H1)
S3: $2,775 (แนวรับ Channel ระยะกลาง)
กลยุทธ์การเทรดแบบ Multiple Time Frame 💡
Scalping (15 นาที)
ระดับเข้าซื้อ: $2,792-2,795 (บริเวณ EMA 21)
Stop Loss: $2,788 (ใต้แนวรับ Channel)
Take Profit 1: $2,800 (แนวต้านจิตวิทยา)
Take Profit 2: $2,805 (แนวต้าน Channel บน)
อัตราส่วน Risk:Reward = 1:1.5
Day Trading (H1)
Long Position:
จุดเข้าซื้อ: รอย่อตัวที่แนวรับ $2,790
ยืนยันด้วย: Bullish Candlestick Pattern และ RSI เริ่มฟื้นตัว
Stop Loss: $2,785
Take Profit: $2,800 และ $2,810
Short Position:
จุดขาย: แนวต้าน $2,800
ยืนยันด้วย: Bearish Candlestick Pattern หรือ Divergence
Stop Loss: $2,805
Take Profit: $2,790
ปัจจัยที่ควรจับตา 👀
การประกาศตัวเลข NFP วันที่ 7 กุมภาพันธ์ (เป้าหมายต่ำกว่า 200,000 ตำแหน่ง)
ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
การเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์ (DXY)
วิเคราะห์โดย : Beam
BTCUSD Daily Analysis 2/2/2025 by TraderTanBINANCE:BTCUSDT ข้อมูลข่าวสาร:
นักวิเคราะห์ที่รู้จักกันในชื่อนามแฝงว่า Rekt Capital บอกกับผู้ติดตามบน YouTube 105,000 รายของเขาว่า Bitcoin อาจจะถึงจุดพีคในช่วงครึ่งหลังของปี 2025
นักวิเคราะห์กำลังพิจารณาด้วยว่า Bitcoin ใช้เวลานานเท่าใดจึงจะถึงจุดพีคในรอบที่แล้ว นับตั้งแต่ที่ทำ all time high ในรอบก่อนหน้า เขากล่าวว่าช่วงจะแตกต่างกันไปอน่างน้อยที่สุด 250 วันไปจนถึงอย่างมากที่สุด 329 วัน
SELL : 99747
TP : 97728
SL : 101308
เหตุผลในการเข้าเทรด:
จากกราฟแท่งเทียนในกรอบ TF H1
ราคาเริ่มเกิดการกลับตัวลง หลังจากขึ้นไปทดสอบแนวต้านหลักจากกรอบพักตัวไซด์เวย์และยังไม่สามารถขึ้นต่อไปได้ กลับตัวลง โดยยังอยู่ในรอบสวิงเทรนอยู่ จึงทำการเข้า SELL โดยเน้นรูปแบบการทำกำไรแบบ scalping ในระยะสั้นๆตามกรอบเส้นเทรนไลน์
จุดเข้า - จุดออก เป้าหมายการทำกำไร
ใช้สัญญาณแท่งเทียนการลงต่อเนื่องและเส้นEMA ในกรอบรายวันเป็น เป็นตัวกำหนดขอบเขตในการทำกำไรและการเข้าออเดอร์ โดยเป็นไปได้ที่ราคาจะสวิงลงไปทอสอบเส้น EMA100 ในกรอบรายวัน ยังคงเน้นเก็บกำไรสั้นๆ
RSI เป็นกลางในขาลง ยังคงเน้นเก็บกำไรระยะสั้นแบบ Scalping รายวัน กำหนดจุดกำไร และตั้ง SL ระยะห่างไม่ไกลมากเพื่อป้องกันความเสี่ยง เน้นจบปิดกำไรรายวัน และอาจปิดเร็วขึ้น หากกำไรเป็นที่พอรับได้ โดยมีตั้งกำไร TP และตั้ง SL ไม่ไกลจากแนวรับแนวต้านเดิม ทั้งใน TF1H และ 4H และจะทำการล๊อคกำไรจาก TSL ด้วยระดับหนึ่ง
ประสบการณ์: เน้นการถืออออเดอร์โดยปิดจบรายวัน และเน้นเก็บกำไรแบบเป็นรอบสวิงเทรนไซด์เวย์ เพื่อเป็นการเพิ่มกระแสเงินสด แคชโฟร์ ในพอร์ต อาจมีการแบ่งปิดกำไรจากออเดอร์ที่กำไรในระดับหนึ่งแล้ว อาจมีการตั้ง TSL เพื่อเป็นการล๊อคกำไรได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
เพื่อนๆคิดว่าตลาดตอนนี้ป็นขาขึ้น ( Bullish)หรือขาลง (Bearish)ครับ คอมเม้นท์ด้านล่างไว้ได้เลย !!!
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
ฝึกอ่านกราฟภาพที่เห็นนี้มันจะดูรกๆหน่อยนะครับจากที่เห็นด้วยตาเห็นอะไรอยากเขียนอะไรพูดออกมาพูดออกมาให้หมดรู้อะไรใส่เข้าไปให้หมดแล้วเราก็มาดูซิว่าไอ้สิ่งที่เราใส่เข้าไปนั่นน่ะมันมีจุดไหนที่เป็นจุดที่สังเกตว่ามันเป็นไปตามที่เราคิดแล้วมันเป็นแบบนั้นกี่รอบทำสัก 10 ครั้งมันขึ้นแบบที่เราคิดไหมสักกี่ครั้งแล้วถ้าเราจะเข้าออเดอร์ตรงนั้น sltp คือเท่าไหร่เราพอใจแค่ไหนควรจะต้องมองหาทุกๆวิถีทางดูตามที่ตัวเองถนัดจะใส่ฟีโบเข้าไปก็ได้แต่ผมไม่ใส่เพราะมันรกมากแล้วตอนนี้ก็เลยเอาให้ดูประมาณนี้เขียนภาพออกมาว่ามันจะขึ้นหรือมันจะลงหรือมันจะ side way ลองจินตนาการภาพออกมาหาสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นคาดการณ์อนาคตของกราฟดับค้างเอาไว้หลายๆมุมมองเพื่อให้ได้เห็นว่ามันเข้ามุมมองไหนแล้วเราก็ไปเข้าแผนในการเข้าออเดอร์ในมุมมองนั้นๆ
INSET หุ้นปลายน้ำ ที่เกาะเทรนด์ดาต้าเซ็นเตอร์✅ แนวโน้มกราฟ✅
หุ้นมีการเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาลงตั้งแต่ปี 2022 จนถึงช่วงกลางปี 2023
แต่เริ่มมีแรงซื้อกลับขึ้นมาในช่วงปลายปี 2023 – ต้นปี 2024
ปัจจุบันราคายังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าจุดสูงสุดของปี 2024 ที่ประมาณ 3.80 – 4.00 บาท
และล่าสุดอยู่ที่ 2.74 บาท
ซึ่งเป็นโซนที่เคยมีแนวรับในช่วงก่อนหน้า
✅ แนวรับ – แนวต้านสำคัญ✅
แนวรับ:
2.60 – 2.70 บาท (แนวรับระยะสั้น)
2.40 บาท (แนวรับสำคัญ หากราคาหลุดแนวนี้อาจมีแรงขายเพิ่ม)
✅ แนวต้าน:
3.00 บาท (แนวต้านแรก)
3.30 – 3.40 บาท (แนวต้านสำคัญ)
3.80 – 4.00 บาท (แนวต้านใหญ่ หากทะลุขึ้นได้อาจเกิดแนวโน้มขาขึ้น)
✅กลยุทธ์การเทรด✅
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น:
หากราคายังคงทรงตัวบริเวณแนวรับ 2.70 บาท และ Stochastic เกิดสัญญาณกลับตัว อาจพิจารณาเข้าสะสม
จุดทำกำไรระยะสั้นที่แนวต้าน 3.00 – 3.30 บาท
Stop Loss ที่ 2.60 บาท หากราคาหลุดแนวรับนี้
✅สำหรับนักลงทุนระยะยาว:
ควรติดตามแนวโน้มรายไตรมาส และการเติบโตของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์
หากหุ้นสามารถทะลุ 4.00 บาท ได้ อาจเป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นที่ชัดเจน
✅Target Price✅
โดยอ้างอิงจาก
(1) กราฟเทคนิค (Technical Analysis)
(2) แนวโน้มธุรกิจ Data Center
เพื่อคาดการณ์เป้าหมายราคาของ INSET ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
วิเคราะห์กราฟเทคนิค (Technical Analysis)
จากโครงสร้างกราฟ Timeframe 1D พบว่า
แนวโน้มหลัก (Long-term Trend)
✅ Downtrend ในระยะยาว (2022-2023)
หุ้นอยู่ในแนวโน้มขาลงตั้งแต่ปี 2022 และเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาตั้งแต่ปลายปี 2023
ปัจจุบันหุ้นเคลื่อนไหวในช่วง 2.60 - 3.80 บาท ซึ่งเป็นแนวรับและแนวต้านสำคัญ
✅ เริ่มเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น (Mid-term Trend) ในปี 2024
ราคาหุ้นสามารถกลับมายืนเหนือ 2.50 บาท ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดก่อนหน้านี้
หากหุ้นสามารถทะลุแนวต้านที่ 3.80 - 4.00 บาท ได้ จะเป็นสัญญาณเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่
✅แนวรับ – แนวต้านระยะยาว✅
แนวรับสำคัญ:
2.60 - 2.70 บาท (แนวรับแรก)
2.40 บาท (แนวรับหลัก ถ้าหลุดแนวนี้ มีโอกาสลงแรง)
แนวต้านระยะสั้น:
3.00 - 3.20 บาท (แนวต้านแรก หากทะลุอาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อ)
แนวต้านสำคัญใน 1-2 ปี:
3.80 - 4.00 บาท (แนวต้านแข็งแกร่ง ถ้าผ่านได้มีโอกาสเป็นขาขึ้นรอบใหญ่)
5.00 - 5.50 บาท (เป้าหมายระยะกลาง หากราคาสามารถเบรก 4.00 บาทขึ้นไป)
7.00 - 8.00 บาท (เป้าหมายสูงสุดในกรณีที่ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด)
อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
📉 Stochastic (9,3,3): อยู่ในโซน Oversold (ต่ำกว่า 20) มีโอกาสเด้งกลับ
📉 RSI (14): อยู่ที่ 40.98 ถือว่าเป็นโซน Neutral แต่ยังไม่มีสัญญาณขาขึ้นที่ชัดเจน
🟢 สัญญาณเข้าซื้อ:
หากราคาสามารถยืนเหนือ 2.70 - 2.80 บาท และเกิดสัญญาณกลับตัวใน Stochastic
หรือ หากราคาทะลุแนวต้าน 3.20 - 3.50 บาท มีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 4.00 บาท
วิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจ Data Center
โอกาสเติบโตของ INSET
กระแส Data Center ในไทยเติบโตสูง
บริษัทข้ามชาติ เช่น Google, TikTok, AWS, Microsoft ประกาศลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย
รัฐบาลส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
INSET ได้ประโยชน์จากโครงการ Hyperscale Data Center
บริษัทกำลังเจรจากับพันธมิตรเพื่อรับงาน มูลค่าหลายพันล้านบาท
หากชนะประมูล อาจมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
งานก่อสร้าง Data Center มีอัตรากำไรสูง
โครงการ Data Center มักมี Gross Margin สูงถึง 20-30% เมื่อเทียบกับงานก่อสร้างทั่วไป
โครงการ 5G & Cloud Computing ช่วยหนุน INSET
บริษัทได้รับงานก่อสร้าง Fiber Optic, ระบบ 5G และโครงข่าย Cloud
เป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็ว คาดการณ์ CAGR สูงกว่า 15% ต่อปี
ประเมินราคาเป้าหมาย (Target Price)
กรณี Conservative (ฐานล่าง)
ถ้าราคาหุ้นยังไม่สามารถทะลุ 3.80 - 4.00 บาท อาจแกว่งตัวในช่วง 2.50 - 3.50 บาท
Target Price: 3.50 - 4.00 บาท (เติบโตปานกลาง)
กรณี Base Case (เติบโตตามแผน)
หากบริษัทสามารถ ได้งาน Hyperscale Data Center และรายได้โตตามเป้า
ราคาหุ้นอาจสามารถ Breakout เหนือ 4.00 บาท
Target Price: 5.00 - 5.50 บาท (คาดการณ์ 1-2 ปี)
กรณี Bullish Case (ขาขึ้นเต็มตัว)
หาก INSET ชนะประมูลงานขนาดใหญ่ + อุตสาหกรรม Data Center โตเร็วกว่าคาด
ราคาหุ้นอาจสามารถกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 7.00 - 8.00 บาท
Target Price: 7.00 - 8.00 บาท (กรณีดีที่สุด)
สรุปกลยุทธ์ลงทุน
🔹 นักลงทุนระยะสั้น (Swing Trade):
ซื้อตรงแนวรับ 2.70 - 2.80 บาท และขายทำกำไรที่ 3.50 - 4.00 บาท
ตั้ง Stop Loss หากราคาหลุด 2.60 บาท
🔹 นักลงทุนระยะกลาง - ยาว (1-2 ปี):
สะสมเมื่อราคาทรงตัวเหนือ 3.00 บาท
เป้าหมายกำไร 5.00 - 5.50 บาท และกรณีดีที่สุดอาจไปถึง 7.00 - 8.00 บาท
หากราคาหลุด 2.50 บาท ควรทบทวนแผนลงทุน
✅สรุปแนวโน้มราคาเป้าหมาย INSET (1-2 ปี)✅
กรณี----------------------------------ราคาเป้าหมาย (บาท)-------เงื่อนไขสำคัญ
ฐานล่าง (Conservative)------------3.50 ---------4.00----------ธุรกิจเติบโตปกติ ไม่มีงาน Hyperscale
เติบโตปานกลาง (Base Case)------5.00 ---------5.50----------ได้รับงาน Hyperscale Data Center
ขาขึ้นเต็มตัว (Bullish Case)--------7.00 ---------8.00----------ชนะงานขนาดใหญ่ + อุตสาหกรรมโตเร็ว
หากต้องการลงทุนใน INSET ระยะ 1-2 ปี
ควรจับตาแนวต้านที่ 4.00 บาท
หากทะลุได้จะเป็นสัญญาณบวกของแนวโน้มขาขึ้น
#หมายเหตุ🚀
ไม่ได้ชี้นำการลงทุน เป็นเพียง การบันทึก ไอเดียร์การวิเคราะห์
MTA : วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis MTA: วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis
👰กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ หลายคนอาจจะงง กับการเทรดหลายๆทามเฟรม และบางคนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเทรดเพียงแค่ทามเฟรมเดียว หรือ เทรดหลายทามเฟรมมีดีอย่างไร มาครับวันนี้แอดพาไปทำความรู้จักการเทรดแบบ MTA กัน ตามมาอ่านกันได้เลย
การใช้ Multiple Timeframe Analysis (MTA) เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น โดยการวิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่เพื่อหาแนวโน้มหลัก และกรอบเวลาเล็กเพื่อหาจุดเข้า-ออกที่แม่นยำ นี่คือขั้นตอนละเอียดในการใช้ MTA อย่างมีประสิทธิภาพ
1. เลือกกรอบเวลาที่เหมาะสม
การวิเคราะห์หลายกรอบเวลาควรใช้กรอบเวลาที่สัมพันธ์กัน เช่น:
กรอบเวลาใหญ่ (Higher Timeframe - HTF): ใช้เพื่อหาแนวโน้มหลัก เช่น Daily (D1), H4
กรอบเวลากลาง (Intermediate Timeframe): ใช้เพื่อยืนยันสัญญาณ เช่น H1
กรอบเวลาเล็ก (Lower Timeframe - LTF): ใช้เพื่อหาจุดเข้า-ออก เช่น M15, M5
2. วิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่ (HTF) เพื่อหาแนวโน้มหลัก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาใหญ่ (เช่น Daily)
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้ม เช่น Moving Average (MA), Trendline, หรือ ADX
ระบุแนวโน้มหลัก:
ขาขึ้น (Uptrend): Higher Highs (HH) และ Higher Lows (HL)
ขาลง (Downtrend): Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL)
Sideway/Range: ราคาเคลื่อนที่ในกรอบแนวนอน
ระบุระดับ Support/Resistance ที่สำคัญ
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาขึ้น ให้มองหาโอกาสซื้อ (Buy) ในกรอบเวลาเล็ก
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาลง ให้มองหาโอกาสขาย (Sell) ในกรอบเวลาเล็ก
3. วิเคราะห์กรอบเวลากลางเพื่อยืนยันสัญญาณ
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลากลาง (เช่น H4)
ตรวจสอบว่าแนวโน้มในกรอบเวลากลางสอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่หรือไม่
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น Fibonacci Retracement, RSI, หรือ MACD เพื่อหาจุดกลับตัวหรือสัญญาณยืนยัน
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily เป็นขาขึ้น และกราฟ H4 แสดง Pullback (การปรับตัวลงชั่วคราว) ให้มองหาโอกาสซื้อเมื่อราคากลับมาทะลุแนวต้านหรือยืนเหนือ MA
4. วิเคราะห์กรอบเวลาเล็ก (LTF) เพื่อหาจุดเข้า-ออก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาเล็ก (เช่น M15)
หาจุดเข้าเทรดโดยใช้สัญญาณจาก Price Action หรือตัวบ่งชี้ เช่น:
Price Action: รูปแบบแท่งเทียน (Pin Bar, Engulfing, Inside Bar)
ตัวบ่งชี้: RSI, Stochastic Oscillator, หรือ MACD
ตั้ง Stop Loss และ Take Profit โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่และกลาง
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily และ H4 แสดงแนวโน้มขาขึ้น และกราฟ M15 แสดงสัญญาณซื้อ (เช่น Bullish Engulfing) ให้เข้าซื้อและตั้ง Stop Loss ต่ำกว่า Support ล่าสุด
5. จัดการความเสี่ยงและวางแผนเทรด
Stop Loss: ตั้ง Stop Loss โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวของราคา
Take Profit: ตั้ง Take Profit โดยอ้างอิงจากระดับ Resistance ในกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง
Risk-Reward Ratio: ควรมีอัตราส่วน Risk-Reward อย่างน้อย 1:2 (เสี่ยง 1 เพื่อกำไร 2)
6. ตัวอย่างการใช้งานจริง
สมมติคุณวิเคราะห์กราฟ Daily และพบว่า EUR/USD อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
กรอบเวลาใหญ่ (Daily):
แนวโน้มขาขึ้น (Higher Highs และ Higher Lows)
Support หลักอยู่ที่ 1.1000
กรอบเวลากลาง (H4):
ราคากำลัง Pullback ลงมาใกล้ระดับ Support ที่ 1.1000
RSI ใกล้ Oversold (30)
กรอบเวลาเล็ก (M15):
ราคาเกิด Bullish Engulfing Pattern ใกล้ระดับ 1.1000
เข้าซื้อที่ 1.1005 และตั้ง Stop Loss ที่ 1.0980 (ต่ำกว่า Support)
ตั้ง Take Profit ที่ 1.1100 (ใกล้ระดับ Resistance ในกรอบ Daily)
7. ข้อควรระวัง
False Signal: สัญญาณในกรอบเวลาเล็กอาจไม่แม่นยำหากไม่สอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่
Overanalysis: อย่าวิเคราะห์กรอบเวลาเล็กมากเกินไปจนเสียโฟกัสจากแนวโน้มหลัก
ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับสไตล์การเทรด: หากเป็นเทรดเดอร์ระยะสั้น อาจใช้กรอบเวลาเล็กเป็นหลัก แต่ต้องยืนยันแนวโน้มจากกรอบเวลาใหญ่
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กลยุทธิ์การเทรดแบบ MTA เรียบง่ายแต่ทรงพลัง แถมทำกำไรได้เรื่อยๆอีกนะ มันทำให้เราไม่ต้องไปพะว้าพะวง หรือเครียดมากจนเกินไปด้วย ที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ