BTCUSD Daily Analysis 1/12/2024 by TraderTanBINANCE:BTCUSDT ข้อมูลข่าวสาร:
พอร์ตคริปโตของบริษัท Grayscale ที่พุ่งขึ้นเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ถึง Altcoin Season ที่กำลังมาถึง ซึ่งอาจส่งผลให้ XRP พุ่งขึ้นถึง 2.57 ดอลลาร์
มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของพอร์ตของยักษ์ใหญ่ด้านการจัดการสินทรัพย์อย่างบริษัท Grayscale ส่วนใหญ่มาจากมูลค่าของโทเค็น Stellar เป็นหลัก ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 469% และมูลค่าของโทเค็น XRP ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 262% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์หลาย ๆ คนคาดการณ์ว่า Altcoin Season จะเริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2025 ซึ่งอาจส่งผลให้ Ethereum พุ่งสูงถึง 4,000 ดอลลาร์ภายในวันที่ 20 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ประธานาธิบดี Donald Trump จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
BUY : 96213
TP : 98160
SL : 95420
เหตุผลในการเข้าเทรด:
จากกราฟแท่งเทียนในกรอบ TF H1
ราคาเริ่มพักตัวในกรอบไซด์เวย์แคบๆ แต่เทรนหลักยังเป็นขาขึ้นระยะยาว โดยราคาอาจไต่ขึ้นลงในกรอบพักตัวนี้ไปสักระยะ และเบรคเอ๊าท์ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง จึงทำการเข้า BUY โดยเน้นรูปแบบการทำกำไรแบบ scalping ในระยะสั้นๆตามกรอบเส้นเทรนไลน์
จุดเข้า - จุดออก เป้าหมายการทำกำไร
ใช้หลักการตีกรอบเส้นเทรนไลน์ในขาขึ้น และกรอบการพักตัวไซด์เวย์แคบ โดยการยืนเหนือเส้น EMA ทั้งสามเส้นเป็นขาขึ้นระยะยาว โดยเป็นไปได้ที่ราคาจะขึ้นไปทำจุดสูงสุดอีกครั้ง ในกรอบ H1-H4- Day ยังคงเน้นเก็บกำไรตาม trend followng
RSI เป็นกลาง ยังคงเน้นเก็บกำไรระยะสั้นแบบ Scalping รายวัน กำหนดจุดกำไร และตั้ง SL ระยะห่างไม่ไกลมากเพื่อป้องกันความเสี่ยง เน้นจบปิดกำไรรายวัน และอาจปิดเร็วขึ้น หากกำไรเป็นที่พอรับได้ โดยมีตั้งกำไร TP และตั้ง SL ไม่ไกลจากแนวรับแนวต้านเดิม ทั้งใน TF1H และ 4H และจะทำการล๊อคกำไรจาก TSL ด้วยระดับหนึ่ง
ประสบการณ์: เน้นการถืออออเดอร์โดยปิดจบรายวัน และเน้นเก็บกำไรแบบเป็นรอบสวิงเทรนไซด์เวย์ เพื่อเป็นการเพิ่มกระแสเงินสด แคชโฟร์ ในพอร์ต อาจมีการแบ่งปิดกำไรจากออเดอร์ที่กำไรในระดับหนึ่งแล้ว อาจมีการตั้ง TSL เพื่อเป็นการล๊อคกำไรได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
เพื่อนๆคิดว่าตลาดตอนนี้ป็นขาขึ้น ( Bullish)หรือขาลง (Bearish)ครับ คอมเม้นท์ด้านล่างไว้ได้เลย !!!
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
การวิเคราะห์แนวโน้ม
Divergence analysis สัญญาณไดเวอร์เจ้นท์บอกอะไรได้บ้าง??Divergence analysis สัญญาณไดเวอร์เจ้นท์บอกอะไรได้บ้าง??
👽👽 กลับมาพบเจออกันอีกแล้ว กับเทคนิคการทำกำไร ทริคดีๆทริคเด็ดๆ ที่แอดเอามาฝากกันเช่นเคย วันนี้เอาใจสายเทคนิคอลอีกแล้ว ใครที่ชื่นชอบกราฟเปล่า และอินดิเคเตอร์น้อยๆ ต้องมาลองครับ กับสัญญาณไดเวอร์เจ้นท์ ที่จัดว่าแม่นเว่อร์เหมือนจับวาง มันใช้กันอย่างไร ตามมาอ่านกันได้เลยครับ
Divergence คืออะไร
Divergence คือสัญญาณการขัดแย้งระหว่างราคาและอินดิเคเตอร์ (Indicators) คือราคาเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหนึ่ง ส่วนอินดิเคเตอร์เคลื่อนที่ไปอีกทิศทางหนึ่ง เรียกว่าวิ่งกันไปคนละทาง
รูปแบบแพทเทรินของ สัญญาณ Divergence
สัญญาณ Divergence หาได้จากอินดิเคเตอร์ตัวไหนบ้าง ?
เรามักจะใช้อินดิเคเตอร์เพื่อหาสัญญาณ Divergence ประเภท Oscillator ลักษณะอินดิเคเตอร์ที่วิ่งอยู่ในกรอบ เช่น RSI, MACD และ Stochastic Oscillator เป็นต้น
Divergence แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ
1. Bullish Divergence ขาขึ้น
2. Bearish Divergence ขาลง
หลักการหาจุดเข้าจากสัญญาณไดเวอร์เจ้นท์
1. กราฟเปล่า + MACD
อินดิเคเตอร์ตัวนี้จัดเป็นตัวยอดนิยมอันดับหนึ่งในการใช้หาสัญญาณไดเวอร์เจ้นท์แต่มักให้สัญญาณที่ค่อนข้างช้า แต่ชัวร์ โดยจะนิยมใช้ใน Time Frame 1H และ 4H
- เมื่อราคาแท่งเทียนเกิดสัญญาณในทิศทางตรงกันข้ามกันแล้ว ให้เราใช้สัญญาณ MACD เป็นสัญญาณหลักในการเข้าออเดอร์
**** ตัวอย่างจากรูป MACD มีคลื่นที่ต่ำลง ในขณะที่แท่งเทียนทำยอดสูงขึ้น ให้เรามองหาจุดเข้า SELL เพื่อทำกำไร
2. กราฟเปล่า + Stochastic Oscillator
อินดิเคเตอร์ตัวนี้มักให้สัญญาณที่ค่อนข้างไว ทำให้เราสามารถพบ Divergence ได้ค่อนข้างบ่อย และอาจเจอสัญญาณหลอกได้อีก โดยจะนิยมใช้ใน Time Frame 30M และ 4H และส่วนใหญ่ให้น้ำหนักจากกราฟแท่งเทียนเป็นสัญญาณในการเข้าออเดอร์
3. กราฟเปล่า + RSI
RSI ย่อมาจากคำว่า Relative Strength Index โดย RSI เป็นอินดิเคเตอร์ตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตลาด แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนักในการหาสัญญาณไดเวอร์เจ้นท์ เนื่องจาก ค่อนข้างเกิดขึ้นยากมากๆ และใช้เวลานาน แต่ก็เกิดขึ้นได้และแม่นด้วย โดยจะนิยมใช้ใน Time Frame 1H และ 4H การหาจุดเข้าออเดอร์มักให้น้ำหนักไปทางตัว RSI เป็นหลัก
👽👽👽 เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ทริคดีๆในการทำกำไรเพิ่มกันแล้วใช่มั้ยครับ อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูนะฮะ ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นเทคนิคการทำกำไรเบอร์ต้นๆของเราเลยก็ว่าได้ แอดหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เราอ่านกราฟได้ดี อ่านกราฟได้เก่งมากขึ้นนะครับ จำไว้เสมอว่ากราฟมีขึ้นแล้วก็มีลง ไม่ต้องไปเครียดกะมันหมั่น ฝึกฝนและเพิ่มเติมความรู้อย่างสม่ำเสมอ รับรอง เทรดยังไงก็รอดครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM กันด้วยนะครับ วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่งแน่นอนครับ แอดเอาใจช่วยสู้ๆ
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นแนวโน้มกราฟก็ดูเป็นขาลงอยู่แต่ณขณะนี้ราคาช่วงปัจจุบันเขาฟอร์มตัวได้เป็นไซด์เวย์ก็ให้เทรดแบบ side way ไปก่อนโดยให้กราฟย่อตัวลงมาหาจุดรับแล้วค่อยเข้าออเดอร์บายซึ่งตอนนี้กราฟก็ได้ขึ้นไปแล้วก็ต้องรอให้ครับย่อลงมาใหม่ก่อนแล้วค่อยเข้าออเดอร์ในส่วนราคาแนวรับ
ปัจจัยที่จะทำให้ Bitcoin (BTC) ไปถึง $100,000Bitcoin (BTC) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำของโลก มักได้รับการคาดการณ์ถึงศักยภาพในการพุ่งสูงขึ้นถึง $100,000 ต่อ 1 BTC แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวนักสำหรับนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการเงินดิจิทัล เนื่องจากมีปัจจัยหลายประการที่สามารถผลักดันให้ราคา BTC ขึ้นไปแตะระดับนี้ได้
1. อุปสงค์และอุปทาน (Demand and Supply)
BTC มีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้มันแตกต่างจากเงินตราปกติที่สามารถพิมพ์เพิ่มได้ไม่จำกัด เมื่อมีความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากนักลงทุนหรือบริษัทต่าง ๆ ในขณะที่อุปทานยังคงเดิม ราคาของ BTC จึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น การ Halving ซึ่งเกิดขึ้นทุก 4 ปี ช่วยลดจำนวน BTC ใหม่ที่เข้าสู่ตลาด ส่งผลให้ราคามักพุ่งสูงในระยะยาว
2. การยอมรับจากสถาบันการเงิน (Institutional Adoption)
สถาบันการเงินและบริษัทขนาดใหญ่ เช่น Tesla, MicroStrategy, และ Grayscale มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับ BTC การที่บริษัทเหล่านี้ถือ BTC เป็นสินทรัพย์สำรอง หรือแม้แต่การใช้ BTC ในการชำระเงิน จะช่วยสร้างความต้องการในระดับมหภาค
นอกจากนี้ สถาบันการเงินเช่น BlackRock และ Fidelity ยังมีแผนเปิดตัว Bitcoin ETF ซึ่งสามารถดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่เข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น
3. สภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ (Economic Conditions and Inflation)
ในช่วงที่เงินเฟ้อสูงและความเชื่อมั่นในระบบการเงินแบบดั้งเดิมลดลง BTC มักถูกมองว่าเป็น "ทองคำดิจิทัล" ที่สามารถรักษามูลค่าได้ นักลงทุนจำนวนมากจึงเลือกถือ BTC เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง
4. การพัฒนาเทคโนโลยีและเครือข่าย (Technological Advancements)
Bitcoin Lightning Network และโซลูชัน Layer 2 ช่วยลดค่าธรรมเนียมและเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม ซึ่งช่วยให้ BTC ใช้งานได้ง่ายขึ้น การพัฒนาเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดการใช้งานจริงในวงกว้างและเพิ่มมูลค่าของ BTC
5. การสนับสนุนจากรัฐบาลและการออกกฎหมาย (Government Support and Regulation)
แม้ว่ากฎระเบียบเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซีจะยังมีความไม่แน่นอนในหลายประเทศ แต่การสนับสนุนในเชิงบวกจากรัฐบาลบางแห่ง เช่น เอลซัลวาดอร์ ที่ประกาศใช้ BTC เป็นสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย อาจกระตุ้นให้ประเทศอื่น ๆ ทำตาม
ในทางกลับกัน หากมีการออกกฎหมายที่ชัดเจนและสนับสนุนการใช้คริปโตเคอเรนซีในตลาดการเงิน กระแสการลงทุนใน BTC อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
6. พฤติกรรมของนักลงทุนและจิตวิทยาตลาด (Investor Behavior and Market Psychology)
BTC มีความผันผวนสูง และมักได้รับแรงกระตุ้นจากกระแสข่าวและความเชื่อมั่นของนักลงทุน หากมีข่าวบวกเกี่ยวกับ BTC อย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มการยอมรับในวงกว้าง หรือการคาดการณ์ราคาที่ทะลุเพดานใหม่ จะช่วยสร้างแรงซื้ออย่างมหาศาลและผลักดันให้ราคาพุ่งขึ้น
สรุป
ปัจจัยข้างต้นล้วนมีส่วนสำคัญในการผลักดัน BTC ไปสู่เป้าหมาย $100,000 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรตระหนักว่า ตลาดคริปโตเคอเรนซีมีความเสี่ยงสูงและอาจมีการปรับตัวลงในระยะสั้น การลงทุนใน BTC หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ควรพิจารณาจากข้อมูลที่รอบคอบและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ
BTC มีศักยภาพสูงในการเป็นสินทรัพย์แห่งอนาคต แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการสนับสนุนและการยอมรับในระดับโลกที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
BTCUSD Daily Analysis 30/11/2024 by TraderTanข่าวต่างประเทศ
วันนี้ Bitcoin ยังคงมีแนวโน้มที่ผันผวน โดยราคาล่าสุดอยู่ใกล้ระดับ $95,000 ซึ่งทำสถิติใหม่ในเดือนนี้ เนื่องจากแรงสนับสนุนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการคาดการณ์เกี่ยวกับ Spot Bitcoin ETF ที่กำลังรอการอนุมัติจาก SEC (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ)
นักวิเคราะห์เชื่อว่าการเปิดตัว Bitcoin ETF จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในตลาดและอาจหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม มีคำเตือนเกี่ยวกับการย่อตัวของราคาในระยะสั้นจากแรงเทขายทำกำไรในตลาด
cr.investing
Trading note: ✅
Buy : 96909.80
✅ Tp: 97170.61 101769.13
❗ SL: 95633.10
เหตุผลในการเข้าเทรด:
ราคาเริ่มที่จะมีแรง และกำลัง retest ยกฐาน ลุ้นขึ้นไปทดสอบโซน 100000
fibo : เป้าหมาย 168.00
เป้ามหาย 100000 เป้าหมายในการกเก็บกำไร
RSI: เป็นกลาง
รอให้มีสัญญาณกลับตัว หาจังหวะเข้า
หากรับความเสี่ยงได้และไม่อยากรอสามารถตั้ง Pending Buy บริเวณโซนดังกล่าวได้เลย
แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้ สามารถเข้าซื้อขายได้เลย
โดยสามารถเก็บกำไรระยะสั้น Scalping โดยมีจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน หรือ ถือยาวข้ามวัน ทั้งนี้เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประยะหนึ่ง สามารถตั้ง TSL เพื่อป้องกันกำไร หรือ ทะยอยปิด ออเดอร์ปิดกำไร
ประสบการณ์: การBreakout และการ Retest เพื่อป้องกันการเกิด False Breakout และเป็นรูปแบบที่คาดหวังกำไร RRR เกิน 1:2 ขึ้นไปได้ และเป็นจุดที่ทำให้ราคาได้ราคาที่เปรียบ ซื้อถูกขายแพง เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นิยมใช้เทรด ไม่ว่าจะเป็น เทรดสั้น เทรดยาว หรือ สายสวนเทรน ตามเทรน สามารถที่จะประยุกต์ได้หลากหลาย
❗นี้เป็นเพียงความคิดส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
NEARNov 30, 2024 : ช่วงนี้เป็นการทดลองใช้ indicator เพื่อหาแนวทางการเทรดส่วนตัว บันทึกไว้ก็เพื่อกันลืม ว่าช่วงเวลานี้ เข้าออกแบบไหน ดูทิศทางการเคลื่อนตัวของกราฟอย่างไร มันก็ยังไม่ลงตัวเท่าไรดูยุ่งๆไปนิดนึง แต่ก็เป็นการฝึกฝนแนวทาง การคิด วิเคราะห์ แยกแยะ อีกอย่างที่สำ คือ วินัย ในการตอบสนองกับกราฟ หลังจากที่ตัดสินใจแต่ละครั้งในการเข้า หรือ ออก จากสิ่งที่เลือกก่อนหน้า ทุกอย่างต้องระวัง ทุกครั้งจะต้องหาแนวทางตอบสนองกับสิ่งที่เกิด ณ ตรงหน้า ที่เหมาะกับสโตล์ที่เลือก
XAUUSD 30/11/24 ขาขึ้น ที่ระยะสั้นกำลังลง 2634-2666ระยะสั้น : กำลังลง test 2634
ถ้าไม่หลุด ยังขึ้นได้ต่อ sw เลือกทางในกรอบ
ถ้าหลุด จะลง test 2614
.
ระยะกลาง : ขาขึ้น ที่เริ่มไม่แน่ใจ
ถึงขึ้นเบรค 2666.3 ยังขึ้นต่อตาม fibo
แต่ถ้าลงไม่ถึง 2614 อย่างไงก็ค้างดีดได้ 1 รอบ เพื่อเลือกทาง
ต้าน = 2666.3 fibo 30 60 240
รับ = fibo 5 : 2643 2636/ 2634 2621
.......................................
D: ob ลากเลือย
240: ob ลากเลือย
60: ob will os ขาขึ้น
กรอบ 2605-2721.5
30: os ขาขึ้น
ถ้าลงไม่หลุด 2634 ยังขึ้นต่อ
ถ้าหลุด 2634 แต่ไม่ถึง 2614 ค้างขึ้น
15 5: os ขาลง
กรอบ 2634-2666.3