หุ้นต้นเทรนด์ HANSOH หุ้นต้นเทรนด์ เบรคกรอบสะสม
HANSOH Listed อยู่ในตลาดฮั่งเส็ง รหัส 3692
ผลประกอบการพลิกฟื้นกลับมา H2 2023 และต่อเนื่อง 2024 H1
PE 23.9
เงินปันผล 0.2 ต่อหุ้น
Free Float 18.07%
Technical Analysis
ฟอร์มกรอบสะสม Accumulation Phase ประมาณ 2 ปี มี Volume Normal Distribution
เบรคกรอบสะสมพร้อม Volume on chart
แนวต้าน 22 HKD ด้านบนมีแนวต้าน Volume น้อย ทำให้มี Upside เปิด จนถึงบริเวณ 30 HKD
MACD Day-Week = Up Trend
MACD Month = Just Up Trend
แนวสะสม Buy on Dip บริเวณ 18 - 20 HKD
แนวควบคุม Position เพื่อ Stop Loss บริเวณ 16 HKD ที่เป็นการทำลายโครงสร้างราคาภาพย่อย
หากหลุดก็รอการดึงกลับค่อยกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง เพียงแต่จะเสีย Momentum ทางขึ้นที่ดีไป
เป็นหุ้นที่ต้องซื้อขั้นต่ำ 2000 หุ้น
วงเงินทุนควรจะมี 3-5 แสนบาทขึ้นไป
ติดตามผลประกอบการต่อเนื่อง เพราะว่าถ้าผลประกอบการออกมาไม่ดี ราคาหุ้นอาจกลับลงไปเข้ากรอบสะสมอีกครั้งได้ เทรดด้วยความระมัดระวังครับ
Strategy
การเทรดที่ดี ต้องมีกลยุทธ์ การจะเป็น Trader ที่ประสบความสำเร็จได้ จำเป็นจะต้องมีกลยุทธ์การเทรด จัดการซื้อขายให้เป็นระบบ เพื่อการทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ สิ่งที่เราต้องชัดเจนคือ กลยุทธ์ของเราคืออะไร สินทรัพย์ที่ต้องการเทรด กรอบระยะเวลา และระดับความเสี่ยงที่ตัวเองสามารถยอมรับได้ สิ่งที่นักลงทุนควรมี ได้แก่
1 ความสม่ำเสมอ: การมี Action Plan ของตัวเอง ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการรักษากลยุทธ์เทรด ในขณะเดียวกัน ก็ลดอารมณ์ในการตัดสินใจของคุณให้เหลือน้อยที่สุด ความสม่ำเสมอ ดังกล่าวมักจะให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้มากกว่าและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมเมื่อเวลาผ่านไป
2 ความมั่นใจ: เมื่อตัวเองมี Playbook แล้ว คุณสามารถซื้อขายด้วยความมั่นใจในตนเองที่เพิ่มขึ้น โดยรู้ว่า คุณกำลังทำการกลยุทธ์ ที่ผ่านการทดสอบมาแล้ว ความมั่นใจนี้ จะช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ช่วยให้คุณมีสมาธิและตัดสินใจได้ดี
3 ความสามารถในการปรับตัว: เมื่อเผชิญกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป การมี Playbook ไว้ใช้งานจะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยน และปรับกลยุทธ์ได้ตามต้องการ ความสามารถในการปรับตัวนี้ เป็นปัจจัยสำคัญในการไปสู่ความสำเร็จได้
องค์ประกอบ 3 ประการของกลยุทธ์การเทรด
1. Pattern หรือ รูปแบบ : Pattern ของกราฟจะเป็นตัวกำหนดว่า จุดไหนเป็นจุดเข้าซื้อ จุดไหนเป็นจุดขาย โดยอาศัยการวิเคราะห์จากบริบท และรูปแบบกราฟ นำไปสู่การวิเคราะห์เชิงลึก
2. บริบท : ต้องทำเข้าใจบริบท สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่อย่างถ่องแท้ เนื่องจากมีความสำคัญในการเพิ่มศักยภาพของกลยุทธ์การเทรดของคุณ เทรดเดอร์หลายคนเชื่อผิดว่า กลยุทธ์การซื้อขาย เป็นเพียงการระบุ
3. รูปแบบ หรือสิ่งกระตุ้นควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงขั้นพื้นฐาน
การบริหารความเสี่ยง: การจัดการความเสี่ยงที่ไม่ดี เป็นสาเหตุสำคัญของความล้มเหลวของเทรดเดอร์ มักเป็นผลมาจากการการขาดความเข้าใจ โดยแผนการจัดการความเสี่ยงของคุณไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเกินไป แต่ต้องมีความชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างขยันขันแข็ง ด้วยการปฏิบัติตามกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง คุณสามารถหลีกเลี่ยงหลุมพรางได้
สำหรับการซื้อขายรายวัน เราขอแนะนำดังต่อไปนี้
* ความเสี่ยงสูงสุด 1% ต่อการซื้อขาย
* ความเสี่ยงสูงสุด 2% ต่อวัน
* ความเสี่ยงสูงสุด 6% ต่อสัปดาห์
* ความเสี่ยงสูงสุด 10% ต่อเดือน
6 ขั้นตอนสำคัญในการสร้างและปรับแต่งกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ:
1. กำหนด Trading Style : ไม่ว่าคุณจะเป็น Day Trade , Swing Trade หรือนักลงทุนระยะยาว ต้องเลือกกลยุทธ์ กรอบเวลา และเทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น ระบุอัตราการชนะที่คุณต้องการ (เช่น 50%+) อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (เช่น 2R ขั้นต่ำ) และ Trading Style เช่น การเทรดแบบ Scalping การซื้อขายตามตำแหน่ง หรือ Swing Trade
2. หาข้อมูลวิจัย และเลือก Strategy: ศึกษากลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย และเลือกกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับ Trading Style ของเรา การยอมรับความเสี่ยง และเป้าหมายทางการเงิน
3. กำหนดเกณฑ์การเข้าและออก: สำหรับแต่ละกลยุทธ์ที่เลือก ให้กำหนดการเข้าและออกที่ชัดเจน กำหนดเป้าหมาย การหยุดการขาดทุนและกำไรของคุณเพื่อให้แน่ใจว่า คุณดำเนินการซื้อขายได้อย่างถูกต้อง และจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น สิ่งสำคัญ คือ ต้องจัดทำแผนการเทรดที่กำหนดไว้อย่างดี ตัวอย่างเช่น ตัดสินใจจุดคุ้มทุน เมื่อถึงอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:1 เปิดการซื้อขาย โดยเฉพาะด้วยอัตราส่วน 1:2 หรือปิด 50% ของตำแหน่งของคุณที่ 1:1 และส่วนที่เหลือ 50% ที่ 1:3
4. สร้างกฎการบริหารความเสี่ยง: ใช้กฎการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องเงินทุนของคุณ รวมถึงการตั้งค่าเปอร์เซ็นต์สูงสุดของยอดคงเหลือในบัญชีของคุณต่อความเสี่ยงต่อการเทรด หรือใช้ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดขนาดตำแหน่งเพื่อควบคุมความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ
5. ทดสอบ Strategy : ก่อนที่จะลงทุนจริง ให้ทดสอบ Strategy ของคุณ โดยใช้ข้อมูลตลาดในอดีต หรือบัญชีทดลอง ขั้นตอนการทดสอบนี้ ช่วยให้คุณปรับ Strategy และสร้างความมั่นใจในแนวทางของคุณได้ หากคุณไม่ได้ผลลัพธ์ดีเท่าที่ควร ในบัญชีทดลอง ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเสี่ยงด้วยเงินจริง จนกว่าคุณทักษะของคุณจะเก่งขึ้น
6. วิเคราะห์การซื้อขาย : จัดทำบันทึกเทรด ทั้งกลยุทธ์ที่ใช้ จุดเข้าและออก และสภาวะตลาด ในแต่ละครั้ง ตรวจสอบผลการซื้อขายของคุณเป็นประจำ เพื่อระบุจุดที่ต้องปรับปรุง และปรับแผนการเทรดคุณให้เหมาะสม
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
วิเคราะห์ USOIL : น้ำมัน ( TF สำคัญ )TVC:USOIL
USOIL ( น้ำมัน ) : ภาพรวมของน้ำมันตอนนี้ อยู่ในทิศทางของเทรนขาขึ้นครั้งสำคัญ เพราะจากสวิงกราฟก่อนหน้านี้ เป็นการขึ้นมาในรูปแบบ Impulse Wave ซึ่งหมายความว่า ถ้าน้ำมันย่อตัวลงแล้วไม่ต่ำกว่า 82.64~ (ทิศทาง ของน้ำมันก็ยังคงเป็นเทรนขาขึ้นใหญ่)
และแน่นอนว่า มันส่งผลต่อ คนที่เทรดทองคำแน่นอน
วิเคราะห์ DXY (หนี้สาธารณะ สูงที่สุดในประวัติศาสตร์)TVC:DXY
ค่าเงินดอลลาร์ : พูดไม่ออกเลยครับ หนี้ที่โลกนี้หมุนอยู่ ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ สหรัฐ และตอนนี้ หลายประเทสก็ผิดชำระหนี้กัน ในขณะที่เพดานหนี้ ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะเกิดจากการกู้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนมุมมองของกราฟ ผมมองว่า DXY ยังขึ้นได้อีกเยอะครับ
แน่นอนว่ามันส่งผลเสียต่อสินทรัพย์หลายอย่างแน่นอน
เทรดกันอย่าง " ระมัด ระวัง "
( เงินสด ไม่สำคัญเท่า ทรัพย์สินที่นำมาขายได้ )
วิเคราะห์และวางแผนเทรด Forex option คู่เงิน EURUSD = กำลังพักตัว
คาดการณ์ = ราคาจะวิ่งอยู่ในกรอบ
แผนการเทรด
กลยุทธ์ = Short Call Option
_____________
ออร์เดอร์ = Short put Option
ราคา = 1.21400
อายุ Option = 1-4 สัปดาห์
____________
เงินทุน 1000 เหรียญ เปิด Lot ไม่เกิน 0.3 Lot
เพิ่มเติมที่ : เพจ Option Socoety
Gold-XAUUSD กลยุทธ์เทรดสำหรับฝั่ง BuyMajor resistance 1375
Major support 1050
เราชอบเทรดด้าน Buy ทองคำ โดยวางแผนการเทรดเข้าแบบกริดที่ 1300 1250 1200 1150 1100 1050 โดย SL 800
Money management : เลเวอเรจแบบแตกต่างระหว่างการยิง / การเพิ่มขนาดการยิงด้วยมาทิงเกลแบบ SL 800
Position average target : 1200
การบริหารความเสี่ยงยังสามารถใช้ 2% rule ได้
หากพอร์ตมีทุน 10000 USD 2% คือ 200 USD
หากมาร์จิ้นการ Buy ต่อนัด SL ที่ 800 = 25 จะซื้อได้ 8 นัด
Google Buy on dipsกลุ่มหุ้น FAANG Facebook (FB), Amazon (AMZN), Apple (AAPL), Netflix (NFLX), and Alphabet (GOOG) หรือกลุ่มหุ้นที่เป็นที่นิยมเพราะคนรู้จักทั่วโลก
มักจะมีรูปแบบราคาที่มีเทรนด์ชัดเจน การย่อตัวและความผันผวนไม่สูงแบบคริปโตเคอเรนซี่
หากเราวางกลยุทธ์ขาซื้อกับคริปโตโดยรอการย่อต่ำค่อยเริ่มสะสม position buy เราสามารถรอราคาลงต่ำกว่า 50% ถึงจะเริ่มพิจารณาการเข้าสะสมได้
แต่กับหุ้นหลายๆตัวนั้นต่างออกไป การรอให้ราคาต่ำกว่า 50% อาจเป็นไปได้ยาก (แต่ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้)
ในกรณีนี้เราจะเลือกกลยุทธ์ที่เล่นต่างจากคริปโตเคอเรนซี่ โดยกลยุทธ์หนึ่งที่เราชอบคือ Buy on dips หากสินค้าเป็นเทรนด์ขาขึ้น เรารอให้ราคาย่อลง แล้วเข้าซื้อในบริเวณนั้น
ซึ่งจะทำให้ระยะ SL ของเราสั้น ขณะที่ TP ตั้งที่ All time high หรือสูงกว่านั้น (แบ่งยิงเป็นหลายนัด ปิดตามระยะ TP1 TP2...)
Reward to Risk Ratio ที่ได้เปรียบ และใช้การทำ Money management โดยคุมให้ 1 สินค้านั้นเราใช้มาร์จิ้นเพียงแค่ 2% จากทั้งหมด
ตัวอย่างการวางกลยุทธ์ - Money Management
- เราพิจารณาแนวโน้มระดับกลางว่าตอนนี้ Google เกิดการตกลงในช่วงก่อนหน้าจากความกังวลของนักลงทุนต่อภาพรวมของสหรัฐ จากนั้นเริ่มมีสัญญาณกลับตัวขึ้นมาอีกครั้งจนก่อเป็นรูปแบบการวิ่งแบบ Ranges (Sideway)
ในกรอบแนวรับสำคัญคือ 1000 แนวต้านสำคัญคือ 1200
หากมาร์จิ้นต่อการซื้อ 1 นัดคือ 25 USD โดยวาง SL บริเวณ 950 ได้ (และมาร์จิ้นบริเวณนั้นจะเหลือเข้าใกล้ 0)
แล้วเราออกแบบแผนการยิงในพื้นที่โซน 1000-1200 ด้วยจุดยิงดังรูป (เส้นประสีเขียว) รวม 4 นัด = 100 USD
ในหลัก 1% rule คือเมื่อ SL เงินทุนเราจะหายไปเพียง 1% ดังนั้นในการวางแผนนี้เราควรมีทุน 10000 USD แล้วยิงตามแผนนี้ได้ 4 นัดตามกริดสีเขียว
ค่าเฉลี่ยของทั้ง 4 นัดจะอยู่บริเวณ 1100-1000 ซึ่งถือว่ามี RRR ได้เปรียบ หาก TP บริเวณ All time high 1200
// หากให้เดา predict อนาคตเล่นๆ ขอเดาว่าราคาจะวิ่งทำทรงสามเหลี่ยม เพื่อสะสมแรงก่อนเลือกทางต่อไปในกรอบ 1033-1106 ดังนั้นสามารถใช้ Bolinger Band จับการเบรคเพื่อยิงซื้อก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
* สามารถดู Stochastic หรือ RSI ประกอบเพื่อยืนยันรูปแบบการยกตัวหรือกดตัวของราคาประกอบการวิเคราะห์ก็ได้
AUDJPY วางกลยุทธ์รับแบบ Rangesในภาพรวมเรามองว่าราคามีรูปแบบแรงที่ไม่ได้เปรียบในด้านใดด้านหนึ่ง และราคาอยู่บริเวณกลางระหว่าง ATH - ATL นั่นทำให้เราเลือกกลยุทธ์ผสมโดยเล่น swing ระยะสั้น ผนวกกับวางกระสุนระยะยาวที่แนวรับ
Major resistance - supply zone 87 - 90
Major support - 76-80
โดยรอสัญญาณกลับตัวเช่น price action บริเวณโซนแนวรับเพื่อ buy 2 นัด
สำหรับเทรดระยะสั้น - สวิง
ใช้แนวรับ + ระยะเผื่อเล็กน้อง (หาก long) เป็น SL
ใช้แนวต้าน + ระยะเผื่อเล็กน้อง (หาก short) เป็น SL
สำหรับเทรดระยะยาว
ใช้ ATH / ATL บวกระยะเผื่อเป็น SL โดยใช้เลเวอเรจปรับให้ต่ำลงและเหมาะสมกับมาร์จิ้น
BTCUSD Buy Strategy (Investor style)BITFINEX:BTCUSD
Trend
- เทรนด์ยังไม่มีการยืนยันขาขึ้นในเฟรมใหญ่
Possibility
- วิ่งในกรอบ 9000-12000 ถ้าจะกลับเป็นขาขึ้นในเฟรมใหญ่ ราคาจะต้องทำ pull back เพื่อยกฐานขึ้นแล้วยืนเหนือ 12000 ให้ได้ก่อน
- หากราคาลงไปในโซนล่าง 6000-9000 ยังมีโอกาสสร้างการกลับตัวขึ้นอีกรอบ เพื่อทำรูปแบบ W และยืนยันเมื่อยืนเหนือ 12000 เช่นกัน
- ราคายังสามารถลงมาในกรอบได้อีก โดยเขตที่น่าสนใจสูงคือช่วง 8000
Key support - resistance
- 12000 Resistance
- 9000
- 6000
Chance for investor
เขตการเข้าที่น่าสนใจ- Buy zone : 6000-9000 บริเวณที่น่าสนใจมากคือแนว 9000 / 8000
โดยรอให้ราคามีรูปทรงกลับตัวขึ้น อาจแบ่งออเดอร์เป็นส่วนย่อย แล้วเริ่มลงทุนทีละส่วนก็ได้
TP : All Time High , All Time High+ สำหรับผู้ที่เชื่อว่า BTC ยังมีอนาคตไปต่อได้อีกในระยะยาว
SL : 0 (Leverage 1-1 Buy and hold)
- เหมาะสำหรับสินค้าที่มีความผันผวนสูง
Risk-Reward - Expected Return
กรณีในจุดเข้า 50% All time high ,หากตั้ง TP ที่ All Time High
- RiskReward=1, (และหาก TP สูงกว่า All time high หรือจุดเข้าต่ำกว่า 50% ย่อมทำให้ Risk Reward ได้เปรียบมากยิ่งขึ้นกับการเทรดระยะยาว)
หากซื้อด้วยทุน $1000 ที่ 50%All Time High ทุนสามารถกลายเป็น $2000 ที่ All time high
Money-portfolio management
SL=0, ใช้ทุนในการเทรด 2-3% ของพอร์ต หรืออาจอัพเพิ่มถึง 10-35% หากมีความเชื่อมั่นในสินค้าที่เทรดในอนาคตไกลสูง
ex. Portfolio ขนาด $10000 , ลงทุน BTCUSD ด้วยระดับ 10% ($1000) โดย SL=0
- กรณีราคาอยู่เหนือ 50% เราสามารถแบ่งทุนเพื่อลงไปก่อนบางส่วนจากทุนที่ตั้งใจจะลงทังหมดสำหรับสินค้าตัวนั้นๆ โดยแบ่ง 50% เทรดในโซนบน 50% ที่เหลือเทรดในโซนล่าง
เช่น หากตั้งงบไว้ $1000, ในโซน 9000-12000 จะนำทุน $500 ไปใช้เทรดหากเทรดแล้วราคาตกลงมาที่โซน 6000-9000 ก็จะใช้ทุนอีก $500 ที่เหลือ
ซึ่งการแบ่งแบบนี้จะยังคงทำให้ต้นทุนเฉลี่ยอยู่บริเวณ 50% อยู่ดี และไม่พลาดโอกาสหากราคาขึ้นโดยไม่ลงมาโซนล่าง
Notes
- Trader could use Grid strategy to generate cashflow/Collect coin-CFD contract at Grid ex. 6000 7000 8000 9000 10000 11000,
- Cashflow can generate capital-margin for position at 9000 or lower
- Invest with size that you could accept loss
- This strategy is good for investor whom believe in performance of product BTCUSD - longterm
LTCUSD Buy Strategy (Investor style)Trend
- เทคนิคัลภาพรวมมีการยืนยันเทรนด์ขาขึ้นระยะกลาง - และอาจเป็นระยะยาวได้เมื่อเริ่มยืนได้ที่ 180 (Fibonacci 50%), แต่สำหรับ cryptocurrency ,สินค้าที่มีความผันผวนสูง ทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้ และ Altcoin นั้นมักมีพฤติกรรมไปตาม BTCUSD ได้ เราขอแนะนำให้เทรดด้วยความระมัดระวัง โดยจำกัดขนาดของการเทรดให้อยู๋ในระดับที่ยอมรับการสูญเสียได้
Possibility
- วิ่งในกรอบ 180-230/240 เพื่อสะสมแรงรอตลาดเลือกทิศทางต่อไป
Key support - resistance
- 230-240 Resistance
- 180 Latest Low , 50% from All time high
- 140 Previous Low, 61.8 % from All time high
Chance for investor
เขตการเข้าที่น่าสนใจ- Buy zone : 140-230
TP : All Time High , All Time High+
SL : 0 (Leverage 1-1 Buy and hold)
- เหมาะสำหรับสินค้าที่มีความผันผวนสูง
Risk-Reward - Expected Return
ในจุดเข้า 50% All time high ,หากตั้ง TP ที่ All Time High
- RiskReward=1, (และหาก TP สูงกว่า All time high หรือจุดเข้าต่ำกว่า 50% ย่อมทำให้ Risk Reward ได้เปรียบมากยิ่งขึ้นกับการเทรดระยะยาว)
หากซื้อด้วยทุน $1000 ที่ 50%All Time High ทุนสามารถกลายเป็น $2000 ที่ All time high
Money-portfolio management
SL=0, ใช้ทุนในการเทรด 2-3% ของพอร์ต หรืออาจอัพเพิ่มถึง 10-35% หากมีความเชื่อมั่นในสินค้าที่เทรดในอนาคตไกลสูง
ex. Portfolio ขนาด $10000 , ลงทุน LTCUSD ด้วยระดับ 10% ($1000) โดย SL=0
- กรณีราคาอยู่เหนือ 50% เราสามารถแบ่งทุนเพื่อลงไปก่อนบางส่วนจากทุนที่ตั้งใจจะลงทังหมดสำหรับสินค้าตัวนั้นๆ โดยแบ่ง 50% เทรดในโซนบน 50% ที่เหลือเทรดในโซนล่าง
เช่น หากตั้งงบไว้ $1000, ในโซน 180-230 จะนำทุน $500 ไปใช้เทรดหากเทรดแล้วราคาตกลงมาที่โซน 140-180 ก็จะใช้ทุนอีก $500 ที่เหลือ
ซึ่งการแบ่งแบบนี้จะยังคงทำให้ต้นทุนเฉลี่ยอยู่บริเวณ 50% อยู่ดี
Notes
- Trader could use Grid strategy to generate cashflow/Collect coin-CFD contract at Grid ex. 140 160 180 200 220,
- Cashflow can generate capital-margin for position at 180 or lower
- Invest with size that you could accept loss
- This strategy is good for investor whom believe in performance of product LTCUSD 2.16% - longterm
XLMUSD Buy Strategy (Investorstyle)BITTREX:XLMUSD
Trend
- ยืนยันเทรนด์ขาขึ้นในระยะยาวเมื่อราคาเบรคแนว / ยืนได้เหนือ 0.5
ความเป็นไปได้ในระยะกลาง-สั้น
- ราคาวิ่งในกรอบ 0.25-0.5 เพื่อรอการเลือกทิศทางของตลาด
Key support - resistance
- 0.25 Latest Low
- 0.35 ( 61.8% retracement from All Time High)
- 0.5 ( 50% retracement from All Time High)
โอกาสสำหรับนักลงทุน
ช่วงการเข้าซื้อ Buy zone : 0.25-0.5
TP : All Time High , All Time High+
SL : 0 (เลเวอเรจ 1-1 Buy and hold)
- สำหรับสินค้าที่มีความผันผวนสูง
Risk-Reward - Expected Return
ในจุดเข้า 50% All time high ,TP ที่ All Time High
- RiskReward คือ 1, (ถ้า TP สูงกว่า All Time High : RiskReward จะกลายป็น 1.x )
- ยิ่งซื้อได้ที่ต้นทุนต่ำกว่า 50% Risk Reward ยิ่งได้เปรียบ
Money-portfolio management
SL=0, ใช้ทุนเสี่ยงเริ่มต้น (มาร์จิ้น) 2-3% ของพอร์ต หรืออาจขึ้นไปสู่ระดับ 10-35% ถ้ามั่นใจในสินค้า
ex. Portfolio size $10000 , ใช้ 10% ($1000) เป็นมาร์จิ้นเพื่อเทรด XLMUSD โดยตั้ง SL=0
Notes
- สามารถวางกริดเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ Grid 0.25 0.3 0.35 0.40,
- วาง position ที่ 0.5 หรือต่ำกว่า
- ลงทุนด้วยวงเงินที่คุณสามารถยอมรับการสูญเสียได้
- กลยุทธ์นี้หมาะกับการลงทุนระยะยาว ของนักลงทุนที่เชื่อในสินค้า XLMUSD
XRPUSD เทรดแบบลงทุนระยะยาวเทรนด์
- เทรนด์ขาขึ้นในระดับใหญ่จะยืนยันต่อเมื่อราคาเบรค 1.2 ขึ้นไปและยืนเหนือได้ในช่วงเวลาพอสมควร
ความเป็นไปได้ในระยะสั้น - กลาง
- ราคาวิ่งในกรอบ 1.2 - 0.7 รอเวลาเบรคเพื่อเลือกทิศทาง
แนวรับแนวต้านที่สำคัญ
- 1.2 ( 61.8% retracement from All Time High)
- 0.7 บริเวณค่า Low ก่อนหน้า
โอกาสสำหรับนักลงทุน
จุดเข้าซื้อ : บริเวณระหว่าง 0.7-1.2
TP : บริเวณ All Time High , All Time High+
SL : 0 (Leverage 1-1 Buy and hold) ซื้อด้วยเงินเย็น ไม่ใช้เลเวอเรจ หากผิดก็ถือรอ
- เหมาะกับสินค้าที่มีความผันผวนสูงมาก
Risk-Reward - Expected Return
ตั้งแต่ระยะ 50% จากราคาสูงสุดในอดีต (All time high) , หากตั้ง TP ที่ All Time High
- RiskReward=1, (ถ้า TP สูงกว่า All Time High : RiskReward จะกลายเป็น 1.x ) นั่นคือได้เปรียบมากขึ้น
ขนาดมาร์จิ้นที่ใช้ในการลงทุน การซื้อ $1000 ที่ 50% All Time High สามารถกลายเป็น $2000 ที่ All time high
- และยิ่งจุดซื้อต่ำลงกว่า 50% all time high นั่นคือ Risk Reward จะได้เปรียบมากขึ้น
money-portfolio management
ตั้ง SL=0, ทั่วไปนิยมใช้มาร์จิ้น 3% หรืออาจสูงขึ้นเป็น 10-35% ของพอร์ตทั้งหมด(หากมั่นใจในตัวสินค้า)
ex. หากพอร์ตมีขนาด $10000 , ใช้ 10% ($1000) เป็นเงินประกันในการเทรดกับสินค้านี้โดยวาง SL=0
Notes
- สามารถใช้กลยุทธกริดมาประกอบ เพื่อสร้าง Cashflow ในการลดต้นทุนสะสมสินค้าได้ที่ Grid 0.7 0.8 0.9 1.0 1.1 1.2,
- ลงทุนในระดับที่เราสามารถยอมรับการสูญเสียได้
- กลยุทธนี้คือกลยุทธระยะยาวที่เหมาะกับนักลงทุนที่เชื่อมั่นในสินค้า XRP/USD หรือเชื่อมั่นในบริษัท Ripple เพื่อเทรดในระยะยาว
ETHUSD, Trend,Triangle,BuyzoneBITFINEX:ETHUSD
การพิจารณาเทรนด์
หากแรงขายในระยะกลาง-สั้น กดราคาลงมาไม่ผ่านโซนแนวรับสำคัญ (700 - 600 ) แล้วแรงฝั่งซื้อสามารถผลักดันราคาให้ยืนเหนือ 1000 ได้ จะเป็นการยืนยันเทรนด์ขาขึ้นของรอบใหญ่
โดยในระยะกลาง-สั้น เราคาดว่า ETHUSD จะวิ่งในกรอบ 700 - 900 เพื่อสะสมแรงช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนเลือกทิศทางต่อ
โอกาสในการเทรด
โอกาสในการเริ่มเทรดสำหรับฝั่งซื้อที่น่าสนใจที่สุดคือแนวรับสำคัญที่ 700 หากราคาระยะสั้นกดลงมาถึง (แนวรับ 50% fibo จาก All Time High)
*โซนการเก็บสถานะ Buy ในบริเวณนี้สามารถแบ่งทุนเป็นกระสุนย่อยในกรอบสามเหลี่ยมได้ที่ 850 800 750 700 650 เพื่อรองรับความเป็นไปได้หากราคาขึ้นโดยไม่ลงมาลึก
การพิจารณา TP
TP1 ระยะกลางคือ All time high
TP2 คือระยะที่เกินกว่า All time high
Money management
สำหรับ Money management ที่เหมาะสม สินค้าประเภท Cryptocurrency มีความผันผวนสูง การใช้ 1-2% rule ทำให้มีความเสียเปรียบได้กว่าสินค้าประเภทอื่น
เราจึงพิจารณาเลือกการวางทุนแบบ Invest ระยะยาว คือถือตามพื้นฐานทื่เราเชื่อว่า ETH จะมีการเติบโตที่ดีในอนาคต จึงใช้เลเวอเรจ 1-1 เพื่อรองรับการลากลงของราคาได้ถึง 0
หากการเทรดในกรอบรอบนี้ผิด (หลุดกรอบ 561 low ก่อนหน้าลงมา) จะถือยาวโดยไม่ปิดสถานะ
portfolio management
ด้วยการวาง MM แบบถือยาวเมื่อผิด ขนาดของทุนที่ใช้เป็นมาร์จิ้นนั้นเราจึงควบคุมด้วยวิธีคิดแบบ 2% rule แทน โดยหากพอร์ตลงทุนของเรามีขนาดทุน 10000$ เราจะใช้มาร์จิ้นขนาด $200 ในการเทรดนี้
RRR และ Expected Return
หากเทรดที่ 50% All time high TP ที่ All Time High นั่นหมายถึง 1R ทุน $200 จะกลายเป็น $400 (RiskReward=1), หากเทรดที่ RiskReward >1 สามารถกำหนด TP ให้ไกลกว่า All Time High หรือวางกระสุนยิงแบบแยกนัด TP
*สำหรับ portfolio management หากใช้ความเสี่ยงที่สูงขึ้น เช่นคิดการวางเดิมพันแบบ Kelly criterion อาจใช้ 10 %-35% ของ portfolio ในการเทรดได้
*ทางเลือกอื่นๆ สำหรับการเทรดรูปแบบกลยุทธ์ สามารถใช้กริดมาประกอบเพื่อสะสมสถานะ หรือสร้าง Cash flow ได้
*เราไม่แนะนำการเทรดแบบ Short กับสินค้าประเภท Cryptocurrencie เนื่องจากจะมีความเสี่ยงสูงกว่าในด้าน Long