ทองกำลัง sideway เพื่อเลือกทาง อาจจะมีการย่อสั้นๆ หากจะขึ้นต่อปัจจุบันในแง่ของ Elliot wave ผมมองว่าเป็นคลื่น Correction แบบ regular flat ที่จบอาจจะจบขา B แล้ว
หรือกำลังขึ้นไปจบขา B ก็ได้แถว 20178 (fibonacci 1.236) ซึ่งจะกลายเป็น running flat
(ในคลื่นใหญ่ของ Expanded triangle / Double three / Triple three ซึ่งมองได้ทั้ง 3 รูปแบบ)
เนื่องจาก Dow's theory เป็น trend ขาลงระยะสั้นๆ และแนวรับเส้น MA 50 TF D กำลังไปบรรจบแถวราคา 1955 ในวันที่ 3-4
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประกาศการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ช่วงวันที่ 4 พ.ค. ตอนเวลาตี 1.00 น.
ในระยะสั้นๆ ก่อนที่จะถึงเวลาดังกล่าว : กราฟอาจเกิด Sideway กรอบแคบๆ ระหว่าง MA 50 และ MA 200 ใน TF 4H (ราคาช่วง 1980-1995 $)
เมื่อถึงเวลาดังกล่าว : แบ่งเป็น 2 กรณี
1. ประกาศออกมาในแง่ตลาดค่อนข้างดีขึ้น กราฟอาจจะย่อลงมาบริเวณ 1950-1955 ซึ่งตรงกับแนวรับ MA 50 TF D หากเกิดกรณีนี้
- sell บริเวณราคานี้ TP แรก 1955 หรือหากหลุดลงไปต่อ อาจจะรันเทรนยาวโดยเก็บกำไรบางส่วนออกก่อน
โดยเหลือ Equity ให้เพียงพอสำหรับการแกว่ง และหากหลุด 1910 อาจจะกลายเป็นขาลงระยะกลาง -ยาว
2. ประกาศออกมาในแง่ตลาดแย่ลงหรือซึมยาว กราฟจะดีดเหนือทุกระดับ MA ในทุก TF หากเกิดกรณีนี้ขึ้นอาจจะ
- รอ sell แถว 20178 (เป็นตำแหน่งสิ้นสุด ขา B running flat / expanding flat)
- follow buy สามารถทำได้ แต่มีความเสี่ยงสูง และ Risk : Reward ratio ไม่ดีมากนัก
จุดที่น่าสนใจคือ
1.หากไม่หลุด 1950-1955 อาจมองเป็นขาขึ้น
2.หากหลุด 1955 อาจมองเป็นขาลง
กลยุทธ์การเทรด ส่วนตัวอาจจะรอหลังข่าวประกาศและเกิดการย่อยข้อมูลของตลาดก่อน
หากเทรดระหว่างข่าว อาจจะเกิดอาการพอร์ตแตกก่อน แม้ว่าจะถูกทาง ซึ่งเกิดจากความผันผวนและการแกว่งของราคา
ส่วนตัวมองว่าจุดที่ยากสุดสำหรับนักลงทุนส่วนมาก คือกราฟล้างขา buy ลงไปแถว 1950-1955
และเด้งกลับมาล้างขา sell ในเวลาถัดมา ทั้งนี้อาจจะต้องดูสัญญา maximum pain level ประกอบด้วย
ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า กราฟทองกำลังทำสิ่งที่ยากสุดสำหรับการตัดสินใจของผู้ลงทุนทั้งสองฝั่ง
ทั้งนี้การลงทุนและการเทรดมีความเสี่ยง ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงไอเดียหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน การเทรด หรือการลงทุนแต่อย่างใด
Sideways
ทองคำวันนี้ ทิศทางลง ดูจะได้เปรียบจากทุกสถานการณ์ ตลาดหมี ออกข้า
ตลาด FX เอเชียร่วงลง หลังรองประธานเฟดส่งสัญญาณกระชับการเงิน
ค่าเงินเอเชียอ่อนค่าลงอีกในวันอังคาร ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ขยับใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีครั้งใหม่ หลังจากเฟดให้สัญญาณเพียงเล็กน้อยว่าธนาคารกลางตั้งใจที่จะผ่อนคลายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ค่าเงินหยวนในประเทศจีนทำผลงานได้แย่ที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก โดยร่วงลง 0.6% เป็น 7.1937 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ และเข้าใกล้ระดับที่เห็นล่าสุดในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 ความกังวลเกี่ยวกับจีนก็เพิ่มขึ้นเช่นกันเนื่องจากมีการระบาดของโควิด19 ครั้งใหม่ เพิ่มความเป็นไปได้ของมาตรการล็อกดาวน์อีก
สัปดาห์นี้ตลาดมุ่งเน้นไปที่รายงานทางเศรษฐกิจของจีนทั้ง ดัชนีราคาผู้บริโภค และ ดุลการค้า ซึ่งคาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น แต่การหดตัวที่ไม่คาดคิดใน ภาคบริการ ของจีนทำให้ตลาดต่าง ๆ ปรับตัวลงตามความคาดหวังสำหรับการฟื้นตัว
นักลงทุนต่างชาติก็ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับการถือครองเงินหยวน โดยค่าเงินหยวนในต่างประเทศ ลดลง 0.6% และใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ขยับตัวลดลงท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร ค่าเงินเยนอยู่ต่ำกว่าระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปี ขณะที่เงินบาท และเงินริงกิตมาเลเซีย นั้นทำผลงานได้แย่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยลดลง 0.5%
ค่าเงินบาท กลับมายืนเหนือ 38 บาทต่อดอลลาร์อีกครั้งที่ 38.160 ในช่วงเช้า
ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ยังคงส่งผลกระทบต่อค่าเงินที่อ่อนไหวต่อน้ำมันดิบ เช่น รูปีอินเดีย ลดลง 0.1% และอยู่ต่ำกว่าระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ รูเปียห์อินโดนีเซีย ลดลง 0.4% เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 30 เดือน
ดัชนีดอลลาร์ และดัชนีดอลลาร์ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.2% ต่อดัชนีในวันอังคาร โดยขยายกำไรเพิ่มเป็นเซสชั่นที่ 6 ติดต่อกันหลังจากความคิดเห็นที่แข็งกร้าวจาก ลาเอล เบรนาร์ด รองประธานเฟด
เบรนาร์ดกล่าวว่าเงื่อนไขนโยบายกระชับการเงินจะยังคงอยู่แม้ว่าเฟดจะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย และธนาคารจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้อีกครั้ง เบรนาร์ดยังเตือนด้วยว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจอ่อนตัวลงเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงชัน และธนาคารจะผ่อนคลายนโยบายก็ต่อเมื่อเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลง
และกล่าวเพิ่มเติมว่าธนาคารจะใช้แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อเพิ่มอัตราดอกเบี้ยต่อไป จุดสนใจในสัปดาห์นี้อยู่ที่ ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ที่ใกล้จะเปิดเผย ซึ่งคาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีจนถึงเดือนกันยายน
สืบเนื่องจากในสัปดาห์ที่แล้วที่รายงาน ตลาดแรงงานออกมาแข็งแกร่งเกินคาด ส่งผลให้ตลาดกำลังกำหนดราคาใน โอกาสเกือบ 80% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุดพื้นฐานในการประชุมติดต่อกันเป็นครั้งที่สามในเดือนพฤศจิกายน
ค่าเงินดอลลาร์ยังได้รับประโยชน์จากอุปสงค์สินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเกรงว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะทวีความรุนแรงขึ้นภายหลังการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ต่อกรุงเคียฟ
Ref : investting.com