Divergence ทองคำDivergence ในทาง เทคนิคอล หมายถึง การที่กราฟราคาหุ้น กับ Indicator ขยับในทิศทางที่แตกต่างกัน ไม่สอดคล้องกัน โดยปกติ Indicator ที่ใช้ดูสัญญาณ Divergence จะเป็นเครื่องมือประเภท Oscillator เช่น RSI, ROC (Rate of Change), MACD, Stochastic หรือ MACD Oscillator ซึ่งเครื่องมือพวกนี้ จะใช้แสดงพลังของราคา หรือ Momentum ของราคา หรือ การเหวี่ยงของราคา
เปิดที่ราคา 1849 Take profit 1792 Stop loss 1877
ค้นหาในไอเดียสำหรับ "oscillator"
สัญญาณเทรด DE30 เทคนิค Demand Supply ที่น่าสนใจวันที่ 23-09-2021สัญญาณเทรด DE30 ที่มีหลายปัจจัย Confluence กัน
- Supply Zone DBD TF H1
- SBR แนวต้าน R1,2 TF H1
- Supply Zone อยู่ใกล้กับ Fibo 61.8
- Price Pattern Rising Wedge
*** Awesome Oscillator ยังไม่เกิด Divergence ***
สรุป รอ Sell เมื่อราคาเข้า Zone แต่ต้องรอ Awesome Oscillator เกิด Divergence เพื่อ Confirm ก่อนเข้าเทรด
แต่ถ้าราคาลงก่อนไม่ถึง Zone ให้รอจังหวะราคาขึ้นมา Retest แล้วค่อย Sell
ถ้าราคา Action อย่างไร เด๋วจะอัพเดทแผนให้นะครับ
ผมรอเทรดอยู่เหมือนกัน
Korn Trade For Live
ทำกำไรแล้วใช้ชีวิต
สมการความสำเรํจในการเทรด
Technical 10%
Money Management 10%
Mindset 80%
รายการตัวย่อ
RBR = Rally Base Rally
DBD = Drop Base Drop
SBR = Support Become Resistance
RBS = Resistance Become Support
R= Resistance
S= Support
TF= Time Frame
วิเคราะห์ SVI
SVI กำลังพักตัวทำคลื่น 4 indicator Oscillator สีฟ้ายืนยันการพักตัว โดยที่ indicator Oscillator ตัวสีเขียวห้ามตัดลงเส้น 0 เด็ดขาด วันนี้เกิด สัญญาณ Stong Buy แท่งเทียนเป็นสีน้ำเงิน
คาดว่าอาทิตย์หน้าคงจะเกิดสัญญาณ Increase ถ้า SVI สามารถเบรค High ได้ ก็มีโอกาสวิ่งไปหาเป้าแนวต้าน 6.30 - 7.45 ตามแนว Fibo
กลุ่มแบงค์น่าซื้อเก็งกำไร ระยะสั้นใน timeframe ชั่วโมงช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา 10-14/08/20
กลุ่มแบงค์ปรับตัวขึ้นแรงกว่าตลาดมาก และย่อตัวลงเพียงแค่เล็กน้อยในจังหวะที่ตลาดโดนขายอย่างหนักในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่14
ประกอบกับ มีสัญญาณขัดแย้งของ stochastic oscillator ใน timeframe ชั่วโมง
จุดตัดสินใจเข้าซื้อ คือ ที่ดัชนี bank 273-278 ประกอบกับ set สามารถยืนได้เหนือ 1300-1320
จุดขาย หวังผลที่ 1 รอบ stochastic oscillator ใน timeframe ชั่วโมง หรือแถวๆ ดัชนี bank 290-300
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
พักตัวลง
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) หลังจากจบคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น (i) ที่ 1,765 จุด ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,666 จุด และ 1,653 จุด ตามลำดับ ก่อนที่ดัชนีตลาดจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง คลื่น (iii) คลื่น (iv) และ คลื่น (v) หรือคลื่น 3),5,(v) ที่มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,890 จุด
จากหลักการของคลื่นเอลเลียต 3) จะยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวของคลื่น 1) ดังนั้น คลื่น 3) หรือคลื่น 3),5,(v) จึงมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,890 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายสัปดาห์ สัญญาณ MACD เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI เป็นลบ ดัชนีตลาดยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,653 จุด
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สาม ดัชนีตลาดปรับตัวลงตามหลักการของ Granville โดยดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเข้าหาแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 1,666 จุด และมีแนวรับ 61.8% Fibonacci retracement เป็นแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,653 จุด
ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร ส่งผลให้ดัชนีตลาดมีการปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัลสลับกับการปรับตัวลง
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบ โดยสัญญาณ Modified Stochastic ปรับตัวเข้าเขตขายมากเกิน ดัชนีตลาดระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัลระหว่างการซื้อขายสลับกับการปรับตัวลง
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ในรอบสัปดาห์นี้ มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,673 – 1,680 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,660 – 1,653 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ถือเงินสดอย่างน้อย 40 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต และจะกลับเข้าซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานเมื่อ RSI เกิดสัญญาณ Bullish divergence โดยดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะพักตัวอยู่ในกรอบ 1,666 – 1,653 จุด
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
แนวโน้มผันผวน
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเข้าหาแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวที่ 1,670 จุด ดัชนีตลาดจบคลื่น (i) ลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น (ii) ที่มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,670 – 1,666 จุด ก่อนที่จะปรับขึ้นเป็นคลื่น (iii) คลื่น (iv) และคลื่น (v) ตามลำดับ คลื่น (v) หรือคลื่น 3),5,(v) ที่มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,890 จุด
ดัชนีตลาดยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในช่องแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายสัปดาห์ สัญญาณ MACD เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI เป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นยังอยู่ในช่วงปรับฐาน
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นและลงแบบมีช่องว่าง สะท้อนถึงความผันผวนของดัชนีตลาดที่เกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นตัวกระตุ้น ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงทดสอบแนวรับ 50.0% Fibonacci retracement ที่ 1,675 จุด และมีแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 1,666 จุด เป็นแนวรับร่วม
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic กลับมาเป็นบวกในเขตขายมากเกิน ขณะที่สัญญาณ RSI และ MACD เป็นลบ แรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นหนุนดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล โดยดัชนีตลาดยังอยู่ในช่วงปรับฐาน
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ในรอบสัปดาห์นี้ มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,705 – 1,715 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,688 – 1,680 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวเข้าหาแนวรับที่ 1,670 – 1,666 จุด สลับกับการปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัลระหว่างวัน
ยังคงแนะนำให้เน้นถือเงินสดอย่างน้อย 40 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต และจะกลับเข้าซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานเมื่อเกิดสัญญาณ Bullish divergence ของ RSI
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
แนวรับ 1,700 จุด
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น (ii) โดยมีเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,700 จุด+/- โดยดัชนีตลาดยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในช่องแนวโน้มขาขึ้น ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวขึ้นเป็นคลื่น (iii), คลื่น (iv) และคลื่น (v) หรือคลื่น 3),5,(v)
โดยคลื่น 3) จะยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของยาวของคลื่น 1) คลื่น 3) หรือคลื่น 3),5,(v) ที่มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,890 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายสัปดาห์ สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI กลับมาเป็นลบ ขณะที่ MACD เป็นบวก ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางที่ 1,700 จุด+/-
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง หลังดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 1,765 จุด เกิดสัญญาณกลับตัวรูป Double Top ร่วมกับการเกิดสัญญาณ Bearish divergence ของ RSI มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงแบบมีช่องว่าง (Gap) ซึ่งจะทำให้ดัชนีตลาดปรับตัวลงเข้าเขตในเขตขายมากเกิน
เมื่อนำจุดต่ำที่ 1,584 จุด กับจุดสูงที่ 1,765 จุด มาวิเคราะห์หาแนวรับด้วย Fibonacci ratio จะได้แนวรับ 38.2%, 50.0% และ 61.8% Fibonacci retracement อยู่ที่ 1,696 จุด, 1,675 จุด และ 1,653 จุด ตามลำดับ
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางที่ 1,700 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ในรอบสัปดาห์นี้ มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,730 – 1,735 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,710 – 1,705 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ถือเงินสดอย่างน้อย 40 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต และจะกลับเข้าซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานเมื่อเกิดสัญญาณ Bullish divergence ของ RSI
Por : Technical AnalysisACAP
วิเคราะห์
จากกราฟรายวัน ราคาหุ้น ACAP สร้างจุดต่ำยกสูงและมีทิศทางแกว่งตัวขึ้นไปตามแนวโน้ม มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น ระยะสั้นราคามีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้าน 23.6% Fibonacci retracement และมีจุดสูงเก่าเป็นแนวต้านร่วมอยู่ที่ 9.05 บาท
สัญญาณ Oscillators จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก
ทิศทางราคาหุ้นระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 9.05 บาท และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 6.82 – 6.60 บาท
สรุป
ซื้อช่วงที่ราคาหุ้นอ่อนตัวลงระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไร 9.05 บาท ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 6.60 บาท
Por : Technical AnalysisSEAFCO
วิเคราะห์
จากกราฟรายวัน ราคาหุ้น SEAFCO ราคาหุ้นดีดตัวขึ้นและเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาขึ้น โดยมีเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term Investor (MMA2) เป็นแนวรับ ระยะสั้นราคาหุ้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของช่องแนวโน้มขาขึ้นและมีจุดสูงเก่าเป็นแนวต้านร่วมอยู่ที่ 9.64 บาท
สัญญาณ Oscillators จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก
ทิศทางราคาหุ้นระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 9.45 – 9.64 บาท และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 9.00 – 8.70 บาท
สรุป
เข้าซื้อช่สงที่ราคาอ่อนตัวระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไร 9.45 – 9.64 บาท
Por : Technical AnalysisROJNA
วิเคราะห์
จากกราฟรายวัน ราคาหุ้น ROJNA ดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของเส้นคอ (Neckline) ที่ 5.80 บาท มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น หลังราคาหุ้นปรับตัวลงไปทำราคาต่ำที่ 5.00 บาท เกิดสัญญาณกลับตัวแบบ Double Bottom ร่วมกับการเกิดสัญญาณ Bullish divergence ของ RSI หากราคาหุ้นสามารถยืนปิดเหนือ 5.80 บาทได้และมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น ราคาจะปรับเข้าหาเป้าหมาย (Measuring target) ที่มีแนวต้าน 50.0% Fibonacci retracement เป็นแนวต้านร่วมอยู่ที่ 6.50 – 6.60 บาท
สัญญาณ Oscillators จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก
ทิศทางราคาหุ้นระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 6.15 – 6.50/6.60 บาท และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 5.60 – 5.25 บาท
สรุป
ซื้อเมื่อราคายืนเหนือ 5.80 บาทและมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น เป้าหมายทำกำไร 6.50 – 6.60 บาท
Por : Technical AnalysisGUNKUL
วิเคราะห์
จากกราฟรายวัน ราคาหุ้น GUNKUL ดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 38.2% Fibonacci retracement หลังจากที่ราคาแกว่งตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมเพื่อสะสมกำลัง (Consolidation) เกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคัล ราคาสร้างจุดต่ำยกสูง (Higher Low) ราคากำลังปรับตัวเข้าหาแนวต้านของช่องแนวโน้มขาขึ้น และมีแนวต้าน 50.0% Fibonacci retracement เป็นแนวร่วมอยู่ที่ 3.42 บาท
สัญญาณ Oscillators จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวกในเขตซื้อมากเกิน
ทิศทางราคาหุ้นระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 3.42 – 3.62 บาท และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 3.14 – 3.04 บาท
สรุป
เข้าซื้อช่วงที่ราคาหุ้นอ่อนตัวระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรระยะสั้นอยู่ที่ 3.42 บาท
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ขึ้นเพื่อขาย
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาขึ้นและมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของช่องแนวโน้มขาขึ้น ดัชนีตลาดกำลังปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น v หรือคลื่น (i),v) ที่มีแนวต้านอยู่ที่ 1,766 – 1,770 จุด ก่อนที่ดัชนีตลาดจะพักตัวลงเป็นคลื่น (ii) โดยมีเส้นแนวโน้มขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับ
ระยะสั้นดัชนีตลาดจะยืนยันการพักตัวลงเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลดลงลงปิดต่ำกว่า 1,750 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายสัปดาห์ สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก โดยสัญญาณ Modified Stochastic ปรับตัวเข้าเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวแคบๆเหนือแนวรับ 61.8% Fibonacci projection ที่ 1,755 จุด แท่งเทียนเกิดเป็นกลุ่ม Shooting Star, Star และ Hanging Man ในเขตซื้อมากเกิน สะท้อนถึงแนวต้านของดัชนีตลาด ดัชนีตลาดแกว่งตัวอยู่ในช่องแนวโน้มขาและกำลังปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,766 – 1,770 จุด โดยมีจุดสูงเก่าที่ 1,730 จุดทำหน้าที่เป็นแนวรับ ภาวะซื้อมากเกินและความเสี่ยงที่จะเกิดสัญญาณ Bearish divergence ของ RSI ทำให้ดัชนีตลาดมีความเสี่ยงจากปัจจัยทางเทคนิคัลเพิ่มมากขึ้น ระยะสั้นดัชนีตลาดไม่ควรปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,750 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบ โดยสัญญาณ Modified Stochastic ปรับตัวเข้าเขตซื้อมากเกิน ขณะที่สัญญาณ RSI มีแนวโน้มที่จะเกิดสัญญาณ Bearish divergence ทำให้ดัชนีตลาดมีความเสี่ยงจากปัจจัยทางเทคนิคัลเพิ่มขึ้น
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ในรอบสัปดาห์นี้ มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,762 – 1,770 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,750 – 1,744 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
หาจังหวะปรับพอร์ตเพื่อถือเงินสดเพิ่มช่วงที่ดัชนีตลาดปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,766 – 1,770 จุด ควรถือเงินสดอย่างน้อย 40 เปอร์เซ็นต์
ราคาทองคำเคลื่อนที่ในกรอบระหว่าง 1180.40-1213.80 ร่วมเดือนโน้วโน้มราคาทองคำในมุมมองของผมเองยังคงเคลื่อนที่แบบ Sideway เพื่อรอแรงงขับเคลื่อนจากปัจจัยสำคัญในตลาดโดยเฉพาะเรื่องของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา กบ ประเทศคู่ค้าต่างๆ อย่างไรก็ตามในมุมมองทองเทคนิคเองผมมองว่าหากราคาสามารยืนเหนือ 1213.80 ก็มีโอกาสที่ราคาทองคำเองจะกลับตัวเป็น Uptrend แต่ทว่า หากราคาทองคำไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้แต่กลับตัวลงมายืนข้างล่าง 1180.40 ก็มีโอกาสที่ Downtrend ยังคงจะมีต่อไปเรื่อยๆสำหรับราคาทองคำ
กลยุทธ์ การเข้าเทรด
หากเทรดเดอร์ต้องการเทรดในช่วง Sideway สามารถเลือกใช้เครื่องมือจำพวก Oscillators เพื่อจำจังหวะซื้อขายตามแนว Overbought และ OverSold.
หากเป็นเทรนเทรดเดอร์ควรรอจะหวะให้ราคาฟอร์มตัวเป็นเทรนก่อนแล้วจึงเทรดตามกลลยุทธ์ของตัวเองไม่ว่าจะเป็นจังหวะ ไล่ซื้อ/ไล่ขายตาม หรือ จะเป็นจังหวะรอราคาย่อตัวแล้วซื้อ หรือ ราคาขึ้นไปเทสที่แนวต้านแล้วจึงขาย
ขอให้ทุกคนสนุกกับการเทรด และ เทรดอย่างระมัดระวังนะครับ เพราะ การลงทุนมีความเสี่ยง เสี่ยงมากใช่ว่าจะได้มาก ขอบคุณครับ
FB: Marc Primus
การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD วันที่ 18 กรกฎาคม 2025
โมเมนตัม
• กรอบเวลา D1: โมเมนตัมกำลังเตรียมตัวกลับขึ้น การปรับฐานที่เกิดขึ้นตอนนี้กินเวลาแล้ว 5 แท่ง D1 ซึ่งมักเป็นจำนวนแท่งที่เพียงพอในการจบคลื่น D ดังนั้น ช่วงเวลานี้ถือว่าอ่อนไหว ราคาสามารถกลับตัวขึ้นได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตาม ช่วงลักษณะนี้ราคามักจะกวาดลงก่อนเพื่อเก็บสภาพคล่อง จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
• กรอบเวลา H4: โมเมนตัมยังคงเป็นขาลง บ่งบอกว่าราคาอาจจะปรับลดต่อไปในวันจันทร์ แต่ก็ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ราคาจะกลับขึ้นในวันเดียวกัน
• กรอบเวลา H1: โมเมนตัมอยู่ในเขต oversold และเส้น oscillator เริ่มติดกัน หากราคาลดต่อในช่วงเปิดตลาดเอเชีย มีความเป็นไปได้ที่จะเกิด gap เมื่อเกิดขึ้นควรจับตาดูโซนเป้าหมายด้านล่าง
โครงสร้างคลื่น
• กรอบเวลา D1: บนกราฟรายวัน เห็นชัดว่าโครงสร้างการปรับฐาน abcde ได้เสร็จสิ้นแล้ว ตามมาด้วยการปรับขึ้นอย่างรุนแรง การปรับลงตอนนี้น่าจะเป็นคลื่น 1 และ 2 (สีเขียว) ภายในโครงสร้าง 5 คลื่นของคลื่น 5 ขนาดใหญ่ แท่งเทียน D1 ล่าสุดมีไส้เทียนบนยาว แสดงถึงแรงขายที่ยังคงอยู่
• กรอบเวลา H4: มีการเกิด โครงสร้าง 5 คลื่นขาขึ้น (12345, สีดำ) ซึ่งอาจเป็นคลื่น 1 (สีเขียว) หลังจากนั้นเกิด โครงสร้างปรับฐาน ABC (สีม่วง) และตอนนี้ราคาน่าจะอยู่ในคลื่น C (สีม่วง) เนื่องจากโมเมนตัม H4 ยังเป็นขาลง จึงสนับสนุนสมมติฐานว่าคลื่น C (สีม่วง) ยังดำเนินต่อไป ระดับเป้าหมายสำคัญ: 3322 และ 3298
• กรอบเวลา H1: ภายในคลื่น C (สีม่วง) กำลังเกิด โครงสร้าง 5 คลื่นขาลง (12345, สีดำ) ตอนนี้ราคาอยู่ในช่วงท้ายของคลื่น 4 และต้นคลื่น 5 คลื่น 5 จะถูกยืนยันเมื่อราคาทะลุลงต่ำกว่า 3331 เป้าหมายสำคัญของคลื่น 5:
o เป้าหมาย 1: 3322
o เป้าหมาย 2: 3315
o เป้าหมาย 3: 3299
แผนการเทรด
• สถานการณ์ 1:
o โซนซื้อ: 3323 – 3321
o SL: 3312
o TP1: 3333
o TP2: 3350
o TP3: 3381
• สถานการณ์ 2:
o โซนซื้อ: 3300 – 3298
o SL: 3290
o TP1: 3333
o TP2: 3350
o TP3: 3381
ราคากำลังอยู่ในช่วง Uptrend ระยะสั้นราคาทองคำ (XAUUSD) ในกรอบเวลา 30 นาที แสดงให้เห็นถึง "แนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น" ที่มีความชัดเจนหลังจากเกิดการสะสมตัวช่วงวันที่ 10–11 ก่อนจะเบรกขึ้นแรงในวันที่ 12 มิถุนายน
🔸 แนวโน้ม (Trend)
ราคากำลังอยู่ในช่วง Uptrend ระยะสั้น
มีการทำ "Higher High" และ "Higher Low" อย่างต่อเนื่อง
แรงดีดขึ้นอย่างรวดเร็วช่วงต้นวันที่ 12 บ่งบอกถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
🔸 แนวรับ/แนวต้านสำคัญ
แนวต้าน (Resistance) บริเวณ:
3,385 (ยอดล่าสุด)
3,390–3,400 (แนวจิตวิทยาและแนว Fibo ถัดไป)
แนวรับ (Support) บริเวณ:
3,370 (บริเวณพักตัวระหว่างทาง)
3,350 (แนวรับสำคัญก่อนเบรก)
🔸 สัญญาณจาก Stochastic Oscillator
ค่า Stochastic อยู่ที่ ประมาณ 67.20 / 58.55
เส้น %K ตัด %D ลงจากบริเวณใกล้เขต Overbought (> 80)
เป็นสัญญาณของ "แรงขายระยะสั้น" หรืออาจมีการพักฐานเล็กน้อยก่อนไปต่อ
บทวิเคราะห์แนวโน้มถัดไป
แนวโน้มขาขึ้นยังคงอยู่:
ราคายังไม่หลุดเส้นแนวรับหรือเปลี่ยนโครงสร้างขาขึ้น จึงมีโอกาสไปทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 3,390–3,400 หากยืนเหนือ 3,385 ได้อย่างมั่นคง
แต่ระวังการพักฐานระยะสั้น:
จากสัญญาณ Stochastic ที่เริ่มชะลอ อาจมีการ “พักตัวหรือย่อลงเล็กน้อย” เพื่อสะสมแรงซื้อใหม่
กลยุทธ์แนะนำ:
เทรดสายตามเทรนด์ (Trend Following) รอซื้อเมื่อราคาย่อลงใกล้แนวรับ 3,370 หรือ 3,350 พร้อมสัญญาณกลับตัว
สายเทรดสั้น (Scalping) จับจังหวะเล่นรอบในช่วง 3,370 – 3,385 เน้นเข้าเร็วออกเร็ว และระวังการเบรกหลุด
สายสวนเทรนด์ (Counter-trend) เสี่ยงสูง! อาจเล่นสั้นฝั่งขายเมื่อ Stochastic เข้า Overbought แล้วตัดลงแรง
บทสรุป
ราคาทองคำยังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นระยะสั้น โดยมีโอกาสพักฐานเพื่อสะสมแรงซื้อเพิ่มขึ้น แนวต้านอยู่ที่ 3,385–3,400 หากผ่านได้ มีโอกาสขยับสูงขึ้นอีกในระยะกลาง อย่างไรก็ตาม ควรติดตามแรงซื้อบริเวณแนวรับอย่างใกล้ชิด และจับตาสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค เช่น Stochastic และแนวรับแนวต้าน เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
ชะตากรรม บิทคอย ก็มีแต่จะขึ้นหรือจะลง ซึ่งผมไม่รู้ ชะตากรรมบิทคอยน์ ก็มีแต่จะขึ้นหรือจะลง ซึ่งผมไม่รู้เลย แต่ถ้าว่าแบบไหนคนจะชิบหายมากกว่ากัน อันนี้พอเดาได้
เอาแบบง่ายก่อน หรือ Easy Mode คือ ขึ้น มันก็ขึ้นไปเลย
หรือลงก็ลงไปเลย
ตามเส้นสีเขียวที่ขึ้นเบรกไป หรือเส้นสีแดงที่ลงทะลุเส้นไป
ไม่สับขาหลอก อันนี้ง่าย ๆ มีโอกาส แต่ก็อาจจะไม่ง่าย
อย่างเช่นเส้นสีม่วง ขึ้นไปแดรก ขา short ข้างบน ทำท่า จะทำ ATH หรือ ทำ ATH ใหม่อีกรอบให้คน FOMO เยอะๆ แล้ว ทุบเปรี้ยง แดงทั้งตลาด
อันนี้เรียกว่า ปกติ หรือ Normal Mode
หรืออาจจะลงไปหลุด 105,000/100,000 แล้วค่อย ทำ ATH
แล้ว Bitcoin ยังมีสิ่งที่เรียกว่า Hard Mode และ Hell Mode อีกด้วย
ที่คนทั่วไปอย่างผมคาดไม่ถึง
ถ้าใครยึดตามลุงโฉลก (เขียวซื้อ แดงขาย) ก็ตอนนี้ CDC ลุงโฉลกแดงในกรอบ 4 ชั่วโมง และตอนนี้ทำท่าจะเขียว ส่วน CDC 1 วันยังเขียว ยังไม่แดง ก็ถือต่อไป
ผมก็ยังถืออยู่ แต่แอบเสียดาย ไม่ขายตอน 110,000 ลงมา ก็โดน Stop Loss ไปบางส่วน
เงินเป็นของท่าน พรุ่งนี้ จะได้ขับลัมโบร์ หรือ พรุ่งนี้จะได้ขี่ซาเล้ง ก็แล้วแต่ที่ท่านเลือก
โดยส่วนตัวผมยังถืออยู่ ประมาณ 20% port
แล้วก็ต้องวางแผนล่วงหน้า ว่า ถ้าหลุด เส้นล่างทำไง หลุดเส้นบนทำไง
แผนผมคือ หลุดเส้นล่าง หรือหลุดแสน ปล่อยเมาส์ มองขาลง ถึงมันจะสับขาหลอกก็ตาม
หลุดเส้นบน อันนี้ยืนยิ้มครับ แล้วก็จะไม่ FOMO ด้วย ถือเท่าที่มี
อียูจะเป็นยังไงต่อตอนนี้ค่อนข้างไปในทางขาขึ้นมากๆ แต่ต้องเข้าให้ถูกจุด อยู่ให้ถูกที่ถูกทาง ดังที่ผมได้อัพเดทชาร์ตเอาไว้ในโปรไฟล์ของผม
และจากที่ตามติดมาเป็นเวลาสองสามเดือน ทุกพฤหัส-ศุกร์ จะมีจุดที่ล่อตาล่อใจนักเทรดเหลือเกิน
เข้าถูกทางก็ได้ก้อนโต แต่ถ้าผิดทางก็อาจจะล้างพอร์ต(เหมือนเพื่อนผมหลายๆคน)
คาดการว่า นับจากนี้ไปจะเป็นแบบนี้ไปอีกซักพัก( แต่ไม่รู้จะเป็นแบบนี้อีกนานแค่ไหน)
อียูจะต้องได้ถือออเดอร์ข้ามเสาอาทิตย์ไปเรื่อยๆ
กำไรค่อนข้างคุ้มค่ากับการถือ สำหรับคนที่ถือตั้งแต่ต้นทาง
แต่ก็แลกมากับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะการบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์
อย่างเคสล่าสุดที่ทรัมป์ไปโพสในxเพื่อปั่นหุ้น (ลองหาข้อมูลจากช่องYoutube 9ARM ก็ได้ครับสรุปง่ายดี)
สิ่งที่ต้องทำการบ้านและเตรียมพร้อมหลังจากนี้
-higher high ถ้าจะขึ้นต่อต้องเกิดสิ่งนี้
-sideway ทุก pattern อาจจะเกินขึ้นก่อนจะขึ้นต่อ หรือกลับมาลง
-ติดตามข่าวจากสหรัฐ หรือจากทรัมป์ให้ดี ถ้าอเมริกามีข่าวดีๆ EUR จะตก, กลับกันถ้ามีข่าวแย่ๆ EUR จะขึ้น
*แล้วก็หลังจากนี้ผมจะไม่มาอัพเดตอะไรในเทรดดิ้งวิวแล้วนะครับ การที่ผมมาอัพไอเดีย ผมแค่มาทำ Portfolio เพื่อนๆที่ทักแชตมา ส่วนใหญ่จะเข้ามาหาเรื่องทั้งนั้นเลย หลังๆผมค่อนข้างเลือกตอบนะครับ ถ้ามาหาเรื่องหรือเคืองที่ผมคิดต่าง ส่วนใหญ่ผมไม่ตอบครับ ถ้าอยากให้ตอบ กรุณาทักแชตมาแบบสุภาพชนด้วยนะครับ 🙏🏻
คิดต่างกันได้ครับ พร้อมแนบทฤษฎีและเหตุผล หรือลองอัพเดตไอเดียเทรดในเว็ปดูได้ครับ เว็ปนี้มีข้อดี คืออัพแล้ว จะเข้าไปแก้ไขอะไรไม่ได้ครับ จะมาแก้ให้เห็นแต่อันที่เทรดถูกทางไม่ได้ครับ สถิติวิเคราะห์ไอเดียเทรดถูกทางหรือผิดทาง จะถูกเก็บไว้หมด พอมาอัพเดตไอเดียแบบนี้ แล้วเจอแบบนี้บ่อยๆที่ค่อนข้าง Toxic ผมเลยจะไม่มาอัพเดตในนี้ต่อแล้วครับ
ปัจจุบันผมเทรดส่วนตัว + สอนเทรด + มีกลุ่มแจ้งเตือนสัญญาณเทรดรายเดือน
อะไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอลองขายของตรงๆบ้าง
-สอนเทรดส่วนตัวผมคิดชั่วโมงละ 500 บาท สอนได้ทุกทฤษฏี ตั้งแต่เริ่มต้น พร้อมปูทางให้ผู้เรียนเทรดได้เองอย่างยั่งยืน จะเทรดหุ้น ,TFEX หรือ FOREX มีทฤษฏีรองรับได้จากหนังสือ Tecnical analysis ตอบได้ทุกข้อสงสัย โดยหลักสูตรของผม จะได้เรียนรู้การใช้ Stochastic Oscillator, Bollinger Band, Fibonacci, Ichimoku
โดยเรียนส่วนตัวได้ หากผู้ที่สนใจเรียนส่วนตัว ปัจจุบันผมอยู่ที่บางแสน ชลบุรี หากอยู่ไกล สามารถผ่านวีดีโอคอลได้ครับ
-กลุ่มแจ้งเตือนสัญญาณเทรด เดือนละ 1500 บาท เทรดไปด้วยกัน สำหรับคนที่อยากจะเทรด FOREX แต่ไม่มีเวลา ทุกครั้งที่มีจุดให้เข้าไปซื้อขาย จะมีแจ้งเตือนส่วนตัว ผ่าน X(Twitter) โดยมีสัญญาณแจ้งเตือนการซื้อขาย ว่าจุดไหนควรเข้า จุดไหนควรออก ทุกสัญญาณเทรดมี Stop loss
พร้อมแนบทฤษฎี เฉพาะคู่สกุลเงิน EURUSD เท่านั้นครับ ไม่มีกดให้ ผู้ที่สนใจ เปิดบัญชีเอง กดเอง ไม่ใช่ชวนลงทุน กรุณาศึกษาเรื่องฟอเร็กส์ให้ดี เทรดดีเทรดได้มีจริงครับไม่ผิดกฏหมาย แต่ชวนกันเอาเงินไปฝากแล้วเขาการันตีปันผลให้ อันนี้ผิดกฏหมายเต็มๆครับ ไม่ต่างจากแชร์ลูกโซ่ ของผมสัญญาณการเทรด พร้อมมีบัญญัติไตรยางศ์ คำนวน lot การกดออเดอร์ได้ตามเงินลงทุนในบัญชีเทรดของผู้เทรดเอง
สุดท้ายนี้ขอให้นักเทรดทุกท่านประสบความสำเร็จในการเทรดนะครับ ร่ำรวยๆครับผม🙏🏻
VPO แนะนำ ซื้อ/สะสม การเข้า รอ MACD Week ตัดขึ้น วัน จ . 26-05-2025
ต่อให้ตัดขึ้นก็อาจจะหลอก หรือ ต่อให้รอพ้นน้ำ(ตัด 0 ) ก็อาจจะเละ ก็ได้ ( แต่สัญญาณ มันค่อนข้างช้า ถ้าราคาขึ้น มันจะไปไกลแล้ว )
ความแม่นยำผม อยู่ที่ 30% หรือต่ำกว่า ในหลายช่วงเวลา
ขาดทุนอย่างโทษผม เพราะ ผมก็ขาดทุนเหมือนกัน และ ตอนมีกำไร ก็ไม่ได้มาแบ่งกัน เงินใครเงินมัน ตัดสินใจกันเอาเอง แล้วผมไม่ได้ เปิดเพจหลอกกินตังสอนเทรด หรือใบ้หุ้น ใบ้หวย
จุดเขา 0.45
TP 0.97
SL 0.36
แนวรับสุดท้าย 0.26
**จากกราฟ **
Stoch RSI Week พ้นน้ำรอบสอง ( หลังจากรอบแรก หลอก ตอน 11-2024 )
RSI ทำ สัญญาณความขัดแย้ง ราคา มาเกือบสองปี
หรือโดนหลอก/ล่อลวง มาเกือบสองปี
ดอยเล็ก 0.8 บาท มีโอกาส หลุด ค่อนข้างแน่นอน
ดอยใหญ่ 2.8 บาท ย๊ากส์ ยากส์
ดอย ช่วง ipo 4.x บาท ไม่ถึงขั้นเป็นไปไม่ได้ อาจจะใกล้ๆคำว่า ปาฏิหาริย์ ถ้าในรอบ ไม่กี่ปี
มีแรง เข้า ซื้อใหญ่ เดือน 2 กับ เดือน 11 ถ้าซื้อตอนนี้ เราได้ ถูกกว่า
ตอนนี้เลือดเต็ม หุ้น VPO แล้ว
แถม RR ยังดี จุด Stop loss 20% เอง
ข้อควรระวัง
1.ชาวบ้านดีด มันไม่ดีดตาม แต่ตอนเขาร่วง พี่ก็ร่วงตาม
2. ดอย 2.8 บาท เดาว่ามีคนปั่น หลอกกินเงินรายย่อย
3.สงครามการค้า
4.ราคาปาล์ม ตกต่ำ
5.รัฐบาล
6.สงคราม
7.ฯลฯ อะไรก็เกิดขึ้นได้ Stop loss ให้ทันแล้วกัน ผมใช้บัวหลวง พอร์ท ไม่ถึง ไม่มี Stop loss ให้
ต้องรูดติดพื้น นะ ถึง จะคัด อีกวันถัดไป
แล้ว ที่บอก Stop loss 20% ไม่ได้ให้อัด 100% แต่ให้เสีย ได้ ประมาณ 1% ของพอร์ท กล่าวคือ ถ้าพอร์ต 1แสน ก็ขาดทุนได้ 1,000 บาท หมายความว่าซื้อ ได้ 5000 บาท เป็นต้น
สรุปภาพรวมและการวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย ตามแนวทาง Elliott Wave สรุปภาพรวมและการวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย (SET) รายวัน ด้วยโปรแกรม TradingView ตามแนวทาง Elliott Wave อย่างละเอียด อ้างอิงข้อมูล 21/03/25 มีประเด็นสำคัญดังนี้:
________________________________________
สรุปสถานการณ์ตลาด (ภาพรวมใหญ่):
• ตลาดหุ้นไทยอยู่ในแนวโน้มขาลงใหญ่ (Major Downtrend)
โดยดัชนี SET เริ่มปรับฐานจากจุดสูงสุดที่ 1506.82 จุด ลงมาสู่จุดต่ำสุดล่าสุดที่ระดับ 1157.96 จุด
• ภาพใหญ่ปรากฏการลงแบบ Impulse Wave ครบ 5 คลื่น (Wave 1-5 ขาลงชัดเจน)
o รวมระยะที่ลดลง: 348.86 จุด
o ใช้เวลาปรับฐานขาลงรอบนี้ประมาณ 98 วันทำการ (ประมาณ 5 เดือน)
________________________________________
สถานการณ์ล่าสุด (ระยะสั้น):
• หลังจากแตะจุดต่ำสุดที่ 1157.96 จุด ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นสั้นๆ (Corrective Wave หรือ Rebound Wave) ไปแตะระดับ 1273.17 จุด ซึ่งการฟื้นตัวนี้ใช้เวลาประมาณ 52 วันทำการ (ราว 2.5 เดือน)
• ราคาปิดล่าสุด ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 1186.61 จุด
ถือว่ายังอยู่ในโซนล่างของการเคลื่ระยะสั้นนี้ และใกล้แนวรับสำคัญเดิม
________________________________________
กรอบวิเคราะห์และแนวต้าน-แนวรับสำคัญ (Fibonacci):
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ล่าสุด และราคาปัจจุบัน 1186.61 จุด จะตีกรอบวิเคราะห์ระยะสั้น โดยให้ความสำคัญกับแนว Fibonacci Extension 127.2% ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1210 จุด
แนวรับสำคัญ:
• 1157-1160 จุด (จุดต่ำสุดเดิม Wave 5)
หากดัชนียังไม่หลุดต่ำกว่าระดับนี้ ถือว่ายังคงมีโอกาสฟื้นตัวได้อีกครั้ง
แนวต้านสำคัญ:
• 1210 จุด (Fibonacci 127.2%)
เป็นด่านแรกที่ SET ต้องผ่านให้ได้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น
• หากผ่านได้จะมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 1230-1250 จุด (โซน Fibonacci 138.2%-161.8%) ซึ่งจะถือเป็นเป้าหมายระยะสั้นที่สำคัญถัดไป
________________________________________
สัญญาณสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง:
กรณีขาขึ้น (Bullish Case):
• หากดัชนีสามารถยืนเหนือระดับ 1210 จุด ได้ จะเกิดสัญญาณการกลับตัวขึ้นระยะสั้นอย่างมีนัยสำคัญ
• เป้าหมายต่อไปคือบริเวณ 1230-1250 จุด
• นักลงทุนสามารถวางกลยุทธ์เทรดฝั่งซื้อ (Long) ระยะสั้น เมื่อดัชนีทะลุผ่าน 1210 จุด และมี Stop Loss ต่ำกว่า 1180 หรือ 1160 จุด (ตามความเสี่ยงที่รับได้)
กรณีขาลง (Bearish Case):
• หากดัชนีปรับขึ้นแต่ไม่ผ่าน 1210 จุด หรือไม่สามารถยืนเหนือได้ และกลับมาหลุดต่ำกว่าแนวรับ 1157 จุด อีกครั้ง
• ถือเป็นสัญญาณเชิงลบชัดเจน โดยอาจเกิดขาลงรอบใหม่ ซึ่งอาจจะลงไปต่ำกว่า 1157 จุดได้อีก นักลงทุนควรระวังการถือหุ้นและบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด
________________________________________
ข้อแนะนำเพิ่มเติม (เพื่อการลงทุนที่ปลอดภัย):
• ติดตามการทดสอบแนวต้านสำคัญ 1210 จุด อย่างใกล้ชิด
• หากยังไม่ผ่านแนวต้านดังกล่าว ควรรอจังหวะที่ชัดเจนก่อนการลงทุน
• ใช้ Indicator อื่นๆ ประกอบ (เช่น MACD, RSI, Oscillator) ร่วมกับ Elliott Wave เพื่อยืนยันแนวโน้ม
________________________________________
บทสรุปสำคัญที่ต้องจับตาในตอนนี้:
• ราคาปัจจุบัน (1186.61) อยู่ใกล้โซนสำคัญคือ 1210 จุด
• แนวรับสุดท้ายที่ต้องไม่หลุด: 1157-1160 จุด
• ตลาดจะพลิกกลับเป็นขาขึ้นระยะสั้นเมื่อทะลุผ่าน 1210 จุด
• หากไม่ผ่าน 1210 จุดและหลุด 1157 จุดอีกครั้ง ต้องระวังการปรับตัวลงรอบใหม่อย่างจริงจัง
________________________________________
การวิเคราะห์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนในระยะสั้นและกลางครับ
________________________________________
Elliott Wave (คลื่นเอลเลียต) คือ ทฤษฎีที่ใช้อธิบายพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์ เช่น หุ้น ทองคำ ค่าเงิน หรือคริปโต โดยเชื่อว่าการเคลื่อนไหวของราคามีลักษณะเป็นรอบคลื่นที่ชัดเจน สามารถนำไปใช้วิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคตได้
ทฤษฎีนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย Ralph Nelson Elliott ในช่วงปี 1930 โดยมีหลักการสำคัญดังนี้
________________________________________
หลักการเบื้องต้นของ Elliott Wave
ตามทฤษฎีนี้ราคาจะเคลื่อนไหวเป็น "คลื่น" (Wave) ซึ่งมีทั้งหมด 2 รูปแบบ คือ:
1. Impulse Wave (คลื่นส่ง, คลื่นขาขึ้น/ลงตามแนวโน้มหลัก)
จะมีทั้งหมด 5 คลื่น ประกอบด้วย
o คลื่นที่ 1 (ขึ้น)
o คลื่นที่ 2 (พักฐานเล็กน้อย)
o คลื่นที่ 3 (ขึ้นแรงที่สุดและชัดเจนที่สุด)
o คลื่นที่ 4 (พักฐานอีกครั้ง)
o คลื่นที่ 5 (ขึ้นอีกครั้ง แต่แรงน้อยกว่าคลื่น 3)
2. Corrective Wave (คลื่นปรับฐาน)
หลังจากจบ Impulse Wave แล้ว ราคาจะมีการปรับฐานเป็น Corrective Wave จำนวน 3 คลื่น คือ
o คลื่น A (ลง)
o คลื่น B (ขึ้นกลับมาเล็กน้อย)
o คลื่น C (ลงอีกครั้ง ชัดเจนกว่าคลื่น A)
สรุปรูปแบบมาตรฐานจะเป็น:
• ขาขึ้น : 5 คลื่น (1-2-3-4-5)
• ขาลง : 3 คลื่น (A-B-C)
________________________________________
กฎพื้นฐานของ Elliott Wave
ในการวิเคราะห์คลื่น Elliott มีข้อกำหนดที่ต้องจำให้ขึ้นใจ คือ:
• คลื่นที่ 2 ต้องไม่ลงต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของคลื่นที่ 1
• คลื่นที่ 3 ต้องไม่ใช่คลื่นที่สั้นที่สุดในบรรดา 1,3,5 (โดยทั่วไปจะยาวที่สุด)
• คลื่นที่ 4 ต้องไม่ย้อนกลับไปทับซ้อนกับคลื่นที่ 1
________________________________________
ความสำคัญและการนำไปใช้งาน
Elliott Wave ถูกนำไปใช้วิเคราะห์แนวโน้มตลาดได้หลายแบบ ได้แก่
• การระบุแนวโน้ม ว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง
• การคาดการณ์จุดกลับตัวของราคา เพื่อหาโอกาสในการเข้าซื้อหรือขาย
• ช่วยวางแผนกลยุทธ์การเทรดและการบริหารความเสี่ยง ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
________________________________________
ข้อควรระวังในการใช้งาน
แม้ Elliott Wave จะเป็นเครื่องมือที่ดี แต่ในทางปฏิบัติก็มีความซับซ้อนและอาจมีการตีความที่หลากหลาย ดังนั้น ควรนำไปใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ เช่น Fibonacci, RSI หรือ Trend Line เป็นต้น
________________________________________
สรุปง่ายๆ: Elliott Wave คือการวิเคราะห์ตลาดผ่านการนับ "คลื่น" เพื่อให้รู้แนวโน้มและ
เก่งหลังข่าว XAUUSD 20.02.25Time Frame H1
ข่าวออกราคาค่อย action ประมาณ 15 นาที
จากที่ราคาทำ HH และช่วงเย็นมีการปรับตัวลงของราคา
ปัจจุบันราคาจะวิ่งในกรอบ SideWay อาจจะยังไม่เลือกทาง
หากเราใช้เทคนิค Divergence ก็จะพบว่า momentum ขาขึ้นเริ่มอ่อนแรง
แต่ต้องรอปิด D1 วันนี้ก่อนครับ
ราคาไม่สามารถเบรคที่ 2918 ได้ มา checkin orderbook ก่อนอาจจะเป็นการ
พักตัวและลงต่อก็...เป็น...ด้ายยย
27/12/24 วิเคราะห์ S50H25 ตามหลักการของ "Tom Joseph" Type I Buy27/12/24 วิเคราะห์ S50H25 ตามหลักการของ "Tom Joseph" ผู้สร้างโปรแกรม Advanced GET ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักลงทุนวิเคราะห์แนวโน้มและคลื่น Elliott Wave อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือคำอธิบายและการวิเคราะห์ภาพ S50H25: ในที่นี่เราจะใช้้ TradingView วิเคราะห์แทน Advanced GET
---
## **การวิเคราะห์ภาพ S50H25**
### **1. ความเข้าใจพื้นฐาน (Elliott Wave และ Fibonacci Integration)**
- โครงสร้างในกราฟนี้ถูกวิเคราะห์โดยใช้ **Elliott Wave** เพื่อระบุคลื่นย่อย (subwaves) และคลื่นใหญ่ (primary waves)
- คลื่นปัจจุบันอยู่ใน **Wave 4 Correction** ที่จบลงในรูปแบบ Zigzag (ABC) และราคามีการเด้งกลับจาก **จุดต่ำสุดของ Wave C**
- การใช้ Fibonacci Retracement และ Extension ช่วยกำหนดแนวต้านและเป้าหมายการฟื้นตัว
---
### **2. จุดสำคัญในภาพ**
- **Wave C Completion:**
จุดต่ำสุดของ Wave C อยู่ที่ระดับ **874 (วันที่ 20/12/24)** ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่นักลงทุนควรเริ่มมองหาการกลับตัว
- **Type One Buy Setup:**
รูปแบบนี้แนะนำว่าโอกาสการเข้าซื้อเกิดขึ้นในโซนนี้ เนื่องจากราคากำลังฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด และมีความน่าจะเป็น (Win Rate) สูงถึง **80%** ตามข้อมูลในภาพ
- **Profit Taking Index (PTI):**
ค่า **PTI = 72** แสดงว่ามีโอกาสสูงที่ราคาจะเคลื่อนไปยัง **เป้าหมาย Wave 5** ตามโครงสร้างคลื่น Elliott Wave
---
### **3. การวิเคราะห์เป้าหมาย (Target Zones)**
- **Wave 5 Target:**
การใช้ Fibonacci Extension ช่วยกำหนดเป้าหมายของ Wave 5:
- เป้าหมายแรก: **0.618 (926 7/8)**
- เป้าหมายต่อไป: **1.000 (959 1/2)**
- เป้าหมายขยาย: **1.272 (982 3/4)** หรือ **1.618 (1012 3/8)** หากโมเมนตัมยังแข็งแกร่ง
- **แนวรับและแนวต้านที่สำคัญ:**
ระดับ Fibonacci Retracement:
- แนวรับแรก: **886 1/2 (0.146 Fibonacci)**
- แนวต้าน: **894 (0.236), 906 (0.382), 916 (0.500)**
---
### **4. การตัดสินใจซื้อ (Type One Buy)**
- **จุดเข้า (Entry):**
เมื่อราคายืนยันการกลับตัวจาก Wave C (ประมาณ 890–902)
- **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):**
ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ Wave C ที่ **874**
- **กลยุทธ์ Take Profit:**
ใช้ระดับเป้าหมายตาม Fibonacci Extension (เป้าหมาย Wave 5)
---
### **5. การจัดการความเสี่ยง**
- **Risk-to-Reward Ratio:**
วางแผนให้ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนอยู่ที่ **1:2 หรือ 1:3**
- **Trailing Stop:**
ขยับ Stop Loss ตามการเคลื่อนที่ของราคาเมื่อถึงเป้าหมายกำไรระดับแรก
---
### **สรุปมุมมอง Tom Joseph**
- **กราฟ S50H25 แสดงโอกาสเข้าซื้อที่เหมาะสม (Type I Buy)** จากจุดต่ำสุดของ Wave C (874)
- การฟื้นตัวไปสู่ Wave 5 มีโอกาสสูง ด้วยค่า PTI = 72 และ Fibonacci Level ที่บ่งบอกการสนับสนุน
- ใช้เทคนิค Elliott Wave ร่วมกับ Fibonacci และการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อวางแผนการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมืออื่นใน Advanced GET เช่น **XTL**, **Divergence**, หรือ **Oscillator**, แจ้งมาได้ครับ!
**การวางแผนการเทรด BTC/USD จาก TD Countdown #13**23/12/24 เราจะวางแผนการเทรดจากกราฟ BTC/USD โดยใช้ข้อมูล TD Sequential และตัวแปรในกราฟร่วมกัน เพื่อสร้างแผนการเทรดที่เหมาะสมที่สุด:
---
### **การวางแผนการเทรด BTC/USD จาก TD Countdown #13**
#### **1. การประเมินสถานการณ์เบื้องต้น**
- **TD Countdown #13**: เป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มปัจจุบันอาจกำลังเข้าสู่จุดอิ่มตัว (จบแนวโน้ม)
- **โมเมนตัมใน AO (Awesome Oscillator)**: แท่งสีแดงแสดงว่าตลาดอยู่ในขาลงและโมเมนตัมอ่อนแรงลง
- **แนวรับ-แนวต้านสำคัญ**:
- Pivot Points: (98,527)
- แนวต้าน: R1 (104,733), R2 (108,567), R3 (114,773)
- แนวรับ: S1 (92,321), S2 (88,487), S3 (82,281)
---
### **2. กลยุทธ์การเทรด (Trade Plan)**
#### **(A) สำหรับขาลง (Bearish Bias)**
##### **1. Follow Sell เมื่อราคา Break แนวรับสำคัญ**
- **Trigger Entry**: เมื่อราคาหลุด **92,321 (S1)** อย่างชัดเจน พร้อมวอลุ่มสูง
- **เป้าหมายกำไร (Take-Profit)**:
- ระยะสั้น: 88,487 (S2)
- ระยะยาว: 82,281 (S3)
- **ตั้ง Stop-Loss**: เหนือแนวต้าน Pivot ใกล้ที่สุด เช่น 94,500 (ราคาเปิดปัจจุบัน)
##### **2. Short Sell ในโซนต้าน**
- หากราคารีบาวด์ขึ้นไปในโซนต้าน **98,527 (Pivot)**:
- เปิดคำสั่ง Short Sell บริเวณโซนต้าน (R1) พร้อมตั้งเป้ากำไรที่ 92,321 (S1)
- Stop-Loss: 100,000 (เหนือ R1 เล็กน้อย)
---
#### **(B) สำหรับขาขึ้น (Bullish Bias)**
##### **1. Follow Buy เมื่อราคากลับขึ้นมาเหนือ Pivot**
- **Trigger Entry**: เมื่อราคายืนเหนือ **98,527 (Pivot)** อย่างมั่นคง พร้อมวอลุ่มสนับสนุน
- **เป้าหมายกำไร (Take-Profit)**:
- ระยะสั้น: 104,733 (R1)
- ระยะยาว: 108,567 (R2)-R3 (114,773)
- **ตั้ง Stop-Loss**: ต่ำกว่า 95,000 (ใต้ Pivot)
##### **2. Long Buy เมื่อราคาทดสอบแนวรับ S1-S2**
- หากราคาแตะ **92,321 (S1)** และเกิด Price Action การกลับตัว เช่น Pin Bar หรือ Bullish Engulfing:
- เข้าซื้อ (Long Buy) ในโซนแนวรับ
- ตั้งเป้าหมายกำไร:
- ระยะสั้น: 98,527 (Pivot)
- ระยะยาว: 104,733 (R1)
- ตั้ง Stop-Loss: 90,000 (ต่ำกว่า S1)
---
### **3. ตัวอย่างแผนการเข้า-ออก**
| สถานการณ์ | Trigger Entry | Take-Profit | Stop-Loss |
|--------------------|--------------------------|-----------------------|------------------|
| Short (Break S1) | < 92,321 (S1) | S2: 88,487 / S3: 82,281 | > 94,500 |
| Short (Rebound R1) | ~ 98,527 (R1) | S1: 92,321 | > 100,000 |
| Long (Break R1) | > 98,527 (R1) | R2: 104,733 / R3: 108,567 | < 95,000 |
| Long (Test S1) | ~ 92,321 (S1) | R1: 98,527 | < 90,000 |
---
### **4. การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)**
- ใช้ **Risk/Reward Ratio** ขั้นต่ำ 1:2 หรือ 1:3
- ความเสี่ยงต่อการเทรด (Risk per Trade) ควรไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด
- **Position Sizing**: ปรับขนาดการเทรดให้เหมาะสมตามระยะห่าง Stop-Loss และเงินทุน
---
### **5. ข้อควรระวัง**
- ระวังการเข้าเทรดในช่วงที่ไม่มีวอลุ่มหรือ Price Action ยืนยัน
- ตรวจสอบข่าวสารตลาดที่อาจมีผลต่อราคา เช่น การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ
---
แผนนี้เน้นทั้งการเทรดตามแนวโน้มและการจับจังหวะกลับตัวโดยใช้ TD Countdown #13 และ Pivot Points ร่วมกับอินดิเคเตอร์สนับสนุน เช่น AO และ FVG ครับ!
Gold Market Outlook [25 พฤศจิกายน 2567]Gold Market Outlook
ทองพุ่งทะลุ $2,700 รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน 🌍
ราคาทองคำพุ่งทะลุ $2,700 เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 สัปดาห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนรายสัปดาห์สูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี โดยได้แรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย แม้จะเผชิญแรงกดดันจากดอลลาร์แข็งค่าและความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง 📊
นักวิเคราะห์ชี้ว่าการยกระดับความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่มีแนวโน้มขยายวงกว้างเป็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-สหรัฐฯ เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในระยะสั้น โดยทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 5.7% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ที่เกิดวิกฤตในภาคธนาคาร 💹
การปรับตัวขึ้นของทองคำในสัปดาห์นี้ได้รับแรงหนุนจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนที่ทวีความรุนแรง ส่งผลให้ราคาปรับตัวขึ้นกว่า $170 จากจุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ $2,536.71 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยทองคำมักจะได้รับความนิยมในช่วงที่มีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และในภาวะดอกเบี้ยต่ำ การปรับตัวขึ้นของทองคำยังคงดำเนินต่อในวันศุกร์แม้ว่าดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าสูงสุดในรอบ 2 ปีและบิทคอยน์พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 📈
ความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดลงเหลือ 53% จากระดับ 82.5% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่เฟดบางรายแสดงความกังวลว่าความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้ออาจชะลอตัวลง พร้อมเรียกร้องให้ใช้ความระมัดระวัง ขณะที่บางรายเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง 💵
ด้านปัจจัยทางเทคนิค 📊 ราคาแสดงสัญญาณ Bullish ที่แข็งแกร่ง 💪 โดย Moving Average เรียงตัวในทิศทางขาขึ้น 📈 ขณะที่ RSI สะท้อนโมเมนตัมเชิงบวกที่ยังมีต่อเนื่อง ⚡ สอดคล้องกับ Stochastic Oscillator ที่เกิด Bullish Crossover นอกจากนี้ MACD ยังคงอยู่เหนือ Signal Line พร้อม Histogram เป็นบวก 📊 บ่งชี้แนวโน้มขาขึ้นที่ยังมีกำลังซื้อหนุน 💫 กลยุทธ์การเทรดแนะนำให้ทยอยเข้าซื้อบริเวณแนวรับ $2,700-2,686 💰 โดยมีเป้าหมายแนวต้านที่ $2,750 และหากผ่านไปได้มีโอกาสทดสอบ All-time high ที่ $2,789 🎯
📈📉 แนวรับ-แนวต้าน (07:00)
XAUUSD
สถานะ: Slightly Bullish 🎯
🔼 แนวต้าน 3: $2,730
🔼 แนวต้าน 2: $2,725
🔼 แนวต้าน 1: $2,720
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,700
🔽 แนวรับ 2: $2,686
🔽 แนวรับ 3: $2,670
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 📊💡