Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
แนวโน้มผันผวน
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเข้าหาแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวที่ 1,670 จุด ดัชนีตลาดจบคลื่น (i) ลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น (ii) ที่มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,670 – 1,666 จุด ก่อนที่จะปรับขึ้นเป็นคลื่น (iii) คลื่น (iv) และคลื่น (v) ตามลำดับ คลื่น (v) หรือคลื่น 3),5,(v) ที่มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,890 จุด
ดัชนีตลาดยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในช่องแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายสัปดาห์ สัญญาณ MACD เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI เป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นยังอยู่ในช่วงปรับฐาน
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นและลงแบบมีช่องว่าง สะท้อนถึงความผันผวนของดัชนีตลาดที่เกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นตัวกระตุ้น ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงทดสอบแนวรับ 50.0% Fibonacci retracement ที่ 1,675 จุด และมีแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 1,666 จุด เป็นแนวรับร่วม
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic กลับมาเป็นบวกในเขตขายมากเกิน ขณะที่สัญญาณ RSI และ MACD เป็นลบ แรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นหนุนดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล โดยดัชนีตลาดยังอยู่ในช่วงปรับฐาน
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ในรอบสัปดาห์นี้ มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,705 – 1,715 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,688 – 1,680 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวเข้าหาแนวรับที่ 1,670 – 1,666 จุด สลับกับการปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัลระหว่างวัน
ยังคงแนะนำให้เน้นถือเงินสดอย่างน้อย 40 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต และจะกลับเข้าซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานเมื่อเกิดสัญญาณ Bullish divergence ของ RSI
ค้นหาในไอเดียสำหรับ "oscillator"
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
แนวรับ 1,700 จุด
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น (ii) โดยมีเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,700 จุด+/- โดยดัชนีตลาดยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในช่องแนวโน้มขาขึ้น ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวขึ้นเป็นคลื่น (iii), คลื่น (iv) และคลื่น (v) หรือคลื่น 3),5,(v)
โดยคลื่น 3) จะยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของยาวของคลื่น 1) คลื่น 3) หรือคลื่น 3),5,(v) ที่มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,890 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายสัปดาห์ สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI กลับมาเป็นลบ ขณะที่ MACD เป็นบวก ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางที่ 1,700 จุด+/-
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง หลังดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 1,765 จุด เกิดสัญญาณกลับตัวรูป Double Top ร่วมกับการเกิดสัญญาณ Bearish divergence ของ RSI มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงแบบมีช่องว่าง (Gap) ซึ่งจะทำให้ดัชนีตลาดปรับตัวลงเข้าเขตในเขตขายมากเกิน
เมื่อนำจุดต่ำที่ 1,584 จุด กับจุดสูงที่ 1,765 จุด มาวิเคราะห์หาแนวรับด้วย Fibonacci ratio จะได้แนวรับ 38.2%, 50.0% และ 61.8% Fibonacci retracement อยู่ที่ 1,696 จุด, 1,675 จุด และ 1,653 จุด ตามลำดับ
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางที่ 1,700 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ในรอบสัปดาห์นี้ มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,730 – 1,735 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,710 – 1,705 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ถือเงินสดอย่างน้อย 40 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต และจะกลับเข้าซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานเมื่อเกิดสัญญาณ Bullish divergence ของ RSI
Por : Technical AnalysisACAP
วิเคราะห์
จากกราฟรายวัน ราคาหุ้น ACAP สร้างจุดต่ำยกสูงและมีทิศทางแกว่งตัวขึ้นไปตามแนวโน้ม มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น ระยะสั้นราคามีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้าน 23.6% Fibonacci retracement และมีจุดสูงเก่าเป็นแนวต้านร่วมอยู่ที่ 9.05 บาท
สัญญาณ Oscillators จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก
ทิศทางราคาหุ้นระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 9.05 บาท และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 6.82 – 6.60 บาท
สรุป
ซื้อช่วงที่ราคาหุ้นอ่อนตัวลงระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไร 9.05 บาท ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 6.60 บาท
Por : Technical AnalysisSEAFCO
วิเคราะห์
จากกราฟรายวัน ราคาหุ้น SEAFCO ราคาหุ้นดีดตัวขึ้นและเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาขึ้น โดยมีเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term Investor (MMA2) เป็นแนวรับ ระยะสั้นราคาหุ้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของช่องแนวโน้มขาขึ้นและมีจุดสูงเก่าเป็นแนวต้านร่วมอยู่ที่ 9.64 บาท
สัญญาณ Oscillators จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก
ทิศทางราคาหุ้นระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 9.45 – 9.64 บาท และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 9.00 – 8.70 บาท
สรุป
เข้าซื้อช่สงที่ราคาอ่อนตัวระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไร 9.45 – 9.64 บาท
Por : Technical AnalysisROJNA
วิเคราะห์
จากกราฟรายวัน ราคาหุ้น ROJNA ดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของเส้นคอ (Neckline) ที่ 5.80 บาท มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น หลังราคาหุ้นปรับตัวลงไปทำราคาต่ำที่ 5.00 บาท เกิดสัญญาณกลับตัวแบบ Double Bottom ร่วมกับการเกิดสัญญาณ Bullish divergence ของ RSI หากราคาหุ้นสามารถยืนปิดเหนือ 5.80 บาทได้และมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น ราคาจะปรับเข้าหาเป้าหมาย (Measuring target) ที่มีแนวต้าน 50.0% Fibonacci retracement เป็นแนวต้านร่วมอยู่ที่ 6.50 – 6.60 บาท
สัญญาณ Oscillators จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก
ทิศทางราคาหุ้นระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 6.15 – 6.50/6.60 บาท และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 5.60 – 5.25 บาท
สรุป
ซื้อเมื่อราคายืนเหนือ 5.80 บาทและมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น เป้าหมายทำกำไร 6.50 – 6.60 บาท
Por : Technical AnalysisGUNKUL
วิเคราะห์
จากกราฟรายวัน ราคาหุ้น GUNKUL ดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 38.2% Fibonacci retracement หลังจากที่ราคาแกว่งตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมเพื่อสะสมกำลัง (Consolidation) เกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคัล ราคาสร้างจุดต่ำยกสูง (Higher Low) ราคากำลังปรับตัวเข้าหาแนวต้านของช่องแนวโน้มขาขึ้น และมีแนวต้าน 50.0% Fibonacci retracement เป็นแนวร่วมอยู่ที่ 3.42 บาท
สัญญาณ Oscillators จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวกในเขตซื้อมากเกิน
ทิศทางราคาหุ้นระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 3.42 – 3.62 บาท และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 3.14 – 3.04 บาท
สรุป
เข้าซื้อช่วงที่ราคาหุ้นอ่อนตัวระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรระยะสั้นอยู่ที่ 3.42 บาท
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ขึ้นเพื่อขาย
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาขึ้นและมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของช่องแนวโน้มขาขึ้น ดัชนีตลาดกำลังปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น v หรือคลื่น (i),v) ที่มีแนวต้านอยู่ที่ 1,766 – 1,770 จุด ก่อนที่ดัชนีตลาดจะพักตัวลงเป็นคลื่น (ii) โดยมีเส้นแนวโน้มขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับ
ระยะสั้นดัชนีตลาดจะยืนยันการพักตัวลงเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลดลงลงปิดต่ำกว่า 1,750 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายสัปดาห์ สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก โดยสัญญาณ Modified Stochastic ปรับตัวเข้าเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวแคบๆเหนือแนวรับ 61.8% Fibonacci projection ที่ 1,755 จุด แท่งเทียนเกิดเป็นกลุ่ม Shooting Star, Star และ Hanging Man ในเขตซื้อมากเกิน สะท้อนถึงแนวต้านของดัชนีตลาด ดัชนีตลาดแกว่งตัวอยู่ในช่องแนวโน้มขาและกำลังปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,766 – 1,770 จุด โดยมีจุดสูงเก่าที่ 1,730 จุดทำหน้าที่เป็นแนวรับ ภาวะซื้อมากเกินและความเสี่ยงที่จะเกิดสัญญาณ Bearish divergence ของ RSI ทำให้ดัชนีตลาดมีความเสี่ยงจากปัจจัยทางเทคนิคัลเพิ่มมากขึ้น ระยะสั้นดัชนีตลาดไม่ควรปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,750 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบ โดยสัญญาณ Modified Stochastic ปรับตัวเข้าเขตซื้อมากเกิน ขณะที่สัญญาณ RSI มีแนวโน้มที่จะเกิดสัญญาณ Bearish divergence ทำให้ดัชนีตลาดมีความเสี่ยงจากปัจจัยทางเทคนิคัลเพิ่มขึ้น
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ในรอบสัปดาห์นี้ มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,762 – 1,770 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,750 – 1,744 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
หาจังหวะปรับพอร์ตเพื่อถือเงินสดเพิ่มช่วงที่ดัชนีตลาดปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,766 – 1,770 จุด ควรถือเงินสดอย่างน้อย 40 เปอร์เซ็นต์
ราคาทองคำเคลื่อนที่ในกรอบระหว่าง 1180.40-1213.80 ร่วมเดือนโน้วโน้มราคาทองคำในมุมมองของผมเองยังคงเคลื่อนที่แบบ Sideway เพื่อรอแรงงขับเคลื่อนจากปัจจัยสำคัญในตลาดโดยเฉพาะเรื่องของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา กบ ประเทศคู่ค้าต่างๆ อย่างไรก็ตามในมุมมองทองเทคนิคเองผมมองว่าหากราคาสามารยืนเหนือ 1213.80 ก็มีโอกาสที่ราคาทองคำเองจะกลับตัวเป็น Uptrend แต่ทว่า หากราคาทองคำไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้แต่กลับตัวลงมายืนข้างล่าง 1180.40 ก็มีโอกาสที่ Downtrend ยังคงจะมีต่อไปเรื่อยๆสำหรับราคาทองคำ
กลยุทธ์ การเข้าเทรด
หากเทรดเดอร์ต้องการเทรดในช่วง Sideway สามารถเลือกใช้เครื่องมือจำพวก Oscillators เพื่อจำจังหวะซื้อขายตามแนว Overbought และ OverSold.
หากเป็นเทรนเทรดเดอร์ควรรอจะหวะให้ราคาฟอร์มตัวเป็นเทรนก่อนแล้วจึงเทรดตามกลลยุทธ์ของตัวเองไม่ว่าจะเป็นจังหวะ ไล่ซื้อ/ไล่ขายตาม หรือ จะเป็นจังหวะรอราคาย่อตัวแล้วซื้อ หรือ ราคาขึ้นไปเทสที่แนวต้านแล้วจึงขาย
ขอให้ทุกคนสนุกกับการเทรด และ เทรดอย่างระมัดระวังนะครับ เพราะ การลงทุนมีความเสี่ยง เสี่ยงมากใช่ว่าจะได้มาก ขอบคุณครับ
FB: Marc Primus
27/12/24 วิเคราะห์ S50H25 ตามหลักการของ "Tom Joseph" Type I Buy27/12/24 วิเคราะห์ S50H25 ตามหลักการของ "Tom Joseph" ผู้สร้างโปรแกรม Advanced GET ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักลงทุนวิเคราะห์แนวโน้มและคลื่น Elliott Wave อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือคำอธิบายและการวิเคราะห์ภาพ S50H25: ในที่นี่เราจะใช้้ TradingView วิเคราะห์แทน Advanced GET
---
## **การวิเคราะห์ภาพ S50H25**
### **1. ความเข้าใจพื้นฐาน (Elliott Wave และ Fibonacci Integration)**
- โครงสร้างในกราฟนี้ถูกวิเคราะห์โดยใช้ **Elliott Wave** เพื่อระบุคลื่นย่อย (subwaves) และคลื่นใหญ่ (primary waves)
- คลื่นปัจจุบันอยู่ใน **Wave 4 Correction** ที่จบลงในรูปแบบ Zigzag (ABC) และราคามีการเด้งกลับจาก **จุดต่ำสุดของ Wave C**
- การใช้ Fibonacci Retracement และ Extension ช่วยกำหนดแนวต้านและเป้าหมายการฟื้นตัว
---
### **2. จุดสำคัญในภาพ**
- **Wave C Completion:**
จุดต่ำสุดของ Wave C อยู่ที่ระดับ **874 (วันที่ 20/12/24)** ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่นักลงทุนควรเริ่มมองหาการกลับตัว
- **Type One Buy Setup:**
รูปแบบนี้แนะนำว่าโอกาสการเข้าซื้อเกิดขึ้นในโซนนี้ เนื่องจากราคากำลังฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด และมีความน่าจะเป็น (Win Rate) สูงถึง **80%** ตามข้อมูลในภาพ
- **Profit Taking Index (PTI):**
ค่า **PTI = 72** แสดงว่ามีโอกาสสูงที่ราคาจะเคลื่อนไปยัง **เป้าหมาย Wave 5** ตามโครงสร้างคลื่น Elliott Wave
---
### **3. การวิเคราะห์เป้าหมาย (Target Zones)**
- **Wave 5 Target:**
การใช้ Fibonacci Extension ช่วยกำหนดเป้าหมายของ Wave 5:
- เป้าหมายแรก: **0.618 (926 7/8)**
- เป้าหมายต่อไป: **1.000 (959 1/2)**
- เป้าหมายขยาย: **1.272 (982 3/4)** หรือ **1.618 (1012 3/8)** หากโมเมนตัมยังแข็งแกร่ง
- **แนวรับและแนวต้านที่สำคัญ:**
ระดับ Fibonacci Retracement:
- แนวรับแรก: **886 1/2 (0.146 Fibonacci)**
- แนวต้าน: **894 (0.236), 906 (0.382), 916 (0.500)**
---
### **4. การตัดสินใจซื้อ (Type One Buy)**
- **จุดเข้า (Entry):**
เมื่อราคายืนยันการกลับตัวจาก Wave C (ประมาณ 890–902)
- **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):**
ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ Wave C ที่ **874**
- **กลยุทธ์ Take Profit:**
ใช้ระดับเป้าหมายตาม Fibonacci Extension (เป้าหมาย Wave 5)
---
### **5. การจัดการความเสี่ยง**
- **Risk-to-Reward Ratio:**
วางแผนให้ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนอยู่ที่ **1:2 หรือ 1:3**
- **Trailing Stop:**
ขยับ Stop Loss ตามการเคลื่อนที่ของราคาเมื่อถึงเป้าหมายกำไรระดับแรก
---
### **สรุปมุมมอง Tom Joseph**
- **กราฟ S50H25 แสดงโอกาสเข้าซื้อที่เหมาะสม (Type I Buy)** จากจุดต่ำสุดของ Wave C (874)
- การฟื้นตัวไปสู่ Wave 5 มีโอกาสสูง ด้วยค่า PTI = 72 และ Fibonacci Level ที่บ่งบอกการสนับสนุน
- ใช้เทคนิค Elliott Wave ร่วมกับ Fibonacci และการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อวางแผนการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมืออื่นใน Advanced GET เช่น **XTL**, **Divergence**, หรือ **Oscillator**, แจ้งมาได้ครับ!
**การวางแผนการเทรด BTC/USD จาก TD Countdown #13**23/12/24 เราจะวางแผนการเทรดจากกราฟ BTC/USD โดยใช้ข้อมูล TD Sequential และตัวแปรในกราฟร่วมกัน เพื่อสร้างแผนการเทรดที่เหมาะสมที่สุด:
---
### **การวางแผนการเทรด BTC/USD จาก TD Countdown #13**
#### **1. การประเมินสถานการณ์เบื้องต้น**
- **TD Countdown #13**: เป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มปัจจุบันอาจกำลังเข้าสู่จุดอิ่มตัว (จบแนวโน้ม)
- **โมเมนตัมใน AO (Awesome Oscillator)**: แท่งสีแดงแสดงว่าตลาดอยู่ในขาลงและโมเมนตัมอ่อนแรงลง
- **แนวรับ-แนวต้านสำคัญ**:
- Pivot Points: (98,527)
- แนวต้าน: R1 (104,733), R2 (108,567), R3 (114,773)
- แนวรับ: S1 (92,321), S2 (88,487), S3 (82,281)
---
### **2. กลยุทธ์การเทรด (Trade Plan)**
#### **(A) สำหรับขาลง (Bearish Bias)**
##### **1. Follow Sell เมื่อราคา Break แนวรับสำคัญ**
- **Trigger Entry**: เมื่อราคาหลุด **92,321 (S1)** อย่างชัดเจน พร้อมวอลุ่มสูง
- **เป้าหมายกำไร (Take-Profit)**:
- ระยะสั้น: 88,487 (S2)
- ระยะยาว: 82,281 (S3)
- **ตั้ง Stop-Loss**: เหนือแนวต้าน Pivot ใกล้ที่สุด เช่น 94,500 (ราคาเปิดปัจจุบัน)
##### **2. Short Sell ในโซนต้าน**
- หากราคารีบาวด์ขึ้นไปในโซนต้าน **98,527 (Pivot)**:
- เปิดคำสั่ง Short Sell บริเวณโซนต้าน (R1) พร้อมตั้งเป้ากำไรที่ 92,321 (S1)
- Stop-Loss: 100,000 (เหนือ R1 เล็กน้อย)
---
#### **(B) สำหรับขาขึ้น (Bullish Bias)**
##### **1. Follow Buy เมื่อราคากลับขึ้นมาเหนือ Pivot**
- **Trigger Entry**: เมื่อราคายืนเหนือ **98,527 (Pivot)** อย่างมั่นคง พร้อมวอลุ่มสนับสนุน
- **เป้าหมายกำไร (Take-Profit)**:
- ระยะสั้น: 104,733 (R1)
- ระยะยาว: 108,567 (R2)-R3 (114,773)
- **ตั้ง Stop-Loss**: ต่ำกว่า 95,000 (ใต้ Pivot)
##### **2. Long Buy เมื่อราคาทดสอบแนวรับ S1-S2**
- หากราคาแตะ **92,321 (S1)** และเกิด Price Action การกลับตัว เช่น Pin Bar หรือ Bullish Engulfing:
- เข้าซื้อ (Long Buy) ในโซนแนวรับ
- ตั้งเป้าหมายกำไร:
- ระยะสั้น: 98,527 (Pivot)
- ระยะยาว: 104,733 (R1)
- ตั้ง Stop-Loss: 90,000 (ต่ำกว่า S1)
---
### **3. ตัวอย่างแผนการเข้า-ออก**
| สถานการณ์ | Trigger Entry | Take-Profit | Stop-Loss |
|--------------------|--------------------------|-----------------------|------------------|
| Short (Break S1) | < 92,321 (S1) | S2: 88,487 / S3: 82,281 | > 94,500 |
| Short (Rebound R1) | ~ 98,527 (R1) | S1: 92,321 | > 100,000 |
| Long (Break R1) | > 98,527 (R1) | R2: 104,733 / R3: 108,567 | < 95,000 |
| Long (Test S1) | ~ 92,321 (S1) | R1: 98,527 | < 90,000 |
---
### **4. การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)**
- ใช้ **Risk/Reward Ratio** ขั้นต่ำ 1:2 หรือ 1:3
- ความเสี่ยงต่อการเทรด (Risk per Trade) ควรไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด
- **Position Sizing**: ปรับขนาดการเทรดให้เหมาะสมตามระยะห่าง Stop-Loss และเงินทุน
---
### **5. ข้อควรระวัง**
- ระวังการเข้าเทรดในช่วงที่ไม่มีวอลุ่มหรือ Price Action ยืนยัน
- ตรวจสอบข่าวสารตลาดที่อาจมีผลต่อราคา เช่น การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ
---
แผนนี้เน้นทั้งการเทรดตามแนวโน้มและการจับจังหวะกลับตัวโดยใช้ TD Countdown #13 และ Pivot Points ร่วมกับอินดิเคเตอร์สนับสนุน เช่น AO และ FVG ครับ!
Gold Market Outlook [25 พฤศจิกายน 2567]Gold Market Outlook
ทองพุ่งทะลุ $2,700 รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน 🌍
ราคาทองคำพุ่งทะลุ $2,700 เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 สัปดาห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนรายสัปดาห์สูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี โดยได้แรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย แม้จะเผชิญแรงกดดันจากดอลลาร์แข็งค่าและความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง 📊
นักวิเคราะห์ชี้ว่าการยกระดับความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่มีแนวโน้มขยายวงกว้างเป็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-สหรัฐฯ เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในระยะสั้น โดยทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 5.7% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ที่เกิดวิกฤตในภาคธนาคาร 💹
การปรับตัวขึ้นของทองคำในสัปดาห์นี้ได้รับแรงหนุนจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนที่ทวีความรุนแรง ส่งผลให้ราคาปรับตัวขึ้นกว่า $170 จากจุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ $2,536.71 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยทองคำมักจะได้รับความนิยมในช่วงที่มีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และในภาวะดอกเบี้ยต่ำ การปรับตัวขึ้นของทองคำยังคงดำเนินต่อในวันศุกร์แม้ว่าดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าสูงสุดในรอบ 2 ปีและบิทคอยน์พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 📈
ความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดลงเหลือ 53% จากระดับ 82.5% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่เฟดบางรายแสดงความกังวลว่าความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้ออาจชะลอตัวลง พร้อมเรียกร้องให้ใช้ความระมัดระวัง ขณะที่บางรายเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง 💵
ด้านปัจจัยทางเทคนิค 📊 ราคาแสดงสัญญาณ Bullish ที่แข็งแกร่ง 💪 โดย Moving Average เรียงตัวในทิศทางขาขึ้น 📈 ขณะที่ RSI สะท้อนโมเมนตัมเชิงบวกที่ยังมีต่อเนื่อง ⚡ สอดคล้องกับ Stochastic Oscillator ที่เกิด Bullish Crossover นอกจากนี้ MACD ยังคงอยู่เหนือ Signal Line พร้อม Histogram เป็นบวก 📊 บ่งชี้แนวโน้มขาขึ้นที่ยังมีกำลังซื้อหนุน 💫 กลยุทธ์การเทรดแนะนำให้ทยอยเข้าซื้อบริเวณแนวรับ $2,700-2,686 💰 โดยมีเป้าหมายแนวต้านที่ $2,750 และหากผ่านไปได้มีโอกาสทดสอบ All-time high ที่ $2,789 🎯
📈📉 แนวรับ-แนวต้าน (07:00)
XAUUSD
สถานะ: Slightly Bullish 🎯
🔼 แนวต้าน 3: $2,730
🔼 แนวต้าน 2: $2,725
🔼 แนวต้าน 1: $2,720
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,700
🔽 แนวรับ 2: $2,686
🔽 แนวรับ 3: $2,670
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 📊💡
Gartley Pattern Gartley Pattern:
นี่เป็นรูปแบบ Harmonic ที่บ่งบอกถึงจุดกลับตัวของราคา โดยการใช้ Fibonacci Ratios เพื่อระบุจุดต่างๆ ของกราฟ เช่น จุด X, A, B, C, และ D
จุด D เป็นจุดสำคัญในการเทรด ซึ่งเป็นจุดกลับตัวที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น
ตำแหน่ง Entry และ Targets:
Entry: 65,033.77 USD
Stop (จุดตัดขาดทุน): 70,048.85 USD (ความเสี่ยงประมาณ 7.71%)
มี 4 Targets (เป้าหมายการทำกำไร):
Target 1: 60,756.59 USD
Target 2: 58,553.24 USD
Target 3: 56,349.88 USD
Target 4: 49,217 USD (เป้าหมายสุดท้าย)
Stochastic Indicator:
มีการใช้ Stochastic Oscillator ที่ด้านล่างของกราฟเพื่อดูสัญญาณการ Overbought (ซื้อเกิน) และ Oversold (ขายเกิน)
ขณะนี้ Stochastic อยู่ในโซนสูง (ใกล้ 100) ซึ่งแสดงถึงสัญญาณ Overbought อาจบ่งบอกว่าราคาอาจจะมีการย่อตัวหรือกลับตัวในไม่ช้า
BTCUSD : Correction after DiagonalBTCUSD กำลังอยู่ในชุดขาขึ้นรอบใหม่แล้ว แต่ต้องระมัดระวังการชะลอตัว
จากช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา การปรับตัวขึ้นของ BTC ไม่ได้ขึ้นอย่างหวือหวามากนักและมีแรงขายออกมาอยู่เนืองๆ
มองว่าปัจจุบัน BTC กำลังอยู่ในรูปแบบคลื่น 5 ของ Leading Diagonal
ระวังการชะลอตัวในเร็วๆนี้เนื่องจากสัญญานทางเทคนิค ดังนี้
1. ราคาชนเส้นเทรนด์ไลน์ขาลงในภาพใหญ่
2. ราคามีการชะลอตัวหลังจากชน FVG ใน TF H4
3. AO มีการทำ Divergence ให้เห็นตั้งแต่ TF ย่อยขึ้นมาจนถึง H4
หากเกิดการชะลอตัวจริงอาจจะลงไปถึงแนว Fibo 50 หรือ 78.6 ที่เป็นเป้าของ Diagonal ได้
note : กรอบราคาคือบริเวณที่มีนัยสำคัญต่อการเคลื่อนที่ของราคาเท่านั้น
SET 30/09/24 60 จะปรับฐานจาก 30 พาลง ไม่หลุด 1406 ขึ้นต่อD ขาขึ้น โซนปรับย่อได้
120 ขาขึ้น ค้าง os จากมี สญ.
30 มีหัวลง พา 120 os
.
การลงของ 30 ทำให้ 120 ย่อ os
ระยะสั้น : เด้ง S ตาม 30 sl 1460
ระยะกลาง : รอ L ให้ปรับฐานจบก่อน
ระยะยาว : ถ้าระยะกลางยังไม่หัวลง ย่อลงเข้า L
...............................
D : ขาขึ้น
- ขึ้นโซน 00 จ่อราคา ts
- ob ลากเลื้อย / rsi ob
120 : ขาขึ้น beardi.
- มี ts = ค้าง os / os low 1405.7 ลึก
- ถ้าลงไม่หลุด 1405.7 เริ่มมี hi-bulldi.
30 : ขาลง LH LL
- ถ้าขึ้นไม่เบรค 1460 มีหัวขาลง
ราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวหลังการขายหนักราคาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นจากจุดต่ำสุดในรอบ 17 เดือน
ตัวชี้วัดแรงผลักดันเริ่มฟื้นตัวเล็กน้อย
น้ำมันดิบ WTI ได้ฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในรอบ 17 เดือนที่ 65.70 หลังจากการขายอย่างหนักจากแนวต้านที่ 78.75 ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา สินค้าชนิดนี้สูญเสียมูลค่ากว่า 16% ทำให้แนวโน้มเปลี่ยนเป็นขาลงอย่างแรง 💹🔻
ตามที่ตัวชี้วัดทางเทคนิคระบุว่า MACD กำลังสูญเสียแรงผลักดันด้านลบ และเริ่มขยับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ stochastic oscillator กำลังเคลื่อนตัวขึ้นหลังจากที่เกิดการไขว้กันระหว่างเส้น %K และ %D ในพื้นที่ที่ขายมากเกินไป สิ่งนี้บ่งชี้ว่าความสนใจในการขายที่รุนแรงอาจใกล้สิ้นสุด 💼📊
หากตลาดยังคงการฟื้นตัวขึ้นต่อไป ราคาน่าจะเจอแนวต้านที่ระดับจิตวิทยา 70.00 ก่อนจะถึงระดับ 71.30 และ 72.70 การพุ่งขึ้นเหนือเส้นแนวโน้มขาขึ้นและค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย 20 วัน (SMA) อาจเจออุปสรรคทันทีที่เส้นแนวโน้มขาลงในระยะสั้นที่ 76.60 ซึ่งซ้อนทับกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (SMA) 💰📈
ในสถานการณ์ลบ หากมีการพลิกกลับต่ำกว่าจุดต่ำสุดในรอบหลายเดือน อาจกระตุ้นการขายจนถึงแนวรับถัดไปที่ระดับต่ำสุดในเดือนเมษายน 2023 ที่ 63.60 📉🛢
โดยสรุป ราคาน้ำมันได้อยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างสำคัญตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม และการฟื้นตัวเหนือระดับต้านที่ 84.70 เท่านั้นที่อาจเปลี่ยนแนวโน้มกลับเป็นขาขึ้นได้ 🚀💥
#น้ำมันWTI #ราคาน้ำมัน #ตลาดน้ำมัน #เทรนด์ตลาด #แรงซื้อขาย
"ราคา Ripple (XRP) พร้อมพุ่ง หลังทดสอบแนวรับสำคัญ"ราคา Ripple (XRP) เตรียมพร้อมสำหรับการขึ้นเนื่องจากข้อมูลออนเชนแสดงแนวโน้มที่เป็นบวก 📈
* ราคาของ Ripple (XRP) พบแนวรับที่เส้น EMA 200 วัน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการขึ้นของราคาอาจเกิดขึ้นในไม่ช้า 📊
* ข้อมูลออนเชนแสดงให้เห็นว่า Open Interest ของ XRP กำลังเพิ่มขึ้น และอัตราส่วนระหว่าง long-to-short สูงกว่า 1 ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่กำลังมาถึง 🚀
* หากแท่งเทียนรายวันปิดต่ำกว่า $0.544 แนวโน้มขาขึ้นนี้จะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ❌
Ripple (XRP) ได้ทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) 200 วันอีกครั้งและเพิ่มขึ้น 6.7% ในวันจันทร์ ในช่วงเวลาการซื้อขายในเอเชีย ราคาได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1.2% อยู่ที่ $0.606 ในวันอังคาร 📈
ข้อมูลออนเชนแสดงว่า Open Interest ของ XRP กำลังเพิ่มขึ้น และอัตราส่วน long-to-short สูงกว่า 1 ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นในอนาคต 🚀
ราคา Ripple เตรียมพร้อมสำหรับการขึ้นหลังจากการทดสอบระดับแนวรับสำคัญ 🛡️
ราคาของ Ripple (XRP) ได้ทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) 200 วันอีกครั้งที่ประมาณ $0.545 ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาและกระโดดขึ้น 6.7% ในวันจันทร์ เส้น EMA 200 วันนี้ประมาณอยู่ใกล้กับแนวรับรายวันที่ $0.544 ทำให้พื้นที่นี้เป็นระดับแนวรับที่สำคัญ 📉 ณ เวลาที่เขียนในวันจันทร์ ราคากำลังซื้อขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1.2% อยู่ที่ $0.606 📊
หากเส้น EMA 200 วัน ที่ $0.545 ยังคงทำหน้าที่เป็นแนวรับ ราคา XRP อาจขึ้น 6.5% จากระดับการซื้อขายปัจจุบันที่ $0.606 เพื่อทดสอบแนวรับรายวันอีกครั้งที่ $0.643 📈
ดัชนี Relative Strength Index (RSI) บนกราฟรายวันได้เปลี่ยนผ่านระดับกลางที่ 50 และตัวชี้วัด Awesome Oscillator (AO) กำลังจะเข้าสู่การซื้อขายเหนือระดับกลางที่ศูนย์ สำหรับโมเมนตัมขาขึ้นที่จะยังคงอยู่ ตัวชี้วัดเหล่านี้ต้องทำการซื้อขายเหนือระดับกลางของพวกเขาเพื่อสนับสนุนการขึ้นของราคา 🟢
หากผู้ซื้อยังคงกระตือรือร้นและแนวโน้มตลาดคริปโตยังคงเป็นบวก XRP อาจปิดที่ระดับสูงกว่า $0.643 ซึ่งอาจนำไปสู่การขึ้นต่อเนื่องอีก 13% เพื่อทดสอบแนวต้านรายวันถัดไปที่ $0.724 🚀
ข้อมูลจาก CoinGlass แสดงให้เห็นว่า Open Interest (OI) ของฟิวเจอร์ส Ripple ที่อยู่ในตลาดแลกเปลี่ยนก็กำลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน OI หมายถึงจำนวนรวมของสัญญาอนุพันธ์ที่ยังไม่ได้ชำระ ซึ่งเงินที่ไหลเข้าสู่สัญญากำลังเพิ่มขึ้นหรือลดลง 📊
การเพิ่มขึ้นของ OI แสดงถึงเงินใหม่หรือเงินเพิ่มเติมที่เข้าสู่ตลาดและการซื้อใหม่ ซึ่งเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้น เมื่อ OI ลดลง ปกติแล้วจะแสดงถึงการที่ตลาดกำลังลดลง ผู้ลงทุนจำนวนมากขึ้นกำลังออกจากตลาด และแนวโน้มราคาปัจจุบันกำลังสิ้นสุดลง 📉
กราฟด้านล่างแสดงให้เห็นว่า OI ของ XRP เพิ่มขึ้นจาก $610.95 ล้านในวันอาทิตย์เป็น $693.44 ล้านในวันอังคาร ซึ่งแสดงถึงการที่เงินใหม่หรือเงินเพิ่มเติมกำลังเข้าสู่ตลาดและเกิดการซื้อใหม่ 📈
นอกจากนี้ ตามข้อมูลของ CoinGlass อัตราส่วน long-to-short ของ XRP อยู่ที่ 1.42 อัตราส่วนนี้สะท้อนถึงความรู้สึกเชิงบวกในตลาด เนื่องจากตัวเลขที่สูงกว่า 1 บ่งชี้ว่าการซื้อขายหลายครั้งคาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้น ซึ่งสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของ Ripple 🚀
แม้ว่าแนวโน้มขาขึ้นจะได้รับการสนับสนุนโดยข้อมูลออนเชนและการวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่แนวโน้มอาจเปลี่ยนเป็นขาลงได้หากแท่งเทียนรายวันของ Ripple ปิดต่ำกว่าแนวรับรายวันที่ $0.544 ซึ่งอาจนำไปสู่การลดลง 9.6% เพื่อทดสอบระดับต่ำสุดที่ $0.492 ในวันที่ 7 สิงหาคม ❗
#Ripple #XRP #CryptoMarket #Blockchain #CryptoTrading #TechnicalAnalysis #Bullish #EMA #OpenInterest