ค้นหาในไอเดียสำหรับ "Zoom"
แนวโน้ม ของ btc กำลังเลือกทางนักวิเคราะห์และสื่อธุรกิจเริ่มจับตาแนวโน้มของ Bitcoin ที่อาจจะหมดแรงลง กลายสภาพจากจากตลาดกระทิงกลายเป็นตลาดหมี
เริ่มจากสำนักข่าว Bloomberg ที่รายงานว่าจนถึงกางสัปดาห์นี้ Bitcoin ก็ยังไม่ฟื้นตัวจากความสับสนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาวะที่ยังไม่สามารถอธิบายได้และตอนนี้นักลงทุนต่างก็จับตาดูความเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของมันที่มีความผันผวน
ก่อนหน้านี้นักยุทธศาสตร์ของ JPMorgan Chase & Co. นำโดย Nikolaos Panigirtzoglou กล่าวว่าสองสามครั้งที่ผ่านมาพวกเขาเห็นการเคลื่อนไหวของราคาใน Bitcoin ในเชิงลบ แต่ผู้ซื้อกลับมากอบกู้สถานการณ์ทันเวลาเพื่อป้องกันการตกต่ำที่ลึกลงไป แต่คราวนี้พวกเขากลับกังวล เพราะหาก Bitcoin ไม่สามารถกลับมาสูงกว่า 60,000 ดอลลาร์ในไม่ช้าสัญญาณ โมเมนตัมจะพังทลายลง
ด้าน Michael Purves จาก Tallbacken Capital Advisors ทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวกับรูปแบบการซื้อขายของ Bitcoin พบว่าจุดสูงสุดล่าสุดของ Bitcoin ไม่ได้อิงกับดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (Relative strength index - คือตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแผนภูมิจุดแข็งหรือจุดอ่อนในปัจจุบันและในอดีตของหุ้นหรือตลาดโดยพิจารณาจากราคาปิดของช่วงเวลาการซื้อขายล่าสุด) และเหนือสิ่งอื่นใดและโมเมนตัมที่พุ่งสูงของมันกำลังจางหายไป
เว็บไซต์ของ Fortune ก็ตั้งข้อสังเกตในทำนองเดียวกันโดยตั้งคำถามว่าตอนนี้ตลาดกระทิงของ Bitcoin สิ้นสุดลงแล้วหรือยังหลังจากพุ่งขึ้นมาถึง 700% นับตั้งแต่เดือนเมษายปีที่แล้ว? คำตอบก็คือ "อาจจะเป็นอย่างนั้น" David Z. Morris นักเขียนของ Fortune ให้เหตุผลว่า Bitcoin เป็นจำพวกหุ้นยุคการระบาดใหญ่ หรือ pandemic stock
ตัวอย่างของ pandemic stock เช่น Netflix ซึ่งเพิ่งจะประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปรากฎว่ามีลูกค้าใหม่มีจำนวนทั้งสิ้น 3.98 ล้านคนหลุกจากเป้าคาดการณ์ 6.29 ล้านคนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ นอกจากนี้ยังมี Zoom ซึ่งตอนนี้ราคาหุ้นลดลง 45% จากระดับสูงสุดตลอดกาลถึงปลายปีที่แล้ว บริษัทเหล่านี้บูมในช่วงการระบาดใหญ่เพระาเป้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการล็อคดาวน์หรือติดอยู่กับบ้าน และตอนนี้ถึงช่วงขาลงของพวกมัน
ไฟฟ้าถูกสุดๆ การขุดคริปโตจึงเป็นความหวังทำเงินของชาวเวเนซุเอลา
จับตา Solana คริปโตที่มาแรงสุดๆ ในตอนนี้
David Z. Morris ชี้ว่า Bitcoin ก็เข้าข่ายธุรกิจที่บูทในช่วงการระบาดใหญ่ เพราะมีหลักฐานวาชาวอเมริกันใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไปซื้อ Bitcoin และนักลงทุนยังเข้ามาเล่นคริปโตเพราะติดอยู่กับล็อคดาวน์และเป็นการลงทุนมาแบบมาราธอนเพ 24 ชั่วโมงต่อวัน
Scott Minerd ซีไอโอของบริษัท Guggenheim ยังได้เตือนถึง“การปรับฐานครั้งใหญ่” ของ Bitcoin ในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยอ้างว่า Bitcoin นั้น “มีฟองมาก” และเขาคาดการณ์ว่าราคาของสกุลเงินดิจิทัลจะลดลง 50%
เขาบอกกับ CNBC ว่า Bitcoin ไปไกลเกินไปเร็วเกินไป “ผมคิดว่าเราสามารถดึง Bitcoin กลับมาที่ 20,000 ถึง 30,000 ดอลลาร์ซึ่งจะลดลง 50% แต่สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Bitcoin คือเราเคยเห็นการลดลงประเภทนี้มาก่อน”
อย่างไรก็ตาม Minerd ตั้งข้อสังเกตว่าเขาคิดว่าการปรับฐานครั้งใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของ “วิวัฒนาการตามปกติของตลาดกระทิงในระยะยาว”
หัดลองนับ EW กับกราฟทองวันนี้ลองนับหลังจบ Wave b (Subminuette) ประเมินอาจจะกำลังทำ Wave c (Subminuette) (เดาอีกนั่นแหละ)...
นับ Impulse Wave ขาลง 1, 2, - 5 วิ่งตาม Trend Wave c (Subminuette) ไป Wave C (Intermediate)....
ซึ่งภาพรวมยังอยู่ใน Parallel Channel ที่เป็นขาลง เพื่อจบ Wave C ในหลายๆ ช่วงของ Label
ลาก Ghost Feed ใหม่ตามการ Label Impulse Wave ขาลง ....
ถ้าไม่ชัดลองกด Zoom out เพื่อมองภาพรวมซึ่งจะเห็น Wave 2 (Minuscule) ไม่ผ่านแนวต้าน 186X.XX (ถ้านับถูกอะนะ !?)...
ให้น้ำหนัก ตามกราฟ (ถูก-ผิด ไม่รู้ อยากได้คนแนะนำเรื่องนี้เหมือนเดิม).....
สวัสดี
ปล1. ทำกราฟและเขียนโพสต์นี้ในระหว่างวันที่ 15 ก.พ. 2021 ตามเวลาประเทศไทย หากใครดูแท่งเทียนประกอบให้มองที่ TF:4H
ปล2. ใครมีอะไรก็เสริมได้ ผมจะได้เรียนรู้เหมือนกันว่าต้องปรับยังไง
ปล3. ***ข้อย้ำอีกที กำลังหัดนับ***
BTC/USD - อาจจบรอบใหญ่แบบน่ากลัว
ผมตามราคา Bitcoin ตั้งแต่ high ปี 2020 ก่อนที่จะลงมา 4000
แล้วมา งงๆ ตรงที่ตอนขึ้นมา มันไม่ใช่ 5 wave. เพราะดูแล้วนับยังไงก้ได้แค่ 3 เลยหยุดดูไปก่อน
ตอนนี้มาดู บริเวณที่นับได้ไม่ครบ 5 wave มันเหมือนเป็น 3 wave ที่เชื่อมกัน. เลยนับเป็น abc
แล้วที่ขึ้นมาจากปีที่แล้ว ดูเป็น 5-3-5
พอลอง zoom ออกมาดู เหมือนว่าที่ขึ้นมา10 ปีนี้ ครบ 5 wave ไปแล้ว
หรือว่า มันครบ 5 wave แล้วจริงๆ. เพราะถ้าเป็นแบบนี้ แปลว่า correction รอบต่อไป จะลงไปราคาหลัก x,xxx USD อีกรอบ
ไม่ควรมาซื้อราคาแถวนี้ครับ
รอดูกันไป. ถ้าลงมาหนักๆจริง จะเป็นโอกาสดีมากๆที่จะได้ซื้อครับ
GBPUSD การวิเคราะห์ประจำวัน 19/10/2020 by TraderTan นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจำเป็นต้องเจรจากับบรรดาพันธมิตรเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์การค้าโลกโดยมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีน แต่นายไบเดนปฏิเสธที่จะระบุว่า เขาจะเข้าร่วมในข้อตกลงการค้าของเอเชียที่จีนสนับสนุนซึ่งได้มีการลงนามกันไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาหรือไม่
ต่อข้อถามในการแถลงข่าวว่า สหรัฐจะเข้าร่วมในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) หรือไม่นั้น นายไบเดนกล่าวว่า เขายังไม่สามารถหารือเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐ เพราะเขายังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐ
-- บริษัท S&P Dow Jones Indices LLC ซึ่งเป็นผู้จัดทำดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กออกแถลงการณ์ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทยว่า หุ้นของบริษัทเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ จะถูกรวมในการคำนวณดัชนี S&P500 ก่อนการซื้อขายในวันจันทร์ที่ 21 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้นในการซื้อขายนอกเวลาทำการ โดย ณ เวลา 07.41 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ราคาหุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 13.55%
-- บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ แถลงในวันนี้ว่า ผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟสที่ 3 พบว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกัน
ไวรัสโควิด-19 มากกว่า 94%
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า เขารู้สึกสบายดี และจะบริหารประเทศผ่านทางแอปพลิเคชั่น Zoom
ทั้งนี้ นายจอห์นสันกำลังอยู่ในระหว่างการกักตัวเอง หลังจากที่เขาสัมผัสกับสมาชิกรัฐสภาอังกฤษที่มีผลการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวก โดยนายจอห์นสันจำเป็นต้องเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) ในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า เพื่อหาทางบรรลุข้อตกลง ก่อนที่ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของอังกฤษในการแยกตัวออกจาก EU จะสิ้นสุดลงในปลายปีนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อังกฤษต้องแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit)
-- ตัวแทนของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เตรียมจัดการประชุมในสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาแนวทางพยุงตลาดน้ำมันในปีหน้า ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อราคาและอุปสงค์น้ำมัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) ของโอเปกพลัสจะจัดการประชุมในวันนี้ และจะตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตของประเทศสมาชิกด้วย ขณะที่คณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) จะจัดการประชุมในวันพรุ่งนี้
แนวรับแนวต้านที่สำคัญ
1.32820 แนวต้าน
1.32275 แนวต้าน
1.31677 แนวรับ
1.31086 แนวรับ
ความคิดเห็นในเชิงเทคนิค
RSI กำลังเป็นเทรนขาขึ้น
หลังจากที่ได้มีการเทขายจากราคา 1.32820 ลงมาทดสอบแนว 1.31086 ราคาได้มีแรงซื้อกลับเข้ามาทำให้ราคาขึ้นไปทดสอบแนว 1.32275 หลังจากนั้นมีการพักตัวที่บริเวณแนว 1.31677 หากราคาสามารถกลับขึ้นไปทดสอบแนว 1.32392
และสามารถทะลุและปิดราคาเหนือแนวได้ มีโอกาสที่ราคาจะไปทดสอบแนว 1.32820
ทางเลือกในการลงทุน
รอให้ราคาขึ้นไปทะลุแนวและปิดเหนือแนว 1.32392 หลังจากนั้นหาจังหวะในการเข้า ซื้อ โดยกำหนดกำไรอยู่ที่แนว 1.32820
ทอง ( GOLD ) มีสัญญาณ "ซื้อ" 6/11/2020ราคาทอง TF Daily = Buy Sig เนื่องจาก
- ทะลุกรอบสะสม 1850 - 1930 และดูเหมือนจะยืนได้แล้ว
- ทะลุ Bollinger's Band บน ( กลยุทธ นี้ Backtest กับทอง TF Daily แล้วมีกำไร )
- MACD กำลังจะมากกว่า 0 ในอีก 2-3 วัน
ขาขึ้นรอบนี้จะ fail ( invalidated ) ถ้าหากว่า...
- ราคากลับลงมาวิ่งในกรอบสะสม 1850-1930
- ถ้าราคาหลุด low 1850 มีแนวโน้มที่จะวิ่งไปหา low ใหม่ ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน
ความเห็นส่วนตัว
-------------------
* ส่วนตัว ผมทยอยวาง order buy ดักไว้แถวๆ กรอบสะสม ดังนั้น ก็ได้ของมาเต็มมือแล้ว รอบนี้ก็รันเทรนไปยาวๆ ถ้าไม่หลุด low 1850 ก็ไม่ออกครับ
* ไปอ่านเพจบางเพจ มีคนที่ติด Short ทองหนัก จนเหลืออีกนิดเดียวก็ล้างพอร์ตแล้ว ซึ่งถ้าคนเหล่านี้ zoom out มองเทรนใหญ่ระดับ weekly เราจะเห็นเทรนขาขึ้นชัดเจน ซึ่งก็ไม่ควรที่จะ short เลยด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละ มือใหม่ มักจะเสียตังให้กับการไม่รู้อยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องปกติ
* ใครจะมาเข้าตาม สัญญาณนี้ ไม่ควรที่จะไปเทรดแบบ overtrade นะครับ เพราะมันเป็นสัญญาณยาว TF Daily เหมาะสำหรับคนที่ไปซื้อทองแท่งถือยาว หรือเล่นด้วย microlot เข้าน้อยๆ ความเสี่ยงต่ำๆ มากกว่าครับ
BLAND คาดว่าจบ w.4 ใหญ่ และจะทำ w. 5 ใหญ่ (TF month/week)ใน time frame #month
มีสัญญาณ hidden bullish ของทั้ง cci และ sto คาดว่า wave 4 ปรับตัวจบในรูปแบบ correction flat
ปรากฎแท่งเทียนกลับตัว pinbar
และจากการ zoom ขา c ในระดับ week พบว่าขา c ปรากฎสัญญาณของ bullish divergent บ่งบอกสถานะครบคลื่นย่อย
สามารถเก็บหุ้นในระยะยาวได้ เป้าหมายอาจไปที่ high เดิม 2.29 - 2.30 บาท หรืออาจทำ new high ใหม่
cut loss เมื่อหลุด 1.46 บาท หมายความว่าขา c อาจจะยังไม่จบ
EURUSD กับทิศทางที่เริ่มชัดเจนขึ้น"When in doubt, zoom out" - JC Parets
เริ่มจากภาพรวมใหญ่ก่อนนะครับ หลังจากการกลับตัวของขาลงเมื่อกันยายนปี 2016 พร้อมกับการทำ Bullish Divergence ที่ RSI
EURUSD ก็ได้ทำการกลับตัวเป็นขาขึ้น
ซึ่ง EURO ได้แข็งค่าต่อ US dollar และไปสิ้นสุดที่ fibonacci extension 2.618 ที่ราคา 1.243 พร้อมกับทำ Bearish divergence เช่นกัน
หลังจากเกิด Bearish divergence ราคาได้ย่อตัวลงมาเรื่อยๆและตกอยู่ในช่วง sideway มาตั้งแต่ปลายปี 2018 จนถึงตอนนี้
จนถึงตอนนี้ แนว 1.118-1.12 ได้ทำการป้องกันการไหลลงของราคามาแล้ว 3 ครั้ง
ทำให้ราคาตอนนี้อยู่ในกรอบของ Fibonacci 0.382 (1.12) ของขาลง และ 1 (1.124) ของการกลับตัวเมื่อ 2016
วันนี้ราคาได้ complete แพทเทิน Head and shoulder เล็กๆที่มี target 1.112-1.113 โดยได้ทะลุ neck line ลงมาแล้ว และกำลังทำการเทส Fibonacci 100% ของกันยายน 2016 ที่ราคา 1.124
สังเกตได้ว่า มีการทำ Bullish divergence ที่ RSI
ต้องจำไว้ว่า
*Divergence สามารถเกิดแล้วเกิดอีกได้ ไม่จำเป็นว่าเกิด divergence แล้วราคาต้องกลับตัวเสมอไป*
เมื่อพิจารณาประกอบกับดัชนี dollar index
ตอนนี้แม้ว่าดัชนี dollar index ยังแข็งอย่างต่อเนื่อง เข้าใกล้ fibonacci extension 1.618 ที่ 97.8แล้ว แต่พิจารณาจาก RSI ก็ยังไม่พบสัญญาณการกลับตัว
เป็นไปได้ว่า DXY จะดีดตัวไปถึง Fibonacci retracement 0.236 ที่ 99.12-100
ซึ่งอาจส่งผลให้ EUR/USD pair มีการไหลลงไปที่ราคาตาม target ของ head and shoulder ที่ 1.113
เมื่อถึงตรงนั้น EUR/USD จะอ่อนค่าลงเรื่อยๆหรือไม่?
เมื่อพิจารณาจาก asset class หุ้น S&P500 ที่เคยกลับตัวเข้าสู่ bear market เมื่อปี 2007 เมื่อดัชนี Dollar index ทำ All Time High จากวิกฤตต้มยำกุ้งทำให้เศรษฐกิจของอเมริกาถดถอยเนื่องจากส่งออกไม่ได้
(ติดตามได้จากการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ )
ตอนนี้ S&P500 และ Dollar index ได้เข้าใกล้สถานการณ์คล้ายๆกัน
FOMC meeting เดือนหน้าอาจมีการประชุมลดดอกเบี้ยระยะสั้นของอเมริกาลง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนปี 2000
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวจาก wallstreet journal ชี้ว่า Fed พิจารณาลดดอกเบี้ย
www.wsj.com
ในสัปดาห์นี้ถึงก่อนเวลาที่ผลการประชุม FOMC จะประกาศ อาจเห็น EUR/USD ไหลลงไปที่ 1.113 จากนั้น กลับขึ้นมาเหนือ 1.124 เมื่อ Fed ประกาศลดดอกเบี้ยได้
สรุป
1. การประชุม FOMC คือตัวแปรสำคัญ
2. Short term - Level ที่ต้องจับตาคือ สัญญาณ "SELL" ที่ระยะ 1.124 โดยมี target ที่ 1.113
3. หากราคาสามารถทะลุ 1.124 ขึ้นไปถึง 1.13 ให้รอสัญญาณ "BUY" เหนือ 1.124 โดยอาจบ่งบอกถึงการกลับตัว เมื่อถึงเวลานั้นค่อยมีวิเคราะห์ upside target กันอีกครั้งครับ
4. ระยะยาว คิดว่า EUR/USD สามารถกลับตัวเป็นขาขึ้นได้หาก Fed ประกาศลดดอกเบี้ย