วิเคราะห์ทองคำพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน 2564ทองคำนิวยอร์กปิดตลาดบวกเล็กน้อยก่อนผลประชุมนโยบายการเงินจะออกมา
ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดตลาดบวกเล็กน้อย เมื่อคืนนี้ตลาดทองคำ COMEX (Commodity Exchange) สัญญาส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดบวกเล็กน้อย 0.6 ดอลลาร์ หรือ +0.03% ปิดที่ระดับ 1,778.8 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้นั้นตลาดลงทุนทองคำค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนเฝ้ารอติดตามรายงานผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงเวลาตีหนึ่งของเช้าวันนี้ และปัจจัยที่นักลงทุนอยากจะได้ฟังความคิดเห็นของเฟดว่ามีความคิดเห็นและมีมาตรการรองรับอย่างไรบ้างเกี่ยวกับสถานการณ์ของเอเวอร์แกรนด์ที่ผิดนัดชำระหนี้ไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้ทองคำยังได้อานิสงฆ์เล็กน้อยจากการที่รายงานยอดขายบ้านมือสองที่ออกมาลดลง 2% สู่ระดับ 5.88 ล้านยูนิตในเดือน ส.ค. ซึ่งก็ต่ำกว่าที่คาดการณ์ในระดับ 5.89 ล้านยูนิต การลดลงครั้งนี้เกิดจากราคาบ้านที่สูงขึ้น, สต็อคบ้านในระดับต่ำ, ราคาวัสดุก่อสร้างที่ยังแรงอยู่
สำหรับรายงานการประชุมที่ผ่านมาเมื่อคืนที่ผ่านมานั้นก็สร้างความสับสนตลาดลงทุนทองคำพอสมควรเนื่องจากในรายงานที่เรียกว่า “dot plot” ที่ออกมานั้นไม่ได้กล่าวถึงการปรับลดวงเงินงบประมาณ QE เลยแต่อย่างใด ทำให้ดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับลดลงทันที ส่งผลให้ทองคำปรับตัวขึ้น จนเมื่อนายเจอโรมออกมากล่าวประโยคตอนหนึ่งจากคำถามของนักข่าวว่าจะมีมาตรการดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE นายเจอโรมตอบว่า “ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดแรงงานยังไม่มีการขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพตามที่เราคาดหวังว่า โดยหากเงินเฟ้อและตลาดแรงงานมีการขยายตัวตามเป้าหมายที่เราวางไว้ ก็เป็นไปได้ว่าในการประชุมครั้งหน้า คณะกรรมการเฟดอาจจะพิจารณาโดยอาศัยข้อมูลเป็นวงกว้าง เฟดจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่” นั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้ตลาดคาดหวังว่าจะเกิดการทำ QE ในปลายปีนี้ สำหรับในคำถามเกี่ยวกับบริษัท ไชน่า เอเวอแกรนด์ กรุ๊ป เจอโรมกล่าวว่า “สถานการณ์ของเอเวอร์แกรนด์มีผลกระทบต่อจีนมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากหนี้สิ้นที่สูงมาก ส่วนในสหรัฐนั้น การผิดนัดชำระหนี้ของภาคเอกชนอยู่ในระดับที่ต่ำมากในขณะนี้ ดังนั้นผมจึงมองว่า ปัญหาหนี้สินของเอเวอร์แกรนด์อาจส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินโลกในแง่ของการที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่น” ส่วนของความวิตกกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐอาจผิดนำชำระหนี้หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ พาวเวลกล่าวว่า “เฟดไม่สามารถปกป้องเศรษฐกิจและตลาดการเงินของสหรัฐจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลได้ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในเวลาที่เหมาะสม เพื่อที่รัฐบาลสหรัฐจะสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด แต่หากไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้และรัฐบาลเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ ก็จะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงิน ทั้งนี้ ไม่ควรมีใครตั้งสมมุติฐานว่าเฟดจะสามารถปกป้องตลาดหรือเศรษฐกิจสหรัฐได้ หากเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น”
ทั้งนี้เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่นๆ
การคาดหวังต่อนโยบายการเงินนั้นก็ยังมีสัญญาณไว้ว่าจะมีการปรับ QE ในเวลาใกล้นี้ ทำให้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง ส่วนทองคำก็ปรับร่วงต่ำลงมา
ประเมินทางเทคนิคทองคำวันนี้
ทองคำปรับตัวต่ำลงอีกรอบหลังพยายามขึ้นไปสู่ระดับ 1,787.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินทางเทคนิคราคาทองคำหากยังไม่สามารถปรับขึ้นเหนือระดับ 1,783 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็ยังคงเห็นการปรับตัวลงของทองคำอย่างต่อเนื่อง แนะนำให้นักลงทุนเฝ้ามองหาจังหวะการปรับตัวขึ้นของทองคำตามบริเวณแนวต้านสำคัญๆ หากไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้นั้น นักลงทุนอาจมองหาสสัญญาณการขายทองคำเพื่อทำกำไรระยะสั้นต่อไป
กลยุทธ์การเทรดทองคำรายชั่วโมงวันนี้
Long Position : รอซื้อทองคำหากราคาทองคำย่อลงสู่ระดับ 1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์แล้วไม่สามารถผ่านระดับราคานี้ลงไปได้ ให้เสี่ยงเปิด “ซื้อ” ที่บริเวณดังกล่าว เน้นการลงทุนระยะสั้นเท่านั้น พิจารณาปิดทำกำไรหากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่าน 1,783 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากผ่านขึ้นไปได้นั้นให้ชะลอการปิดทำกำไรบางส่วนออกไปก่อน ประเมินแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับตัวต่ำกว่า 1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
Short Position: หากราคาทองคำยังไม่สามารถปรับขึ้นเหนือระดับ 1,783 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้นั้น อาจเสี่ยงเปิด “ขาย” ได้จากบริเวณดังกล่าว เน้นการทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น พิจารณาปิดทำกำไรบริเวณ 1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์หากราคาไม่สามารถผ่านแนวรับนี้ลงไปได้ (ตัดขาดทุนหากราคาปรับตัวขึ้นสูงกว่า 1,783 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวรับ แนวต้าน กรอบรายชั่วโมง
-------------------------------------------
Resistance : 1783 / 1793 / 1806
-------------------------------------------
Support : 1759 / 1745 / 1731
-------------------------------------------
แนวโน้มทิศทางทองคำวันนี้
Time Frame H1 = Downtrend
Time Frame H4 = Downtrend
Time Frame Day = Downtrend
Time Frame Week = Uptrend
Time Frame Month = Uptrend
การถือครองทองคำกองทุน SPDR
---------------------------------------------------------------
สถานะทองคำรายวัน : ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครอง
ราคาซื้อขายล่าสุด : 1,774.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ถือครองทองคำสุทธิ : 1,000.79 ตัน
สถานะการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ : 8
รวมการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น : -0.93 ตัน
---------------------------------------------------------------
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**ข้อมูลจากการวิเคราะห์ไม่ได้เป็นเครื่องมือชี้นำระดมทุน เพียงเป็นเครื่องมือประกอบความรู้ในการลงทุนในแต่ละวันเท่านั้น จึงไม่มีส่วนต่อความรับผิดชอบใดๆ อันเกิดขึ้นในภายหลัง
***การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตี 100% ต่อการสร้างผลกำไรในอนาคต
ค้นหาในไอเดียสำหรับ "COMMODITY"
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน แรงขายทำกำไรระยะสั้น กดราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังราคาปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 1,787 เหรียญ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางการปรับตัวลงที่ชะลอตัว ราคาทองคำมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบ 1,742 – 1,787 เหรียญ การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น จึงควรใช้กรอบนี้เป็นจุดซื้อ - จุดขาย
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ (ราคาทองคำได้ปรับลงมาทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ) และคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น (3),(v) มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,969 เหรียญ
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,779 – 1,787 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,758 – 1,747 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) ช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,758 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,779 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,747 เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,758 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,747 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ราคาน้ำมันดิบระยะสั้นแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบ 73.57 – 77.05 เหรียญ การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น จึงควรใช้กรอบนี้เป็นจุดซื้อ - จุดขาย
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 77.05 - 78.35 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 75.50 – 74.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 77.05 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 75.50 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 77.05 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 76.19 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 77.05 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์ดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านทางเทคนิคัลที่ 42,900 เหรียญ หลังราคาปรับตัวลดลงทำจุดต่ำที่ 39,573 เหรียญ ราคาบิทคอยน์เคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาลง สอดคล้องกับสัญญาณ DMI ที่แสดงทิศทางปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบในเขตขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ราคาบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 37,481 เหรียญ เมื่อราคาสามารถยืนปิดเหนือ 42,614 เหรียญ โดยราคาจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น IV, E ที่ 29,296 เหรียญ เมื่อราคาสามารถปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 41,341 เหรียญ และราคาจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น V โดยมีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 50,520 เหรียญ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 44,857 - 46,391 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 42,134 – 40,702 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 44,857 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 42,134 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 46,391 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 44,857 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 46,391 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านทางเทคนิคัลที่ 1,774 เหรียญ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางการปรับตัวลง ราคาทองคำระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลงไปตามแนวโน้มขาลง โดยมีเส้นแนวโน้มขาลงเป็นแนวต้าน ระยะสั้นราคาทองคำแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบ 1,742 – 1,787 เหรียญ การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น จึงควรใช้กรอบนี้เป็นจุดซื้อ - จุดขาย
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ (ราคาทองคำได้ปรับลงมาทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ) และคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น (3),(v) มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,969 เหรียญ
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,783 – 1,793 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,764 – 1,758 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,783 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,764 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,783 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,774 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,783 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นปิดเหนือแนวรับที่ 74.60 เหรียญ สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน ทำให้ราคาน้ำมันดิบระยะสั้นแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบ 74.60 – 77.05 เหรียญ การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น จึงควรใช้กรอบนี้เป็นจุดซื้อ - จุดขาย
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 75.50 - 76.65 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 73.43 – 72.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 75.50 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 73.43 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 75.50 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 74.99 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 75.50 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์ทรุดตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 แท่งเทียนเกิดเป็น Bearish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวทำหน้าที่เป็นแนวต้าน ราคาบิทคอยน์สร้างจุดสูงยกลงต่ำ (Lower High) ราคาบิทคอยน์จึงมีทิศทางเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาลง สอดคล้องกับสัญญาณ DMI ที่แสดงทิศทางปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบในเขตขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ราคาบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 37,481 เหรียญ เมื่อราคาสามารถยืนปิดเหนือ 42,614 เหรียญ โดยราคาจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น IV, E ที่ 29,296 เหรียญ เมื่อราคาสามารถปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 41,341 เหรียญ และราคาจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น V โดยมีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 50,520 เหรียญ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 41,711 - 42,900 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 39,573 – 38,331 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 39,573 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 41,711 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 39,573 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 42,900 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 40,596 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 42,900 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ปิดช่องว่างก่อนปรับฐาน
แรงซื้อเก็งกำไรที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มนำตลาด หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,614.86 จุด เพิ่มขึ้น 11.80 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8.38 หมื่นล้านบาท ต่างชาติและสถาบันภายในประเทศกลับมาเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวขึ้นปิดช่องว่างขาลงที่ 1,617 – 1,625 จุด ก่อนที่จะพักตัวเพื่อปรับฐาน
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันอังคารที่ 21 กันยายน ดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีแนสแดคปรับตัวเพิ่มขึ้น ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท Evergrande และตลาดเฝ้าติดตามผลการประชุมของเฟด
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน แรงซื้อเก็งกำไรหนุนดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดช่องว่าง (Filling the gap) ขาลงที่ 1,617 – 1,625 จุด ระหว่างการซื้อขายดัชนีตลาดปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 1,591 จุด ดัชนีตลาดมีแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,602 จุด โดยมีเส้น MMA2 เป็นแนวรับร่วม และดัชนีตลาดมีแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,585 จุด สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบในเขตขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดช่องว่างขาลงก่อนที่จะปรับตัวลงเพื่อปรับฐาน
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 1,658 จุด ดัชนีตลาดปรับลดลงมาปิดที่ 1,625 จุด ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ทำให้ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบในเขตขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ดัชนีตลาดระยะสั้นปรับตัวขึ้นปิดช่องว่างขาลงที่ 1,617 – 1,625 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,623 – 1,632 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,604 – 1,595 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
วิเคราะห์ทองคำอังคารที่ 21 กันยายน 2564ตลาดทองคำฟิวเจอร์เมื่อวานนี้ปรับบวก 12.4 ดอลลาร์ เหตุตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นปวนยักษใหญ่อสังหาฯ ของจีนผิดนัดชำระหนี้
ตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวานนี้ปั่นป่วนหนัก จนทำให้ปิดลบกันทุกกระดาน นักลงทุนแห่หนีตายเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เหตุจากการที่มีรายงานเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ของจีน ทำให้ทองคำกลับมาบวกได้อีกครั้งสวนกระแสที่บอกว่าทองคำจะปรับตัวต่ำจากการปรับลดวงเงิน QE ของธนาคารกลางสหรัฐในการประชุมระหว่าง 21-22 กันยายนนี้
ตลาดทองคำ COMEX (Commodity Exchange) สัญญาส่งมองเดือนธ.ค. ปิดบวก 12.4 ดอลลาร์หรือ 0.71% ปิดที่ระดับ 1,763.8 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำกลับมาอยู่ในช่วงผันผวนอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่าทองคำจะเจอสภาวะกดดันจากการตัดสินใจนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดในช่วงสองสามวันนี้ แต่เมื่อวานนี้ทองคำต้องเจอกับภาวะผันผวนอีกรอบตลอดทั้งวัน เมื่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ได้ผิดนัดการชำระหนี้ จึงสร้างความกังวลให้กับตลาดหุ้นทั่วโลก ทำให้มีการเข้าซื้อทองคำเข้ามาอีกรอบเพื่อเป็นหลักประกันความเชื่อในฐานะที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
ตลาดหุ้นเอเซียวันนี้ก็เปิดแดนลบกันหมด แต่ในส่วนของเซี่ยงไฮ้คอมฯ วันนี้ปิดทำการ 1 วันเนื่องจากเป็นวันหยุดของประเทศจีนในเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ปัญหาสภาพคล่องของบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วภูมิภาค ถือเป็นประเด็นร้อนที่เข้ามากลบกระแสของการปรับลดวงเงิน QE ธนาคารกลางสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้เอเวอร์แกรนด์ได้ออกแถลงการณ์ยอมรับวาบริษัทฯ กำลังเผชิญกับปัญหาขาดสภาพคล่อง จนเป็นเหตุให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามนัดหมายที่กำหนด ในขณะที่หนี้ของเอเวอร์แกรนด์มากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 10 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับ 2% ของตัวเลข GDP ของจีน
เอเวอร์แกรนด์มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในเดือนนี้ โดยมีกำหนดชำระดอกเบี้ยวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,780 ล้านบาท ในวันที่ 23 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่มีกำหนดครบอายุเดือนมี.ค. 2565 และมีกำหนดชำระดอกเบี้ยวงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,580 ล้านบาท ในวันที่ 29 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่ครบอายุเดือนมี.ค. 2567
หากเอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยเมื่อถึงวันกำหนดชำระดังกล่าว ทางบริษัทจะมีเวลาอีก 30 วันในการชำระดอกเบี้ย มิฉะนั้นจะถือว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ซึ่งหากเอเวอร์แกรนด์ตกอยู่ในสภาพผิดนัดชำระหนี้ ทางบริษัทจะต้องทำการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งคาดว่านักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นกู้ของเอเวอร์แกรนด์จะได้รับส่วนแบ่งการชำระคืนในสัดส่วนต่ำ
ประเมินทางเทคนิคทองคำวันนี้
วันนี้ตลาดทองคำอาจมีความผันผวนบ้าง แต่วันนี้ตลาดการเงินจีนปิดทำการ 1 วัน ทำให้ประเด็นของจีนได้ลดแรงบางส่วนออกไปได้บ้าง สำหรับวันนี้เราได้ประเมินการเข้าหาจุดซื้อขายในกรอบ ซึ่งก็พอมีระยะความคุ้มค่าต่อความเสี่ยง แต่ในกราฟนั้นเราจะวางกลยุทธรองรับสำหรับสถานการณ์รายงานการประชุมของเฟดที่กำลังเริ่มต้นขึ้นในระหว่างวันที่ 21-22 กันยายน นี้ หากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่าน 1,769 ขึ้นไปได้นั้น ก็อาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมาจากการเข้าซื้อทองคำไว้เมื่อวานนี้ ซึ่งนักลงทุนอาจเทขายทำกำไรระยะสั้นออกมาอีกรอบ เราอาจอาศัยจังหวะดังกล่าวเข้าทำกำไรระยะสั้นได้เช่นกัน ทั้งนี้หากจะเข้าทำการเสี่ยงขายก็ให้รอราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,769 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การเทรดทองคำรายชั่วโมงวันนี้
Long Position : หากราคาทองคำปรับตัวย่อมาในบริเวณแนวรับ 1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์ให้รอซื้อทองคำคืนในบริเวณดังกล่าว โดยเน้นการเข้าทำการเก็งกำไรระยะสั้น พิจารณาปิดทำกำไรหากทองคำยังไม่สามารถผ่าน 1,783 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปิดต่ำกว่า 1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
Short Position: เมื่อราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,775-1,769 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้นั้น ให้เสี่ยงเปิด “ขาย” ที่บริเวณดังกล่าว โดยเน้นการเข้าทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น พิจารณาปิดทำกำไรที่ระดับ 1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถผ่านแนวรับดังกล่าวลงไปได้นั้นก็ให้ชะลอการปิดทำกำไรบางส่วนออกไปก่อน (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับขึ้นสูงกว่า 1,775 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวรับ แนวต้าน กรอบรายชั่วโมง
-------------------------------------------
Resistance : 1769 / 1783 / 1793
-------------------------------------------
Support : 1745 / 1731 / 1722
-------------------------------------------
แนวโน้มทิศทางทองคำวันนี้
Time Frame H1 = Downtrend
Time Frame H4 = Downtrend
Time Frame Day = Downtrend
Time Frame Week = Uptrend
Time Frame Month = Uptrend
การถือครองทองคำกองทุน SPDR
---------------------------------------------------------------
สถานะทองคำรายวัน : ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครอง
ราคาซื้อขายล่าสุด : 1,754.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ถือครองทองคำสุทธิ : 1,001.66 ตัน
สถานะการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ : 7
รวมการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น : -0.06 ตัน
---------------------------------------------------------------
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**ข้อมูลจากการวิเคราะห์ไม่ได้เป็นเครื่องมือชี้นำระดมทุน เพียงเป็นเครื่องมือประกอบความรู้ในการลงทุนในแต่ละวันเท่านั้น จึงไม่มีส่วนต่อความรับผิดชอบใดๆ อันเกิดขึ้นในภายหลัง
***การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตี 100% ต่อการสร้างผลกำไรในอนาคต
Por : Technical AnalysisEURUSD
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ค่าเงิน EURUSD แกว่งตัวแคบๆ หลังค่าเงินปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 1.17002 แท่งเทียนเกิดเป็น Hammer เงาส่วนล่างสะท้อนถึงการเดแนวรับ สัญญาณ DMI เริ่มแสดงถึงทิศทางการปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ค่าเงินแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบสามเหลี่ยมแบบ Descending Triangle โดยมีเส้นแนวโน้มขาลงเป็นแนวต้าน จุดต่ำเก่าเป็นแนวรับ ค่าเงินอยู่ในช่วงปรับฐาน เนื่องจากค่าเงินเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาลง
ค่าเงิน EURUSD ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1.17505 – 1.17701 และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1.17002 – 1.16743
กลยุทธ์การลงทุน
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อค่าเงินปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1.17002 เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1.17505 ตัดขาดทุนเมื่อค่าเงินปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1.17002
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อค่าเงินปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1.17505 เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1.17246 ตัดขาดทุนเมื่อค่าเงินปรับตัวขึ้นเหนือ 1.17505
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisGBPUSD
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ค่าเงิน GBPUSD ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 แท่งเทียนเกิดเป็น Three Dark Crows ซึ่งสัญญาณแสดงถึงข่าวลบที่มีเข้ามา และเป็นสัญญาณลงต่อเนื่อง สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ค่าเงินมีทิศทางแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบสามเหลี่ยมแบบ Descending Triangle มีเส้นแนวโน้มขาลงเป็นแนวต้าน และมีจุดต่ำเก่าเป็นแนวรับ ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ราคาระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล แต่จะเป็นการปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน เนื่องจากราคาเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาลง
ค่าเงิน GBPUSD ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1.36990 - 1.37290 และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1.36178 – 1.35910
กลยุทธ์การลงทุน
เปิดสถานะขาย (Open short) ช่วงที่ค่าเงินปรับตัวขึ้นระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1.36178 ตัดขาดทุนเมื่อค่าเงินปรับตัวขึ้นเหนือ 1.36990
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อค่าเงินปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1.36021 เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1.36512 ตัดขาดทุนเมื่อค่าเงินปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1.36021
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองปรับตัวขึ้นปิดในแดนบวก หลังราคาปรับตัวลงทำราคาต่ำที่ 1,742 เหรียญ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางการปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ การเข้าซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น จะหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,774 เหรียญ แต่สัญญาณทางเทคนิคัลที่เป็นลบและราคาทองมีทิศทางเคลื่อนตัวลง บวกผลกระทบจาก Evergrande จะทำให้นักลงทุนบางส่วนถอนเงินลงทุนจากตลาดหุ้น ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน ทำให้ราคาทองคำแกว่งตัวออกด้านข้างในทิศทางลง (Sideways down)
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ (ราคาทองคำได้ปรับลงมาทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ) และคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น (3),(v) มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,969 เหรียญ
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,774 – 1,783 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,753 – 1,742 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่งที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,774 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,753 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,774 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,763 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,774 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน แรงขายทำกำไรระยะสั้น กดราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังราคาแกว่งตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 77.05 เหรียญ สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ นักลงทุนผวาการผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง และส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันดิบตามมา ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสพักตัวลงเข้าหาแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 71.35 เหรียญ
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 75.74 - 76.65 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 73.43 – 72.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) ช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 73.43 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 75.74 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 71.35 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 72.35 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 71.35 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์ทรุดตัวลงแรง แท่งเทียนเกิดเป็น Bearish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวทำหน้าที่เป็นแนวต้าน สัญญาณ DMI เริ่มแสดงทิศทางการปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ราคาบิทคอยน์จะยืนยันการปรับตัวลงเมื่อราคาปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 42,900 เหรียญ และราคาบิทคอยน์จะมีทิศทางเคลื่อนตัวไปจามแนวโน้มขาลง
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 37,481 เหรียญ เมื่อราคาสามารถยืนปิดเหนือ 42,614 เหรียญ โดยราคาจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น IV, E ที่ 29,296 เหรียญ เมื่อราคาสามารถปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 41,341 เหรียญ และราคาจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น V โดยมีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 50,520 เหรียญ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 44,413 - 46,039 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 41,401 – 39,742 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) ช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 41,401 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 44,413 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 39,742 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 41,401 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 39,742 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ผลกระทบจาก Evergrande
การผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande สร้างความวิตกให้กับตลาด หวั่นผลกระทบกระจายในวงกว้าง แรงเทขายในหุ้นกลุ่มนำตลาดส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยดิ่งลงปิดที่ 1,603.06 จุด ลดลง 22.59 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8.5 หมื่นล้านบาท สถาบันภายในประเทศเป็นกลุ่มนำขายสุทธิกว่า 4 พันล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบในเขตขายมากเกิน
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ปิดตลาดในแดนลบ นักลงทุนผวาผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande จะส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้นักลงตื่นเทขายหุ้น
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดทรุดตัวลงแบบมีช่องว่าง (Breakaway Gap ที่ 1,617 – 1,625 จุด) ซึ่งจากนี้ไปจะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน และเป็นสัญญาณลงต่อเนื่อง ดัชนีตลาดหลุดแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement ที่ 1,602 จุด และมีเส้น MMA2 เป็นแนวรับร่วม ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement ที่ 1,585 จุด สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบในเขตขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดช่องว่างก่อนที่จะปรับตัวลงต่อ
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 1,658 จุด ดัชนีตลาดปรับลดลงมาปิดที่ 1,625 จุด ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ทำให้ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบ ส่งผลให้ดัชนีตลาดพักตัวลงเพื่อปิดช่องว่างขาขึ้นที่ 1,621 – 1,611 จุด โดยดัชนีตลาดมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,673 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,611 – 1,621 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,594 – 1,585 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองแกว่งตัวแคบๆ แท่งเทียนเกิดเป็นโดจิ หลังราคาทองคำดิ่งกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ แท่งเทียนโดจิสะท้อนถึงการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อกับแรงขายที่มีพละกำลังพอๆกัน ราคาปิดวันถัดไปจะเป็นตัวบอกทิศทาง สัญญาณ DMI เริ่มแสดงทิศทางการปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ราคาทองคำระยะสั้นมีทิศทางปรับลดลงเข้าแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 1,728 เหรียญ
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ (ราคาทองคำได้ปรับลงมาทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ) และคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น (3),(v) มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,969 เหรียญ
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,763 – 1,774 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,741 – 1,728 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,763 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,741 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,763 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,728 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,741 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,728 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาน้ำมันดิบแกว่งตัวแคบๆใกล้แนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 77.05 เหรียญ แท่งเทียนเกิดเป็น Hanging Man สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ภาวะซื้อมากเกินจะกระตุ้นแรงขายออกมาเป็นระยะ ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวลง จึงควรระวังการเปิดสูงปิดต่ำ ราคาน้ำมันดิบจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวลงเมื่อราคาปรับลดลงปิดต่ำกว่า 74.60 เหรียญ
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 76.65 - 77.05 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 74.60 – 73.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 77.05 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 76.11 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 77.05 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 73.53 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 74.60 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 73.53 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์แกว่งตัวแคบๆ และเคลื่อนตัวออกด้านข้างต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ราคาบิทคอยน์ระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้าง ราคาจะมีทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อราคายืนปิดเหนือ 48,505 เหรียญ และราคาจะมีทิศทางปรับตัวลงเมื่อราคาปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 46,712 เหรียญ
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 37,481 เหรียญ เมื่อราคาสามารถยืนปิดเหนือ 42,614 เหรียญ โดยราคาจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น IV, E ที่ 29,296 เหรียญ เมื่อราคาสามารถปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 41,341 เหรียญ และราคาจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น V โดยมีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 50,520 เหรียญ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 48,915 - 49,893 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 46,712 – 45,550 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 48,505 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 49,893 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 46,712 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 46,712 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 45,550 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 48,505 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisEURUSD
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ค่าเงิน EURUSD ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 แท่งเทียนเกิดเป็น Bearish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวทำหน้าที่เป็นแนวต้าน สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ทำให้ราคาระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 1.16639 ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ราคาระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล แต่จะเป็นการปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน เนื่องจากราคาเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาลง
ค่าเงิน EURUSD ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1.17505 – 1.17889 และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1.16995 – 1.16639
กลยุทธ์การลงทุน
เปิดสถานะขาย (Open short) ช่วงที่ค่าเงินปรับตัวขึ้นระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1.16995 ตัดขาดทุนเมื่อค่าเงินปรับตัวขึ้นเหนือ 1.17505
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อค่าเงินปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1.16639 เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1.16995 ตัดขาดทุนเมื่อค่าเงินปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1.16639
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisGBPUSD
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ค่าเงิน GBPUSD ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 แท่งเทียนเกิดเป็น Bearish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวทำหน้าที่เป็นแนวต้าน สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน ค่าเงินมีทิศทางแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบสามเหลี่ยมแบบ Descending Triangle สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ทำให้ราคาระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 1.36021 ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ราคาระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล แต่จะเป็นการปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน เนื่องจากราคาเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาลง
ค่าเงิน GBPUSD ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1.37583 - 1.37896 และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1.36990 – 1.36686
กลยุทธ์การลงทุน
เปิดสถานะขาย (Open short) ช่วงที่ค่าเงินปรับตัวขึ้นระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1.36990 ตัดขาดทุนเมื่อค่าเงินปรับตัวขึ้นเหนือ 1.37583
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อค่าเงินปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1.36686 เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1.36990 ตัดขาดทุนเมื่อค่าเงินปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1.36686
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ปิดช่องว่าง (Filling the Gap)
แรงเทขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มนำตลาด ฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงปิดที่ 1,625.65 จุด ลดลง 6.05 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1.05 แสนล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 889 ล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางพักตัวลงเพื่อปิดช่องว่างขาขึ้น (Filling the gap) ที่ 1,621 – 1,611 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันศุกร์ที่ 17 กันยายน ตลาดปรับตัวลดลงจากแรงขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวอย่างล่าช้า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้มีการขายหุ้นออกมา
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน แรงเทขายที่มีออกมากดดัชนีตลาดปรับตัวลงปิดช่องว่างขาขึ้น (Filling the gap) ที่ 1,621 – 1,611 จุด และมีแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,602 จุด โดยมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วมอยู่ที่ 1,608 – 1,593 จุด สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางขาขึ้นที่ชะลอตัว สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นอยู่ในช่วงพักตัวเพื่อปรับฐาน ดัชนีตลาดเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ตามการเรียงตัวของเส้น MMA2
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 1,658 จุด ดัชนีตลาดปรับลดลงมาปิดที่ 1,625 จุด ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ทำให้ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบ ส่งผลให้ดัชนีตลาดพักตัวลงเพื่อปิดช่องว่างขาขึ้นที่ 1,621 – 1,611 จุด โดยดัชนีตลาดมีเป้าหมายระยะสั้นอยู่ที่ 1,673 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,635 – 1,642 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,617 – 1,606 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองทรุดตัวลงหลุดแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 1,774 เหรียญ แท่งเทียนเกิดเป็น Bearish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวทำหน้าที่เป็นแนวต้าน สัญญาณ DMI เริ่มแสดงทิศทางการปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ราคาทองคำระยะสั้นมีทิศทางปรับลดลงเข้าแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 1,728 เหรียญ
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ (ราคาทองคำได้ปรับลงมาทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ) และคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น (3),(v) มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,969 เหรียญ
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,763 – 1,774 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,741 – 1,728 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,763 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,741 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,763 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,728 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,741 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,728 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ราคาเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาขึ้น เนื่องจากสร้างจุดต่ำยกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ราคาน้ำมันดิบระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 77.05 เหรียญ และมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 78.35 เหรียญ
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 77.05 – 78.35 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 75.23 - 74.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 77.05 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 75.23 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 77.05 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 76.11 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 77.05 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity