รูปแบบฮาร์โมนิค
SET หลุด 1400 ดาวโจนส์ -1000 กว่าจุด ตลาดหุ้นไทย ยังไงดี?SET หลุด 1400 ดาวโจนส์ -1000 กว่าจุด ตลาดหุ้นไทย ยังไงดี?
ในกราฟที่แสดง มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) รวมถึงแนวโน้มราคา, โครงสร้างตลาด, และการใช้งาน Fibonacci Retracement และ Time Ratio ที่ช่วยคาดการณ์จุดกลับตัวในอนาคต ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์กราฟโดยละเอียด:
---
### 1. **โครงสร้างตลาด (Market Structure)**:
- กราฟนี้แสดงโครงสร้างราคาที่มีการเคลื่อนไหวแบบ **Higher High (H), Lower Low (L)** และ **Retest จุดเดิม (R)** โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้:
- ช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้น: กราฟสร้าง **Higher High (H)** โดยเป็นจุดสูงสุดใหม่
- ช่วงที่ตลาดปรับตัวลง: มีการทะลุแนวรับ (Break of Structure หรือ BOS) และเข้าสู่ช่วงแนวโน้มขาลง
- ช่วง **Retest**: ราคากลับมาทดสอบระดับแนวต้านที่เดิม (บริเวณสีแดง)
---
### 2. **Fibonacci Retracement**:
กราฟนี้แสดงระดับ Fibonacci Retracement ซึ่งช่วยระบุโซนแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ โดยระดับที่เด่นชัดคือ:
- **61.8% (1,411.21):** เป็นโซนที่ราคามักจะเด้งหรือกลับตัว (Good Probability)
- **78.6% (1,385.22):** เป็นโซนแนวรับที่แข็งแกร่ง (Very Good Probability)
- **88.6% (1,369.75):** เป็นโซนสุดท้ายที่มักจะใช้เป็นจุดตัดสินใจ ถ้าราคาทะลุโซนนี้ ตลาดอาจเข้าสู่แนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
---
### 3. **Break of Structure (BOS)**:
- จุด BOS (Break of Structure) เป็นบริเวณที่ราคา **ทะลุแนวรับสำคัญ** และบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง
- การเกิด BOS ในกราฟนี้ยืนยันว่าแนวโน้มขาลงกำลังแข็งแรง
---
### 4. **Time Ratio และวันที่สำคัญ (Fibonacci Time Zone)**:
- วันที่ **20/12/2024** ถูกระบุไว้ในกราฟ ซึ่งอาจเป็นการคาดการณ์จุดกลับตัวสำคัญ โดยสัมพันธ์กับ Fibonacci Time Ratio (0.618, 1.0, 1.618)
- วันที่นี้ถูกใช้เพื่อคาดการณ์ว่าตลาดอาจเริ่มมีการกลับตัวในแนวโน้ม หรือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
---
### 5. **โซนสภาพคล่อง (Liquidity Zone)**:
- บริเวณสีแดง: เป็นโซนแนวต้านที่ราคาทดสอบซ้ำ (Retest) และเป็นพื้นที่ที่นักลงทุนอาจมองหาการขาย (Sell Area)
- บริเวณสีเขียว: เป็นโซนแนวรับ (Demand Zone) ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเด้งกลับเมื่อมาถึง
---
### 6. **จุดสำคัญในกราฟ (Key Levels)**:
- **แนวต้าน (Resistance):**
- บริเวณที่ราคามีการ Retest และไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้ เป็นแนวต้านสำคัญที่บ่งบอกถึงความแข็งแรงของแรงขาย
- **แนวรับ (Support):**
- ระดับ Fibonacci (61.8%, 78.6%, 88.6%) เป็นแนวรับสำคัญที่ราคามักจะมีปฏิกิริยาเมื่อมาถึง
- **ระดับราคาเป้าหมาย (Target Levels):**
- ถ้าราคาทะลุระดับ 1,369.75 (88.6%) ตลาดอาจปรับตัวลงต่อ โดยเป้าหมายถัดไปอาจอยู่ในช่วง 1,344
---
### 7. **การวิเคราะห์การกลับตัว (Reversal Analysis):**
- หากราคาสามารถยืนเหนือระดับ **61.8% (1,411.21)** ได้ อาจมีโอกาสที่แนวโน้มจะกลับมาเป็นขาขึ้นในระยะสั้น
- ถ้าราคาลงไปที่ **78.6% (1,385.22)** หรือ **88.6% (1,369.75)** แต่มีแรงซื้อกลับมา อาจเกิดการเด้งกลับในแนวโน้มขาลง
---
### 8. **กลยุทธ์การเทรด (Trading Strategy)**:
- **สำหรับฝั่งขาย (Short):**
- มองหาการเปิดสถานะขายเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน (บริเวณสีแดง) หรือระดับ 61.8%
- **สำหรับฝั่งซื้อ (Long):**
- มองหาการเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาลงมาที่ระดับ 78.6% หรือ 88.6% และแสดงสัญญาณการกลับตัว
- **เป้าหมาย (Targets):**
- สำหรับฝั่งซื้อ: เน้นเป้าหมายระยะสั้นในกรอบ Fibonacci Retracement
- สำหรับฝั่งขาย: เป้าหมายที่ระดับ 1,344 หรือต่ำกว่า หากแนวรับถูกทะลุ
---
### สรุป:
กราฟนี้มีการใช้งาน Fibonacci Retracement, Time Ratio และการวิเคราะห์โครงสร้างตลาดอย่างชัดเจนเพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต จุดสำคัญที่ต้องจับตามองคือ:
1. การเคลื่อนไหวของราคาในระดับ Fibonacci 61.8%, 78.6%, และ 88.6%
2. การ Retest ในโซนแนวต้าน
3. วันที่ 20/12/2024 ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ
การวางกลยุทธ์ควรพิจารณาแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ และรอคอยการยืนยันจากพฤติกรรมราคาก่อนตัดสินใจเทรด
โอกาสลงจบและเข้าซื้อเกิดที่โซนราคาใด และ เมื่อไหร่
จากการวิเคราะห์ข้อมูลในกราฟ โอกาสเข้าสู่ **โซนซื้อ (Buy Zone)** ขึ้นอยู่กับจุดที่ราคาเคลื่อนที่ถึงแนวรับสำคัญ หรือแสดงสัญญาณกลับตัวในระดับ Fibonacci Retracement ที่สำคัญ รวมถึงโซนแนวรับเชิงโครงสร้างในตลาด (**Demand Zone**) ต่อไปนี้คือรายละเอียด:
---
### **1. ราคาเป้าหมายสำหรับโซนซื้อ**
#### ระดับ Fibonacci Retracement:
1. **78.6% (1,385.22):**
- เป็นโซนแรกที่มีโอกาสเห็นแรงซื้อกลับตัว เพราะระดับนี้มักเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในตลาดขาลง
- หากราคาลงมาทดสอบที่บริเวณนี้พร้อมด้วยสัญญาณกลับตัว เช่น แท่งเทียนกลับทิศ (Bullish Candlestick) หรือวอลุ่มเพิ่มขึ้น อาจเปิดสถานะซื้อได้
- **กลยุทธ์:** รอคอนเฟิร์มด้วย Price Action หรือ Bullish Divergence จากเครื่องมือ Indicator เช่น RSI
2. **88.6% (1,369.75):**
- หากระดับ 78.6% ไม่สามารถรองรับแรงขายได้ ราคาจะเคลื่อนที่ลงมายังโซนนี้ ซึ่งเป็นโซนสุดท้ายที่มีแนวโน้มจะเกิดการกลับตัว
- **กลยุทธ์:** พิจารณาเปิดสถานะซื้อในโซนนี้พร้อมตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ใต้โซนเล็กน้อย เช่น 1,360
#### โซนแนวรับเชิงโครงสร้าง (Demand Zone):
- บริเวณ **1,380 - 1,370** (พื้นที่สีเขียว):
- โซนนี้เป็นแนวรับเชิงโครงสร้างที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นจุดที่เคยเกิดแรงซื้อในอดีต
- สัญญาณการกลับตัวในบริเวณนี้จะเพิ่มความมั่นใจให้การเปิดสถานะซื้อ
---
### **2. เวลาเป้าหมาย**
#### Fibonacci Time Ratio:
- วันที่ระบุในกราฟคือ **20/12/2024**:
- วันที่นี้สัมพันธ์กับ Fibonacci Time Ratio ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสเกิดจุดกลับตัวสำคัญ
- หากราคายังอยู่ในแนวโน้มขาลง ณ เวลานี้ หรือเคลื่อนที่ลงมายังระดับ Fibonacci Retracement ที่ระบุไว้ (78.6% หรือ 88.6%) อาจเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเข้าสู่สถานะซื้อ
#### แนวโน้มโดยรวม:
- หากราคาปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วงก่อนวันที่ 20/12/2024 และเริ่มแสดงสัญญาณกลับตัวในช่วงใกล้วันดังกล่าว อาจถือเป็นจุดเข้าซื้อที่เหมาะสมที่สุด
---
### **3. สัญญาณยืนยันสำหรับเปิดสถานะซื้อ**
- **รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns):**
- แท่งเทียนกลับตัว เช่น **Bullish Engulfing**, **Hammer**, หรือ **Morning Star** ในระดับแนวรับ
- **วอลุ่ม (Volume):**
- ดูวอลุ่มเพิ่มขึ้นในช่วงแนวรับ หากมีแรงซื้อที่ชัดเจน
- **Divergence กับ Indicators:**
- ใช้ RSI หรือ MACD เพื่อดู **Bullish Divergence** (ราคาไปต่ำกว่า แต่ Indicator ไม่ต่ำกว่า)
---
### **สรุปโอกาสเข้าสู่โซนซื้อ**
- **ระดับราคาเป้าหมาย:**
- โซนแรก: 1,385 (78.6% Fibonacci Retracement)
- โซนสุดท้าย: 1,370 (88.6% Fibonacci Retracement)
- **เวลาเป้าหมาย:**
- ประมาณวันที่ **20/12/2024** หรือก่อนหน้านี้ หากราคาเคลื่อนที่เข้าสู่โซนซื้อในแนวรับที่สำคัญ
- **สัญญาณยืนยัน:**
- ใช้ Price Action, Volume, หรือ Indicators เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเปิดสถานะซื้อ
---
การตัดสินใจเข้าซื้อควรพิจารณาร่วมกับการตั้ง **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss)** และ **จุดทำกำไร (Take Profit)** เพื่อบริหารความเสี่ยงในการเทรดอย่างเหมาะสม.
890 ที่ใฝ่ฝัน- กลับไปดูไร่อ้อยที่ปลูกไว้ ตั้งแต่ วันเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อวานเปิดดู อ้าว เซอร์ไพรซ์ตลาดเรื่องกลุ่ม cp
- เอาเถอะเราไม่ใช่แนวพื้นฐาน เราวางแผนมาแล้ว
- 890 คือเลขที่ผมบอกมานานตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว ยิ่งเข้าใกล้ก็จะซื้อเก็บ แล้วไป stop loss ที่ 860
- ไสตล์ผมคือเล่นรอบ จะไม่เข้าออกบ่อยเพราะ เราเสียค่าคอมบ่อยไม่คุ้ม
- สัปดาห์ที่แล้วคิดว่าจะขึ้นไปไฮเดิม แต่มีเซอร์ไพรซ์ ผมแก้ยังไง ผมจะทำ calandar spread ไว้
- วันนี้ก็ลงต่อแต่ผมปลด Short ไปแล้วถือ L จะไปปิดจนกว่าจะหลุด 860
- ผมอาจจะผิดได้แต่ราคานี้ ค่อนข้างได้เปรียบ 890 - 885
การเพิ่มขึ้นของทองคำทำให้มีโอกาสที่จะร่วงลงหรือไม่?ทำความเข้าใจกับทองคำในประโยคเดียว: ทองทะลุกรอบเล็กน้อยในระยะสั้น และคาดว่าจะสูงขึ้นในวันนี้ และราคาโดยรวมยังอยู่ในช่วงช็อก
ราคาแนวต้านสั้น 1: 2688.00
ราคาแนวต้านสั้น 2: 2702.00
ราคาดุลยภาพสั้นและยาว: 2660.00
ราคาแนวรับกระทิง 1: 2653.00
ราคาแนวรับกระทิง 2: 2635.00
การวิเคราะห์บทความจะต้องพิจารณาจากแนวโน้มของตลาดแบบเรียลไทม์ เพื่อให้คุณสามารถดูด้านล่างของบทความและไปที่พื้นที่เพื่อรับคำตอบที่คุณต้องการ
ให้เราตรวจสอบแนวโน้มของทองคำด้วยกัน ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนผม
Trade record: Sell Goldเหตุผลที่เข้าเทรด
** เข้าตามแพทเทิร์น AB=CD และ Butterfly ใน TF m30
**แท่งเทียน Time Frame M15 มี reject
** มี Supply Zone ใน Time Frame M30, H1
**RSI ใน TF:M15, อยู่ในตำแหน่ง Overbought
**RSI เกิด Bearish divergance ใน Time Frame M5
**ราคาอยู่ในจุด Upper Band Time Frame M15
* มีวอลุ่มเทขายใน Time Frame M15
* มีการกวาด Liquidity ก่อนถึงโซน POI และ D point
** ตั้ง เบรคอีเว้นท์ 500 points
*ข้อมูลที่นำเสนอ เป็นเพียงการวิเคราะห์เชิง Technical ส่วนบุคคล เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเทรดเท่านั้น
*By ช่างพงษ์
Trade record: Buy Gold
เหตุผลที่เข้าเทรด
** เป็นการเล่น แพทเทิร์น AB=CD ใน ขา C ไป D
**แท่งเทียน Time Frame M5 มี reject
** มี Demand Zone ใน TF M15,M30,*ที่ส่งราคาไปชนะไฮล่าสุด**
** เกิด Bullish divergence ใน TF m1
**ราคาอยู่ในจุด Lower Band Time Frame M15
* มีการกวาด Liquidity ก่อนถึงโซน POI
* มีวอลุ่มซื้อใน Time Frame M5
** ตั้ง เบรคอีเว้นท์ 600 points
*ข้อมูลที่นำเสนอ เป็นเพียงการวิเคราะห์เชิง Technical ส่วนบุคคล เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเทรดเท่านั้น
*By ช่างพงษ์
SP500 กับ TD SEQUENTIALการใช้งาน **TD Sequential** แบบง่ายๆ มี 2 ส่วนหลัก คือ **การนับ Setup** และ **การนับ Countdown** โดยมีเป้าหมายเพื่อหาจุดที่ราคามีโอกาสกลับตัว (reversal) หรือเปลี่ยนทิศทางในอนาคต
---
### 1. **การนับ Setup (Setup Phase)**
เป้าหมาย: มองหาช่วงที่ราคาขึ้นหรือลงติดต่อกัน
- **เริ่มนับเมื่อพบแนวโน้มที่ชัดเจน**
- หากราคาปิด (close) สูงกว่าราคาปิดของแท่งเมื่อ **4 แท่งก่อนหน้า** (สำหรับแนวโน้มขาขึ้น) ให้เริ่มนับ "1, 2, 3..." ไปเรื่อยๆ
- ในทางกลับกัน หากราคาปิดต่ำกว่าราคาปิดเมื่อ 4 แท่งก่อนหน้า (แนวโน้มขาลง) ก็ให้เริ่มนับในทิศทางลง
- **หยุดนับเมื่อครบ 9 แท่ง**
- ถ้านับได้ครบ 9 แท่งขึ้นหรือลง แสดงว่ามี "สัญญาณระวัง" ว่าอาจใกล้ถึงจุดกลับตัว
- หากนับไม่ครบ 9 แต่มีแท่งที่ไม่เป็นไปตามกฎ เช่น ปิดต่ำกว่าราคาปิด 4 แท่งก่อน (ในขาขึ้น) การนับจะถูกรีเซ็ต
---
### 2. **การนับ Countdown (Countdown Phase)**
เป้าหมาย: ยืนยันจุดกลับตัวที่แข็งแรงขึ้น
- **เริ่มนับใหม่จากแท่งที่ Setup ครบ 9**
- ในขั้น Countdown จะดูราคาปิด (close) ว่าต่ำกว่า (หรือสูงกว่า) ราคาปิด **2 แท่งก่อนหน้า**
- นับไปเรื่อยๆ จนถึง 13 แท่ง (ต้องครบ 13 เพื่อยืนยันจุดกลับตัว)
- **หากไม่ถึง 13 อาจยังไม่มีการกลับตัวแน่นอน**
- หากมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มระหว่างทาง การนับ Countdown จะถูกรีเซ็ต
---
### การใช้งานจริง
1. **ดูแนวโน้มก่อน**
- ถ้าราคาขึ้นหรือลงต่อเนื่องเกิน 9 แท่ง อาจเป็นสัญญาณว่าตลาด "เหนื่อย" และใกล้กลับตัว
2. **ใช้ร่วมกับข้อมูลอื่น**
- TD Sequential จะให้ "สัญญาณเตือน" แต่ไม่ใช่ตัวบอกจุดเข้า-ออกที่แน่นอน ดังนั้นควรใช้ควบคู่กับเครื่องมืออื่น เช่น เส้นแนวรับ-แนวต้าน, Moving Average หรือ MACD
3. **ตัวอย่าง**
- หากนับได้ครบ **9 แท่งขาขึ้น (Setup)** และนับได้ **13 แท่ง (Countdown)** แล้วเห็นว่าราคาเริ่มนิ่งหรือกลับทิศ อาจพิจารณาขายทำกำไร
---
### สรุปแบบง่ายๆ
- **9 คือจุดเตือน**: ราคาขึ้น/ลงต่อเนื่องครบ 9 แท่ง อาจเตรียมกลับตัว
- **13 คือจุดยืนยัน**: หากครบ 13 แท่งใน Countdown แสดงว่าการกลับตัวมีโอกาสสูงขึ้น
TD Sequential ช่วยให้เรารู้จังหวะที่จะ **รอ** และ **ไม่รีบตัดสินใจ** ตามอารมณ์ของตลาด!
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ หุ้น MONO ขึ้นมานับ TD SELL SETUP 9 ใน DAY จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ หุ้น MONO ขึ้นมานับ TD SELL SETUP 9 ใน Time Frame DAY
เมื่อหุ้น **MONO** ขึ้นมานับถึง **TD Sell Setup 9** ใน Time Frame Day (รายวัน) ตามทฤษฎีของ Tom DeMark (TD Sequential) หมายถึงสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งบอกว่าหุ้นอาจมีโอกาสหยุดขึ้นหรืออาจเริ่มปรับตัวลงในระยะสั้น ทั้งนี้ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น สภาพตลาดโดยรวม และการเคลื่อนไหวของหุ้นใน Time Frame อื่น ๆ
### การตีความ TD Sell Setup 9:
1. **ความหมายของ TD Sell Setup:**
- TD Sell Setup จะเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 9 แท่งเทียน (แท่งรายวันในกรณีนี้) โดยแต่ละแท่งต้องมีราคาปิดสูงกว่าราคาปิดของแท่งเทียนเมื่อ 4 วันก่อนหน้า
- เมื่อครบ 9 แท่งเทียน จะถือว่าเป็น "สัญญาณขาย" หรือเป็นจุดที่ราคามีโอกาสชะลอตัวหรือเริ่มปรับตัวลง
2. **ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น:**
- ราคาหุ้นอาจพักตัวหรือปรับฐาน
- มีโอกาสที่นักลงทุนบางส่วนจะขายทำกำไร หากเกิดแรงขายมาก ราคาหุ้นอาจปรับลดลงในระยะสั้น
- ถ้าหุ้นยังมีโมเมนตัมเชิงบวกแรง ๆ ราคาก็อาจปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยสัญญาณ TD Sell Setup อาจล้มเหลว
### การยืนยัน (Confirmation):
- สัญญาณ TD Sell Setup 9 เป็นเพียงคำเตือนเบื้องต้น นักลงทุนมักรอ "TD Countdown" เพื่อยืนยันแนวโน้มการกลับตัว
- ดูปัจจัยเสริม เช่น เส้นแนวรับ-แนวต้าน, Volume การซื้อขาย, และสัญญาณจากอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เช่น RSI, MACD
### สิ่งที่ควรทำ:
1. **ระมัดระวังการเข้าซื้อเพิ่ม:** หากราคาขึ้นมาต่อเนื่องจนถึง TD Sell Setup 9 แล้ว อาจไม่เหมาะสำหรับการเข้าซื้อเพิ่มในระยะสั้น
2. **พิจารณาขายทำกำไร:** โดยเฉพาะหากราคามีแรงขายหรือไม่สามารถทะลุแนวต้านสำคัญได้
3. **รอจังหวะปรับฐาน:** หากราคาหุ้นพักตัว อาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อราคาลงมาที่แนวรับที่แข็งแกร่ง
### สรุป:
TD Sell Setup 9 ในหุ้น MONO แสดงถึงความเสี่ยงที่ราคาหุ้นอาจหยุดขึ้นหรือเริ่มปรับตัวลงในระยะสั้น แต่ยังไม่ใช่สัญญาณการกลับตัวอย่างสมบูรณ์ นักลงทุนควรใช้ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ เพื่อยืนยันและวางกลยุทธ์การลงทุนอย่างรอบคอบ.
S50Z24 กับ Harmonic Bearish Butterfly### **Harmonic Bearish Butterfly**
Harmonic Bearish Butterfly เป็นหนึ่งในรูปแบบของ **Harmonic Pattern** ซึ่งใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อตรวจจับจุดกลับตัวของราคา (Reversal Points) ในตลาดการเงิน โดยเป็นรูปแบบที่บ่งชี้ว่าราคากำลังจะปรับตัวลงจากจุดสูงสุดที่ระบุในโครงสร้างของรูปแบบ
#### **องค์ประกอบของ Harmonic Bearish Butterfly**
รูปแบบนี้ประกอบด้วย 4 ขา (legs) คือ **X-A, A-B, B-C, C-D** และต้องเป็นไปตามอัตราส่วน Fibonacci ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ดังนี้:
1. **X-A**: เป็นขาขึ้นที่เริ่มต้นรูปแบบ
2. **A-B**: ราคาย่อตัวลงจากจุด A ไปยังจุด B โดยต้องอยู่ระหว่าง 78.6% ถึง 88.6% ของขา X-A
3. **B-C**: ราคากลับตัวขึ้นจากจุด B ไปยังจุด C โดยต้องอยู่ระหว่าง 38.2% ถึง 88.6% ของขา A-B
4. **C-D**: ราคาขึ้นต่อจากจุด C ไปยังจุด D โดย:
- จุด D ควรอยู่ที่ 127.2% หรือ 161.8% ของขา X-A
- และยังสัมพันธ์กับ Fibonacci Extension ของขา B-C (อยู่ที่ 161.8% หรือมากกว่า)
#### **คุณสมบัติสำคัญ**
- จุด D คือจุดที่ผู้เทรดมองว่าเป็นโอกาสในการเปิดสถานะขาย (Short) เนื่องจากเป็นบริเวณที่ราคามีแนวโน้มกลับตัว
- รูปแบบ Bearish Butterfly มักปรากฏในแนวโน้มขาขึ้นก่อนที่ราคาจะกลับตัวลง
#### **วิธีการวาด Harmonic Bearish Butterfly**
1. วาดเส้น X-A เป็นขาขึ้นแรก
2. วาดเส้น A-B ซึ่งเป็นการย่อตัวลง
3. ต่อด้วย B-C ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้น
4. และเส้นสุดท้าย C-D จะลากขึ้นไปเกินจุด X เล็กน้อย (ตาม Fibonacci Extension)
#### **กลยุทธ์การเทรด**
1. **จุดเข้า (Entry)**: เปิดสถานะขายที่จุด D
2. **จุดหยุดขาดทุน (Stop Loss)**: ตั้งไว้เหนือจุด D เล็กน้อย
3. **เป้าหมายทำกำไร (Take Profit)**:
- เป้าหมายแรก: ระดับ Fibonacci Retracement 38.2% ของขา C-D
- เป้าหมายที่สอง: ระดับ Fibonacci Retracement 61.8% ของขา C-D
#### **ตัวอย่างการใช้งาน**
หากกราฟราคามีรูปแบบ Bearish Butterfly และถึงจุด D ตามโครงสร้าง Fibonacci ที่กำหนดไว้ ผู้เทรดสามารถคาดการณ์ว่าราคาจะเริ่มกลับตัวและปรับตัวลดลง
#### **ข้อควรระวัง**
- รูปแบบนี้ต้องใช้ Fibonacci Ratio ในการวิเคราะห์อย่างเคร่งครัด
- ควรยืนยันรูปแบบด้วยสัญญาณอื่น ๆ เช่น MACD, RSI หรือ Volume
**ตัวอย่างภาพประกอบ**: ถ้าต้องการ ผมสามารถช่วยวาดโครงสร้างหรืออธิบายเพิ่มเติมได้!
Trade record: Sell Gold
เหตุผลที่เข้าเทรด
***เข้าแบบ lสวนเทรน <<------
** เข้าตามแพทเทิร์น AB=CD ใน TF m15
**แท่งเทียน Time Frame M15 มี reject
** มี Supply Zone ใน Time Frame M30,M15
**RSI ใน TF:M15, อยู่ในตำแหน่ง Overbought
**RSI เกิด Bearish divergance ใน Time Frame M5
**ราคาอยู่ในจุด Upper Band Time Frame M15
* มีวอลุ่มเทขายใน Time Frame M15
* มีการกวาด Liquidity ก่อนถึงโซน POI และ D point
** ตั้ง เบรคอีเว้นท์ 500 points
*ข้อมูลที่นำเสนอ เป็นเพียงการวิเคราะห์เชิง Technical ส่วนบุคคล เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเทรดเท่านั้น
*By ช่างพงษ์
รูปแบบฮาร์มอนิก GARTLEY: ทำงานอย่างไร?!รูปแบบฮาร์มอนิก GARTLEY: ทำงานอย่างไร?!
"Gartley" ตามชื่อของมัน ถูกสร้างขึ้นโดย Henry Mackinley Gartley
รูปแบบฮาร์มอนิกอื่นๆ ทั้งหมดเป็นการดัดแปลงจาก Gartley
โครงสร้างประกอบด้วยคลื่น 5 คลื่น:
XA: อาจเป็นการเคลื่อนไหวรุนแรงใดๆ บนแผนภูมิก็ได้ และไม่มีข้อกำหนดเฉพาะใดๆ สำหรับการเคลื่อนไหวนี้เพื่อให้เป็นจุดเริ่มต้นของ Gartley
AB: ตรงข้ามกับการเคลื่อนไหวของ XA และควรอยู่ที่ประมาณ 61.8% ของการเคลื่อนไหว XA
BC: การเคลื่อนไหวของราคาควรตรงข้ามกับการเคลื่อนไหวของ AB และควรอยู่ที่ 38.2% หรือ 88.6% ของการเคลื่อนไหว AB
CD: การเคลื่อนไหวของราคาครั้งล่าสุดตรงข้ามกับ BC และควรอยู่ที่ 127.2% (ส่วนขยาย) ของ CD หาก BC อยู่ที่ 38.2% ของ BC หาก BC อยู่ที่ 88.6% ของ BC CD ควรอยู่ที่ 161.8% (ส่วนขยาย) ของ BC
AD: การเคลื่อนไหวของราคาโดยรวมระหว่าง A และ D ควรอยู่ที่ 78.6% ของ XA
วิธีใช้
จุด D คือจุดที่คุณเข้ามา! นั่นคือสัญญาณการเข้าของคุณ
-หากเป็นรูปแบบ M ให้คุณซื้อ
-หากเป็นรูปแบบ W ให้คุณขาย2
ควรวางจุดตัดขาดทุนไว้ตรงไหน
-ด้านล่างหรือ "X" หากคุณเป็นผู้ซื้อ
-ด้านบน "X" หากคุณเป็นผู้ขาย
เปอร์เซ็นต์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับอัตราส่วน Fibonacci ที่มีชื่อเสียง ซึ่งลึกลับพอๆ กับพีระมิดแห่งอียิปต์!
โดยสรุป รูปแบบ Gartley ก็เหมือนกับซิการ์คิวบาดีๆ หนึ่งชนิด: ต้องใช้ความอดทนและประสบการณ์จึงจะประเมินค่าได้อย่างแท้จริง แต่เมื่อคุณเชี่ยวชาญมันแล้ว มันสามารถกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในคลังอาวุธการซื้อขายของคุณ มีประสิทธิภาพเท่ากับหมัดของ Rocky Balboa!
โครงสร้างของ Three Hills and a Mountain**Three Hills and a Mountain Pattern** เป็นรูปแบบกราฟราคาที่ใช้ใน **การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)** โดยส่วนใหญ่มักปรากฏในตลาดที่มีความผันผวนสูง เช่น ตลาดคริปโต (Cryptocurrency) ซึ่งสามารถใช้ระบุจุดกลับตัวหรือแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นได้ รูปแบบนี้ประกอบด้วย:
### โครงสร้างของ Three Hills and a Mountain
1. **Three Hills (เนินสามลูก)**
- กราฟแสดงการขึ้นและลงของราคาที่มีลักษณะเป็นยอดเขาสามลูกติดกัน
- เนินเหล่านี้อาจมีระดับสูงที่ใกล้เคียงกันหรือค่อยๆ ลดลง/เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
- แต่ละยอดอาจเกิดจากแรงขายหรือแรงซื้อที่ลดลงอย่างช้าๆ
2. **A Mountain (ภูเขาใหญ่)**
- ราคาทำการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมักเป็นภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในรูปแบบ
- หลังจากนี้จะเกิดการกลับตัวของราคา (reversal)
### ตัวอย่างการตีความ
- ในแง่ **ขาขึ้น**: รูปแบบนี้อาจสะท้อนแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อถึงภูเขาใหญ่ จะมีแรงขายออกมาในปริมาณมาก
- ในแง่ **ขาลง**: หากภูเขาใหญ่เกิดหลังจากขาลง และราคากลับตัวไปทางขึ้น อาจแสดงถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาลง
---
### ตัวอย่างในกราฟเหรียญ ETH
สมมติว่า ETH มีราคาต่อเนื่องดังนี้:
1. **ช่วงต้น (Three Hills):**
- Hill 1: ราคาขึ้นไปแตะ $1,900 แล้วปรับลงมา $1,850
- Hill 2: ราคาขึ้นไปแตะ $1,910 แต่ปรับลงมา $1,860
- Hill 3: ราคาขึ้นไปแตะ $1,920 แล้วลงมาที่ $1,870
2. **ช่วงภูเขาใหญ่ (The Mountain):**
- ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วไปแตะ $2,000
- หลังจากนั้นปรับฐานลงมาที่ $1,850
---
### การวิเคราะห์
1. **กรณี Bullish (แนวโน้มขึ้น):**
- หากหลังจากปรับฐานลงมาที่ $1,850 แล้วราคากลับตัวขึ้นใหม่ เช่น ทะลุ $2,000 อาจแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
2. **กรณี Bearish (แนวโน้มลง):**
- หากราคาปรับตัวต่ำกว่า $1,850 ต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณว่าผู้ขายเริ่มควบคุมตลาด
---
### เคล็ดลับในการใช้:
1. ยืนยันด้วย **อินดิเคเตอร์** อื่นๆ เช่น RSI, MACD หรือ Volume เพื่อดูว่าการกลับตัวนั้นแข็งแรงหรือไม่
2. ใช้การตั้ง Stop-loss เพื่อจัดการความเสี่ยง เนื่องจากตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง
**Three Hills and a Mountain Pattern** ร่วมกับ **Fibonacci Retracement** สามารถวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ Fibonacci เพื่อระบุจุดเข้าและออกจากตลาดอย่างแม่นยำ เราจะพิจารณาโครงสร้างและแนวทางตามทฤษฎีดังนี้:
---
### **โครงสร้างตามทฤษฎี Three Hills and a Mountain**
1. **Three Hills**
- กราฟสร้างยอด 3 ลูก โดยอาจมีระดับสูงที่ใกล้เคียงกันหรือปรับขึ้นลงเล็กน้อย
- มักแสดงถึงการปรับฐานระหว่างแนวโน้ม
2. **The Mountain**
- ราคาพุ่งขึ้น (หรือร่วงลง) อย่างรวดเร็ว เป็นยอดใหญ่ที่สุด
- หลังจากนั้นจะเกิดการปรับฐานอย่างมีนัยสำคัญ
---
### **การใช้งาน Fibonacci กับ Three Hills and a Mountain**
1. **ระบุจุดสำคัญ:**
- ใช้ Fibonacci Retracement จากจุดต่ำสุดของเทรนด์ก่อนหน้า (Swing Low) ไปยังจุดสูงสุดของภูเขาใหญ่ (Swing High)
- ระดับ Fibonacci สำคัญที่ต้องจับตา:
- **0.236 (23.6%)**: การพักฐานเล็กน้อย
- **0.382 (38.2%) และ 0.5 (50%)**: จุดปรับฐานปานกลาง
- **0.618 (61.8%)**: จุดปรับฐานสำคัญที่มักเป็นโซนกลับตัว
- **0.786 (78.6%)**: สัญญาณแนวโน้มเปลี่ยน
2. **จุดเข้า (Entry Point):**
- หากราคาแตะระดับ **0.618** หรือใกล้เคียง พร้อมมีสัญญาณยืนยัน (เช่น RSI Oversold หรือ Divergence)
- เข้าเมื่อราคากลับขึ้นเหนือระดับ 0.618 หรือ 0.786
3. **จุดออก (Exit Point):**
- ใช้ Fibonacci Extension เพื่อคาดการณ์เป้าหมาย:
- **1.618 (161.8%)** หรือ **2.0 (200%)** มักเป็นจุดทำกำไรในขาขึ้น
- หากราคาไม่สามารถทะลุระดับ 1.0 เดิมได้ อาจเลือกปิดส่วนหนึ่งที่ระดับ 0.618
---
### **ตัวอย่างกราฟ ETH ตาม Fibonacci**
1. **ช่วง Three Hills:**
- Hill 1: ราคาแตะ $1,900
- Hill 2: ราคาแตะ $1,910
- Hill 3: ราคาแตะ $1,920
- Swing Low: $1,850
2. **The Mountain:**
- ราคาเด้งขึ้นไปแตะ $2,050 (Swing High)
3. **การปรับฐาน:**
- ราคาเริ่มปรับลง: ใช้ Fibonacci Retracement จาก $1,850 ถึง $2,050
- ระดับที่พบ:
- **0.382 (38.2%)**: $1,960
- **0.618 (61.8%)**: $1,920
4. **กลยุทธ์การเข้าออก:**
- หากราคาปรับตัวลงใกล้ $1,920 (0.618) และ RSI แสดง Oversold → **จุดเข้า Buy**
- เป้าหมายการทำกำไรที่ $2,100 (1.618) หรือ $2,200 (2.0)
---
### **สรุปจุดเข้าและออก**
- **จุดเข้า:** เมื่อราคากลับขึ้นเหนือระดับ 0.618 ($1,920)
- **จุดออกระยะสั้น:** $2,050 (ระดับเดิม)
- **จุดออกระยะยาว:** $2,100 (Fibo 1.618) หรือ $2,200 (Fibo 2.0)
SET กับการอ่านกราฟในรูปแบบ Head & Shoulders SET กับการอ่านกราฟในรูปแบบ Head & Shoulders
เป็นเทคนิคที่ใช้ในวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เพื่อระบุการกลับตัวของแนวโน้ม (Trend Reversal). รูปแบบนี้มักปรากฏในช่วงที่แนวโน้มกำลังจะเปลี่ยนจากขาขึ้น (Uptrend) ไปเป็นขาลง (Downtrend) หรือกลับกันในกรณี Inverse Head & Shoulders.
โครงสร้างของ Head & Shoulders
รูปแบบนี้มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน:
ไหล่ซ้าย (Left Shoulder): เป็นจุดสูงสุดที่เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น และตามด้วยการย่อตัวลง (Pullback) แต่ไม่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ (Higher Low).
ศีรษะ (Head): จุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่าไหล่ซ้าย ตามด้วยการย่อตัวลงอีกครั้ง.
ไหล่ขวา (Right Shoulder): จุดสูงสุดที่ต่ำกว่าศีรษะ และมักจะใกล้เคียงกับระดับของไหล่ซ้าย.
เส้นคอ (Neckline): เป็นเส้นที่ลากผ่านจุดต่ำสุดของการย่อตัวระหว่างไหล่ซ้ายและไหล่ขวา. เส้นนี้ถือเป็นแนวรับสำคัญ.
ขั้นตอนการอ่านและวิเคราะห์:
1. ระบุโครงสร้างของรูปแบบ
มองหา Left Shoulder, Head, และ Right Shoulder ที่มีลำดับชัดเจน.
เส้นคอ (Neckline) สามารถอยู่ในแนวนอน, เอียงขึ้น, หรือเอียงลงเล็กน้อย.
2. ยืนยันการกลับตัว
เมื่อราคาหลุดเส้นคอ จะยืนยันว่าแนวโน้มกลับตัว (จากขาขึ้นเป็นขาลง).
วอลุ่มการซื้อขายมักลดลงในช่วงที่สร้าง Right Shoulder และเพิ่มขึ้นเมื่อหลุดเส้นคอ.
3. กำหนดเป้าหมายราคา (Price Target)
วัดความสูงจากจุดสูงสุดของศีรษะลงมาถึงเส้นคอ.
ใช้ระยะนี้เป็นเป้าหมายราคา (Price Target) หลังจากราคาหลุดเส้นคอ.
Inverse Head & Shoulders
ในกรณีที่เป็น Inverse Head & Shoulders, รูปแบบและการวิเคราะห์จะกลับด้าน:
มักพบในแนวโน้มขาลงที่จะกลับตัวเป็นขาขึ้น.
จุดต่ำสุด (Head) จะอยู่ลึกที่สุด และไหล่สองข้างจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า.
การทะลุเส้นคอขึ้นด้านบนจะเป็นสัญญาณซื้อ (Buy Signal).
ข้อควรระวัง:
รอการยืนยัน: อย่าตัดสินใจซื้อขายจนกว่าราคาจะทะลุเส้นคอ.
วอลุ่ม: ตรวจสอบวอลุ่มการซื้อขายเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือของรูปแบบ.
บริบทตลาด: ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น เช่น แนวรับ-แนวต้าน, RSI, MACD ฯลฯ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ.
ตัวอย่าง:
หากพบ Head & Shoulders ในแนวโน้มขาขึ้น ราคามีโอกาสปรับตัวลงหลังทะลุเส้นคอ.
หากพบ Inverse Head & Shoulders ในแนวโน้มขาลง ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นหลังทะลุเส้นคอ.
หวังว่านี่จะช่วยให้คุณเข้าใจการวิเคราะห์รูปแบบนี้ได้ชัดเจนขึ้น!
Trade record: Sell Gold
เหตุผลที่เข้าเทรด
** เข้าตามแพทเทิร์น AB=CD ใน TF m15
* *เป็นเทรนขาลงใน Time Frame H1
**แท่งเทียน Time Frame M15 มี reject
** มี Supply Zone ใน Time Frame M30,M15
**RSI ใน TF:M15, อยู่ในตำแหน่ง Overbought
**RSI เกิด Bearish divergance ใน Time Frame M5
**ราคาอยู่ในจุด Upper Band Time Frame M15
* มีวอลุ่มเทขายใน Time Frame M15
* มีการกวาด Liquidity ก่อนถึงโซน POI และ D point
** ตั้ง เบรคอีเว้นท์ 500 points
*ข้อมูลที่นำเสนอ เป็นเพียงการวิเคราะห์เชิง Technical ส่วนบุคคล เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเทรดเท่านั้น
*By ช่างพงษ์
XAUUSD ทะยานขึ้น รอฝ่ากำแพงที่ระดับ 2,714 ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาทองคำโลกพุ่งทะลุระดับ 2,700 USD ขึ้นมาแล้ว XAUUSD วันนี้ทะยานขึ้นจาก “กรอบขาลง” และเคลื่อนไหวที่ระดับ 2,701.655 ด้วยการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจาก EMA 34 (2,657.615) และ EMA 89 (2,654.979)
อย่างไรก็ตาม ข้างหน้ายังมี “กำแพง” ที่ระดับ 2,714 หากฝ่าขึ้นไปได้ เส้นทางสู่เป้าหมายใหม่ที่ระดับ 2,731 จะเปิดออก แต่หากไม่สามารถฝ่าด่านนี้ได้ ราคาทองคำอาจ “พักตัว” ที่ระดับแนวรับ 2,660 ก่อนเริ่มการขยับตัวขึ้นอีกครั้ง โดยแนวรับดังกล่าวยังเป็นจุดที่ EMA 34 และ EMA 89 ตัดกัน ช่วยเสริมแรงหนุนการปรับตัวขึ้น
ภายใต้แรงกดดันจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ และท่าทีระมัดระวังของ Fed ทองคำยังคงเป็น “ที่พึ่ง” สำหรับนักลงทุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะนี้ การติดตามความเคลื่อนไหวของราคาบริเวณระดับสำคัญเป็นสิ่งที่นักเทรดไม่ควรพลาด
การบ้าน WK 25/11/67-ต่างชาติขายมาตลอดจน 2-3 วันที่ผ่านมาซื้อ เยอะขึ้นเราสามารถ ตั้งสมติฐานได้ว่า ต้นทุนฝรั่ง อยู่บริเวณ 920 -930
- สถาบัน กลับขายมาให้ฝรั่งรับ ถ้าฝั่งไม่รับคงลงหนักกว่านี้
- ราคาสร้าง bridge มาหลายสัปดาห์แล้ว ถ้า break out ผมว่าไปได้สัก 30 - 50 จุด
- ปัญหาคือฝั่งไหน L or S
- เมื่อพิจารณา sntiment แล้ว ควรเลือกทางขึ้นมากกว่า ถึงแม้อยากให้ลงมาตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแต่ไม่ลงสักที
- ถ้าเกร็งกำไรสัก 10 จุดต่อวันผมจะเลือก L มากกว่า แต่ต้อง L ต่อเมื่อใกล้ lOW ของวันที่แล้วเท่านั้น ถึงแม้ Break high ก็จะไม่ตาม ถ้าหน้าตักเงินน้อย ไม่สามารถ buffer ได้ถึง 50 จุด
S50Z24 กับการเทรดโดยใช้ Harmonic Bearish Butterfly การเทรดโดยใช้ Harmonic Bearish Butterfly คือการใช้รูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Harmonic Pattern) เพื่อระบุจุดกลับตัวของราคาที่มีโอกาสสูง
โดยรูปแบบ Bearish Butterfly มักใช้เพื่อจับจังหวะที่ราคาจะปรับตัวลงจากจุดสูงสุดใหม่ (D-point) ไปยังแนวโน้มขาลง มาดูการอธิบายแบบง่าย ๆ:
1. Bearish Butterfly Pattern คืออะไร?
Bearish Butterfly เป็นหนึ่งใน Harmonic Patterns ซึ่งประกอบด้วย 4 จุดสำคัญ (X, A, B, C, D) ที่มีความสัมพันธ์กันตาม Fibonacci Ratio
รูปแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อราคาขยับขึ้นในโครงสร้างที่ชัดเจน และราคามีแนวโน้มจะกลับตัวลงที่จุด D
เป้าหมายหลัก คือการเทรดในจังหวะที่ราคาขึ้นไปถึงจุด D (บริเวณ Fibonacci Extension) แล้วกลับตัวลง
2. โครงสร้างของ Bearish Butterfly
X -> A: ราคาปรับตัวขึ้น (แนวโน้มหลักเริ่มต้น)
A -> B: ราคาปรับตัวลง โดย B อยู่ที่ระดับ 78.6% ของ XA
B -> C: ราคากลับตัวขึ้นอีกครั้ง โดย C อยู่ที่ 38.2% - 88.6% ของ AB
C -> D: ราคาปรับตัวขึ้นต่อจนถึง D ซึ่งอยู่ในช่วง Fibonacci Extension 127.2% - 161.8% ของ XA
จุดสำคัญ:
จุด D คือบริเวณที่ราคามีโอกาสกลับตัวลง (เป็นจุดเข้าขาย หรือ Short Sell)
ใช้ Fibonacci และความสัมพันธ์ของราคาในการวัดตำแหน่งของจุดต่าง ๆ
3. ขั้นตอนการเทรด Bearish Butterfly
ระบุรูปแบบ:
ใช้เครื่องมือ Fibonacci ร่วมกับการสังเกตโครงสร้างราคาเพื่อยืนยันว่าเป็นรูปแบบ Butterfly
จุด D ควรอยู่ที่ Fibonacci Extension 127.2% - 161.8% ของ XA
รอให้ราคามาถึงจุด D:
เมื่อราคาขยับขึ้นถึงบริเวณนี้ ให้เริ่มมองหาสัญญาณกลับตัว (Reversal Signal) เช่น:
แท่งเทียนกลับตัว (Bearish Engulfing, Shooting Star)
TD SELL SETUP/COUNTDOWN
เปิดคำสั่งขาย (Short Sell):
เปิดคำสั่งที่จุด D พร้อมวาง Stop Loss เหนือจุด D เล็กน้อย
ตั้งเป้าหมายการทำกำไรที่จุดสำคัญ เช่น จุด C หรือ A เดิม
4. ตัวอย่างจากกราฟในภาพนี้
X = 947.8, A = 926.1, B = 942.6, C = 928.3, D = 954.5
จุด D อยู่ในช่วง Fibonacci Extension ที่คาดว่าราคาจะกลับตัวลง
คุณสามารถเปิดคำสั่ง Short Sell ใกล้กับ 954.5 พร้อมวาง Stop Loss เหนือระดับนี้
5. ข้อดีของการใช้ Harmonic Bearish Butterfly
ช่วยระบุจุดกลับตัวได้แม่นยำ
ใช้ Fibonacci Ratio ในการยืนยันตำแหน่งต่าง ๆ ทำให้มีเหตุผลทางเทคนิค
ข้อควรระวัง:
ต้องใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจ
รูปแบบนี้อาจไม่สมบูรณ์เสมอ ควรรอการยืนยันก่อนเข้าเทรด