SMC / Smart Money Concept   คืออะไร ใช้อย่างไร เทรดดีแค่ไหน? SMC / Smart Money Concept คืออะไร ใช้อย่างไร เทรดดีแค่ไหน? 
                     👹  หากใครที่เป็นคนชอบเฝ้ากราฟหรือเสพติดการเฝ้าจอกราฟ แอดว่า เราจำเป็นต้องอ่านบทความนี้แล้วหล่ะ เพราะมันเอาไปต่อยอดการเทรดได้ นั่นเองมาครับมาติดตามอ่านกันดูดีกว่าว่ามันใช้อะไรยังไงบ้าง
                    Smart Money Concept (SMC) คือแนวคิดการวิเคราะห์ตลาดที่เน้นการติดตามพฤติกรรมของ “เงินทุนรายใหญ่” หรือ “สถาบัน” เช่น ธนาคารกลาง, Hedge Fund, หรือ Prop Firm ซึ่งมักเป็นผู้ขับเคลื่อนราคาหลักในตลาด Forex
 💗 เทคนิคการใช้ SMC แบบ Step-by-Step 
 ✅ ขั้นที่ 1: ระบุ Market Structure 
    ดูว่าตลาดกำลังเป็นเทรนด์ขาขึ้น, ขาลง หรือ Sideway โดยวิเคราะห์จาก  เพื่อให้รู้ทิศทางเทรนด์จริง
HH = Higher High
HL = Higher Low
BOS = Break of Structure
หากราคาเกิด BOS จากแนวโน้มเดิม ให้เตรียมหาจุดกลับตัว (Reversal)
 ✅ ขั้นที่ 2: มองหา Order Block (OB) 
                    เมื่อเกิด BOS ให้ย้อนกลับไปดู “แท่งเทียนสุดท้าย” ที่ดันราคาทะลุโครงสร้าง เราจะได้จุดเข้าออเดอร์ที่แม่นยำ
 ประเภทของ OB: 
Bullish OB = แท่งเทียนแดงก่อนราคาพุ่งขึ้น
Bearish OB = แท่งเขียวก่อนราคาร่วงลง
 ✅ OB ที่ดีควรมี Volume มาก และอยู่ใกล้จุด BOS 
 ✅ ขั้นที่ 3: รอราคาย่อตัวกลับเข้ามาใน OB 
                    ใช้แนวรับแนวต้านหรือ FVG เป็นตัวช่วยกรอง “จุดเข้า” ที่แม่นยำ    อันนี้สำคัญ เพื่อมองหาพื้นที่ที่มี SL หรือ Pending Order จุดที่ราคาชอบลากไปกิน SL 
 Pending Order (Limit Order) ใน OB และตั้ง SL ใต้ OB เล็กน้อย
 ✅ ขั้นที่ 4: วางเป้า Take Profit ที่ “Liquidity Zone” 
TP1: ก่อนถึง High หรือ Low เดิม
TP2: ที่แนว SL ของคนอื่น (Equal High / Low)
เทรดแบบนี้ได้ RR (Risk : Reward) สูง เช่น 1:3 หรือมากกว่า
 📈 ตัวอย่างการเทรดด้วย SMC (คู่เงิน EUR/USD) 
🎯 สถานการณ์:
ราคาอยู่ในขาลงและเกิด BOS ขาขึ้น
ย้อนกลับไปดูแท่งแดงก่อน BOS เป็น Bullish OB
วาง Buy Limit ที่ OB + SL ใต้ OB
TP ที่ High เดิมก่อนหน้า (มีแนวโน้มเป็นจุด SL ของคนอื่น)
ผลลัพธ์: RR ได้ประมาณ 1:4 (เสี่ยง 10 pips ทำกำไร 40 pips)
 😊📈สรุปสั้นๆง่ายๆแบบใช้จริง 
                    SMC เป็นเพียง มุมมองใหม่  ที่ช่วยให้เราเข้าใจตลาดในแบบเดียวกับที่ผู้เล่นรายใหญ่ใช้ มันเปลี่ยนจากการเทรดแบบเสี่ยงโชค มาเป็นการเข้าใจกลไกเบื้องหลังราคาจริงๆ  โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบเทรดสั้นๆรายวัน Timeframe 1H, 15M, 5M แอดเปิดมาขนาดนี้แล้ว ใครรักใครอบก็เอาไปลองใช้กันดูนะครับ ของเค้าดีจริงน๊าา และที่สำคัญอย่าลืมวางแผนการลงทุนให้รอบคอบเทรดด้วยพลังงานดีเข้าไว้ มีชัยไปกว่าครึ่งครับ
ไอเดียชุมชน
BTCUSD Daily Analysis 20/6/2025 by TraderTan
📰  ข่าวต่างประเทศ 
Bitcoin (BTC) ยังคงเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในตลาด โดยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยมหภาคและ sentiment ของนักลงทุน
ข่าวเศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบของสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา Bitcoin รวมถึงกระแสการยอมรับจากองค์กรต่างๆ
นักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ยังคงจับตาโอกาสในการเข้าสะสม Bitcoin โดยพิจารณาจากแนวโน้มระยะยาวและมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัล
สถาบันการเงินหลายแห่งเริ่มแสดงความสนใจและเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนราคาในอนาคต
cr. Cointelegraph, CoinDesk (และแหล่งข่าวอื่นๆ)
Trading Note (BUY)
 ➡️ เข้าซื้อ (Entry Price): 105,426.62
✅ TP (Take Profit): 107,837.47
🛑 SL (Stop Loss): 103,598.21 
💡  เหตุผลในการเข้าเทรด: 
ราคาได้ฟอร์มตัวเป็นรูปแบบสามเหลี่ยม (Triangle) และได้มีการ Breakout ทะลุแนวต้านของสามเหลี่ยมขึ้นไป
ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง จึงเป็นจังหวะในการพิจารณาเข้าซื้อ ณ ราคาเข้า
 ✨  Fibonacci:  กำหนดราคาเป้าหมาย (TP) ที่ Fibonacci 2.0% ซึ่งเป็นระดับที่สำคัญและควรจับตา
📊  RSI:  49.20% (เป็นกลาง)
🧱  แนวรับแนวต้านสำคัญ: 
แนวต้าน: 110,411.88 (โดยประมาณ), 109,116.38 (โดยประมาณ), 108,802.68 (โดยประมาณ), 107,837.47 (TP), 107,788.75 (โดยประมาณ), 107,500.00 (โดยประมาณ), 106,570.67 (โดยประมาณ), 105,426.62 (ราคาเข้า)
แนวรับ: 105,287.34 (โดยประมาณ), 105,271.39 (โดยประมาณ), 105,151.25 (โดยประมาณ), 104,756.35 (โดยประมาณ), 103,598.21 (SL), 103,500.00 (โดยประมาณ) 
🧠  ประสบการณ์: 
รูปแบบสามเหลี่ยม (Triangle) เป็นรูปแบบการรวมตัวของราคาที่พบได้ทั่วไป
ซึ่งบ่งชี้ถึงการตัดสินใจของตลาดที่กำลังรอการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เมื่อราคา Breakout ออกจากรูปแบบสามเหลี่ยม
มักจะบ่งชี้ถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ที่แข็งแกร่ง
⚠️  ข้อควรระวัง: 
❗นี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉะนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
แนวโน้ม AUD/USD ยังแกว่งตัวในกรอบ หลังรายงานเศรษฐกิจอ่อนตัวการคาดการณ์ราคาคู่เงิน AUD/USD: แนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแคบยังคงดำเนินต่อไป 
คู่เงิน AUD/USD ยังคงแสดงความผันผวนอย่างต่อเนื่องในวันพฤหัสบดี
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จากผลการประชุมเฟดและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
รายงานตลาดแรงงานของออสเตรเลียในเดือนพฤษภาคมออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดไว้
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) เผชิญแรงกดดันจากการขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี ส่งผลให้คู่เงิน AUD/USD ร่วงลงต่ำกว่าแนวรับ 0.6500 แตะระดับต่ำสุดในรอบสี่สัปดาห์ใหม่ โดยยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบสะสมที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางเดือนเมษายน
 มุมมองในระยะสั้นของคู่นี้ยังคงเป็นบวก ตราบใดที่ยังทรงตัวเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (SMA) ซึ่งปัจจุบันอยู่ใกล้บริเวณ 0.6430 
ความแตกต่างของนโยบายธนาคารกลาง
 
ช่องว่างที่ขยายตัวมากขึ้นระหว่างธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) กับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อทิศทางของค่าเงินออสซี่ในช่วงนี้ 
ในเดือนมิถุนายน RBA ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 จุดพื้นฐาน เหลือ 3.85% โดยให้เหตุผลว่ามีแรงกดดันเงินเฟ้อลดลงและการเติบโตของ GDP ชะลอตัว และส่งสัญญาณว่าจะทยอยลดลง “อย่างค่อยเป็นค่อยไป” สู่ระดับ 3.20% ภายในปี 2027—โดยยังสงวนทางเลือกในการหยุดลดอัตราดอกเบี้ยไว้ หากสภาวะโลกย่ำแย่ลง
ในทางกลับกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามคาด และยังคงคาดการณ์ว่าจะลดดอกเบี้ยลงครึ่งเปอร์เซ็นต์ก่อนสิ้นปีนี้ แม้ว่าผู้กำหนดนโยบายยังมีความเห็นต่างกันในเรื่องเวลาและความจำเป็นของการผ่อนคลายนโยบาย
ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ เตือนว่าเมื่อมาตรการภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์เริ่มส่งผลต่อต้นทุนผู้บริโภค เงินเฟ้อราคาสินค้าอาจเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน คำพูดของเขาสะท้อนถึงความท้าทายที่เฟดต้องเผชิญในการสร้างสมดุลระหว่างนโยบายการค้ากับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
บรรยากาศที่ระมัดระวังนี้ทำให้ตลาดยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนยังคงคาดหวังว่าปีนี้จะมีการลดดอกเบี้ยอย่างน้อยสองครั้ง แต่บรรดานักวิเคราะห์ยังไม่เห็นพ้องกันว่าการลดดอกเบี้ยจะเริ่มเมื่อใด
 อุปสรรคจากจีนที่ยังคงอยู่ 
แนวโน้มเศรษฐกิจของออสเตรเลียยังคงผูกติดกับความต้องการจากคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด ข้อมูลเดือนพฤษภาคมจากปักกิ่งแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิต ยอดค้าปลีก และบริการขยายตัวต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนการเติบโตประจำปีให้เกิน 5% แต่ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเปราะบางและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ลดลง ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับโมเมนตัมในช่วงปลายปี 2025
 มุมมองด้านการวางสถานะการลงทุน 
ข้อมูลจาก CFTC ถึงวันที่ 10 มิถุนายน ระบุว่านักลงทุนเก็งกำไรถือสถานะขายสุทธิในออสซี่สูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน สะท้อนว่าตลาดยังรอปัจจัยชี้นำสำคัญเพื่อเปลี่ยนแปลงมุมมอง
 มุมมองทางเทคนิค 
แนวต้านแรกอยู่ที่จุดสูงสุดของปีนี้ที่ 0.6551 (16 มิถุนายน) หากสามารถทะลุผ่านได้อย่างชัดเจน มีโอกาสไปทดสอบจุดสูงสุดเดือนพฤศจิกายน 2024 ที่ 0.6687 (7 พฤศจิกายน) และเพดานสูงสุดของปี 2024 ที่ 0.6942 (30 กันยายน)
ขณะที่ด้านล่าง ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (SMA) ที่ 0.6428 ยังเป็นแนวรับสำคัญ ก่อนถึงจุดต่ำสุดของเดือนพฤษภาคมที่ 0.6356 (12 พฤษภาคม)
 อินดิเคเตอร์โมเมนตัมชี้ลง: ดัชนี Relative Strength Index (RSI) อ่อนตัวลงสู่ 48 เปิดโอกาสให้มีการปรับฐานเพิ่มเติม และค่า Average Directional Index (ADX) ที่เกิน 25 บ่งชี้ว่ามีความแข็งแกร่งของแนวโน้มในระดับปานกลาง 
ปฏิทินเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึง
ปฏิทินเศรษฐกิจออสเตรเลียที่จะประกาศถัดไปคือ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของ S&P Global ในวันที่ 23 มิถุนายน
ราคาทองยังคงมีแนวโน้มเป็นขาลงทองคำยังคงรักษาโครงสร้างขาลงที่ผันผวน กราฟรายวันผันผวนและปิดตลาดติดต่อกัน 4 วัน ตลาดไม่มีแนวโน้มต่อเนื่อง เราจะยังคงให้ความสนใจกับช่วง 3,350/3,390 ในระหว่างวัน แนวคิดการซื้อขายในวันนี้ยังคงเป็นระยะสั้น ขายในราคาสูงและซื้อในราคาต่ำ และรอให้ช่วงผันผวนทะลุผ่านและเพิ่มปริมาณ
เมื่อวานนี้ ทองคำผันผวนโดยรวมเนื่องจากตลาดสหรัฐฯ ปิดเร็ว และความผันผวนไม่มาก แต่โดยรวมแล้วทองคำยังคงเป็นขาลง ทองคำมีการรีบาวด์ขาขึ้นที่อ่อนแอ และจะยังคงเป็นขาลงต่อไปในอนาคต การรีบาวด์เป็นโอกาสในการขาย หากไม่มีข่าวใหญ่ๆ ที่เป็นขาขึ้นสำหรับทองคำ ทองคำจะไม่สามารถกลับสู่สถานการณ์ขาขึ้นในระยะสั้นได้
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 1 ชั่วโมงของทองคำยังคงตัดลง การเปิดสถานะขายของทองคำยังคงแข็งแกร่ง และยังคงมีช่องว่างสำหรับการเคลื่อนไหวขาลง หลังจากที่ทองคำร่วงลงเมื่อวาน การรีบาวด์สูงสุดอยู่ที่ราวๆ 3,378 จากนั้นก็เริ่มร่วงลงมาอีกครั้ง จากนั้นก็เด้งกลับหลายครั้งโดยที่ยังไม่ทะลุ 3,378 ทองคำยังคงขายต่อที่จุดสูงสุดภายใต้แรงกดดันที่ 3,378 ตลอดทั้งวัน ขณะนี้ทองคำกำลังผันผวนและร่วงลง และจุดศูนย์ถ่วงกำลังเคลื่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ในแนวโน้มนี้ ทองคำจะเร่งตัวลงได้ตลอดเวลา
จุดสำคัญ:
แนวรับแรก: 3,352, แนวรับที่สอง: 3,344, แนวรับที่สาม: 3,331
แนวต้านแรก: 3,378, แนวต้านที่สอง: 3,388, แนวต้านที่สาม: 3,400
แนวคิดการดำเนินการ:
ซื้อ: 3,335-3,338, SL: 3,328, TP: 3,360-3,370;
ขาย: 3,375-3,378, SL: 3,387, TP: 3,350-3,340;
หากต้องการแชร์เพิ่มเติม โปรดคลิกที่รูปประจำตัวของฉันเพื่อดู
EURUSD Daily Analysis 19/6/2025 by TraderTanTrading note: EURUSD 
ราคาค่าโดยสารเครื่องบินเส้นทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกปรับตัวลดลงมาแตะระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ ลดลง และอาจยืดเยื้อไปถึงช่วงวันหยุดฤดูร้อน ซึ่งโดยปกติเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมการบินและท่องเที่ยวมีความคึกคักที่สุด
โอเอจี เอวิเอชัน (OAG Aviation) บริษัทด้านการวิเคราะห์ข้อมูลการท่องเที่ยวเผยว่า ยอดจองล่วงหน้าเพื่อเดินทางไปสหรัฐฯ ในเดือนก.ค. ลดลงกว่า 13% เมื่อเทียบรายปี สะท้อนแนวโน้มการลดลงอย่างต่อเนื่อง
 SELL  : 1.14686
 TP  : 1.14211
 SL  : 1.14953
 เหตุผลในการเข้าเทรด:
Trendline 
จุดเข้า - จุดออก เป้าหมายการทำกำไร
ใช้สัญญาญาณแท่งเทียนการลงต่อจากการลงไปทดสอบกรบเส้นเทรนไลน์ด้านล่าง เป็นไปได้ที่ราคาจะย่อขึ้นเล็กน้อยแล้วลงต่อ  จากกรอบสวิงเทรนไซด์เวย์ดาว์น  จึงทำการเข้า SELL โดยตั้งเป้าหมายกำไร 200 จุดขึ้นไป และตั้ง TSL เมื่อกำไรเริ่มบวกแล้ว 100 จุด
 RSI :  เป็นกลางในขาลง เน้นทำกำไรตามกรอบแนวรับแนวต้าน ซึ่งเป็นตัวกำหนดจุดกำไร และตั้ง SL ระยะห่างไม่ไกลมากเพื่อป้องกันความเสี่ยง เน้นจบปิดกำไรรายวัน และอาจปิดเร็วขึ้น หากกำไรเป็นที่พอรับได้ โดยมีตั้งกำไร TP และตั้ง SL ไม่ไกลจากแนวรับแนวต้านเดิม ทั้งใน TF1H และ 4H และจะทำการล๊อคกำไรจาก TSL ด้วยระดับหนึ่ง
 ประสบการณ์:  เน้นการถืออออเดอร์โดยปิดจบรายวัน เพื่อเป็นการเพิ่มกระแสเงินสด แคชโฟร์ ในพอร์ต อาจมีการแบ่งปิดกำไรจากออเดอร์ที่กำไรในระดับหนึ่งแล้ว อาจมีการตั้ง TSL เพื่อเป็นการล๊อคกำไรได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
 เพื่อนๆคิดว่าตลาดตอนนี้ป็นขาขึ้น ( Bullish)หรือขาลง (Bearish)ครับ คอมเม้นท์ด้านล่างไว้ได้เลย !!! 
 “หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
แผนเทรดทองคำ XAUUSD (TF M30) – 19 มิ.ย. 2025 ตลาดลอนดอน📌 แนวคิด:
ราคาเข้าสู่โซน Demand สำคัญ + มี Break of Structure ก่อนหน้า
เกิด Price Action Rejection ที่แนวล่างของกรอบ Falling Wedge → คาดว่าเป็นจุดสะสมแรง (Accumulation Zone)
🟤 Zone สำคัญ:
🔹 Demand Zone: 3345 – 3352 (แนวรับแน่นแนว OB เดิม)
🔹 Falling Wedge (Break รอ Confirm Pullback)
🎯 แผนเข้าเทรด (Buy):
✅ จุดเข้า: 3352–3356 บริเวณ OB/Demand Zone
🛡 SL: ต่ำกว่า 3337 (หลุดโซน OB ชัดเจน)
🎯 TP1: 3366 (แนวต้านแรก)
🎯 TP2: 3392 (แนวบนของ Wedge)
🧠 เหตุผลเข้าเทรด:
Rejection หลายแท่งที่แนว OB
แนวโน้มกรอบ Falling Wedge = Bullish Pattern
Liquidity Sweep ใต้ Low ก่อนกลับตัว
EURUSD Daily Analysis 18/6/2025 by TraderTanTrading note: EURUSD 
การสู้รบทางอากาศระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 6 ในวันพุธ (18 มิ.ย.) โดยกองทัพอิสราเอลระบุว่า อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธเข้าโจมตีอิสราเอลสองระลอกในช่วงสองชั่วโมงแรกของเช้าวันพุธ และมีเสียงระเบิดดังขึ้นเหนือกรุงเทลอาวีฟ
อิสราเอลได้แจ้งเตือนให้ผู้อยู่อาศัยในกรุงเตหะรานของอิหร่านรีบอพยพออกจากพื้นที่ เพื่อให้กองทัพอากาศของอิสราเอลสามารถโจมตีฐานที่มั่นทางทหารของอิหร่านได้ ขณะที่เว็บไซต์ข่าวของอิหร่านรายงานว่า มีเสียงระเบิดดังขึ้นในกรุงเตหะราน และเมืองคาราจ ทางตะวันตกของกรุงเตหะราน
ทั้งนี้ อิสราเอลและอิหร่านยังคงเดินหน้าโจมตีกันด้วยขีปนาวุธ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้อิหร่านยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขก็ตาม โดยปธน.ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความเตือนบนทรูธ โซเชียล (Truth Social) ในวันอังคาร (17 มิ.ย.) ว่า ความอดทนของสหรัฐฯ กำลังจะหมดลง
 BUY  : 1.14994
 TP  : 1.15517
 SL  : 1.14595
 เหตุผลในการเข้าเทรด:
Trendline 
 จุดเข้า - จุดออก เป้าหมายการทำกำไร 
ใช้สัญญาญาณแท่งเทียนการกลับตัวขึ้นต่อ จากกรอบสวิงเทรนไซด์เวย์อัพ เป็นไปได้ที่ราคาจะยังไต่ขึ้นเรื่อยๆตามกรอบเส้นเทรนไลน์ จึงทำการเข้า BUY โดยตั้งเป้าหมายกำไร 200 จุดขึ้นไป และตั้ง TSL เมื่อกำไรเริ่มบวกแล้ว 100 จุด
 RSI :  เป็นกลางในขาลง เน้นทำกำไรตามกรอบแนวรับแนวต้าน ซึ่งเป็นตัวกำหนดจุดกำไร และตั้ง SL ระยะห่างไม่ไกลมากเพื่อป้องกันความเสี่ยง เน้นจบปิดกำไรรายวัน และอาจปิดเร็วขึ้น หากกำไรเป็นที่พอรับได้ โดยมีตั้งกำไร TP และตั้ง SL ไม่ไกลจากแนวรับแนวต้านเดิม ทั้งใน TF1H และ 4H และจะทำการล๊อคกำไรจาก TSL ด้วยระดับหนึ่ง
 ประสบการณ์:  เน้นการถืออออเดอร์โดยปิดจบรายวัน เพื่อเป็นการเพิ่มกระแสเงินสด แคชโฟร์ ในพอร์ต อาจมีการแบ่งปิดกำไรจากออเดอร์ที่กำไรในระดับหนึ่งแล้ว อาจมีการตั้ง TSL เพื่อเป็นการล๊อคกำไรได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
 เพื่อนๆคิดว่าตลาดตอนนี้ป็นขาขึ้น ( Bullish)หรือขาลง (Bearish)ครับ คอมเม้นท์ด้านล่างไว้ได้เลย !!! 
 “หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
BTCUSD Daily Analysis 18/6/2025 by TraderTan
📰  ข่าวต่างประเทศ 
Bitcoin (BTC) ยังคงเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในตลาด โดยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยมหภาคและ sentiment ของนักลงทุน
ข่าวเศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบของสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา Bitcoin รวมถึงกระแสการยอมรับจากองค์กรต่างๆ
นักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ยังคงจับตาโอกาสในการเข้าสะสม Bitcoin โดยพิจารณาจากแนวโน้มระยะยาวและมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัล
สถาบันการเงินหลายแห่งเริ่มแสดงความสนใจและเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนราคาในอนาคต
cr. Cointelegraph, CoinDesk (และแหล่งข่าวอื่นๆ)
Trading Note (SELL)
 ➡️ เข้าขาย (Entry Price): 104,756.46
✅ TP (Take Profit): 102,680.84
🛑 SL (Stop Loss): 106,208.38 
💡  เหตุผลในการเข้าเทรด: 
ราคาได้มีการทดสอบแนวต้านที่สำคัญอีกครั้ง (retest) และแสดงสัญญาณการยืนยันแนวต้านนั้น
จึงเป็นจังหวะในการพิจารณาเข้าขาย ณ ราคาเข้า ลุ้นลงต่อ
 ✨  Fibonacci:  กำหนดราคาเป้าหมาย (TP) ที่ Fibonacci 1.272% ซึ่งเป็นระดับที่สำคัญและควรจับตา
📊  RSI:  39.56% (เป็นกลาง)
🧱  แนวรับแนวต้านสำคัญ: 
แนวต้าน: 106,208.38 (SL), 106,031.34 (โดยประมาณ), 105,792.38 (โดยประมาณ), 105,472.31 (โดยประมาณ), 104,756.46 (ราคาเข้า)
แนวรับ: 104,736.72 (โดยประมาณ), 104,578.63 (โดยประมาณ), 103,500.00 (โดยประมาณ), 103,265.54 (โดยประมาณ), 103,000.00 (โดยประมาณ), 102,680.84 (TP), 102,668.60 (โดยประมาณ) 
🧠  ประสบการณ์: 
เทคนิค Retest คือการที่ราคาเคลื่อนที่กลับมาทดสอบแนวรับหรือแนวต้านที่เคยทะลุผ่านไปแล้ว
เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวรับ/แนวต้านนั้นๆ ก่อนที่จะเคลื่อนที่ไปตามทิศทางเดิมต่อไป สำหรับการเทรด Sell นี้ หมายถึงราคาได้กลับมาทดสอบแนวต้านและยืนยันการเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง
⚠️  ข้อควรระวัง: 
❗นี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉะนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
แนวโน้มทองคำสำหรับ วันที่18/6/68ภาพ h4
ยังเป็นลักษณะของsildway up ขึ้นตามกรอบchannel อยู่นะครับ จะมีโซนกรอบล่างแถวๆ 3365-3350 
ภาพ h1
ราคายังค้างการดีดขึ้น1รอบsto หากไม่หลุด3340 แต่ราคาเริ่มก่อตัวบริเวณกรอบล่างbb50แล้ว แต่สวิงยังไม่เปลี่ยนเทรนด์ ให้ระวังการรีบาวด์รอบนี้ไม่ผ่านhigh และกลับมาหลุดlowอีกรอบ
ภาพ m5-m15
เป็นsildway down ราคายังไม่สามารถกลับขึ้นมาเบรก3405ได้ 
มองว่าถ้าราคาลงต่อ น่าจะลงมาหาโซน3365-3350 แล้วค่อยดีดกลับขึ้นไปเคลียร์3405 ตามเทรนดฺ์ของH4
แต่ถ้าราคาดีดชึ้นเลย จะมีต้าน 3410-3420 ที่มีโอกาสติด แต่ต้องลุ้นให้h1เป็นขาลงต่อ
แผนเทรดวันนี้ Forex EURUSD : 16 มิ.ย. 2025✅ แผนเทรดวันนี้ Forex EURUSD : 16 มิ.ย. 2025
📌 Plan A: Buy ตามแนวโน้มขาขึ้น
รอราคาเทสต์กลับลงโซน 1.1500 – 1.1520 แล้วมีแท่งกลับตัว
Entry: Buy
SL: ต่ำกว่า 1.1480
TP1: 1.1575
TP2: 1.1610
TP3: 1.1650 (กรณีเบรก High ได้)
📌 Plan B: Sell กรณีหลุดแนวรับ
หากราคาหลุดต่ำกว่า 1.1480 อย่างชัดเจน
Entry: Sell
SL: เหนือ 1.1510
TP: 1.1440 / 1.1400
🔁 Bias โดยรวม:
ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Higher High, Higher Low)
→ รอย่อเข้า Buy ยังเป็นแผนหลัก ตราบใดที่ไม่หลุด 1.1480
รูปแบบขาขึ้นต่อเนื่องของ XAU/USDกราฟนี้แสดงถึงโครงสร้างตลาดขาขึ้นของ XAU/USD โดยราคากำลังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางขึ้นอย่างชัดเจน รายละเอียดที่สำคัญมีดังนี้:
แนวรับหลัก:
ราคาดีดตัวขึ้นจากบริเวณแนวรับที่ประมาณ 3,399.710 แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
แนวโน้มขาขึ้นที่คาดการณ์:
มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะย่อตัวเล็กน้อยลงมาที่บริเวณ 3,432.835 หรือ 3,399.710 ก่อนกลับตัวขึ้นอย่างแข็งแรงอีกครั้ง
เป้าหมายการขึ้น:
แนวต้านแรกอยู่ที่บริเวณ 3,502.669
หากทะลุผ่านได้ ราคามีโอกาสขึ้นต่อไปที่ 3,550.351
เป้าหมายสูงสุดอยู่บริเวณโซน 3,680.000 ซึ่งเป็นเขตซัพพลายเก่า
ตัวชี้วัด:
เส้นขอบเขียวที่ล้อมกราฟบ่งชี้ถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้น โดยราคายังคงเคลื่อนไหวใกล้ขอบบน ซึ่งสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น
สรุป:
XAU/USD มีแนวโน้มจะต่อยอดการขึ้น หากมีการย่อตัว ถือเป็นโอกาสในการเปิดสถานะซื้อ โดยมีเป้าหมายที่แนวต้านสำคัญด้านบน ตราบใดที่โครงสร้างราคายังไม่เปลี่ยนแปลง
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดตัวอย่างของภาพก็อย่างที่เห็นนะครับลองทดลองใส่ indicator เข้าไปมุมมองการมองมันก็จะแตกต่างกันไปบางคนบายบางคนเซลล์มันเพราะมันขึ้นอยู่กับมุมมองและเงื่อนไขของ indicator ที่ใช้นั้นๆฉะนั้นไม่มีผิดไม่มีถูกจริงๆครับขึ้นอยู่กับตัวเราเองเลยจะเข้าออเดอร์แบบไหนมันก็ได้ทั้ง 2 ทางแล้วก็แพ้ทั้ง 2 ทางมันไม่มีผิดไม่มีถูกเลยถึงอย่างไรจะทางไหนเจ้าเขาก็กินเราทั้งสองทางอยู่แล้วฉะนั้นอย่างที่บอกเก็บกำไรตามความเหมาะสมของตัวเองแค่นั้นแหละที่ตัวเองเข้าใจแล้วไม่โดนเขาลากหรือทำให้เราขาดทุนแค่นั้นแหละได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นฝึกไปบ่อยๆซ้ำๆแค่นั้นล่ะครับ
สงสัยอะไรไม่ต้องถามผมนะครับให้ไปถาม chat gpt เพราะผมก็ถามมาแล้วก็เอามาลองทดลองตามที่aiบอก
วิเคราะห์ BTC/USDT – โซนกลับตัวขาขึ้นโซนแนวรับ:
โซนแนวนอนสีม่วง (~104,000 USDT) เคยทำหน้าที่เป็นแนวรับ/แนวต้านหลายครั้งก่อนหน้านี้
การเบรกออกจากรูปแบบลิ่มขาลง:
ราคามีการเบรกทะลุออกจากรูปแบบลิ่มขาลงก่อนหน้านี้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวก
การก่อตัวของ "ธง" (Flag) ขาขึ้น:
ปัจจุบันกำลังก่อตัวเป็นรูปแบบธงขาขึ้นขนาดเล็ก การเบรกขึ้นจากรูปแบบนี้อาจนำไปสู่การพุ่งของราคาอย่างรวดเร็ว
เป้าหมายของราคา:
ลูกศรสีดำแสดงถึงความเป็นไปได้ที่ราคาจะดีดตัวขึ้นจากโซนนี้ โดยมีเป้าหมายที่ 111,000–112,000 USDT (โซนม่วงด้านบน)
ปริมาณการซื้อขาย (Volume):
มีการพุ่งขึ้นของปริมาณการซื้อขายบริเวณจุดต่ำสุด บ่งชี้ถึงการสะสมและแรงซื้อที่เพิ่มขึ้น
📈 สรุป:
หากแนวรับยังคงแข็งแกร่ง และราคาสามารถเบรกขึ้นจากรูปแบบธงได้ มีแนวโน้มที่จะเกิด การเคลื่อนไหวขาขึ้นต่อเนื่อง ไปยังเป้าหมาย 111,000–112,000 USDT นักลงทุนควรรอการยืนยันจากการเบรกและการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขาย
XAUUSD - ทองคำในสัปดาห์หน้า: โอกาสซื้อในช่วงที่มีข่าวไม่แน่นอนXAUUSD - ทองคำในสัปดาห์หน้า: โอกาสซื้อในช่วงที่มีข่าวไม่แน่นอน
ราคาทองคำยังคงแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แต่ตลาดยังคงเผชิญกับปัจจัยมหภาคหลายประการที่อาจมีผลกระทบอย่างมากต่อราคาทองคำในสัปดาห์หน้า ตามการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาทองคำยังคงรักษาแนวโน้มขาขึ้นไว้ แต่ปัจจัยพื้นฐานมีหลายจุดที่ต้องระวัง
🌍 มุมมองมหภาค & จิตวิทยาตลาด
ความไม่แน่นอนภายในสหรัฐฯ: การประท้วงและการฟ้องร้องเกี่ยวกับทรัมป์กำลังเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งเพิ่มความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและค่าเงิน USD
ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอิสราเอล: ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลอาจทำให้ตลาดการเงินมีความผันผวนและเพิ่มความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน: แม้ว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนจะยังดำเนินต่อไป แต่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ซึ่งทำให้ตลาดยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง
หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ: ในปลายเดือนมิถุนายน สหรัฐฯ จะต้องจ่ายหนี้สาธารณะจำนวน 6,000 พันล้านดอลลาร์ (หนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤต Covid) และเนื่องจากหนี้นี้จะต้องจ่ายเป็น USD ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจพยายามลดค่า USD เพื่อบรรเทาภาระหนี้ ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำ
📈 การวิเคราะห์ทางเทคนิค (H1 – H4 – D1)
แนวโน้มหลัก: บนกราฟ H1 และ H4 ทองคำยังคงรักษาแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยราคายังคงเคลื่อนไหวเหนือ EMA 13, 34, 89 อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ทองคำยังคงเผชิญกับแนวต้านที่สำคัญบริเวณ 3500 ซึ่งต้องผ่านไปให้ได้เพื่อยืนยันการทำจุดสูงสุดใหม่
เป้าหมายถัดไป: หากทองคำสามารถทะลุผ่านแนวต้านที่ 3500 ได้ ระดับถัดไปอาจอยู่ที่ 3680 และ 4000 ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เกินความคาดหมายเมื่อพิจารณาจากปัจจัยมหภาคและแนวโน้มในตลาด
การปรับฐานระยะสั้น: บนกราฟ H1 ทองคำอาจปรับตัวลงมาที่บริเวณ 3371–3390 เพื่อดึงดูดสภาพคล่องก่อนที่จะฟื้นตัวต่อไป นี่เป็นโอกาสสำหรับเทรดเดอร์ในการเข้าซื้อในราคาที่ดี
📍 ระดับราคาที่สำคัญ
🔺 แนวต้าน (Resistance):
3,500 – 3,680 – 4,000
🔻 แนวรับ (Support):
3,371 – 3,390 – 3,320
🧭 แผนการเทรด
🔵 Buy Zone: 3,371 – 3,390
SL: 3,365
TP: 3,400 → 3,500 → 3,680 → 4,000
✅ สรุป
ทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง แม้จะมีการปรับฐานในระยะสั้นก็ตาม ปัจจัยมหภาค เช่น CPI, PPI, และ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ยังเป็นปัจจัยที่สำคัญในการกำหนดทิศทางราคาทองคำในช่วงนี้
BTCUSD Daily Analysis 13/6/2025 by TraderTan
📰  ข่าวต่างประเทศ 
Bitcoin (BTC) ยังคงเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในตลาด โดยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยมหภาคและ sentiment ของนักลงทุน
ข่าวเศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบของสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา Bitcoin รวมถึงกระแสการยอมรับจากองค์กรต่างๆ
นักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ยังคงจับตาโอกาสในการเข้าสะสม Bitcoin โดยพิจารณาจากแนวโน้มระยะยาวและมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัล
สถาบันการเงินหลายแห่งเริ่มแสดงความสนใจและเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนราคาในอนาคต
cr. Cointelegraph, CoinDesk (และแหล่งข่าวอื่นๆ)
Trading Note (BUY)
 ➡️ เข้าซื้อ (Entry Price): 103,197.60
✅ TP (Take Profit): 105,293.64
🛑 SL (Stop Loss): 101,886.41 
💡  เหตุผลในการเข้าเทรด: 
ราคาได้ฟอร์มตัวเป็นรูปแบบ Quasimodo (QM) pattern ซึ่งบ่งชี้ถึงการกลับตัวของราคาจากแนวโน้มขาลงเป็นขาขึ้น โดยราคาได้มาทดสอบแนวรับที่สำคัญของ QM pattern
จึงเป็นจังหวะในการพิจารณาเข้าซื้อ ณ ราคาเข้า รอสัญญาณ 
 ✨  Fibonacci:  หาจังหวะเข้าที่ fibo 0.786% โดยเป็นโซนที่มีนัยยะสำคัญ
📊  RSI:  21.73% (Oversold)
🧱  แนวรับแนวต้านสำคัญ: 
แนวต้าน: 107,710.18 (โดยประมาณ), 107,707.52 (โดยประมาณ), 107,500.00 (โดยประมาณ), 107,127.39 (โดยประมาณ), 105,293.64 (TP), 105,262.37 (โดยประมาณ), 105,000.00 (โดยประมาณ), 104,818.96 (โดยประมาณ), 104,322.88 (โดยประมาณ)
แนวรับ: 103,197.60 (ราคาเข้า), 102,191.65 (โดยประมาณ), 102,103.85 (โดยประมาณ), 101,886.41 (SL), 101,750.00 (โดยประมาณ) 
🧠  ประสบการณ์: 
QM (Quasimodo) pattern เป็นรูปแบบการกลับตัวของราคาที่สำคัญ คล้ายกับ Head & Shoulders แต่มีไหล่ที่ไม่เท่ากัน
บ่งชี้ว่าแนวโน้มปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดลงและแนวโน้มใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
⚠️  ข้อควรระวัง: 
❗นี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉะนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
เงินเยนแข็งค่าสูงสุดระหว่างวัน ท่ามกลางแรงซื้อปลอดภัยเงินเยนญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระหว่างวัน; แนวโน้มการอ่อนค่าของ USD/JPY ดูจำกัดเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ยังแข็งแกร่งในระดับปานกลาง 
เงินเยนญี่ปุ่นได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนที่เข้าซื้อเมื่อราคาตกในวันอังคาร ท่ามกลางความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่ฟื้นตัวขึ้น ความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงเป็นประโยชน์ต่อเงินเยน และเป็นปัจจัยกดดันคู่สกุลเงิน USD/JPY ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของสหรัฐฯ กดดันค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ และส่งผลลบต่อราคาตลาดในทันที
 มุมมองทางเทคนิค 
 จากมุมมองด้านเทคนิค การดีดตัวขึ้นในช่วงกลางคืนจากระดับต่ำกว่า 144.00 หรือบริเวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 ชั่วโมง (100-hour Simple Moving Average: SMA) และการขยับขึ้นต่อจากนั้น บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นของคู่ USD/JPY นอกจากนี้ ดัชนีออสซิลเลเตอร์ (Oscillators) บนกราฟรายวันเริ่มแสดงสัญญาณเชิงบวก ซึ่งบ่งบอกว่าทิศทางที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นมากที่สุดของราคาตลาดคือขาขึ้น ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้อย่างชัดเจนที่จะเห็นแรงซื้ออย่างต่อเนื่องไปยังแนวต้านระหว่างทางที่ระดับ 145.60-145.65 ก่อนถึงระดับ 146.00 ซึ่งเป็นตัวเลขกลม และโมเมนตัมอาจขยายตัวต่อไปถึงช่วง 146.25-146.30 หรือระดับสูงสุดของวันที่ 29 พฤษภาคม
 
มุมกลับกัน (แนวโน้มขาลง)
ในทางกลับกัน หากมีการปรับตัวลดลงต่อ คาดว่าจะมีแนวรับที่มั่นคงบริเวณ 144.25 (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 ช่วงเวลา บนกราฟ 4 ชั่วโมง) ซึ่งหากราคาหลุดระดับนี้ คู่ USD/JPY อาจทดสอบระดับต่ำกว่า 144.00 อีกครั้ง โดยบริเวณดังกล่าวควรทำหน้าที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ หากถูกเจาะทะลุลงมาอย่างเด็ดขาด จะเป็นการลบล้างมุมมองเชิงบวก และเปลี่ยนอคติระยะสั้นไปยังฝั่งผู้ขาย
เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบสองสัปดาห์เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงต้นวันอังคาร และกลับมาแข็งค่าเป็นวันที่สองติดต่อกันในช่วงก่อนเปิดตลาดยุโรป ความวิตกกังวลของตลาดก่อนเข้าสู่วันที่สองของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ช่วยกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ การยอมรับเพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ยังช่วยดึงดูดนักลงทุนที่มองหาโอกาสซื้อเงินเยนเมื่อราคาตก
ในขณะที่ ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ยังคงมีปัญหาในการดึงดูดแรงซื้อที่มีนัยสำคัญ และยังเคลื่อนไหวในกรอบที่คุ้นเคยต่อเนื่องมาราวหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของสหรัฐฯ อีกทั้ง การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมภายในปีนี้ ก็เป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติมต่อค่าเงินดอลลาร์ ในขณะเดียวกัน ความแตกต่างของคาดการณ์นโยบายระหว่าง Fed และ BoJ กลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเงินเยนซึ่งให้ผลตอบแทนต่ำ และกดดันให้คู่ USD/JPY อ่อนค่าลง
โอกาสกลับตัวขาลงหลังจากราคาปฏิเสธที่1. รูปแบบ Double Top (แนวต้านสำคัญ)
มีการเกิดรูปแบบ Double Top ชัดเจนบริเวณราคา 2,760–2,800 USDT
บริเวณนี้ทำหน้าที่เป็น โซนซัพพลาย (แถบสีแดง) ที่มีแรงขายสูงในอดีต
ราคาปัจจุบันได้กลับขึ้นไปทดสอบโซนนี้อีกครั้งและเริ่มมีการปฏิเสธ
2. การกวาดสภาพคล่อง (Liquidity Sweep)
ทางฝั่งซ้ายของกราฟ มีไส้เทียนยาวลงล่าง (ลูกศรสีน้ำเงิน) แสดงถึงการ กวาดสภาพคล่อง (stop hunt) ก่อนที่ราคาจะกลับตัวขึ้นอย่างรุนแรง
สะท้อนการเข้าซื้อของ สถาบันการเงิน หรือ "Smart Money"
3. ระยะสะสมราคา (Accumulation Phase)
มีการวาดกรอบสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินแสดงถึง การสะสมตัวในกรอบราคาแคบ
หลังจากการสะสม มีการเบรกทะลุกรอบขึ้นไปอย่างชัดเจน แสดงถึง แรงส่งจากฝั่งซื้อ
4. รูปแบบ Double Bottom (แนวรับแข็งแกร่ง)
ราคามีการดีดกลับจากบริเวณ 2,480 หลายครั้ง (วงกลมสีแดงด้านล่าง)
บริเวณนี้เป็น แนวรับสำคัญ และอาจกลายเป็นเป้าหมายของการปรับฐานในรอบถัดไป
5. ลูกศรชี้ลง (แนวโน้มคาดการณ์ขาลง)
ลูกศรสีดำที่ลากจากจุดสูงสุดบริเวณ 2,800 ชี้ไปยังแนวรับ 2,480
สื่อถึงแนวโน้มการ กลับตัวลงชั่วคราว หรือ การพักฐานราคา
---
บทสรุปและแผนการเทรด:
🔻 มุมมอง: ขาลง (ในระยะสั้น)
รูปแบบ Double Top ร่วมกับการปฏิเสธจากโซนซัพพลาย บ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะเริ่มกลับตัวลง
รอคอนเฟิร์มจากสัญญาณแท่งเทียน เช่น bearish engulfing หรือการเบรกแนวรับย่อย
🧠 แผนการเข้าเทรด (ตัวอย่าง):
จุดเข้า: Short ใกล้ๆ บริเวณ 2,780–2,800 หลังจากเห็นการกลับตัวชัดเจน
เป้าหมายกำไร (TP): 2,480
จุดตัดขาดทุน (SL): เหนือ 2,820
Risk-Reward: ประมาณ 1:2.5 หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการเข้าออเดอร์
แนวโน้มทองคำสำหรับ วันที่10/6/68ภาพday
ราคายังคงไม่ได้ไปไหน ถ้าขึ้นต่อจะมีเป้าไปหา3560 
แต่ถ้าราคาย่ออาจจะกลับลงมาเก็บของแถว 3130-3050อีกรอบ ราคาภาพday ยังคงเป็นรอบขาขึ้นอยู่
ภาพรายชั่วโมง ตอนนี้เป็นขาลงมีเป้าลงมาหา3280 ถ้ารับอยู่แล้วดีดกลับ อาจจะเป็นกรอบไซเวย์อัพ แต่ถ้าหลุด3270 มีโอกาสลงไปหา3220
หน้าSELL 
3332 3339 ต้องลุ้นให้ราคาขึ้นมารับอีกรอบ ไม่ควรเกิน3346 มีเป้าลงไป3300 3280
หน้าBUY
รอ3280 หรือรอรายชั่วโมงเปลี่ยนเทรนด์ก่อน
20 Days challenge ลงทุนกับตัวเองใน 20 วัน20 Days challenge ลงทุนกับตัวเองใน 20 วัน    
                     👹 หลายคนอาจมองว่า “การลงทุน” คือการซื้อหุ้น ซื้อคริปโต หรือทำกำไรจากกราฟ โดย การใช้เงินต่อเงินมันจึงเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด และเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด   แต่แท้จริงแล้ว...การลงทุนที่ดีที่สุดไม่ใช่แค่การลงทุนด้วยเงิน หากคุณต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีแบบสุขสบายใจ บทความนี้มีคำตอบเป็นแนวทางให้อ่านกันนะครับ
                    “การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด คือการลงทุนกับตัวเอง” และนี่คือความตั้งใจของ 20 Days Challenge  ภารกิจ 20 วันที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นนักเทรดที่มีวินัยทางอารมณ์ รู้จักบริหารเงิน และใช้ชีวิตด้วยความเข้าใจมากขึ้น
            🎯 เป้าหมายของ 20 Days Challenge
            👉เข้าใจจิตวิทยาการเทรดอย่างลึกซึ้ง
            👉พัฒนาวินัยการใช้เงินและการออม
            👉สร้างนิสัยที่เสริมคุณภาพชีวิตและการตัดสินใจ
            👉เสริม mindset ที่เหมาะสมกับ “การเป็นนักลงทุนในระยะยาว”
 📈ภารกิจ: 20 วันกับ 20 พฤติกรรมใหม่📈 
    💪 Day 1	เขียนเป้าหมายการเทรดและชีวิต	ตั้งเข็มทิศจิตใจให้ชัด
     💪 Day 2	ติดตามอารมณ์ตัวเองหลังเทรด	รู้ทันอารมณ์ ลด overtrade
     💪 Day 3	ลองเทรด Paper Trade แบบไม่มีเงิน	ฝึก “วินัย” ไม่ใช่แค่ “กำไร”
     💪 Day 4	จัดการการใช้เงินใน 1 วัน	รู้รายจ่าย = คุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
     💪 Day 5	ฟังพอดแคสต์พัฒนาตัวเอง 1 ตอน	เติมความรู้ให้ mindset
     💪 Day 6	พักจากหน้าจอ 6 ชม.	ฝึกสมาธิและการอยู่กับตัวเอง
     💪 Day 7	อ่านหนังสือเกี่ยวกับพฤติกรรม	เสริมความเข้าใจจิตวิทยา
     💪 Day 8	วางแผนการใช้เงินใน 1 สัปดาห์	เริ่มต้น “การออมแบบมีเป้าหมาย”
     💪 Day 9	เขียน Journal ความคิดหลังเข้าเทรด	เข้าใจว่าอะไรผลักดันเราเทรดผิด
     💪 Day 10	เดินเร็ว 30 นาที	ฟื้นพลังใจ สมองปลอดโปร่งขึ้น
     💪 Day 11	ตั้งกฎ “หยุดเทรดเมื่อ...”	สร้างขอบเขต ลด emotional trading
     💪 Day 12	ใช้จ่ายแบบ “คิดก่อนซื้อ 3 นาที”	ฝึกสติและลดความฟุ่มเฟือย
     💪 Day 13	ดูกราฟแต่ไม่เข้าออเดอร์	ฝึกมอง “ตลาด” ไม่ใช่แค่ “กำไร”
     💪 Day 14	สรุปการใช้จ่าย 2 สัปดาห์	เพื่อให้เข้าใจนิสัยการใช้เงินของตัวเอง
     💪 Day 15	ลองเทรดแค่ 1 ไม้ที่วางแผนไว้	ฝึกคุมความอยาก ลบ FOMO
     💪 Day 16	ลองไม่ใช้มือถือ 2 ชั่วโมงก่อนนอน	ปรับคุณภาพการพักผ่อน
     💪 Day 17	เขียนสิ่งที่ขอบคุณในชีวิต 3 ข้อ	สร้างมุมมองบวกต่อชีวิต
     💪 Day 18	วางเป้าหมายการออม 3 เดือน	เชื่อมโยง “เป้าหมายชีวิต” กับ “เงิน”
     💪 Day 19	ประเมินพฤติกรรมตนเอง	สะท้อนและพัฒนาแบบมีสติ
     💪 Day 20	สรุปสิ่งที่เปลี่ยนแปลง + วางแผนต่อเนื่องเริ่มการเป็น “นักลงทุนตัวเอง” แบบยั่งยืน
 📈จิตวิทยาการเทรดคือ “ใจ” ไม่ใช่แค่ “จอกราฟ” 
                    หลายคนล้มเหลวในการเทรด ไม่ใช่เพราะระบบไม่ดี แต่เพราะใจไม่มั่นคง 
                                            โลภ, กลัว, คาดหวัง, ใจร้อน
 20 วันนี้คือการฝึกจิตใจ: 
                   😸  สังเกตอารมณ์
                   😸 ฝึกยอมรับความผิดพลาด
                   😸 ฝึกรอคอยโอกาส
                   😸 และฝึกคิดอย่างเป็นระบบ
 💸 รู้จักใช้เงิน = รู้จักควบคุมชีวิต 
การจัดการเงินไม่ใช่แค่เรื่องบัญชีรายรับ-รายจ่าย แต่คือการควบคุมความต้องการในใจตนเอง   คนที่บริหารเงินได้ดี มักจะเป็นคนที่บริหารอารมณ์ตัวเองได้ดีด้วยเช่นกัน
                    👿👿👿 ถ้าอยากเทรดให้ดีขึ้น อย่ามัวแต่มองแต่กราฟ ให้หันกลับมามองตัวเองด้วย   20 Days Challenge จะไม่เปลี่ยนชีวิตคุณในทันที  แต่มันจะ “เริ่มต้นการเปลี่ยน” ที่ยั่งยืนและคุ้มค่ากว่าไม่ใช่แค่เป็น “เทรดเดอร์” ที่ดีขึ้น แต่เป็น มนุษย์ที่เข้าใจตัวเองและเข้าใจชีวิตมากขึ้นด้วยเช่นกัน
                 👿👿👿 เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พอจะได้แนวทางในการจัดสรรในชีวิตสักนิดๆหน่อยๆมั้ยครับ  ลองทำดูก็ไม่เสียหลายนะ ชอบไม่ชอบค่อยว่ากันอีกที ที่สำคัญ มันทำให้เรามีเป้าหมายในชีวิตที่ดีขึ้นแน่นอนเลยครับ แอดฟันธง เรามาลองทำตามกันดูดีกว่า ได้ผลดีไม่ดีอย่างไร อย่าลืมมาเล่าสู้กันฟังนะฮะ 
วิเคราะห์คลื่น SET ปรับฐานคลื่น IV Flat Correction คลื่น 5 ขา C การปรับฐานคลื่น IV เวฟหลักของดัชนี SET เป็นรูปแบบ Flat correction โดยที่มี คลื่น Strong-B ยกตัวที่ระดับ 78.6% ของคลื่น A ในช่วงโควิท บ่งบอกถึงคลื่น B ที่แข็งแกร่งและแรงซื้อที่มีมาก 
ตอนนี้การปรับฐานของคลื่น C กำลังอยู่ในช่วงคลื่นที่ 5 เป็นรูปแบบคลื่นขยายโดยมีความยาวเท่ากับ คลื่น 1 + คลื่น 3 รวมกันที่ระดับ 61.8% ของคลื่น A เป็นเป้าหมายแรก ที่โซนดัชนี 1150 แล้วมีแรงซื้อกลับทันที แต่ยังไม่สามารถเบรคผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 20 สัปดาห์และเส้นกดดาวน์เทรนไลน์ของคลื่น 5 ได้ 
สิ่งที่น่าจับตามองในสถานการณ์นี้ คือ ความยาวของคลื่นทั้ง C เกิดขึ้นเป็นรูปแบบตามทฤษฎีคลื่น Strong-B Flat correction ย่อลงมาที่แนวรับสำคัญ โดยมีโครงสร้างตามลำดับ
คลื่น 1 ย่อตัวพักฐานมาที่ความยาว 38.6% ของคลื่นขาขึ้นก่อนหน้า
คลื่น 2 ยกตัวที่ระดับ 61.8 - 78.6% ของความยาวคลื่น 1 ถือว่ามีแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
คลื่น 3 ย่อตัวพักฐานแบบ Falling wedge มีความยาวเท่ากับ 161.8 - 200% ของคลื่น 1
คลื่น 4 มักจะเป็นคลื่นหลอกกลับตัวก่อนกลับตัวจริง มีความเร็วและรุนแรงยกตัวที่ระดับ 50 % ของคลื่น 3
คลื่น 5 ของขา C ที่มีการปรับฐานในรูปแบบขยายมีความยาวเท่ากับคลื่น 1 + 3 รวมกัน หากแต่ยังไม่มีสัญญาณ bullish divergence ใน RSI อาจจะนำไปสู่การเกิด Extended Flat Strong-B correction ที่คลื่น C ขยายตัวไปมากกว่า 61.8% ของคลื่น A 
Bearish Scenario: แนวโน้มยังให้น้ำหนักฝั่งลง หากปริมาณการซื้อขายที่ลดลงต่อไป การกลับตัวอาจจะชะลอตัวและปรับฐานลงต่อไป สังเกตุจากรูปแบบการย่อตัวคลื่นแรกของคลื่น 5 เคลื่อนที่แบบเร็วและรุนแรง มีแนวโน้มที่จะขยายตัวไปที่แนวรับต่อไปที่ระดับ 78.6% ของคลื่น A ที่ระดับดัชนี 1010 ไปถึง 100% ของคลื่น A ที่ระดับดัชนี 850 ทำให้การปรับฐานมีแนวโน้มลึกเป็นระดับหรือแม้แต่ 123.6% ในกรณีที่ตลาดมีแรงขายสูง
Bullish Scenario: หากคลื่น 5 ไม่มีแรงขายส่งอาจจะเกิด Truncation ทำให้เกิดการกลับตัวก่อนเวลา ซึ่งจะสามารถยืนยันได้จากการเบรคเอ้าท์ทะลุดาวน์เทรนแชนนัลของคลื่น C หรือกลับขึ้นไปยืนดาวน์เทรนแชนนัลหรือเหนือดัชนีของคลื่น 3 ก่อนหน้านี้ได้ที่โซน 1290 เป็นการส่งสัญญาณบวก
จากนี้ไปจับตาดูสัญญาณขัดแย้งกระทิงและการทะลุเส้นแนวโน้ม 20 สัปดาห์อีก 1-2 รอบ จะมีโอกาสเป็นการกลับตัวจริง
SET ไม่เล่นขึ้น จนกว่าจะลงถึงโซนแล้วเห็น "Sell Reject"🧠 สรุปภาพรวมจากภาพ SET@DAY:
• เป็นกราฟ SET Index รายวัน ที่เน้นวิเคราะห์พฤติกรรมราคาในเฟรมกลาง–ยาว
• ใช้เครื่องมือ 3 อย่างหลัก:
1. Linear Regression Channel ±3SD (เส้นแดง)
2. Fibonacci Retracement (เส้นแนวนอนสีฟ้า-แดง)
3. Price Pattern: Rebound & Rejection
________________________________________
🔻 1. แนวโน้มหลัก (Primary Trend)
• แนวโน้มเป็น Downtrend ที่ชัดเจน
o จากจุดสูงสุด 1506.82 → จุดต่ำสุด 1056.41
o แกนกลางแนวโน้มคือ Regression Line ที่ลากลง
o ราคาวิ่ง “ใต้แนวโน้มหลัก” ตลอดเวลา
• พฤติกรรมราคาทำ Lower Highs – Lower Lows อย่างสม่ำเสมอ
________________________________________
🔁 2. การฟื้นตัวจาก -3SD: Rebound ที่ยัง “ไม่พ้นกรอบขาลง”
• SET มีแรงรีบาวด์แรงจาก 1056.41 → 1231.02
🔹 ถือเป็น การดีดตัวจากขอบล่าง -3SD กลับเข้าใกล้ค่าเฉลี่ย
• จุด 1231.02 = เป็น จุดสูงสุดของการ Rebound Wave
o แต่ไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน Fibonacci 38.2% (1228.47)
o แล้วโดนแรงขายกดกลับลงมา (เห็นจากเส้น dotted red)
• แปลว่า การดีดขึ้นนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแนวโน้มหลักได้
________________________________________
📏 3. Fibonacci Retracement
• ใช้ Fibonacci วัดจากยอด rebound → low
• จุดราคาปัจจุบัน 1149.18 อยู่ระหว่างแนว 50% (1143.72) และ 38.2% (1164.32)
ระดับ Fib จุดราคา ความหมาย
1228.47 38.2% (rebound wave) แนวต้านสูงสุด
1164.32 38.2% (pullback) แนวต้านรอง
1143.72 50% แนวรับสำคัญ → “แนวรับชี้ชะตา”
1123.11 61.8% แนวรับถัดไป ถ้าหลุด = bearish
1093.78 78.6% แนวรับสุดท้ายก่อน low เดิม
________________________________________
🧭 แนวทางกลยุทธ์:
เงื่อนไข แนวโน้ม กลยุทธ์
ยืนเหนือ 1143.72 มีโอกาส sideway / rebound เทรดสั้น ลุ้นไป 1164–1180
หลุด 1143.72 กลับเข้าสู่ bearish wave Cut loss หรือวาง short / hedge
หลุด 1123.11 เสี่ยงลงแรง เตรียมรับแนวรับสำคัญ 1093.78
หลุด 1056.41 new low, panic zone อาจเร่งขาย force sell
________________________________________
🔮 สรุปในสไตล์ "นักเทคนิคอล Fibonacci"
“SET ดีดแรงจากขอบนรก -3SD แต่ขึ้นไม่สุด ฟ้าไม่รับ วิญญาณร่วง
หากไม่สามารถเกาะแนว 1143 ได้อีกครั้ง... ราคาก็อาจถลำกลับลงไปรับกรรมที่แนว 1123 → 1093 หรือจุดเริ่มนรกเดิม 1056”
วิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – แผนการเทรด XAUUSD ประจำวันที่ 03/06/202 
🌀 รูปแบบคลื่นปัจจุบัน
บนกราฟ เรากำลังติดตามโครงสร้างคลื่น 5 ย่อยสีเขียวที่อยู่ภายในคลื่น 3 สีดำ ซึ่งขณะนี้คลื่น 3 สีเขียวได้เสร็จสมบูรณ์ และราคากำลังเข้าสู่คลื่น 4 สีเขียว
👉 เนื่องจากคลื่น 3 เป็นคลื่นขยายที่แข็งแรง คลื่น 4 มีแนวโน้มที่จะปรับฐานสั้นและไม่ลึกมาก
ปัจจุบัน คลื่น a ของโครงสร้างปรับฐานได้เกิดขึ้นแล้ว และเราคาดว่าจะมีคลื่น b ย่อยดีดกลับในลำดับถัดไป
📍 โซนเป้าหมายของคลื่น 4
• โซน Buy Swing ที่น่าจับตา: บริเวณ 3346 – อ้างอิงจาก Fibonacci 0.382 และโซนสภาพคล่องจาก Volume Profile
• โซน Sell ระยะสั้น: บริเวณ 3390 หากมีคลื่น b ดีดตัวขึ้น แต่หากเกิดรูปแบบ Zigzag, Flat หรือสามเหลี่ยมก่อนถึงบริเวณนี้ แผนนี้อาจใช้ไม่ได้
⚡️ แรงส่งจากโมเมนตัม
• D1: โมเมนตัมขาขึ้น → แนวโน้มหลักยังคงเป็นขาขึ้น สนับสนุนโครงสร้างคลื่นแบบ Impulse
• H4: โมเมนตัมขาลง → ราคาอาจยังคงปรับฐานเพื่อให้คลื่น 4 สมบูรณ์
• H1: โมเมนตัมกำลังจะกลับตัวขึ้น → มีโอกาสเกิดการดีดขึ้นไปยังบริเวณ 3390 ซึ่งเป็นโซนสำหรับ Sell ระยะสั้น
📈 แผนการเทรด
🔻 Sell Scalp:
• จุดเข้า: 3387 – 3390
• SL: 3395
• TP1: 3368
• TP2: 3356
🔺 Buy Swing:
• จุดเข้า: 3347 – 3344
• SL: 3337
• TP1: 3367
• TP2: 3390
• TP3: 3421
🎯 กลยุทธ์วันนี้:
ให้ความสำคัญกับการ Sell ระยะสั้น หากราคาดีดขึ้นถึงแนวต้านและมีสัญญาณกลับตัว
ในขณะเดียวกัน รอ Buy Swing ที่บริเวณแนวรับ หากราคาลงถึงโซนคลื่น 4 พร้อมมีรูปแบบการปรับฐานที่ชัดเจน
วิเคราะห์หุ้น ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA)เราจะวิเคราะห์หุ้น ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) โดยอิงจากข้อมูล 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ราคา, มูลค่าพื้นฐาน และพฤติกรรมราคาในเชิงเทคนิค:
________________________________________
🔍 ข้อมูลจากภาพ:
• ราคาล่าสุด (9 พ.ค.): 14.00 บาท (+2.94%)
• มูลค่ายุติธรรม: 16.27 บาท
• Upside: +16%
• พฤติกรรมราคาในภาพ: แนวโน้มระยะกลางถึงยาว "ขาลงชัดเจน"
• รูปแบบกราฟแท่งเทียน: มีการฟื้นตัวเล็กน้อยจากโซนต่ำสุด
________________________________________
📌 วิเคราะห์เชิงพื้นฐาน (Fundamental View)
STA เป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ของโลก รวมถึงธุรกิจถุงมือยาง (ศรีตรังโกลฟส์ - STGT เป็นบริษัทย่อย)
ปัจจัยที่ต้องจับตา:
1. ราคายางธรรมชาติ – มีผลโดยตรงต่อรายได้ หากราคายางปรับตัวขึ้น จะเป็นบวกต่อ STA
2. ค่าเงินบาท – อ่อนค่าช่วยการส่งออกและกำไร (STA ส่งออกสูง)
3. ธุรกิจถุงมือ – ยังฟื้นตัวช้า หาก STGT ยังไม่ฟื้น อาจกดดันภาพรวมของกลุ่ม
มูลค่ายุติธรรม 16.27 บาท บ่งชี้ว่าราคาปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมพอสมควร (Discount ~16%)
________________________________________
📈 วิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical View)
แนวโน้ม:
• แนวโน้มหลัก (Long-term Trend): ยังเป็น "ขาลง"
• ราคาหลุด 27 → 24 → 21 → ล่าสุดลงมาทำ Low ใกล้ 13.00 ก่อนรีบาวด์
สัญญาณล่าสุด:
• มีแท่งเทียนเขียวเกิดขึ้นใกล้แนวรับสำคัญ
• ราคา 14.00 อาจกำลังพยายาม “กลับตัวระยะสั้น” (Short-term Bounce)
• หากทะลุ 14.50 ได้ → มีลุ้นไปทดสอบ 15.50 และ 16.00 (Gap zone + EMA)
แนวรับ:
• 13.50 / 13.00 = แนวรับสำคัญระยะสั้น
แนวต้าน:
• 14.50 = แนวต้านแรก
• 15.50 – 16.00 = แนวต้านหลักที่ต้องผ่านให้ได้
________________________________________
🎯 กลยุทธ์แนะนำ
สำหรับนักลงทุนเน้นพื้นฐาน:
• หากเชื่อมั่นในพื้นฐาน STA และมองว่าราคายางจะฟื้นตัว → จุดนี้น่าสนใจสะสม โดยเน้นถือลงทุนระยะกลางถึงยาว (Target 16.27+)
สำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้น:
• รอทะลุ 14.50 บาท และยืนได้ → ค่อยพิจารณา "เข้าเก็งกำไร"
• ตัดขาดทุนหากหลุด 13.00 บาท (Low เดิม)
________________________________________
✅ สรุป:
ปัจจัย ความเห็น
พื้นฐาน มี Upside 16% จากมูลค่าเหมาะสม
เทคนิค มีสัญญาณรีบาวด์ใกล้แนวรับหลัก
ความเสี่ยง หากราคายางตกต่ำ หรือ STGT ยังไม่ฟื้น อาจกดดันต่อ
กลยุทธ์ สะสมแบบ Value investor ได้, รอเบรก 14.50 สำหรับสายเก็งกำไร
Disclaimer “โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน เนื้อหาและข้อมูลในเพจมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อมูลและไว้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น ไม่มีเจตนาที่จะให้มีลักษณะเป็นการเสนอ เชื้อเชิญ ชักจูง แนะนำ หรือเชิญชวนให้มีการซื้อหรือขายตราสารทางการเงินใด (รวมถึงใบสำคัญแสดงสิทธิหรือผลิตภัณฑ์อื่นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย)”






















