XAUUSD : ทองคำจะขึ้นเพื่อ B หรือ Wave 3ราคาทองคำ ณ ปัจจุบันกำลังอยู่ในสถานะคลื่น 2 ใหญ่
โดยปัจจุบันที่ลงมาทำ low ล่าสุดนั้นเหมือนว่าจะเป้นการจบ correction zigzag เท่านั้น หมายความว่าความน่าจะเป็นของการดีดตัวขึ้นในรอบนี้สามารถเป็นได้หลักๆอยู่ 3 แบบคือ
1. ทั้งชุดที่ผ่านเป็น Zigzag ของคลื่น 2 ใหญ่ที่จบไปแล้ว และกำลังจะปรับตัวขึ้นคลื่น 3 ใหญ่ (ขึ้นไปเลย)
2. ทั้งชุดที่ผ่านเป็นเพียง A ของ Flat ของคลื่น 2 ใหญ่เท่านั้น และกำลังจะรีบาวขึ้นไปที่ 78.6 ของ A เพื่อยืนยันการเป็น Correction Flat (ขึ้นเพื่อลงต่อ)
3. ทั้งชุดที่ผ่านมาเป็น W ของ Combination และกำลังจะรีบาวขึ้นเพื่อไปเป็นคลื่น X ของคลื่น 2 ใหญ่ (ขึ้นเพื่อลงต่อ)
ถ้าดุจากความน่าจะเป็นข้างต้นจะเห็นได้ว่าทุกแบบจะปรับตัวขึ้นไปได้เหมือนกัน ต่างกันเพียงเป้าหมายในการขึ้นเท่านั้น
เป้าหมายแรกอยู่ที่ 1863
เป้าหมายสองอยู่ที่ 1926 แต่ไม่เกิน 2054
เป้าหมายสามอยู่ที่ 2054++
ไอเดียชุมชน
10 เหตุผลที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เสียเงินสวัสดีทุกคน!👋
การซื้อขายและการลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ามีคงรวยกันทุกคน
ต่อไปนี้เป็นเหตุผลสองประการที่ทำให้เทรดเดอร์เสียเงิน และเคล็ดลับบางประการที่จะช่วยให้คุณกลับสู่พื้นฐาน
ขาดความรู้ 📘
เทรดเดอร์จำนวนมากกระโดดเข้าสู่ตลาดโดยขาดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ามันทำงานอย่างไรและต้องใช้อะไรบ้างจึงจะประสบความสำเร็จ เป็นผลให้พวกเขาทำผิดพลาดและสูญเสียเงินอย่างรวดเร็ว
การจัดการความเสี่ยงไม่ดี 🚨
ความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด และสิ่งสำคัญคือต้องจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อปกป้องเงินทุนของคุณและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จสูงสุด อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์จำนวนมากไม่มีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ชัดเจน และเป็นผลให้พวกเขามีความเสี่ยงที่จะขาดทุนเกินขนาด
การตัดสินใจด้วยอารมณ์ 😞
เป็นเรื่องง่ายที่จะรู้สึกอารมณ์รุนแรงในขณะซื้อขาย อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจโดยใช้อารมณ์มากกว่าการวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลอาจเป็นตัวกำหนดหายนะได้ เทรดเดอร์หลายคนตัดสินใจได้ไม่ดีเมื่อพวกเขารู้สึกถูกครอบงำ โลภ หรือหวาดกลัว และสิ่งนี้อาจนำไปสู่การสูญเสียที่สำคัญ
ขาดวินัย 🧘♂️
การเทรดที่ประสบความสำเร็จต้องมีระเบียบวินัย แต่เทรดเดอร์จำนวนมากพยายามทำตามแผนของตน นี่อาจเป็นความท้าทายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดผันผวนหรือเมื่อนักเทรดกำลังเผชิญกับการขาดทุน สร้างระบบให้ตัวเองปฏิบัติตามได้ง่าย!
โอเวอร์เทรด 📊
เทรดเดอร์หลายคนทำผิดพลาดในการเทรดมากเกินไป ซึ่งหมายความว่าพวกเขาเทรดมากเกินไปและไม่อนุญาตให้เทรดได้อย่างเหมาะสม สิ่งนี้นำไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนค่านายหน้าที่สูงขึ้น และโอกาสในการขาดทุนมากขึ้น การจัดฉากที่คุณชอบอย่างชัดเจนสามารถช่วยแยกโอกาสที่ดีออกจากแกลบได้
ขาดแผนการเทรด 📝
แผนการเทรดมีกฎและแนวทางที่ชัดเจนในการปฏิบัติตามเมื่อทำการเทรด หากไม่มีการวางแผน เทรดเดอร์อาจตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่น ซึ่งอาจเป็นอันตรายและมักนำไปสู่การสูญเสีย
ไม่ติดตามข้อมูลสำคัญและข้อมูล ⏰
ตลาดและเรื่องราวทั่วไปของตลาดนั้นมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่จะต้องติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการพัฒนาล่าสุดเพื่อทำการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด
ไม่ตัดขาดทุนเร็ว ✂️
ไม่มีนักเทรดรายใดที่สามารถหลีกเลี่ยงการขาดทุนได้อย่างสมบูรณ์ แต่กุญแจสำคัญคือต้องลดผลกระทบต่อบัญชีของคุณให้น้อยที่สุด หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนี้คือการตัดการขาดทุนของคุณอย่างรวดเร็วเมื่อการซื้อขายสวนทางกับคุณ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์หลายคนหยุดการเทรดที่ขาดทุนไว้นานเกินไป โดยหวังว่าพวกเขาจะฟื้นตัว และสิ่งนี้อาจนำไปสู่การขาดทุนที่มากกว่าที่คาดไว้
ไม่เพิ่มจำนวนผู้ชนะสูงสุด 💸
เช่นเดียวกับการลดความสูญเสียของคุณอย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญคือการเพิ่มผู้ชนะให้ได้มากที่สุด เทรดเดอร์หลายคนล้มเหลวในการทำเช่นนี้ อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่มีแผนในการบอกพวกเขาว่าจะออกจากการซื้อขายเมื่อใดและอย่างไร เป็นผลให้พวกเขาอาจทิ้งเงินไว้บนโต๊ะและพลาดผลกำไรที่อาจเกิดขึ้น
ไม่ปรับตัว 📚
การปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จในตลาดการเงิน ระบอบการปกครองเปลี่ยนแปลง ความได้เปรียบในการซื้อขายหายไปและปรากฏขึ้นอีกครั้ง และระบบที่หนุนทุกอย่างอยู่ในภาวะผันผวนตลอดเวลา วันหนึ่งกลยุทธ์การซื้อขายสร้างผลกำไรที่สม่ำเสมอ วันต่อมากลับไม่ใช่ ผู้ค้าจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว มิฉะนั้นอาจเสี่ยงที่จะถูกเลิกเล่นจากตลาด
โดยรวมแล้ว เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ขาดทุนเพราะพวกเขาไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายของตลาด ด้วยการให้ความรู้แก่ตนเอง พัฒนาแผนการเทรดที่มั่นคง และวางแผนการตัดสินใจล่วงหน้า เทรดเดอร์สามารถเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปได้
เราหวังว่าคุณจะสนุก! โปรดอย่าลังเลที่จะเขียนเคล็ดลับหรือคำแนะนำเพิ่มเติมในส่วนความคิดเห็นด้านล่าง!
เจอกันใหม่สัปดาห์หน้า 🙂
– ทีม TradingView
10 ข้อควรจำเกี่ยวกับตลาดหมี ความผันผวน และความตื่นตระหนกการค้าและการลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าทำได้ ทุกคนคงรวย
หนึ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน และโดยเฉพาะนักลงทุน คือเมื่อตลาดอยู่ในภาวะหมีอย่างผิดปกติ มีแนวโน้มลดลงหรือไปในทิศทางที่สวนทางกับตำแหน่งของพวกเขา การเพิ่มความยากลำบากนั้นคือเมื่อความผันผวนเพิ่มขึ้นและเมื่อความไม่แน่นอนสูง เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นตลอดประวัติศาสตร์ของตลาดและควรเกิดขึ้น นักเทรดหรือนักลงทุนทุกคนควรจำความจริงง่ายๆ ไว้: ตลาดจะสวนทางกับคุณเมื่อถึงจุดหนึ่ง เตรียมตัวให้พร้อม
การเรียนรู้ที่จะซื้อขายหรือลงทุนในตลาดขาลงและผันผวนนั้นต้องใช้ทักษะ ประสบการณ์ และความใจเย็นอย่างมาก 12 เดือนที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นแล้วว่า หุ้น พันธบัตร ฟอเร็กซ์ คริปโต และฟิวเจอร์สมีความผันผวนสูงขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แล้วเราควรทำอย่างไร? อะไรตอนนี้?
มาดูพื้นฐานกันอีกครั้ง - ทักษะ ลักษณะ และกรอบความคิดที่จำเป็นต่อการอยู่รอดในช่วงเวลาเหล่านี้
1. วางแผนล่วงหน้า 🗺
วางแผนการเทรดของคุณ เทรดตามแผนของคุณ ทุกการซื้อขาย ทุกการลงทุน ควรมีแผนรองรับ เขียนคำถามพื้นฐานก่อนที่คุณจะซื้อหรือขาย ตัวอย่างเช่น ราคาค่าเข้าที่คุณต้องการคือเท่าไร? ราคาทางออกที่คุณต้องการคืออะไร? Stop Loss ของคุณคืออะไร? คุณเสี่ยงด้วยเงินเท่าไหร่? ทำไมคุณถึงทำการค้าหรือการลงทุนตั้งแต่แรก? ในช่วงเวลาแห่งความผันผวน คำถามเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่าที่เคย กลับสู่พื้นฐาน
2. ไม่ต้องรีบร้อน 🧘♂️
ความผันผวนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งความตื่นตระหนกในตลาดทำให้ผู้คนมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว แรงกดดัน การเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็ว มักบังคับให้ผู้คนดำเนินการโดยไม่ได้ทบทวนแผนเดิมของตนสักครู่ อย่าทำแบบนี้! ใช้เวลาของคุณ สงบสติอารมณ์และจัดการกับมือที่คุณได้รับ
3. อดใจรอผลงาน🎯
ผู้ค้าและนักลงทุนจำนวนมากพูดถึงการซื้อที่ลดลง แต่วลีนี้อธิบายถึงขั้นตอนที่จำเป็น คุณไม่ซื้อการลดลงโดยไม่มีแผน คุณวางแผนกลยุทธ์ของคุณ คุณรอการเข้ามาที่สมบูรณ์แบบ และปล่อยให้ตลาดเข้ามาหาคุณ เมื่อตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลงและมีความผันผวนสูง สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องอดทนรอการเข้าสู่ที่สมบูรณ์แบบ ใช้คำสั่งจำกัดอย่างชาญฉลาด
4. รู้กรอบเวลาของคุณ ⏰
คุณซื้อขายหนึ่งวันหรือไม่? หนึ่งเดือน? หรือ 5 ปี? คำถามพื้นฐานเหล่านี้จะเตือนคุณถึงสิ่งที่คุณกำลังพยายามทำให้สำเร็จ และคุณควรเร่งรีบหรืออดทนเพียงใด นอกจากนี้ยังจะเตือนคุณเกี่ยวกับแผนภูมิที่คุณควรดู ไม่ว่าคุณควรขยายเป็นแผนภูมิราย 30 นาทีหรือย่อเป็นแผนภูมิรายสัปดาห์ โดยแสดงประวัติราคาเป็นปี
5. มีกลยุทธ์การออก 🚨
กลยุทธ์ทางออกหมายความว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณรู้ว่าจุดหยุดการขาดทุนของคุณอยู่ที่ไหน และคุณรู้ว่าเป้าหมายกำไรของคุณอยู่ที่ไหน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขึ้นหรือลง หรือออกด้านข้าง คุณมีแผนออก อย่าปล่อยให้เข้าหรือออกตามโอกาส สร้างกลยุทธ์ทางออกของคุณก่อนที่คุณจะทำการซื้อขายและปฏิบัติตาม
6. ท่ากระชับขนาด💪
ความผันผวนและความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจะต้องนำมาพิจารณาในแผนเกมของคุณก่อนที่จะเริ่มตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนและเทรดเดอร์รายใหม่จำนวนมากลืมที่จะทำเช่นนี้ หากเป็นคุณ ถึงเวลาปรับกลยุทธ์ แผนของคุณ สำหรับช่วงการซื้อขายที่กว้างขึ้น ความผันผวน แนวโน้มตลอดทั้งปีที่กำหนดตลาดก่อนหน้านั้นไม่ถูกต้อง
7. ซูมออกเพื่อดูบริบททางประวัติศาสตร์ 🔎
ย่อชาร์ตของคุณ จากนั้นให้ซูมออก และตอนนี้ซูมออกอีก วงกลมแท่งเทียน เส้น หรือการเคลื่อนไหวของราคาล่าสุด และปล่อยให้มันเป็นเครื่องเตือนใจว่าราคาอยู่ที่ใดในวันนี้เทียบกับที่มา มีคำกล่าวว่า: เมื่อสงสัยให้ซูมออก อย่าหลงทางในขณะนี้ มองเฉพาะวันหรือสัปดาห์ แต่ให้ศึกษาประวัติราคาทั้งหมดแทน เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต
8. เงินสดคือตำแหน่ง 💸
ต้องการใช้เงินดอลลาร์เฉลี่ยในการค้าขายหรือไม่? ต้องการซื้อเพิ่มเติมหรือไม่ ต้องการค้าขายเพิ่มเติมหรือไม่? คุณต้องการเงินสดเพื่อทำเช่นนั้น มีความสะดวกสบายที่สามารถมีส่วนร่วมในความผันผวนได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ เงินสดเป็นตำแหน่งและรับประกันสิ่งนี้
9. หลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก FUD และ FOMO 😳
เมื่ออารมณ์พลุ่งพล่าน ความผิดพลาดทางจิตใจที่ใหญ่ที่สุดบางอย่างอาจเกิดขึ้นได้ FUD ย่อมาจากความกลัว ความไม่แน่นอน และหายนะ FOMO ย่อมาจากความกลัวที่จะพลาดโอกาส นี่คือสองอารมณ์ทั่วไปในตลาดที่พังทลาย ในแง่หนึ่ง ทุกคนคิดว่าจุดจบใกล้เข้ามาแล้ว ในทางกลับกัน ทุกการเคลื่อนไหวขึ้นเล็กน้อยคือการวิ่งสู้วัวครั้งต่อไป อย่าปล่อยให้อารมณ์เหล่านี้พาคุณไป
10. พักก่อน😀
บางครั้งการถอยห่างก็ช่วยได้ ออกจากระบบ ปิดแอพของคุณ ออกไปข้างนอกและออกกำลังกาย กลับมาที่ตลาดเมื่อคุณพร้อม จิตใจของคุณก็จะได้รับการพักผ่อนอย่างดีเช่นกัน
เราหวังว่าคุณจะสนุกกับโพสต์นี้ และเราหวังว่ามันจะช่วยคุณได้เมื่อคุณสำรวจตลาดต่างๆ
โปรดอย่าลังเลที่จะเขียนเคล็ดลับหรือคำแนะนำเพิ่มเติมในส่วนความคิดเห็นด้านล่าง!
รูปแบบ Flat ใน NEoWaveในรูปแบบ Flat คลื่น B ยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่เมื่อเทียบกับ
คลื่น a จะยิ่งทำให้คลื่น c รีเทรซคลื่น b น้อยเท่านั้น และ
คลื่น a กับคลื่น c ก็จะมีความคล้ายคลึงกันเท่านั้น และถ้า
ยิ่ง b รีเทรซคลื่น a น้อยเท่าไหร่ ก็จะทำให้คลื่น c ใหญ่กว่าเท่านั้น
ให้ทุกท่านดูเป็นแนวทางพอนะครับไม่ต้องไปซีเรียสกับว่า
มันจะต้องเท่าตามนี้เป๊ะๆ ไม่ต้องนะครับ เพราะหากเราใช้
มันในการเทรดจริงๆ เราก็ไม่ได้นำทุกรูปแบบมาประมวล
ผลครับ สมองมนุษย์เราไม่ได้ทำงานแบบนั้น สมองคนเรา
รับข้อมูลได้มากสุดในการประมวลผลหนึ่งครั้งแค่ 7 อย่าง
เท่านั้นครับ เวลาเราไปใช้จริง เราจะดูแค่ความเป็นไปได้
บางรูปแบบเท่านั้น แล้วสมองเราก็จะตัดความเป็นไปได้
อย่างอื่นออกไป เหลือแค่ไม่กี่ความเป็นไปได้เท่านั้นครับ
สมองมนุษย์เราเน้นที่การจดจำรูปแบบว่า ถ้าไม่ใช่แบบนี้
ก็จะเป็นแบบอื่น
Neo-wave by Eaw อัพเดท XAU/USD ที่นับคลื่นไว้ 8 ธ.ค. 2565XAU 15 นาที เมื่อวานยังดูไม่ออกว่า Correction รูปแบบอะไร เช้านี้บอกในกลุ่มว่าดูออกแล้ว คิดว่ามีโอกาสสูงที่คลื่นบีจบแล้วเป็นการปรับฐานรูปแบบ Diametric Triangle ซึ่งดูยากมากมากคลื่นซีจะขึ้นต่อโดยมีเป้าแุถวๆ 1915.56 ถึง 1936.96 ต่ำกว่า 1874 ตรงคลื่นอี SL ต้องกลับหน้าเล่น Sell
นับคลื่นไว้ 8 ธ.ค. 2565
แนวทางสู่ภาวะถดถอย - มันคืออะไร?ภาวะถดถอยเป็นคำที่น่ากลัวสำหรับประเทศใด ๆ ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจหดตัว ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้แต่ธุรกิจต่างๆ ก็ปิดประตู แม้แต่บุคคลก็สามารถเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยตาของเขาเอง:
1. คนตกงาน
2. การลงทุนสูญเสียมูลค่า
3. ธุรกิจขาดทุน
หมายเหตุ: ภาวะถดถอยเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรเศรษฐกิจ
หากคุณยังไม่ได้อ่านบทความนั้น คุณสามารถตรวจสอบแนวคิดที่เกี่ยวข้อง:
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยคืออะไร
การลดลงติดต่อกันสองไตรมาสของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศถือเป็นภาวะถดถอย ภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามมาด้วยช่วงพีค แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะกินเวลาเพียงไม่กี่เดือน แต่เศรษฐกิจจะไม่ถึงจุดสูงสุดหลังจากสิ้นสุดการให้บริการไปหลายปี
ผลกระทบต่ออุปสงค์และอุปทาน - ความต้องการสินค้าลดลงเนื่องจากราคาแพง อุปทานจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และในทางกลับกันอุปสงค์จะเริ่มลดลง นั่นทำให้เกิด "อุปทานส่วนเกิน" และจะนำไปสู่การลดลงของราคา
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่อาจสร้างความเจ็บปวดได้ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทุกครั้งมีสาเหตุที่แตกต่างกัน แต่มีเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ภาวะซึมเศร้าคืออะไร - ภาวะถดถอยลึกซึ่งคงอยู่เป็นเวลานานนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าในที่สุด
ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย อัตราเงินเฟ้อจะลดลง
จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้อย่างไร?
1. นโยบายการเงิน
- ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- ผ่อนคลายเชิงปริมาณ
- เงินเฮลิคอปเตอร์
2: นโยบายการคลัง
- ลดภาษี
- การใช้จ่ายภาครัฐที่สูงขึ้น
3: เป้าหมายเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
4: ความมั่นคงทางการเงิน
ว่างงาน :
เราทราบดีว่าบริษัทต่างๆ มีการขยายตัวที่ดี แต่มีคำกล่าวที่ว่า "สิ่งใดมากเกินไปก็ไม่มีประโยชน์"
ในช่วงพีค
บริษัทไม่สามารถหารายได้ส่วนเพิ่มถัดไปได้
บริษัทต่าง ๆ กำลังรับความเสี่ยงและหนี้สินมากขึ้นเพื่อรีเซ็ตการเติบโต
ไม่เพียงแต่บริษัทเท่านั้น แต่นักลงทุนและลูกหนี้ก็ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเช่นกัน
ทำไมการเลิกจ้างจึงเกิดขึ้น
หลังจากช่วงพีค บริษัทต่างๆ จะไม่สามารถหารายได้ส่วนเพิ่มถัดไปได้ ตอนนี้ธุรกิจไม่มีกำไรแล้ว Cบริษัทเริ่มลดต้นทุนเพื่อเข้าสู่ระบบที่ทำกำไรได้ ตัวอย่างเช่น - แรงงาน
ปัจจุบันบริษัทต่าง ๆ กำลังทำงานโดยมีพนักงานน้อยลง พนักงานน้อยลงต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มิฉะนั้นพวกเขาอาจถูกเลิกจ้างโดยบริษัทเช่นกัน คุณสามารถจินตนาการถึงภาระงานและความกดดัน
คุณอาจโต้แย้งว่าพวกเขาควรออกจากบริษัท! จริงหรือ พวกเราเพิ่งพูดถึงอัตราการจ้างงานที่ลดลง คุณจะได้งานอย่างไรเมื่อไม่มีงานทำ? ตอนนี้คุณเข้าใจแล้ว!
สมมติว่าผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจถดถอยต่อคนทั่วไป:
-*-เงื่อนไขที่ 1: เขาอาจถูกเลิกจ้าง
-*- เงื่อนไขที่ 2: บางทีเขาอาจถูกบังคับให้ทำงานนานขึ้น บริษัทไม่สามารถรักษาแนวโน้มเชิงบวกได้ พนักงานจำนวนน้อยลงกำลังทำงานมากขึ้นเนื่องจากการเลิกจ้างจำนวนมาก ค่าจ้างของเขาลดลงและเขาไม่มีรายได้ที่ใช้แล้วทิ้ง
ส่งผลให้อัตราการบริโภคลดลงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลง การชะลอตัวของเศรษฐกิจเกิดจากราคาที่ลดลงซึ่งทำให้กำไรลดลงส่งผลให้มีการลดงานมากขึ้น
สี่สาเหตุของภาวะถดถอย:
1. ภาวะช็อกทางเศรษฐกิจ
2. การสูญเสียผู้บริโภค
3. อัตราดอกเบี้ยสูง
4. ตลาดหุ้นตกกะทันหัน
1) Economic shocks - เมื่อเกิดภาวะช็อกจากภายนอกหรือเศรษฐกิจที่ประเทศเผชิญ ตัวอย่างเช่น โควิด-19,
2) ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค - การรับรู้เชิงลบเกี่ยวกับเศรษฐกิจและบริษัทจากผู้บริโภคที่ไม่มั่นใจในอำนาจการใช้จ่าย แทนที่จะใช้จ่ายพวกเขาจะเลือกประหยัดเงิน เนื่องจากไม่มีการใช้จ่ายจึงไม่มีความต้องการสินค้าและบริการ การขาดการใช้จ่ายส่งผลให้ความต้องการซื้อสินค้าและบริการลดลง
3) อัตราดอกเบี้ยสูง - อัตราดอกเบี้ยสูงจะลดการใช้จ่าย เงินกู้มีราคาแพง น้อยคนนักที่จะปล่อยกู้ การใช้จ่ายของผู้บริโภค ยอดขายรถยนต์ และตลาดที่อยู่อาศัยจะได้รับผลกระทบ จะไม่มีความต้องการที่ดีหากไม่มีการให้ยืม จะมีการผลิตลดลง
4) ตลาดหุ้นพังกระทันหัน - หลีกเลี่ยงความไว้วางใจของผู้คนในตลาดหุ้น เป็นผลให้พวกเขาจำเงินได้และอารมณ์ทำให้พวกเขาคลั่งไคล้ นอกจากนี้ยังถือเป็นปัจจัยทางจิตวิทยา ส่งผลให้ผู้คนไม่ใช้เงินและจีดีพีจะลดลง
การใช้จ่ายของผู้บริโภค:
ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผู้บริโภคไม่มีรายได้เพิ่มเติมที่เรียกว่ารายได้ที่ใช้แล้วทิ้ง
ส่วนของการใช้จ่ายของผู้บริโภค
-- สินค้าคงทน - มีอายุการใช้งานมากกว่าหนึ่งปี
-- สินค้าไม่คงทน - มีอายุการใช้งานน้อยกว่าหนึ่งปี
-- บริการ - บัญชี กฎหมาย บริการนวด ฯลฯ
นักท่องสินค้าคงทนในช่วงเศรษฐกิจถดถอย สินค้าไม่คงทนสามารถพิสูจน์ภาวะถดถอยได้เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานในแต่ละวันไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอย
ลองยกตัวอย่างหุ้นสองตัว
ABC Food เทียบกับ ABC car
แต่คุณจะหยุดซื้ออาหารเพราะภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่? คุณจะลดการบริโภคยาสีฟัน ขนมปัง และนมหรือไม่?
คำตอบคือ "ไม่"
ผู้บริโภคซื้ออาหารในปริมาณเท่าๆ กันในช่วงเวลาที่ดีหรือไม่ดี ในทางกลับกัน ผู้บริโภคจะแลกหรือแลกซื้อรถก็ต่อเมื่อพวกเขาไม่ได้ทำงานเท่านั้น แต่ยังมองในแง่ดีเกี่ยวกับความปลอดภัยของงานและมั่นใจว่าจะได้รับโปรโมชั่น หรืองานที่ได้รับค่าตอบแทนสูงกับนายจ้างรายอื่น และรายได้ที่ใช้แล้วทิ้งของผู้คนจะถูกดูดซับในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
การใช้จ่ายของผู้บริโภคคือจุดสำคัญในการแทนที่ภาวะถดถอย
การขายรถยนต์:
อย่างที่เราคุยกัน มีคนไม่กี่คนที่ซื้อรถในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ยอดขายรถใหม่นับเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจ คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับสินเชื่อ 0% บริษัทอำนวยความสะดวกสินเชื่อ 0% เพื่อเพิ่มยอดขายรถยนต์ คนส่วนใหญ่ซ่อมรถหรือซื้อรถเก่าในช่วงเศรษฐกิจถดถอย
คุณอาจเห็นการเติบโตของตลาดรถมือสองและยอดขายของบริษัทขายอะไหล่
ยอดขายบ้าน/ตลาดที่อยู่อาศัย:
ฉันมีคำถามตอนนี้!
สินทรัพย์ใดที่ใหญ่ที่สุดของคุณ? พวกคุณส่วนใหญ่จะพูดว่า my home!
ยอดขายบ้านใหม่เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ราคาบ้านยังส่งผลต่อความรู้สึกของผู้บริโภคที่มั่งคั่งอีกด้วย ราคาบ้านยิ่งสูง ยิ่งรวย และในทางกลับกัน เมื่อราคาบ้านสูงขึ้น ผู้บริโภครู้สึกว่าตนมีฐานะร่ำรวยและเต็มใจที่จะใช้จ่าย แต่เมื่อราคาบ้านลดลง การใช้จ่าย/การบริโภคก็ลดลง
หากราคาสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของคุณลดลง คุณไม่ใช้จ่ายและเศรษฐกิจต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว อัตราที่สูงขึ้นจะหยุดการเพิ่มราคาบ้านเพราะต้องจ่าย EMI มากขึ้น ธนาคารกลางลดอัตราในช่วงเศรษฐกิจถดถอย และอัตราตลาดที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเนื่องจากเงินกู้/อีเอ็มไอมีราคาถูก
อัตราดอกเบี้ย:
โดยทั่วไป อัตราดอกเบี้ยจะลดลงในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ย เป็นเหตุให้เงินกู้มีราคาถูก
ประโยชน์ของการลดอัตราดอกเบี้ย -
- - เพิ่มขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัย
- - เพิ่มยอดขายสินค้าคงทน
- - เพิ่มการลงทุนทางธุรกิจ
- - พันธบัตรและอัตราดอกเบี้ยมีความสัมพันธ์แบบผกผัน ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมีแนวโน้มที่จะทำให้นักลงทุนสนใจพันธบัตรมากกว่าหุ้น ซึ่งสามารถดำเนินการได้ดีในภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- - ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย อัตราดอกเบี้ยถูกลงและธนาคารกำหนดเกณฑ์ในการขอสินเชื่อให้สูงขึ้น เพื่อให้ผู้คนสามารถเผชิญกับนามธรรมในขณะที่ให้กู้ยืมเงิน
ตลาดหุ้น:
ฉันต้องการชี้แจงว่าตลาดหุ้นไม่ใช่เศรษฐกิจ วัฏจักรเศรษฐกิจล้าหลังกว่าวัฏจักรตลาดและวัฏจักรความรู้สึก มันทำให้ฉันสบายใจในฐานะนักวิเคราะห์ทางเทคนิคและช่วงเวลาที่เศร้าใจในฐานะคนรักเศรษฐศาสตร์ บางครั้งก็อยู่ข้างหน้าและบางครั้งก็อยู่ข้างหลัง ภาวะถดถอย = ตลาดหมี
อุตสาหกรรมที่พิสูจน์ภาวะถดถอย:
* ลวดเย็บกระดาษของผู้บริโภค
* ความสุขที่มีความผิด
* ยูทิลิตี้
* ดูแลสุขภาพ
* เทคโนโลยีสารสนเทศ
* การศึกษา
ฉันจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ในอนาคต แต่สำหรับในตอนนี้ เราจะกลับไปที่ การวิเคราะห์ทางเทคนิค
GOLD (XAUUSD) 19/12/2022ทองคำวันนี้แนะนำเทรดฝั่ง SELL ครับ
ถึงแม้ว่ากราฟส่วนใหญ่จะอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น แต่เนื่องจากราคาปัจจุบันมี Supply Zone ใกล้เคียงด้านบนในหลายๆไทม์เฟรม จึงทำให้มองว่าทองคำมีโอกาสปรับตัวลงยาว
ดังนั้นวันนี้แนะนำให้หาโอกาสเทรดในฝั่ง SELL จะได้เปรียบกว่าครับ (หาก Supply Zone H1 ปัจจุบันกดราคาลงไม่ไหว กราฟมีโอกาสขึ้นไป Supply Zone ถัดไปก่อนปรับตัวลง)
Today's gold is recommended to trade on the SELL side.
Although most charts are in an uptrend. But because the current price has a supply zone near the top in many timeframes. Therefore making it look that gold has a chance to go down for a long time
Therefore, today it is advisable to find an opportunity to trade on the SELL side to have a greater advantage (if the current Supply Zone H1 cannot push the price down The graph has a chance to go up to the next Supply Zone before moving down.)
แจ้งเตือน: 3 เหตุผลที่ทำให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ดีขึ้นได้เฮ้ทุกคน! 👋
การแจ้งเตือนบนแอปพลิเคชันนั้นมีหลายลักษณะ หากพูดถึงในบริบท การเทรด มันมักถูกใช้งานน้อยเกินไปเนื่องจากอาจต้องใช้เวลาและความเฉลียวฉลาดในการสร้างระบบที่สามารถทำงานได้ดี มาดูเหตุผลบางประการที่ทำให้การลงทุนนั้น คุ้มค่า
1. พวกมันช่วยสร้างนิสัยที่ดีได้ 💪
หยุดเราหากสิ่งนี้ฟังดูคุ้นหู: คุณได้ยินเรื่องราวการลงทุนที่ยอดเยี่ยม จากนั้นจึงออกไปในตลาดและซื้อสินทรัพย์ทันทีโดยไม่มีแผน
แม้ว่าวิธีนี้จะได้ผล แต่ก็ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีสำหรับความสำเร็จในระยะยาว เพราะในความเป็นจริงแล้ว การนั่งในตำแหน่งนั้นโดยไม่ได้วางแผนและเทรดอย่างมีประสิทธิภาพอาจเป็นเรื่องยากมาก คุณอาจเลือกที่จะออกจากตำแหน่งโดยไม่มีอะไรมากไปกว่าความโลภหรือความกลัวชั่วขณะ และการเคลื่อนไหวเช่นนั้นอาจขัดขวางความสม่ำเสมอและความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว
การแจ้งเตือนเป็นสิ่งที่ดีเพราะสามารถคาดเดาการเข้าและออกจากตำแหน่งได้ เพียงตั้งค่าการแจ้งเตือนสำหรับราคาที่คุณต้องการ จากนั้นทำการซื้อขายหากตรงตามเงื่อนไขเท่านั้น จากนั้นปล่อยให้ตลาดทำสิ่งนั้นและปล่อยให้ความน่าจะเป็นเข้าข้างคุณ
การแจ้งเตือนสามารถเปลี่ยนประสบการณ์การเทรดจากการค้นหาไอเดียอย่างต่อเนื่องและรู้สึกล้าหลังอยู่เสมอ ให้กลายเป็นงานที่ผ่อนคลายด้วยการรอให้เงื่อนไขที่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้าของคุณทำงานก่อนที่จะดำเนินการ กล่าวโดยย่อ การแจ้งเตือนสามารถทำให้คุณพร้อมมากขึ้นสำหรับตลาดขาขึ้นและขาลง
2. ช่วยเพิ่มอิสระและลดความวิตกกังวล 🧘
มีคตินิยมที่รู้จักกันดีในการซื้อขายและในชีวิตที่ระบุว่าอารมณ์ด้านลบมีความรู้สึกรุนแรงเป็นสองเท่าอารมณ์ด้านบวก ข้อเท็จจริงนี้มีหลักฐานมากมาย แต่จะมีประโยชน์อย่างยิ่งในการทำความเข้าใจในฐานะเทรดเดอร์
พิจารณานักลงทุนต่อไปนี้:
ทันตแพทย์ที่ตรวจสอบรายงานรายไตรมาสจากนายหน้าของเขา
นักซื้อขายตำแหน่งที่ตรวจสอบตำแหน่งของเขาเดือนละครั้ง
เทรดเดอร์ที่ตรวจสอบตำแหน่งของเขาสัปดาห์ละครั้ง
เทรดเดอร์รายวันที่ตรวจสอบตำแหน่งของเขาวันละครั้ง หากไม่มากกว่านั้น
เมื่อพิจารณาจากความผันผวนตามธรรมชาติที่ตลาดประสบ ผู้เข้าร่วมตลาดรายใดที่มีแนวโน้มน้อยที่สุดที่จะโกรธหรือไม่พอใจ? ทันตแพทย์. ทำไม เพราะเขาได้รับจุดข้อมูลจากตลาดน้อยลง แม้แต่นักเทรดรายวันระดับโลกก็ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์เชิงลบนับสิบหรือร้อยสถานการณ์ในแต่ละวันอันเป็นผลมาจากความผันผวนซึ่งพวกเขาไม่สามารถควบคุมได้ ระดับของการกระตุ้นเชิงลบนี้สามารถลดสุขภาพจิตและประสิทธิภาพการซื้อขายได้
การแจ้งเตือนช่วยให้เทรดเดอร์ที่เตรียมตัวมาอย่างดีพร้อมถอยห่างจากตลาดและอนุญาตให้เทรดมาหาพวกเขา
3. การแจ้งเตือนของเราจะไม่ปล่อยให้สิ่งใดหลุดลอดออกมา ✅
แม้ว่าสองประเด็นก่อนหน้านี้จะเป็นประโยชน์เมื่อพูดถึงการแจ้งเตือนราคา การแจ้งเตือนของเรายังยกระดับเกมขึ้นอย่างมากเมื่อพูดถึงยูทิลิตี้ของผู้ใช้ เมื่อคุณมีการตั้งค่าที่คุณต้องการเทรดแล้ว คุณสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนเกี่ยวกับเส้นแนวโน้ม ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค สคริปต์ที่ปรับแต่งได้ และอื่นๆ อีกมากมาย คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาดการตั้งค่าที่คุณชื่นชอบ
สิ่งนี้อาจเป็นเรื่องง่ายเหมือนนักลงทุนระยะยาวที่ตั้งค่าการแจ้งเตือน RSI บนหุ้น Dow 30 เพื่อซื้อการดิ่งลงอย่างแข็งแกร่ง ไปจนถึงซับซ้อนพอๆ กับการแจ้งเตือนการตั้งค่า Scalper ของฟิวเจอร์สระหว่างวันสำหรับความไร้ประสิทธิภาพด้านราคาภายในสัญญา 40 อันดับแรกของเขา
การแจ้งเตือนที่ปรับแต่งได้ของเราสามารถช่วยให้เทรดเดอร์ที่มีการจัดการที่ดีสามารถคว้าทุกโอกาสที่พวกเขามองเห็นได้
และคุณมีมัน! 3 เหตุผลในการใช้ประโยชน์จากการแจ้งเตือน และประโยชน์อันยอดเยี่ยมทั้งหมดที่พวกเขามอบให้
ขอบคุณที่อ่านและรักษาสุขภาพ!
รัก,
ทีมงานเทรดวิว ❤️❤️
จอกศักดิ์สิทธิ์ของนักลงทุน - วงจรธุรกิจ/เศรษฐกิจวัฏจักรธุรกิจอธิบายว่าเศรษฐกิจขยายตัวและหดตัวอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป เป็นการเคลื่อนไหวขึ้นและลงของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศพร้อมกับอัตราการเติบโตในระยะยาว
วงจรธุรกิจประกอบด้วย 6 ระยะ/ระยะ:
1. การขยายตัว
2. จุดสูงสุด
3. ภาวะถดถอย
4. ภาวะซึมเศร้า
5. รางน้ำ
6. การกู้คืน
1) การขยายตัว:
ภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ: เทคโนโลยี ดุลยพินิจของผู้บริโภค
การขยายตัวเป็นขั้นตอนแรกของวงจรธุรกิจ เศรษฐกิจเคลื่อนตัวขึ้นอย่างช้าๆ และวัฏจักรเริ่มต้นขึ้น
รัฐบาลเสริมสร้างเศรษฐกิจ:
> ลดภาษี
> เพิ่มการใช้จ่าย
- เมื่อการเติบโตช้าลง ธนาคารกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นให้ธุรกิจกู้ยืม
- ในขณะที่เศรษฐกิจขยายตัว ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะแสดงสัญญาณเชิงบวก เช่น การจ้างงาน รายได้ ค่าจ้าง ผลกำไร อุปสงค์และอุปทาน
- การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เพิ่มกิจกรรมในตลาดที่อยู่อาศัย และการเติบโตกลายเป็นบวก อุปสงค์ในระดับสูงและอุปทานไม่เพียงพอทำให้ราคาการผลิตเพิ่มขึ้น นักลงทุนใช้เงินกู้ในอัตราสูงเพื่อเติมเต็มแรงกดดันด้านอุปสงค์ กระบวนการนี้ดำเนินต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะเอื้ออำนวยต่อการขยายตัว
2) จุดสูงสุด:
ภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ: การเงิน พลังงาน วัสดุ
- ขั้นตอนที่สองของวัฏจักรธุรกิจคือจุดสูงสุดซึ่งแสดงถึงการเติบโตสูงสุดของเศรษฐกิจ การระบุจุดสิ้นสุดของส่วนขยายเป็นงานที่ซับซ้อนที่สุด เพราะสามารถอยู่ได้นานหลายปี
- ระยะนี้แสดงการลดลงของอัตราการว่างงาน ตลาดยังคงมีมุมมองเชิงบวก ในระหว่างการขยายตัว ธนาคารกลางจะมองหาสัญญาณของการสร้างแรงกดดันด้านราคา และอัตราที่เพิ่มขึ้นสามารถนำไปสู่จุดสูงสุดนี้ได้ ธนาคารกลางยังพยายามปกป้องเศรษฐกิจจากอัตราเงินเฟ้อในระยะนี้
- เนื่องจากอัตราการจ้างงาน รายได้ ค่าจ้าง ผลกำไร อุปสงค์และอุปทานสูงอยู่แล้ว จึงไม่มีการเพิ่มขึ้นอีก
- นักลงทุนจะผลิตมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเติมเต็มแรงกดดันด้านอุปสงค์ ดังนั้นการลงทุนและสินค้าจะมีราคาแพง ณ เวลานี้ นักลงทุนจะไม่ได้รับผลตอบแทนเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ ราคาจะสูงขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่จะซื้อ จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เศรษฐกิจจะกลับตัวจากระยะนี้
3) ภาวะถดถอย:
ภาคส่วนได้รับผลกระทบ: สาธารณูปโภค สุขภาพ อุปโภคบริโภค
- การลดลงติดต่อกันสองไตรมาสของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศถือเป็นภาวะถดถอย
- ภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามมาด้วยช่วงพีค ในระยะนี้เครื่องบ่งชี้เศรษฐกิจเริ่มถดถอย ความต้องการสินค้าลดลงเนื่องจากราคาแพง อุปทานจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และในทางกลับกันอุปสงค์จะเริ่มลดลง นั่นทำให้เกิด "อุปทานส่วนเกิน" และจะนำไปสู่การลดลงของราคา
4) ภาวะซึมเศร้า:
- ในช่วงขาลงที่ยืดเยื้อมากขึ้น เศรษฐกิจจะเข้าสู่ระยะตกต่ำ ระยะเวลาของอาการป่วยไข้เรียกว่าภาวะซึมเศร้า ภาวะซึมเศร้าไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่เมื่อเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าจะไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมากที่สามารถยกระดับผู้บริโภคและธุรกิจให้พ้นจากภาวะตกต่ำได้ เมื่อเศรษฐกิจถดถอยและลดลงต่ำกว่าการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ระยะนี้เรียกว่าภาวะซึมเศร้า
- ผู้บริโภคไม่กู้ยืมหรือใช้จ่ายเพราะมองเศรษฐกิจในแง่ร้าย เมื่อธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ย เงินกู้มีราคาถูก แต่ธุรกิจไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเงินกู้ได้ เนื่องจากพวกเขามองไม่เห็นภาพที่ชัดเจนว่าความต้องการจะเริ่มฟื้นตัวเมื่อใด ความต้องการสินเชื่อจะน้อยลง ธุรกิจจบลงด้วยการนั่งอยู่บนสินค้าคงเหลือและการผลิตกลับคืนซึ่งพวกเขาผลิตไปแล้ว
- บริษัทต่างๆ เลิกจ้างพนักงานมากขึ้นเรื่อยๆ และอัตราการว่างงานก็พุ่งสูงขึ้นและความเชื่อมั่นก็ลดลง
5) ราง:
- เมื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจติดลบ แนวโน้มก็จะดูสิ้นหวัง อุปสงค์และอุปทานของสินค้าและบริการที่ลดลงต่อไปจะทำให้ราคาตกลงมากขึ้น
- มันแสดงให้เห็นสถานการณ์เชิงลบสูงสุดเมื่อเศรษฐกิจมาถึงจุดต่ำสุด ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจทั้งหมดจะแย่ลง อดีต. อัตราการว่างงานสูงสุด และความต้องการสินค้าและบริการต่ำที่สุด (ต่ำสุด) เป็นต้น หลังจากเสร็จสิ้น ช่วงเวลาที่ดีจะเริ่มต้นด้วยระยะฟื้นตัว
6) การกู้คืน:
ภาคที่ได้รับผลกระทบ: อุตสาหกรรม วัสดุ อสังหาริมทรัพย์
- เนื่องจากราคาที่ต่ำ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากอัตราการเติบโตที่ติดลบ และอุปสงค์และการผลิตก็เริ่มเพิ่มขึ้น
- บริษัทหยุดปลดพนักงานและเริ่มค้นหาเพื่อตอบสนองความต้องการในระดับปัจจุบัน เป็นผลให้พวกเขาถูกบังคับให้จ้าง เมื่อหลายเดือนผ่านไปเศรษฐกิจก็ขยายตัวอีกครั้ง
- วัฏจักรธุรกิจมีความสำคัญเนื่องจากนักลงทุนพยายามมุ่งความสนใจไปที่การลงทุนที่คาดว่าจะไปได้ดีในช่วงเวลาหนึ่งของวัฏจักร
- รัฐบาลและธนาคารกลางดำเนินการเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่ดี รัฐบาลจะเพิ่มรายจ่ายและดำเนินการเพื่อเพิ่มการผลิต
หลังจากระยะฟื้นตัว เศรษฐกิจก็เข้าสู่ช่วงขยายตัวอีกครั้ง
สวรรค์ที่ปลอดภัย/หุ้นตั้งรับ - รักษาหรือคาดการณ์มูลค่าในช่วงวิกฤต จากนั้นจึงทำได้ดี เรายังสามารถคาดหวังผลตอบแทนที่ดีในประเภทสินทรัพย์เหล่านี้ อดีต. สาธารณูปโภค การดูแลสุขภาพ วัตถุดิบหลักของผู้บริโภค ฯลฯ ("เราจะหารือเพิ่มเติมในบทความที่กำลังจะมาถึงของเราเนื่องจากความยาวของบทความ")
XAUUSD นับคลื่นก่อนตลาดเปิดคือผมเช็คสัดส่วนอะไรแล้ว ผมคิดว่ามันไม่ใช่ Small X Wave ที่ผมคิดว่ามันจะเป็นแล้วแหละ คือถ้ามันเป็น small x ในส่วนของ a มันควรจะขึ้นไปสูงกว่านี้ แต่นี่มันพักตัวลงมาเลย มันดูสัดส่วนแปลกๆ ไม่เข้ารูปเท่าไหร่ ผมเลยลบเลเบลออกทั้งหมด แล้วลองลงใหม่ เช็คสัดส่วน เลยคิดว่า มันน่าจะเป็น Terminal Impulse 1x มากกว่า
1 ขยายแล้ว ผ่านกฏ Extension Rule
3 ไม่เกิน 61.8% ผ่านกฏ Equality Rule (ทีนี้ก็รอ 5 ผมให้เป้าที่ 61.8% ของ 3 เลย เพราะ 3 เป็น 38.2% ของ 1x)
2 กับ 4 มันสลับกัน 2 เป็น Non-Standard ใช้เวลา 8 วัน และ 4 เป็น Irregular Flat ใช้เวลา 4 วัน ผ่านกฏ Alternation Rule
เช็คด้วย Similarity and Balanced ดูก็ผ่านนะ ผ่านสัดส่วน 1/3 ทั้งด้านราคาและด้านเวลาเลย
ผ่านกฏ Overlap แล้ว 4 ลงมาเหลื่อมล้ำ โซนของคลื่น 1x แล้ว นับเป็น Terminal Impulse
ในตอนนี้มันก็จะขึ้นไปก่อน แล้วค่อยลงคลื่น c ใหญ่อีกที คิดว่าจะลงแรงมากเลยด้วย น่าหาโอกาสเข้าแถวๆจุด 5 จบนะ effect หลังจบ terminal คือมันจะย้อนไปที่จุดเริ่มต้นของ 1 เลย
#Elliottwave #DOGEUSD #Dogecoin #analysis DOGEUSD H4 Crypto Chart
10 Saturday, December 2022
DOGEUSD Elliott Wave Technical Analysis
Function: Counter trend
Mode: Corrective
Structure: Zigzag
Position: Wave B
Direction Next higher Degrees: wave (Y) of Double Corrective
Details: Wave B retraces in a zigzag pattern at the end, and prices will drop again in wave C.
Wave Cancel invalid Level: 0.1581
///////////////////////////////////////////////////
Dogecoin ระยะสั้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ด้วยโครงสร้างคลื่นแก้ไข Zigzag โดยไม่มีคลื่น C เพิ่มเติม ราคาฟื้นตัวได้ดีและคงอยู่เหนือเส้น MA200 และ MA50 แนวโน้มยังคงน้ำหนักดึงกลับเพื่อดำเนินการต่อในแนวโน้มขาลง
#Polkadot #DOTUSD #Crypto #ElliottwaveElliott Wave Analysis 4H Chart, 13 December 2022,
Polkadot / U.S.dollar (DOTUSD)
DOTUSD Elliott Wave Technical Analysis
Function: Counter trend
Mode: Corrective
Structure: Double Corrective
Position: Wave Y
Direction Next higher Degrees: Sub-wave of Wave 2
Wave Cancel invalid level: 4.972
Details:
Polkadot ยังคงถูกกดดันขายเนื่องจากยังคงต่ำกว่า MA200 และ MA50 แต่มีสัญญาณการฟื้นตัวจากระดับ 4.972 แต่แรงขายยังคงอยู่ แต่ถึงกระนั้น ตามที่เราเชื่อ โครงสร้างราคาในแนวโน้มขาลงได้สิ้นสุดลงแล้วที่ระดับ 4.972 หากตกลงไปด้านล่าง แนวคิดในแนวโน้มขาขึ้นจะถูกทำลาย
Neo-wave by Eaw อัพเดท XAU/USD ที่นับคลื่นไว้ 3 พ.ค. 2565วันนั้นบอกว่าหากทองคำหากราคาต่ำกว่า คลื่น 4 (1750) นั้นก็แปลว่าการขึ้นชุดนี้จบลงแล้ว และจะเป็นคลื่น 5 failure และ จะลงไปต่ำกว่าคลื่น x? สีม่วง (ต่ำกว่า 1050) วันนี้วันที่ 8 ธันวาคม 2565 ตอนนี้ใกล้จะจบคลื่นบีเรียบร้อยแล้ว หากจบคลื่นบีจะลงคลื่นซีเพื่อลงในทิศทางตามแผนวันที่ 15 มีนาคม 2565 ที่ดูไว้ในหน้าเพจ Neo-wave by Eaw
จับตาดูทิศทางราคาน้ำมันราคาน้ำมันมีการขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ทางฝั่งของทางด้านของจำนวนการใช้น้ำมันเริ่มเยอะขึ้นประกอบกับทางด้านของซัพพลายโซนโดนทำลายในระยะสั้นนี้
โดยแนวต้านสำคัญจะอยู่ที่ 74.98 ซึ่งถ้าเกิดสามารถไปได้อาจจะไปถึง 76.70 และ 77.78
แต่ความเสี่ยงที่ยังคงต้องจับตาดูก็คือทางด้านของการประกาศตัวเลขสำคัญสาระในการวันศุกร์นี้ก็คือการประกาศจำนวนดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐอเมริกา
อาจจะทำให้น้ำมันแกว่งตัวในระยะสั้นอีกครั้งต้องจับตาดูในรอบนี้
Harmonic Series on TFEXTFEX - S50Z22 เป็น Series ที่มีสภาวะ Sideway อย่างยาวนาน นักเทรดไม่สามารถหาสัญญาณการเกิดเทรนได้ หรือเกิดสัญญาณแล้วก็ False
แต่ในสภาวะ Sideway ที่ราคาเคลื่อนตัวเหมือนจะไร้ทิศทางนี้ แท้จริงแล้วกลับมีรูปแบบที่ซ่อนอยู่ เป็นการฟอร์มตัวของจุดที่มีนัยยะสำคัญ 5 จุด ก่อเกิดเป็นรูปแบบที่เรียกว่า 'HARMONIC PATTERN'
Harmonic Pattern คือ Pattern ที่จะเกิดในสภาวะ sideway หรือในชุดพักตัว และยิ่งพักตัวยาวนานเท่าไหร่ เราก็จะได้เห็น Harmonic Pattern ที่ร้อยเรียงกันต่อเนื่องกันไปเหมือนอย่างในรูปชาร์ตของ TFEX Series Z นี้
HARMONIC TRADING เป็นเทคนิคการเทรดในสภาวะไร้ทิศทางด้วย 'Harmonic Pattern' ในแต่ละ Pattern ของ Harmonic จะมีหลักในการวาง จุดเข้าซื้อ จุดตัดขาดทุน และจุดล็อกกำไร ไว้อย่างชัดเจน และจะแตกต่างกันไปตามแต่ละ Pattern ซึ่งจำเป็นจะต้องเรียนรู้และฝึกฝนให้ชำนาญก่อนที่จะนำไปใช้ แล้วเราก็จะสามารถเปลี่ยนสภาวะไร้ทิศทางที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงสูง ไปเป็นการแกว่งตัวในรูปแบบที่เรารู้จักและสามารถเทรดทำกำไรกับมันได้
มนุษย์กราฟ | Humangraphy
[แกะหุ้นเด้ง pt.2] เล่า BizModel+งบ กับ Evolution หุ้น 100 เด้ง Evolution AB ตำนานหุ้น 100 เด้ง และเป็น หุ้น 10 เด้งใน 5 ปี
.
บริษัท Evolution AB เป็นบริษัทสัญชาติสวีเดนที่ประกอบธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ที่มีอัตราการเติบโตในระดับที่น่าประทับใจ ผู้เพียบพร้อมทั้งเรื่องการเติบโตของรายได้ ผลกำไร และอัตราส่วนทางการเงิน ที่ไม่ว่าใครมาเห็นต้องอยากได้หุ้นตัวนี้มาประดับพอร์ตการลงทุนอย่างแน่แท้
.
โดยบริษัทเองนอกจากทำอัตรากำไรในระดับที่น่าพึงพอใจแล้ว บริษัทเองก็มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (CFO) และกระเงินสดอิสระ (FCF) เป็นบวกมาตลอดระยะเวลาหลายปี และมีเทรนด์ที่เป็นขาขึ้นตลอด จนกลายเป็นหุ้น 10 เด้งในระยะเวลา 5 ปี (และเป็นหุ้น 20 เด้ง เมื่อตอนที่ตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ ณ จุดสูงที่สุดตอนช่วงปี 2021)
.
และเราเองก็สามารถเป็นเจ้าของหุ้นนี้ได้ ผ่านการประยุกต์ใช้หลักการของคุณปีเตอร์ ลินซ์ ผ่านเพลย์บุคอย่างเล่ม One Up on Wall Street ด้วยการซื้อหุ้นที่มีค่า PEG ต่ำกว่า 1 ในการลงทุนได้ครับ
.
.
.
ทั้งหลายนี้แสดงให้เราเห็นอะไรบ้าง ก่อนอื่นผมขอพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับอัตราส่วน PEG ที่จะเป็นผู้ช่วยในการเลือกซื้อหุ้นนี้กันก่อนครับ
.
หุ้นมี PEG ต่ำกว่า 1 เท่า เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่แสดงให้เราเห็นว่า “หุ้นตัวนี้มีโอกาสขึ้น” จากการ “ปรับค่า PE ใหม่ของนายตลาดสู่ระดับที่ควรจะเป็น”
.
สมการของ PEG คือ PE / EPS Growth และสมการของ PE คือ Price / EPS
.
EPS ขึ้น หากราคาเท่าเดิม PE จะต่ำลงตามสมการ , เมื่อนายตลาดเห็น PE ที่ถูกลง นายตลาดก็อาจปรับ PE กลับไปสู่จุดเดิมได้
.
เช่น เมื่อก่อนหุ้นตัวหนึ่งถูกเทรดที่ ราคา 15 บาท ที่ PE 15 เท่า และมีกำไรต่อหุ้นที่ 1 บาท (สมการ Price = PE * EPS) ต่อมาหุ้นนี้มีกำไรเติบโต 30% หรือกำไรต่อหุ้นได้เปลี่ยนเป็น 1.3 บาทต่อหุ้น (EPS ใหม่ = EPS เดิม * อัตราการเติบโต , EPS ใหม่ = 1* = 1.3 บาทต่อหุ้น )
.
ทำให้ค่า PEG ของบริษัทเทรดอยู่ที่ 15/30 = 0.5 เท่า หากหุ้นนี้เทรดอยู่ที่ราคา 15 บาทเท่าเดิม ตอนนี้ PE ของบริษัทก็จะอยู่ที่ 11.53 เท่า
.
.
.
ดังนั้นแล้ว การที่บริษัทจะกลับไปเทรดเท่าเดิมที่ PE 15 เท่าเดิมได้นั้น ราคาหุ้นจะต้องไปอยู่ที่ 19.5 บาท คิดเป็น Upside ในสัดส่วนที่เทียบเท่ากับการเติบโตของกำไร 30%
.
แต่ทั้งนี้สิ่งที่เราต้องพิจารณา คือกำไรที่ได้มานี้ “เป็นกำไรจากการดำเนินงานที่เติบโตตามธรรมชาติบริษัท” หรือไม่ เราต้องพิจารณาผ่านการอ่านรายงานผลประกอบการรายไตรมาสด้วย
.
เพราะหากบริษัทได้กำไรมาจากกิจกรรมพิเศษ (เช่นการขายที่ดินออก การได้เงินประกัน) ความสามารถในการทำซ้ำอีกครั้งก็นับว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย เช่น ถ้าบริษัทขายที่ดินแปลงนั้นไปแล้ว เราก็คงไม่สามารถเสกที่ดินแปลงเดิมมาขายใหม่ทุกๆ ปีได้ใช่ไหมครับ
.
ต่อมาเมื่อการทำซ้ำไม่มีแล้ว เมื่อปีหน้ามาถึงกำไรส่วนที่ได้จากกิจกรรมก่อนหน้าจะหายไป ตรงนี้จะทำให้นายตลาด “ตีมูลค่าบริษัทให้ต่ำลง” (จากการที่ EPS ลดลง) ในที่สุด
.
.
.
กลับมาที่บริษัท Evolution AB ราคาหุ้นของบริษัทเคยเทรดอยู่ในระดับที่ PEG ต่ำ 1 อยู่หลายช่วงเวลาเหมือนกันครับ โดยช่วงที่เห็นได้ชัดมากที่สุดคือตอนกลางปี 2017 จนถึงท้ายปี 2018 ต้นปี 2019 หากเราได้ซื้อหุ้นตัวนี้ในช่วงราคา 140 เหรียญ (Swedish Krona) ตอนเดือนกันยายน 2018 ซึ่งเป็นจุดซื้อที่จั่วยอดดอย ณ PEG Ratio 0.9x และทนถือเพื่อรอกำไรและราคาหุ้นบริษัทเบ่งบานตอนเดือนเมษายน 2021 ที่ราคา 1,6xx เหรียญ (Swedish Krona) คุณจะได้ผลตอบแทนกว่า 1,1xx% ทีเดียว
.
ในด้านธุรกิจ Evolution เองมีผลการดำเนินงานที่เป็นบวกและเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ ครับ ผ่านการเปิดแพลตฟอร์มไปในประเทศต่างๆ รวมถึงมียอดผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ผสานกับลักษณะบริษัทเป็น Asset Light Model ซึ่งมีต้นทุนการดำเนินงานที่คงที่ ใช้สินทรัพย์ไม่หนักมากทั้งด้านบุคลากรและอุปกรณ์ มีรายได้เข้ามาไม่จำกัดแต่ต้นทุนคงที่ ทำให้รายได้ของบริษัทลงมาสู่บรรทัดล่างที่เติบโตขึ้นทุกปี ด้วยปัจจัยนี้เองจึงช่วยผลักดันให้มูลค่าของบริษัทสามารถไปได้ไกลนั่นเองครับ
.
และอีกประเด็นที่เลี่ยงไม่ได้ คือ “เทรนด์ธุรกิจ” ผู้เป็นพระเอกที่ช่วยผลักดันให้บริษัทเติบโตเหนือกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ในตลาดอีกด้วยโดย Evolution เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ซึ่งรูปแบบแพลตฟอร์มออนไลน์นี้ได้มา Disrupt ธุรกิจกาสิโนแบบมีพื้นที่ตั้ง โดยจากข้อมูลบริษัทได้ระบุว่าขนาดตลาดของกาสิโนแบบมีพื้นที่มีอัตราการหดตัวแบบทบต้น (CAGR) กว่า -8.2% ตลอดปี 2017-2021 ในขณะที่ตลาดเกมแบบออนไลน์ที่บริษัทกำลังประกอบการอยู่มีอัตราการเติบโตแบบทบต้น (CAGR) ที่ 31.1%
.
ปฏิเสธไม่ได้เลยครับ ว่าท่ามกลางความแตกต่างของ 2 เทรนด์บริษัทที่ขาหนึ่งกำลังถอยลง และขาหนึ่งกำลังพุ่งทะยาน นายตลาดจึงมอบรางวัลและความคาดหวังแก่ Evolution ให้เป็นหุ้นเด้งผู้เติบโตด้วยศักดิ์และศรีเพียบพร้อมด้วยตัวเลขการเงินอันเป็นผลประจักษ์และราคาอย่างแท้จริง
.
.
.
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมได้บอกเล่าทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้แม่นยำ 100% ว่าสิ่งที่เขียนจะเป็นเพลย์บุคที่ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในอนาคต สิ่งนี้อาจมีความแม่นยำเพียง 30-40% เพียงเท่านั้นครับเมื่อนำไปประยุกต์ผ่านการลงทุน
.
ทั้งนี้ขอให้พี่ๆ เพื่อนๆ พึงระลึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตามปกติ เพราะว่าไม่มีวิธีการลงทุนใดที่ให้ผลลัพธ์ 100% ได้ และการที่เราจะทำเงินจากตลาดหุ้นได้ไม่ได้อยู่ที่การเลือกวิธีการที่แม่นยำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ประกอบไปด้วยองค์ประกอบอันหลายอย่างซึ่งก่อรูปและร่าง ผ่านบริบทและเวลาของบริษัทนั้นๆ ครับ
.
สิ่งที่เราเล่าทั้งหมด เป็นเพียงการชี้ให้เห็นภาพเท่านั้นว่าคุณสามารถนำความรู้จากหนังสือหุ้นไปทำเงินได้ครับ
[แกะหุ้นเด้ง pt.1] หาจุดซื้อรันเทรน กับ Evolution หุ้น 100 เด้ง - วีดีโอนี้พูดถึง Technical จุดซื้อ/ขาย 75% และพูดเกริ่นถึงบริษัท 25%
- บริษัท Evolution AB เป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมใหม่อย่างอุตสาหกรรม pนันออนไลน์ ซึ่งมีอัตราการเติบโตของกำไรมากกว่า 2 หลักมาโดยตลอด
- นอกจากการเติบโตของกำไรแล้ว ในขาของด้านการบริหารนั้นบริษัทก็สามารถบริหารจนได้อัตรากำไรในระดับที่ดีมากๆ โดยสะท้อนมาที่ตัวเลขการเงินอย่างอัตรากำไรสุทธิ ที่บริษัทสามารถทำได้มากกว่า 30-40% ซึ่งเป็นระดับที่น้อยบริษัทจะสามารถทำได้
- กำไรจากการเทรดที่ได้แต่ละรอบสั้นนั้น สามารถทำได้มากกว่า 2x%
แต่ว่าเวลาที่หุ้นลง บริษัทจะมี Downside จาก ATH มากกว่า 30% เลย ดังนั้นแล้ว ใครซื้อแบบ FOMO อาจต้องระวังจุดนี้
- Breakout รับมือได้ดีที่สุดกับบริษัทจำพวกที่กำไรโตตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรวางจุด Stoploss ให้ดีๆ เพราะว่าเวลาโดนคืนสามารถโดนคืนได้ในระดับ 3x% ได้ และหากเข้าช้าไปควรกำหนด Postition Size ที่เพียงพอต่อการถือทนด้วยครับ
-------------------------------
สำหรับเนื้อหาจะมี 2 พาร์ทด้วยกัน โดยพาร์ทนี้จะเน้นในเรื่อง Technical อย่างเดียวนะครับ จากนั้นอีกพาร์ทจะเป็นเรื่องของการเงินและธุรกิจล้วนๆ
และโพสนี้ผมแบ่งเป็น 3 ส่วน คือหลักการเลือกหุ้นลงทุน ตามมาด้วยจุดซื้อที่พอทำได้ และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากหุ้นนี้/บริษัทนี้
---------------------------------
1. หลักการเลือกหุ้น
สำหรับระบบคัดเลือกหุ้นของบริษัทนี้ โดยหลักแล้วมาจากการเลือกบบริษัทที่มีกำไรเติบโตก่อนครับ โดยถ้ากำไรเติบโตเป็น 2 หลัก เหนือกว่าตัวเลข GDP สักราว 5 เท่า นายตลาดจะชอบบริษัทแบบนี้มาก
นอกจากกำไรเติบโตแล้ว การใช้ตัวกรองอย่าง PEG Raio มาช่วย จะทำให้เราเลือกหุ้นได้คมมากขึ้นครับ โดย PEG Ratio ที่ต่ำกว่า 1 จะเป็นตัวบอกว่าบริษัทนี้มีความน่าสนใจ
-------------------------------------
2. จุดซื้อหุ้นตัวนี้
สำหรับผมแล้ว ผมให้เรื่องของ Value Line ครับ โดยในกรณีนี้บริษัท Evolution ถูกเทรดอยู่ที่เส้นแดงมาโดยตลอดเลย หากเราตั้งสมมติฐานว่าซื้อหุ้นในจุดที่บริษัทมีราคาต่ำกว่าเส้น และนำมาขายบริเวณที่อยู่เหนือเส้น Value Line ก็นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจ
ต่อมาคือการเทรดเมื่อหุ้นวิ่งตัดขึ้นเส้นค่าเฉลี่ย 50 weeks หรือแม้แต่ 20 วัน เพื่อที่หลีกเลี่ยงอาการ FOMO หลังหุ้นตัวนั้นเด้งขึ้นอย่างร้อนแรง
และที่สำคัญคือบริษัทที่เป็นหุ้นเติบโต ในกรณีที่เขาเติบโตด้วยพื้นฐานอย่างแข็งแรง ส่วนมากราคาของบริษัทจะไม่มาเทรดที่จุดเดิมได้บ่อยๆ ครับ การที่เราซื้อขายหลังราคาตัดเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวเพื่อรันเทรนด์อาจช่วยให้เราได้เปรียบมากขึ้น
และอย่างสุดท้าย การเทรดโดยใช้หน้าเทรด Breakout ในหุ้นเติลโต โดยเหตุผลหลักจะคล้ายๆ กับการเทรดตอนหุ้นตัดขึ้นเส้นค่าเฉลี่ย โดยหากบริษัทเติบโตไปแบบเรื่อยๆ อย่างบริษัท การ Breakout จึงเป็นหน้าเทรดที่สามารถปรับประยุกต์ใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเทรดแบบScalper ภายในวันอาศัยความผันผวนตอนช่วงประกาศผลประกอบการ หรือแม้แต่การซื้อเป็นไม้สุดท้ายหลังจากที่เรา MM ไม้ก่อนหน้านี้มาแล้ว
-------------------------------
3. สิ่งที่ได้จากหุ้นตัวนี้
บริษัทที่มีการเติบโตของกำไรอย่างสม่ำเสมอ และทำได้ดีกว่าที่ตลาดคาดมักเป็นหุ้นที่ไปได้ไกล(จากสมการ Price = PE * EPS) ไม่ว่าจะจากการปรับค่า PE ของตลาดหรือ EPS ที่เติบโตได้ด้วยตัวเอง
การเทรดโดยให้ราคาตัดเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว เป็นจุดที่ปลอดภัยจากการไม่โดนสะบัดหรือเขย่าตอนซื้อแนวจุดสูงสุดใหม่
หุ้นเติบโตมักมีการ Pullback 3x% เป็นเรื่องปกติมาก ถ้าจะให้ดี อย่าซื้อตอน ATH เว้นแต่ว่าเราจะลงทุนแบบ Day Trade/Scalper แบบจบในวัน
THE MARKET STRUCTURETHE MARKET STRUCTURE (ขั้นพื้นฐาน เบื้องต้น) 📊 Sell Setup 📊 เป็นกรณีศึกษา Case Study Only
● ที่ต้องบอกว่าเบื้องต้น ก็เพราะว่าโครงสร้างตลาดนี้เป็นไปในแบบฉบับที่ผมปรับจูนนิดหน่อย อาจจะไม่เปะ ไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100%
.
แต่คิดว่า สำหรับคนที่ต้องการศึกษาไว้ น่าจะเป็นไกด์นำทิศทาง ในการมองภาพรวมของตลาดได้
.
และทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการศึกษาพฤติกรรมพื้นฐาน ทั้งคลื่นและโครงสร้าง ให้แตกฉาน จนเกิดเป็น ปสก. และทักษะส่วนตัว ถึงขั้นชำนาญ แตกฉานแล้วเท่านั้น ถึงจะเข้าใจว่า โครงสร้างทั้งหมด ก็เป็นเพียงไกด์นำทางเท่านั้น เมื่อถึงจุดนั้นแล้ว นักเทรดจะเริ่มปรับประยุกต์ใช้ และยืดหยุ่นเทคนิค เป็นการปรับมุมมองตามอารมณ์ของตลาดในช่วงเวลานั้นๆ
.
เพื่อให้รู้จังหวะในช่วงเวลานั้นๆ ว่าจะหลีกเลี่ยง จะฟอลโล่ตาม หรือเข้าปะทะร่างกาย
.
จากแผนภาพ เป็นการวางแผน 2 ชั้น ในระดับ Supply Zone ทั้ง 2 โซนนะครับ การเทรดควรวางแผนมากกว่า 1 แผนเสมอและควรทำ Position Sizing คำนวณล็อตและ MM ทุกๆ แผนนะครับ
#อย่าได้จดจำหรือยึดติดกับคำย่อมากมายนัก
#เน้นศึกษาและนำส่วนจำเป็นมาใช้ก็พอ
#เป็นเพียงตัวอย่างแนวทางกรณีศึกษาเท่านั้น
#Elliottwave #BTCUSD #Bitcoin Bitcoin(BTCUSD)
BTCUSD Elliott Wave Technical Analysis
Function: Follow trend
Mode: Motive
Structure: Impulse
Position: Wave 1
Direction Next higher Degrees: Wave 1 of Motive
Details: Sub-wave 1 of wave 3 and Once complete, the price will drop again in wave 2.
Wave Cancel invalid level: 16017
Bitcoin(BTCUSD) Trading Strategy: The Bitcoin price recovery is still doing well, but it needs to be watched carefully as The price is rising to test the key resistance at the MA200, and the Wave oscillator also shows a slowdown. If the price does not pass the resistance test, the price is likely to correct again in wave 2 Sub-wave of wave (3).
Bitcoin(BTCUSD) Technical Indicators: The wave oscillator also shows a slowdown
Buying pressure is exerted and the price may correct again.
XAUUSD การวิเคราะห์ประจำวัน 5/12/2022 by TraderTanTrading note: XAUUSD / GOLD
สัญญาทองคำถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในช่วงแรก และอัตราผล
ตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้น ขานรับแนวโน้มที่เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐ
ที่แข็งแกร่งเกินคาด
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพง
ขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ขณะที่การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
รัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำ
เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเป็นตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญตัวสุดท้าย
ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้
BUY : 1808
TP : 1826
SL : 1801
เหตุผลในการเข้าเทรด:
Trendline
จากกราฟแท่งเทียน ราคาดีดตัวกลับขึ้นมาหลังจากจบข่าวนอนฟาม โดยขึ้นมายืน
เหนือแนวต้านที่ 1803 ส่งผลให้ขาขึ้นกลับมามีลุ้นในระยะยาวอีกครั้ง จึงทำการเข้า BUY โดยใช้กรอบเส้นเทรนไลน์และกรอบBB ป็นตัวกำหนดเป้าหมายกำไรและเข้าออกตาม
แนวรับแนวต้าน
RSI : เป็นกลางในขาขึ้น อาจมีการย่อลงเล็กน้อยเพื่อขึ้นต่อ กำหนดจุดกำไร
และตั้ง SL ระยะห่างไม่ไกลมากเพื่อป้องกันความเสี่ยง เน้นจบปิดกำไรรายวัน และอาจ
ปิดเร็วขึ้น หากกำไรเป็นที่พอรับได้ โดยมีตั้งกำไร TP และตั้ง SL ไม่ไกลจากแนวรับ
แนวต้านเดิม ทั้งใน TF1H และ 4H และจะทำการล๊อคกำไรจาก TSL ด้วยระดับหนึ่ง
ประสบการณ์: เน้นการถืออออเดอร์โดยปิดจบรายวัน และเน้นเก็บกำไรแบบเป็น
รอบสวิงเทรนไซด์เวย์ เพื่อเป็นการเพิ่มกระแสเงินสด แคชโฟร์ ในพอร์ต อาจมีการแบ่ง
ปิดกำไรจากออเดอร์ที่กำไรในระดับหนึ่งแล้ว อาจมีการตั้ง TSL เพื่อเป็นการล๊อคกำไร
ได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
US30 มีโอกาสขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่มีรายงานการประชุมนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกายังคงมีการปรับตัวที่อาจจะมีการชะลอตัวในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอาจจะส่งผลทำให้ตลาดมีความผันผวนและดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับทิศทางของค่าเงินดอลล่าร์ที่ยังคงมีการปรับตัวอ่อนค่าลงซึ่งเป็นเครื่องที่ส่งผลสะท้อนให้เห็นถึงตลาดมีความกังวลถึงทิศทางของการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐ
ซึ่งจากการรายงานการประชุมนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐส่งผลทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการขยับตัวสูงขึ้นโดยในรอบวันมีการขยับตัวสูงขึ้นถึง +0.30% และอาจจะมีการขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าแนวรับสำคัญจะอยู่ที่ 34,228 และ 34,007 ซึ่งทำให้สามารถทะลุลงแนวรับดังกล่าวได้อาจจะไปถึง 34,463 หรือ 34,785 หรือ 34,939 เป็นแนวรับถัดไปอย่างที่ควรจะเป็น
โดยความเสี่ยงที่สำคัญยังคงเป็นการประกาศตัวเลขสำคัญในสัปดาห์แรกก็คือการประกาศอัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐอเมริกา
[CASE STUDY หาหุ้นปันผล] กอง REIT กับผลตอบแทนไม่ธรรมดาสวัสดีครับพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคน วันนี้ผมจะพาไปรู้จักกับสินทรัพย์การเงินชนิดหนึ่งนะครับ ที่สร้างผลตอบแทนได้จากทั้งเงินปันผลที่จ่ายอย่างสม่ำเสมอ และส่วนต่างราคาซึ่งราคาเหมือนกับหุ้น แต่ไม่ผันผวนมากเท่าหุ้นกันครับ
สินทรัพย์นี้คือกอง REIT นั่นเองครับ ซึ่งกอง REIT จะมี Business Model เป็นการรับค่าเช่าจากผู้เช่า และเอาค่าเช่านั้นมาจ่ายให้ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างเราๆ นั่นเอง
โดยทั่วไปแล้วกอง REIT ส่วนมากจะเป็นกองของ "ห้างสรรพสินค้า" . "คลังสินค้า" , "โรงแรม" , "อาคารสำนักงาน"
ทั้งนี้เองเจ้าของจะเป็นคนที่ไปเก็บค่าเช่าจากคนที่มาใช้บริการครับ เช่นหากกอง REIT เป็นห้างสรรพสินค้า รายได้ก็ได้มาจากค่าเช่ารายเดือนของห้างร้านในนั้น
กอง REIT เองมี 2 แบบ คือแบบซื้อสิทธิ์ขายอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นของตัวเอง(Freehold) กับซื้อกรรมสิทธิ์ระยะยาว (Leasehold)
ในเคสนี้ผมจะพูดถึงเรื่องกอง Reit ที่สามารถเป็นหุ้นเด้งได้ยาวๆ และจ่ายเงินปันผลให้เราได้ตลอด นอกจากนี้ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงไปที่สินทรัพย์อื่นๆ ได้ด้วย
คุณสมบัติหลักๆ คือ
- กองนั้นต้องมีความสามารถในการดึงดูดผู้เช่าให้มาใช้บริการเขาได้ตลอด
- สามารถปรับค่าเช่าตามเงินเฟ้อได้
- ความสามารถที่โดดเด่นคือการ "ฆ่าเงินเฟ้อ" ได้ครับ จากการปรับค่าเช่า และมูลค่าที่ดินที่ปรับสูงขึ้นได้เสมอ
- หากกองเป็นแบบ Leasehold ความขยันของเจ้าของเป็นสิ่งสำคัญ หากกองมีการขาย Asset เข้ากอง Reit ตลอด การที่กองนั้นราคาจะขึ้นไปตามความคาดหวังของอนาคตก็มี สามารถทำกำไรแบบส่วนต่างราคาหรือ Capital Gain ได้ไม่ยากนัก
ข้อเสียที่ร้ายแรงของกอง REIT ก็มีครับ นั่นคือ
- สภาพคล่องของกองอาจจะมีน้อยมากจนอาจเข้าออกได้ยาก
- การที่ราคาไม่ไปไหนอาจมีความเสี่ยง หากราคาเปิด Gap ลงมาจนทำให้เราเสียเงินทางบัญชี
- เงินปันผลอาจไม่การันตีจ่ายได้ตลอดได้ จากการที่มีปัญหาเฉพาะที่ครับ เช่นกองนั้นอาจเกิดไฟไหม้ทำให้ไม่สามารถเก็บค่าเช่าได้ หรือแม้แต่ COVID ที่อาจทำให้ผู้เช่าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าได้จากการต้อง Lock Down
ผมหวังว่าไอเดียนี้จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการลงทุนได้ และได้ผลตอบแทนจากสินทรัพย์นี้ที่ดีนะครัย
กฏและแนวทางการนับคลื่น Zigzag(5-3-5)Zigzag(5-3-5)
ซิกแซกมี สาม รูปแบบได้แก่ Single Zigzag,Double Zigzag,Triple Zigzag
Single Zigzag คือการลดลงสามคลื่นที่มีลำดับคลื่นย่อยภายในเป็น 5-3-5 และคลื่น B ต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของคลื่น A อย่างชัดเจน ในบางกรณี Zigzag อาจเกิดขึ้น สองครั้งหรือมากสุดสามครั้งติดต่อกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ Zigzag แต่ละอันจะถูกคั่นกลางด้วยรูปแบบสามคลื่น(Corrective wave) ทำให้เกิด Double หรือ Triple Zigzag โดยที่ Zigzag มักจะเกิดขึ้นในคลื่นสองของ Motive wave มากกว่าคลื่นสี่ และอยู่ในคลื่นย่อยของสามเหลี่ยม และคลื่น X ในชุดคลื่นผสม
Rules
ซิกแซกแบ่งออกเป็นสามคลื่นเสมอ
คลื่น A แบ่งย่อยออกเป็น impulse หรือ leading diagonal.
คลื่น C แบ่งย่อย impulse หรือ ending diagonal.
คลื่น B แบ่งย่อยออกเป็น zigzag, flat, triangle หรือ combination เสมอ
คลื่น B ไม่เคยเคลื่อนที่เกินจุดเริ่มต้นของคลื่น A
Guidelines
คลื่น A แบ่งย่อยออกเป็น impulse.กือบทุกครั้ง
Wave C แบ่งย่อยเป็น impulse เสมอ
คลื่น C มักจะมีความยาวเท่ากับคลื่น A
คลื่น C มักจะสิ้นสุดเกินกว่าจุดสิ้นสุดของคลื่น A
คลื่น B มักจะย้อนกลับ 38 ถึง 79 เปอร์เซ็นต์ของคลื่น A
ถ้าคลื่น B เป็น running triangle โดยทั่วไปจะย้อนกลับระหว่าง 10 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของคลื่น A
หากคลื่น B เป็นคลื่นซิกแซก โดยทั่วไปจะถอยกลับ 50 ถึง 79 เปอร์เซ็นต์ของคลื่น A
หากคลื่น B เป็นรูปสามเหลี่ยม โดยทั่วไปจะย้อนกลับ 38 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของคลื่น A
เส้นที่เชื่อมปลายคลื่น A และ C มักจะขนานกับเส้นที่เชื่อมปลายคลื่น B กับจุดเริ่มต้นของคลื่น A (แนวทางคาดการณ์ คลื่น C มักจะสิ้นสุดเมื่อถึงเส้นที่ลากจากปลายคลื่น A นั่นคือ ขนานกับเส้นที่เชื่อมจุดเริ่มต้นของคลื่น A และจุดสิ้นสุดของคลื่น B)