วิเคราะห์ทองคำศุกร์ที่ 16 กรกฏาคม 2564ตลาดทองคำนิวยอร์กวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาปิดบวก 4 ดอลลาร์ ตอบรับมุมมองเงินเฟ้อของเฟด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เมื่อคืนวันพฤหัสฯที่ผ่านมานี้ปิดบวกเป็นวันที่ 3 ต่อเนื่องที่ 4 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,829 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 0.22% ซึ่งถือเป็นระดับการปิดที่สูฃสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา การปรับขึ้นของทองคำหลังจากนายเจอโรมพาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ออกมาย้ำว่าเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นในขณะนี้เกิดจากปัจจัยชั่วคราวเพียงเท่านั้น ซึ่งถ้อยคำแถลงดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟดจะยังคงไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตามการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เองได้ถูกกดดันราคาทองคำในระหว่างวันด้วยเช่นกัน
นายพาวเวลได้ออกกล่าวแถลงการณ์วันที่สองผ่านไปเมื่อคืนนี้ ว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาว่าเฟดจะใช้นโยบายการเงินในการสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐ จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ซึ่งนายพาวเวลยังมองว่าเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพียงการเกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น โดยผลจากการที่รัฐต่างๆ ทำการเปิดเศรษฐกิจ
เช้านี้ดอลลาร์ปรับร่วงลงอีกครั้งก่อนตัวเลขยอดค้าปลีกจะออกมารายงานในค่ำคืนนี้ ซึ่งความผันผวนของดอลลาร์ก็ยังส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวราคาทองคำ จึงแนะให้นักลงทุนติดตามความเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์ในขณะนี้ ในส่วนของดอลลาร์เองเมื่อวานก็ปิดที่ระดับ 92.592 ปิดบวก +0.195 (0.21%)
ประเมินทางเทคนิควันนี้
สำหรับเช้าวันนี้ราคาทองคำยังเคลื่อนไหวในแดนบวก แต่ยังมีแรงซื้อที่จำกัดอยู่ โดยราคาทองคำมีระยะการแกว่งตัวที่ระดับ 1,819-1,832 ดอลลลาร์ต่อออนซ์ ภาพรวมยังคงเห็นว่าทองคำสามารถปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านได้อยู่ จึงควรมองหาโอกาสการเข้าทำกำไรฝั่งซื้อเป็นหลัก แนะนำให้รอเข้าซื้อราคาทองคำหากมีการย่อตัวลงสู่แนวรับสำคัญๆ
กลยุทธ์การเทรดทองคำกรอบรายชั่วโมง
Long Position : รอซื้อทองคำเมื่อราคากลับย่อลงมาบริเวณ 1821-1,819 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นแนวรับระยะสั้น หากราคาเคลื่อน่ไหวมาทรงตัวที่บริเวณดังกล่าวได้อย่างแข็งแกร่ง อาจเสี่ยงเปิดคำสั่ง “ซื้อ” ได้ที่บริเวณดังกล่าว โดยประเมินการปิดทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,828-1,832 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำต่ำกว่า 1,819 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวโน้มทองคำในวันนี้
-----------------------------------------
1H : Up trend
-----------------------------------------
4H : Up trend
-----------------------------------------
DAY : Up trend
---- -------------------------------------
Week : Up trend
-----------------------------------------
Month : Up trend
-----------------------------------------
แนวรับแนวต้านทองคำกรอบรายชั่วโมง
---------------------------------------------------
Support : 1,815 / 1,801 / 1,790
---------------------------------------------------
Resistance : 1,832 / 1,841 / 1,855
---------------------------------------------------
สถานการณ์ถือครองทองคำของกองทุน SPDR เดือนกรกฎาคม 64
- ถารถือครองทองคำ : ไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครอง
- เข้าซื้อขายทองคำล่าสุดที่ระดับราคา : 1,827.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- ปัจจุบันถือครองทองคำทั้งสิ้นสุทธิ : 1,034.37 ตัน
- ปรับเปลี่ยนแปลงราคาทั้งสิ้น : 7 ครั้ง
- รวมการเปลี่ยนแปลงการถือครองในเดือนทั้งสิ้น : -11.41 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งค่าสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรจากการลงทุนได้ 100%
ไอเดียชุมชน
USD/CAD อาจย่อตัวเพื่อขึ้นต่อ ก่อนจะปรับตัวลงอีกครั้งUSD/CAD อาจย่อตัวเพื่อขึ้นต่อที่ระดับโซนของ SRF DZ ซึ่งมองว่าถ้าย่อตัวมาถึง DZ นั้นสามารถพิจารณาที่ SRF DZ ได้ เพราะมองว่าราคามีแนวโน้มย่อตัวก่อน แล้วจึงปรับตัวขึ้นไปยังโซน Supply คือ QM SUPPLY ZONE เมื่อมาถึงโซนนี้ ราคามีแนวโน้มปรับตัวลงอีกครั้ง ตามเทรนหลังขาลง Major Down Trend ถ้าเป็นไปตามที่คาดการณ์ เมื่อราคามาถึง QM SUPPLY ZONE สามารถพิจารณาได้อีกโซน
ข้อมูลทั้งหมดที่แชร์ เป็นเพียงไอเดียมุมมองส่วนตัวเท่านั้น มิได้เป็นการชี้นำหรือชักชวน ใดๆทั้งสิ้น โปรดใช้วิจารณญาณ ในการอ่าน
BTCUSD : Sideway 2 เดือน หรือจะเท่า Sideway Down 3 ปี 2018-2020มือใหม่ที่ไม่เคยอยู่กับตลาด Bitcoin มาก่อน หรือเพิ่งเข้ามาได้ไม่ถึงปี ช่วงตลาดดีๆ
มักจะมีความฝันและความหวังกันเต็มเปี่ยม เพราะโดนทั้งสื่อและกูรูหลายๆ ท่าน บิ้ว กันจนเคลิ้ม ว่ามันจะต้องไปเท่านั้นเท่านี้ ไปได้อีกไกลลิบ
และก็ทนถือ ทนติดดอยกันไปเรื่อยๆ อยากมีความหวัง...
สำหรับ ผม และหลายๆ คนที่ผ่านปี 2018 มาแล้ว จะรู้ดีกว่า ไอ้ความหวังอะไรนั่นน่ะ...มันไม่มีอยู่จริง
และ ตอนปี 2017-2018 เราก็โดนกูรูและสื่อทั้งหลาย ซึ่งก็หน้าเดิมๆ ทั้งนั้นแหละ บิ้วกันมาแบบเดียวกันเด๊ะๆ!!
ทำให้รอบหนี้ หลายๆ คนที่ผ่านปีนั้นมา และขาดทุนหนักกันมาก่อน.. ก็จะมีภูมิคุ้มกันความกาวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
---------------------
ผมจะเล่าเรื่อง ญาติของเพื่อนคนนึงให้ฟัง
เขาก็ไปดอย Bitcoin ที่ยอด 20k ตอนปี 2017 นั่นแหละ ซื้อได้ยอด เยี่ยมจริงๆ 55
และเขาก็ไม่ขาย ไม่ขาดทุน ทนถืออออออออออ มาเรื่อยๆ ผ่านร้อนผ่านหนาวมา สามปี
มันลงไปแค่ไหนก็ไม่ขาย มือแข็งมากๆ!!
..แต่ วันก่อนผมถามมันไป ช่วงที่ Bitcoin วิ่งไปแถวๆ 30k-40k ละ ว่า
เป็นไงวะ ญาตินาย รวยแล้วดิ ทนถือมาได้ตั้งนาน
มันก็หันมาตอบง่ายๆ ว่า "อ๋อ.. ญาติมันขายออกไปหมดเกลี้ยงแล้ว ตรง 20k น่ะ"
ผมก็.... ได้แต่นั่งขำในใจ 555
---------------------
เรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า...
ถึงพวกคุณ มือใหม่ 2021 จะทนถือ BTC ที่ติดดอย ผ่านร้อน ผ่านหนาว ลงไปแค่ไหนก็ไม่ยอมขาย
แต่สุดท้าย ... พอราคามันกลับมาที่ "ราคาที่คุณซื้อเอาไว้" หลังจากมันพาทัวร์ขุมนรกอยู่หลายปี
...คุณก็จะขาย "เท่าทุน" อยู่ดีครับ
และ..หลังจากนั้น มันก็มักจะไปต่อซะด้วยสิ 5555
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ขาดปัจจัยบวก
บรรยากาศการลงทุนในช่วงต้นสัปดาห์ ตลาดขาดปัจจัยบวกที่จะกระตุ้นนักลงทุนให้กลับเข้าตลาด การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และการล็อคดาวน์บางจังหวัด กดดันให้ดัชนีตลาดปิดที่ 1,549.84 จุด ลดลง 2.25 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.5 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบในเขตขายมากเกิน แรงซื้อเก็งกำไรจะหุ้นดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน นักลงทุนทั่วไปยังเป็นกลุ่มนำซื้อสุทธิ
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม ตลาดปิดในแดนบวกจากมุมมองว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะสดใส แต่นักลงทุนยังเฝ้าติดตามตัวเลขเงินเฟ้อและถ้อยแถลงประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวขึ้นปิดช่องว่างขาลง (Low Price Gapping Play) ที่ 1,576 – 1,563 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณลงต่อเนื่อง (Continuation pattern) ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับอยู่ที่ 1,529 จุด และ 1,510 จุด ตามลำดับ ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล แต่จะเป็นการปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน ดัชนีมีเส้น MMA2 ทำหน้าที่เป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,579 – 1,583 จุด ดัชนีตลาดจะยืนยันการเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,600 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 1,540 จุด และกรณีที่ดัชนีตลาดไม่สามารถยืนปิดเหนือ 1,529 จุด การนับคลื่นปรับ (Collective wave) จะต้องนับใหม่ เนื่องจากคลื่น (iv) ซ้อนทับกับคลื่น (i) ไม่เป็นไปตามหลักการ Overlapping
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบในเขตขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล แต่จะเป็นการปรับขึ้นเพื่อปรับฐาน
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,558 – 1,567 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,540 – 1,529 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
กรณีที่ดัชนีตลาดไม่สามารถยืนปิดเหนือ 1,565 จุด ควรปรับพอร์ตลงอีก 10 เปอร์เซ็นต์ ทำให้พอร์ตลงทุนเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อถือเงินสดเพิ่ม
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
CBG ราคานิวไฮ การเล่นโดยใช้ indy SuperTrend ในการ TradeAverage true range (ATR) เป็น indicator ที่ใช้วัดความผันผวน (Volatility) ถูกสร้างขึ้นโดย Welles Wilder Jr. และให้ผู้เทรดและนักลงทุนได้ใช้วิธีการวัดขนาดสัมพัทธ์ (relative magnitudes) ของความผันผวนของราคาในตลาด มาผสมอยู่ใน indicator ในที่เราเห็นมี Buy Sell ในชื่อว่า SuperTrend โดยมาประยุกค์กับหลักการของ Trailing Stop loss โดยเครื่องมือจะแสดงกรอบราคา ด้านบนและด้านล่าง ขยับตามราคาที่เปลี่ยนแปลงไป หากราคาทะลุกรอบไม่ว่าขึ้นหรือลงก็จะเป้นจุดเปลี่ยนของสัญญาณไม่ว่าซื้อหรือขาย
เหมาะกับหุ้นใหญ่ๆที่มีเทรนชัดเจน SET50 SET100 หุ้นซึ่งหุ้นปั่นก็ใช้ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อยู่ที่ความเหมาะสมในการใช้งานด้วยเช่นกัน ส่วนของ CBG ปล่อยรันไปเรื่อยๆ ไม่หลุด Stoploss ก็ยังไม่ขายว่ากันต่อไปครับ
การใช้เครื่องมือ Date & Price range ในการดูลักษณะหุ้นว่าแต่ละรอบด้วยเครื่องมือที่ผมดูลักษณะของหุ้นหรือนิสัยหุ้นแต่ละตัวที่ชอบมากคือ Tools ด้านซ้ายมือ ที่ชื่อ Data & Price Range คือการใช้งานหลักๆคือจะบอกว่าระยะเวลาที่เราวางกรอบ เริ่มต้นกับสิ้นสุด ระยะเวลากี่วันและ การขึ้นหรือลงแต่ละรอบกี่เปอร์เซ็นต์ เครื่องมือนี้มีประโยชน์มากกับหุ้นที่มี Pattern ชัดเจน คือเป็นรูปแบบให้เรามองเห็นและวางแผนได้ง่ายๆ ในหุ้น SET 50 - SET 100 จะชัดมาก
ในส่วนของหุ้นเล็กๆหรือ Swing Price จะดูลำบาก เพราะไม่เป็นไปตาม Cycle ปกติ แต่จะเป็นตามลักษณะการเล่นของคนทำราคา เจ้ามือ มาประกอบ
เครื่องมือนี้จะช่วยให้วางแผนได้ว่าจะถือ จนถึงวันที่เท่าไร่ จากรอบที่ผ่านมาแต่ละรอบ ขึ้นระยะเวลากี่วัน จะมาช่วยเราในการถือครองหลักทรัพย์แต่ละตัวได้นะครับ ลองเล่น ลองใช้กันดู ถ้ามีคำถามคอมเม้นต์ไว้ได้เลยครับ
#Elliottwave Combination รูปแบบชุดค่าผสม by @ฮีสานเทรดเดอร์ Double and Triple Three
Elliott เรียกว่า “การแก้ไขแบบผสมออกด้านข้าง” ในขณะที่การแก้ไข ชุดแรกเป็น Zigzag หรือ Flat ประเภทใดๆ
Triangle จะเป็นส่วนประกอบสุดท้ายที่ อนุญาติของชุดค่าผสมดังกล่าว ในบริบทนี้เรียกว่า “Ttiple” หรือ “Double” คือการ
รวมตัวกันของ Corrective Zigzag,Flat หรือ Triangle ประเภทต่างๆ การเกิดขึ้นของ Combinations มักจะเป็นการขยาย
ออกไปด้านข้าง และใช้ป้ายกำกับเป็น W,Y,Z และคลื่นปฎิกิริยา X หรือตัวเชื่อมรูปแบบ Combinations สามารถเป็น
รูปแบบการแก้ไขใดๆก็ได้แต่โดยทั่วไป มักจะเป็น Zigzag
-ส่วนใหญ่รูปแบบ Double และ Triple three มักจะเป็นการเคลื่อนที่ไปในแนวนอน แต่แอลเลียต ระบุว่าการก่อตัว
ทั้งหมดอาจเอียงไปตามแนวโน้มที่ใหญ่กว่าก็ได้ ถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยพบว่าเป็นเช่นก็ตาม เหตุผลหนึ่งคือไม่เคยมี Zigzag
มากกว่าหนึ่งชุด ไม่มี Triangle มากกว่าหนึ่งรูปจำไว้เพียงอย่างเดียวว่ารูปแบบ Triangle นั้นนำหน้าการเคลื่อนไหวสุดท้าย
ของแนวโน้มที่ใหญ่ขึ้น และจะเป็นชุดเคลื่อนที่สุดท้ายใน double หรือ Triple three
-ชุดค่าผสม Combinations Double และ Triple Zigzag เป็นชุดค่าผสมที่ไม่ใช่แนวนอน ใน Double และ Triple
Zigzag Zigzag ชุดแรกแทบจะไม่ใหญ่พอที่จะถือเป็นการแก้ไขของราคาที่เหมาะสมก่อนหน้า โดยทั่วไปแล้วการเพิ่มขึ้น
เป็น Double หรือ Triple ของรูปแบบจำเป็นต่อการสร้างการย้อนกลับของราคา ที่มีขนาดเพียงพอ เกิดขึ้นเพื่อขยาย
ระยะเวลา ของกระบวนการแก้ไขหลังจากราคาบรรลุเป้าหมายอย่างมีในยะสำคัญ
-หากทำให้มันชัดเจนขึ้น รูปแบบ Combinations และ คลื่นขยายของ Impulse มีความแตกต่างกันเชิงปริมาณ
จำนวนของอนุกรม จำนวน 3+4+4 ฯลฯ ของชุดค่าผสม combinations และ 5+4+4+4 ฯลฯ ของคลื่นขยาย ใน Impulse
Impulsive มีจำนวน 5 และมีการขยายที่นำไปสู่คลื่น 9,13 หรือ 17 คลื่น และ คลื่น Corrective มีจำนวน 3 โดยผสมกัน
ก็จะนำไปสู่ 7 หรือ 11 คลื่น. แต่รูปแบบ Triangle ดูเหมือนจะเป็นข้อยกเว้น แม้ว่าจะสามารถเป็นหนึ่งในสามรูปแบบของ Combination ได้รวม
11 คลื่น ดังนั้น หากการนับภายในไม่ชัดเจนนักวิเคราะห์ บางครั้งอาจได้ข้อสรุปที่สมเหตุสมผล เพียงแค่การนับคลื่น
ตัวอย่างช่น การนับ 9,13 หรือ 17 ที่มีการทับซ้อนกันเล็กน้อยนั้น น่าจะเป็น Motive wave ในขณะที่การนับ 7,11,15 ที่มีการทับซ้อนกันจำนวนมาก น่าจะเป็นรูปแบบ Corrective wave ยกเว้น motive wave ประเภท Diagonal ทั้งสอง
รูปแบบ
TSLA : Downtrend Breakout + MACD > 0 น่าเสี่ยงซื้อ ( 24/6/2021 )หลังจากห่อเหี่ยว เหี่ยวแห้ง มาตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. 2021
วันนี้หุ้น TESLA ก็สามารถ Gap Up Breakout Downtrend ที่กดมันเอาไว้ตลอด 5 เดือนขึ้นมาจนได้ครับ
ส่วนตัว ทรงนี้ ก็น่าเสี่ยงเปิด Long มากๆ โดยอาจจะตั้ง SL ที่ใต้ low ใกล้ๆ ก่อน Break Out ก็ได้
ส่วนเป้า TP ก็อาจจะยังไม่ต้องมี รันเทรนไปเรื่อยๆ จนเสียทรงขาขึ้น เดี๋ยวค่อยว่ากันครับ
ช่วงนี้ หุ้น Tech อเมริกา วิ่งกันหมดทุกตัวครับ เพราะทรงมันห่อเหี่ยวมานาน จนอั้นไม่ไหว มันก็ระเบิดขึ้นต่อ
ดูทรงแล้วก็ไม่แน่ว่า อาจจะเป็นการทำขาขึ้นรอบใหม่ก็ได้นะ
สำหรับคนที่สนใจอยากซื้อหุ้น TSLA พวก exchange คริปโตฯ ดังๆ เขาก็มีให้เทรด
หรือจะเอาเน้นสบายใจก็ซื้อผ่านแอพธนาคารบ้านเราสีม่วงๆ ก็ได้นะครับ
บอกเจาะจงไม่ได้ เดี๋ยวผิด House Rules ของ Tradingview 555
ฺBTC - แนวโน้ม และจุดเฝ้าระวังสำหรับ short terms traderCurrent Stage: Setup นี้ผมมีสมมติฐานว่าการ swing low จุด 29xxx คือ bottom out ของรอบ ดังนั้น Max Risk คือการ retrace จนเบรค Low ไปเทสแนว Extension
พิจารณากรอบ TF60 (ขวา)
- เราจะเห็นการ retrace ขึ้นไปถึงระดับ 50% และ throwback ลงมาเทสระดับ 38.2% ที่โซน 335xx - 350xx
- จากนี้การย่อไม่หลุด prev. low ที่ 322xx จะทำให้เกิดสภาพ Hidden Bull. ที่เป็นบวกกับการกลับไปเดินหน้าเทสระดับ retrace 61.8% ที่ 365xx และ Median Line ที่ 376xx - 378xx
- แนวต้านที่ว่าถือเป็น reward จาก setup นี้
- แนว ให้เป็นแนวอ้างอิงในการพิจารณา indicator เพื่อหาสภาพ Bull \ Hidden Bull
- TD Seq. ในระดับ TF60 จะนับครบ 9 สำหรับ TD Buy setup ในอีก 2 แท่ง (2 ชม) นี่คือระยะที่ควรเฝ้าสำหรับการล่า swing low
พิจารณากรอบ TF15 (ซ้าย)
- แนวรับสำคัญสำหรับการ swing low อยู่บริเวณ 335xx (Retrace 61.8%) และ 332xx ( Median Line Pitchfork)
- การย่อไม่หลุด 2 แนวรับสำคัญนี้ จะสนับสนุนแนวทางการเทรดของระดับ TF60 ที่ใหญ่กว่าและเป็นไปในทางเดียวกันคือ การ ย่อ L
- การเบรค 332xx ลงไปจะทำให้แผนนี้ลดความน่าเชื่อถือลงเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่การหลุด 322xx (prev. low) ลงไปจะทำให้ต้องพิจารณาแผนใหม่ทั้งหมด
การใช้ Linear Regression แชนแนลLinear Regression แชนแนล เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการระบุระดับราคาที่เป็นไปได้ของการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตโดยการสร้างกราฟการแจกแจงแบบปกติของแนวโน้ม
เมื่อใช้เครื่องมือ Regression Trend (อยู่ในแผงรูปวาดภายใต้กลุ่ม "Trend Line Tools") จะมีการเลือกจุดสองจุดบนแนวโน้มโดยทั่วไปจะอยู่ที่จุดเริ่มต้นของแนวโน้มและจุดสิ้นสุดของแนวโน้ม
เมื่อเลือกจุดสองจุดบนแผนภูมิการแจกแจงปกติของชุดข้อมูลจะคำนวณระหว่างจุดที่เลือกสองจุดและแสดงในรูปแบบของ linear regression แชนแนล
เส้นกึ่งกลางในแชนแนลนี้คือเส้น Linear Regression หรือค่าเฉลี่ย และเส้นบนและล่างคือค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานบนและล่างจากค่าเฉลี่ยตามที่กำหนดไว้ในการตั้งค่าของเครื่องมือ (ค่าเริ่มต้นคือ +2 และ -2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากค่าเฉลี่ย)
ความสัมพันธ์ของความสัมพันธ์เชิงเส้นนี้จะแสดงเป็นค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน หรือค่า Pearson’s R ซึ่งสามารถแสดงหรือซ่อนบนแผนภูมิได้โดยเลือกจากเมนูรูปแบบเครื่องมือ
Pearson’s R แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์และทิศทางของมันโดยค่าที่เคลื่อนที่ระหว่าง -1 ถึง 1 เมื่อ Pearson’s R เคลื่อนที่ห่างจากศูนย์มากขึ้น ความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์เชิงเส้นระหว่างราคาและเวลาจะเพิ่มขึ้น เมื่อใช้เครื่องมือ Regression Trend Pearson’s R จะถูกกำหนดเป็นค่าสัมบูรณ์ (บวก) เสมอ แต่สามารถระบุทิศทางของแนวโน้มได้ด้วยสายตา
การกลับตัวเข้าหาค่าเฉลี่ย (Mean)
เมื่อ Regression trend มีความสัมพันธ์กันสูงนี่เป็นผลมาจากความสอดคล้องของการเคลื่อนไหวของราคาที่วางตามค่าเฉลี่ย (เส้นกึ่งกลาง) โดยมีจุดน้อยกว่าที่เคลื่อนที่สูงกว่าและต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยไปยังระดับค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานบนและล่าง
วิธีหนึ่งในการเทรดโดยใช้ Linear regression แชนแนลคือการเทรดการเคลื่อนไหวของราคาเมื่อมันเคลื่อนตัวออกจาก และกลับไปที่ค่าเฉลี่ย
เมื่อใช้เครื่องมือนี้ สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตคือ แชนแนลที่มีแท่งกราฟจำนวนแท่งมากกว่าและมีความสัมพันธ์กันสูง มีแนวโน้มที่ราคาจะดำเนินต่อไปในแนวโน้มนั้นมากกว่ากราฟที่มีแท่งเทียนเพียงไม่กี่แท่งและมีความสัมพันธ์กันสูง
ควรพิจารณาความยาวนานของแนวโน้มเมื่อทำการเทรดแชนแนลเหล่านี้
ด้วยเครื่องมือ Regression Trend คุณสามารถเริ่มใช้การวิเคราะห์ทางสถิติในกลยุทธ์การเทรดของคุณได้ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ปุ่ม!
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองคำทรุดตัวลงหลุดแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement ที่ 1,769 เหรียญ แท่งเทียนเกิดเป็น Inverted Hammer ในเขตขายมากเกิน สัญญาณ DMI แสดงถึงการปรับตัวลดลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ทำให้ราคาทองคำมีทิศทางปรับตัวลง ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล แต่จะเป็นการปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน
ราคาทองคำพักตัวลงเป็นคลื่นปรับแบบ (a)-(b)-(c) โดยคลื่น (iv),(c) มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,769 จุด
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,781 – 1,797 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,748 – 1,736 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,781 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำปรับตัวลงต่ำกว่า 1,781 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,797 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,769 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 1,797 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
วิเคราะห์ภาพรวม Bitcoin ประจำวันที่ 21 มิถุนายน 2564เมื่อวานยังคงปิดแท่งเป็นลักษณะพักตัว โดยที่แท่งสัปดาห์จบด้วยการปิดลบ ซึ่งยังส่งผลให้ภาพรวมในระยะสั้นยังคงคิดอยู่ในฝั่งของ Bearish momentum
อย่างไรก็ตามการรีบาวน์ขึ้นมาเมื่อคืนนี้ก็ยังพอมีลุ้นให้เริ่มมีการฟอร์มตัวตรงบริเวณโซนแนวรับในระยะสั้น ซึ่งอย่างน้อยวันนี้ต้องจบด้วยการปิดบวกให้ได้ เพื่อคอนเฟิร์มการปรับฐาน
แต่ถ้าปิดลบ ยังคงแปลว่า ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงไปต่อ เนื่องจากยังไม่สามารถปรับฐานได้
รายละเอียดจะเป็นอย่างไรเข้ามาฟังได้เลยครับ
AUDUSD สัปดาห์นี้เป็นอีกคู่ที่น่าสนใจคู่เงิน AUD/USD จากกราฟปัจจุบันจะเห็นว่าแนวโน้มเป็นขาลงชัดเจน จากรูปแบบ Pattern Double Top ที่ราคาฟอร์มตัวและจากนั้นส่งแรงทะลุเส้น SSR.1 มองว่า โมเมนตัม Down และบวกกับเทรนขาลง จึงทำให้กราฟดิ่งลงอย่างแข็งแกร่ง และ ณ โซนปัจจุบันเป็นที่น่าจับตามอง หลังจากที่ราคาแตะ Support Zone.D1 ได้เกิดแรงซื้อกลับเข้าตลาดมาบ้างแล้ว...แต่จุดที่น่าสนใจจริงๆ คือ H SZ ที่ราคาสร้างโซนไว้ ที่โซนนี้น่าจับตามองว่า ถ้าหากราคาขึ้นมาถึง มีความเป็นไปได้ 2 ทาง ให้รอสังเกตุแท่งเทียนอีกที หากเกิดแท่งเทียนกลับตัว อาจทำให้กราฟไปในทิศทางเลข 1 คือ พิจารณา Follow Trend ขาลงได้ เนื่องจากเทรนลงแข็งแกร่ง และโมเมนตัม Down ...แต่หากว่าที่ H SZ ไม่เกิดแท่งเทียนกลับตัว ราคาอาจจะฟอร์มตัวเป็น Sideway Up หรือเคลื่อนตัวแบบขั้นบันได ซึ่งมองว่าอาจจะไปในทางเลข 2 และหากเป็นเช่นนั้น จุดที่เราควรรอคือ SRF SZ ที่โซนนี้สามารถ Follow Trend ขาลงได้
แต่จากที่กล่าวมา หากว่าราคา Rebound ไม่ถึง H SZ แต่ขึ้นไปถึงแค่ SSR.3 ซึ่งมองเป็น Supply zone ได้เช่นกัน หากว่าราคาไม่ผ่านเส้นนี้แล้วลงต่อเนื่อง ก็ให้ไปพิจารณาแนวล่างสุดคือ Demand zone W1 เพราะเทรนลงและโมเมนตัมขับเคลื่นตลาดแข็งแกร่ง จะเห็นได้ชัดเจนทั้งใน TF. D1 และ W1 ที่เป็นแท่งเทียน Strong Bearish
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงไอเดียและกลยุทธ์ส่วนตัวเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แผนภูมิ Heikin Ashi vs แผนภูมิแท่งเทียนการติดตามการเคลื่อนไหวของราคาถือเป็นหัวใจสำคัญของตลาด การมองดูแผนภูมิเพียงครั้งเดียวสามารถแสดงแนวโน้ม, แนวคิดทางการเทรด หรือเป็นวิธีที่รวดเร็วในการตรวจสอบการถือครองในพอร์ตการลงทุนของคุณ
แผนภูมิแท่งเทียนเป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการดูการเคลื่อนไหวของราคา แท่งเทียนแท่งเดียวจะแสดงราคาสูงสุด, ต่ำสุด, ราคาเปิดและราคาปิดในช่วงเวลาหนึ่งๆ ซึ่งหมายความว่าข้อมูลราคาจำนวนมากจะถูกเก็บไว้ในแท่งเทียนแท่งเดียว อย่างไรก็ตามบางครั้งข้อมูลราคานั้นเต็มไปด้วยความผันผวนหรือการซื้อขายที่วุ่นวาย
นั่นคือสิ่งที่แผนภูมิ Heikin Ashi มีประโยชน์มากที่สุด - มันทำให้ราคาราบรื่นโดยแสดงช่วงราคาเฉลี่ย มากกว่าการวัดที่แน่นอน อันที่จริงแผนภูมิ Heikin Ashi ได้รับการพัฒนาในญี่ปุ่นและคำว่า Heikin หมายถึง "ค่าเฉลี่ย" ในภาษาญี่ปุ่น ผู้ที่ลงทุนในระยะยาวหรือมองหาแนวโน้มที่ยั่งยืน แผนภูมิ Heikin Ashi อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทำให้ราคาราบรื่นและแสดงแนวโน้มที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
กุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจแผนภูมิ Heikin-Ashi คืออย่าลืมว่าแต่ละแท่งไม่ว่าจะเป็นสีแดงหรือสีเขียวจะแสดงช่วงราคาเฉลี่ยสำหรับช่วงเวลาหนึ่ง ในขณะที่แผนภูมิแท่งเทียนจะแสดงระดับราคาที่แน่นอนสำหรับช่วงเวลานั้น
สูตรสำหรับ Heikin Ashi มีลักษณะดังนี้:
ราคาเปิด = (ราคาเปิดของแท่งก่อนหน้า+ ราคาปิดของแท่งก่อนหน้า) / 2
ราคาปิด = (ราคาเปิด + ราคาสูงสุด + ราคาต่ำสุด + ราคาปิด) / 4
ราคาสูงสุด = จุดสูงสุดไม่ว่าจะเป็น ราคาเปิด, สูง, ต่ำหรือราคาปิด
ราคาต่ำสุด = จุดสูงสุดไม่ว่าจะเป็น ราคาเปิด, สูง, ต่ำหรือราคาปิด
อย่าลืมทดสอบแผนภูมิทั้งสองประเภทที่แตกต่างกันและสนุกไปกับมัน ไม่มีวิธีใดที่จะเรียนรู้ได้ดีไปกว่าการเปรียบเทียบและดูความแตกต่างของแผนภูมิทั้งสองประเภทดังที่เรากำลังทำในตัวอย่างนี้ จำไว้ว่ามันขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของคุณด้วย คุณต้องการดูรายละเอียดทั้งหมดในการเคลื่อนไหวของราคาหรือไม่? หรือคุณต้องการดูราคาเฉลี่ยของการดำเนินการซื้อขายนั้น? ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับคุณและมีเครื่องมือให้คุณได้ลองใช้
ข้อควรจำ
แม้ว่า Heikin Ashi และแผนภูมิประเภทอื่นๆ จะมีประโยชน์ในการวิเคราะห์ตลาด แต่ก็ไม่ควรใช้ในการทดสอบกลยุทธ์ย้อนหลังหรือออกคำสั่งซื้อขายเนื่องจากราคาของพวกเขาเป็นราคาสังเคราะห์และไม่สะท้อนถึงระดับของ bid/ask ในตลาดหลักทรัพย์หรือโบรคเกอร์ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นโปรดดูสิ่งพิมพ์เหล่านี้:
• ในศูนย์ช่วยเหลือ: กลยุทธ์สร้างผลลัพธ์ที่ไม่สมจริงในประเภทแผนภูมิที่ไม่ใช่แผนภูมิมาตรฐาน (Heikin Ashi, Renko และอื่น ๆ)
• จาก PineCoders: การทำ Backtest ในประเภทแผนภูมิที่ไม่ใช่แผนภูมิมาตรฐาน: คำเตือน!
ขอบคุณที่อ่านและโปรดแสดงความคิดเห็นหรือคำถามหากคุณ ถ้ามี!
RATCH - กรณีศึกษาสภาพ หุ้นต้นน้ำจากกราฟสิ่งที่ให้พิจารณาคือ
- การ Break Trendline \ EMA100 ในแท่งแรกๆ
- การก่อฐาน High-Density Volume zone บริเวณนี้
- จากนี้การ throwback หรือ consolidate สามารถเกิดขึ้นได้ และอาจกินเวลาในระดับวัน หรือ เป็นสัปดาห์ ในกรอบนี้
- วิธีหา Maximum Risk คือ การวางสมมติฐานว่าราคาจะต้องยก High-Low แล้วเพื่อยืนยันสภาพ Bottom Out
ดังนั้น Risk เราคือการกดลงไปจากตรงนี้ ถึงการเกิด new low ที่ต่ำกว่า 48.75 หรือประมาณ 4.8%
- กลยุทธการเทรดคือ เข้าสะสมในโซนการ consolidated\throwback คือ 48.75 - 51.25 โดยให้แบ่งไม้เข้าสะสมตามความเหมาะสมของหน้าตัก
- จุดยอมแพ้ คือ การทำ new low หลุด 48.75 ลงไป 2-3 ช่อง
- Reward คือ การดีดตัวขึ้นมาเทส แนว Fibo Retracement ที่ระดับ 38.2 - 61.8 (56.5 - 66.75)
Min. Reward ตามแผนนี้คือ 10%++ ซึ่งพิจารณา Risk / Reward Ratio แล้วจะเหมาะแก้การลงทุนหรือไม่ ให้ขึ้นอยู่กับเคมีของนักลงทุน
การสร้างเส้นด้วยคีย์ลัดการสร้างเส้นบนแผนภูมิเป็นวิธีพื้นฐานที่สุดวิธีหนึ่งในการสร้างแผนภูมิเมื่อทำ การวิเคราะห์ทางเทคนิค การสร้างสิ่งเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วเป็นทักษะที่มีประโยชน์มาก
เส้นแนวนอน, แนวตั้ง และเส้นตัด ทั้งหมดสามารถพบได้ในแผงภาพวาดทางด้านซ้ายของแผนภูมิในกลุ่มย่อย “เครื่องมือเส้นแนวโน้ม” สามารถเพิ่มเครื่องมือเหล่านี้ได้โดยเลือกจากกลุ่มย่อยแล้ววางลงบนแผนภูมิ
อย่างไรก็ตามวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการสร้างบรรทัดเหล่านี้คือการใช้ฟังก์ชันคีย์ลัด:
ชอร์ทคัทเส้นแนวนอน:
- Alt+H (PC) หรือ Option+H (MAC)
ปุ่มลัดเส้นแนวตั้ง:
- Alt+V (PC) หรือ Option+V (MAC)
ปุ่มลัดเส้นตัด:
- Alt+C (PC) หรือ Option+C (MAC)
การที่เรามีความเชี่ยวชาญในการวาดเส้นบนแผนภูมิของคุณจะช่วยให้สามารถระบุพื้นที่แนวรับ/แนวต้านและเวลาบนแผนภูมิของคุณได้เร็วขึ้น
อย่าลืมไปที่ศูนย์ช่วยเหลือของเราเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือเหล่านี้!
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือเส้นแนวนอน:
th.tradingview.com
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือเส้นแนวตั้ง:
th.tradingview.com
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือเส้นตัด:
th.tradingview.com
สร้างการแจ้งเตือน (และรออย่างอดทน)มีสองขั้นตอนสำคัญในการสร้างการแจ้งเตือน:
1. ค้นหาระดับราคาที่สำคัญ
ทำวิจัยของคุณ ค้นหาระดับราคาที่มีนัยสำคัญและรอ ความอดทนนั้นคือทุกสิ่ง คุณมีเครื่องมือที่พร้อมให้คุณค้นคว้าและติดตามตลาด ไม่ว่าจะเป็นเส้นแนวโน้มธรรมดา, เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หรือ Pine Script ที่สร้างขึ้นเอง ใช้เครื่องมือเพื่อตัดสินใจได้ดีขึ้น ค้นหาจุดเข้าหรือจุดออกในอุดมคติตามที่คุณต้องการ
2. สร้างการแจ้งเตือน
เมื่อคุณพบระดับที่คุณสนใจแล้ว ให้สร้างการแจ้งเตือนและเดินจากไป คลิกขวาที่ระดับราคาใดๆ จากนั้นเลือก "สร้างการแจ้งเตือน" จากเมนู คุณยังสามารถใช้แป้นพิมพ์ลัด Alt + A หรือปุ่ม Option + A บนเครื่อง Mac และขั้นตอนท้ายสุดที่ด้านบนของทุกแผนภูมิจะมีไอคอนนาฬิกาปลุก⏰ คลิกเพื่อเปิดเมนูการแจ้งเตือนและเริ่มต้นการทำงานทันที
แผนภูมิในตัวอย่างนี้แสดงระดับที่เรากำลังดูอยู่ นี่เป็นเพียงตัวอย่างและมีไว้เพื่อการศึกษาเท่านั้น มันยังแสดงการแจ้งเตือนที่เราสร้างขึ้นโดยทำเครื่องหมายด้วยเส้นสีส้ม การแจ้งเตือนของคุณจะมีลักษณะเช่นนี้เช่นกัน และคุณสามารถสร้างมันขึ้นสำหรับสัญลักษณ์หรือคู่เงินที่กำหนดเอง เช่น ETHBTC, AAPL และ TSLA / BTCUSD ในตัวอย่างนี้เราได้กำหนดความเป็นไปได้ที่จะเกิด double bottom ซึ่งเราจะรออย่างอดทน รอให้เกิดการแจ้งเตือนก่อนที่จะดำเนินการอะไร
เราจะได้รับการแจ้งเตือนบนแอพ TradingView บนมือถือ, ทางอีเมล์ และบนเดสก์ท็อปของเรา จากนั้นเราจึงดำเนินการตอบสนองต่อการแจ้งเตือนนั้น สิ่งนี้ทำให้การเทรดของเราสามารถจัดการได้มากกว่าการทำตามทุกความเคลื่อนไหวแบบนาทีต่อนาที 😁
การแจ้งเตือนสามารถช่วยให้คุณวางแผนล่วงหน้าและรอได้ เราทุกคนรู้ว่าความอดทนเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นให้ใช้การแจ้งเตือนเพื่อแสดงความอดทนของคุณ
ขอขอบคุณที่อ่านและเราหวังว่าจะได้รับฟีดแบคของคุณในช่องความคิดเห็นด้านล่างนี้!
ว่าด้วยกฏของเมอร์ฟี่หนังสือ Technical Analysis in financial market ของ JJ Murphy ถือว่าเป็น the best ของตำราเทคนิคอลที่เคยอ่าน ซึ่งความหนาระดับ 7-800 หน้า ทำให้หลายคนเลือกที่จะจำกฏ 10 ข้อของเมอร์ฟี่มากกว่าด้วยซ้ำ
ในบรรดากฏ 10 ข้อ กฏข้อที่ผมนิยมใช้ในการปฏิบัติจริงมีอยู่ 2 ข้อ นั่นก็คือ Learn the turn และ Know how far to backtrack ซึ่งความหมายของกฏทั้ง 2 ข้อนี้คือ ให้รู้จักเครื่องมือเกี่ยวกับ oscillator และระดับการย่อ
สิ่งที่ผมใช้เป็น combination ของกฏ 2 ข้อนี้คือ การที่เราหาหุ้นที่มี relative strength สูงๆในรอบ 6/12 เดือน ตามเสด็จพ่อโอนีลแนะนำ มาหาว่าหุ้นตัวไหนมีแพทเทิร์นการพักตัว การพักตัวนั้นลงลึกเพียงใด และเครื่องมือประเภท oscillator ลงจบหรือไม่ การที่ oscillator ระดับ tf day ลงจบนี่ค่อนข้างหาได้ยาก ปีนึงอาจเกิดแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้น (สำหรับหุ้นอัพเทรนหรือ RS สูงๆ)
พอเราได้หุ้นที่พักฐานมา สิ่งที่เราดูพิจารณาต่อก็คือ “ระดับของการย่อ” ใครที่ตี Fibonacci เป็นอาจหาหุ้นที่พักระดับ 23.6-38.2 หรือถ้าตีไม่เป็น อาจพิจารณาจากการลงมาพักที่เส้น ema ก็ได้ (ให้ดีไม่ควรหลุดเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลาง)
จากกราฟ XPG (Zmico เก่า) จะเห็นว่า การพักที่ stochastic ลงสุดทั้ง 2 ครั้ง ครั้งแรกราคาลงมาแค่บริเวณกึ่งกลางเส้น 10 และเส้น 50 วัน ส่วนครั้งที่ 2 ลงมาเส้น 50 วัน หรือถ้าใครตี Fibonacci เป็น ก็จะพบว่าทั้ง 2 ครั้งลงมาที่แนว 38.2
วิธีการเทรดอาจจะเข้าด้วย tf ย่อย หรือกดตอนเบรกไปเลยก็ได้ เพราะการพักระดับ day รูมในการวิ่งจะเยอะพอสมควร
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกตัวที่จะไป ทั้งนี้ก็ขึ้นกับวอลุ่ม นิสัย และ catalyst อื่นๆ มาประกอบกัน