XAU/USD – แนวโน้มขาขึ้นระยะยาวที่แข็งแกร่งทองคำยังคงโครงสร้างขาขึ้นระยะยาว หลังดีดตัวแรงจากแนวรับ 3,300 ดอลลาร์ ยืนเหนือเมฆ Ichimoku และได้รับแรงหนุนจากปริมาณการซื้อที่สูง รูปแบบ “Double Bottom” กำลังใกล้เสร็จสมบูรณ์ โดยมีโซนยืนยันที่ 3,346 ดอลลาร์ เป้าหมาย TP1 ที่ 3,410 ดอลลาร์ และ TP2 ที่ 3,440 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปัจจัยพื้นฐานยังสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น: ดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ภายใต้แรงกดดันก่อนการประกาศตัวเลข CPI สหรัฐฯ ตลาดคาดว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ย เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน หนุนความต้องการทองคำเชิงกายภาพ รวมถึงกระแสเงินทุนปลอดภัยจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
ผมมองว่าทองคำจะยืนเหนือ 3,346 ดอลลาร์ และทะลุ 3,410 ดอลลาร์ได้ง่าย แนวโน้มขาขึ้นระยะยาวสู่ 3,465 ดอลลาร์มีความเป็นไปได้สูง
 แล้วคุณคิดว่าทองคำจะไปถึง TP2 เร็ว หรือจะมีการปรับฐานอีกครั้งก่อนพุ่งต่อ?
ภาพประกอบ
การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD 12 สิงหาคม 2025
1. การวิเคราะห์โมเมนตัม
•	กรอบเวลา D1: โมเมนตัมกำลังลดลง → แนวโน้มขาลงยังคงดำเนินต่อไป คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2–3 แท่ง D1 เพื่อให้ราคาลงไปถึงโซนขายเกินและมีโอกาสกลับตัว
•	กรอบเวลา H4: โมเมนตัมกำลังเพิ่มขึ้น → ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงช่วงตลาดสหรัฐ ราคามีโอกาสปรับขึ้นหรือเคลื่อนไหวไซด์เวย์
•	กรอบเวลา H1: โมเมนตัมกำลังเตรียมกลับตัวลง → อาจมีการปรับตัวลงเล็กน้อยในระยะสั้น ควรติดตามการเคลื่อนไหวนี้อย่างใกล้ชิด
________________________________________
2. โครงสร้างคลื่นเอลเลียต
•	โครงสร้างคลื่นสีเขียว ในรูปแบบ ending diagonal อาจเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งอาจหมายความว่า คลื่น 5 หรือคลื่น C (สีดำ) ได้ก่อตัวขึ้นแล้ว
•	ส่วนตัวไม่อยากเห็น โครงสร้างคลื่น 5 สีเขียว จบด้วย ending diagonal ในช่วงนี้ เพราะ:
o	ถ้านี่เป็นโครงสร้างแนวโน้มขาขึ้นแบบแรง เราเพิ่งอยู่ในคลื่น 1 ของโครงสร้างระดับใหญ่
o	การเกิด ending diagonal ในคลื่น 5 (สีดำ) แสดงถึงแรงซื้อที่อ่อนลง ซึ่งไม่ดีเมื่อราคายังไม่สามารถทะลุจุดสูงเดิมเพื่อยืนยันแนวโน้มใหม่ → เพิ่มโอกาสที่นี่อาจเป็น คลื่นปรับฐาน
•	จากโครงสร้างการลงในปัจจุบัน ผมให้ป้ายกำกับชั่วคราวว่าเป็น คลื่นสีดำ 1-2-3-4-5 โดยการดีดตัวขึ้นเล็กน้อยตอนนี้คาดว่าเป็น คลื่น 4 ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบ Flat หรือ Triangle
•	เป้าหมายคลื่น 4:
1.	3358
2.	3364
•	หากราคาทะลุ 3381 การนับคลื่น 1-2-3-4-5 ขาลงปัจจุบันจะไม่ถูกต้อง (คลื่น 4 ทับซ้อนกับคลื่น 1) ซึ่งอาจเปลี่ยนเป็น โครงสร้าง ABC ปรับฐาน หรือ คลื่นขึ้น 5 คลื่นใหม่
•	หากเป้าหมายคลื่น 4 อยู่ที่ 3364 เป้าหมายคลื่น 5 จะอยู่ที่ 3323
________________________________________
3. การผสมผสานโมเมนตัมและโครงสร้างคลื่น
•	D1 ขาลง → สนับสนุนการเกิดคลื่น 5 ลงต่อ
•	H4 ขึ้น + H1 ลง → อาจบ่งบอกว่าคลื่น 4 เป็นรูปแบบสามเหลี่ยม โดยสัญญาณสำคัญคือการลงรอบนี้ ไม่หลุด 3342
o	หาก 3342 หลุด แสดงว่าคลื่น 5 อาจกำลังทำงาน มีเป้าหมายที่ 3323
•	เนื่องจากโมเมนตัม H4 ยังขึ้นอยู่ จึงยังมีโอกาสที่ราคาทะลุ 3381 ซึ่งจะต้องนับคลื่นใหม่ อาจเป็น ABC ปรับฐาน หรือ 5 คลื่นขึ้น
________________________________________
4. แผนการเทรด
•	หากคลื่น 4 เป็น สามเหลี่ยม → โซน 3358 เป็นจุดขายที่ดี หรือรอให้หลุด 3342
•	คำสั่ง Limit Sell:
o	จุดเข้า: 3364 – 3366
o	SL: 3374
o	TP1: 3342
o	TP2: 3333
o	TP3: 3323
EUR/USD – ความเสี่ยงต่อการหลุดช่องราคาในระยะสั้นคู่เงิน EUR/USD กำลังสูญเสียแรงส่ง หลังจากถูกปฏิเสธซ้ำหลายครั้งที่ขอบบนของช่องราคา ขณะที่ MACD ส่งสัญญาณตัดลง และราคาหลุดลงมาต่ำกว่าเมฆ Ichimoku
ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากความระมัดระวังก่อนการประกาศข้อมูล CPI ของสหรัฐฯ และแนวโน้มที่เฟดจะคงจุดยืนแบบ Hawkish ขณะที่ยูโรเผชิญแรงกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนที่ไม่สดใส
 ส่วนตัวผมมองไปทางขาลง โดยมีเป้าหมายระยะสั้นที่ 1.15175
 
แล้วคุณคิดว่า EUR/USD จะหลุด 1.1612 ทันทีเพื่อไปถึง 1.15175 หรือจะดีดกลับไปทดสอบขอบบนของช่องก่อนค่อยปรับตัวลง?
การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD วันที่ 10 สิงหาคม 2025
1. การวิเคราะห์โมเมนตัม
•	กรอบเวลา D1: เส้นโมเมนตัมใน D1 ยังคงซ้อนทับกันและยังไม่มีสัญญาณยืนยันการกลับตัว ซึ่งบ่งชี้ว่ามีโอกาสที่จะเกิดการกลับตัวภายใน 1–2 วันข้างหน้า
•	กรอบเวลา H4: โมเมนตัมกำลังเพิ่มขึ้น จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าราคาจะเคลื่อนไหวต่อเนื่องในแนวโน้มขาขึ้นในช่วงตลาดเอเชียวันพรุ่งนี้
•	กรอบเวลา H1: โมเมนตัมกำลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน สนับสนุนมุมมองว่าราคามีโอกาสสูงที่จะขึ้นต่อในช่วงตลาดเอเชีย
________________________________________
2. การวิเคราะห์โครงสร้างคลื่น
•	การเคลื่อนไหวของราคาปัจจุบันมีการซ้อนทับกัน สนับสนุนสมมติฐานว่ากำลังเกิด ending diagonal
•	โครงสร้างนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของ คลื่น 5 สีดำ หรือ คลื่น C สีดำ ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ล้วนเป็นโครงสร้าง ending diagonal 12345 และตอนนี้ราคากำลังอยู่ใน คลื่น 4 สีน้ำเงิน
•	สัญญาณยืนยัน: การปรับตัวลงอย่างรวดเร็วและชันจะเป็นตัวบ่งชี้การสิ้นสุดของ ending diagonal — ตามที่ได้กล่าวไว้ในแผนก่อนหน้านี้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่เกิดขึ้น
•	เป้าหมายการสิ้นสุดของโครงสร้างนี้คาดไว้ที่โซน 3412 หรือ 3419 หากราคาทะลุ 3439 มีความเป็นไปได้สูงที่จะยืนยันการสิ้นสุดของ คลื่น 5 สีดำ
________________________________________
3. สถานการณ์ที่เป็นไปได้
•	สถานการณ์ที่ 1: หากการเคลื่อนไหวปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ โครงสร้าง 5 คลื่น 12345 สีดำ หลังจากคลื่น 5 สิ้นสุดลง อาจเกิดการปรับฐานในรูปแบบ คลื่นแก้ไข 3 คลื่น ABC โดยมีเป้าหมายที่บริเวณ 3333
•	สถานการณ์ที่ 2: หากการเคลื่อนไหวปัจจุบันเป็น โครงสร้าง 3 คลื่น ABC สีดำ หลังจากคลื่น C สิ้นสุดลง อาจเกิดการปรับตัวลงในรูปแบบ 5 คลื่นขาลง ที่จะทะลุระดับ 3315
________________________________________
4. การผสมผสานโมเมนตัมและโครงสร้างคลื่น
โดยพิจารณาจาก:
•	D1 อยู่ในโซนซื้อมากเกินไป (overbought) และสามารถกลับตัวได้ทุกเมื่อภายใน 1–2 วันข้างหน้า
•	H4 แสดงโมเมนตัมขาขึ้น
•	ราคามีแนวโน้มอยู่ในคลื่น 4 สีน้ำเงิน
→ ในวันจันทร์ มีโอกาสสูงที่จะเห็นการปรับตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อให้ครบ คลื่น 5 สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการมองหาโอกาส SELL บริเวณโซนเป้าหมาย 3412–3419
เนื่องจากโซนราคานี้ค่อนข้างกว้าง ควรรอสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจนก่อนเปิดคำสั่งซื้อขาย
________________________________________
5. แผนการเทรด
SELL ZONE 1: 3411 – 3413
•	SL: 3416
•	TP1: 3400
•	TP2: 3381
•	TP3: 3342
SELL ZONE 2: 3419 – 3421
•	SL: 3429
•	TP1: 3400
•	TP2: 3381
•	TP3: 3342
RSI vs Stochastic: เปรียบเทียบ 2 อินดิเคเตอร์โมเมนตัมยอดนิยมของนในการเทรด Forex อินดิเคเตอร์ที่ช่วยบอกโมเมนตัมของราคา ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสองตัวที่คนพูดถึงบ่อยคือ RSI (Relative Strength Index) และ Stochastic Oscillator ทั้งสองมีความคล้ายกันในแง่ที่บอกถึงภาวะ Overbought และ Oversold แต่ในความจริงแล้ว แต่ละตัวก็มีวิธีการคำนวณ แนวคิด และการใช้งานที่แตกต่างกัน
📌  จุดเด่นของ RSI 
RSI เป็นอินดิเคเตอร์ที่พัฒนาโดย Wilder มีหน้าที่วัดความแข็งแรงของแนวโน้ม โดยคำนวณจากอัตราส่วนของวันที่ราคาปิดเป็นบวกกับวันที่ราคาปิดเป็นลบ แล้วเปลี่ยนเป็นค่าเปอร์เซ็นต์อยู่ในช่วง 0 ถึง 100
 ค่าที่นักเทรดมักใช้อ้างอิงคือ:
RSI มากกว่า 70 = ราคาน่าจะอยู่ในเขต Overbought (ซื้อมากเกินไป อาจถึงเวลาย่อตัว)
RSI น้อยกว่า 30 = อยู่ในเขต Oversold (ขายมากเกินไป อาจถึงเวลาดีดกลับ)
RSI มักใช้งานได้ดีในตลาดที่มี “แนวโน้มชัดเจน” เพราะมันช่วยบอกได้ว่าเทรนด์ยังแข็งแรงอยู่หรือกำลังจะหมดแรง 
📌  จุดเด่นของ Stochastic 
Stochastic Oscillator พัฒนาโดย George Lane ใช้หลักการเปรียบเทียบราคาปิดล่าสุดกับช่วงราคาสูงสุด-ต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น 14 วัน) แล้วคำนวณออกมาเป็นค่าเปอร์เซ็นต์เช่นกัน อยู่ในช่วง 0–100
 ในอินดิเคเตอร์จะมีเส้น 2 เส้นคือ:
%K (เส้นหลัก)
%D (เส้นเฉลี่ยของ %K)
สัญญาณซื้อ-ขายของ Stochastic เกิดขึ้นเมื่อเส้น %K และ %D ตัดกัน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในเขต Overbought (เหนือ 80) หรือ Oversold (ต่ำกว่า 20) 
Stochastic เหมาะกับตลาดที่ “แกว่งในกรอบ” หรือไม่มีแนวโน้มชัดเจน เพราะมันสามารถจับจังหวะกลับตัวระยะสั้นได้ดี
🆚  เปรียบเทียบการใช้งาน 
ถ้าพูดง่าย ๆ — RSI เหมาะกับการดูความแข็งแรงของแนวโน้ม, ในขณะที่ Stochastic เหมาะกับการจับจังหวะกลับตัวในช่วงที่ตลาดแกว่ง
RSI ช่วยให้เราเห็นว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นนั้นแรงแค่ไหน หาก RSI สูงเกิน 70 แต่ราคายังวิ่งขึ้นต่อได้ นั่นอาจหมายถึงแนวโน้มยังแข็งแรงอยู่
Stochastic เน้นไปที่การบอกว่า “ราคาปิดล่าสุดอยู่ตรงไหนในช่วงราคาย้อนหลัง” จึงตอบสนองไวกว่า RSI และมักจะให้สัญญาณเร็วกว่า
อีกจุดหนึ่งที่ต่างคือ สัญญาณการเข้าเทรด
RSI ใช้จุด Overbought/Oversold ร่วมกับแนวโน้มเพื่อหาจังหวะกลับตัว
ส่วน Stochastic ใช้การ "ตัดกันของเส้น %K และ %D" เป็นจุดเข้าออกหลัก
🎯 แล้วควรเลือกใช้ตัวไหนดี?
คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับ “สไตล์การเทรด” และ “สภาพตลาด”
ถ้าตลาดเป็นเทรนด์ชัดเจน RSI มักให้ผลแม่นยำกว่า
ถ้าตลาด Sideway หรือแกว่งในกรอบ Stochastic จะตอบสนองได้ดีกว่า
หลายคนเลือกที่จะใช้ ทั้งสองตัวร่วมกัน เพื่อช่วยกรองสัญญาณให้แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น หาก RSI เข้าสู่โซน Overbought แล้ว Stochastic ก็ให้สัญญาณขายด้วย แสดงว่าโอกาสกลับตัวมีสูงมากขึ้น
 ✅ สรุป 
RSI กับ Stochastic ต่างก็เป็นเครื่องมือที่มีจุดแข็งของตัวเอง ไม่มีตัวไหน “ดีกว่า” อย่างเด็ดขาด อยู่ที่ว่าเราใช้ ถูกที่ถูกเวลา หรือไม่ หากเรียนรู้วิธีใช้อย่างถูกต้อง และผสมผสานกับเครื่องมืออื่น เช่นแนวรับแนวต้านหรือแท่งเทียน จะยิ่งช่วยให้การตัดสินใจในการเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔍📊
การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD วันที่ 8 สิงหาคม 2025
โมเมนตัม
• กรอบเวลา D1: โมเมนตัมรายวันกำลังเริ่มกลับตัวลง ซึ่งจำกัดโอกาสการปรับตัวขึ้นระยะยาวของคลื่นขาขึ้นปัจจุบัน และยังบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ว่าจุดสูงสุดอาจเกิดขึ้นแล้วบริเวณ 3,409
• กรอบเวลา H4: โมเมนตัมยังคงลดลง และต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 แท่ง H4 เพื่อกลับตัวขึ้น ดังนั้นในระยะสั้น การปรับตัวลงยังมีโอกาสต่อเนื่อง ควรระมัดระวัง
• กรอบเวลา H1: แสดงสัญญาณเริ่มกลับตัวลงในระยะสั้น การปรับตัวลงครั้งนี้มีความสำคัญและจะวิเคราะห์ต่อหลังจากส่วนโครงสร้างคลื่น
โครงสร้างคลื่น
การเคลื่อนไหวของราคาปัจจุบันบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการก่อตัวของ Ending Diagonal ซึ่งโดยปกติเมื่อรูปแบบนี้เสร็จสิ้น ราคามักจะปรับตัวลงแรงและรวดเร็ว
จนถึงตอนนี้ยังไม่เกิดการปรับตัวลงแรง ทำให้มีความเป็นไปได้ว่ารูปแบบนี้ยังไม่สิ้นสุด โซนเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับการสิ้นสุดคลื่น 5 อยู่ที่บริเวณ 3412 หรือ 3419
เนื่องจาก Ending Diagonal มักพัฒนาอย่างซับซ้อน วิธีการเทรดที่ปลอดภัยกว่าคือ รอให้ราคาทะลุเส้นขอบล่างของรูปแบบก่อนเข้าทำการซื้อขาย
👉 สถานการณ์เพิ่มเติม: หากโมเมนตัม H1 กลับตัวลง และราคาทะลุต่ำกว่า 3381 มีความเป็นไปได้สูงว่าราคาจะปรับตัวลงสู่ 3371 ซึ่งสามารถพิจารณาเป็นจุดวางคำสั่ง Buy ได้
ในทางกลับกัน หากราคาไม่หลุด 3381 แต่ปรับตัวขึ้นไปที่ 3412 อาจเป็นสัญญาณว่าคลื่น 5 เสร็จสิ้นแล้วที่ระดับดังกล่าว
แผนการเทรด
•	SELL Zone 1: 3412 – 3414
o	SL: 3417
o	TP1: 3393
o	TP2: 3372
•	SELL Zone 2: 3419 – 3421
o	SL: 3429
o	TP1: 3395
o	TP2: 3372
วิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD | 7 สิงหาคม 2025📊 
________________________________________
🔍 วิเคราะห์โมเมนตัม:
•	กรอบเวลา D1: โมเมนตัมรายวันเริ่มกลับตัวเป็นขาลง → บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดแนวโน้มขาลงระยะกลาง และอาจดำเนินต่อไปจนถึงกลางสัปดาห์หน้า
•	กรอบเวลา H4: โมเมนตัมอยู่ในขาขึ้น แต่ความชันของเส้นโมเมนตัมทั้งสองค่อนข้างต่ำ → บ่งชี้ว่าแรงซื้ออ่อนแอ และควรเฝ้าระวังแนวต้านด้านบน
•	กรอบเวลา H1: โมเมนตัมเข้าสู่เขต overbought แล้ว → มีแนวโน้มจะเกิดการกลับตัวลงระยะสั้น โดยเฉพาะบริเวณแนวราคา 3386
________________________________________
🌀 โครงสร้างคลื่นเอลเลียต:
•	จากสัญญาณกลับตัวของโมเมนตัมในกรอบ D1 คาดว่าราคากำลังเข้าสู่โครงสร้างคลื่นปรับฐาน ABC (สีเขียว)
•	ปัจจุบัน:
o	คลื่น A เสร็จสมบูรณ์แล้ว
o	คลื่น B กำลังพัฒนา
•	เนื่องจากคลื่น A มีลักษณะเป็นโครงสร้าง 3 คลื่น จึงมีโอกาสที่คลื่น B จะเป็น Flat correction โดยมีเป้าหมายที่อาจเป็น:
o	3385
o	หรือ 3395 → เป็นบริเวณแนวต้านสำคัญที่ควรจับตา
•	ภายในคลื่น B (สีเขียว) พบว่าเป็นโครงสร้างคลื่นย่อย ABC (สีแดง) ซึ่ง:
o	คลื่น C (สีแดง) อาจไปถึง:
	3386
	หรือขยายไปถึง 3395
→ จากการยืนยันโดยโมเมนตัม D1 ระดับ 3386 ถือเป็นจุดเข้าที่น่าสนใจสำหรับการเปิดสถานะ SELL
________________________________________
📈 แผนการเทรด:
•	โซน SELL: 3386 – 3389
•	Stop Loss: 3397
•	Take Profit:
o	TP1: 3370
o	TP2: 3353
o	TP3: 3333
07-08-2025 การวิเคราะห์ SET รายวัน (SET@DAY)07-08-2025 การวิเคราะห์ SET รายวัน (SET@DAY) จากภาพโดยใช้ Fibonacci Retracement / Extension Zones ควบคู่กับ Elliott Wave สามารถแยกออกเป็นหลายมิติได้ดังนี้:
________________________________________
🔍 ภาพรวมเบื้องต้น
•	ดัชนี SET อยู่ในช่วง ฟื้นตัวจากจุด Bottom คลื่น 5 ตามหลัก Elliott Wave
•	การดีดขึ้นครั้งนี้เข้าสู่ Mid Zone ของ Fibonacci Retracement (38.2%–61.8%)
•	ปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 1264.47 โดยกำลังทดสอบแนวต้าน 50.0% ที่ 1280.30
•	กราฟนี้อ้างอิง Fibonacci จากจุดสูงสุดเดิมแถว 1506.81 (1.000) ถึงจุดต่ำสุดใหม่แถว 1053.79 (0.000)
________________________________________
🧠 การวิเคราะห์ด้วย Elliott Wave (ฝั่งขวา)
1. โครงสร้างหลัก (Primary Impulse Wave)
•	คลื่น 1–2–3–4–5 ใหญ่สมบูรณ์แล้ว (จบคลื่น 5 ที่บริเวณ 1053.79)
•	จุดต่ำสุดในรอบ (Bottom) เกิดขึ้นที่ Wave 5
2. โครงสร้างปรับตัว (Corrective Wave)
•	ปัจจุบันคือช่วง ABC หรือคลื่นฟื้นตัวภายใต้โครงสร้างใหม่
•	เริ่มเห็นโครงสร้างย่อยที่เป็น sub-wave i–ii–iii–iv–v ในการปรับขึ้นจากจุด Bottom
________________________________________
📊 การวิเคราะห์ด้วย Fibonacci Retracement Zones
ภาพซ้ายมือแสดง 4 โซนสำคัญ:
Zone	ความหมาย	ระดับสำคัญ	ความหมายพฤติกรรม
Minor Zone	แรงซื้ออ่อน	9%–23.6%	กำไรสั้น, อาจพักตัวเร็ว
Mid Zone	โซนวัดใจ	38.2%–61.8%	จุดเปลี่ยนแนวโน้ม
Deep Zone	ฟื้นแรง	78.6%–100%	ดึงกลับแรง, รีเทสแนวต้าน
Extension Zone	เกินคาด	127%–161.8%	มีแรงเทรนด์ชัดเจน
✅ ปัจจุบัน:
•	ราคาทะลุ Minor Zone และอยู่ใน Mid Zone แล้ว
•	ทดสอบแนวต้าน 0.5 (1280.30)
•	แนวต้านถัดไปคือ 0.618 (1333.76) ซึ่งเป็น ขอบบน Mid Zone
________________________________________
🎯 พื้นที่พฤติกรรม (Behavior Zone)
โซน	ความหมาย	การกระทำของนักลงทุน
📦 Green Box (1160.70 – 1119.93)	โซนสะสมของ	DCA, Smart Money เข้าซื้อ
🟧 Orange Box (1226.84 – 1333.76)	โซนตัดสินใจ	รอดูแรงเบรก / พักตัว / Sell on Rally
________________________________________
📌 สรุปแนวโน้มปัจจุบัน (SET ณ วันที่ 1264.47)
1.	✅ แนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน ตามโครงสร้าง Wave ใหม่
2.	✅ อยู่ในช่วง Wave iii หรือ v ของคลื่นฟื้นตัว
3.	⚠️ กำลังชนแนวต้าน Fibonacci 50% (1280.30)
4.	⚠️ หากผ่านได้ จะมีโอกาสไปชน 0.618 (1333.76) ซึ่งมักเป็นแนวต้านใหญ่
5.	❗ ระวังการ “พักตัวคลื่น 4” หรือ “Fail Wave” ถ้าหลุดต่ำกว่า 1226.84 (Fibo 0.382)
________________________________________
📌 แนวรับ–แนวต้านสำคัญ
แนวรับ	ความหมาย
1226.84 (0.382)	แนวรับเชิงเทคนิค
1160.70 (0.236)	โซนสะสมระยะกลาง
1053.79 (Bottom)	แนวรับใหญ่ที่สุด
แนวต้าน	ความหมาย
1280.30 (0.500)	แนวต้านจิตวิทยา
1333.76 (0.618)	ต้านใหญ่ Mid Zone
1409.86 (0.786)	กรณี Bull Rally ต่อเนื่อง
________________________________________
🎓 ข้อคิดเชิงกลยุทธ์
•	📈 หากราคายังสามารถรักษาระดับสูงกว่า 1226 ได้ กลยุทธ์ "Buy the Dip" ในโซน 0.382–0.500 ยังใช้ได้
•	📉 หากหลุด 1226 ไปอย่างแรง ให้รอวิเคราะห์แนวรับใหม่ที่ 1160.70 (Fibo 0.236)
•	🎯 เทรดเดอร์ควรใช้ Elliott Wave เพื่อจับจังหวะการพักตัว และ Fibonacci เพื่อวางเป้าราคา (TP / SL)
วิเคราะห์ XAUUSD – กำลังก่อตัวเป็นแนวโน้มขาลงจากกราฟ จะเห็นว่าราคาทองคำตอบสนองอย่างชัดเจนต่อแนวต้านที่ขอบบนของช่องขาขึ้น หลังจากแตะจุดสูงสุด ราคาก็เริ่มแกว่งในกรอบแคบและแสดงสัญญาณอ่อนแรง หากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับที่ใกล้ที่สุดได้ มีโอกาสที่ราคาจะหลุดออกจากช่องขาขึ้นและปรับตัวลงลึกกว่าเดิม
ข่าวล่าสุดชี้ให้เห็นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวเล็กน้อย ประกอบกับความคาดหวังว่าเฟดจะยังไม่รีบลดดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำ
ขณะนี้โครงสร้างทางเทคนิคสนับสนุนฝั่งขาย โดยเฉพาะหากราคาทองไม่สามารถทะลุแนวต้านด้านบนได้
คุณคิดว่าแนวโน้มต่อไปจะเป็นอย่างไร? ราคาจะยังอยู่ในช่องขาขึ้น หรือจะหลุดลงจากโครงสร้างนี้?
 วิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD วันที่ 6 สิงหาคม 2025📊
________________________________________
🔍 การวิเคราะห์โมเมนตัม
•	กรอบเวลา D1 (รายวัน):
โมเมนตัมในกรอบ D1 เริ่มแสดงสัญญาณกลับตัวเป็นขาลง แต่เราจำเป็นต้องรอให้แท่งเทียนรายวันปิดก่อนจึงจะสามารถยืนยันได้ ในระหว่างรอการยืนยัน อาจมีแรงซื้อระยะสั้นเกิดขึ้นในกรอบเวลาย่อย แต่โมเมนตัมโดยรวมอ่อนแรง และมีโอกาสน้อยที่จะดันราคาขึ้นไปได้ไกล
•	กรอบเวลา H4 (4 ชั่วโมง):
โมเมนตัมเริ่มมีแนวโน้มจะกลับตัวเช่นกัน ต้องรอดูแท่งเทียน H4 ปัจจุบันว่าจะปิดอย่างไร สิ่งที่น่าสังเกตคือสัญญาณกลับตัวเกิดขึ้นก่อนเข้าเขต Overbought ซึ่งยังคงเปิดโอกาสให้ราคามีแรงขึ้นได้อีกระยะหนึ่ง
•	กรอบเวลา H1 (1 ชั่วโมง):
โมเมนตัมกำลังเข้าใกล้เขต Oversold คาดว่าอีก 1–2 แท่งเทียนขาลง ราคาจะมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นในระยะสั้น
________________________________________
🌀 อัปเดตรูปแบบคลื่น Elliott
การขึ้นของราคาวานนี้ไม่เป็นไปตามคาด ราคาควรขึ้นไปยังโซนเป้าหมายที่ 3402 หรือ 3419 เพื่อจบคลื่นที่ 5 แต่กลับขึ้นเพียงเล็กน้อยเหนือระดับ 3385 แล้วกลับตัวลงมา ทำให้การนับคลื่นมีความซับซ้อนมากขึ้น และเกิดความเป็นไปได้ที่ขัดแย้งกัน
มี 2 สมมติฐานหลักที่อาจเกิดขึ้น:
สมมติฐานที่ 1: คลื่น 5 ยังไม่จบ
•	เนื่องจากโมเมนตัมในกรอบ D1 กำลังกลับตัวลง จึงเป็นไปได้ยากที่การขึ้นครั้งนี้คือคลื่น 1 ในคลื่น 5 น่าจะเป็นคลื่น 3 ของคลื่น 5 ที่จบแล้ว และตอนนี้อยู่ในช่วงคลื่น 4
•	การย่อตัวของราคาหยุดที่ระดับ Fibonacci 0.382 และตราบใดที่ราคายืนเหนือ 3370 (Fibo 0.5) ได้ ก็ยังมีโอกาสเกิดคลื่น 5 ขึ้นต่อ
•	เนื่องจากแรงซื้ออ่อนลง เป้าหมายของคลื่น 5 จึงปรับมาเน้นที่ระดับ 3395 และ 3402 แทน 3419
สมมติฐานที่ 2: คลื่น 5 จบแล้ว – ขณะนี้เข้าสู่ช่วงปรับฐาน
•	หากโครงสร้างคลื่นทั้ง 5 จบลงแล้ว การลงในขณะนี้คือคลื่นปรับฐาน
•	ด้วยสภาพของโมเมนตัมในตอนนี้ สมมติฐานนี้ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
ดังนั้น ควรรอให้แท่งเทียน D1 ปิดก่อน แล้วค่อยหาจุดเข้าออร์เดอร์ที่เหมาะสม
________________________________________
📌 แผนการเทรด
สำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์:
•	รอให้ราคาขึ้นไปถึงโซน 3395–3402
•	มองหาสัญญาณกลับตัวเพื่อเข้า SELL
แผนเทรดแนะนำสำหรับมือใหม่:
•	จุดเข้า SELL: 3395 – 3398
•	จุดตัดขาดทุน (SL): 3408
•	เป้าหมายทำกำไร (TP):
o	TP1: 3385
o	TP2: 3370
o	TP3: 3349
________________________________________
✅ หมายเหตุ:
โปรดประเมินแผนการเทรดใหม่อีกครั้งหลังจากแท่งเทียน D1 ปิด เพื่อยืนยันสัญญาณของโมเมนตัม
วิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD วันที่ 5 สิงหาคม 2025📊 
________________________________________
🔍 วิเคราะห์โมเมนตัม:
•	ไทม์เฟรม D1:
โมเมนตัมเข้าสู่เขต Overbought แล้ว ตามที่ได้วิเคราะห์ไว้ในแผนก่อนหน้านี้ เราเห็นการขึ้นอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 4 วัน และตอนนี้สัญญาณ Overbought แสดงให้เห็นว่าแรงซื้อกำลังเริ่มอ่อนแรง
•	ไทม์เฟรม H4:
โมเมนตัมกำลังกลับตัวลง → มีความเป็นไปได้สูงที่วันนี้จะมีการปรับฐานลง อย่างน้อยจนถึงช่วงตลาดอเมริกา
•	ไทม์เฟรม H1:
โมเมนตัมเริ่มกลับตัวลงเช่นกัน → สนับสนุนความเป็นไปได้ของการปรับฐานระยะสั้นในกรอบ H1
________________________________________
🌀 วิเคราะห์โครงสร้างคลื่น:
ตอนนี้มี 2 สมมติฐานหลักที่ควรจับตา:
✅ กรณีที่ 1 – โครงสร้างคลื่นปรับฐาน ABC (เส้นสีดำ):
•	หากตอนนี้คือคลื่น C ของโครงสร้างปรับฐาน ABC แสดงว่าการขึ้นอาจจบแล้ว
•	ในกรณีนี้ ราคามีแนวโน้มจะ ทะลุแนวรับบริเวณ 3315 และกลับเข้าสู่แนวโน้มขาลงในระยะกลาง
✅ กรณีที่ 2 – โครงสร้างคลื่นกระตุ้น 12345 (เส้นสีดำ):
•	หากตอนนี้คือคลื่น 5 ในโครงสร้างกระตุ้น 5 คลื่น แสดงว่าแนวโน้มขาขึ้น ยังไม่จบ
•	คลื่น 5 ขณะนี้ แตะเป้าหมายแรกที่ 3385 แล้ว แต่ ยังต้องระวังเป้าหมายขยายที่บริเวณ 3402
•	ที่ควรสังเกตคือ: คลื่น 4 ก่อนหน้านี้มีลักษณะเป็น สามเหลี่ยม ซึ่งตามทฤษฎีเอลเลียต หากคลื่น 4 เป็นรูปสามเหลี่ยม → คลื่น 5 มักจะยาวเท่ากับความสูงของสามเหลี่ยม → นั่นทำให้ บริเวณ 3385 เป็นจุดสูงสุดที่มีความเป็นไปได้สูง
________________________________________
🧭 แผนการเทรด (เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น):
🔹 Sell Setup #1 – บริเวณใกล้ยอดคลื่น 5 ที่เป็นไปได้:
•	โซน Sell: 3375 – 3378
•	Stop Loss: 3387
•	TP1: 3365
•	TP2: 3344
•	TP3: 3333
🔹 Sell Setup #2 – หากคลื่น 5 ขยายตัว:
•	โซน Sell: 3400 – 3402
•	Stop Loss: 3410
•	TP1: 3385
•	TP2: 3368
•	TP3: 3333
วิเคราะห์ทองคำ XAUUSD (5 ส.ค. 2025) #TRADERJวิเคราะห์ทองคำ XAUUSD (5 ส.ค. 2025)
Timeframe: H1 ด้วย SMC + OB + Demand/Supply
🧠 ภาพรวมตอนนี้
ราคาทองคำได้เกิด Impulse Wave ขาขึ้นแรง ตั้งแต่บริเวณ Demand Zone ด้านล่าง (ประมาณ 3,312–3,320) จนทะลุแนวต้านหลายระดับ และสร้างโซน Order Block (OB Buy) บริเวณ 3,355–3,360 ไว้อย่างชัดเจน
ตอนนี้ราคาเริ่มมีการพักตัวลงมาหลังจากชน Resistance Zone 3,385–3,390 และมีโอกาสที่จะย่อกลับลงมา Retest OB ด้านล่างก่อนตัดสินใจไปต่อ
🧱 วิเคราะห์ตาม SMC / OB / Demand-Supply
🔵 Demand Zone สำคัญ:
บริเวณ 3,355–3,360 คือ OB Buy จาก Break of Structure (BOS) ครั้งล่าสุดในขาขึ้น
หากราคาย่อลงมาในโซนนี้และเกิด Price Action กลับตัว เช่น Pin Bar / Engulfing / FVG → มีโอกาส Buy ตามเทรนด์
🔴 Supply/Resistance Zone:
บริเวณ 3,385–3,390 คือจุดที่ราคาหยุดขึ้น และมีการ Reject ลงมา เป็นแนวต้านระยะสั้น
หากจะไปต่อ ต้องทะลุแนวนี้ให้ได้ พร้อม Vol. สูง
📉 Scenario หากหลุด OB:
หากราคาหลุดต่ำกว่า 3,353 แบบมี Volume/แท่งแดงยาว อาจเกิด Change of Character (CHoCH) และกลับลงมาทดสอบ Demand ถัดไปที่ 3,345 หรือ 3,332
🔧 แผนเทรดวันนี้
✅ Buy Setup:
รอราคาย่อลงโซน OB Buy: 3,355–3,360
รอดูแท่งกลับตัว → เข้าตาม Pattern
SL: ต่ำกว่า 3,350
TP1: 3,378
TP2: 3,385
TP3 (หากเบรกได้): 3,400
⚠️ Sell Setup (เฉพาะกรณีหลุด):
หากหลุด 3,350 และกลับขึ้นไม่ไหว
เข้า Sell เป้า 3,344 / 3,332
📌 สรุป:
แนวโน้มหลัก = ยังเป็น Uptrend
กลยุทธ์ = รอย่อเข้าซื้อบริเวณ OB / Demand
อย่ากดดันไล่ราคาบน เพราะเสี่ยงโดนพัก
ใช้ SMC ควบคู่กับแท่งเทียนเพื่อเข้าเทรดอย่างมีหลักการ
📲 แผนนี้ใช้ได้ทั้งนักเทรดมืออาชีพและมือใหม่
ใครอยากเรียนรู้ OB / SMC / Price Action เพิ่มเติม ติดตามผมไว้นะครับ 
วิเคราะห์ Elliott Wave – XAUUSD วันที่ 3 สิงหาคม 2025📊 
🔍 การวิเคราะห์โมเมนตัม:
กรอบ D1: โมเมนตัมยังคงแข็งแกร่ง คาดว่าราคาจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปอย่างน้อยอีก 2 วันทำการ เพื่อเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) เป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นปัจจุบัน
กรอบ H4: โมเมนตัมเริ่มแสดงสัญญาณกลับตัวเป็นขาลง คาดว่าจะเกิดการปรับฐานลงในวันจันทร์
กรอบ H1: โมเมนตัมกำลังแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ ราคามีโอกาสสูงที่จะขึ้นต่อในช่วงเปิดตลาดเอเชีย และอาจเกิด Gap แต่ต้องระวัง Gap Exhaustion (ช่องว่างราคาที่แสดงสัญญาณหมดแรง)
📌 วิเคราะห์รูปแบบคลื่น Elliott:
ด้วยการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงในวันศุกร์ที่ผ่านมา สถานการณ์หลักที่เป็นไปได้คือ Wave 3 ในโครงสร้าง 5 คลื่นขาขึ้น (12345 - สีดำ) แต่ยังไม่สามารถตัดทิ้งความเป็นไปได้ที่อาจเป็น Wave C ในโครงสร้าง ABC Correction (สีดำ)
ปัจจุบันราคากำลังอยู่ในคลื่น 5 ย่อย (สีฟ้า) ซึ่งคาดว่าเป็นคลื่นสุดท้าย ให้สังเกตเป้าหมายสำคัญ 2 จุดคือ:
🎯 เป้าหมาย Wave 5 สีฟ้า:
เป้าหมายที่ 1: 3368
เป้าหมายที่ 2: 3385
⚠️ สถานการณ์ถัดไป:
หลังจากจบคลื่น 5 สีฟ้า ราคาจะปรับฐานลง:
ถ้าการปรับฐาน ไม่หลุดต่ำกว่า 3315 จะยืนยันโครงสร้าง 5 คลื่นขาขึ้นใหญ่ (12345 – สีดำ) และราคาจะไปต่อเพื่อจบ Wave 5 สีดำ
ถ้าการปรับฐาน หลุดต่ำกว่า 3315 จะเปลี่ยนเป็นโครงสร้าง ABC (สีดำ) ซึ่งราคามีโอกาสปรับตัวลงลึกกว่าเดิมเพื่อจบ Wave C ใหญ่ (สีแดง)
🧩 สรุปโมเมนตัม & Elliott Wave:
โมเมนตัม D1 สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน
โมเมนตัม H4 คาดการณ์การปรับฐานขาลงในวันจันทร์ สอดคล้องกับ Wave 4
โมเมนตัม H1 เตือนให้ระวัง Gap ในช่วงเปิดตลาดวันจันทร์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับฐานเมื่อโมเมนตัมกลับตัวลง
🎯 แผนการเทรดระยะสั้น:
เราจะเทรด Wave 5 สีฟ้า ด้วยแผน Limit Order ดังนี้:
✅ Sell Limit โซน: 3385 – 3387
⛔️ Stop Loss (SL): 3399
🎯 Take Profit (TP1): 3368
🎯 Take Profit (TP2): 3355
📌 หมายเหตุ:
แผนการเทรด Wave 4 ใหญ่ (สีดำ) จะอัปเดตอีกครั้งเมื่อยืนยันการจบ Wave 5 สีฟ้า
ขอให้ทุกคนเทรดอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จ! 🚀
TD Sequential Count เครื่องมือบอกจุดกลับตัว TD Sequential Count เครื่องมือบอกจุดกลับตัวในกราฟที่นักเทรดต้องรู้ 
                    🙊หากใครที่ชื่นชอบและชอบสไคล์การเทรดสั้นแบบกลับตัว หรือเล่นสวน ต้องไม่พาดบทความนี้ มาครับแอดจะพาทุกท่านไปรู้จักกับหลักการของ TD Sequential Count แบบเข้าใจง่าย พร้อมวิธีการใช้งาน และข้อควรระวังสำหรับนักเทรด
                    🙊ในโลกของการเทรด ไม่ว่าจะเป็น Forex, หุ้น, คริปโต หรือสินทรัพย์อื่น ๆ การจับจังหวะกลับตัวของราคาให้ได้อย่างแม่นยำถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรอย่างยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่นักเทรดสายเทคนิคนิยมใช้กันก็คือ TD Sequential หรือที่บางคนเรียกว่า Tom Demark Sequential
 🙊TD Sequential คืออะไร? 
                    TD Sequential เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่พัฒนาโดย Tom DeMark จุดประสงค์หลักของเครื่องมือนี้คือ ช่วยหาจุดสิ้นสุดของแนวโน้ม (trend exhaustion) และ จุดกลับตัวที่เป็นไปได้ของราคา โดยดูจากลำดับของแท่งเทียนที่เรียกว่า count ูดง่ายๆก็คือการนับจำนวนแท่งนันเองฮะ
 เครื่องมือนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก: 
                    1. TD Setup (นับ 1-9)
                    2. TD Countdown (นับ 1-13)
 หลักการทำงานของ TD Sequential 
 1. TD Setup (นับแท่งเทียน 1-9) เป็นจุดเริ่มต้นของการจับแนวโน้ม  
 สำหรับการเข้าซื้อออเดอร์ Buy  
                    -  จะเริ่มนับเมื่อตำแหน่งราคาของแท่งเทียนปัจจุบัน เช่น แท่งที่ 1 ต่ำกว่าแท่งเมื่อ 4 แท่งก่อนหน้า  TD Setup (นับ 1-9)
                    -  ต้องนับแท่งเทียนให้ครบ 9 แท่งและต้องต่อเนื่องกันเท่านั้น โดยที่แต่ละแท่งเทียนยังคงต่ำกว่าแท่งเมื่อ 4 แท่งก่อนหน้าตลอด
                    -  หากนับได้ครบ 9 แท่งเทียนแล้ว  แปลว่า แนวโน้มขาลงอาจจะใกล้หมดแรง และมีโอกาสกลับตัวขึ้น                
ในทางกลับกัน สำหรับการเข้าซื้อออเดอร์ Sell  
                    - จะนับเมื่อราคาแท่งเทียนสูงกว่าแท่งเมื่อ 4 แท่งก่อนหน้า โดยมีทิศทางตรงกันข้ามกับการเข้าซื้อออเดอร์ Buy 
2. TD Countdown นับแท่งเทียน 1-13    เริ่มนับหลังจาก Setup จบ (ครบ 9 แท่งแล้ว)
                    - ใช้เพื่อคอนเฟิร์มจุดกลับตัวด้วยลักษณะของราคาอีก 13 แท่ง
                    -  การนับใน Countdown ไม่ต้องต่อเนื่องเหมือน Setup
                    - หากนับครบ 13 แท่ง แสดงถึงจุดที่ราคาน่าจะกลับตัวอย่างจริงจัง
 ตัวอย่างง่ายๆ 
                    
                       - ถ้าในขาลง นับได้ครบ 9 แท่งที่ราคาต่ำกว่าแท่งก่อนหน้าในรอบที่ 4 อาจเป็นสัญญาณว่าราคากำลังใกล้จะหยุดลง
                    - ถ้ามี Countdown ต่ออีก 13 แท่ง ก็อาจเป็นการยืนยันว่า "ถึงเวลาซื้อ"แล้ว
 ข้อดีของ TD Sequential 
                    ✅ ใช้ในการจับ "จุดกลับตัว" ที่แม่นยำ
                    ✅ ทำงานได้ดีในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวชัดเจน (Trending market)
                    ✅ เหมาะกับการเทรดระยะกลางถึงระยะสั้น
  ข้อควรระวัง 
                    ⚠️ ไม่ควรใช้เพียงลำพัง — ควรใช้ร่วมกับ Indicator อื่นเช่น RSI, MACD, Fibonacci
                    ⚠️ การนับ Setup/Countdown ต้องแม่นยำและมีการตรวจสอบเงื่อนไข
                    ⚠️ อาจให้สัญญาณหลอกในตลาด Sideway
 สรุป 
                    TD Sequential Count  เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากสำหรับนักเทรดที่ต้องการมองหาจุดกลับตัวของราคาอย่างเป็นระบบ โดยการนับแท่งเทียนแบบเฉพาะของ Tom DeMark จะช่วยให้คุณมองเห็น "momentum exhaustion" หรือจุดที่แนวโน้มอ่อนแรงก่อนการกลับตัว ซึ่งอาจเป็นจังหวะสำคัญในการเข้าออเดอร์หรือออกจากตลาด
                    การจะเทรดให้ได้ดีมีกำไร ต้องหมั่นฝึกฝนและสะสมประสบการณ์ให้มากๆนะครับ พื้นฐานดี ความรู้แน่น และความสม่ำเสมอในการเทรดในวงการ มีดีมีชัยไปกว่าครึ่ง สู้ๆนะครับ แอดเอาใจช่วย 
Trade Frequency: ความถี่ในการเข้าเทรด สำคัญแค่ไหนในตลาด Forex?ความถี่ในการเข้าเทรด (Trade Frequency) คือจำนวนครั้งที่เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น ต่อวัน ต่อสัปดาห์ หรือต่อเดือน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สะท้อนถึง "กลยุทธ์" และ "บุคลิก" ของเทรดเดอร์แต่ละคน
 📌 `ประเภทของ Trade Frequency`
1. **Low Frequency Trading (LFT)**  
   - เปิดออเดอร์ไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์หรือเดือน  
   - ใช้กลยุทธ์แบบ Swing หรือ Position Trading  
   - เน้นคุณภาพของการเข้าเทรดมากกว่าปริมาณ  
   - เหมาะกับคนที่ไม่ชอบดูกราฟทั้งวัน และต้องการความนิ่ง
2. **Medium Frequency Trading (MFT)**  
   - เทรดหลายครั้งต่อสัปดาห์ หรือวันละ 1–3 ครั้ง  
   - เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างการหาจังหวะดีและการใช้โอกาสในตลาด  
   - เหมาะกับ Day Trader หรือผู้ที่มีเวลาตรวจสอบกราฟเป็นช่วงๆ
3. **High Frequency Trading (HFT)**  
   - เปิดหลายออเดอร์ในวันเดียว อาจหลายสิบครั้งต่อวัน  
   - มักใช้กลยุทธ์ Scalping หรือ Bot/EA  
   - ต้องการความแม่นยำ ความเร็ว และ Spread ต่ำ  
   - ความเครียดสูง เหมาะกับคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดี 
📈 `ข้อดีของการเลือกความถี่ให้เหมาะกับตนเอง`
- ลด Overtrade และอารมณ์ที่ไม่จำเป็น  
- วางแผนการเทรดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  
- ควบคุมความเสี่ยง และวัดผลกลยุทธ์ได้แม่นยำ  
- ช่วยให้มีวินัย และรักษาแผนเทรดในระยะยาว
💡 `แนวทางการเลือก Trade Frequency ที่เหมาะกับคุณ`
1. **ดูเวลาและไลฟ์สไตล์ของตัวเอง:** มีเวลาดูกราฟตลอดทั้งวันไหม หรือแค่ช่วงเย็น?  
2. **อารมณ์การเทรด:** คุณใจร้อนหรือรอได้?  
3. **ระบบที่คุณใช้:** ระบบที่ใช้กรอบเวลาสูงจะเหมาะกับการเทรดน้อยครั้ง  
4. **ความสามารถในการวิเคราะห์:** ถ้าแม่นสูง การเข้าเทรดน้อยครั้งแต่แม่นยำก็พอ
 📌 `สรุป:`  
Trade Frequency ไม่มีแบบไหนดีที่สุด มีแต่แบบที่ "เหมาะกับคุณที่สุด" เท่านั้น อย่าพยายามเทรดถี่เพียงเพราะกลัวพลาดโอกาส เพราะบางครั้ง "การไม่เทรด" ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด 
 วิเคราะห์คลื่น Elliott – XAUUSD วันที่ 1 สิงหาคม 2025📊
________________________________________
🔍 วิเคราะห์โมเมนตัม:
•	กรอบเวลา D1:
โมเมนตัมได้กลับทิศทางเป็นขาขึ้นแล้ว → เราคาดว่าราคาจะมีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องในอีกประมาณ 5 แท่งเทียนรายวันถัดไป จนถึงช่วงกลางสัปดาห์หน้า
•	กรอบเวลา H4:
โมเมนตัมกลับทิศทางเป็นขาขึ้นเช่นกัน → แสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงช่วงตลาดอเมริกา ราคาอาจจะปรับตัวขึ้นหรือลงแบบ sideway โดยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น
•	กรอบเวลา H1:
โมเมนตัมกำลังกลับทิศทางเป็นขาลง → คาดว่าจะมีการย่อตัวลงเล็กน้อยในระยะสั้น เราควรรอให้ H1 เข้าสู่เขต Oversold และรอให้เกิดสัญญาณกลับตัวขึ้นเพื่อหาโอกาสเข้าซื้อ
________________________________________
🌀 วิเคราะห์โครงสร้างคลื่น:
โครงสร้างคลื่นในขณะนี้ยังซับซ้อนและไม่มีสัญญาณยืนยันที่ชัดเจน → การติดป้ายกำกับคลื่นยังเป็นเพียงการคาดการณ์ชั่วคราว อย่างไรก็ตามการนับคลื่นปัจจุบันยังไม่ถูกยกเลิก และโมเมนตัม D1 ก็ยังสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น จึงยังสามารถคงมุมมองนี้ได้
หมายเหตุสำคัญ:
คลื่น (C) สีแดงในปัจจุบันค่อนข้างสั้น จึงยังมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะลดลงต่อไปยังบริเวณ:
•	⚠️ 3246
•	⚠️ 3200
→ เงื่อนไขนี้จะได้รับการยืนยันหากราคาทะลุระดับ 3268 โดยเฉพาะเมื่อมีข่าว Nonfarm Payroll (NFP) ในวันนี้
________________________________________
📌 สองแนวโน้มโครงสร้างคลื่นที่เป็นไปได้:
1.	สถานการณ์ที่ 1: คลื่นสีดำ 1 – 2 – 3
o	คลื่นที่ 1 (สีดำ) เสร็จสิ้นแล้ว
o	ขณะนี้อยู่ในคลื่นที่ 2 → เตรียมเข้าสู่คลื่นที่ 3
o	คลื่น 3 มักจะมีแรงมาก เคลื่อนไหวรวดเร็ว มีแท่งเทียนขนาดใหญ่
o	เป้าหมาย: 3351
2.	สถานการณ์ที่ 2: โครงสร้างคลื่น ABC สีดำ
o	ขณะนี้ราคาอยู่ในคลื่น B (สีดำ)
o	เป้าหมายของคลื่น C อยู่ที่: 3328
________________________________________
🛡 โซนแนวรับ & กลยุทธ์การเทรด:
•	โซนแนวรับที่ 1: 3290 → เป็นโซนที่ดีในการหาจังหวะซื้อ แต่ควรรอให้ H1 เข้าเขต Oversold และมีสัญญาณกลับตัว
•	โซนแนวรับที่ 2: 3275 → เป็นโซนซื้อที่ลึกขึ้น หากราคาปรับตัวลงต่อ
________________________________________
💡 แผนการเทรด:
📍 ตัวเลือกที่ 1 – Buy Limit:
•	โซนซื้อ: 3290 – 3289
•	จุดตัดขาดทุน (SL): 3280
•	เป้าหมายกำไร (TP1): 3309
•	TP2: 3328
•	TP3: 3351
📍 ตัวเลือกที่ 2 – Buy Limit:
•	โซนซื้อ: 3275 – 3273
•	SL: 3265
•	TP1: 3309
•	TP2: 3328
•	TP3: 3351
________________________________________
📎 หมายเหตุ:
•	เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ควรรอสัญญาณยืนยันบน H1 ก่อนเข้าสู่ตลาด
•	ผู้เริ่มต้นสามารถใช้คำสั่ง Limit ตามโซนที่แนะนำไว้
XAUUSD – เส้นโค้งเงินเฟ้อทำให้ราคาทองคำสั่นคลอนแม้ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม แต่ข้อความที่ประกาศออกมากลับไม่ “อ่อนโยน” อย่างที่ตลาดคาดหวัง โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลต้นทุนแรงงานของสหรัฐออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เฟดจึงมีเหตุผลเพียงพอที่จะยังคงจุดยืนแบบสายเหยี่ยวต่อไป ซึ่งสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อราคาทองคำ
บนกราฟ H4 ราคาทองคำ XAUUSD ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในช่องแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน เส้น EMA34 และ EMA89 ชี้ลง แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มขาลงยังคงเป็นฝ่ายควบคุมในระยะกลาง
หากราคาทองคำหลุดแนวรับที่อยู่ด้านล่าง มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการปรับฐานลงลึกมากขึ้นในสัปดาห์นี้
 วิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD | 30 กรกฎาคม 2025📊
🔍 การวิเคราะห์โมเมนตัม
•	กรอบเวลา D1: โมเมนตัมเริ่มกลับตัวขึ้น แต่จำเป็นต้องรอดูแท่งเทียนรายวันปิดก่อน จึงจะสามารถยืนยันสัญญาณได้อย่างชัดเจน → ขณะนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการปรับฐานอีกรอบในระยะสั้น
•	กรอบเวลา H4: เส้นโมเมนตัมเกาะกันในโซนซื้อมากเกินไป (overbought) แสดงถึงความอ่อนแรงของแรงซื้อในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สัญญาณนี้ยังไม่สามารถยืนยันว่าขาขึ้นได้สิ้นสุดแล้ว
________________________________________
🌀 โครงสร้างคลื่น
•	ราคาขึ้นไปถึงเป้าหมายของคลื่น e แล้ว แต่ยังไม่มีการตอบสนองเชิงบวกที่ชัดเจน แท่งเทียนที่เกิดขึ้นเป็นแท่งสั้นและทับซ้อนกัน – ซึ่งมักพบในช่วงคลื่นปรับฐาน นอกจากนี้ ระยะเวลาของคลื่นนี้ยังยาวนานกว่าคลื่นขาขึ้นย่อยก่อนหน้า → ชี้ให้เห็นว่าการปรับฐานอาจจะ ยังไม่สิ้นสุด และโครงสร้างคลื่นอาจต้องได้รับการประเมินใหม่
ขณะนี้มี 2 สถานการณ์หลักที่มีโอกาสเกิดขึ้นเท่าๆ กัน (50/50) แต่ ทิศทางตรงข้ามกัน ดังนี้:
➤ สถานการณ์ที่ 1: โครงสร้างซิกแซก (5-3-5)
•	โครงสร้างปัจจุบันอาจเป็นเพียงคลื่น A ของรูปแบบซิกแซก
•	ขณะนี้ราคาอยู่ในคลื่น B ซึ่งมักมีความซับซ้อนและคาดเดายาก → ไม่เหมาะสำหรับการเทรดตามคลื่น ในช่วงนี้
•	พื้นที่สีแดงบนกราฟคือเป้าหมายที่อาจเกิดขึ้นสำหรับคลื่น B
➤ สถานการณ์ที่ 2: การปรับฐานแบบ 5 คลื่นสิ้นสุดแล้ว
•	การปรับฐานสิ้นสุดที่คลื่น (e)
•	การเคลื่อนไหวขึ้นปัจจุบันอาจเป็นคลื่น 1 แบบสามเหลี่ยม ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่
•	แต่เพื่อยืนยันสถานการณ์นี้ ราคาจะต้องยืนเหนือระดับ 3309 ได้ หากไม่สามารถยืนได้ และโมเมนตัม H4 กลับตัวลง → มีโอกาสสูงที่ราคาจะทำจุดต่ำใหม่
________________________________________
📝 แผนการเทรด
ในสภาวะตลาดเช่นนี้ ขอ แนะนำให้เทรดแบบสั้น (Scalp) เท่านั้น โดยใช้บริเวณแนวรับ-แนวต้านที่ได้กำหนดไว้
ควรหลีกเลี่ยงการเทรดตามคลื่น จนกว่าโครงสร้างราคาจะชัดเจนกว่านี้ หลังจากนั้นจะแจ้งแผนการเทรดอัปเดตให้ทราบอีกครั้ง
 วิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD – วันที่ 28 กรกฎาคม 2025📊
________________________________________
🔍 การวิเคราะห์โมเมนตัม:
•	กรอบเวลา D1: โมเมนตัมได้เข้าสู่โซนขายมากเกินไป (Oversold) ซึ่งบ่งชี้ว่า มีโอกาสสูงที่จะเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้นภายในวันนี้ และอาจนำไปสู่ แนวโน้มขาขึ้นหรือเคลื่อนไหวในกรอบข้าง (Sideway) ต่อเนื่องประมาณ 4–5 วัน ข้างหน้า
•	กรอบเวลา H4: โมเมนตัมเริ่มกลับตัวเป็นขาขึ้น แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่อาจจะเป็น ขาขึ้นหรือ Sideway ในระยะสั้น อย่างน้อยจนกว่าโมเมนตัมจะเข้าสู่โซนซื้อมากเกินไป (Overbought) ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 แท่ง H4
•	กรอบเวลา H1: โมเมนตัมอยู่ในโซน ซื้อมากเกินไป จึงคาดว่าอาจจะมี การปรับฐานหรือลดลงเล็กน้อย จนกว่าจะมีสัญญาณกลับตัวที่ชัดเจน
________________________________________
🌀 การวิเคราะห์โครงสร้างคลื่น:
•	บนกราฟ H4 สมมติฐานว่า ราคากำลังเคลื่อนไหวในโครงสร้าง สามเหลี่ยมปรับฐานแบบ abcde ยังคงได้รับการยืนยัน และขณะนี้ราคาอยู่ใน คลื่น e สุดท้าย ของรูปแบบนี้
•	บนกราฟ H1 สามารถเห็นได้ว่าราคากำลังเคลื่อนที่ภายใน ช่องราคา (Price Channel) และโครงสร้างคลื่นปรับฐานแบบ abc กำลังเริ่มก่อตัวขึ้น
•	เส้นล่างของสามเหลี่ยม (แสดงด้วย เส้นสีเขียว) ร่วมกับโซนแนวรับ คือจุดสำคัญที่ควรเฝ้าดูเพื่อมองหาการ จบคลื่น e
🔺 หมายเหตุ: คลื่น e ไม่จำเป็นต้องจบพอดีกับเส้นล่างของสามเหลี่ยม — อาจทะลุลงมาเล็กน้อย ดังนั้นเราควรใช้โครงสร้างคลื่นย่อยเพื่อช่วยยืนยันจุดกลับตัวที่เป็นไปได้
________________________________________
🎯 โซนราคาที่ควรจับตา:
•	เป้าหมายที่ 1: 3329
•	เป้าหมายที่ 2: 3309
•	เป้าหมายที่ 3: 3290
________________________________________
🔎 โครงสร้างคลื่นย่อย (กรอบเวลา M10):
จากพฤติกรรมราคาล่าสุด (ดูได้จากแผนภูมิ) พบว่ามีรูปแบบ สามเหลี่ยมเริ่มต้น (Leading Diagonal) ก่อตัวขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปมักพบใน คลื่นลูกที่ 1 หากได้รับการยืนยัน มีโอกาสที่ราคาจะ ลดลงอย่างรวดเร็ว มาที่บริเวณ 3329
________________________________________
⚖️ การผสมผสานระหว่างโมเมนตัมและคลื่น:
•	D1: แสดงสัญญาณกลับตัวขาขึ้น → ให้แนวโน้มไปทางฝั่ง Buy
•	H4: แม้โมเมนตัมจะกลับตัวขึ้น แต่ราคายัง ไม่มีแรงส่งชัดเจน → ควรระวังและ ปรับ Stop Loss ให้รัดกุม
•	H1: อยู่ในโซนซื้อมากเกินไป + รูปแบบสามเหลี่ยมเริ่มต้น → คาดว่าจะเกิด คลื่น 2 ปรับฐานลงมาที่บริเวณ 3329 ซึ่งจะเป็น โซนที่ดีในการเข้า Buy
________________________________________
🧭 แผนการเทรด:
•	สำหรับผู้มีประสบการณ์:
→ รอให้ราคามาถึงโซนสำคัญ แล้วมองหาสัญญาณกลับตัวเพื่อเข้าเทรด
•	สำหรับมือใหม่:
→ ใช้คำสั่ง Limit Buy ตามแผนด้านล่าง
✅ แผนที่ 1:
•	Buy Zone: 3330 – 3328
•	Stop Loss: 3320
•	TP1: 3351
•	TP2: 3370
•	TP3: 3385
✅ แผนที่ 2:
•	Buy Zone: 3310 – 3308
•	Stop Loss: 3300
•	TP1: 3328
•	TP2: 3351
•	TP3: 3370
FVG Forex คืออะไร เทรดแบบไหน???  FVG Forex คืออะไร เทรดแบบไหน??? 
                    เคยได้ยินกันบ้างมั้ย เทรดเดอร์บางคนก็เทรดด้ยเทคนิคการเทรดโดยอาศัยช่องว่างของราคา  ซึ่งบางคนอาจจะรู้ แต่บางคนก็ไม่เคยรู้ และไม่รู้ว่ามันคืออะไร ในโลกของการเทรดฟอเร็กซ์ (Forex) มีเทคนิคมากมายที่เทรดเดอร์ใช้วิเคราะห์กราฟเพื่อหาโอกาสทำกำไร มาครับ มาดูกันว่าเทคนิคการเทรดแนวนี้ทำอย่างไรกันบ้าง 
                     Fair Value Gap หรือ FVG  คือช่วงของราคาที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของแท่งเทียนอย่างรวดเร็ว โดยทิ้งระยะห่างมากๆ จนเกิด เป็นช่องว่างราคา ของแท่งเทียน เรามักจะพบเห็นกันได้บ่อยๆครับ ในช่วงที่มีคำสั่งซื้อหรือขายอย่างรุนแรง เช่น การเบรกแนวรับ/แนวต้าน หรือช่วงข่าวแรง
 โดยปกติ FVG จะเกิดจากโครงสร้างของแท่งเทียน 3 แท่ง คือ: 
แท่งที่ 1: ราคาเริ่มต้นการเคลื่อนไหว
แท่งที่ 2: ราคาเคลื่อนไหวเร็วไปอีกฝั่งหนึ่ง (Bullish หรือ Bearish)
แท่งที่ 3: ยังไม่กลับมาทดสอบโซนตรงกลางของแท่งที่ 1 และ 2
FVG จึงอยู่ระหว่าง High ของแท่งที่ 1 กับ Low ของแท่งที่ 3 (หากเป็น Bearish) หรือ Low ของแท่งที่ 1 กับ High ของแท่งที่ 3 (หากเป็น Bullish)
 ทำไม FVG ถึงสำคัญ? 
แสดงให้เห็นโซนที่มี “Order Imbalance”
บ่งบอกว่ามีคำสั่งซื้อหรือขายที่ยังไม่ถูกจับคู่ครบ ทำให้ตลาดอาจย้อนกลับมาเติมเต็ม
 เป็นจุดที่ราคา “สนใจ” 
โซน FVG มักกลายเป็นโซนที่เทรดเดอร์รายใหญ่ (Smart Money) เข้ามาสนใจวางคำสั่งรออยู่
 สามารถใช้เป็นจุดเข้าเทรด (Entry Zone) 
เมื่อราคาย้อนกลับมาแตะ FVG พร้อมกับสัญญาณจากโครงสร้างราคาอื่น ๆ เช่น Break of Structure หรือ BOS
 ตัวอย่างการใช้งาน FVG ในการเทรด
สมมุติว่าในกราฟ H1 EUR/USD: 
มีแท่งเทียนขาขึ้นรุนแรง 3 แท่งติดต่อกัน
สังเกตเห็นว่าแท่งเทียนที่ 2 เกิดช่องว่างราคากับแท่งก่อนหน้า
สร้าง FVG ระหว่าง 1.0850 - 1.0870
ราคาวิ่งขึ้นไปที่ 1.0920 ก่อนเริ่มย่อตัว
 กลยุทธ์การเทรด : 
รอราคาย่อตัวกลับมาแตะโซน FVG
เมื่อราคาย้อนมาแตะที่ 1.0850 - 1.0870 ให้สังเกต Price Action เช่นแท่งเทียนกลับตัว (Pin Bar, Bullish Engulfing)
หากเกิดสัญญาณดี ก็สามารถเข้า Long โดยวาง Stop Loss ใต้ FVG และ Take Profit ตาม Risk:Reward ที่เหมาะสม
 เทคนิคเสริมเมื่อใช้ FVG 
ใช้ร่วมกับ Liquidity Sweep หรือ Order Block เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
เช็คกับ Timeframe ที่สูงขึ้น เช่น H1, H4 หรือ D1 เพื่อหาทิศทางหลัก
อย่าใช้ FVG เพียงอย่างเดียว ควรมีการคอนเฟิร์มด้วยเครื่องมืออื่นหรือโครงสร้างตลาด
 ข้อควรระวัง 
FVG ไม่ใช่ “แนวรับแนวต้านแบบตายตัว” ควรใช้ประกอบกับบริบทของตลาด
ราคาบางครั้งอาจไม่กลับมาเติมเต็ม FVG เลย
ไม่ควรใช้เทรดสวนเทรนด์หลัก
 สรุป 
                    เทคนิคการเทรดแบบ FVG Forex เป็นแนวทางที่ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจโครงสร้างตลาดได้ลึกขึ้น โดยเน้นเรื่ อง “ความไม่สมดุลของคำสั่งซื้อขาย” เพื่อหาจุดที่มีโอกาสในการเข้าเทรดที่มีความแม่นยำสูงขึ้น แต่เทคนิคนี้ต้องใช้ร่วมกับการวิเคราะห์องค์ประกอบอื่น ๆ เช่น Trend, Liquidity และ Price Action เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
XAUUSD – การทรุดตัวที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการดิ่งเหว?ทองคำเพิ่ง "ลื่นไถล" หลุดเส้นแนวโน้มหลัก เหมือนนักวิ่งที่เสียจังหวะก่อนถึงเส้นชัย แรงดีดกลับดูอ่อนแรง ไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางตลาด!
ในขณะเดียวกัน ข่าวจากสหรัฐฯ ก็เหมือนสัญญาณเตือนแรงๆ สำหรับฝั่ง Buy: จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน – แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง และ Fed มีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูง ส่วนแรงกดดันเงินเฟ้อก็ยังเพิ่มขึ้นจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์
บริเวณนี้ไม่ใช่แนวรับอีกต่อไป – แต่มันคือ "ขอบเหว" หากราคาทองไม่สามารถกลับมายืนเหนือ $3,374 ได้ในเร็ววันนี้ มีโอกาสสูงที่จะร่วงลงไปยัง $3,278 – จุดที่แรงขายจะระเบิดออกมา
สัญญาณอันตราย: การเด้งกลับเมื่อไม่นานนี้ อาจเป็น "จูบลา" ก่อนราคาจะดิ่งลงอย่างรุนแรง ใครที่ยังฝันกลางวัน – ได้เวลาตื่นแล้ว!
Golden Cross คืออะไร? เข้าใจง่ายใน 3 นาที ในการเทรด Forex เรามักจะได้ยินคำว่า "Golden Cross" อยู่บ่อยๆ แล้วมันคืออะไร? ใช้งานยังไง? บทความนี้จะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และคนที่อยากทบทวนครับ
🔍 Golden Cross คืออะไร?
Golden Cross คือ สัญญาณซื้อ ที่เกิดจากการที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (เช่น เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน หรือ MA50) ตัดขึ้นเหนือ เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว (เช่น MA200)
พูดง่ายๆ คือ เป็นสัญญาณบอกว่าแนวโน้มตลาดกำลังเปลี่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้น เทรดเดอร์มักใช้สัญญาณนี้เพื่อเริ่มเข้าซื้อ
✅ ตัวอย่างง่ายๆ
ลองนึกภาพ:
เส้น MA50 = ค่าเฉลี่ยของราคาช่วงสั้น (เช่น 50 วัน)
เส้น MA200 = ค่าเฉลี่ยของราคาช่วงยาว (เช่น 200 วัน)
หากราคาค่อยๆ ขยับขึ้น จนเส้น MA50 ตัดขึ้นเหนือ MA200 = นี่แหละ! Golden Cross
🚀  ทำไมถึงสำคัญ? 
มันเป็นสัญญาณว่า "ตลาดอาจจะกลับตัวขึ้น"
นักลงทุนรายใหญ่ก็ใช้สัญญาณนี้
ถ้าใช้คู่กับเครื่องมืออื่น เช่น RSI หรือ MACD จะช่วยเพิ่มความแม่นยำมากขึ้น
⚡  คำแนะนำสำหรับมือใหม่ 
อย่าใช้ Golden Cross อย่างเดียว! ควรดูแนวโน้มรวมของตลาดด้วย
ตรวจสอบกราฟ timeframe ใหญ่ เช่น 1H, 4H หรือ Daily
ตั้ง Stop Loss ทุกครั้ง เพื่อป้องกันความเสี่ยง
 🔒  สรุปแบบสั้นๆ: 
 
 สิ่งที่ควรรู้	คำอธิบาย
 Golden Cross	เส้น MA50 ตัดขึ้น MA200
 ความหมาย	ตลาดอาจกำลังขึ้น
 ใช้ยังไง	ใช้หาจุดเข้าซื้อ
 ต้องระวัง	ใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นเสมอ
 
💡 Golden Cross ไม่ใช่สูตรวิเศษ แต่เป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยให้เราตัดสินใจเทรดได้ดีขึ้น 
เทรดให้เป็นระบบ มีแผน และมีวินัย แล้วสัญญาณดีๆ อย่าง Golden Cross จะเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมครับ ✨
คู่มือฉบับสมบูรณ์: Demand & Supply Zones ตัวอย่าง S50U25📘 คู่มือฉบับสมบูรณ์: Demand & Supply Zones
________________________________________
✅ 1. แนวคิดหลัก (Core Concept)
“ราคาไม่เคลื่อนไหวแบบสุ่ม…แต่มันตอบสนองต่อพื้นที่ที่มีคำสั่งซื้อขาย (Orders) สะสมไว้”
•	Supply Zone = พื้นที่ราคาสูงที่มี แรงขายรออยู่ → สร้างแนวต้าน (Resistance)
•	Demand Zone = พื้นที่ราคาต่ำที่มี แรงซื้อรออยู่ → สร้างแนวรับ (Support)
💡 จุดสำคัญคือ: โซนเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ "เส้นแนวนอน" แต่เป็น “กล่องราคา” ที่อิงกับพฤติกรรมมวลชนและคำสั่งซื้อขายจริงของสถาบัน
________________________________________
🧱 2. รูปแบบคลาสสิกของโซน (Base Patterns)
ประเภทโซน	ชื่อรูปแบบ	การตีความ
🔴 Supply	Rally – Base – Drop (RBD)	ราคาขึ้น พัก แล้วร่วง → แรงขายซ่อนอยู่
🔴 Supply	Drop – Base – Drop (DBD)	ราคาลง พัก แล้วลงต่อ → เทขายต่อเนื่อง
🟢 Demand	Drop – Base – Rally (DBR)	ราคาลง พัก แล้วดีดแรง → แรงซื้อซ่อนอยู่
🟢 Demand	Rally – Base – Rally (RBR)	ราคาขึ้น พัก แล้วพุ่งต่อ → ซื้อสะสมต่อเนื่อง
Base = พื้นที่ที่ราคาหยุดพักชั่วคราว ก่อนจะเบรกด้วย “แรงจริง” (Institutional Imbalance)
________________________________________
🔍 3. วิธีระบุ Supply & Demand Zone บนกราฟ
🔴 Supply Zone (แนวต้านแนวนอน)
จุดที่ “แรงขายพร้อมปล่อยของ”
จดจำว่า: คนติดดอย, เทรดเดอร์ที่รอ Take Profit, หรือแม้แต่สถาบันที่รอ Sell limit
มองหา:
•	Swing High เด่นที่กลับทิศแรง
•	Base แนวนอนก่อนเกิด Drop
•	มีแท่งแดงยาว หรือ Gap ลงชัดเจน (Strong Departure)
•	วอลุ่มพุ่งสูงก่อนร่วง (แสดงถึงแรงเข้า)
•	Wick ด้านบนยาว = Rejection
________________________________________
🟢 Demand Zone (แนวรับแนวนอน)
จุดที่ “แรงซื้อรอจังหวะ”
จดจำว่า: เทรดเดอร์ที่รอซื้อถูก, คนที่ติด Stop loss ก่อนหน้า, และสถาบันที่รอสะสม
มองหา:
•	Swing Low ที่มีแรงเด้งขึ้น
•	Base แนวนอนก่อน Rally
•	แท่งเขียวแรง, Marubozu, หรือ Gap ขึ้น
•	Volume สูงตรงฐานก่อนพุ่ง
•	Wick ด้านล่างยาว = Rejection
________________________________________
📌 4. หลักเกณฑ์ “โซนคุณภาพสูง”
เกณฑ์	รายละเอียด
🚀 Strong Departure	ราคาพุ่งหนีจากโซนเร็วและแรง (แท่งยาว, มี imbalance)
🧽 Freshness	โซนนั้นยัง ไม่เคยถูกทดสอบซ้ำ
🔍 Tight Base	แท่งแนวนอนใน Base ต้อง ซ้อนกันแน่น ไม่เกิน 6 แท่ง
🧲 Volume Cluster	มีวอลุ่มสะสมก่อนพุ่งหนี หรือเป็น HVN
🎯 Context	โซนควรอยู่ในโครงสร้างเทรนด์ใหญ่ (HTF confluence)
❌ Clear Invalidation	มีจุด SL หลัง Distal line แบบไม่กำกวม
________________________________________
🧭 5. วิธีใช้งานจริง: Top-Down + Confirmation
1.	เริ่มจาก HTF (Daily/4H) เพื่อหา “โซนควบคุม”
2.	ซูมลง LTF (1H, 15m, 5m) เพื่อหา Entry ที่ดีในโซนนั้น
3.	ใช้ Confirmation เช่น BOS/CHoCH หรือ Rejection candle
4.	วาง SL หลัง Distal + Buffer (ATR x 0.5)
5.	TP ตรงโซนฝั่งตรงข้าม / หรือ R:R ≥ 1:3 ขึ้นไป
________________________________________
🎯 6. Volume = ตัวช่วยยืนยัน
สถานการณ์	การแปลความ
Volume สูงที่ Supply	คนติดดอยรอขาย = ต้าน
Volume สูงที่ Demand	แรงซื้อรอเข้าเพิ่ม = รับ
Breakout แล้ว Fail + Volume สูง	Buyer/Seller ติดกับ → Zone ในอนาคต
Low Volume Node (LVN)	ใช้กรองจุด breakout ง่าย
________________________________________
❌ 7. สิ่งที่ “ไม่ใช่” Demand/Supply
•	แค่เส้นแนวรับแนวต้านทั่วๆ ไป
•	ใช้จำนวนแท่งมากเกิน (Base ยาวเกิน 6 แท่ง)
•	โซนที่ถูก retest บ่อยเกิน (หมดสภาพ)
•	วาด zone แบบรวมมั่วไม่แยก Proximal–Distal
________________________________________
✅ 8. สรุปสุดท้าย
โซน	เกิดเมื่อ	ใช้อย่างไร
Supply Zone	ราคาขึ้น + หยุด + ร่วงแรง	รอขาย/Short ที่ Proximal
Demand Zone	ราคาลง + หยุด + พุ่งแรง	รอซื้อ/Long ที่ Proximal
จุด SL	หลัง Distal + buffer	
จุด TP	โซนฝั่งตรงข้าม / R:R ≥ 1:3	
________________________________________






















