+++ Gold 18/02/25 แผน +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5 <<<
ระบบ Break out 2 ทาง วิ่งแรง
"====================="
>>> Mark
.
Up 2913.4
.
Mid 2912.9
.
Down 2912.4
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2918.4
*** > SL 2912.4
*** > TP 2928.4 , 2946.4 , 2951
.
>>> Sell Stop 2907.4
*** > SL 2913.4
*** > TP 2897.4 , 2876.4 , 2846.4 , 2821.4
.
"====================="
Recovery Set up No use
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2912.4
*** > SL 2918.4
*** > TP 2897.4 , 2876.4 , 2846.4 , 2821.4
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2913.4
.
*** > SL 2907.4
*** > TP 2928.4 , 2946.4 , 2951
ภาพประกอบ
+++ XAU แผน 17/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5 <<<
ระบบ Break out 2 ทาง วิ่งแรง
"====================="
>>> Mark
.
Up 2900.6
.
Mid 2900.1
.
Down 2899.6
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2905.60
*** > SL 2899.6
*** > TP 2915.60 , 2951 , 2965
.
>>> Sell Stop 2894.60
*** > SL 2900.6
*** > TP 2884.60 , 2873.8 , 2835 , 2823.8
.
"====================="
Recovery Set up No use
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2899.6
*** > SL 2905.60
*** > TP 2884.60 , 2873.8 , 2835 , 2823.8
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2900.6
.
*** > SL 2894.60
*** > TP 2915.60 , 2951 , 2965
SET Sentimentกราฟ SET ลงมายาวนานตั้งแต่ ธันวาคมปีที่แล้ว ลงมาต่อนเนื่องถึงวันนี้
วันนี้ ตลาดลงทำ new low อีก
DATA วันนี้ หุ้นหลายๆตัวเริ่มขยับขึ้นมา พอสมควรเลย โดยรวม ตลาดดี ในแง่ จำนวนหุ้นขึ้น ถ้าตัด เดลต้าทิ้งและ aot ตลาด SET อาจจะพลิกกลับมา +10 จุดได้เลย
ส่ิงที่น่าสนใจคือ ถ้า SET Rebound ขึ้นมา รอบนี้อาจจะมองกลับตัว เนื่องจากมีหุ้น หลายๆๆตัวขึ้นไปรอ กันด้านบนแล้ว เป็นการ Confirm ราคา ไปในตัว
ส่ิงที่ควรทำ เริ่มหาหุ้น กันได้แล้ว รอตลาด SET มีแรงซื้อเข้ามา จะเป็นการ Confirm เริ่มขึ้นได้พอสมควร
แต่ถ้าไม่มีแรงขึ้นเลย ก็ยังไม่ควรเข้า
วิธีใช้ Sentiment Indicator อารมณ์ในตลาด วิธีใช้ Sentiment Indicator อารมณ์ในตลาด
👰กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ วันนี้แอดมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับอารมณ์การเทรดในตลาด อารมณ์ที่เป็นอารมณ์ร่วมจริงๆนะ เอ๊ะแล้วมันดียังไง มันเริ่มจากตรงไหน มาครับ บทความนี้มีคำตอบ
หลังจากที่เราๆเทรดเดอร์มือใหม่ทั้งหลายเริ่มเข้าสู่วงการเทรดแบบเต็มตัวแล้ว หลายๆคนน่าจะเริ่มรู้จัก รูปแบบในการวิเคราะห์ข้อมูลของตลาดมาบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ที่งงๆเยอะหน่อย น่าจะเป็นอารมณ์ในตลาด Sentimental Analysis หรือความอ่อนไหวของตลาดว่ามันคืออะไร ทำไมขึ้นๆลงๆ เดาทางไม่ถูกเลย
Market Sentiment คืออะไร
Sentiment หมายถึงแนวทางความคิด และความรู้สึกของนักลงทุนในตลาด ซึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อหรือขายสินทรัพย์ทางการเงิน โดยใช้ความรู้สึกหรืออารมณ์โดยรวมที่นักลงทุนและเทรดเดอร์มีต่อตลาดนั้น ๆ ซึ่งในแต่ละตลาดการลงทุนก็จะมีมุมมองที่แตกต่างออกไป
Market Sentiment แบ่งมุมมองของตลาดออกเป็น 3 เทรนด์
1. ตลาดอยู่ในสภาวะขาขึ้น (Uptrend)
2. ตลาดอยู่ในสภาวะขาลง (Downtrend)
3. ตลาดยังหาทิศทางไม่ได้ (Sideway)
การวิเคราะห์อารมณ์ของตลาด (Sentiment Analysis) คืออะไร?
ระบบเทรด Sentiment Analysis (การวิเคราะห์ความรู้สึก) เป็นระบบที่อาศัยการประเมินความรู้สึกหรืออารมณ์ของตลาดจากแหล่งข้อมูลต่างๆ
เช่น ข่าวสาร, โซเชียลมีเดีย, ฟอรัม, หรือความคิดเห็นของผู้คน เพื่อทำนายทิศทางราคาของสินทรัพย์ (เช่น หุ้น, สกุลเงิน, หรือคริปโตเคอร์เรนซี)
โดยหากข้อมูลข่าวสารในตลาดส่อแววเป็นปัจจัยบวก (Positive Sentiment)
ก็ถือเป็นสัญญาณขาขึ้น ให้ BUY
ในขณะเดียวกัน หากมีข่าวสารที่เป็นปัจจัยลบ (Negative Sentiment)
ก็จะถือเป็นสัญญาณขาลงนั่นเอง ให้ SELL
อย่างไรก็ตาม บางครั้งข้อมูลที่ถูกรวบรวมมาก็อาจไม่ได้บอกสัญญาณเทรดที่ถูกต้องเสมอไป เทรดเดอร์ก็ควรพิจารณาข้อมูลข่าวสารทางการเงินทั้งที่เป็นปัจจัยบวกและลบร่วมด้วยในระหว่างการเทรด ซึ่งมีโอกาสสูงที่ข้อมูลเหล่านั้นจะส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ที่เรากำลังเทรดอยู่ แต่หากรารู้จักใช้ sentiment indicator ให้เป็นประโยชน์ ก็หมดห่วงได้เลย! มันจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
อินดิเคเตอร์ Sentiment กำลังบอกอะไร?
การตีความหมายของ sentiment indicator !
1. การอ่านตัวชี้วัดตามตัวเลขจริง (เหมาะสำหรับเทรดระยะยาว)
- หากตัวเลขอยู่ในระดับสูงๆ หมายความว่าผู้บริโภคกำลังมองตลาดอยู่ในเกณฑ์บวก และเราก็เดิมพันในทิศทางตลาดตามความเป็นจริง โดยมองฝั่ง BUY และคิดว่าราคาจะขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
- หากตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำๆ หมายความว่าผู้บริโภคกำลังได้รับแรงกดดันจากสภาวะเชิงลบของตลาด ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดมีการปรับตัวลงไปอีก โดยมองฝั่ง SELL
2. การอ่านตัวชี้วัดแล้วมองในทิศทางตรงกันข้าม(เหมาะสำหรับเทรดระยะสั้น)
- หากตัวเลขอยู่ในระดับต่ำๆ หมายความว่าผู้บริโภคกำลังได้รับแรงกดดันจากสภาวะเชิงลบของตลาด ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดมีการปรับตัวบวก และราคาก็อาจกลับตัวขึ้นหลังจากนั้น
- ในขณะเดียวกัน หากอินดิเคเตอร์ดังกล่าวอยู่ในระดับสูงๆ ก็หมายความว่าผู้บริโภคกำลังมองตลาดอยู่ในเกณฑ์บวก ซึ่งเทรดเดอร์มืออาชีพโดยส่วนใหญ่จะมองว่า indicator นั้นอาจปรับตัวลงพร้อมๆ กับตลาดในไม่ช้า
อินดิเคเตอร์ Sentiment ของตลาด vs. อินดิเคเตอร์เชิงเทคนิค
Indicator บางตัวอาจใช้วิเคราะห์ได้ทั้งในเชิงเทคนิคและสภาวะอารมณ์ของตลาด อย่างไรก็ตาม อินดิเคเตอร์ทั้ง 2 ประเภทก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ดังนี้:
1. อินดิเคเตอร์ Sentiment ใช้บอกพฤติกรรมของทั้งผู้บริโภคและนักลงทุน รวมถึงอารมณ์ความรู้สึกของบุคคลที่เกี่ยวข้องในตลาดดังกล่าว
2.อินดิเคเตอร์เชิงเทคนิค บ่งบอกภาพรวมของตลาด ไม่ว่าจะเป็นราคา (Price), ปริมาณการซื้อขาย (Volume), และข้อมูลอื่นๆ ในเชิงเทคนิคที่ปรากฎใน กราฟเทรด
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น ถ้าเราอ่านแบบง่ายๆเข้าใจง่ายๆ ทุกอย่างจะดูง่ายเอง แค่อย่าไปคิดเยอะครับ ไม่ต้องไปคิดแทนเขา เราคิดแค่ว่ามันบอกขึ้นลง แค่นั้นก็พอ เห็นมั้ยครับ ง่ายนิดเดียว และที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบระบบเทรดและกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอนะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ
+++ Gold 14022025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5 <<<
ระบบ Sw 2 way วิ่งแรง
"====================="
>>> Mark
.
Up 2929.3
.
Mid 2928.8
.
Down 2928.3
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2934.30
*** > SL 2928.3
*** > TP 2944.30 , 2952.2 , 2972
.
>>> Sell Stop 2923.30
*** > SL 2929.3
*** > TP 2913.30 , 2912.2 , 2892.2 , 2872
.
"====================="
Recovery Set up
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2928.3
*** > SL 2934.30
*** > TP 2913.30 , 2912.2 , 2892.2 , 2872
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2929.3
.
*** > SL 2923.30
*** > TP 2944.30 , 2952.2 , 2972
+++ XAUUSD 13/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5 <<<
ระบบ Break out sw up and down
"====================="
>>> Mark
.
Up 2917.45
.
Mid 2916.95
.
Down 2916.45
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2922.45
*** > SL 2916.45
*** > TP 2932.45 , 2955.2 , 2972-75
.
>>> Sell Stop 2911.45
*** > SL 2917.45
*** > TP 2901.45 , 2880 , 2857 - 2852
.
"====================="
Recovery Set up
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2916.45
*** > SL 2922.45
*** > TP 2901.45 , 2880 , 2857 - 2852
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2917.45
.
*** > SL 2911.45
*** > TP 2932.45 , 2955.2 , 2972-75
+++ Xauusd 12/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 3 <<<
ระบบ Break out sw up and down
"====================="
>>> Mark
.
Up 2893.8
Mid 2893.3
Down 2892.8
.
"=====================" Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2898.80
*** > SL 2892.8
*** > TP 2908.80 , 2929.8 , 2934 , 2949.8
.
>>> Sell Stop 2887.80
*** > SL 2893.8
*** > TP 2877.80 , 2861.8 , 2831
.
"====================="
Recovery Set up
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2892.8
*** > SL 2898.80
*** > TP 2877.80 , 2861.8 , 2831
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2893.8
.
*** > SL 2887.80
*** > TP 2908.80 , 2929.8 , 2934 , 2949.8
+++ 11/02/2025 Gold +++แผนเป้า spot รอ Trade หลัง บ่าย 5
ระบบ Break out 2 way ( Bais S)
"========================="
>>> Mark
.
Mid 2919.2
.
"========================="
Trade Set up
"========================="
.
>>>> Buy Stop 2924.70
.
*** > SL 2918.7
*** > TP 2934.70 , 2948 , 2968 , 2973
.
>>>> Sell limit 2913.20
.
*** > SL 2919.7
*** > TP 2903.70 , 2863.80 , 2858.80
.
"========================="
Recovery Set up
"========================="
.
"= ทันทีที่ได้ Order Buy ="
.
>>> Sell Stop 2918.7
.
*** > SL 2924.70
*** > TP 2903.70 , 2863.80 , 2858.80
.
"= ทันทีที่ได้ Order Sell ="
.
>>> Buy Stop 2919.7
.
*** > SL 2913.70
*** > TP 2934.70 , 2948 , 2968 , 2973
.
What is a trading system? ระบบเทรคืออะไร?
What is a trading system?ระบบเทรด คืออะไร?
👰กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ วันนี้แอดมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับระบบเทรด เพราะหลาคนยังไม่รู้ว่าระบบเทรดคือะไร แล้วมันเริ่มยังไง มาครับ บทความนี้มีคำตอบ
ระบบเทรด ช่วยให้การเทรดเพื่อทำกำไรนั้นมีประสิทธิภาพสูง และมักจะประกอบด้วยหลายปัจจัยที่ทำให้มันโดดเด่นและน่าเชื่อถือ ขึ้นอยู่กับประเภทของการเทรดและขึ้นอยู่กับตัวบุคคลของคนนั้นด้วย ว่าชอบแนวไหน (เช่น หุ้น, Forex, Cryptocurrency) เพราะสไตล์การเทรดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน (เช่น Scalping, Day Trading, Swing Trading)
ระบบเทรดที่ดีมักจะมีลักษณะดังนี้
1. ระบบเทรดอัตโนมัติ (Algorithmic Trading)
👀 Bot Trading: ใช้โปรแกรมหรือบอทเพื่อเทรดอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น RSI, MACD, Moving Average
👀 High-Frequency Trading (HFT): เทรดด้วยความเร็วสูง ใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางเวลาและข้อมูล
2. ระบบเทรดแบบ Manual (มือถือ)
👀 Price Action: วิเคราะห์กราฟแท่งเทียนหรือรูปแบบราคาโดยไม่ใช้ Indicator
👀 Indicators-Based: ใช้ Indicator ต่างๆ เช่น Moving Average, Bollinger Bands, Fibonacci Retracement
3. ระบบเทรดที่ใช้ Machine Learning/AI
👀 ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลและทำนายแนวโน้มราคา
👀 ปรับตัวได้ตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง
4. ระบบเทรดที่ใช้ Risk Management ที่ดี
👀 Stop Loss/Take Profit: กำหนดจุดตัดขาดทุนและกำไรล่วงหน้า
👀 Position Sizing: จัดการขนาดการเทรดให้เหมาะสมกับพอร์ต
5. ระบบเทรดที่ใช้ Backtesting
👀 ทดสอบระบบกับข้อมูลในอดีตเพื่อประเมินประสิทธิภาพ
👀 ช่วยให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้ดีในสภาวะตลาดต่างๆ
6. ระบบเทรดที่ใช้ Sentiment Analysis
👀 วิเคราะห์ความรู้สึกของตลาดจากข่าวสารหรือโซเชียลมีเดีย
👀 ช่วยทำนายทิศทางราคาจากปัจจัยทางจิตวิทยา
ตัวอย่างระบบเทรดยอดนิยม:
👉Moving Average Crossover: ใช้เส้น Moving Average สองเส้นตัดกันเพื่อหาจุดเข้า-ออก
👉 Breakout Trading: เทรดเมื่อราคา breakout จากระดับสำคัญ
👉Trend Following: เทรดตามแนวโน้มหลักของตลาด
เครื่องมือที่นิยมใช้:
👉 MetaTrader 4/5 (MT4/MT5): แพลตฟอร์มเทรด Forex และ CFD
👉TradingView: สำหรับวิเคราะห์กราฟและสร้างระบบเทรด
👉Python/R: สำหรับเขียน Algorithmic Trading
ข้อควรระวัง:
👋ไม่มีระบบเทรดใดที่ทำกำไรได้ 100% เสมอไป
👋 การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
👋 ควรทดสอบระบบกับบัญชีทดลองก่อนใช้จริง
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ถึงบางอ้อกันหรือยังฮะ จริงๆแล้วมันก็คือกลุทธิ์การเทรดนั่นแหละ แต่จัดวาและทำให้เป็นแบบแผน แล้วเราจะเทรดได้อย่างราบรื่น และกำไรมั่นคงฮะ และที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบระบบเทรดและกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอนะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ
Risk per Trade ในการเทรด Forex: การบริหารความเสี่ยงเพื่อความอยูในการเทรด Forex หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่นักเทรดควรให้ความสนใจคือ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) โดยเฉพาะ Risk per Trade หรือความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ช่วยป้องกันไม่ให้พอร์ตการลงทุนของเราหมดตัวจากการขาดทุนในระยะสั้น
Risk per Trade คืออะไร?
Risk per Trade หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของเงินทุนที่เรายอมเสี่ยงต่อการเทรดหนึ่งครั้ง โดยทั่วไปแล้ว นักเทรดมืออาชีพแนะนำให้ใช้ 1-2% ของเงินทุนทั้งหมด ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง เช่น หากมีทุน $10,000 และใช้ Risk per Trade ที่ 1% หมายความว่าการเทรดแต่ละครั้งเราจะเสี่ยงขาดทุนสูงสุดที่ $100 เท่านั้น
ทำไมต้องกำหนด Risk per Trade?
ป้องกันการล้างพอร์ต – หากเราไม่จำกัดความเสี่ยง อาจทำให้พอร์ตสูญเสียเงินทุนอย่างรวดเร็วจากการขาดทุนติดต่อกัน
สร้างความสม่ำเสมอในการเทรด – การกำหนดความเสี่ยงที่แน่นอนช่วยให้นักเทรดมีวินัยและสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
เอาชนะความผันผวนของตลาด – ตลาด Forex มีความผันผวนสูง การจำกัดความเสี่ยงทำให้เราสามารถอยู่รอดในระยะยาว
วิธีคำนวณ Risk per Trade
กำหนดเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการเสี่ยง
เช่น กำหนดที่ 1% ของเงินทุนทั้งหมด
คำนวณจำนวนเงินที่เสี่ยงได้
ถ้าทุน $10,000 และเสี่ยง 1% จะได้ $100
กำหนดระยะห่างของ Stop Loss
เช่น หากวาง Stop Loss ไว้ 50 pips
คำนวณ Lot Size ที่เหมาะสม
Lot Size = (Risk per Trade) / (Stop Loss * Value per Pip)
ถ้าค่าเฉลี่ยของ 1 pip = $10 และ Stop Loss = 50 pips
Lot Size = $100 / (50 * $10) = 0.2 lot
ตัวอย่างการใช้งานจริง
สมมติว่าเรามีเงินทุน $5,000 และต้องการเสี่ยง 2% ต่อการเทรด
Risk per Trade = 2% ของ $5,000 = $100
Stop Loss = 25 pips
ถ้าค่าเฉลี่ยของ 1 pip = $10 (สำหรับ 1 lot)
Lot Size = $100 / (25 * $10) = 0.4 lot
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการกำหนด Risk per Trade
เสี่ยงมากเกินไป – การใช้ความเสี่ยงเกิน 5% ต่อเทรด อาจทำให้ขาดทุนหนักเมื่อเจอการขาดทุนติดต่อกัน
เปลี่ยนเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงบ่อยเกินไป – การไม่มีแผนที่แน่นอนอาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่ขาดความรอบคอบ
ไม่ใช้ Stop Loss – การไม่กำหนด Stop Loss อาจทำให้การขาดทุนบานปลายเกินกว่าที่จะควบคุมได้
สรุป
Risk per Trade เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการเทรด Forex อย่างยั่งยืน หากเราบริหารความเสี่ยงได้ดี โอกาสที่จะอยู่รอดในตลาดและสร้างผลกำไรในระยะยาวจะเพิ่มขึ้น การยึดหลัก 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้งจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด และทำให้เราสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการเทรด Forex
BTCUSD : ระบบ MACD ตัด 0 (ActionZone) มีสัญญาณ "ขาย" 8/2/2025อธิบาย : ระบบ Action Zone หรือ MACD ตัดศูนย์ คือระบบที่ใช้หลักการดูเส้น MACD ว่า เส้นนี้จะตัดกับเส้นศูนย์เมื่อไหร่ โดย ถ้าตัดขึ้นก็จะเป็นสัญญาณซื้อ ถ้าตัดลงก็จะเป็นสัญญาณขาย ถือเป็นระบบ Trend Following ที่ใช้ได้ดีกับตลาดที่มีเทรนจ๋าๆ เช่น BTC
แต่ระบบนี้ก็จะมีจุดอ่อนอยู่หลายจุดเช่นกัน คือ ในช่วงตลาด sideway ออกข้างเราอาจจะเจอ false sig ทำให้ต้องคืนกำไร คืนทุน กันบ่อยๆ ได้ หรือบางทีถ้าตลาดมีการทุบแรงๆ ก็อาจจะทำให้เจอการคืนกำไรหมดเช่นกัน เพราะระบบจะต้องรอ confirm ของเส้น MACD ก่อน ถึงจะยอมขาย ตอนขึ้น บางทีทำให้มันถือได้นาน ถือได้ทน รันเทรนได้นาน แต่ถ้าลงแรงก็จบกัน 555
ความเห็นของรอบนี้ : สุดท้ายมันก็เหี่ยวจนแดงจนได้ รอบนี้ไม่มีความเห็นใดๆ นอกจากบอกได้คำเดียว่า กราฟ อย่าง กาก เฮ้อ หลังจากนี้ก็รอดูกันไปว่า แดงแล้วจะลงไปเฝ้ารากมะม่วง หรือเด้งสู้สับขาหลอกกันอีกรอบ ห้า ...ห้า... ห้า...
BTC ActionZone = เขียว ( 17/1/2025 )
------------------
Entry : 100,000+-
SL : 90,000 ( -10% )
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )
BTC ActionZone = แดง ( 8/2/2025 )
------------------
Entry : 100,000+-
SL : 96,500 ( -3.5% )
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )
Actual Loss = -0.35% ของพอร์ต
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2025 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไร/ขาดทุนจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะคลาดเคลื่อนจากข้อมูลด้านล่างพอสมควรครับ
(1Jan-???) EMA120D = ??%
(7Jan-10Jan) ATR = -1%
(7Jan-10Jan) ActionZone = -1%
(18Jan-3Feb) ATR = -1%
(22Jan-3Feb) BreakHigh = -1%
(17Jan-8Feb) ActionZone = -0.35%
Sum กำไรสะสมของปี 2025 = -4.35% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง ( Max 4% กำไรหน่วย USD )
*** NFP day Gold ***>>> แผนเป้า spot Trade หลัง บ่าย 3 <<<
.
********* NFP Day ***********
.
ระบบ Swing Fail Down and go Up
"==============================="
>>> Mark
.
Mid 2867.8 , Up 2868.3 , Down 2867.3
.
"==============================="
Trade Set up
"==============================="
.
>>>>> Buy Stop 2873.30
.
*** > SL 2867.3
.
*** > TP 2883.30 , 2902 , 2907
.
>>>>> Buy Limit 2857-2853
.
*** > SL 2848
.
*** > TP 2883.30 , 2902 , 2907
.
"==============================="
Recovery Set up
"==============================="
.
"==== ทันทีที่ได้ Order Buy limit ===="
.
>>> Sell Stop 2848
.
*** > SL 2853
.
*** > TP 2838 , 2800
.
"===== ทันทีที่ได้ Order Sell ====="
.
>>> Buy Stop *** No use
.
*** > SL
*** > TP
.
+++ Gold แผน +++>>> แผนเป้า spot รอ Trade หลัง บ่าย 3 <<<
ระบบ Break out ถ้าลงจะแรง
"================================"
>>> Mark
.
Mid 2869.3 , Up 2869.6 , Down 2868.6
.
"================================"
Trade Set up
"================================"
.
>>>>> Buy Stop 2874.60
.
*** > SL 2868.6
*** > TP 2884.60 ,2911 , 2916.4 , 2921
.
>>>>> Sell Stop 2863.60
.
*** > SL 2869.6
*** > TP 2853.60 ,2851 , 2843 , 2830
.
"================================"
Recovery Set up
"================================"
.
"===== ทันทีที่ได้ Order Buy ====="
.
>>> Sell Stop 2868.8
.
*** > SL 2874.60
*** > TP 2853.60 ,2851 , 2843 , 2830
.
"===== ทันทีที่ได้ Order Sell ====="
.
>>> Buy Stop 2869.8
.
*** > SL 2863.60
*** > TP 2884.60 ,2911 , 2916.4 , 2921
.
+++ XAUUSD แผนหลังบ่าย 3 +++>>> แผนเป้า spot รอ Trade หลัง บ่าย 3 <<<
ระบบ Break out วิ่งแรง
==========================
>>> Mark
.
Mid 2813.65 , up 2814.15 , Down 2813.15
.
==========================
Trade Set up
==========================
.
>>>>> Buy Stop 2819.15
.
*** > SL 2813.15
*** > TP 2829.2 , 2844.5 , 2849.5
.
>>>>> Sell Stop 2808.15
.
*** > SL 2814.15
*** > TP 2798.15 , 2790 , 2784 , 2765
.
==========================
Recovery Set up
==========================
.
===== ทันทีที่ได้ Order Buy =====
.
>>> Sell Stop 2813.15
.
*** > SL 2819.15
*** > TP 2798.15 , 2790 , 2784 , 2765
.
===== ทันทีที่ได้ Order Sell =====
.
>>> Buy Stop 2814.15
.
*** > SL 2808.15
*** > TP 2829.2 , 2844.5 , 2849.5
.
=======================
>>> XAU USD มองสะบัดขึ้นแล้วลง <<<>>> แผนเป้า spot แปลงแล้ว <<<
ระบบ สบัด Up แล้ว Down
==========================
>>> Mark
.
Mid 2787.1 , up 2787.6 , Down 2786.6
.
==========================
Trade Set up
==========================
.
>>>>> Buy Stop 2792.6
.
*** > SL 2786.6
*** > TP 2802.6 , 2817.8, 2822.8
.
>>>>> Sell Stop 2781.6
.
*** > SL 2787.6
*** > TP 2771.6 , 2727.8 2722.8 2717.8 2702.8
.
==========================
Recovery Set up
==========================
.
===== ถ้า โดน Buy =====
.
>>> Sell Stop 2786.6
.
*** > SL 2,792.6
*** > TP 2771.6 , 2727.8 2722.8 2717.8 2702.8
.
===== ถ้า โดน Sell =====
.
>>> Buy Stop 2787.6
.
*** > SL 2781.6
*** > TP 2802.6 , 2817.8, 2822.8
.
=======================
MTA : วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis MTA: วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis
👰กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ หลายคนอาจจะงง กับการเทรดหลายๆทามเฟรม และบางคนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเทรดเพียงแค่ทามเฟรมเดียว หรือ เทรดหลายทามเฟรมมีดีอย่างไร มาครับวันนี้แอดพาไปทำความรู้จักการเทรดแบบ MTA กัน ตามมาอ่านกันได้เลย
การใช้ Multiple Timeframe Analysis (MTA) เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น โดยการวิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่เพื่อหาแนวโน้มหลัก และกรอบเวลาเล็กเพื่อหาจุดเข้า-ออกที่แม่นยำ นี่คือขั้นตอนละเอียดในการใช้ MTA อย่างมีประสิทธิภาพ
1. เลือกกรอบเวลาที่เหมาะสม
การวิเคราะห์หลายกรอบเวลาควรใช้กรอบเวลาที่สัมพันธ์กัน เช่น:
กรอบเวลาใหญ่ (Higher Timeframe - HTF): ใช้เพื่อหาแนวโน้มหลัก เช่น Daily (D1), H4
กรอบเวลากลาง (Intermediate Timeframe): ใช้เพื่อยืนยันสัญญาณ เช่น H1
กรอบเวลาเล็ก (Lower Timeframe - LTF): ใช้เพื่อหาจุดเข้า-ออก เช่น M15, M5
2. วิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่ (HTF) เพื่อหาแนวโน้มหลัก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาใหญ่ (เช่น Daily)
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้ม เช่น Moving Average (MA), Trendline, หรือ ADX
ระบุแนวโน้มหลัก:
ขาขึ้น (Uptrend): Higher Highs (HH) และ Higher Lows (HL)
ขาลง (Downtrend): Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL)
Sideway/Range: ราคาเคลื่อนที่ในกรอบแนวนอน
ระบุระดับ Support/Resistance ที่สำคัญ
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาขึ้น ให้มองหาโอกาสซื้อ (Buy) ในกรอบเวลาเล็ก
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาลง ให้มองหาโอกาสขาย (Sell) ในกรอบเวลาเล็ก
3. วิเคราะห์กรอบเวลากลางเพื่อยืนยันสัญญาณ
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลากลาง (เช่น H4)
ตรวจสอบว่าแนวโน้มในกรอบเวลากลางสอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่หรือไม่
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น Fibonacci Retracement, RSI, หรือ MACD เพื่อหาจุดกลับตัวหรือสัญญาณยืนยัน
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily เป็นขาขึ้น และกราฟ H4 แสดง Pullback (การปรับตัวลงชั่วคราว) ให้มองหาโอกาสซื้อเมื่อราคากลับมาทะลุแนวต้านหรือยืนเหนือ MA
4. วิเคราะห์กรอบเวลาเล็ก (LTF) เพื่อหาจุดเข้า-ออก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาเล็ก (เช่น M15)
หาจุดเข้าเทรดโดยใช้สัญญาณจาก Price Action หรือตัวบ่งชี้ เช่น:
Price Action: รูปแบบแท่งเทียน (Pin Bar, Engulfing, Inside Bar)
ตัวบ่งชี้: RSI, Stochastic Oscillator, หรือ MACD
ตั้ง Stop Loss และ Take Profit โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่และกลาง
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily และ H4 แสดงแนวโน้มขาขึ้น และกราฟ M15 แสดงสัญญาณซื้อ (เช่น Bullish Engulfing) ให้เข้าซื้อและตั้ง Stop Loss ต่ำกว่า Support ล่าสุด
5. จัดการความเสี่ยงและวางแผนเทรด
Stop Loss: ตั้ง Stop Loss โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวของราคา
Take Profit: ตั้ง Take Profit โดยอ้างอิงจากระดับ Resistance ในกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง
Risk-Reward Ratio: ควรมีอัตราส่วน Risk-Reward อย่างน้อย 1:2 (เสี่ยง 1 เพื่อกำไร 2)
6. ตัวอย่างการใช้งานจริง
สมมติคุณวิเคราะห์กราฟ Daily และพบว่า EUR/USD อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
กรอบเวลาใหญ่ (Daily):
แนวโน้มขาขึ้น (Higher Highs และ Higher Lows)
Support หลักอยู่ที่ 1.1000
กรอบเวลากลาง (H4):
ราคากำลัง Pullback ลงมาใกล้ระดับ Support ที่ 1.1000
RSI ใกล้ Oversold (30)
กรอบเวลาเล็ก (M15):
ราคาเกิด Bullish Engulfing Pattern ใกล้ระดับ 1.1000
เข้าซื้อที่ 1.1005 และตั้ง Stop Loss ที่ 1.0980 (ต่ำกว่า Support)
ตั้ง Take Profit ที่ 1.1100 (ใกล้ระดับ Resistance ในกรอบ Daily)
7. ข้อควรระวัง
False Signal: สัญญาณในกรอบเวลาเล็กอาจไม่แม่นยำหากไม่สอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่
Overanalysis: อย่าวิเคราะห์กรอบเวลาเล็กมากเกินไปจนเสียโฟกัสจากแนวโน้มหลัก
ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับสไตล์การเทรด: หากเป็นเทรดเดอร์ระยะสั้น อาจใช้กรอบเวลาเล็กเป็นหลัก แต่ต้องยืนยันแนวโน้มจากกรอบเวลาใหญ่
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กลยุทธิ์การเทรดแบบ MTA เรียบง่ายแต่ทรงพลัง แถมทำกำไรได้เรื่อยๆอีกนะ มันทำให้เราไม่ต้องไปพะว้าพะวง หรือเครียดมากจนเกินไปด้วย ที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ
การแบ่งปิดกำไร (Partial Profit): ข้อดีและข้อเสียการแบ่งปิดกำไร หรือที่เรียกกันว่า Partial Profit เป็นกลยุทธ์การเทรดที่นักเทรดปิดบางส่วนของออเดอร์เพื่อรับกำไร ณ จุดที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และปล่อยส่วนที่เหลือให้ทำงานต่อไปจนถึงเป้าหมายที่ใหญ่กว่า วิธีนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดที่ต้องการลดความเสี่ยงและจัดการอารมณ์ในตลาดที่มีความผันผวนสูง แต่เช่นเดียวกับทุกกลยุทธ์ การแบ่งปิดกำไรก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ
ข้อดีของการแบ่งปิดกำไร
1.ลดความเสี่ยงและล็อกกำไรบางส่วน
การแบ่งปิดกำไรช่วยให้นักเทรดสามารถรับผลกำไรบางส่วนได้เมื่อราคามาถึงจุดที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งช่วยลดความกังวลหากราคาย้อนกลับ
2.สร้างความมั่นคงทางจิตวิทยา
การได้รับกำไรบางส่วนช่วยเสริมความมั่นใจและลดความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดผันผวน
3.เหมาะสำหรับตลาดที่ไม่แน่นอน
ในสถานการณ์ที่ราคามีโอกาสกลับตัว การแบ่งปิดกำไรช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรได้แม้ในสภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย
4.เพิ่มความยืดหยุ่นในการเทรด
นักเทรดสามารถเลื่อน Stop Loss ไปยังจุดคุ้มทุน (Breakeven) หลังการแบ่งปิดกำไร ทำให้ความเสี่ยงลดลงเหลือศูนย์สำหรับออเดอร์ที่เหลือ
ข้อเสียของการแบ่งปิดกำไร
1.ลดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (RR)
การแบ่งปิดกำไรทำให้กำไรโดยรวมลดลงเมื่อเทียบกับการถือออเดอร์เต็มจำนวนจนถึงเป้าหมายใหญ่ เช่น RR อาจลดจาก 3.0 เหลือ 1.8 หรือ 2.0 ขึ้นอยู่กับจุดแบ่งปิด
2.พลาดโอกาสทำกำไรสูงสุด
หากตลาดวิ่งต่อในทิศทางที่คาดไว้ การแบ่งปิดกำไรอาจทำให้นักเทรดพลาดโอกาสทำกำไรสูงสุดจากการถือออเดอร์เต็มจำนวน
3.ซับซ้อนและต้องวางแผนมากขึ้น
การแบ่งปิดกำไรต้องการการวางแผนที่ดี รวมถึงการตั้งค่าระดับราคาหรือเป้าหมายสำหรับการแบ่งปิด ซึ่งอาจทำให้ยุ่งยากสำหรับนักเทรดมือใหม่
4.อาจสร้างนิสัยการปิดกำไรก่อนเวลา
หากนักเทรดแบ่งปิดกำไรบ่อยเกินไป อาจเกิดนิสัยในการปิดออเดอร์ก่อนเวลา ทำให้ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ควรจะเป็น
การใช้งานการแบ่งปิดกำไรในสถานการณ์ต่างๆ
ตลาดผันผวนสูง
1.ในตลาดที่ราคามักวิ่งขึ้น-ลง การแบ่งปิดกำไรที่ระดับ Fibonacci เช่น 1.272 หรือ 1.618 ช่วยให้นักเทรดรับกำไรบางส่วนก่อนที่ราคาจะย้อนกลับ
2.เทรนด์ใหญ่
เมื่อตลาดอยู่ในเทรนด์ที่ชัดเจน การแบ่งปิดกำไรบางส่วนที่ระดับแนวต้านหรือแนวรับสำคัญ และปล่อยส่วนที่เหลือให้วิ่งตามเทรนด์อาจเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ
3.การเทรดตามข่าว
ในกรณีที่มีการประกาศข่าวสำคัญและตลาดเคลื่อนไหวเร็ว การแบ่งปิดกำไรช่วยให้นักเทรดลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดอาจเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน
ตัวอย่างการแบ่งปิดกำไร
สมมติฐาน:
ออเดอร์: Buy XAUUSD
ขนาดล็อต: 0.10 lot
Stop Loss: 1,000 จุด (10 USD)
เป้าหมายกำไรที่ 1: ระดับ 1.272 (RR = 1.5)
เป้าหมายกำไรที่ 2: ระดับ 1.618 (RR = 2.5)
กลยุทธ์การแบ่งปิด:
เมื่อราคามาถึงระดับ 1.272:
ปิดออเดอร์ 50% (0.05 lot)
กำไรจากส่วนนี้ = 7.5 USD
เลื่อน Stop Loss ของออเดอร์ที่เหลือ (0.05 lot) ไปที่จุดคุ้มทุน
เมื่อราคามาถึงระดับ 1.618:
ปิดออเดอร์ที่เหลือ (0.05 lot)
กำไรจากส่วนนี้ = 12.5 USD
เปรียบเทียบกำไร:
หากไม่แบ่งปิดกำไรและถือจนถึงระดับ 1.618:
กำไรรวม = 25 USD
หากแบ่งปิดกำไร:
กำไรรวม = 7.5 + 12.5 = 20 USD
ข้อสรุป:
การแบ่งปิดกำไรทำให้กำไรลดลง 20% แต่ช่วยลดความเสี่ยงและล็อกกำไรบางส่วนในตลาดที่อาจย้อนกลับ
28/01/25 การวิเคราะห์หุ้น OR: โอกาสการลงทุนในกรอบ P/BV Band28/01/25 การวิเคราะห์หุ้น OR: โอกาสการลงทุนในกรอบ P/BV Band
________________________________________
💡 ข้อมูลสำคัญ
• ราคาปิดล่าสุด: 11.50 บาท
• P/BV ปัจจุบัน: 1.3x
• มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (BV): 8.85 บาท
________________________________________
กรอบราคาใน P/BV Band
กรอบ P/BV Band เป็นการวิเคราะห์จากค่าสถิติในอดีต โดยใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เพื่อหากรอบราคาที่เหมาะสม:
• ค่าเฉลี่ยระยะยาว (10 ปี): P/BV = 2.55x
• -2SD: P/BV = 1.23x
• -1SD: P/BV = 1.89x
👉 เมื่อคำนวณตามข้อมูลตลาดจริง กรอบราคาในกระดานเทรดปรับเป็นดังนี้:
• กรอบล่าง (-2SD): 11.00 บาท
• กรอบบน (-1SD): 16.00 บาท
________________________________________
วิเคราะห์แนวโน้ม (ข้อมูลพื้นฐาน Q4/2024)
📈 ปัจจัยหนุนราคาหุ้น:
1. ผลประกอบการ Q4/24 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น
o รายได้คาดการณ์เพิ่มขึ้นเป็น 190.11 พันล้านบาท (+6.58%)
o การเติบโตของธุรกิจ Non-Oil (เช่น ร้านค้า-คาเฟ่ในสถานีบริการน้ำมัน) สนับสนุนรายได้
2. ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน (Retail):
แนวโน้มดีขึ้นจากการเติบโตของการบริโภคในประเทศและราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพ
________________________________________
โอกาสการลงทุน (เหมาะกับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว):
1. ราคาหุ้นปัจจุบันที่ 11.50 บาท:
o ใกล้กรอบล่าง (-2SD) 11.00 บาท
o ถือเป็นโอกาสสะสม หากเชื่อมั่นในผลประกอบการที่จะฟื้นตัว
2. กรอบราคาเป้าหมายระยะกลาง:
o เป้าหมายบน (-1SD): 16.00 บาท
3. แนวรับสำคัญ: 11.00 บาท
หากหลุดแนวนี้ อาจต้องระมัดระวังต่อแรงกดดันทางราคา
________________________________________
💬 สรุป:
หุ้น OR ณ ราคาปัจจุบันสะท้อนถึงโอกาสการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะหากผลประกอบการ Q4/24 ออกมาตามที่คาดการณ์ การกลับเข้าสู่กรอบ -1SD มีโอกาสผลักดันราคาไปถึง 16 บาทได้
📌 หมายเหตุ: การลงทุนมีความเสี่ยง ควรติดตามผลประกอบการและแนวโน้มอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด
________________________________________
🛢️ "OR: โอกาสที่ซ่อนอยู่ในธุรกิจน้ำมันและ Non-Oil"
อย่าพลาด! หากคุณกำลังมองหาหุ้นฟื้นตัวในปี 2025
#OR #หุ้นไทย #วิเคราะห์หุ้น #PBVBand #หุ้นฟื้นตัว
การวิเคราะห์ XAUUSD: TD Sell Setup 9 และ Fibonacci Retracement 📊 การวิเคราะห์ XAUUSD: TD Sell Setup 9 และ Fibonacci Retracement 🔬
🔹 สัญญาณ TD Sell Setup 9:
สัญญาณนี้บ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแนวโน้มขาขึ้น และอาจเกิดการกลับตัวลง โดยเฉพาะเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านสำคัญ
🔹 TDST-Level 2790.17:
แนวต้านสำคัญที่ราคากำลังทดสอบ หากไม่สามารถทะลุได้ มีโอกาสปรับตัวลงแรง ✔️
🔹 กรอบ Fibonacci 78.6%-88.6%:
บริเวณนี้มักเป็นจุดกลับตัวที่นักเทรดจับตามอง เนื่องจากเป็นระดับที่ราคามักเผชิญแรงขาย
🔎 การคาดการณ์:
หากราคายืนต่ำกว่า 2790.17 และเริ่มปรับตัวลง เป้าหมายอยู่ที่:
🔹 Fibonacci 61.8% (2,693)
🔹 Fibonacci 50.0% (2,663)
🔹 Fibonacci 38.2% (2,633)
หากราคาทะลุ 2790.17 ได้ แนวโน้มขาขึ้นอาจดำเนินต่อ เป้าหมายอยู่เหนือระดับ 2800
🔧 กลยุทธ์การเทรด:
เปิดคำสั่งขาย (Sell) ใกล้แนวต้าน 2790.17 พร้อมรอสัญญาณกลับตัว
ตั้ง Stop Loss เหนือ 2800 เพื่อป้องกันความเสี่ยง
ใช้ระดับ Fibonacci เป็นเป้าหมายการทำกำไร
🌐 สรุปสั้นๆ:
การรวมสัญญาณ TD Setup และ Fibonacci Retracement ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์และวางกลยุทธ์ อย่าลืมจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสม 🚀
Moon Phases Strategy กลยุทธิ์การเทรดทองคำด้วยพระจันทร์ Moon Phases Strategy
กลยุทธิ์การเทรดทองคำด้วยพระจันทร์
👾 กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ วันนี้แอดไปเจอของแปลกเอามาเล่าสู่กันฟัง แถมใช้ได้จริงๆนะ คนต้นคิดและนำมาใช้กันก็เป็นพวกฝรั่งสะด้วยนี่สิ อู้วหูว พลาดบทความนี้ไม่ได้เชียวนะ เดี๋ยวจะหาว่าตกเทรนด์ ไหนมันเป็นยังไง มาครับตามมาอ่านกันได้เล๊ย
Moon Phases Strategy กลยุทธิ์การใช้ดวงจันทร์ในการซื้อขาย
เจ้าเซื่อในพระจันทร์บ่อ ???? ครับ แอดพูดไม่ผิด พระจันทร์ฮะ ฝรั่งใช้พระจันทร์ หรือดวงจันทร์นี่แหละ เป็นอินดิเคเตอร์ในการซื้อขายเพื่อทำกำไร
Moon Phases Trading Strategy คือกลยุทธ์ที่ใช้การเปลี่ยนแปลงวัฏจักรของดวงจันทร์มาใช้ในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของตลาด โดยเชื่อว่าผลกระทบทางจิตวิทยาที่เกิดจากดวงจันทร์สามารถส่งผลต่อพฤติกรรมการลงทุน โดยเฉพาะในสินทรัพย์ที่มีความผันผวน เช่น ทองคำ
วิธีการ ก็คือ การนับวันข้างขึ้น- ข้างแรม นั่นเอง ด้วยการกำหนดระยะเวลาการเทรด ใน 14 -16วัน ตามหลักการน้ำขึ้น - น้ำลงของพระจันทร์นั่นเอง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แต่มันเป็นแนวทางใหม่ในการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จโดยใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและโหราศาสตร์การเงิน โดย Robert Lee, Peter Tryde ด้วยการเทรดแบบสวิงเทรน ฮันแน่ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ครับ
Moon Phases
หลักการและวิธีการในการเทรดด้วยพระจันทร์ ก็คือ การนับวันข้างขึ้น- ข้างแรม นั่นเอง ด้วยการกำหนดระยะเวลาการเทรดภายใน 14 -16วัน ตามหลักการน้ำขึ้น - น้ำลงของพระจันทร์
โดยจะเข้าซื้อ ในวันพระจันทร์ดับ
และขายในวันพระจันทร์เต็มดวงถัดไป
ที่น่าสังเกตก็คือกลยุทธ์นี้สามารถสร้างผลกำไรได้ดีกับ DAX และ HSI และ GOLD ทองก็จัดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ซึ่งทำกำไรได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ แถมกลยุทธ์การเทรดด้วยพระจันทร์นี้ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปี 1928 แล้วนะ ไม่ธรรมดาจริมๆ
How to Trading หลักการใช้งาน
หากเรามองทางด้านจิตวิทยา นักลงทุนส่วนใหญ่ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน แล้วมันดันสัมพันธ์กันกับพฤติกรรมของนักลงทุนด้วยนี่สิ
โดยปกติแล้ว จันทร์ดับ จะสื่อถึงพลังงานต่ำหรือการสะสมพลังงาน ในขณะที่เวลาของ จันทร์เต็มดวง จะเป็นช่วงที่มีผลผลิต พลังงานสูง และการใช้จ่าย
หลักการใช้งานมีดังนี้
1. ข้างขึ้น (Waxing Moon):
มักสัมพันธ์กับบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวก ราคาสินทรัพย์อาจปรับตัวขึ้น
กลยุทธ์ที่แนะนำ: เปิดสถานะซื้อ (long position)
2. เต็มดวง (Full Moon):
ช่วงที่ตลาดอาจมีการปรับตัวครั้งใหญ่
กลยุทธ์ที่แนะนำ: ปิดสถานะที่มีกำไร หรือเปิดสถานะใหม่ตามทิศทางตลาด
3. ข้างแรม (Waning Moon):
ช่วงของความผันผวน ราคาสินทรัพย์อาจลดลง
กลยุทธ์ที่แนะนำ: เปิดสถานะขาย (short position)
4. ดวงจันทร์ดับ (New Moon):
ตลาดมีความไม่แน่นอน นักลงทุนอาจระมัดระวังมากขึ้น
กลยุทธ์ที่แนะนำ: หลีกเลี่ยงการซื้อขายครั้งใหญ่
อินดิเคเตอร์ที่ควรใช้คู่กับ Moon Phases
การตีเส้นเทรนไลน์เพื่อหาแนวโน้มในระยะยาวตั้งแต่รายวันขึ้นไปจนถึงรายวีคและรายเดือน หรืออินดิเคเตอร์ตัวอื่นตามที่เราถนัด
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กลยุทธิ์การเทรดแบบแปลกๆแต่สามารถทำกำไรได้จริง แถมยังได้รับความนิยมด้วยนะดทางก็ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ฮะ ลองเอาไปใช้กันดูฮะ ไม่แน่เราอาจจะชอบก็ได้ เทรดได้เทรดดี ต้องไม่ลืมทำตามแผนการเทรดด้วยนะครับ วันพระไม่ได้มีหนเดียว จังหวะเทรดของดวงจันทร์ก็ไม่ได้มีแค่รอบเดียว และกราฟก็ไม่ได้มีแค่รอบเดียวเช่นกัน
และที่สำคัญ ฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน รับรองว่ากำไรไม่ไกลเกินฝันแน่นอนฮะ แอดเอาใจช่วย แล้วอย่าลืม MM กันด้วยนะ ชีวิตการเทรดของเราจะยืนยาวและมั่นคง แอดฟันธงให้เลย
Over-Analyzing ในการเทรด Forex: อุปสรรคที่เทรดเดอร์ต้องเอาชนะการเทรด Forex เป็นกิจกรรมที่ต้องการความรู้ การวางแผน และการตัดสินใจที่รวดเร็ว แต่หลายครั้งเทรดเดอร์กลับพบว่าตนเองติดอยู่ในวงจรของการ "คิดมากเกินไป" หรือที่เรียกว่า Over-Analyzing ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ในเส้นทางการเทรดของพวกเขา
Over-Analyzing คืออะไร?
Over-Analyzing หมายถึง การพยายามวิเคราะห์ข้อมูลหรือสถานการณ์ต่าง ๆ มากเกินความจำเป็นจนทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด หรือเกิดความลังเลที่จะดำเนินการใด ๆ ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์กราฟราคา การดูข่าวสารเศรษฐกิจ หรือการใช้เครื่องมือเทคนิคที่ซับซ้อนจนทำให้เทรดเดอร์ไม่สามารถเข้าใจภาพรวมได้อย่างชัดเจน
สัญญาณของการ Over-Analyzing
1ใช้เวลามากเกินไปในการวิเคราะห์กราฟ: การตรวจสอบหลาย Timeframe หรือใช้ Indicator มากจนเกินไป อาจทำให้เกิดความขัดแย้งของสัญญาณ
2ลังเลในการตัดสินใจ: แม้เห็นโอกาสที่ชัดเจน แต่กลับไม่กล้าเปิดคำสั่งซื้อหรือขาย
3เปลี่ยนกลยุทธ์บ่อยครั้ง: การไม่เชื่อมั่นในแผนการเทรดเดิมและพยายามหากลยุทธ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
4หาข้อมูลมากเกินไป: การติดตามข่าวสารหรือบทวิเคราะห์จากหลายแหล่งจนทำให้ข้อมูลที่ได้รับขัดแย้งกันเอง
ผลกระทบของ Over-Analyzing
1พลาดโอกาส: การลังเลที่จะตัดสินใจอาจทำให้พลาดจังหวะสำคัญในการเทรด
2ความเครียดและความเหนื่อยล้า: การวิเคราะห์มากเกินไปส่งผลต่อสภาพจิตใจและร่างกาย
3ความมั่นใจลดลง: เทรดเดอร์ที่ Over-Analyzing มักจะสูญเสียความมั่นใจในตนเอง เนื่องจากไม่สามารถตัดสินใจได้
4ผลลัพธ์ไม่แน่นอน: การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์หรือมุมมองบ่อยครั้งอาจทำให้ขาดความสม่ำเสมอในการเทรด
วิธีเอาชนะ Over-Analyzing
-ยึดมั่นในแผนการเทรด: กำหนดกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
-ลดการใช้ Indicator ที่ซับซ้อน: ใช้เครื่องมือที่จำเป็นเท่านั้นและหลีกเลี่ยงการใช้ Indicator หลายตัวที่อาจให้สัญญาณขัดแย้ง
-กำหนดขอบเขตการวิเคราะห์: จำกัดเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจให้ทันเวลา
-สร้างวินัยในการเทรด: ฝึกฝนการเทรดด้วยบัญชีเดโม่เพื่อสร้างความมั่นใจ
-พักสมอง: หากรู้สึกเครียดหรือวิเคราะห์มากเกินไป ควรหยุดพักและกลับมาใหม่เมื่อจิตใจสงบ
24/01/25 ประเมินความเป็นไปได้ของ Bullish Shark ในกราฟ S50H2524/01/25 ประเมินความเป็นไปได้ของ Bullish Shark ในกราฟ S50H25
________________________________________
วิเคราะห์รูปแบบ Bullish Shark บนกราฟ
1. โครงสร้างและเกณฑ์ Fibonacci ของ Bullish Shark:
• XA (871.7 -> 885.3): การเคลื่อนไหวจากจุด X ไป A สร้างแนวต้านสำคัญที่ระดับ 885.3
• AB (885.3 -> 879): การปรับตัวลงในช่วง AB ตรงตามเกณฑ์ 0.382-0.618 ของ XA
• BC (879 -> 888.6): การปรับขึ้นในช่วง BC ตรงตามเกณฑ์ 1.13-1.618 ของ AB
• CD (888.6 -> 873.4): การปรับตัวลงมาที่จุด D อยู่ในโซน 0.886 ของ XA ซึ่งเป็นโครงสร้างที่สมบูรณ์ของรูปแบบ Shark
2. ตำแหน่งสำคัญ:
• จุด D (873.4): จุดกลับตัวที่มีโอกาสฟื้นตัว หากราคายืนยันรูปแบบ
• Pivot Day (878): เป็นแนวต้านระยะสั้นที่ต้องทะลุเพื่อยืนยันการกลับตัว
• R1 Day (880.5 - 882.9): เป้าหมายแรกของการฟื้นตัว
• จุด Stop Loss (868.7): หากราคาหลุดจุดนี้ รูปแบบ Bullish Shark จะไม่สมบูรณ์และเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลงแทน
3. Volume Analysis:
• ช่วงใกล้จุด D มีสัญญาณ Volume divergence เพิ่มขึ้นเล็กน้อย สนับสนุนความเป็นไปได้ในการกลับตัว
________________________________________
การประเมินความเป็นไปได้ (Probability)
• โอกาสที่รูปแบบ Bullish Shark จะสมบูรณ์: 75%
o สัญญาณ Fibonacci และโครงสร้างกราฟยืนยันการกลับตัวได้ดี
o แต่ยังต้องรอดูการทะลุ Pivot Day (878)
________________________________________
แผนการฟื้นตัวใน 3 กรณี
1. Best Case (กรณีดีที่สุด):
• เป้าหมาย: จุด C (888.6)
• ระยะฟื้นตัว: 15+ จุด (จาก 873.4 ไปถึง 888.6)
• เงื่อนไข:
o ราคาต้องทะลุ Pivot Day (878) และ R1 Day (882.9) พร้อม Volume สนับสนุน
o หากทะลุจุด C (888.6) อาจต่อเนื่องไปยังแนวต้านสำคัญถัดไป
2. Most Likely Case (กรณีที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด):
• เป้าหมาย: Pivot Day (878) หรือ R1 Day (880.5 - 882.9)
• ระยะฟื้นตัว: 5-10 จุด (จาก 873.4 ไปถึง 880.5-882.9)
• เงื่อนไข:
o ราคาต้องยืนเหนือจุด D (873.4)
o Volume ต้องเพิ่มขึ้นในระหว่างการฟื้นตัว
3. Worst Case (กรณีเลวร้ายที่สุด):
• เป้าหมาย: หลุดจุด Stop Loss (868.7)
• ระยะการลง: อาจลงต่อไปยังโซนแนวรับสำคัญที่ต่ำกว่า (865 หรือต่ำกว่า)
• เงื่อนไข:
o ราคาหลุดจุด D (873.4) และ X (871.7) พร้อม Volume ขายที่เพิ่มขึ้น
________________________________________
กลยุทธ์การเทรด
1. การเข้า (Entry):
• เข้าซื้อในโซนใกล้จุด D (873.4) หากมีสัญญาณการกลับตัวชัดเจน เช่น:
o แท่งเทียนกลับตัว (Bullish Engulfing, Hammer)
o การเพิ่มขึ้นของ Volume
2. จุดทำกำไร (Take Profit):
• TP1: Pivot Day (878)
• TP2: R1 Day (880.5 - 882.9)
• TP3: จุด C (888.6)
3. จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):
• ต่ำกว่าจุด Stop Loss (868.7) หรืออย่างน้อยต่ำกว่า X (871.7) เพื่อควบคุมความเสี่ยง
________________________________________
สรุป
รูปแบบ Bullish Shark นี้มีความน่าสนใจสูง โดยเฉพาะถ้าราคายืนยันกลับตัวที่จุด D (873.4) โอกาสในการฟื้นตัวไปที่ R1 Day (880.5 - 882.9) หรือสูงกว่ายังมีความเป็นไปได้สูง อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดจุด 868.7 คุณควรตัดขาดทุนเพื่อลดความเสี่ยง






















