MTA : วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis MTA: วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis
👰กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ หลายคนอาจจะงง กับการเทรดหลายๆทามเฟรม และบางคนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเทรดเพียงแค่ทามเฟรมเดียว หรือ เทรดหลายทามเฟรมมีดีอย่างไร มาครับวันนี้แอดพาไปทำความรู้จักการเทรดแบบ MTA กัน ตามมาอ่านกันได้เลย
การใช้ Multiple Timeframe Analysis (MTA) เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น โดยการวิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่เพื่อหาแนวโน้มหลัก และกรอบเวลาเล็กเพื่อหาจุดเข้า-ออกที่แม่นยำ นี่คือขั้นตอนละเอียดในการใช้ MTA อย่างมีประสิทธิภาพ
1. เลือกกรอบเวลาที่เหมาะสม
การวิเคราะห์หลายกรอบเวลาควรใช้กรอบเวลาที่สัมพันธ์กัน เช่น:
กรอบเวลาใหญ่ (Higher Timeframe - HTF): ใช้เพื่อหาแนวโน้มหลัก เช่น Daily (D1), H4
กรอบเวลากลาง (Intermediate Timeframe): ใช้เพื่อยืนยันสัญญาณ เช่น H1
กรอบเวลาเล็ก (Lower Timeframe - LTF): ใช้เพื่อหาจุดเข้า-ออก เช่น M15, M5
2. วิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่ (HTF) เพื่อหาแนวโน้มหลัก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาใหญ่ (เช่น Daily)
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้ม เช่น Moving Average (MA), Trendline, หรือ ADX
ระบุแนวโน้มหลัก:
ขาขึ้น (Uptrend): Higher Highs (HH) และ Higher Lows (HL)
ขาลง (Downtrend): Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL)
Sideway/Range: ราคาเคลื่อนที่ในกรอบแนวนอน
ระบุระดับ Support/Resistance ที่สำคัญ
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาขึ้น ให้มองหาโอกาสซื้อ (Buy) ในกรอบเวลาเล็ก
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาลง ให้มองหาโอกาสขาย (Sell) ในกรอบเวลาเล็ก
3. วิเคราะห์กรอบเวลากลางเพื่อยืนยันสัญญาณ
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลากลาง (เช่น H4)
ตรวจสอบว่าแนวโน้มในกรอบเวลากลางสอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่หรือไม่
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น Fibonacci Retracement, RSI, หรือ MACD เพื่อหาจุดกลับตัวหรือสัญญาณยืนยัน
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily เป็นขาขึ้น และกราฟ H4 แสดง Pullback (การปรับตัวลงชั่วคราว) ให้มองหาโอกาสซื้อเมื่อราคากลับมาทะลุแนวต้านหรือยืนเหนือ MA
4. วิเคราะห์กรอบเวลาเล็ก (LTF) เพื่อหาจุดเข้า-ออก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาเล็ก (เช่น M15)
หาจุดเข้าเทรดโดยใช้สัญญาณจาก Price Action หรือตัวบ่งชี้ เช่น:
Price Action: รูปแบบแท่งเทียน (Pin Bar, Engulfing, Inside Bar)
ตัวบ่งชี้: RSI, Stochastic Oscillator, หรือ MACD
ตั้ง Stop Loss และ Take Profit โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่และกลาง
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily และ H4 แสดงแนวโน้มขาขึ้น และกราฟ M15 แสดงสัญญาณซื้อ (เช่น Bullish Engulfing) ให้เข้าซื้อและตั้ง Stop Loss ต่ำกว่า Support ล่าสุด
5. จัดการความเสี่ยงและวางแผนเทรด
Stop Loss: ตั้ง Stop Loss โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวของราคา
Take Profit: ตั้ง Take Profit โดยอ้างอิงจากระดับ Resistance ในกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง
Risk-Reward Ratio: ควรมีอัตราส่วน Risk-Reward อย่างน้อย 1:2 (เสี่ยง 1 เพื่อกำไร 2)
6. ตัวอย่างการใช้งานจริง
สมมติคุณวิเคราะห์กราฟ Daily และพบว่า EUR/USD อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
กรอบเวลาใหญ่ (Daily):
แนวโน้มขาขึ้น (Higher Highs และ Higher Lows)
Support หลักอยู่ที่ 1.1000
กรอบเวลากลาง (H4):
ราคากำลัง Pullback ลงมาใกล้ระดับ Support ที่ 1.1000
RSI ใกล้ Oversold (30)
กรอบเวลาเล็ก (M15):
ราคาเกิด Bullish Engulfing Pattern ใกล้ระดับ 1.1000
เข้าซื้อที่ 1.1005 และตั้ง Stop Loss ที่ 1.0980 (ต่ำกว่า Support)
ตั้ง Take Profit ที่ 1.1100 (ใกล้ระดับ Resistance ในกรอบ Daily)
7. ข้อควรระวัง
False Signal: สัญญาณในกรอบเวลาเล็กอาจไม่แม่นยำหากไม่สอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่
Overanalysis: อย่าวิเคราะห์กรอบเวลาเล็กมากเกินไปจนเสียโฟกัสจากแนวโน้มหลัก
ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับสไตล์การเทรด: หากเป็นเทรดเดอร์ระยะสั้น อาจใช้กรอบเวลาเล็กเป็นหลัก แต่ต้องยืนยันแนวโน้มจากกรอบเวลาใหญ่
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กลยุทธิ์การเทรดแบบ MTA เรียบง่ายแต่ทรงพลัง แถมทำกำไรได้เรื่อยๆอีกนะ มันทำให้เราไม่ต้องไปพะว้าพะวง หรือเครียดมากจนเกินไปด้วย ที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ
ภาพประกอบ
การแบ่งปิดกำไร (Partial Profit): ข้อดีและข้อเสียการแบ่งปิดกำไร หรือที่เรียกกันว่า Partial Profit เป็นกลยุทธ์การเทรดที่นักเทรดปิดบางส่วนของออเดอร์เพื่อรับกำไร ณ จุดที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และปล่อยส่วนที่เหลือให้ทำงานต่อไปจนถึงเป้าหมายที่ใหญ่กว่า วิธีนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดที่ต้องการลดความเสี่ยงและจัดการอารมณ์ในตลาดที่มีความผันผวนสูง แต่เช่นเดียวกับทุกกลยุทธ์ การแบ่งปิดกำไรก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ
ข้อดีของการแบ่งปิดกำไร
1.ลดความเสี่ยงและล็อกกำไรบางส่วน
การแบ่งปิดกำไรช่วยให้นักเทรดสามารถรับผลกำไรบางส่วนได้เมื่อราคามาถึงจุดที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งช่วยลดความกังวลหากราคาย้อนกลับ
2.สร้างความมั่นคงทางจิตวิทยา
การได้รับกำไรบางส่วนช่วยเสริมความมั่นใจและลดความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดผันผวน
3.เหมาะสำหรับตลาดที่ไม่แน่นอน
ในสถานการณ์ที่ราคามีโอกาสกลับตัว การแบ่งปิดกำไรช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรได้แม้ในสภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย
4.เพิ่มความยืดหยุ่นในการเทรด
นักเทรดสามารถเลื่อน Stop Loss ไปยังจุดคุ้มทุน (Breakeven) หลังการแบ่งปิดกำไร ทำให้ความเสี่ยงลดลงเหลือศูนย์สำหรับออเดอร์ที่เหลือ
ข้อเสียของการแบ่งปิดกำไร
1.ลดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (RR)
การแบ่งปิดกำไรทำให้กำไรโดยรวมลดลงเมื่อเทียบกับการถือออเดอร์เต็มจำนวนจนถึงเป้าหมายใหญ่ เช่น RR อาจลดจาก 3.0 เหลือ 1.8 หรือ 2.0 ขึ้นอยู่กับจุดแบ่งปิด
2.พลาดโอกาสทำกำไรสูงสุด
หากตลาดวิ่งต่อในทิศทางที่คาดไว้ การแบ่งปิดกำไรอาจทำให้นักเทรดพลาดโอกาสทำกำไรสูงสุดจากการถือออเดอร์เต็มจำนวน
3.ซับซ้อนและต้องวางแผนมากขึ้น
การแบ่งปิดกำไรต้องการการวางแผนที่ดี รวมถึงการตั้งค่าระดับราคาหรือเป้าหมายสำหรับการแบ่งปิด ซึ่งอาจทำให้ยุ่งยากสำหรับนักเทรดมือใหม่
4.อาจสร้างนิสัยการปิดกำไรก่อนเวลา
หากนักเทรดแบ่งปิดกำไรบ่อยเกินไป อาจเกิดนิสัยในการปิดออเดอร์ก่อนเวลา ทำให้ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ควรจะเป็น
การใช้งานการแบ่งปิดกำไรในสถานการณ์ต่างๆ
ตลาดผันผวนสูง
1.ในตลาดที่ราคามักวิ่งขึ้น-ลง การแบ่งปิดกำไรที่ระดับ Fibonacci เช่น 1.272 หรือ 1.618 ช่วยให้นักเทรดรับกำไรบางส่วนก่อนที่ราคาจะย้อนกลับ
2.เทรนด์ใหญ่
เมื่อตลาดอยู่ในเทรนด์ที่ชัดเจน การแบ่งปิดกำไรบางส่วนที่ระดับแนวต้านหรือแนวรับสำคัญ และปล่อยส่วนที่เหลือให้วิ่งตามเทรนด์อาจเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ
3.การเทรดตามข่าว
ในกรณีที่มีการประกาศข่าวสำคัญและตลาดเคลื่อนไหวเร็ว การแบ่งปิดกำไรช่วยให้นักเทรดลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดอาจเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน
ตัวอย่างการแบ่งปิดกำไร
สมมติฐาน:
ออเดอร์: Buy XAUUSD
ขนาดล็อต: 0.10 lot
Stop Loss: 1,000 จุด (10 USD)
เป้าหมายกำไรที่ 1: ระดับ 1.272 (RR = 1.5)
เป้าหมายกำไรที่ 2: ระดับ 1.618 (RR = 2.5)
กลยุทธ์การแบ่งปิด:
เมื่อราคามาถึงระดับ 1.272:
ปิดออเดอร์ 50% (0.05 lot)
กำไรจากส่วนนี้ = 7.5 USD
เลื่อน Stop Loss ของออเดอร์ที่เหลือ (0.05 lot) ไปที่จุดคุ้มทุน
เมื่อราคามาถึงระดับ 1.618:
ปิดออเดอร์ที่เหลือ (0.05 lot)
กำไรจากส่วนนี้ = 12.5 USD
เปรียบเทียบกำไร:
หากไม่แบ่งปิดกำไรและถือจนถึงระดับ 1.618:
กำไรรวม = 25 USD
หากแบ่งปิดกำไร:
กำไรรวม = 7.5 + 12.5 = 20 USD
ข้อสรุป:
การแบ่งปิดกำไรทำให้กำไรลดลง 20% แต่ช่วยลดความเสี่ยงและล็อกกำไรบางส่วนในตลาดที่อาจย้อนกลับ
28/01/25 การวิเคราะห์หุ้น OR: โอกาสการลงทุนในกรอบ P/BV Band28/01/25 การวิเคราะห์หุ้น OR: โอกาสการลงทุนในกรอบ P/BV Band
________________________________________
💡 ข้อมูลสำคัญ
• ราคาปิดล่าสุด: 11.50 บาท
• P/BV ปัจจุบัน: 1.3x
• มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (BV): 8.85 บาท
________________________________________
กรอบราคาใน P/BV Band
กรอบ P/BV Band เป็นการวิเคราะห์จากค่าสถิติในอดีต โดยใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เพื่อหากรอบราคาที่เหมาะสม:
• ค่าเฉลี่ยระยะยาว (10 ปี): P/BV = 2.55x
• -2SD: P/BV = 1.23x
• -1SD: P/BV = 1.89x
👉 เมื่อคำนวณตามข้อมูลตลาดจริง กรอบราคาในกระดานเทรดปรับเป็นดังนี้:
• กรอบล่าง (-2SD): 11.00 บาท
• กรอบบน (-1SD): 16.00 บาท
________________________________________
วิเคราะห์แนวโน้ม (ข้อมูลพื้นฐาน Q4/2024)
📈 ปัจจัยหนุนราคาหุ้น:
1. ผลประกอบการ Q4/24 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น
o รายได้คาดการณ์เพิ่มขึ้นเป็น 190.11 พันล้านบาท (+6.58%)
o การเติบโตของธุรกิจ Non-Oil (เช่น ร้านค้า-คาเฟ่ในสถานีบริการน้ำมัน) สนับสนุนรายได้
2. ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน (Retail):
แนวโน้มดีขึ้นจากการเติบโตของการบริโภคในประเทศและราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพ
________________________________________
โอกาสการลงทุน (เหมาะกับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว):
1. ราคาหุ้นปัจจุบันที่ 11.50 บาท:
o ใกล้กรอบล่าง (-2SD) 11.00 บาท
o ถือเป็นโอกาสสะสม หากเชื่อมั่นในผลประกอบการที่จะฟื้นตัว
2. กรอบราคาเป้าหมายระยะกลาง:
o เป้าหมายบน (-1SD): 16.00 บาท
3. แนวรับสำคัญ: 11.00 บาท
หากหลุดแนวนี้ อาจต้องระมัดระวังต่อแรงกดดันทางราคา
________________________________________
💬 สรุป:
หุ้น OR ณ ราคาปัจจุบันสะท้อนถึงโอกาสการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะหากผลประกอบการ Q4/24 ออกมาตามที่คาดการณ์ การกลับเข้าสู่กรอบ -1SD มีโอกาสผลักดันราคาไปถึง 16 บาทได้
📌 หมายเหตุ: การลงทุนมีความเสี่ยง ควรติดตามผลประกอบการและแนวโน้มอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด
________________________________________
🛢️ "OR: โอกาสที่ซ่อนอยู่ในธุรกิจน้ำมันและ Non-Oil"
อย่าพลาด! หากคุณกำลังมองหาหุ้นฟื้นตัวในปี 2025
#OR #หุ้นไทย #วิเคราะห์หุ้น #PBVBand #หุ้นฟื้นตัว
การวิเคราะห์ XAUUSD: TD Sell Setup 9 และ Fibonacci Retracement 📊 การวิเคราะห์ XAUUSD: TD Sell Setup 9 และ Fibonacci Retracement 🔬
🔹 สัญญาณ TD Sell Setup 9:
สัญญาณนี้บ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแนวโน้มขาขึ้น และอาจเกิดการกลับตัวลง โดยเฉพาะเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านสำคัญ
🔹 TDST-Level 2790.17:
แนวต้านสำคัญที่ราคากำลังทดสอบ หากไม่สามารถทะลุได้ มีโอกาสปรับตัวลงแรง ✔️
🔹 กรอบ Fibonacci 78.6%-88.6%:
บริเวณนี้มักเป็นจุดกลับตัวที่นักเทรดจับตามอง เนื่องจากเป็นระดับที่ราคามักเผชิญแรงขาย
🔎 การคาดการณ์:
หากราคายืนต่ำกว่า 2790.17 และเริ่มปรับตัวลง เป้าหมายอยู่ที่:
🔹 Fibonacci 61.8% (2,693)
🔹 Fibonacci 50.0% (2,663)
🔹 Fibonacci 38.2% (2,633)
หากราคาทะลุ 2790.17 ได้ แนวโน้มขาขึ้นอาจดำเนินต่อ เป้าหมายอยู่เหนือระดับ 2800
🔧 กลยุทธ์การเทรด:
เปิดคำสั่งขาย (Sell) ใกล้แนวต้าน 2790.17 พร้อมรอสัญญาณกลับตัว
ตั้ง Stop Loss เหนือ 2800 เพื่อป้องกันความเสี่ยง
ใช้ระดับ Fibonacci เป็นเป้าหมายการทำกำไร
🌐 สรุปสั้นๆ:
การรวมสัญญาณ TD Setup และ Fibonacci Retracement ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์และวางกลยุทธ์ อย่าลืมจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสม 🚀
Moon Phases Strategy กลยุทธิ์การเทรดทองคำด้วยพระจันทร์ Moon Phases Strategy
กลยุทธิ์การเทรดทองคำด้วยพระจันทร์
👾 กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ วันนี้แอดไปเจอของแปลกเอามาเล่าสู่กันฟัง แถมใช้ได้จริงๆนะ คนต้นคิดและนำมาใช้กันก็เป็นพวกฝรั่งสะด้วยนี่สิ อู้วหูว พลาดบทความนี้ไม่ได้เชียวนะ เดี๋ยวจะหาว่าตกเทรนด์ ไหนมันเป็นยังไง มาครับตามมาอ่านกันได้เล๊ย
Moon Phases Strategy กลยุทธิ์การใช้ดวงจันทร์ในการซื้อขาย
เจ้าเซื่อในพระจันทร์บ่อ ???? ครับ แอดพูดไม่ผิด พระจันทร์ฮะ ฝรั่งใช้พระจันทร์ หรือดวงจันทร์นี่แหละ เป็นอินดิเคเตอร์ในการซื้อขายเพื่อทำกำไร
Moon Phases Trading Strategy คือกลยุทธ์ที่ใช้การเปลี่ยนแปลงวัฏจักรของดวงจันทร์มาใช้ในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของตลาด โดยเชื่อว่าผลกระทบทางจิตวิทยาที่เกิดจากดวงจันทร์สามารถส่งผลต่อพฤติกรรมการลงทุน โดยเฉพาะในสินทรัพย์ที่มีความผันผวน เช่น ทองคำ
วิธีการ ก็คือ การนับวันข้างขึ้น- ข้างแรม นั่นเอง ด้วยการกำหนดระยะเวลาการเทรด ใน 14 -16วัน ตามหลักการน้ำขึ้น - น้ำลงของพระจันทร์นั่นเอง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แต่มันเป็นแนวทางใหม่ในการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จโดยใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและโหราศาสตร์การเงิน โดย Robert Lee, Peter Tryde ด้วยการเทรดแบบสวิงเทรน ฮันแน่ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ครับ
Moon Phases
หลักการและวิธีการในการเทรดด้วยพระจันทร์ ก็คือ การนับวันข้างขึ้น- ข้างแรม นั่นเอง ด้วยการกำหนดระยะเวลาการเทรดภายใน 14 -16วัน ตามหลักการน้ำขึ้น - น้ำลงของพระจันทร์
โดยจะเข้าซื้อ ในวันพระจันทร์ดับ
และขายในวันพระจันทร์เต็มดวงถัดไป
ที่น่าสังเกตก็คือกลยุทธ์นี้สามารถสร้างผลกำไรได้ดีกับ DAX และ HSI และ GOLD ทองก็จัดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ซึ่งทำกำไรได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ แถมกลยุทธ์การเทรดด้วยพระจันทร์นี้ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปี 1928 แล้วนะ ไม่ธรรมดาจริมๆ
How to Trading หลักการใช้งาน
หากเรามองทางด้านจิตวิทยา นักลงทุนส่วนใหญ่ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน แล้วมันดันสัมพันธ์กันกับพฤติกรรมของนักลงทุนด้วยนี่สิ
โดยปกติแล้ว จันทร์ดับ จะสื่อถึงพลังงานต่ำหรือการสะสมพลังงาน ในขณะที่เวลาของ จันทร์เต็มดวง จะเป็นช่วงที่มีผลผลิต พลังงานสูง และการใช้จ่าย
หลักการใช้งานมีดังนี้
1. ข้างขึ้น (Waxing Moon):
มักสัมพันธ์กับบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวก ราคาสินทรัพย์อาจปรับตัวขึ้น
กลยุทธ์ที่แนะนำ: เปิดสถานะซื้อ (long position)
2. เต็มดวง (Full Moon):
ช่วงที่ตลาดอาจมีการปรับตัวครั้งใหญ่
กลยุทธ์ที่แนะนำ: ปิดสถานะที่มีกำไร หรือเปิดสถานะใหม่ตามทิศทางตลาด
3. ข้างแรม (Waning Moon):
ช่วงของความผันผวน ราคาสินทรัพย์อาจลดลง
กลยุทธ์ที่แนะนำ: เปิดสถานะขาย (short position)
4. ดวงจันทร์ดับ (New Moon):
ตลาดมีความไม่แน่นอน นักลงทุนอาจระมัดระวังมากขึ้น
กลยุทธ์ที่แนะนำ: หลีกเลี่ยงการซื้อขายครั้งใหญ่
อินดิเคเตอร์ที่ควรใช้คู่กับ Moon Phases
การตีเส้นเทรนไลน์เพื่อหาแนวโน้มในระยะยาวตั้งแต่รายวันขึ้นไปจนถึงรายวีคและรายเดือน หรืออินดิเคเตอร์ตัวอื่นตามที่เราถนัด
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กลยุทธิ์การเทรดแบบแปลกๆแต่สามารถทำกำไรได้จริง แถมยังได้รับความนิยมด้วยนะดทางก็ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ฮะ ลองเอาไปใช้กันดูฮะ ไม่แน่เราอาจจะชอบก็ได้ เทรดได้เทรดดี ต้องไม่ลืมทำตามแผนการเทรดด้วยนะครับ วันพระไม่ได้มีหนเดียว จังหวะเทรดของดวงจันทร์ก็ไม่ได้มีแค่รอบเดียว และกราฟก็ไม่ได้มีแค่รอบเดียวเช่นกัน
และที่สำคัญ ฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน รับรองว่ากำไรไม่ไกลเกินฝันแน่นอนฮะ แอดเอาใจช่วย แล้วอย่าลืม MM กันด้วยนะ ชีวิตการเทรดของเราจะยืนยาวและมั่นคง แอดฟันธงให้เลย
Over-Analyzing ในการเทรด Forex: อุปสรรคที่เทรดเดอร์ต้องเอาชนะการเทรด Forex เป็นกิจกรรมที่ต้องการความรู้ การวางแผน และการตัดสินใจที่รวดเร็ว แต่หลายครั้งเทรดเดอร์กลับพบว่าตนเองติดอยู่ในวงจรของการ "คิดมากเกินไป" หรือที่เรียกว่า Over-Analyzing ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ในเส้นทางการเทรดของพวกเขา
Over-Analyzing คืออะไร?
Over-Analyzing หมายถึง การพยายามวิเคราะห์ข้อมูลหรือสถานการณ์ต่าง ๆ มากเกินความจำเป็นจนทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด หรือเกิดความลังเลที่จะดำเนินการใด ๆ ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์กราฟราคา การดูข่าวสารเศรษฐกิจ หรือการใช้เครื่องมือเทคนิคที่ซับซ้อนจนทำให้เทรดเดอร์ไม่สามารถเข้าใจภาพรวมได้อย่างชัดเจน
สัญญาณของการ Over-Analyzing
1ใช้เวลามากเกินไปในการวิเคราะห์กราฟ: การตรวจสอบหลาย Timeframe หรือใช้ Indicator มากจนเกินไป อาจทำให้เกิดความขัดแย้งของสัญญาณ
2ลังเลในการตัดสินใจ: แม้เห็นโอกาสที่ชัดเจน แต่กลับไม่กล้าเปิดคำสั่งซื้อหรือขาย
3เปลี่ยนกลยุทธ์บ่อยครั้ง: การไม่เชื่อมั่นในแผนการเทรดเดิมและพยายามหากลยุทธ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
4หาข้อมูลมากเกินไป: การติดตามข่าวสารหรือบทวิเคราะห์จากหลายแหล่งจนทำให้ข้อมูลที่ได้รับขัดแย้งกันเอง
ผลกระทบของ Over-Analyzing
1พลาดโอกาส: การลังเลที่จะตัดสินใจอาจทำให้พลาดจังหวะสำคัญในการเทรด
2ความเครียดและความเหนื่อยล้า: การวิเคราะห์มากเกินไปส่งผลต่อสภาพจิตใจและร่างกาย
3ความมั่นใจลดลง: เทรดเดอร์ที่ Over-Analyzing มักจะสูญเสียความมั่นใจในตนเอง เนื่องจากไม่สามารถตัดสินใจได้
4ผลลัพธ์ไม่แน่นอน: การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์หรือมุมมองบ่อยครั้งอาจทำให้ขาดความสม่ำเสมอในการเทรด
วิธีเอาชนะ Over-Analyzing
-ยึดมั่นในแผนการเทรด: กำหนดกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
-ลดการใช้ Indicator ที่ซับซ้อน: ใช้เครื่องมือที่จำเป็นเท่านั้นและหลีกเลี่ยงการใช้ Indicator หลายตัวที่อาจให้สัญญาณขัดแย้ง
-กำหนดขอบเขตการวิเคราะห์: จำกัดเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจให้ทันเวลา
-สร้างวินัยในการเทรด: ฝึกฝนการเทรดด้วยบัญชีเดโม่เพื่อสร้างความมั่นใจ
-พักสมอง: หากรู้สึกเครียดหรือวิเคราะห์มากเกินไป ควรหยุดพักและกลับมาใหม่เมื่อจิตใจสงบ
24/01/25 ประเมินความเป็นไปได้ของ Bullish Shark ในกราฟ S50H2524/01/25 ประเมินความเป็นไปได้ของ Bullish Shark ในกราฟ S50H25
________________________________________
วิเคราะห์รูปแบบ Bullish Shark บนกราฟ
1. โครงสร้างและเกณฑ์ Fibonacci ของ Bullish Shark:
• XA (871.7 -> 885.3): การเคลื่อนไหวจากจุด X ไป A สร้างแนวต้านสำคัญที่ระดับ 885.3
• AB (885.3 -> 879): การปรับตัวลงในช่วง AB ตรงตามเกณฑ์ 0.382-0.618 ของ XA
• BC (879 -> 888.6): การปรับขึ้นในช่วง BC ตรงตามเกณฑ์ 1.13-1.618 ของ AB
• CD (888.6 -> 873.4): การปรับตัวลงมาที่จุด D อยู่ในโซน 0.886 ของ XA ซึ่งเป็นโครงสร้างที่สมบูรณ์ของรูปแบบ Shark
2. ตำแหน่งสำคัญ:
• จุด D (873.4): จุดกลับตัวที่มีโอกาสฟื้นตัว หากราคายืนยันรูปแบบ
• Pivot Day (878): เป็นแนวต้านระยะสั้นที่ต้องทะลุเพื่อยืนยันการกลับตัว
• R1 Day (880.5 - 882.9): เป้าหมายแรกของการฟื้นตัว
• จุด Stop Loss (868.7): หากราคาหลุดจุดนี้ รูปแบบ Bullish Shark จะไม่สมบูรณ์และเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลงแทน
3. Volume Analysis:
• ช่วงใกล้จุด D มีสัญญาณ Volume divergence เพิ่มขึ้นเล็กน้อย สนับสนุนความเป็นไปได้ในการกลับตัว
________________________________________
การประเมินความเป็นไปได้ (Probability)
• โอกาสที่รูปแบบ Bullish Shark จะสมบูรณ์: 75%
o สัญญาณ Fibonacci และโครงสร้างกราฟยืนยันการกลับตัวได้ดี
o แต่ยังต้องรอดูการทะลุ Pivot Day (878)
________________________________________
แผนการฟื้นตัวใน 3 กรณี
1. Best Case (กรณีดีที่สุด):
• เป้าหมาย: จุด C (888.6)
• ระยะฟื้นตัว: 15+ จุด (จาก 873.4 ไปถึง 888.6)
• เงื่อนไข:
o ราคาต้องทะลุ Pivot Day (878) และ R1 Day (882.9) พร้อม Volume สนับสนุน
o หากทะลุจุด C (888.6) อาจต่อเนื่องไปยังแนวต้านสำคัญถัดไป
2. Most Likely Case (กรณีที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด):
• เป้าหมาย: Pivot Day (878) หรือ R1 Day (880.5 - 882.9)
• ระยะฟื้นตัว: 5-10 จุด (จาก 873.4 ไปถึง 880.5-882.9)
• เงื่อนไข:
o ราคาต้องยืนเหนือจุด D (873.4)
o Volume ต้องเพิ่มขึ้นในระหว่างการฟื้นตัว
3. Worst Case (กรณีเลวร้ายที่สุด):
• เป้าหมาย: หลุดจุด Stop Loss (868.7)
• ระยะการลง: อาจลงต่อไปยังโซนแนวรับสำคัญที่ต่ำกว่า (865 หรือต่ำกว่า)
• เงื่อนไข:
o ราคาหลุดจุด D (873.4) และ X (871.7) พร้อม Volume ขายที่เพิ่มขึ้น
________________________________________
กลยุทธ์การเทรด
1. การเข้า (Entry):
• เข้าซื้อในโซนใกล้จุด D (873.4) หากมีสัญญาณการกลับตัวชัดเจน เช่น:
o แท่งเทียนกลับตัว (Bullish Engulfing, Hammer)
o การเพิ่มขึ้นของ Volume
2. จุดทำกำไร (Take Profit):
• TP1: Pivot Day (878)
• TP2: R1 Day (880.5 - 882.9)
• TP3: จุด C (888.6)
3. จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):
• ต่ำกว่าจุด Stop Loss (868.7) หรืออย่างน้อยต่ำกว่า X (871.7) เพื่อควบคุมความเสี่ยง
________________________________________
สรุป
รูปแบบ Bullish Shark นี้มีความน่าสนใจสูง โดยเฉพาะถ้าราคายืนยันกลับตัวที่จุด D (873.4) โอกาสในการฟื้นตัวไปที่ R1 Day (880.5 - 882.9) หรือสูงกว่ายังมีความเป็นไปได้สูง อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดจุด 868.7 คุณควรตัดขาดทุนเพื่อลดความเสี่ยง
22/01/25 S50H25 กับการคำนวณเป้าหมายจุด D ของ Harmonic Patterns22/01/25 S50H25 กับการวิเคราะห์และคำนวณเป้าหมายจุด D ของ Harmonic Patterns พร้อมเปรียบเทียบความเป็นไปได้
________________________________________
ข้อมูลพื้นฐาน
• X = 903.1, A = 867.7, B = 887, C = 871.7
• XA = 35.4, AB = 19.3, BC = 15.3
________________________________________
1. Bearish Gartley
เงื่อนไขรูปแบบ:
• AB = 61.8% ของ XA (ค่าที่ได้จริง ≈ 54.5% → ใกล้เคียง)
• BC = 78.6% ของ AB (ค่าที่ได้จริง ≈ 79.3% → สอดคล้อง)
• CD = 78.6% ของ XA
คำนวณ:
1. ระยะ CD: CD=0.786×XA=0.786×35.4=27.8CD = 0.786 \times XA = 0.786 \times 35.4 = 27.8
2. จุดเป้าหมาย D: D=C+CD=871.7+27.8=899.5D = C + CD = 871.7 + 27.8 = 899.5
ความน่าจะเป็น:
• รูปแบบ Gartley มี Fibonacci ที่สอดคล้องที่สุด
• น้ำหนักความเป็นไปได้: 70%
________________________________________
2. Bearish Bat
เงื่อนไขรูปแบบ:
• AB = 50%-61.8% ของ XA (ค่าที่ได้จริง ≈ 54.5% → สอดคล้อง)
• BC = 38.2%-88.6% ของ AB (ค่าที่ได้จริง ≈ 79.3% → สอดคล้อง)
• CD = 88.6% ของ XA
คำนวณ:
1. ระยะ CD: CD=0.886×XA=0.886×35.4=31.4CD = 0.886 \times XA = 0.886 \times 35.4 = 31.4
2. จุดเป้าหมาย D: D=C+CD=871.7+31.4=903.1D = C + CD = 871.7 + 31.4 = 903.1
ความน่าจะเป็น:
• Bearish Bat มี Fibonacci ที่สอดคล้อง แต่เป้าหมาย D ตรงกับจุด X อาจไม่เกิดขึ้นจริง
• น้ำหนักความเป็นไปได้: 20%
________________________________________
3. Bearish Crab
เงื่อนไขรูปแบบ:
• AB = 38.2%-61.8% ของ XA (ค่าที่ได้จริง ≈ 54.5% → สอดคล้อง)
• BC = 38.2%-88.6% ของ AB (ค่าที่ได้จริง ≈ 79.3% → สอดคล้อง)
• CD = 161.8% ของ XA
คำนวณ:
1. ระยะ CD: CD=1.618×XA=1.618×35.4=57.3CD = 1.618 \times XA = 1.618 \times 35.4 = 57.3
2. จุดเป้าหมาย D: D=C+CD=871.7+57.3=929.0D = C + CD = 871.7 + 57.3 = 929.0
ความน่าจะเป็น:
• แม้ Fibonacci จะสอดคล้อง แต่เป้าหมาย D สูงเกินแนวต้านและสถานการณ์กราฟ
• น้ำหนักความเป็นไปได้: 10%
________________________________________
สรุปเปรียบเทียบ
รูปแบบ เป้าหมาย D ความน่าจะเป็น (%) หมายเหตุ
Bearish Gartley 899.5 70% สอดคล้องที่สุด
Bearish Bat 903.1 20% ใกล้จุด X เกินไป
Bearish Crab 929.0 10% เป้าหมายสูงเกินสถานการณ์ปัจจุบัน
________________________________________
ข้อเสนอแนะ
• ให้ความสำคัญกับ Bearish Gartley (เป้าหมาย D = 899.5) เนื่องจากมี Fibonacci และระดับราคาที่สอดคล้องที่สุดกับกราฟ
• ควรยืนยันด้วยการวิเคราะห์ TD SEQUENTIAL และ WAVE OSC เพื่อยืนยันตำแหน่ง “D”
การวิเคราะห์ HSI FUTURES โดยใช้ TD Sequential, Pivot Zoneการวิเคราะห์ HSI FUTURES โดยใช้ TD Sequential, Pivot Points, Demand/Supply Zone:
1. TD Sequential (ตัวเลข 1-9 และสัญญาณ Break of Structure - BOS):
• การกลับตัวที่ TD 9:
o ในช่วงต้นของกราฟ มี TD 9 ที่บริเวณโซน Supply (สูงสุดของกราฟ) ซึ่งราคาปรับตัวลงหลังจากนั้น พร้อมสร้าง Break of Structure (BOS) ในทิศทางลง (แนวโน้มขาลง)
• แนวโน้มล่าสุด:
o ปัจจุบัน TD Sequential อยู่ในช่วงขาขึ้นใหม่ (การนับตัวเลข 1-5 ในรอบปัจจุบัน) ซึ่งราคาพยายามทะลุ Pivot Point (P) ที่ระดับ 20,300 ไปด้านบน
o หากราคาสามารถรักษาระดับนี้ไว้ได้ มีโอกาสสูงที่จะนับเลขจนถึง TD 9 และทดสอบแนวต้านที่สำคัญ (R1 หรือ Supply Zone)
2. Pivot Points (S1, S2, S3 / R1, R2, R3):
• ระดับสำคัญของ Pivot Points:
o Pivot Point (P): ที่ 20,300 เป็นแนวต้านที่ราคาพยายามทะลุอยู่ หากราคาปิดเหนือระดับนี้ มีโอกาสปรับขึ้นต่อไปที่ R1 (20,933) และ R2 (22,257)
o S1 (19,215): เป็นแนวรับสำคัญในระยะใกล้ โดยมี Demand Zone สนับสนุน หากราคาย่อลงมาที่บริเวณนี้ อาจมีแรงซื้อเข้ามา
o S2 (17,712): เป็นแนวรับถัดไป ซึ่งอยู่ใกล้ Demand Zone หลัก
3. Demand/Supply Zone:
• Demand Zone:
o มี Demand Zone แข็งแกร่งที่บริเวณ 17,166 - 18,500 ซึ่งเป็นฐานรับสำคัญ หากราคาปรับตัวลงแรง
o ในระยะใกล้ มี Demand Zone รองรับในบริเวณ 19,215 ใกล้ระดับ S1
• Supply Zone:
o Supply Zone หลักอยู่ที่บริเวณ 23,000 - 23,400 ซึ่งราคาถูกปฏิเสธหลายครั้งในอดีต
o Supply Zone ย่อยที่บริเวณ 21,172 ยังเป็นแนวต้านที่ราคาอาจเผชิญแรงขายในระยะกลาง
4. แนวโน้มโดยรวม:
• ระยะสั้น: แนวโน้มขาขึ้นเริ่มชัดเจน หากราคาสามารถทะลุและยืนเหนือ Pivot Point (20,300) ได้อย่างมั่นคง โดยมีเป้าหมายที่ R1 (20,933)
• ระยะกลาง: หากราคาสามารถผ่าน Supply Zone ย่อยที่ 21,172 ได้ จะยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง
• ระยะยาว: แนวต้านสำคัญอยู่ที่ Supply Zone (23,000 - 23,400) ซึ่งจะเป็นเป้าหมายสำหรับแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
________________________________________
คำแนะนำการเทรด:
1. Long Position:
o หากราคาสามารถปิดเหนือ Pivot Point (20,300) ได้:
เป้าหมาย: R1 (20,933) และ R2 (22,257)
Stop Loss: ตั้งไว้ใต้ Pivot Point ที่ 19,900
2. Short Position:
o หากราคาลงมาต่ำกว่า Pivot Point และหลุดแนว S1 (19,215):
เป้าหมาย: S2 (17,712) หรือ Demand Zone (17,166 - 18,500)
Stop Loss: ตั้งไว้เหนือ S1 (19,500)
3. Demand Zone เป็นจุดเฝ้าระวัง:
o หากราคาย่อลงมาที่ Demand Zone ใกล้ 19,215 ควรพิจารณาเปิด Long Position พร้อม Stop Loss ใกล้แนว 19,000
________________________________________
How to Find the Entry Points for Beginner วิธีหาจุดเข้าของเทรดเด
How to Find the Entry Points for Beginner
วิธีหาจุดเข้าของเทรดเดอร์มือใหม่
👾 กลับมากันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ วันนี้แอดเอาใจคนชอบ Sell กับรูปแบบการเทรดสวนเทรนด์และการซอยไม้สั้นๆมาฝากฮะ มาครับตามมาอ่านกันได้เลย
หาจุดเข้าเทรดใครว่าง่าย?
ไม่ง่าย และก็ไม่ยากครับ ถ้าเราเริ่มสังเกตุและจดจำแพทเทรินง่ายๆสัก 2-3 ตัว มาครับมีแบบไหนบ้างมาดูกัน
1. ตีเทรนไลน์ก่อน
เทรนไลน์นั้นสำคัญจริงๆนะ เพราะมันช่วยให้เราอ่านเทรนด์ออกครับ ง่ายๆเลยแค่หาจุด ไฮ- โลว์ (High - Low) ให้เจอ ก็พอแล้ว เน้นเก็บสั้นScalping ในรอบสวิงเทรน เทรดได้ใน TF 1H ขึ้นไป
2. เข็มปลายไส้
หากลองสังเกตดีๆ เราจะเริ่มเข้าใจว่าสัญญาณหมี bear ที่เจ้ามือชอบตบลงนั้น คือการทำเข็มยาวๆหรือไส้แท่งเทียนยาวๆ ไว้ทำกำไรในการเทรด เทรดได้ใน เน้นเล่นสั้นฮะ หรือเน้นจบรายวัน
TF M5 , M15 ขึ้นไป
3. หลุดกรอบเส้นเทรนไลน์
เมื่อราคาอยู่ในกรอบเส้นเทรนไลน์ แล้วเกิดการกลับตัว จากการชนเส้นแนวต้านที่ High สูงสุดนั่นแหละฮะ สังเกตุกรอบเส้นเทรนไลน์เราให้ดี ถ้าหลุดลง โอกาสลงย่อมมีสูงครับ เทรดได้ใน TF 1H 4H ขึ้นไป
4. price pattern คือไวที่สุด
แน่นอนว่าแท่งเทียนเป็นสัญญาณการเทรดที่เร็วที่สุดครับ เครื่องมืออินดิเคเตอร์ ส่วนใหญ่ ไม่ไวเท่าแท่งเทียน ทำให้เราเข้าออเดอร์ได้ไวกว่า กำไรก่อนแน่นอน เทรดได้ใน TF M5 , M15 ขึ้นไป
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ทริคง่ายๆในการหาจุดเข้าเทรด ที่ดี๊ดี เทรดแล้วได้กำไรแน่นอน แต่หากผิดทางก็อย่าลืมที่จะตัดใจปิดออเดอร์นะครับ วันพระไม่ได้มีหนเดียว จังหวะกราฟก็ไม่ได้มีแค่รอบเดียวเช่นกัน
จริงๆยังมีทริคอีกเยอะเลยนะฮะ แต่นี่เป็นรูปแบบที่คนส่วนใหญ่ใช้เทรดกัน ลองเอาไปปรับใช้ให้เหมาะกับเราได้นะฮะ ไม่แน่ว่าการถือออเดอร์แป๊บเดียว หรือจบในวัน อาจทำให้เรามีความสุขมากกว่าการถือออเดอร์นานๆหลายวันก็เป็นได้และที่สำคัญ ฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน รับรองว่ากำไรไม่ไกลเกินฝันแน่นอนฮะ แอดเอาใจช่วย แล้วอย่าลืม MM กันด้วยนะ ชีวิตการเทรดของเราจะยืนยาวและมั่นคง แอดฟันธงให้เลย
BTCUSD : ระบบ MACD ตัด 0 (ActionZone) มีสัญญาณ "ซื้อ" 17/1/2025อธิบาย : ระบบ Action Zone หรือ MACD ตัดศูนย์ คือระบบที่ใช้หลักการดูเส้น MACD ว่า เส้นนี้จะตัดกับเส้นศูนย์เมื่อไหร่ โดย ถ้าตัดขึ้นก็จะเป็นสัญญาณซื้อ ถ้าตัดลงก็จะเป็นสัญญาณขาย ถือเป็นระบบ Trend Following ที่ใช้ได้ดีกับตลาดที่มีเทรนจ๋าๆ เช่น BTC
แต่ระบบนี้ก็จะมีจุดอ่อนอยู่หลายจุดเช่นกัน คือ ในช่วงตลาด sideway ออกข้างเราอาจจะเจอ false sig ทำให้ต้องคืนกำไร คืนทุน กันบ่อยๆ ได้ หรือบางทีถ้าตลาดมีการทุบแรงๆ ก็อาจจะทำให้เจอการคืนกำไรหมดเช่นกัน เพราะระบบจะต้องรอ confirm ของเส้น MACD ก่อน ถึงจะยอมขาย ตอนขึ้น บางทีทำให้มันถือได้นาน ถือได้ทน รันเทรนได้นาน แต่ถ้าลงแรงก็จบกัน 555
ความเห็นของรอบนี้ : มันเขียวอีกแล้วเพื่อนๆ! หลายๆ คนคงจะบอกว่า เฮ้อ ระบบอะไรเนี่ย กากจัง เขียวๆ แดงๆ แดงๆ เขียวๆ แค่นั่งเฉยๆ ก็สบายตัวแล้วไม่ใช่เหรอ... ส่วนนึงมันก็ถูกครับ แต่มันจะไม่ถูกก็ต่อเมื่อมันลงจริงๆ น่ะแหละ 5555
สำหรับผม การคุมความเสี่ยง คุม Drawdown ของ portfolio สำคัญกว่าการคาดหวัง upside เยอะๆ เสมอครับ ดังนั้น ผมก็ยึดการทำตามระบบเป็นหลักก่อน แต่ใครลองใช้แล้วไม่ happy ก็ไม่ผิดอะไร เพราะท่านอาจจะมองกันคนละมุมกับผม ก็ต้องลองไปหากลยุทธที่ท่านทำแล้วสบายใจกันไปนะครับ
BTC ActionZone = เขียว ( 17/1/2025 )
------------------
Entry : 100,000+-
SL : 90,000 ( -10% )
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2025 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(1Jan-???) EMA120D = ??%
(7Jan-10Jan) ATR = -1%
(7Jan-10Jan) ActionZone = -1%
(17Jan-???) ActionZone = ??%
Sum กำไรสะสมของปี 2025 = -2% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง ( Max 4% กำไรหน่วย USD )
17/01/25 บทวิเคราะห์และแผนการเทรด S50H25บทวิเคราะห์และแผนการเทรด S50H25
________________________________________
1. ภาพรวมแนวโน้ม
• แนวโน้มหลัก (Trend): ขาลง (Downtrend) โดยราคายังเคลื่อนตัวในกรอบ Downtrend Channel
• Fibonacci Levels สำคัญ:
o แนวรับ: 870.0 (Ret 0.018), 876.0 (Ret 0.055), 877.7 (Ret 0.090)
o แนวต้าน: 881.1 (Ret 0.146), 889.4 (Ret 0.236), 902.8 (Ret 0.382)
• MACD Histogram: แสดงการอ่อนแรงของขาลง อาจเกิดการดีดตัวระยะสั้น แต่ยังไม่มีสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้มชัดเจน
________________________________________
2. แผนการเปิดสถานะ
สถานะ Long
1. โซน 1: 870.0 - 876.0
o เหตุผล: แนวรับล่างสุดในกรอบ Fibonacci เหมาะสำหรับการเปิดสถานะเมื่อเกิดสัญญาณกลับตัว
o Entry: เปิด Long เมื่อราคาทดสอบโซนนี้และกลับตัว
o เป้าหมาย:
TP1: 877.7 (Ret 0.090)
TP2: 881.1 (Ret 0.146)
o Stop Loss: ต่ำกว่า 868.0
2. โซน 2: 877.7 - 881.1
o เหตุผล: หากราคายืนเหนือ 877.7 ได้ อาจเป็นสัญญาณของการดีดตัว
o Entry: เปิด Long เมื่อทะลุ 877.7 และย่อตัวกลับมาทดสอบ
o เป้าหมาย:
TP1: 889.4 (Ret 0.236)
TP2: 902.8 (Ret 0.382)
o Stop Loss: ต่ำกว่า 875.5
สถานะ Short
1. โซน 1: 881.1 - 889.4
o เหตุผล: แนวต้านแรกใน Fibonacci Levels มีโอกาสกลับตัวลงสูง
o Entry: เปิด Short เมื่อราคาขึ้นมาทดสอบและเกิดสัญญาณกลับตัว
o เป้าหมาย:
TP1: 877.7 (Ret 0.090)
TP2: 876.0 (Ret 0.055)
o Stop Loss: สูงกว่า 892.0
2. โซน 2: 889.4 - 902.8
o เหตุผล: แนวต้านสำคัญที่มีโอกาสกลับตัวแรง
o Entry: เปิด Short เมื่อราคาทดสอบโซนนี้และเกิดสัญญาณกลับตัว
o เป้าหมาย:
TP1: 881.1 (Ret 0.146)
TP2: 877.7 (Ret 0.090)
o Stop Loss: สูงกว่า 905.5
________________________________________
3. เปรียบเทียบโอกาสกำไร: Long vs Short
ปัจจัย Short Long
แนวโน้ม (Trend) สอดคล้องกับขาลง สวนทางขาลง
โอกาสสำเร็จ (%) 60-70% 40-50%
ผลตอบแทนรวม (R:R 2:1) +2.05 +0.70
• สถานะ Short: มีโอกาสสำเร็จสูงกว่าและผลตอบแทนรวมมากกว่า เนื่องจากสอดคล้องกับแนวโน้มขาลง
• สถานะ Long: เหมาะสำหรับจุดกลับตัวที่ชัดเจนหรือ Breakout แต่มีโอกาสสำเร็จน้อยกว่า
________________________________________
4. ข้อสรุปและคำแนะนำ
• ควรมุ่งเน้นฝั่ง Short: โซนที่เหมาะสมคือ 881.1 - 889.4 และ 889.4 - 902.8 พร้อมตั้ง Stop Loss อย่างเคร่งครัด
• สถานะ Long: เปิดเมื่อราคาทดสอบแนวรับล่างสุด (870.0 - 876.0) หรือทะลุ 877.7 อย่างชัดเจน
• บริหารความเสี่ยง:
o เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตต่อคำสั่ง
o ใช้ Trailing Stop เพื่อรักษากำไรเมื่อราคาวิ่งตามทิศทางที่ต้องการ
HARMONIC SWAN ใน SET50 มาช่วยตลาดหุ้นไทยรูปแบบ Harmonic Swan สองประเภท ได้แก่ Black Swan และ White Swan ซึ่งเป็น ภาพสะท้อน (Mirror Image) ของกันและกัน โดยสามารถอธิบายและยืนยันตามหลักการได้ดังนี้:
________________________________________
Black Swan (รูปแบบหงส์ดำ): แนวโน้มขาลง (Bearish Reversal)
• Black Swan เป็นรูปแบบที่แสดงถึงแนวโน้ม กลับตัวลง และคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวลดลงต่อหลังจากแนวโน้มขาขึ้นบางส่วน
• ระดับ Fibonacci:
o AB Retracement: ย่อตัวอยู่ในช่วง 0.236 - 0.5 ของขา XA
o BC Extension: ขยายตัวอยู่ในช่วง 1.128 - 2.0 ของขา AB
o CD Extension: ขยายตัวอยู่ในช่วง 1.382 - 2.618 ของขา XA
• จุดสำคัญ: รูปแบบนี้สร้างโครงสร้างคล้ายตัวอักษร M
________________________________________
White Swan (รูปแบบหงส์ขาว): แนวโน้มขาขึ้น (Bullish Reversal)
• White Swan เป็นรูปแบบที่แสดงถึงแนวโน้ม กลับตัวขึ้น และคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
• ระดับ Fibonacci:
o AB Retracement: ย่อตัวอยู่ในช่วง 0.382 - 0.724 ของขา XA
o BC Extension: ขยายตัวอยู่ในช่วง 2.0 - 4.237 ของขา AB
o CD Retracement: ย่อตัวอยู่ในช่วง 0.382 - 0.886 ของขา XA
• จุดสำคัญ: รูปแบบนี้สร้างโครงสร้างคล้ายตัวอักษร W ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของ Black Swan
________________________________________
การเปรียบเทียบและประเด็นสำคัญ
• ทั้ง Black Swan และ White Swan อาศัยระดับ Fibonacci ที่ชัดเจนในการกำหนด โซนกลับตัวที่คาดหวัง (Potential Reversal Zone - PRZ) ที่จุด D
• Black Swan บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง (Bearish Continuation)
• White Swan บ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Reversal)
• ความสัมพันธ์ภาพสะท้อน: White Swan เป็นภาพสะท้อนของ Black Swan ทั้งในแง่โครงสร้างและความคาดหวังการกลับตัว
________________________________________
สรุป
คำอธิบายในภาพสอดคล้องกับทฤษฎีของ Harmonic Swan โดยอธิบายความแตกต่างระหว่าง Black Swan (แนวโน้มขาลง) และ White Swan (แนวโน้มขาขึ้น) อย่างชัดเจน รวมถึงความสัมพันธ์กับระดับ Fibonacci ที่ใช้ในกลยุทธ์การเทรด Harmonic Pattern อย่างแม่นยำ.
14/01/25 สรุปการวิเคราะห์ USD/THB พร้อมแผนการเทรด บาทกำลังจะกลับมาแข็งค่า หุ้นไทยกำลังจะฟื้นจากท้องคลื่น
**สรุปการวิเคราะห์ USD/THB พร้อมแผนการเทรด**
ในกราฟ USD/THB มีการปรากฏของ **Bearish Gartley Pattern** ซึ่งเป็นรูปแบบที่บ่งชี้ถึงการกลับตัวขาลงจากแนวโน้มขาขึ้นเดิม โดยใช้เครื่องมือ Fibonacci และ TD Sequential ร่วมกัน ระดับราคาสำคัญและกลยุทธ์การเทรดอธิบายได้ดังนี้:
#### **โซนราคา (Price Zones)**
1. **จุดเข้า (Entry Zone):**
- ระหว่าง **34.75 - 34.85** (ใกล้จุดสิ้นสุดของ Bearish Gartley ที่ 78.6% Fibonacci)
2. **เป้าหมายการทำกำไร (Take Profit):**
- เป้าหมายแรก: **34.59** (ระดับ 61.8% Fibonacci retracement)
- เป้าหมายที่สอง: **34.41** (ระดับ 50.0%)
- เป้าหมายสุดท้าย: **34.24** (ระดับ 38.2%)
3. **Stop Loss:**
- ตั้ง Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของโครงสร้าง Gartley ที่ระดับ **34.95 - 35.00** เพื่อป้องกันความเสี่ยง
---
### **กลยุทธ์การเทรด**
| จุดสำคัญ | ราคา (THB) | แนวทางการเทรด |
|---------------------|------------|-------------------------------------|
| **จุดเข้า (Sell Zone)** | 34.75 - 34.85 | เปิดคำสั่ง **Sell** |
| **เป้าหมายแรก** | 34.59 | ปิดทำกำไรบางส่วน (หรือทั้งหมด) |
| **เป้าหมายที่สอง** | 34.41 | ปิดทำกำไรเพิ่มเติม |
| **เป้าหมายสุดท้าย** | 34.24 | ปิดทำกำไรเต็มจำนวน |
| **Stop Loss** | 34.95 - 35.00 | ป้องกันขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามคาด |
---
### **กรณีที่ USD กลับมาแข็งค่า: ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย**
1. **การแข็งค่าของ USD หมายถึง THB อ่อนค่า**
- ค่าเงินบาทที่อ่อนลงทำให้ต้นทุนในการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อบริษัทที่พึ่งพาการนำเข้า เช่น กลุ่มธุรกิจที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าและบริษัทพลังงาน
2. **หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งค่า**
- หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก (Exporters) เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, อาหาร และยานยนต์ จะได้รับประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในรูปสกุล USD
3. **ตลาดทุนโดยรวม**
- การอ่อนค่าของ THB อาจสร้างแรงกดดันต่อกระแสเงินทุนไหลออก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติจะมองหาสกุลเงินที่แข็งค่า ทำให้เกิดการขายสินทรัพย์ไทย เช่น หุ้นและพันธบัตร
---
### **สรุปความเข้าใจ**
- เปิดสถานะขาย (Sell) เมื่อราคายืนยันการกลับตัวในโซน 34.75-34.85 ด้วยเป้าหมายทำกำไรตาม Fibonacci retracement
- ติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และไทยเพื่อประเมินการเคลื่อนไหวของ USD/THB เพิ่มเติม
- หาก USD แข็งค่า อุตสาหกรรมส่งออกในไทยจะได้ประโยชน์ ขณะที่ธุรกิจที่พึ่งพาการนำเข้าและตลาดหุ้นโดยรวมอาจได้รับผลกระทบจากกระแสเงินทุนไหลออก
How To Manage Your Finances วิธีบริหารเงินเดือนแบบให้มีเหลือกิน How To Manage Your Financesวิธีบริหารเงินเดือนแบบให้มีเหลือกิน เหลือเก็บ
👽👽👽 กลับมาพบเจอกันอีกแล้วนะครับ ในปีใหม่นี้เรามีเป้าหมายใหม่ๆในชีวิตกันหรือยังฮะ ถ้ายัง มาอ่านบทความนี้ดูก่อน กับบทความวิธีบริหารเงินเดือนแบบให้มีเหลือกิน เหลือเก็บ เพราะพอเรามีเงิน เราจะเริ่มมีเป้าหมายใหม่ในชีวิตแน่นอน ยิ่งโดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนยิ่งต้องบริหารให้ดีครับ
3 สูตรในการบริหารเงินเดือน
สูตรบริหารเงิน ที่เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ซึ่งจะช่วยให้เราจัดสรรเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเก็บเงินได้แบบอยู่หมัดด้วย
1. สูตร 50/30/20
คือการแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 3 ส่วน โดยคำนวณจากรายได้หลังหักภาษีแล้ว ได้แก่
- ค่าใช้จ่ายจำเป็น 50% ของรายได้ เช่น ค่าเช่าบ้าน/คอนโด ค่าอาหาร ค่าสาธารณูปโภค ค่าเดินทาง ค่าประกัน ค่าเลี้ยงดูบุตร ฯลฯ
- ค่าใช้จ่ายสำหรับความบันเทิง 30% ของรายได้ เช่น การท่องเที่ยว รับประทานอาหารนอกบ้าน ชอปปิง ฯลฯ
- เก็บออมหรือชำระหนี้ 20% ของรายได้
*** สูตรนี้เหมาะมากครับสำหรับคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือน และมีรายได้- รายจ่ายแบบตายตัว แต่ชอบกินชอบเที่ยวอยู่ เรียกว่าใช้ชีวิตไปและเก็บออมไปด้วย
2. สูตร 80/20
คือแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 2 ส่วน โดยคำนวณจากรายได้หลังหักภาษีแล้ว ได้แก่
- ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 80% ของรายได้ เช่น ค่าเช่าบ้าน/คอนโด ค่าอาหาร ค่าสาธารณูปโภค ค่าเดินทาง ชอปปิง ค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยว ฯลฯ
- เก็บออมหรือชำระหนี้ 20% ของรายได้
*** เหมาะสำหรับเจ้าของกิจการและมนุษย์เงินเดือนครับ สามารถเก็บออมได้ง่าย โดยไม่แยกยิบย่อยให้ยุ่งยากต้องลองสูตรนี้ครับ หลักการคิดง่ายๆ เงินเข้า-เงินออก แค่นั้นจบ ไม่ซับซ้อน
3. สูตร 50/15/5
คือแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 3 ส่วน โดยคำนวณจากรายได้หลังหักภาษีแล้ว ได้แก่
- ค่าใช้จ่ายจำเป็น 50% ของรายได้ เช่น ค่าเช่าบ้าน/คอนโด ค่าอาหาร ค่าสาธารณูปโภค ค่าเดินทาง ค่าประกัน ค่าเลี้ยงดูบุตร ฯลฯ
- ออมหรือลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ 15% ของรายได้
- เก็บออมเป็นเงินสำรองฉุกเฉิน 5% ของรายได้
-เงินเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ 30% โดยต้องเป็นเงินที่เราสามารถจัดสรรได้เอง(ใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้) เช่นความบันเทิงต่าง ๆ ท่องเที่ยว ชอปปิง ดูหนัง
***สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการวางแผนการเงินระยะยาว โดยแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งมาออมหรือลงทุนเพื่อการเกษียณอายุด้วย
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับสูตรในการเก็บออมเงิน ชอบแบบไหนก็ปรับแต่งเองได้ตามใจ ลองเอาไปใช้กันดูฮะ ปีใหม่ เริ่มต้นใหม่ เริ่มสิ่งดีๆในกับตัวเราเอง ขอให้มีความสุข สมหวังในวันปีใหม่และสุขสมใจตลอดทั้งปี เทรดให้กำไร บวกๆๆๆๆๆนะครับ
วิธีจัดการความรู้สึกหลังจาก ขาดทุนหนัก ในการเทรด Forexการเทรด Forex เป็นกิจกรรมที่ท้าทายและต้องอาศัยทั้งความรู้ ความสามารถ และความมีวินัย แต่บางครั้งแม้จะเตรียมตัวมาดีแค่ไหนก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดการขาดทุนหนัก ซึ่งเป็นเรื่องปกติในโลกของการลงทุน สิ่งสำคัญคือการจัดการกับความรู้สึกหลังจากขาดทุนอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในอนาคต
1. ยอมรับความจริงและเรียนรู้จากมัน
ความรู้สึกเสียใจหรือผิดหวังหลังจากขาดทุนเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งแรกที่ควรทำคือยอมรับความจริง อย่าปฏิเสธหรือโทษสถานการณ์ สิ่งสำคัญคือการมองย้อนกลับไปวิเคราะห์สิ่งที่ผิดพลาด เช่น การตั้งค่า Stop Loss ไม่เหมาะสม การเสี่ยงเกินกว่าที่ควร หรือการเข้าเทรดโดยไม่มีแผนที่ชัดเจน ใช้โอกาสนี้เรียนรู้และปรับปรุงแผนการเทรดของคุณ
2. หยุดพักและผ่อนคลาย
หลังจากขาดทุนหนัก การเทรดต่อทันทีอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดเนื่องจากอารมณ์เป็นตัวนำ การหยุดพักสักระยะจะช่วยให้คุณมีเวลาเรียกสติกับตัวเอง กลับมาสงบและพร้อมที่จะคิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบอีกครั้ง อาจใช้เวลานี้ไปกับกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ หรือใช้เวลาอยู่กับครอบครัว
3. ประเมินสถานการณ์ทางการเงิน
ตรวจสอบสถานะบัญชีเทรดและการเงินโดยรวมของคุณ หากพบว่าการขาดทุนทำให้ทุนลดลงอย่างมาก คุณอาจต้องลดขนาดการเทรดลง หรือปรับกลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยง การเทรดอย่างมีวินัยและการจัดการเงินที่ดีเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณกลับมามีความมั่นคงทางการเงินได้อีกครั้ง
4. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือเพื่อนร่วมวงการ
การพูดคุยกับคนที่มีประสบการณ์หรืออยู่ในวงการเดียวกันสามารถช่วยให้คุณมองเห็นมุมมองใหม่ และได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์ บางครั้งการได้ยินประสบการณ์ของผู้อื่นที่เคยเผชิญสถานการณ์เดียวกันและผ่านพ้นมาได้อาจเป็นแรงบันดาลใจที่ดี
5. วางแผนและตั้งเป้าหมายใหม่
หลังจากที่คุณรู้สึกพร้อมแล้ว ให้เริ่มวางแผนใหม่ เป้าหมายไม่จำเป็นต้องเป็นการทำกำไรทันที แต่ควรเป็นการปรับปรุงตัวเองและการเทรดให้ดีขึ้น เช่น การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ใหม่ ๆ การฝึกเทรดในบัญชีเดโม่ หรือการสร้างวินัยในการเทรดมากขึ้น
6. เตือนตัวเองว่าการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด
ไม่มีนักเทรดคนใดที่ไม่เคยขาดทุน การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และพัฒนา การมองการขาดทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้จะช่วยให้คุณสามารถก้าวข้ามความรู้สึกด้านลบและมุ่งไปที่การพัฒนาตัวเองต่อไป
สรุป
การจัดการความรู้สึกหลังจากขาดทุนหนักในการเทรด Forex เป็นทักษะที่สำคัญไม่แพ้การวิเคราะห์ตลาดหรือการวางกลยุทธ์ การยอมรับความจริง เรียนรู้จากข้อผิดพลาด และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเอง จะช่วยให้คุณสามารถกลับมาเทรดได้อย่างมั่นคงและประสบความสำเร็จในระยะยาว
BTCUSD : ระบบ MACD ตัด 0 (ActionZone) มีสัญญาณ "ขาย" 10/1/2025อธิบาย : ระบบ Action Zone หรือ MACD ตัดศูนย์ คือระบบที่ใช้หลักการดูเส้น MACD ว่า เส้นนี้จะตัดกับเส้นศูนย์เมื่อไหร่ โดย ถ้าตัดขึ้นก็จะเป็นสัญญาณซื้อ ถ้าตัดลงก็จะเป็นสัญญาณขาย ถือเป็นระบบ Trend Following ที่ใช้ได้ดีกับตลาดที่มีเทรนจ๋าๆ เช่น BTC
แต่ระบบนี้ก็จะมีจุดอ่อนอยู่หลายจุดเช่นกัน คือ ในช่วงตลาด sideway ออกข้างเราอาจจะเจอ false sig ทำให้ต้องคืนกำไร คืนทุน กันบ่อยๆ ได้ หรือบางทีถ้าตลาดมีการทุบแรงๆ ก็อาจจะทำให้เจอการคืนกำไรหมดเช่นกัน เพราะระบบจะต้องรอ confirm ของเส้น MACD ก่อน ถึงจะยอมขาย ตอนขึ้น บางทีทำให้มันถือได้นาน ถือได้ทน รันเทรนได้นาน แต่ถ้าลงแรงก็จบกัน 555
ความเห็นของรอบนี้ : เรียบร้อย รอบนี้ มาเร็ว เคลมเร็ว จุกๆ กันไป ใครวางความเสี่ยงไว้ก็เจ็บเท่าที่วางไว้ ใครไม่วางปล่อยไหลรอไปคัทตอนแดงก็จะจุกหน่อย เพราะ loss จริงจะเกินกว่าที่ตั้งไว้ครับ
ตลาดแบบนี้เปิดปีด้วยความแปลก เพราะปกติเวลาเริ่มปีใหม่ก็มักจะขึ้นต่อกันไปเลย แต่ก็นั่นแหละครับ ในการเทรด มันไม่มีอะไรแน่นอน เราจะไปแน่ใจกับภาพในอดีตไม่ได้ว่า ทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิม ดังนั้น การคุมความเสี่ยง ถึงสำคัญที่สุดครับ
BTC ActionZone = เขียว ( 7/1/2025 )
------------------
Entry : 102200+-
SL : 94500 ( -7.5% )
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )
BTC ActionZone = แดง ( 10/1/2025 )
------------------
Entry : 102200+-
Real Stop : 94500 ( -7.5% )
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )
Actual Loss = -1%
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2025 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(1Jan-???) EMA120D = ??%
(7Jan-10Jan) ATR = -1%
(7Jan-10Jan) ActionZone = -1%
Sum กำไรสะสมของปี 2025 = -2% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง ( Max 4% กำไรหน่วย USD )
"EUR/USD ยังเป็นขาลง! ฝ่ายกระทิงต้องทะลุ 1.04180 ให้ได้"### การวิเคราะห์ EUR/USD สำหรับเดือนมกราคม 2025
**แนวโน้มยังคงเป็นขาลง เว้นแต่ว่าฝ่ายกระทิงจะสามารถทำสิ่งนี้ได้...**
**การวิเคราะห์ EUR/USD: ระดับสำคัญและแนวโน้มราคา**
ฟิวเจอร์สยูโร (EUR/USD) ซื้อขายอยู่ที่ 1.03280 โดยยังคงมีแนวโน้มขาลง เนื่องจากตัวชี้วัดทางเทคนิคในกราฟรายวันส่งสัญญาณแรงขาย บทวิเคราะห์นี้จะเน้นไปที่ระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ รวมถึงสถานการณ์การซื้อขายที่อาจเกิดขึ้นสำหรับผู้ซื้อขาย EUR/USD
---
### แนวโน้มขาลงสำหรับ EUR/USD
**20 EMA ทำหน้าที่เป็นแนวต้าน**
- เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20 EMA) ที่ลาดลงในกราฟรายวันทำหน้าที่เป็นแนวต้านสำคัญ
- ราคาพยายามทะลุ 20 EMA ในวันที่ 6 และ 7 มกราคม แต่ล้มเหลวทั้งสองครั้ง ตอกย้ำมุมมองขาลง
- ฝ่ายขายยังคงควบคุมตลาด ทำให้ EUR/USD เผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง
**เป้าหมายขาลงสำหรับ EUR/USD**
หากแนวโน้มขาลงยังคงดำเนินต่อไป ให้จับตาระดับแนวรับเหล่านี้สำหรับการเคลื่อนไหวของราคา:
- **Value Area Low (VAL)** วันที่ 3 มกราคม: 1.03150
- **Point of Control (POC)** วันที่ 1 มกราคม: 1.02835
- **Value Area Low (VAL)** วันที่ 1 มกราคม: 1.02565
ระดับเหล่านี้มาจากประวัติของปริมาณและสภาพคล่อง ทำให้เป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการติดตามต่อเนื่องในขาลง
---
### แนวโน้มกระทิงสำหรับการกลับตัวของ EUR/USD
แม้ว่าจะมีแนวโน้มขาลงในปัจจุบัน แต่ก็ไม่สามารถตัดโอกาสการกลับตัวเป็นขาขึ้นได้ทั้งหมด ฝ่ายซื้อจะต้องเอาชนะระดับแนวต้านที่สำคัญเพื่อฟื้นโมเมนตัม:
- **Value Area High (VAH)** วันที่ 1 มกราคม: 1.03555
- **Value Area Low (VAL)** วันที่ 7 มกราคม: 1.03800
- **VWAP** วันที่ 7 มกราคม: 1.04180
**กระทิงไม่สามารถสร้างการกลับตัวครั้งใหญ่ได้ หากไม่สามารถรักษาราคาเหนือ VWAP ของวันที่ 7 มกราคมที่ 1.04180 ได้**
หากราคาปิดรายวันเหนือ 20 EMA และเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเหนือระดับเหล่านี้ จะส่งสัญญาณการทะลุขาขึ้นที่อาจเกิดขึ้น จนกว่าจะถึงเวลานั้น การพยายามของฝ่ายกระทิงอาจถูกมองว่าเป็นการปรับฐานในแนวโน้มขาลงใหญ่
---
### ช่วงการซื้อขาย EUR/USD และสถานการณ์ที่เป็นไปได้
EUR/USD อาจแกว่งตัวในช่วง 1.0400–1.0250 ก่อนที่จะเกิดการทะลุในทิศทางที่แน่นอน ผู้ซื้อขายควรจับตาระดับต่อไปนี้เพื่อดูทิศทาง:
- **เหนือ 1.04180:** ฝ่ายกระทิงอาจตั้งเป้าหมายระดับสูงกว่า เช่น 1.05385–1.05630
- **ต่ำกว่า 1.02565:** ฝ่ายขายอาจขยายอิทธิพลต่อราคา ดัน EUR/USD สู่ระดับ parity หรือ 1.0000 แต่สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในทันทีภายในสิ้นเดือนมกราคม 2025
---
### กลยุทธ์การซื้อขาย EUR/USD
**การพิจารณาความเสี่ยงและผลตอบแทน**
- การเข้าซื้อขายเร็วอาจมีผลตอบแทนสูงกว่า แต่ก็มาพร้อมกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น
- การรอให้ราคาปิดรายวันเหนือหรือต่ำกว่าระดับสำคัญ จะให้การยืนยันที่มากกว่า แต่ลดโอกาสกำไร
**ใช้ระดับสำคัญเป็นแนวทาง**
- **แนวรับ:** 1.03150, 1.02835, 1.02565
- **แนวต้าน:** 1.03555, 1.03800, 1.04180
**ซื้อขายด้วยความระมัดระวัง**
- ใช้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม และพิจารณาตั้งเป้ากำไรบางส่วนเพื่อลดการขาดทุน
---
### ภาพรวมประสิทธิภาพ EUR/USD
ฟิวเจอร์ส EUR/USD แสดงการลดลงอย่างต่อเนื่องในทุกกรอบเวลา โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ -0.52% และแนวโน้มระยะยาวเผยให้เห็นการลดลงลึกกว่า:
- **1 สัปดาห์:** -0.52%
- **1 เดือน:** -2.13%
- **3 เดือน:** -5.76%
- **6 เดือน:** -5.20%
- **1 ปี:** -5.71%
---
### การวิเคราะห์และจุดเด่นที่สำคัญ
**ความอ่อนแอระยะสั้น**
- การลดลง -0.52% รายสัปดาห์ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าฝ่ายขายยังคงควบคุมตลาด โดยไม่มีแรงสนับสนุนที่สำคัญจากฝ่ายซื้อ สิ่งนี้สอดคล้องกับโมเมนตัมขาลงที่เห็นในกราฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความล้มเหลวในการรักษาราคาเหนือระดับแนวต้าน เช่น 20 EMA
**แนวโน้มขาลงอย่างมั่นคง**
- การลดลงในช่วง 3 เดือน (-5.76%) และ 6 เดือน (-5.20%) บ่งชี้ถึงแรงกดดันการขายอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการขาดความสนใจจากฝ่ายกระทิง แม้จะมีการปรับตัวขึ้นเป็นระยะ
**บริบทที่กว้างขึ้น**
- การลดลง 1 ปีที่ -5.71% ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สาเหตุจากปัจจัยมหภาค เช่น นโยบายการเงินที่แตกต่าง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจที่แตกต่างระหว่างยูโรโซนและสหรัฐฯ
**ผลกระทบที่สำคัญ**
- การลดลงอย่างต่อเนื่องในทุกช่วงเวลาแสดงให้เห็นว่า EUR/USD ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน โดยไม่มีตัวเร่งสำคัญที่ช่วยฝ่ายกระทิง ระดับแนวรับอาจทำหน้าที่เป็นจุดพักชั่วคราว แทนที่จะเป็นจุดกลับตัว
---
### สรุปการวิเคราะห์ EUR/USD
ฟิวเจอร์ส EUR/USD ยังคงมีแนวโน้มขาลง โดยฝ่ายขายตั้งเป้าระดับ 1.03150 เป็นแนวรับสำคัญ ฝ่ายกระทิงต้องเคลียร์ 20 EMA และทะลุ 1.04180 เพื่อเปลี่ยนโมเมนตัม ในระยะสั้น อาจเกิดการแกว่งตัวในช่วง 1.0400–1.0250 ขณะที่ตลาดค้นหาทิศทาง
ผู้ซื้อขายควรจับตาดูระดับสำคัญเหล่านี้อย่างใกล้ชิดและปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์
---
**ทำไมต้องติดตามการวิเคราะห์ EUR/USD?**
การวิเคราะห์ทางเทคนิคนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้เกี่ยวกับระดับราคาสำคัญ พลวัตของปริมาณ และโมเมนตัมของตลาด ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ซื้อขายรายวันหรือผู้ซื้อขายระยะสั้น การเข้าใจสัญญาณทางเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณรับมือกับการเคลื่อนไหวของราคายูโรได้อย่างมั่นใจ
#EURUSD #วิเคราะห์ตลาด #การซื้อขาย
ทองคำยืนเหนือจุดสำคัญ! แนวโน้มจะไปทางไหนต่อ?**🔥 ทองคำยืนเหนือจุดเทคนิคสำคัญ! จะไปต่อหรือไม่? รู้คำตอบที่นี่! 🔥**
🌟 **ทองคำยังคงยืนเหนือจุดสำคัญทางเทคนิคในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์**
✨ ทองคำยังคงยืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วันได้
💼 เริ่มต้นปีใหม่ด้วยความหลากหลายสำหรับทองคำ แต่การลดลงเมื่อวานนี้ไม่ได้รุนแรงนักเมื่อมองภาพรวม 📉 ทองคำลดลงเนื่องจากดอลลาร์ฟื้นตัว 💵 และพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 📊 หลังจากที่ทรัมป์ปฏิเสธว่าจะผ่อนปรนในเรื่องภาษี 🏛️ อย่างไรก็ตาม ข่าวดีสำหรับผู้ซื้อทองคำคือในเชิงเทคนิค การลดลงครั้งนี้ไม่ได้ทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน (🔴 เส้นสีแดง)
📍 **ระดับสำคัญอยู่ที่ $2,626 ในขณะนี้** โดยมีแนวรับระยะสั้นเพิ่มเติมใกล้เคียง $2,600
📅 โดยทั่วไปแล้ว เดือนมกราคมมักจะเป็นเดือนที่ยอดเยี่ยมสำหรับทองคำ ✨ อันที่จริงแล้ว เดือนมกราคมเป็นเดือนที่ทองคำมีผลตอบแทนดีที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา 🥇
📊 อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาภาพรวมก่อนเดือนมกราคมปีนี้ ทองคำเพิ่มขึ้นถึง **27% ในปี 2024** 🚀 แม้ว่าจะมีการลดลงเล็กน้อยในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมก็ตาม ราคาทองคำใช้เวลากว่าหนึ่งปีในการปรับตัวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน 📈 และแม้กระทั่งในตอนนั้น การลดลงก็ไม่ได้ยืดเยื้อนาน ⏳
💡 **สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อในช่วงราคาลดลงยังคงมีความมั่นใจสูงอย่างน้อยในตอนนี้**
⚠️ **ข้อควรระวังสำหรับทองคำในตอนนี้**
ดอลลาร์ยังคงอยู่ในสถานะทรงตัวตั้งแต่เดือนที่แล้ว 💵 ขณะที่ทรัมป์ยังคงผลักดันนโยบายภาษี 📜 และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐยังคงสนับสนุนแนวคิดที่ว่าเฟดจะหยุดการลดดอกเบี้ย 📉 ทำให้แรงซื้อเชิงป้องกันของผู้ซื้อทองคำอาจค่อยๆ ลดลง โดยเฉพาะหากตลาดพันธบัตรยังคงให้การสนับสนุนในทิศทางเดียวกัน 📊
📣 กล่าวอีกนัยหนึ่ง แนวโน้มทองคำในเดือนมกราคมอาจไม่เป็นไปตามเดิมเหมือนในอดีต 🕰️ ทดสอบแรกจะเป็นรายงานการจ้างงานของสหรัฐและข้อมูลที่เกี่ยวข้องซึ่งจะออกในสัปดาห์นี้ 📆
📉 **หากราคาทะลุต่ำกว่า $2,600 อย่างมีนัยสำคัญ** อาจกระตุ้นให้เกิดแรงขายอย่างรวดเร็วในทองคำ ⚡ หากเป็นเช่นนั้น การร่วงลงอย่างรวดเร็วเพื่อทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (🔵 เส้นสีน้ำเงิน) ใกล้ $2,500 ก็อาจเกิดขึ้นได้ 🌀
⏳ สำหรับตอนนี้ ต้องรอดูว่าข้อมูลจะเป็นอย่างไรในช่วงเวลาถัดไป 📊
#️⃣ **#ราคาทองคำ #ทองคำวันนี้ #แนวโน้มทองคำ #การลงทุน #ข่าวเศรษฐกิจ #ดอลลาร์ #ทองคำโลก #ลงทุนปลอดภัย**
BTCUSD : ระบบ MACD ตัด 0 (ActionZone) มีสัญญาณ "ซื้อ" 7/1/2025อธิบาย : ระบบ Action Zone หรือ MACD ตัดศูนย์ คือระบบที่ใช้หลักการดูเส้น MACD ว่า เส้นนี้จะตัดกับเส้นศูนย์เมื่อไหร่ โดย ถ้าตัดขึ้นก็จะเป็นสัญญาณซื้อ ถ้าตัดลงก็จะเป็นสัญญาณขาย ถือเป็นระบบ Trend Following ที่ใช้ได้ดีกับตลาดที่มีเทรนจ๋าๆ เช่น BTC
แต่ระบบนี้ก็จะมีจุดอ่อนอยู่หลายจุดเช่นกัน คือ ในช่วงตลาด sideway ออกข้างเราอาจจะเจอ false sig ทำให้ต้องคืนกำไร คืนทุน กันบ่อยๆ ได้ หรือบางทีถ้าตลาดมีการทุบแรงๆ ก็อาจจะทำให้เจอการคืนกำไรหมดเช่นกัน เพราะระบบจะต้องรอ confirm ของเส้น MACD ก่อน ถึงจะยอมขาย ตอนขึ้น บางทีทำให้มันถือได้นาน ถือได้ทน รันเทรนได้นาน แต่ถ้าลงแรงก็จบกัน 555
ความเห็นของรอบนี้ : ปกติแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา เวลาขึ้นปีใหม่ BTC ก็จะชอบไปต่อได้อีกสักหน่อย ก่อนจะจบรอบขาขึ้นประมาณเดือน มีนา-เมษา ของทุกปี ก็มาลุ้นกันว่า ระบบเขียวรอบนี้ แล้วมันจะไปต่อได้เหมือนทุกปีหรือเปล่า หรือปีนี้จะไม่เหมือนปีก่อนๆ แล้วเป็นการสับขาหลอก ดีดเพื่อลงต่อแทน ... อนาคต ไม่มีใครรู้ เรารู้แต่เพียงว่า ถ้าระบบเขียว แล้วเราดันไม่ยอมเชื่อระบบ แล้วไม่ได้เข้า ... แล้วมันดันไปต่อ เราก็จะต้องมานั่งเซ็งเองทีหลัง ดังนั้น ก็หลับตาข้างนึงแล้วแหย่ๆ เข้าไปเถอะ ถ้ามันไม่ไปต่อ ระบบแดง เราก็แค่คัทออกมานั่งดูเฉยๆ แค่นั้นเอง
BTC ActionZone = เขียว ( 7/1/2025 )
------------------
Entry : 102200+-
SL : 94500 ( -7.5% )
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2025 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(1Jan-???) EMA120D = ??%
(7Jan-???) ATR = ??%
(7Jan-???) ActionZone = ??%
Sum กำไรสะสมของปี 2025 = ??% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง ( Max 4% กำไรหน่วย USD )
S50H25 ซึ่งแสดงรูปแบบ **Harmonic Bullish Crab บน (M30)06/01/25 ตลาดเทลงมา แต่ทว่าจากภาพ S50H25 ซึ่งแสดงรูปแบบ **Harmonic Bullish Crab** บนกราฟ **S50H25 (M30)**
เราะทำการวิเคราะห์โดยละเอียดสำหรับรูปแบบนี้และแนะนำแนวทางการเทรดให้ชัดเจนขึ้น:
---
### **หลักการของ Harmonic Bullish Crab**
1. จุด **X** คือจุดเริ่มต้นของขา XA
2. จุด **A** คือจุดสูงสุดแรกหลังจากขา XA
3. จุด **B** เป็นการ **retracement ของ XA** ในช่วง **38.2% ถึง 61.8%**
4. จุด **C** เป็นการ **retracement ของ AB** ในช่วง **38.2% ถึง 88.6%**
5. จุด **D** คือ **Fibonacci extension ของ XA** ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ที่ **161.8% ของ XA (ตำแหน่งกลับตัวหลัก)
---
### **วิเคราะห์โครงสร้างในภาพ**
#### **จุดที่ระบุในภาพ**
- **X = จุดต่ำสุดแรก** (ต้นขา XA)
- **A = จุดสูงสุดของขาขึ้นหลังจาก X**
- **B = จุดต่ำสุดที่ retracement ของ XA**
- **C = จุดสูงสุดของ retracement ของ AB**
- **D = จุดต่ำสุดที่ Fibonacci extension ของ XA คาดการณ์จุดกลับตัว**
#### **ขั้นตอนการคำนวณ**
1. **ขา XA**:
- จากภาพ จุด X และ A ถูกระบุไว้อย่างชัดเจน
- ระยะห่าง XA = A − X
2. **จุด B**:
- จุด B retraces ในช่วง **38.2% ถึง 61.8%** ของ XA
- ตรวจสอบว่าจุด B อยู่ในช่วงนี้เพื่อยืนยันรูปแบบ
3. **จุด C**:
- C retraces ในช่วง **38.2% ถึง 88.6% ของ AB**
- ตรวจสอบว่าสอดคล้องกับเกณฑ์นี้
4. **จุด D**:
- จุด D ใช้ **161.8% extension ของ XA**
- ระดับที่น่าสนใจคือช่วงนี้เพื่อตัดสินใจเปิดสถานะ
---
### **พิจารณาจุดกลับตัว D**
จากภาพ กราฟได้แตะจุดแนวรับบริเวณต่ำกว่าแนว Fibonacci 161.8% และใกล้กับโซน **882.5** ซึ่งเป็นระดับที่แสดงการกลับตัวตาม **Bullish Crab**:
1. จุด **D** คาดการณ์ไว้ใกล้ **ระดับ 882.5 (จากการคำนวณในภาพก่อนหน้า)
2. ในภาพนี้ ราคากลับตัวใกล้ **882.5** และมีสัญญาณการปรับตัวขึ้น
3. **สัญญาณ MACD** เริ่มแสดงการชะลอตัวของแรงขาย (เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว)
---
### **แนวทางการเทรด**
- เปิดสถานะ **LONG** ใกล้กับแนวรับปัจจุบันที่ **882 ถึง 885** หากราคายืนยันการกลับตัว
- วาง **Stop Loss ต่ำกว่า 880** หรือใกล้โซน 876 เพื่อป้องกันความเสี่ยง
- ตั้งเป้าหมายทำกำไรใกล้แนวต้านที่ 888, **Pivot Day (891.2)** หรือระดับถัดไปที่ 895 และ 902
---
### **สรุป**
1. รูปแบบ Bullish Crab ในภาพนี้มีจุด D ใกล้บริเวณแนวรับสำคัญ
2. จุดเข้าซื้อ (LONG) คือช่วง 882.5 ถึง 885 พร้อม Stop Loss ที่เหมาะสม
3. MACD และโครงสร้าง Fibonacci สนับสนุนสัญญาณกลับตัว