ภาพประกอบ
ทองคำ - การวิเคราะห์ทางเทคนิคและมหภาควันใหม่!ทองคำยังคงแนวโน้มขาลงระยะสั้น ซื้อขายที่บริเวณ 3,915 หลังจากไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านที่ 4,000 - 4,030 (โซน fibo 0.382 - 0.618) ขณะนี้โครงสร้างราคาอยู่ในช่วงขาลง โดยที่ EMA34 ยังคงทำหน้าที่เป็นแนวต้านแบบไดนามิก
หากรักษาโมเมนตัมการขายไว้ ราคาเป้าหมายอาจไปที่บริเวณ 3,750 - 3,780 (ส่วนขยาย fibo 1,618) ซึ่งคาดว่าจะดูดซับแรงกดดันในการซื้ออีกครั้ง
ในแง่ของมาโคร แรงกดดันขาลงของทองคำส่วนใหญ่มาจาก:
USD ยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากตลาดกำลังรอข้อมูล PCE หลักของสหรัฐฯ ในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นมาตรการวัดอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญที่อาจส่งผลต่อการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปียังคงอยู่ประมาณ 4.5% สร้างแรงกดดันให้กับทองคำ เนื่องจากต้นทุนเสียโอกาสในการถือครองสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนยังคงสูง
XAUUSD – ทองคำกำลังสูญเสียแรงฟื้นตัวในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 4,000–4,150 ดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนลง ทุกครั้งที่ราคาทดสอบแนวต้านที่ 4,150 ดอลลาร์ มักถูกแรงขายกดกลับลงมาอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นว่าฝั่งขายเริ่มกลับมาควบคุมตลาด
หากราคายังไม่สามารถทะลุแนวต้านนี้ได้ มีโอกาสสูงที่ทองคำจะถอยกลับไปทดสอบแนวรับบริเวณ 3,850 ดอลลาร์ อีกครั้ง ภายใต้สภาวะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังแข็งค่า และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง แนวโน้มระยะสั้นของ XAUUSD จึงยังคง เอนเอียงไปทางขาลงเล็กน้อย
XAUUSD – ความกดดันในการลดราคายังคงมีหลังจากข้อมูล CPIเนื่องจาก CPI ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมากที่ 3.1% (จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.9%) อัตราเงินเฟ้อยังคงสูง ทำให้ Fed อาจจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ความคาดหวังในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายโอกาสในการถือทองคำ (สินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน) เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ กดดันทองคำลง ขณะเดียวกัน USD ก็แข็งค่า.
บนกราฟ H4, XAUUSD กำลังปรับตัวลงหลังจากแตะที่ระดับแนวต้าน 4,140,000 ราคาอาจจะลดลงต่อหากยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มขาลงระยะยาว จุดรองรับสำคัญ ถัดไปที่ 4,000,000 อาจจะมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนที่แนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป.
การคาดการณ์:
XAUUSD อาจลดลงต่อเนื่อง เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงทำให้ทองคำมีความน่าสนใจน้อยลง.
ระดับรองรับถัดไป: 4,000,000, หากราคาผ่านไปได้ อาจจะมีการลดลงลึกกว่าที่คาด.
วัวกำลังจะระเบิด ทองยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!หลังจากมีการปรับตัวในระยะสั้น ราคาทองคำก็สะสมอยู่ในโซนแนวรับที่แข็งแกร่งประมาณ 4,000 นี่คือบริเวณที่ผู้ซื้อเริ่มกลับมา โดยดูดซับแรงขายที่เหลือทั้งหมดหลังจากการลดลงเมื่อเร็วๆ นี้
โครงสร้างทางเทคนิคแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มหลักยังคงอยู่ เนื่องจากราคายังคงอยู่ในช่องขาขึ้นพร้อมกับคลื่น Elliot (A–B–C)
ขั้นตอนการปรับฐานในปัจจุบันเป็นเพียงช่วงการสะสมใหม่ก่อนที่ราคาจะเข้าสู่คลื่นขาขึ้นถัดไป EMA34 เริ่มลดลงอย่างช้าๆ ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นของการกลับตัว
สถานการณ์ลำดับความสำคัญ:
ราคาไซด์เวย์สะสมอยู่ในโซนสีเขียว รอสัญญาณทะลุที่ชัดเจนเพื่อยืนยันคลื่นขาขึ้น
เมื่อทะลุโซน 4,200 ความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 4,540 จะถูกกระตุ้น
ข่าวรองรับทองคำขาขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เริ่มอ่อนตัวลงเนื่องจากตลาดเชื่อว่าเฟดได้ยุติวงจรที่เข้มงวดขึ้นแล้ว USD ร่วงลง ส่งผลให้ทองคำกลับมามีบทบาทในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
“พวกกระทิงกำลังตั้งสายกีตาร์ — และเมื่อดนตรีเริ่มขึ้น คลื่นสีทองก็อาจปะทุขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด”
3 ข้อผิดพลาดในการเทรดที่เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงแม้แต่นักเทรดที่มีประสบการณ์มากที่สุดก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกับดักทางจิตวิทยาที่อาจทำให้ประสิทธิภาพการเทรดของพวกเขาลดลงได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ การเข้าใจข้อผิดพลาดทางจิตใจเหล่านี้ — และเรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยง — คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนในตลาด
มาดูกันใกล้ ๆ ว่า 3 ข้อผิดพลาดในการเทรดที่พบบ่อยที่สุด ที่เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงมีอะไรบ้าง:
⸻
🧠 1. FOMO — ความกลัวที่จะพลาดโอกาส (Fear of Missing Out)
FOMO เป็นหนึ่งในความท้าทายทางอารมณ์ที่ใหญ่ที่สุดของนักเทรด มันคือความรู้สึกตื่นเต้น — หรือความกังวล — เมื่อเห็นตลาดเคลื่อนไหวโดยไม่มีคุณ และผลักดันให้คุณรีบเข้าออเดอร์โดยไม่วางแผนล่วงหน้า
ผลลัพธ์คือการไล่ตามเทรนด์และเข้าเทรดโดยไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน ซึ่งมักจะนำไปสู่การขาดทุน
วิธีหลีกเลี่ยง:
ยึดมั่นในแผนการเทรดของคุณ รอจังหวะที่เหมาะสม และจำไว้ว่า — การพลาดโอกาสหนึ่งครั้งดีกว่าการเสียเงินจากการเทรดที่ไม่พร้อม ตลาดจะมีโอกาสใหม่ให้คุณเสมอ
⸻
😡 2. Revenge Trading — การเทรดเพราะอารมณ์อยากเอาคืน
หลังจากขาดทุน หลายคนมักจะรู้สึกอยาก “เอาคืน” โดยรีบเข้าเทรดใหม่เร็วเกินไป ซึ่งมักจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและขาดทุนมากกว่าเดิม
วิธีหลีกเลี่ยง:
ยอมรับการขาดทุนว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด หยุดพักและกลับมาเมื่อคุณควบคุมอารมณ์ได้แล้ว
เป้าหมายของคุณไม่ใช่เพื่อเอาเงินคืน — แต่คือการเทรดให้มีคุณภาพ
⸻
🎲 3. ความเชื่อของนักพนัน (Gambler’s Fallacy)
นักเทรดหลายคนเข้าใจผิดว่าผลลัพธ์ที่ผ่านมาอาจมีผลต่อผลลัพธ์ในอนาคต เช่น “แพ้มาสามครั้ง ครั้งนี้ต้องชนะแน่” แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่ตลาดทำงาน
แต่ละการเทรดเป็นเหตุการณ์อิสระที่มีความน่าจะเป็นของตัวเอง
วิธีหลีกเลี่ยง:
เชื่อในวิเคราะห์ของคุณ ไม่ใช่ความรู้สึกหรือโชคชะตา
เน้นการบริหารความเสี่ยงและวางแผนอย่างมีระบบ แทนที่จะหวังพึ่งความบังเอิญ
⸻
💡 สรุป
ความสำเร็จในการเทรดไม่ใช่แค่การมีสูตรหรือกลยุทธ์ที่ดีที่สุด — แต่คือการควบคุมจิตใจของตัวเอง
เมื่อคุณสามารถหลีกเลี่ยงกับดักทางอารมณ์เหล่านี้ได้ คุณจะเทรดอย่างมีวินัย ชัดเจน และมั่นใจมากขึ้น
จำไว้ว่า: นักเทรดที่เก่งที่สุด ไม่ใช่คนที่ควบคุมตลาดได้ — แต่คือคนที่ควบคุมตัวเองได้ต่างหาก
ทองคำ – โมเมนตัมที่เพิ่มขึ้นยังคงอยู่ในเทรนด์หลัก!ในกรอบ H1 นั้น XAU/USD บน OANDA ยังคงรักษาโครงสร้างที่สูงขึ้น ต่ำ - สูงขึ้น หลังจากดีดตัวอย่างแข็งแกร่งจากพื้นที่แนวรับที่ 4,320 ราคามีความผันผวนบริเวณเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางและทรงตัวอยู่เหนือโซนสมดุลที่ 4,320 - 4,350 แสดงว่าผู้ซื้อยังคงควบคุมต่อไป
มาโครรองรับแนวโน้มขาขึ้น:
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงเล็กน้อยเนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในการประชุมครั้งต่อไป ดัชนี USD นิ่งประมาณ 104 ส่งผลให้แรงผลักดันต่อทองคำลดลง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและความต้องการสินทรัพย์ยังคงรักษาไว้ ช่วยให้เงินไหลกลับไปสู่ทองคำ
ความคิดเห็นระยะสั้น:
แนวโน้มขาขึ้นยังคงเป็นแนวโน้มหลัก โดยให้ความสำคัญกับการซื้อในช่วงขาลงบริเวณแนวรับที่ 4,320 - 4,350
เป้าหมายระยะสั้น : 4,500.
“โมเมนตัมขาขึ้นของทองคำไม่เพียงมาจากเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังได้รับการเสริมด้วยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจมหภาค ยิ่งมีความผันผวนที่ช่วง 4,330 - 4,350 ยิ่งมากเท่าใด ผู้ซื้อก็จะยิ่งน่าดึงดูดใจมากขึ้นเท่านั้น”
ทองคาดจุดสูงสุดใหม่!การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ในกรอบ 2H XAUUSD ยังคงรักษาแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนภายในช่องราคาที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายน หลังจากแตะแนวต้านใกล้ 4,290 - 4,320 ราคาทองคำมีจังหวะปรับทางเทคนิคไปที่ช่วง 4,140 - 4,180 ตรงกับขอบล่างของช่องขาขึ้นและ EMA34 นี่คือโซนแนวรับที่มีศักยภาพซึ่งแรงกดดันในการซื้ออาจกลับมา
โมเดลปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการ "ดึงกลับ - ทดสอบเส้นแนวโน้ม" ก่อนที่ราคาจะยังคงขยายคลื่นขาขึ้นใหม่
ตลาดแสดงให้เห็นว่า USD กำลังเย็นลงเมื่อคาดว่า Fed จะหยุดวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว กระแสเงินสดของ Shelter ยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีสัญญาณการปรับฐานเล็กน้อย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ทรงตัว ช่วยให้ทองคำสามารถรักษาความน่าสนใจในระยะสั้นได้
ตราบใดที่ทองคำยังคงอยู่เหนือ 4,140 แนวโน้มหลักยังคงเป็นขาขึ้น การทดสอบเส้นแนวโน้มราคาเป็นเพียงก้าวสำคัญสำหรับการฟื้นตัวครั้งต่อไป
คุณคิดอย่างไร? นี่เป็นการ "ทดสอบซ้ำ" ถือเป็นโอกาสทองสำหรับการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงถัดไปหรือไม่?
FVG – สนามรบของเงินใหญ่ ที่ราคาไม่เคยลืม📉 FVG – สนามรบของเงินใหญ่ ที่ราคาไม่เคยลืม
บนกราฟ S&P 500 Futures ตอนนี้ ตลาดได้ทิ้ง “รอยแผล” เอาไว้ชัดเจนในช่วงราคา 6,711.50 – 6,760.75 จุด
นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลขธรรมดา แต่คือสิ่งที่เรียกว่า Fair Value Gap (FVG) หรือ “ช่องว่างของความไม่สมดุล” — จุดที่ราคาเคยพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนไม่มีคำสั่งซื้อขายเกิดขึ้นในบางระดับราคาเลย
ช่องว่างนี้คือ “รอยเท้าของแรงใหญ่” ที่ตลาดจะ ย้อนกลับมาเติมเสมอ เพื่อกลับเข้าสู่สมดุล ก่อนเลือกทิศทางครั้งใหม่
ตอนนี้ราคาล่าสุดอยู่ที่ราว ๆ 6,708 จุด ใกล้จะทะลุเข้าเขต FVG แล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้จึงเป็นเหมือน “บททดสอบครั้งสำคัญ” ของตลาด…
📍 ถ้าราคาดีดขึ้นแล้ว ชนขอบล่าง 6,711.50 แล้วร่วง → แสดงว่าแรงขายยังคุมตลาดอยู่ และ FVG จะกลายเป็น “แนวต้านซ่อน”
📈 ถ้าราคา ทะลุเข้าไปในโซนแล้วค่อย ๆ ไต่ขึ้นได้ → คือสัญญาณว่าตลาดเริ่ม “หาสมดุล” และมีโอกาสกลับตัว
🚀 และถ้าราคา ปิดเหนือขอบบน 6,760.75 → นั่นอาจเป็นจุดเปลี่ยนเทรนด์ครั้งใหญ่จากขาลงเป็นขาขึ้น
นี่จึงไม่ใช่เพียงช่องว่างธรรมดา แต่คือ “สนามรบของออเดอร์”
เพราะทั้งฝั่งที่พลาด Short ตอนลงแรง และฝั่งที่ติดดอยรอขาย จะกลับมาเผชิญหน้ากันตรงนี้อีกครั้ง
และเมื่อสองฝั่งนี้มาปะทะกัน… การเปลี่ยนทิศของตลาดก็มักจะเกิดขึ้น
เทรดเดอร์ระดับโปรจะใช้ FVG เป็นจุดตัดสินใจสำคัญ
ไม่ว่าจะใช้เป็น “แนวต้านซ่อน” สำหรับตั้ง Short หรือ “ฐานกลับตัว” สำหรับเตรียม Long — โซนนี้คือพื้นที่ที่พวกเขาจะเฝ้ารออย่างอดทน
📊 จำไว้ว่า FVG ไม่ใช่แค่ช่องว่างบนกราฟ
แต่มันคือ “รอยเท้าของ Smart Money”
และที่ตรงนั้นเอง… คือจุดที่ทิศทางของตลาดอาจเปลี่ยนไปก่อนที่แท่งเทียนถัดไปจะเกิดขึ้น
________________________________________
📉 Fair Value Gap – สนามรบลับที่ราคา “วนกลับมา” เสมอ
บนกราฟของ S&P 500 Futures (ES1!) ตอนนี้...
ตลาดได้ทิ้ง “รอยแผล” เอาไว้แล้วหนึ่งจุด — และนั่นคือสิ่งที่นักเทรดสาย Smart Money จับตาไม่เคยพลาด
รอยแผลนี้มีชื่อว่า 👉 Fair Value Gap (FVG)
________________________________________
🧠 FVG คืออะไร?
Fair Value Gap = ช่องว่างของความไม่สมดุล
เกิดขึ้นเมื่อราคา “พุ่งไปเร็วเกินไป” จนข้ามช่วงราคาโดยไม่มีการจับคู่คำสั่งซื้อขายเลย
📍 ไม่มีแรง “ถ่วงดุล” ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในช่วงนั้น
📍 จึงเกิด “ช่องโหว่ของออเดอร์” และราคามักจะ “ย้อนกลับ” มาทำให้สมดุลก่อนจะเดินหน้าต่อ
________________________________________
📦 FVG Zone ปัจจุบัน: 6,711.50 – 6,760.75
บนกราฟรายวันของ S&P 500 Futures เราเห็น Bearish FVG ชัดเจนในช่วง
📦 6,711.50 – 6,760.75 จุด
เกิดจากแรงขายที่ “พุ่งลงเร็วเกินไป” จนแท่งเทียนข้ามช่วงราคาโดยไม่มีการซื้อขาย
• ✅ ขอบล่าง FVG = 6,711.50 → จุดที่ตลาดเริ่มเกิด imbalance
• ✅ ขอบบน FVG = 6,760.75 → จุดที่ imbalance สิ้นสุด
• 📊 พื้นที่ ≈ 49.25 จุด คือ “ช่องว่าง” ที่ตลาดมักย้อนกลับมาเติมก่อนเลือกทิศทางใหม่
________________________________________
📉 พฤติกรรมราคาที่เกิดขึ้นตอนนี้
📍 ราคาปัจจุบัน ≈ 6,708 จุด → อยู่ “ต่ำกว่า” ขอบล่างของ FVG เพียงเล็กน้อย
📈 ตลาดกำลัง “ดีดตัวขึ้น” เพื่อทดสอบพื้นที่ FVG ที่ยังไม่ถูกเติม
🧪 ความหมายคือ:
• 📈 หากราคาทะลุเข้าใน FVG แล้ว “ไต่ขึ้นด้านใน” → ตลาดกำลังเข้าสู่กระบวนการ หาสมดุล
• 📉 ถ้าเพียง “แตะแล้วร่วง” → แปลว่าแรงขายยังคงคุมตลาด และราคามีสิทธิ์ลงต่อโดยไม่เติม Gap
• 🚀 ถ้าราคาทะลุและ “ปิดเหนือขอบบน 6,760.75” ได้ → มีโอกาสเปลี่ยนโมเมนตัมกลับเป็นขาขึ้น
________________________________________
🧨 กลยุทธ์ที่ Smart Money ใช้ใน FVG โซนนี้
สถานการณ์ ความหมาย กลยุทธ์ที่นิยม
🪤 ราคา “แตะขอบล่าง” แล้วกลับตัวลง FVG กลายเป็น “แนวต้านซ่อน” 🔻 Short จาก 6,711–6,720 / SL เหนือ 6,761 / TP แถว 6,650
🔁 ราคา “ทะลุเข้าในโซน” แล้วยืนได้ ตลาดดูดซับแรงขายแล้ว 📈 รอ Retest 6,711.50–6,720 แล้ว Long / SL ใต้ 6,700 / TP 6,760–6,780
🧨 ราคาทะลุและ “ปิดเหนือขอบบน” แรงซื้อพลิกกลับคุมตลาด 📈 โอกาสเปลี่ยนเทรนด์ขาขึ้น → รอ pullback เพื่อ Long ต่อเนื่อง
📌 Key Zone ที่ต้องเฝ้าระวัง:
• 6,711.50 → จุดเริ่มต้นของ imbalance
• 6,735–6,745 → “Mitigation zone” ที่มักเกิดแรงตอบสนอง
• 6,760.75 → “แนวต้านหลัก” ถ้าทะลุได้ มีสิทธิ์เปลี่ยนแนวโน้ม
________________________________________
🧠 จิตวิทยาที่ซ่อนอยู่ใน FVG
FVG คือ “สนามรบ” ที่สองฝั่งกลับมาเจอกันอีกครั้ง:
• 📉 ฝั่ง Short ที่ “พลาดเข้า” ตอนลงแรง → จะรอเข้าใหม่ตรงนี้
• 📈 ฝั่ง Long ที่ “ติดดอย” → จะรีบขายเมื่อราคาดีดขึ้นมา
• 📊 เมื่อทั้งสองฝั่งกลับมา ราคาจะเกิด “การต่อสู้ของออเดอร์” อย่างเข้มข้นบริเวณนี้
👉 ดังนั้น โซน 6,711.50 – 6,760.75 ไม่ใช่แค่ “ช่องว่าง” แต่คือ “สมรภูมิ” ที่จะตัดสินว่า
• ตลาดจะ “กลับตัวขึ้น”
• หรือ “ดีดแล้วลงต่อ”
________________________________________
🎯 สรุปสำหรับเทรดเดอร์
✅ โซน 6,711.50 – 6,760.75 คือ Bearish FVG ที่เกิดจากแรงขายไม่สมดุล
📈 ราคาล่าสุด ≈ 6,708 จุด กำลังดีดกลับเข้าใกล้โซนนี้ ซึ่งจะเป็น “จุดตัดสินแนวโน้ม”
🧠 เทรดเดอร์มืออาชีพใช้ขอบบน-ล่าง FVG เป็น “แนวต้านซ่อน” หรือ “ฐานกลับตัว” สำหรับวางแผน Entry/SL/TP
📊 และที่สำคัญ – FVG ไม่ใช่แค่ช่องว่าง แต่คือ “สนามรบของเงินใหญ่”
________________________________________
💡 บทเรียน:
อย่ามอง FVG แค่เป็น “Gap”
จงมองมันเป็น “รอยเท้าของ Smart Money”
เพราะที่นี่… คือจุดที่ตลาดเปลี่ยนทิศได้ก่อนที่แท่งเทียนถัดไปจะเกิดขึ้น
________________________________________
📍#FVG #SmartMoney #SP500Futures #เทรดเดอร์ไทย #MaChaoAnalysis #กลยุทธ์กราฟเทคนิค
________________________________________
นักออกแบบจากไต้หวันที่ถูกมองข้ามThe Redoubling คือโครงการวิจัยของฉันเองใน TradingView ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบคำถามต่อไปนี้: ฉันจะต้องใช้เวลานานเท่าใดในการเพิ่มทุนเป็นสองเท่า บทความแต่ละบทความจะมุ่งเน้นไปที่บริษัทที่แตกต่างกันซึ่งฉันจะพยายามเพิ่มเข้าในพอร์ตโฟลิโอจำลองของฉัน ฉันจะใช้ราคาปิดของแท่งเทียนรายวันสุดท้ายในวันที่บทความถูกเผยแพร่เป็นราคาจำกัดการซื้อเริ่มต้น ฉันจะตัดสินใจทุกอย่างโดยอาศัยการวิเคราะห์พื้นฐาน นอกจากนี้ ฉันจะไม่ใช้ประโยชน์จากเลเวอเรจในการคำนวณ แต่ฉันจะลดทุนของฉันตามจำนวนคอมมิชชัน (0.1% ต่อการซื้อขาย) และภาษี (กำไรจากทุน 20% และเงินปันผล 25%) หากต้องการทราบราคาหุ้นของบริษัทในปัจจุบัน เพียงคลิกปุ่มเล่นบนแผนภูมิ แต่โปรดใช้สิ่งนี้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาเท่านั้น เพื่อให้คุณทราบว่านี่ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน
นี่คือภาพรวมบริษัทของ Silergy Corp. (Ticker: TWSE:6415 )
1. ขอบเขตการทำงานหลัก Silergy Corp. เป็นบริษัทผู้ออกแบบวงจรรวม (IC) แบบอนาล็อก/สัญญาณผสมแบบไม่มีโรงงาน โดยมีจุดแข็งหลักในด้านการจัดการพลังงาน โซ่สัญญาณ และ IC อนาล็อกที่ใช้ในกลุ่มผู้บริโภค อุตสาหกรรม ยานยนต์ และคอมพิวเตอร์ โดยวางตำแหน่งตัวเองด้วยโมเดล “IDM เสมือน” (กล่าวคือ การเอาท์ซอร์สการผลิตเวเฟอร์ในขณะที่จัดการด้านการออกแบบ การบูรณาการ และฟังก์ชันระดับระบบภายใน)
2. รูปแบบธุรกิจ Silergy ดำเนินการโดยใช้รูปแบบการออกแบบ IC แบบไม่มีโรงงาน + การออกใบอนุญาต / การขายผลิตภัณฑ์ ออกแบบชิปแบบอนาล็อก สัญญาณผสม และการจัดการพลังงาน จ้างผลิตให้กับโรงหล่อ จากนั้นจึงขายไอซีสำเร็จรูป (และบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น การออกแบบอ้างอิง เครื่องมือจำลอง และการสนับสนุนด้านเทคนิค) ลูกค้าของบริษัทมักเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ดั้งเดิม (OEM) ในกลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ยานยนต์ แอปพลิเคชันอุตสาหกรรม และการประมวลผล ซึ่งทำให้บริษัทมีรูปแบบธุรกิจแบบ B2B
3. ผลิตภัณฑ์หรือบริการเรือธง สายผลิตภัณฑ์หลักได้แก่ ตัวควบคุม DC–DC ตัวแปลง AC/DC โมดูลไฟฟ้า ไดรเวอร์ LED ไอซีจัดการแบตเตอรี่ และอุปกรณ์โซ่สัญญาณ (เช่น ส่วนหน้าแบบแอนะล็อก) การเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ Teridian Semiconductor จาก Maxim ซึ่งทำให้ Silergy มีความสามารถในการวัดพลังงาน/ไอซีการวัดอัจฉริยะ นอกจากนี้ Silergy ยังลงทุนอย่างหนักในด้านการวิจัยและพัฒนา (โดยมีวิศวกรจำนวนมาก) และเสนอบริการสนับสนุนด้านการออกแบบ/การจำลองให้กับลูกค้าอีกด้วย
4. ประเทศสำคัญสำหรับธุรกิจ แม้ว่าจะมีสำนักงานใหญ่ (และมีศูนย์กลางที่สำคัญ) ในประเทศจีน (หางโจว) แต่ Silergy ยังคงรักษาสถานะทางเทคโนโลยีที่สำคัญในไต้หวัน (เขตอำนาจศาลจดทะเบียน) และในสหรัฐอเมริกา (สำนักงานเทคโนโลยี/การออกแบบในซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย) เมื่อพิจารณาจากฐานลูกค้าแล้ว บริษัทมีแนวโน้มที่จะจำหน่ายสินค้าไปยังตลาดอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก (เอเชีย อเมริกาเหนือ ยุโรป) ผ่านทางเครือข่ายศูนย์ออกแบบ
5. คู่แข่งหลัก Silergy แข่งขันกับบริษัท IC อนาล็อก/กำลังไฟฟ้าระดับโลก เช่น Texas Instruments, Infineon, ON Semiconductor, Analog Devices, Maxim Integrated (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Analog Devices) และผู้ท้าชิง IC อนาล็อกรายอื่นๆ ที่กำลังเติบโตของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม PMIC (IC จัดการพลังงาน) บริษัทระดับโลกเหล่านี้ถือเป็นผู้ครอบครองตลาดที่แข็งแกร่ง
6. ปัจจัยภายนอกและภายในที่ส่งผลต่อการเติบโตของกำไร ปัจจัยภายนอก:
ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน (สมาร์ทโฟน, IoT, ยานยนต์ไฟฟ้า, ระบบพลังงานหมุนเวียน) ส่งผลให้ความต้องการ IC อนาล็อก/จัดการพลังงานเพิ่มขึ้น
แนวโน้มการใช้ไฟฟ้า/พลังงานสีเขียวทั่วโลก (เช่น การจัดการพลังงาน ระบบแบตเตอรี่) สร้างตลาดที่สามารถเข้าถึงได้ใหม่
การผลักดันให้มีการปรับห่วงโซ่อุปทานในระดับภูมิภาค (เช่น ความปรารถนาของจีนสำหรับความสามารถด้านเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ) อาจเอื้อประโยชน์ต่อ Silergy
การฟื้นตัวของวงจรอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อาจช่วยกระตุ้นความต้องการและเงื่อนไขด้านราคา
ปัจจัยภายใน:
การลงทุนด้าน R&D ที่ล้ำลึกและความสามารถด้านวิศวกรรมช่วยให้ Silergy นำเสนอการออกแบบที่แตกต่างและการบูรณาการที่สูงขึ้น
การเข้าซื้อกิจการ Teridian ทำให้บริษัทมีความสามารถใหม่ๆ และเข้าถึงตลาดในด้านการวัดพลังงาน/โครงข่ายอัจฉริยะ
โมเดล IDM เสมือนจริงทำให้ค่าใช้จ่ายด้านทุนต่ำลง (ไม่มีโรงงานขนาดใหญ่) และให้ความยืดหยุ่นในการปรับขนาด
ความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับโรงหล่อและลูกค้า รวมถึงข้อเสนอการออกแบบ/การสนับสนุนอ้างอิง สามารถล็อกลูกค้าและสร้างชัยชนะด้านการออกแบบที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ได้
7. ปัจจัยภายนอกและภายในที่ส่งผลต่อกำไรลดลง ปัจจัยภายนอก:
การแข่งขันที่เข้มข้นจากผู้ผลิต IC อนาล็อก/กำลังไฟฟ้ารายใหญ่ที่มีข้อได้เปรียบในด้านขนาด แบรนด์ และระบบนิเวศ
แรงกดดันด้านราคาในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์แอนะล็อก/กำลังไฟฟ้า
ความผันผวนในวงจรอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน หรือข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตของโรงหล่อ
ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ/ภูมิรัฐศาสตร์ (เช่น ข้อจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงของสหรัฐฯ ไปยังจีน) อาจขัดขวางการเข้าถึงหรือความร่วมมือ
ความผันผวนของสกุลเงิน โดยเฉพาะระหว่าง TWD, USD และ RMB
ปัจจัยภายใน:
การพึ่งพาโรงหล่อภายนอกทำให้เกิดความเสี่ยงด้านการดำเนินงานและการจัดหา
ต้นทุนการวิจัยและพัฒนาและการออกแบบที่สูงจะต้องได้รับการชดเชยด้วยปริมาณการขายที่เพียงพอ ความล้มเหลวในการออกแบบหรือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ล่าช้าอาจก่อให้เกิดต้นทุนสูง
ความเสี่ยงในการดำเนินการขยายผลิตภัณฑ์/ตลาดใหม่ (เช่น การวัดอัจฉริยะ) อาจทำให้ฝ่ายบริหารต้องเผชิญกับความตึงเครียด
หากอัตรากำไรลดลงเนื่องจากการกำหนดราคาหรือการแข่งขัน ผลกำไรอาจได้รับผลกระทบ
8. เสถียรภาพของฝ่ายบริหาร การเปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหารในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา:
Silergy ก่อตั้งโดยกลุ่มผู้บริหารระดับสูงจาก Silicon Valley โดยมี Chen Wei (ประธาน) และ You Budong (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม) เป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูง แม้ว่าเอกสารที่ยื่นต่อสาธารณะจะไม่ได้เน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงของ CEO ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่เนื่องจากเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่ค่อนข้างใหม่และกำลังเติบโต ความต่อเนื่องของความเป็นผู้นำจึงค่อนข้างมั่นคง (ฉันไม่สามารถค้นหาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ CEO หรือ CFO ล่าสุดที่ได้รับการเผยแพร่ต่อสาธารณะได้)
ผลกระทบต่อกลยุทธ์ ลำดับความสำคัญ และวัฒนธรรม:
เสถียรภาพการจัดการที่สัมพันธ์กันดูเหมือนว่าจะสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาในระยะยาวและแนวโน้มการเติบโต การเข้าซื้อกิจการ Teridian การขยายไปสู่ศูนย์ออกแบบในสหรัฐฯ และการลงทุนอย่างต่อเนื่องในโดเมนแอนะล็อก/พาวเวอร์ แสดงให้เห็นว่าฝ่ายบริหารให้ความสำคัญกับขนาดเทคโนโลยีและการเข้าถึงทางภูมิศาสตร์ ความต่อเนื่องในการเป็นผู้นำช่วยให้เกิดความสอดคล้องในกลยุทธ์ขององค์กร
ทำไมฉันถึงต้องเพิ่มบริษัทนี้เข้าในพอร์ตโฟลิโอตัวอย่างของฉัน
ฉันเห็นการเติบโตทั้งกำไรต่อหุ้นและรายได้รวม อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนวันคงค้างยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การลงทุน และการเงินจะมีความผันผวน แต่งบดุลยังคงแข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ สภาพคล่องในปัจจุบัน และความสามารถในการชำระดอกเบี้ย ล้วนแข็งแกร่ง ตัวบ่งชี้เพิ่มเติม เช่น อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นที่มั่นคง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง และเงื่อนไขการชำระเงินที่ดี ล้วนยืนยันถึงความสามารถในการฟื้นตัวของบริษัท อัตราส่วน P/E อยู่ที่ 33.145 ซึ่งผมถือว่ายอมรับได้เมื่อพิจารณาถึงการเติบโตของบริษัท ฉันไม่สามารถค้นหาข่าวสำคัญใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำรงอยู่ของบริษัทได้ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การกระจายความเสี่ยงอยู่ที่ 20 และราคาหุ้นปัจจุบันที่เบี่ยงเบนมากกว่า 16 EPS จากค่าเฉลี่ยรายปี ฉันจะจัดสรรเงินทุนร้อยละ 15 ของฉันให้กับบริษัทนี้ การตัดสินใจที่สมดุลนี้ขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดการเติบโตและงบดุลที่แข็งแกร่งในขณะที่ยังคงความระมัดระวังเนื่องจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยภายนอก
สงครามการค้าสหรัฐ-จีนพลุขึ้นกระทรวงพาณิชย์ของจีนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ขยายการควบคุมการส่งออกนอกเขตเขตในธาตุ ย้ายนี้โดยตรงเคาน์เตอร์แปะสหรัฐบนชิปขั้นสูงและสัญญาณว่าในขณะที่อเมริกาจำกัดการเข้
ประธานาธิบดีทรัมป์ตอบโต้กับภัยคุกคามของการประชุมจินยกเลิก,อัตราภาษี 100%,และการห้ามการส่งออกซอฟต์แวร์ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน,แต่ทั้งสองฝ่ายออกจากห้องพักสำหรับการยกเลิกการเพิ่มไปข้างหน้าของการเจรจาเอเปคที่มีศักยภาพและ 10 พฤศจิกายนหมดอายุการรบภาษี. นี้ถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์การเจรจาต่อรองของประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อหลีกเลี่ยงก่อน 2026 สงครามการค้ากลางภาค,กับสัญญาณประนีประนอมจากเจ้าหน้าที่สหรัฐและแม้กระทั่งประธานาธิบดีตัวเอง.
ตลาดหุ้นได้ลดลง,การส่งเสริมทองคำและคลังในขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐขายออกท่ามกลาง แม้ว่าการเสนอราคาซื้อคืนมีนักวิเคราะห์งงงวย,เงินดอลลาร์มีความเสี่ยงต่อความอ่อนแอจ
เงินยูโรได้ฟื้นตัวตั้งแต่เป็นที่หลบภัยท่ามกลางความเสี่ยงของสหรัฐและความมั่นคงของฝรั่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหภาพโซเวียตและสหภาพโซเวียตของสหภาพโซเวียต ดัชนีตลาดหุ้นที่สำคัญ
การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ทองคำ ยังคงแนวโน้มขาขึ้น เป้าหมายใหม่กำลังเปิดขึ้น!หลังจากการปรับฐานในช่วงสั้นๆ ทองคำดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากบริเวณแนวรับที่ 3,980–4,000 USD โดยคงโครงสร้างช่องสัญญาณขาขึ้นระยะกลางพร้อมกับเส้นแนวโน้มหลัก
โมเมนตัมการซื้อยังคงมีเสถียรภาพ และรูปแบบราคากำลังสร้างรูปแบบการสะสมอย่างต่อเนื่องเหนือแนวรับ ซึ่งเป็นสัญญาณเสริมสำหรับแนวโน้มขาขึ้นที่กำลังจะมาถึง
แนวต้านที่ 4,060–4,080 USD จะเป็นการทดสอบครั้งแรก แต่หากทะลุกรอบ Fibonacci 1.618 ที่เป็นเป้าหมายส่วนขยายที่ประมาณ 4,150–4,160 USD จะเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ในสัปดาห์หน้า
💡 แผนอ้างอิง
จัดลำดับความสำคัญการซื้อที่โซนทดสอบซ้ำของเส้นแนวโน้ม (ประมาณ 4,000–4,020) เมื่อมีสัญญาณยืนยันปรากฏขึ้น ขายผลกำไรบางส่วนประมาณ 4,080 → 4,150 USD
การฟื้นตัวของทองคำยังไม่จบ – ตลาดกำลังเตรียมการทะลุกรอบใหม่ในสัปดาห์หน้า
ทริคการใช้งาน Pending Order ให้มีประสิทธิภาพการใช้ Pending Order ไม่ใช่แค่การตั้งราคาแล้วปล่อยทิ้งไว้ แต่มีเทคนิคและทริคสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรและควบคุมความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น นี่คือทริคเด็ด ๆ ที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้กัน:
1. ใช้คู่กับ "กรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น" (Higher Timeframe) 🗺️
ทริค: วิเคราะห์แนวโน้มและระดับแนวรับ/แนวต้านสำคัญในกรอบเวลา H4 หรือ Daily แล้วจึงใช้ Pending Order ตั้งซื้อขายที่ระดับเหล่านี้
เหตุผล: ระดับราคาที่สำคัญใน Timeframe ใหญ่มีความน่าเชื่อถือสูงกว่า ทำให้ Pending Order มีโอกาสสำเร็จตามแผนมากขึ้น ลดสัญญาณหลอก (Fakeouts) ที่เกิดขึ้นใน Timeframe เล็ก
2. กำหนดระยะห่างที่เหมาะสม (Buffer Zone) 📏
ทริค: อย่าตั้ง Pending Order ตรงเป๊ะ ที่ระดับแนวรับหรือแนวต้าน แต่ให้เว้นระยะห่าง (Buffer) ไว้เล็กน้อย
Buy Limit/Sell Limit: ตั้งให้ห่างจากแนวรับ/แนวต้าน เล็กน้อย เพื่อป้องกันราคาแตะไม่ถึงแล้ววิ่งกลับ
Buy Stop/Sell Stop: ตั้งให้ห่างจากจุด Breakout เล็กน้อย เพื่อยืนยันว่าราคาได้ทะลุไปจริง ๆ ไม่ใช่แค่สัญญาณหลอก
ประโยชน์: ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกลากไปตัดขาดทุนจากการแกว่งตัวของราคาเพียงเล็กน้อย
3. ตรวจสอบ "วันและเวลา" ที่มีความเสี่ยง 🗓️
ทริค: หากตั้ง Pending Order ข้ามคืน หรือในช่วงที่มี Non-Farm Payroll (NFP), การประชุมธนาคารกลาง (FOMC) หรือช่วง ตลาดเปิด/ปิดวันจันทร์ ให้ตรวจสอบและพิจารณายกเลิก
เหตุผล: ช่วงเวลาเหล่านี้มีโอกาสเกิด Gap (ราคากระโดด) และ Slippage สูงมาก ซึ่งอาจทำให้คำสั่งถูกเปิดในราคาที่เสียเปรียบอย่างรุนแรง
4. ใช้ Pending Order เพื่อ "ยืนยันการกลับตัว" (Reversal Confirmation) 🔄
ทริค: เมื่อราคาเข้าใกล้แนวรับ/แนวต้านสำคัญ อย่าเพิ่งรีบตั้ง Buy Limit/Sell Limit ให้รอสัญญาณแรกของการกลับตัวก่อน (เช่น แท่งเทียน Pin Bar, Engulfing) แล้วจึงตั้ง Pending Order ถัดจากสัญญาณนั้น
ตัวอย่าง: ถ้าราคาลงมาที่แนวรับและเกิดแท่งเทียนกลับตัว ให้ตั้ง Buy Stop สูงกว่ายอดแท่งเทียนนั้นเล็กน้อย เป็นการ "ยืนยัน" การกลับตัวก่อนเข้าเทรดจริง
5. ตั้ง "วันหมดอายุ" (Expiration Date) ⛔
ทริค: หาก Pending Order ของคุณไม่ได้ถูกดำเนินการภายใน 24-48 ชั่วโมง หรือไม่ได้ดำเนินการก่อนวันศุกร์ ให้ ยกเลิก คำสั่งนั้น
เหตุผล: หากคำสั่งรอดำเนินการนานเกินไป หมายความว่าสภาวะตลาดอาจไม่เป็นไปตามที่คุณคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรก การปล่อยคำสั่งไว้ต่อไปอาจมีความเสี่ยง หรือแผนการเทรดนั้นล้าสมัยไปแล้ว
ทองคำรอคำปราศรัยของพาวเวลล์: ขาย $4052 หรือซื้อ $3977?สวัสดีครับเพื่อนๆ ชุมชน TradingView!
ตลาดทองคำกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ หลังจากการเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ ราคากำลังหยุดอยู่ที่บริเวณแนวต้านสำคัญและจิตวิทยาตลาดกำลังรอคอยเหตุการณ์หลักในคืนนี้: คำปราศรัยของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) นายเจอโรม พาวเวลล์
นี่คือช่วงเวลาที่คำพูดไม่กี่คำสามารถตัดสินทิศทางของแนวโน้มทั้งหมดได้ มาร่วมกันวางแผนการดำเนินการอย่างละเอียด
1. บริบทมหภาค: จุดศูนย์กลางเจอโรม พาวเวลล์
"ผลกระทบ" จากบันทึกการประชุม FOMC: ตลาดยังคงอยู่ในกระบวนการ "ย่อย" บันทึกการประชุม FOMC ที่ประกาศเมื่อวานนี้ บันทึกแสดงให้เห็นถึงน้ำเสียงที่ "แข็งกร้าว" (hawkish) กว่าที่คาดไว้ เนื่องจากสมาชิกหลายคนยังคงกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ สิ่งนี้กำลังสร้างแรงกดดันเล็กน้อยต่อราคาทองคำ
เหตุการณ์หลัก: Fed Chair Powell Speaks.
นี่คือเวลาที่ทุกความสนใจมุ่งไปที่ นักเทรดจะ "ส่อง" ทุกคำพูดของนายพาวเวลล์เพื่อค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับเส้นทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
หากนายพาวเวลล์ยังคงน้ำเสียงแข็งกร้าว เน้นว่าการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่สิ้นสุด ดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นและทองคำอาจจะปรับตัวลงลึก
ในทางกลับกัน หากเขามีคำพูดที่ "อ่อนโยน" (dovish) แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ นั่นจะเป็นสัญญาณ "ไฟเขียว" ให้ทองคำทะลุทะลวง
2. การวิเคราะห์ทางเทคนิค: แผนการดำเนินการ
แผนภูมิของเราวางเส้น "สนามรบ" ที่สำคัญไว้อย่างชัดเจน:
บริเวณแนวต้านหลัก (Bearish OB - Zone):
นี่คือ "ป้อมปราการ" ของฝ่ายขาย ที่ซึ่งแรงกดดันในการขายทำกำไรและขายชอร์ตกำลังรวมตัวกัน ด้วยบริบทมหภาคที่มีส่วนแข็งกร้าว นี่คือบริเวณแนวต้านที่แข็งแกร่งมาก สถานการณ์ที่คาดการณ์บนแผนภูมิแสดงให้เห็นว่าราคาอาจฟื้นตัวขึ้นไปยังบริเวณนี้และถูกปฏิเสธ นี่คือบริเวณที่ต้องสังเกตอย่างใกล้ชิดเพื่อค้นหาสัญญาณขาย
บริเวณซื้อหลัก (Bullish OB - Buy Zone):
นี่คือ "ฐานที่มั่น" ที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุดของฝ่ายซื้อ มันคือกลุ่มคำสั่งที่สร้างคลื่นการเพิ่มขึ้นอย่างแรงก่อนหน้านี้ สถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบคือคำปราศรัยของนายพาวเวลล์จะผลักดันราคาให้ปรับตัวลงมายังบริเวณนี้ สร้างโอกาสในการซื้อในราคาที่ดีเพื่อไปตามแนวโน้มหลัก
เป้าหมายทะลุทะลวง (Liquidity):
หากนายพาวเวลล์แสดงความ "อ่อนโยน" อย่างไม่คาดคิด ทองคำอาจจะทะลุแนวต้าน $4,052 และมุ่งตรงไปยังเป้าหมายสภาพคล่องที่จุดสูงสุดเดิม
กลยุทธ์การซื้อขาย
ก่อนเวลาปราศรัย (19:30): ตลาดอาจมีความผันผวนที่ไม่คาดคิด ดีที่สุดคือควรยืนดูจากภายนอกเพื่อหลีกเลี่ยงการ "กวาด" ราคา
กลยุทธ์ที่ควรให้ความสำคัญ: อิงจากสถานการณ์การปรับตัวที่วาดบนแผนภูมิ การรอคอยโอกาสซื้อในบริเวณแนวรับที่แข็งแกร่งจะปลอดภัยกว่า
แผนการเฉพาะ:
ฝ่ายขาย (เสี่ยง): ค้นหาสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจนที่บริเวณ $4,052 ในระหว่างหรือหลังคำปราศรัย
ฝ่ายซื้อ (ปลอดภัย): รอคอยการผลักดันราคาลงมายังบริเวณ $3,977 และค้นหาสัญญาณยืนยันการซื้อ
แผนของคุณคืออะไร?
เพื่อนๆ คาดการณ์ว่าในคืนนี้ประธานพาวเวลล์จะ "แข็งกร้าว" หรือ "อ่อนโยน"? และแผนของคุณคือขาย $4,052 หรือรอคอยเพื่อซื้อ $3,977?
👇 กรุณาแชร์ความคิดเห็นของคุณในส่วนความคิดเห็นและอย่าลืมกดถูกใจ 👍 รวมทั้งติดตามช่องด้วยนะครับ!
เป้าหมายทองคำที่ 4,120 ยังคงชัดเจน!ราคาทองคำยังคงรักษาแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากทะลุกรอบสะสม ราคากำลังเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องภายในกรอบแนวโน้มขาขึ้น และมีแนวโน้มที่จะทดสอบแนวรับที่ 3,970–3,980 ก่อนที่จะดีดตัวกลับ
โครงสร้างตลาดยังคงเอนเอียงไปทางผู้ซื้อ เนื่องจากการปรับฐานครั้งล่าสุดเป็นเพียงการย่อตัวของนักลงทุนรายย่อย ไม่ได้เปลี่ยนแนวโน้มหลัก หากแรงซื้อยังคงอยู่ เป้าหมายระยะสั้นจะอยู่ที่โซน 4,120–4,150 ซึ่งตรงกับขอบบนของกรอบราคาและแนวต้านที่ขยายออกไป
กลยุทธ์ที่แนะนำ: รอซื้อบริเวณแนวรับด้านล่าง รอสัญญาณยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้นเพื่อพาคลื่นขึ้นไป
The Redoubling. BRBR: ราชาใหม่แห่งโภชนาการการกีฬา?เกี่ยวกับ Redoubling
Redoubling คือโครงการวิจัยของฉันเอง ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบคำถามต่อไปนี้: ฉันจะต้องใช้เวลานานเท่าใดในการเพิ่มทุนเป็นสองเท่า บทความแต่ละบทความจะมุ่งเน้นไปที่บริษัทต่างๆ ที่ฉันได้เพิ่มเข้าในพอร์ตโฟลิโอจำลองของฉัน ฉันจะใช้ราคาปิดของแท่งเทียนสุดท้ายในแต่ละวันเป็นราคาซื้อขาย ฉันจะตัดสินใจทุกอย่างโดยอาศัยการวิเคราะห์พื้นฐาน นอกจากนี้ ฉันจะไม่ใช้ประโยชน์จากเลเวอเรจในการคำนวณ แต่ฉันจะลดทุนของฉันตามจำนวนคอมมิชชัน (0.1% ต่อการซื้อขาย) และภาษี (กำไรจากทุน 20% และเงินปันผล 25%) หากต้องการทราบราคาหุ้นของบริษัทในปัจจุบัน เพียงคลิกปุ่มเล่นบนแผนภูมิ แต่โปรดใช้สิ่งนี้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาเท่านั้น เพื่อให้คุณทราบว่านี่ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน
ด้านล่างนี้เป็นภาพรวมโดยละเอียดของ BellRing Brands, Inc. (สัญลักษณ์: BRBR )
1. พื้นที่หลักของกิจกรรม
BellRing Brands เป็นบริษัทด้านโภชนาการสำหรับผู้บริโภคที่มุ่งเน้นในหมวดหมู่ "โภชนาการที่สะดวก" บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์โปรตีน (เชคพร้อมดื่ม ผง และแท่งโปรตีน) ภายใต้แบรนด์หลัก เช่น Premier Protein, Dymatize และ PowerBar BellRing ดำเนินงานในรูปแบบบริษัทโฮลดิ้งที่ดูแลธุรกิจแบรนด์เหล่านี้ และมุ่งเน้นที่การขยายการจัดจำหน่าย การเจาะตลาด และนวัตกรรมด้านโภชนาการ
2. รูปแบบธุรกิจ
BellRing สร้างรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์โภชนาการ (เชค ผง บาร์) ผ่านช่องทางต่างๆ (เช่น คลับ ค้าปลีกจำนวนมาก อีคอมเมิร์ซ ร้านสะดวกซื้อ สินค้าเฉพาะทาง) ในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ รูปแบบส่วนใหญ่เป็นแบบ B2C (ธุรกิจถึงผู้บริโภค) ผ่านทางการขายปลีกและช่องทางตรง แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือกับผู้ขายปลีก ผู้จัดจำหน่าย และผู้ผลิตร่วมในการจัดการการผลิต การผลิตตามสัญญา การขนส่ง และพื้นที่ชั้นวางสินค้าอีกด้วย BellRing ยังลงทุนด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ และการเข้าถึงครัวเรือนเพื่อขับเคลื่อนการซื้อซ้ำและการเติบโตของอัตราการซื้อ
3. ผลิตภัณฑ์หรือบริการหลัก
แบรนด์หลักและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ BellRing ได้แก่:
Premier Protein : แบรนด์เรือธงที่นำเสนอโปรตีนเชคพร้อมดื่ม โปรตีนผง และเครื่องดื่มโปรตีนสดชื่น เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดในพอร์ตโฟลิโอของพวกเขา
Dymatize : มุ่งเน้นไปที่โปรตีนผงสำหรับนักกีฬา/อาหารเสริมสำหรับนักกีฬาและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
PowerBar : แบรนด์บาร์โภชนาการเก่าแก่ที่ขยายตลาดไปยังต่างประเทศและข้ามหมวดหมู่
4. ประเทศสำคัญสำหรับธุรกิจ
แม้ว่าตลาดหลักของ BellRing จะเป็นสหรัฐอเมริกา แต่บริษัทก็กำลังดำเนินการขยายการดำเนินงานในระดับนานาชาติ การเติบโตในระดับนานาชาติของ Dymatize ได้รับการยกย่องว่าเป็นแรงผลักดันเชิงบวก แบรนด์ PowerBar ยังเข้าถึงตลาดต่างประเทศมากกว่า 35 แห่ง โดยเฉพาะในยุโรป อย่างไรก็ตาม BellRing มักถูกมองว่าเป็น "บริษัทโภชนาการของสหรัฐฯ ที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์แบบเพียวเพลย์" ซึ่งมีความทะเยอทะยานที่จะขยายไปทั่วโลกมากขึ้น เนื่องจากช่องทางการจัดจำหน่ายและผู้บริโภคส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา การค้าปลีกในประเทศ อีคอมเมิร์ซ และช่องทางสะดวกซื้อจึงมีความสำคัญเป็นพิเศษ
5. คู่แข่งหลัก
BellRing แข่งขันในพื้นที่อาหาร เครื่องดื่ม และโภชนาการที่กว้างขึ้น บริษัทคู่แข่งและบริษัทอื่น ๆ ที่สำคัญ ได้แก่:
Medifast, Inc. (ผลิตภัณฑ์โภชนาการ / อาหารและสุขภาพ)
บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคและเครื่องดื่มรายใหญ่ เช่น Coca-Cola, Unilever, Keurig Dr Pepper, Hershey (ผ่านทางกลุ่มเครื่องดื่ม/โภชนาการ)
บริษัทโภชนาการเฉพาะทาง / อาหารเสริมในด้านโปรตีน สุขภาพ / ความสมบูรณ์ของร่างกาย
ตามข้อมูลของ Craft คู่แข่งได้แก่ Amy's Kitchen และร้านอื่นๆ ในกลุ่มโภชนาการ/อาหารที่อยู่ติดกัน
ในการเปรียบเทียบอุตสาหกรรมโดยรวม BellRing จะถูกจัดกลุ่มร่วมกับอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารและอุตสาหกรรมเพื่อผู้บริโภคที่ไม่เป็นวัฏจักร
6. ปัจจัยภายนอกและภายในที่ส่งผลต่อการเติบโตของกำไร
ปัจจัยภายนอก
แนวโน้มมหภาคที่มุ่งสู่สุขภาพ ความสมบูรณ์ของร่างกาย และโภชนาการเชิงฟังก์ชัน: เนื่องจากผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีโปรตีน ฉลากที่สะอาด สะดวกสบาย และมีประโยชน์เชิงฟังก์ชันมากขึ้น BellRing จึงอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการตอบสนองความต้องการ
การเจาะตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักต่ำ: บริษัทตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์เชคยังคงมีการเจาะตลาดครัวเรือนค่อนข้างต่ำ (เช่น 48% ในบางช่องทางที่ติดตาม แสดงให้เห็นถึงช่องทางในการเติบโต
การขยายการจัดจำหน่ายและช่องทางใหม่ (อีคอมเมิร์ซ ความสะดวก): การเติบโตในช่องทางที่ยังไม่ได้ติดตาม การขายระหว่างประเทศ และแพลตฟอร์มดิจิทัลสามารถขยายการเข้าถึงได้
วงจรสินค้าโภคภัณฑ์และต้นทุนปัจจัยการผลิตลดลง: แนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบหรือปัจจัยการผลิตที่ดี (หรือการป้องกันความเสี่ยง) อาจช่วยปรับปรุงอัตรากำไรได้ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 บริษัทอ้างว่าต้นทุนปัจจัยการผลิตสุทธิลดลงเป็นปัจจัยที่ทำให้มีอัตรากำไรสูงขึ้น
ปัจจัยภายใน
ความแข็งแกร่งของแบรนด์และการเติบโตของการเข้าถึงครัวเรือน: Premier Protein พบว่ามีการเติบโตที่แข็งแกร่งในการเข้าถึง ซึ่งสนับสนุนความต้องการที่เกิดขึ้นซ้ำ
การขยายขนาดการจัดหาและการผลิต: BellRing ได้สร้างเครือข่ายการผลิตร่วมและเพิ่มอุปทานการสั่นสะเทือนเพื่อขจัดข้อจำกัด
ประสิทธิภาพการดำเนินงานและการขยายอัตรากำไร: บริษัทใช้การควบคุมต้นทุน การจัดซื้อ ค่าธรรมเนียมการผลิต (เช่น ค่าธรรมเนียมการบรรลุเป้าหมาย) และกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง
โปรแกรมการซื้อหุ้นคืน: บริษัทดำเนินการซื้อหุ้นคืนอย่างแข็งขันเพื่อคืนทุนและสนับสนุนการเติบโตของรายได้ต่อหุ้น
นวัตกรรมและการขยายผลิตภัณฑ์: การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้กลุ่มโภชนาการสามารถผลักดันปริมาณและรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้
7. ปัจจัยภายนอกและภายในที่ส่งผลต่อกำไรลดลง
ภัยคุกคามจากภายนอก
การแข่งขันที่รุนแรงและการอิ่มตัวของตลาด: ธุรกิจเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการ/ฟังก์ชันมีการแข่งขันสูง โดยมีผู้ประกอบการรายเดิมจำนวนมากที่มีเงินทุนหนา การสูญเสียพื้นที่วางสินค้าหรือแรงกดดันในการส่งเสริมการขายอาจทำลายอัตรากำไรได้
การลดกำลังและสินค้าคงคลังของผู้ค้าปลีก: ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 BellRing เปิดเผยว่าผู้ค้าปลีกหลักลดปริมาณการจัดหาสินค้าเป็นเวลาหลายสัปดาห์ คาดว่าจะสร้างอุปสรรคต่อการเติบโต
ต้นทุนปัจจัยการผลิตเพิ่มสูงขึ้นและความผันผวนของสินค้าโภคภัณฑ์: ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหรือการป้องกันความเสี่ยงตามมูลค่าตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยอาจทำให้กำไรลดลง
ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ การติดฉลาก หรือการอ้างสิทธิ์ด้านสุขภาพ: ในภาคส่วนอาหาร เครื่องดื่ม และโภชนาการ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเกี่ยวกับอาหารเสริม การอ้างสิทธิ์ด้านสุขภาพ หรือการติดฉลาก อาจทำให้เกิดต้นทุนได้
การเปิดเผยทางกฎหมาย/การฟ้องร้อง: BellRing เปิดเผยข้อตกลงมูลค่า 90 ล้านเหรียญสหรัฐที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องในอดีต (Joint Juice)
จุดอ่อนภายใน
การพึ่งพาแบรนด์หลัก/หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์มากเกินไป: หาก Premier Protein ทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ความเข้มข้นของรายได้ของบริษัทอาจก่อให้เกิดความเสี่ยง
ความเสี่ยงในการดำเนินการ: การขยายการผลิต การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ความล้มเหลวในการควบคุมคุณภาพ หรือความผิดพลาดในการทำการตลาดอาจส่งผลเสียต่อการเติบโต
สำรองตามกฎหมาย / สำรองเกินคาด: สำรองสำหรับประเด็นทางกฎหมายในไตรมาส 3 ปี 2568 กระทบผลประกอบการ ฉุดกำไรจากการดำเนินงาน
8. เสถียรภาพของการบริหารจัดการ
การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
Darcy Horn Davenport ดำรงตำแหน่งประธานและซีอีโอและอยู่ในคณะกรรมการ ก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นผู้นำธุรกิจ Active Nutrition ของ Post ก่อนที่ BellRing จะแยกตัวออกไป
Paul Rode ดำรงตำแหน่ง CFO มีประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจโภชนาการและดำรงตำแหน่งก่อนหน้านี้ที่ Post รวมถึงการดำรงตำแหน่ง CFO ของ Active Nutrition ของ Post
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 BellRing ได้ประกาศว่า Elliot H. Stein Jr. จะลาออกจากคณะกรรมการโดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2026 ในเวลาเดียวกัน โทมัส พี. Erickson ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการอิสระชั้นนำ Shawn W. Conway ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการด้านค่าตอบแทนและการกำกับดูแล และ Jennifer Kuperman เข้าร่วมคณะกรรมการบริหาร
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้รับการอธิบายว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงการกำกับดูแล/คณะกรรมการ มากกว่าการโยกย้ายผู้บริหาร
ผลกระทบต่อกลยุทธ์/วัฒนธรรมองค์กร
ดูเหมือนว่าทีมผู้บริหารจะค่อนข้างมั่นคงในระดับสูงสุด โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง CEO หรือ CFO ที่สำคัญเมื่อเร็วๆ นี้ การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการดูเหมือนจะเกี่ยวกับบทบาทของคณะกรรมการและการวางแผนการสืบทอดตำแหน่งมากกว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ภายใต้การนำของเดเวนพอร์ต บริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์การเติบโตเชิงรุก การเจาะแบรนด์ และการขยายอุปทาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องและการจัดแนวระหว่างฝ่ายบริหารและกลยุทธ์ การปรับเปลี่ยนบอร์ดมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินไปอย่างต่อเนื่องราบรื่นมากกว่าที่จะขัดขวางทิศทาง ซึ่งอาจช่วยสนับสนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ทำไมฉันถึงเพิ่มบริษัทนี้เข้าในพอร์ตโฟลิโอโมเดลของฉัน
ฉันลองดูข้อมูลพื้นฐานของบริษัทแล้ว ดูเหมือนว่ากำไรต่อหุ้นจะไม่เติบโตในตอนนี้ แต่รายได้รวมกลับเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อรวมเข้ากับอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ที่ต่ำและกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การลงทุน และการเงินที่สม่ำเสมอ ทำให้งบดุลมีรากฐานที่ดี สิ่งอื่นๆ ที่ควรทราบก็คือ ผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้นและอัตรากำไรขั้นต้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนปัจจุบันแข็งแกร่ง และอัตราส่วนการครอบคลุมดอกเบี้ยก็ยอดเยี่ยม สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสภาพคล่องและความสามารถในการชำระหนี้มีความมั่นคง ด้วยอัตราส่วน P/E ที่ 20.36 ฉันคิดว่าการประเมินมูลค่านี้ถือว่าน่าสนใจเมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้และสอดคล้องกับโปรไฟล์การเติบโตที่สมดุล
ฉันไม่พบข่าวสำคัญใดๆ ที่จะคุกคามเสถียรภาพของบริษัทหรือนำไปสู่การล้มละลาย เมื่อพิจารณาค่าสัมประสิทธิ์การกระจายความเสี่ยงที่ 20 และความเบี่ยงเบนที่สังเกตได้ของราคาหุ้นปัจจุบันจากค่าเฉลี่ยรายปีมากกว่า 16 EPS ฉันจึงตัดสินใจจัดสรรเงินทุน 15% ของฉันให้กับบริษัทนี้ที่ราคาปิดของแท่งรายวันล่าสุด
ภาพรวมพอร์ตโฟลิโอ
ด้านล่างนี้เป็นภาพหน้าจอจากเครื่องมือ Portfolios ของ TradingView ฉันใช้เงินทุนเริ่มต้น 100,000 ดอลลาร์สำหรับพอร์ตโฟลิโอจำลอง ฉันจะอัปเดตภาพหน้าจอเหล่านี้เมื่อฉันเพิ่มการซื้อขายใหม่
วัวนอนไม่หลับ - Bitcoin กำลังรวมตัวกัน!Bitcoin ยังคงรักษาจังหวะสะสมในแอมพลิจูดของ 121.5K - 125.6K โดยมีโครงสร้างทางเทคนิคที่แสดงแนวโน้มของการเพิ่มขึ้นยังคงถูกเก็บรักษาไว้ หลังจากปรับตัวเล็กน้อยของสัปดาห์ราคาจะปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องจากพื้นที่สนับสนุน 121.5k และรักษาความมั่นคงเหนือถนน Ema34 แสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อแพลตฟอร์มยังคงแข็งแกร่งมาก
ปัจจุบันพื้นที่ต้านทาน 125.6K ยังคงเป็นอุปสรรคหลักก่อนที่ BTC จะเข้าสู่ขั้นตอนการขยายตัวของคลื่นลูกต่อไป การแกว่งไปตามทางด้านข้างที่แคบแสดงให้เห็นว่าตลาดอยู่ในช่วงการดูดซับสภาพคล่องซึ่งกระแสเงินสดขนาดใหญ่รวบรวมตำแหน่งที่จะซื้อรอบ ๆ พื้นที่สนับสนุนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการหยุดพักอย่างมีนัยสำคัญ
โดยส่วนตัวแล้วฉันคาดการณ์ว่าราคาจะเกินพื้นที่ 125.6K ด้วยปริมาณการยืนยันเป้าหมายระยะสั้นจะขยายไปสู่ 129K ซึ่งสอดคล้องกับจังหวะคลื่นอย่างต่อเนื่องในโครงสร้างหลัก
ในบริบทของจิตวิทยาตลาดค่อยๆปรับปรุงและข้อมูลแมโครยังคงสนับสนุนแนวโน้ม "ความเสี่ยง" โมเมนตัมที่เพิ่มขึ้นของ BTCUSDT มีแนวโน้มที่จะได้รับการเสริมความแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของสัปดาห์นี้
Eaw_Neowave อัพเดท xauusd ที่นับไว้วันที่ 21 มี.ค. 2567 Eaw_Neowave อัพเดท xauusd ที่นับไว้วันที่ 21 มี.ค. 2567
วันนั้นนับคลื่นไว้ว่าอาจจะเป็นอิมพาวเวฟแบบคลื่นสามยืดตัวและคลื่นห้าอาจจะกำลังจะจบ แต่ว่าคลื่นห้ามันไม่ยอมจบและขยายตัวขึ้นไปเรื่อยๆจนกลายเป็นรูปแบบ larger 5th wave Extension และคลื่นย่อยของคลื่นห้าใหญ่ดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนเป็น non standard small x wave กรณีแบบนี้ในหนังสือเขามีกฏเรื่องกฏความเท่าเทียมกำกับไว้อยู่หากมันผิดกฏนี้ก็ไม่ใช่คลื่นสามขยายตัวเราก็ต้องเปลี่ยนลาเบลและไปหาสมมุติฐานในรูปแบบอื่นว่าน่าจะเข้ารูปแบบอะไรบ้างที่ไม่ใช่อิมพาวเวฟแบบคลื่นสามขยายตัว
กฏความเท่าเทียม หรือ Rule of Equality กล่าวคือหากคลื่นสามขยายตัว เมื่อเทียบระหว่าง 1 3 5 คลื่นที่ไม่ใช่คลื่นยืดตัวทั้งสองมักต้องมีสัดส่วนเท่ากันตาม Fibonacci number ในแง่ของราคา หรือ เวลา ดังนั้น Wave-3 Wave-5 จะใช้เวลาใกล้เคียงกัน ดังนั้นหากเป็นอิมพาวเวฟแบบคลื่นสามขยายตัว คลื่นห้าราคามันจะยาวคลื่นหนึ่งไม่ได้ หรือ หากยาวกว่าแต่ความยาวก็ไม่ควรเกิน Fibonacci number 61.8% เมื่อเทียบกับความยาวคลื่นสาม
Wave-5 Extended Wave-1 Should progress at the sharpst angle with wave-3 follwing closely behind and wave-5 possessing the slowest rate of acceleration. A 5th wave extension cannot be completelty retraced unless it is the c-wave of a crrection or is the end of a larger 5th wave Extension
Figure 8-20 Continued >>> The 5th wave (when extended) will quite often break the upper trendline ("false break") only to quickly retrace 61.8%-95% of the entire 5th wave.
อาจจะงง ทำไหมคลื่น (1) กับ (2) เล็กจัง คำอธิบายในหนังสือนะครับ คลื่น1 จะมีขนาดเล็กจะเกิดเร็วและปรับตัวเร็วทำให้คลื่น 2 มักจะไม่ซับซ้อนและมีขนาดเล็กแล้วเกิดคลื่นสามติดตามมาทันทีซึ่งเรียกว่า Simple หรือ mono-wave แต่จะวิ่งไม่เร็วและรุนแรงเท่าคลื่น 1 ส่วนคลื่น 5 จะค่อยๆวิ่งในอัตราที่ช้ากว่าและใช้เวลานานในการจบ โดยปกติคลื่น 5 จะไม่ Complely Retraced ยกเว้นคลื่น 5 จะเป็นการยืดตัวของ C-wave Correction หรือ เป็น 5 sub-wave ใน larger 5th wave Extension คลื่น(5) เมื่อจบรูปแบบแล้วราคาจะปรับฐานลงอย่างรวดเร็ว 61.8%-95% ของคลื่นยืดตัวThe 3rd wave must be slightly longer than the 1st wave, but it should not complete beyond 161.8% of wave-1. คลื่น (3) ไม่ควรยาวเกิน 161.8% ของ คลื่น (1)
"Wave-4 should be more complex and time consuming than wave-2 when the 5th wave extends" ในหนังสือบทที่ 8 บอกว่า รูปแบบนี้กว่าคลื่นที่5จะขยายออกไป คลื่น 4 จะใช้เวลานานและซับซ้อนกว่าคลื่นที่ 2 คลื่น 2 แบบนี้เรียกว่า Mono wave มีขนาดเล็ก คลื่น 4 เป็นการสะสมตัวขนาดใหญ่รูปแบบ Irregular Flat เพื่อจะ Extension ซึ่งคลื่น 4 ซับซ้อน และ มีขนาดใหญ่กว่าชัดเจน บ้างครั้งใหญ่เกิน 3 เท่าของ คลื่น 2 เป็นรูปแบบเดียวที่ยกเว้นให้ผิดเรื่องดีกรีเพราะว่าคลื่น 4 ใหญ่มากจึ่งผลักคลื่น 5 ให้ยาวมาก คลื่นย่อยของคลื่น 5 จึงมีขนาดเดียวกับคลื่น 2 ใหญ่ได้
ส่วนคลื่นย่อยของ larger 5th wave Extension เป็นรูปแบบ non standard small x wave ตอนนี้อยู่ในชุดที่สองของ non standard แบบ Double zigzag ส่วนความยาวคลื่นซีของ Zigzag ชุดที่สองจะยาวได้เท่าไรขึ้นอยู่กับรูปแบบว่าเป็น Zigzag ประเภทอะไรตามบทที่ห้าของหนังสือ หากเป็น Normal zigzag คลื่นซีก็จะยาวได้ตั้งแต่ 61.8 - 161.8% เมื่อเทียบกับคลื่นเอโดยจะวัดแบบ External ตอนนี้ยังไม่เกิน 161.8% ก็ยังให้เป็น Normal Zigzag ไปก่อน
ล้มแล้วลุก: 4 ขั้นตอนฟื้นตัวจากพอร์ต Forex ล้างหลังจากเผชิญกับการล้างพอร์ตในตลาด Forex หลายคนอาจจะรู้สึกแย่ 😭 แต่ไม่ต้องห่วง! การกลับมาเริ่มต้นใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ต้องมีสติและทำตามขั้นตอนเหล่านี้
1. ยอมรับและเรียนรู้ 🧠
ให้มองว่าการล้างพอร์ตเป็นบทเรียนราคาแพง วิเคราะห์ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเทรดเยอะเกินไป หรือใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ
2. หยุดพักให้ใจนิ่ง 🧘
อย่าเพิ่งรีบกลับไปเทรดทันที พักสมองให้ปลอดโปร่งสักพัก แล้วค่อยทบทวนแผนการเทรดใหม่
3. เริ่มต้นใหม่ด้วยทุนน้อยๆ 💰
เมื่อพร้อม ให้กลับมาด้วยเงินจำนวนน้อยๆ ที่ไม่ทำให้เราเดือดร้อนหากต้องขาดทุนอีก วางแผนให้รัดกุมและยึดมั่นในแผนนั้น
4. ฝึกฝนและมีวินัย 💪
ใช้บัญชีทดลอง (Demo) ให้เป็นประโยชน์ ฝึกจนกว่าจะมั่นใจและมีวินัยมากพอ เพราะการเทรดที่ประสบความสำเร็จมาจากวินัยและการบริหารความเสี่ยงที่ดี
การเทรดอย่าง มั่นคง และ ปลอดภัย คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว ✅
บิตคอยน์สร้างฐานการสนับสนุนต้นเดือนตุลาคมวันนี้เป็นสัญญาณบวกเนื่องจากบิทคอยน์เพิ่มขึ้น 33236 หรือ 2.9%เป็น 1114,3500 การย้ายที่อาจช่วยสร้างชั้นที่มีศักยภาพสำหรับการชุมนุมในเดือนตุลาคม
จากมุมมองทางเทคนิคบิทคอยน์ถือครองเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบชี้แจงที่เพิ่มขึ้น 100 วันซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับแบบไดนามิกในช่วงเวลาตั้งแต่เดือนเมษายน ราคาได้หักเส้นแนวโน้มนี้หลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา,และในแต่ละครั้งที่ผู้ซื้อได้ก้าว
ระดับคว่ำที่จะดู:
1116,500-แนวต้านครั้งแรกจากปลายเดือนกันยายนความคิดฟุ้งซ่านระหว่างวัน
1120,000-แกว่งที่สำคัญสูงตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นอุปสรรคทางจิตวิทยาที่แข็งแกร่ง
$124,000-แนวต้านที่สำคัญตั้งแต่เดือนสิงหาคม
Peak 128,000 ปีถึงวันที่สูงสุด
ความต้านทานจำนวนรอบ 140,000 ดอลลาร์และเป้าหมายการเคลื่อนที่ที่วัดได้หากบิทคอยน์ขยาย 1128 กิโลเมตรนอกจากนี้ยังมีส่วนขยายของฟีโบนักชีของการชุมนุมเดือนเมษายนถึงสิงหาคม
1150,000-เหตุการณ์สำคัญทางจิตวิทยาใหญ่
Gold 30/09|เงินทุนไหลเข้าสู่ทองคำ | ราคามุ่งหน้าสู่จุดสูงสุดใหม่🔎 Captain’s Log – บริบท & ข่าวสาร
การเมืองสหรัฐ : การเจรจาระหว่าง Trump และผู้นำ 2 พรรคไม่บรรลุข้อตกลง → ความเสี่ยงที่รัฐบาลจะปิดทำการในวันพุธเพิ่มขึ้น
ความขัดแย้ง : พรรคเดโมแครตเรียกร้องให้มีการประนีประนอม ขณะที่พรรครีพับลิกันคัดค้านอย่างหนัก → ทั้งสองฝ่ายยังห่างไกลและต่างกล่าวโทษกัน
ตลาด : นักลงทุนจับตาข้อมูล JOLTS และคำพูดจากเจ้าหน้าที่ FED 3 คน แต่ความเสี่ยงทางการเมืองคือปัจจัยหลักที่ผลักดันทองคำ
แนวโน้ม : กระแสเงินทุนหลบภัยยังคงหลั่งไหลเข้าทองคำ → เพิ่มโอกาสมุ่งสู่ ATH ใหม่
⏩ Captain’s Summary : ทะเลการเมืองสหรัฐกำลังปั่นป่วน ทองคำกลายเป็นป้อมปราการปลอดภัย เส้นทางสู่ ATH ถูกเปิดกว้าง
📈 Captain’s Chart – การวิเคราะห์ทางเทคนิค (H1)
EMA : EMA 34 (ทอง) > EMA 89 (แดง) → แนวโน้มขาขึ้นชัดเจน
Golden Harbor (แนวรับ / Buy Zone):
• Big Volume Dock: 3,827
Storm Breaker (แนวต้าน / Sell Zone):
• ATH test: 3,916 – 3,917
โครงสร้างราคา:
ทองคำทะยานแรง ปัจจุบันซื้อขายบริเวณ 3,870 แนวโน้มหลักยังคง bullish โดยมีแนวรับ 3,842 – 3,827 เป็นท่าจอดสำคัญ
🎯 Captain’s Map – แผนการเทรด
✅ Buy (กลยุทธ์หลัก)
• Buy Zone – Big Volume: Entry 3,827 – 3,824 | SL: 3,815 | TP: 3,870 – 3,899 – 3,916
⚡ Sell (Scalp ระยะสั้น – ความเสี่ยงสูง)
• Sell Zone – ATH test: Entry 3,917 – 3,920 | SL: 3,925 | TP: 3,899 – 3,870 – 3,856
บันทึกกัปตัน ⚓
“ใบเรือทองคำถูกลมแห่งกระแสเงินหลบภัยพัดเต็มที่ พาเรือเข้าใกล้ ATH Golden Harbor 🏝️ (3,842 – 3,827) คือท่าจอดในอุดมคติสำหรับลูกเรือเตรียม Buy Storm Breaker 🌊 (3,916 – 3,920) อาจสร้างคลื่นแรง เหมาะสำหรับ Quick Boarding 🚤 ระยะสั้น หากพายุการเมืองจากวอชิงตันปะทุ เส้นทางทองคำอาจทะลุยอดและขยายแผนที่เดินเรือออกไป”
📢 หากเห็น Captain’s Log มีประโยชน์ อย่าลืมกด Follow เพื่อรับอัปเดตล่าสุด
💬 คุณคิดอย่างไร? ทองจะพิชิต ATH บริเวณ 3,917 ได้ภายในสัปดาห์นี้หรือไม่?
H1 ขาขึ้นยังแข็งแรง | รอ Buy 3,792–3,765 เป้า 3,821🟡 XAU/USD – 29/09/2025 | Captain Vincent ⚓
🔎 Captain’s Log – โครงสร้าง & แนวโน้ม
H1 เกิด BoS ต่อเนื่อง → แนวโน้มขาขึ้นยังคงอยู่
ราคาทะลุเส้นเทรนด์ไลน์ขาลงระยะยาวและขึ้นสู่โซนสูงใหม่
EMA 34 & EMA 89 ชี้ขึ้นและอยู่ใต้ราคา → ยืนยันแรงขาขึ้นระยะสั้น–กลางยังแข็งแรง
📈 Captain’s Chart – โซนสำคัญ
Storm Breaker (Sell Zone / ATH test): 3,818 – 3,821
Golden Harbor (FVG – Buy Zone): 3,792 – 3,779
OB Harbor 1: 3,772 – 3,765
OB Harbor 2 (ลึก): 3,731 – 3,724
แนวคิดหลัก : 3,792 – 3,765 คือแนวรับสำคัญสำหรับ Buy ตามเทรนด์; 3,818 – 3,821 คือโซนต้านที่อาจมีแรงขายทำกำไร
🎯 Captain’s Map – แผนการเทรด
✅ Golden Harbor (BUY – กลยุทธ์หลัก)
• Buy Zone 1 – FVG (3,792 – 3,779)
Entry: 3,792 – 3,779 | SL: 3,765 | TP: 3,805 – 3,818 – 3,821+
• Buy Zone 2 – OB1 (3,772 – 3,765)
Entry: 3,772 – 3,765 | SL: 3,758 (ต่ำกว่า 3,765) | TP: 3,792 – 3,805 – 3,818 – 3,821
• Buy Zone 3 – OB2 ลึก (3,731 – 3,724)
Entry: 3,731 – 3,724 | SL: 3,714 | TP: 3,745 – 3,765 – 3,792 – 3,805
⚡ Quick Boarding (SELL – Scalp เท่านั้น)
• Sell Zone – Storm Breaker (3,818 – 3,821)
Entry: 3,818 – 3,821 | SL: 3,828 | TP: 3,805 – 3,796 – 3,792
Breakdown Short (ตามเงื่อนไข)
พิจารณา Short ก็ต่อเมื่อ H1 ปิดแท่งใต้ 3,724
SL: 3,735 | TP: 3,710 – 3,700 – 3,690
บันทึกกัปตัน ⚓
“ใบเรือทองคำยังรับลมแรงหลังจาก BoS ต่อเนื่อง Golden Harbor 🏝️ (3,792 → 3,765) คือท่าจอดเพื่อขึ้นเรือตามกระแสหลัก Storm Breaker 🌊 (3,818 – 3,821) อาจมีคลื่นแรงจากแรงขายทำกำไร – ควร Quick Boarding 🚤 เฉพาะเมื่อมีสัญญาณชัดเจน หากราคาทะลุลงใต้ 3,724 ให้เรือถอยลึกไป OB2 เพื่อสะสมแรงก่อนออกเดินทางขึ้นเหนืออีกครั้ง”






















