ลงทุนแบบ VI "คุณค่า": เคล็ดลับสู่การสร้างความมั่งคั่งระยะยาว ในโลกของการลงทุนที่อะไรๆ ก็ดูวุ่นวายและเปลี่ยนแปลงเร็วมาก 🌪️ การลงทุนแบบ "คุณค่า" (Value Investing) ยังคงเป็นแนวทางที่เจ๋งและใช้ได้จริงเสมอ! 🌟 แนวคิดนี้ไม่ใช่แค่การซื้อๆ ขายๆ แต่เป็นการมองหา "ของดีราคาถูก" เหมือนเวลาที่เราไปเดินช้อปปิ้งเลยครับ! 🛍️
ลงทุนแบบคุณค่าคืออะไร? 🤔
หลักการง่ายๆ คือ: ซื้อของที่ราคาถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง! 🏷️ ลองนึกภาพว่าคุณเจอสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่คุณภาพดีสุดๆ แต่ร้านค้ากำลังลดราคา 50% คุณจะรีบซื้อไหมล่ะ? 📱 การลงทุนในหุ้นก็เหมือนกันครับ ถ้าเราเจอหุ้นของบริษัทที่เจ๋งมากๆ แต่ราคาในตลาดต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เราก็รีบซื้อเก็บไว้! 🤑
นักลงทุนแบบคุณค่าจะใช้เวลาวิเคราะห์บริษัทอย่างละเอียด 🕵️♂️ เพื่อหาว่าจริงๆ แล้วบริษัทนี้มี "มูลค่าที่แท้จริง" เท่าไหร่ โดยดูจาก:
งบการเงิน: บริษัททำกำไรได้ดีไหม? มีหนี้เยอะรึเปล่า? 📈
ความสามารถในการแข่งขัน: มีจุดเด่นอะไรที่บริษัทอื่นทำตามยาก? มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งไหม? 💪
ผู้บริหาร: ทีมผู้บริหารเก่งและซื่อสัตย์รึเปล่า? 🤝
พอเจอหุ้นที่เข้าข่ายแล้ว ก็จะเข้าซื้อและรอให้ตลาดเห็นคุณค่าที่แท้จริงของมันในอนาคตครับ! 🚀
เคล็ดลับสำคัญของการลงทุนแบบคุณค่า 🔑
วิเคราะห์เชิงลึก: อย่ามองแค่ตัวเลขบนหน้าจอ! ให้ดูคุณภาพของธุรกิจด้วย เช่น แบรนด์แข็งแรงไหม หรือมีลูกค้าประจำเยอะแค่ไหน 💖
มองหา "ส่วนลด": หรือที่เรียกว่า "ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย" (Margin of Safety) การซื้อในราคาที่ถูกมากๆ ช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้เยอะเลยครับ! 🛡️
อดทนและถือยาว: นี่ไม่ใช่การซื้อขายแบบรายวัน 🏃♂️ แต่เป็นการถือหุ้นดีๆ ไปนานๆ เพื่อรอให้คุณค่าของมันเติบโตไปกับเวลา 🕰️
เข้าใจธุรกิจที่ลงทุน: อย่าลงทุนในสิ่งที่เราไม่รู้! 📚 ใช้เวลาศึกษาให้เข้าใจธุรกิจอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจ 🧠
ใครคือตำนานของแนวทางนี้? 👑
ถ้าพูดถึง Value Investing ก็ต้องนึกถึง เบนจามิน เกรแฮม ผู้ที่เป็นเหมือนอาจารย์ใหญ่ 👨🏫 และลูกศิษย์ที่โด่งดังที่สุดในโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั่นเองครับ! 🧔♂️ ทั้งสองท่านได้พิสูจน์แล้วว่าหลักการนี้ใช้ได้ผลจริงและสร้างความมั่งคั่งมหาศาลได้แบบยั่งยืน! ✨
สรุป 💡
การลงทุนแบบคุณค่าไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใช้ความอดทนและวินัย 🧘♂️ มันสอนให้เรามองข้ามความผันผวนเล็กๆ น้อยๆ และโฟกัสไปที่การเป็นเจ้าของธุรกิจที่ดีในราคาที่เหมาะสม เพื่ออนาคตทางการเงินที่มั่นคงครับ! 👍
ภาพประกอบ
ออราเคิลไฟกระชากมิ้นท์ใหม่ที่ร่ำรวยที่สุดคน&เทรดเดอร์ตา 50 บิ...ออราเคิลไฟกระชากมิ้นท์ใหม่ที่ร่ำรวยที่สุดคน&เทรดเดอร์ตา 50 บิตต่อวินาทีตัด
หุ้นของออราเคิลเพิ่มขึ้น 35%หลังจากที่รายงานไฟกระชากในการจองเมฆได้แรงหนุนจากควา การชุมนุมขับเคลื่อนซีอีโอแลร์รี่เอลลิสันเหนืออีลอนชะมดไปด้านบนของการจัดอันดับความมั่ง
ในทางตรงกันข้ามแอปเปิ้ลลดลง 3%ในขณะที่ไอโฟน 17 เปิดตัวล้มเหลวในการสร้างความประทั 3,ซึ่งสามารถแปลภาษาในเวลาจริง,ได้สร้างบางฉวัดเฉวียนและความตื่นเต้นแม้ว่า.
0.1%ในเดือนสิงหาคมท้าทายความคาดหวังสำหรับการเพิ่มขึ้น 0.3%
ดัชนีราคาผู้บริโภคในวันพฤหัสบดี(ดัชนีราคาผู้บริโภค)รายงาน.
มเข้มแข็งการเก็งกำไรว่าธนาคารกลางสหรัฐสามารถส่งมอบที่มีขนาดใหญ่กว่าที่คาดไว้ 50
DOGE/USDT – Triangle Breakout Loading…DOGE is coiling inside a Symmetrical Triangle on the 4H chart 📊. Price action is getting tighter → breakout is near!
Support 🛡️: $0.21 (key), $0.20 (invalidation)
Resistance 🎯: $0.25 (breakout trigger), then $0.28 → $0.30 → $0.36
RSI ⚡: ~52, leaning bullish
Volume 🔍: Dropping during consolidation – classic pre-breakout setup
📈 Bullish Setup: Close above $0.25 with strong volume → target $0.28–0.36
📉 Bearish Risk: Break below $0.21 → retest $0.19–0.20
⚠️ Disclaimer: Not financial advice. For educational purposes only. Trade safe & manage risk.
ระบบเทรดที่เหมาะกับพนักงานประจำ: สร้างพอร์ตให้เติบโตได้ แม้ไม่มีในยุคที่การลงทุนในตลาดหุ้นและสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความนิยมอย่างสูง 💻 หลายคนสนใจที่จะเข้ามาเป็นนักลงทุน แต่สำหรับ พนักงานประจำ 🧑💼 ที่มีตารางงานแน่นเอี้ยด การหาเวลามานั่งเฝ้าจอเพื่อเทรดแบบรายวันอาจเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ❌ แล้วจะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้เราสามารถลงทุนและสร้างผลตอบแทนได้ โดยไม่ต้องทิ้งงานประจำ?
คำตอบคือการเลือกใช้ ระบบเทรดที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของพนักงานประจำ ซึ่งเน้นการลงทุนระยะยาวและใช้กลยุทธ์ที่ไม่ต้องใช้เวลาติดตามตลาดตลอดเวลาครับ ⏰
1. การลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) 💰
DCA คือการทยอยลงทุนด้วยจำนวนเงินเท่ากันอย่างสม่ำเสมอในทุกงวด เช่น ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน 🗓️ โดยไม่สนใจว่าราคา ณ ตอนนั้นจะสูงหรือต่ำ กลยุทธ์นี้เหมาะกับพนักงานประจำที่สุด เพราะไม่ต้องใช้เวลาวิเคราะห์ตลาดมากนัก
ข้อดี :
ลดความเสี่ยงจากการซื้อที่จุดสูงสุด: การซื้อกระจายหลายๆ ครั้งจะช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุนให้ใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยในระยะยาว 📉
สร้างวินัยในการออมและการลงทุน: การลงทุนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เงินทุนของเราเติบโตอย่างต่อเนื่อง 🌱
ประหยัดเวลา : ไม่ต้องเฝ้าดูราคา ไม่ต้องจับจังหวะเข้าซื้อ เหมาะกับคนที่ยุ่งตลอดเวลา 🏃♂️
เหมาะสำหรับ : การลงทุนในกองทุนรวม, กองทุน ETF, หรือหุ้นพื้นฐานดีที่เรามั่นใจในระยะยาว 💎
2. ระบบเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following System) 📊
ระบบนี้จะเน้นการเข้าซื้อและถือครองเมื่อเห็นว่าสินทรัพย์นั้นกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น (Uptrend) 🚀 และจะขายออกเมื่อสัญญาณเปลี่ยนเป็นขาลง (Downtrend) 📉 การลงทุนแบบนี้ไม่ต้องซื้อขายบ่อยๆ แต่จะใช้สัญญาณทางเทคนิคในการตัดสินใจ
การประยุกต์ใช้สำหรับพนักงานประจำ:
ใช้กรอบเวลารายสัปดาห์หรือรายเดือน: แทนที่จะใช้กราฟรายวันหรือรายชั่วโมง ให้เปลี่ยนมาดูกราฟที่มีกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เราไม่ต้องเช็กบ่อยๆ แค่อาทิตย์ละครั้งก็พอแล้ว 🗓️
ใช้เครื่องมือที่เรียบง่าย: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ถ้าเส้นราคาตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย ก็เป็นสัญญาณซื้อ หรือถ้าตัดลงมาก็เป็นสัญญาณขาย 🟢🔴
3. การลงทุนแบบคุณค่า (Value Investing) 🧐
กลยุทธ์นี้เน้นการค้นหาหุ้นของบริษัทที่มีพื้นฐานดี มีกำไรสม่ำเสมอ แต่ราคาในตลาดต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น เมื่อเจอแล้วก็จะเข้าซื้อและถือยาวไปจนกว่าราคาจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง 💼
ทำไมถึงเหมาะกับพนักงานประจำ:
เน้นการวิเคราะห์บริษัท ไม่ใช่การเก็งกำไร: การวิเคราะห์งบการเงินหรือโมเดลธุรกิจสามารถทำได้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ 📚 ไม่ต้องใช้เวลาในวันทำงาน
ไม่ต้องเฝ้าจอ: การลงทุนแบบนี้เป็นการถือครองระยะยาวเป็นปีๆ ทำให้ไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของราคาในระยะสั้นๆ 🧘♀️
ข้อควรจำก่อนเริ่มต้น 💡
จัดสรรเงินลงทุน: ใช้เงินเย็นที่ไม่ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 🧊
ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน: ไม่ว่าจะใช้ระบบเทรดไหน การทำความเข้าใจสินทรัพย์ที่เราจะลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด 📚
อย่าเชื่อคนอื่นทั้งหมด: สัญญาณซื้อ-ขายที่คนอื่นให้มาอาจไม่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของเราเสมอไป จงลงทุนในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจและมั่นใจเท่านั้น 💪
การเป็นพนักงานประจำไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จเลยครับ เพียงแค่เราต้องเลือก "ระบบเทรดที่เหมาะสมกับตัวเรา" และสร้างวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ สุดท้ายแล้ว พอร์ตการลงทุนของเราก็จะเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงครับ 🌳
Spread ในการเทรด Forex: ทำไมทองคำถึงแพงกว่าสินค้าอื่นSpread คือ “ส่วนต่างระหว่างราคา Bid และราคา Ask” ของคู่สกุลเงินหรือสินค้าโภคภัณฑ์ที่นักเทรดต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์ทุกครั้งที่เปิดออเดอร์ แม้จะไม่ใช่ค่าธรรมเนียมโดยตรง แต่ถือเป็นต้นทุนที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรและขาดทุนของนักลงทุน
🔎 Spread คืออะไร?
Bid = ราคาที่โบรกเกอร์พร้อมซื้อจากนักเทรด
Ask = ราคาที่โบรกเกอร์พร้อมขายให้นักเทรด
Spread = Ask – Bid
ยกตัวอย่าง:
EUR/USD = Bid 1.1000 | Ask 1.1002 → Spread = 2 pips
XAU/USD (ทองคำ) = Bid 2000.00 | Ask 2000.50 → Spread = 50 pips
💡 ทำไม Spread ของทองคำถึงแพงกว่าคู่เงินอื่น?
1.ความผันผวนสูง (High Volatility)
2.ราคาทองคำสามารถแกว่งหลายสิบดอลลาร์ใน 1 วัน
3.โบรกเกอร์ต้องกันความเสี่ยง จึงตั้ง Spread กว้างกว่าปกติ
4.สภาพคล่อง (Liquidity) ไม่เท่ากับคู่เงินหลัก
5.คู่เงินหลักเช่น EUR/USD, USD/JPY มีการซื้อขายหนาแน่นมาก ทำให้ Spread แคบ
ทองคำแม้จะนิยม แต่สภาพคล่องน้อยกว่าในบางช่วงเวลา
ต้นทุนโบรกเกอร์สูงกว่า
โบรกเกอร์ต้องอ้างอิงราคาทองคำจากตลาดลอนดอนและตลาดสหรัฐ ซึ่งมีความผันผวนตามข่าวเศรษฐกิจและการเมือง
จึงต้องบวกค่าความเสี่ยง (Risk Premium) เข้าไปใน Spread
เวลาการซื้อขายและข่าวเศรษฐกิจ
ข่าวเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น ดัชนี CPI, NFP ทำให้ทองคำเหวี่ยงแรงมาก
โบรกเกอร์มักขยาย Spread ช่วงก่อน–หลังประกาศข่าว
📉 ผลกระทบต่อเทรดเดอร์
ต้นทุนเปิดออเดอร์สูง → ต้องให้ราคาวิ่งมากกว่าค่า Spread ก่อนถึงจะเริ่มมีกำไร
ไม่เหมาะกับการ Scalping ถี่ ๆ เพราะต้นทุนกินส่วนใหญ่ของกำไร
เหมาะกับ Swing / Position Trading ที่ถือระยะยาวมากกว่า
📌 สรุป
Spread คือค่าต้นทุนแฝงของการเทรด Forex
คู่เงินหลัก → Spread แคบ (เหมาะกับ Scalping/Day trade)
ทองคำ (XAU/USD) → Spread กว้าง เพราะผันผวนและสภาพคล่องน้อยกว่า
นักเทรดควรเลือกกลยุทธ์ให้เหมาะกับค่า Spread ของแต่ละสินค้า
ข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของบิทคอยน์อย่างไรข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของบิทคอยน์อย่างไร
บการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
อย่างไรก็ตามกำไรเหล่านี้ได้จางหายไปด้วยบิทคอยน์กลับไปที่ที่มันเริ่มต้นเมื่อวันศุกร์;ประมาณ 1112,000
มุ่งเน้นของตลาดอยู่ในขณะนี้ขยับไปสหรัฐที่จะเกิดขึ้นนอกภาคเกษตรรายงานเงินเดือน(เอ็นเอฟพี),กำหนดไว้สำหรับการเปิดตัวในสัปดาห์ถัดไป,ซึ่งมากอาจมีอิทธิพลต่อความคาดหวังของอัตราดอกเบี้ย.
ข้อมูลงานที่แข็งแกร่งอาจลดโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยเดือนกันยายน
และด้วยภาพของออร์เวลเลียนของทรัมป์ตอนนี้ห้อยลงมาจากกรมอาคารแรงงานและการบริหารงานของเขาอาจกดดันสำนักสถิติแรงงานที่จะขยายตัวหมายเลขงานสถานการณ์นี้จะกลายเป็นความเป็นไปได้ที่แท้จริง หากเกิดเหตุการณ์นี้เราสามารถคาดหวังการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อทดสอบระดับการหดตัวของฟีโบนักชีที่ต่ำกว่าเช่น 141.4%ที่ประมาณ 1109,900 หรือต่อไปที่$108,700
วิธีปฏิเสธลิซ่าคุกจุดประกายการฟื้นตัวดอลลาร์ตลาดได้อย่างรวดเร็วในการตอบสนองต่อการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะยิงผู้ว่
เงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงทันทีเนื่องจากผู้ค้าชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้ของการแทรกแซงทางการเมืองที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในแนวโน้มนโยบายของเฟด
เงินยูโรพบว่าการสนับสนุนใกล้ 1.1690 ก่อนที่จะย้อนกลับเป็นท่าทางของคุกเรียกคืนความเชื่อมั่นข
ปรุงอาหารได้ปฏิเสธที่จะก้าวลงและมีการเตรียมการดำเนินการทางกฎหมายเถียงว่าป
หากทรัมป์มีแนวโน้มลดลงสองเท่าหรือการต่อสู้ทางกฎหมายเพิ่มขึ้นเราอาจคาดหวังความผันผวนด้วยอคติที่เป็นไปได้สำหรับความแข็งแกร่งของเงินยูโร หาก 1.1640 แบ่งอย่างหมดจด,ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐอาจพยายามที่จะทดสอบการหดตัว 50%ที่ 1.1660 และจากนั้นระดับ 61.8%ใกล้ 1.1680
พฤติกรรมราคาทองคำใน 1 สัปดาห์: วิเคราะห์แนวโน้มรายวันเพื่อการเทรราคาทองคำใน 1 สัปดาห์มักแสดงพฤติกรรมที่มีรูปแบบเฉพาะในแต่ละวัน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานต่างกัน เช่น ข่าวเศรษฐกิจ การประชุมธนาคารกลาง และพฤติกรรมของนักลงทุนรายใหญ่ การเข้าใจพฤติกรรมนี้ช่วยให้วางกลยุทธ์ซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
🗓️ สรุปแนวโน้มรายวันในรอบสัปดาห์
📌 วันจันทร์: ตลาดเริ่มเปิดอย่างระมัดระวัง
🌐 ตลาดส่วนใหญ่เพิ่งเปิดหลังวันหยุดสุดสัปดาห์
💤 ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างต่ำ
📉 ราคาทองมัก sideway รอปัจจัยใหม่
🧠 นักลงทุนมักยังไม่ตัดสินใจซื้อขายหนักในวันแรก
📌 วันอังคาร: เริ่มมีแนวโน้มชัดขึ้น
📊 ปริมาณการซื้อขายเริ่มเพิ่มขึ้น
🔍 ราคาทองเริ่มเคลื่อนไหวตามข่าวหรือดัชนีเศรษฐกิจ
💵 นักลงทุนเริ่มทยอยเปิดสถานะหลังประเมินแนวโน้ม
📌 วันพุธ: วันแห่งข่าวสำคัญ
🧨 ข่าวเศรษฐกิจ เช่น CPI, GDP หรือ FOMC Minutes มักประกาศวันนี้
📈 ราคาทองมักผันผวนสูงตามข่าว
💣 บางครั้งมีการ “fake move” หรือ break-out หลอก
📌 วันพฤหัสบดี: ราคาวิ่งตามแรงกระเพื่อมจากข่าววันพุธ
🔄 เป็นช่วงที่ตลาดตอบสนองต่อข้อมูลวันก่อนหน้า
📉 หากข่าววิเคราะห์ได้ชัด ราคามักวิ่งต่อเนื่อง
📈 นักลงทุนใช้เทคนิค “follow trend” มากขึ้น
📌 วันศุกร์: ปิดสัปดาห์แบบผันผวน
🧾 มีการประกาศตัวเลขแรงงาน (เช่น NFP)
🏁 นักลงทุนปิดสถานะก่อนตลาดปิด
⚠️ ราคาทองมักเหวี่ยงแรงช่วงเย็นถึงดึกก่อนตลาดสหรัฐปิด
⏳ ถ้าเกิดข่าว surprise อาจทำให้เกิด gap ในสัปดาห์ถัดไป
🧠 กลยุทธ์ตามพฤติกรรมรายวัน
วัน กลยุทธ์แนะนำ
จันทร์ = รอดูทิศทาง / ไม่เปิดไม้ใหญ่
อังคาร = เริ่มตามเทรนด์ / เปิดไม้แรก
พุธ = จับตาข่าวใหญ่ / รอจังหวะ breakout
พฤหัสบดี = follow trend / ride momentum
ศุกร์ = scalping / ปิดไม้ก่อนตลาดปิด
📌 สรุป
วันกลางสัปดาห์ (พุธ–พฤหัส) = ผันผวนสูงสุด
วันต้นสัปดาห์ (จันทร์–อังคาร) = สะสมแรง / รอดูทิศทาง
วันศุกร์ = เร่งจบเกม / ปิดพอร์ต
ทยอยสะสมต่อ หากราคายืนเหนือ 3300 รอผล FOMC📊 บทวิเคราะห์ราคาทองคำ (XAUUSD)
ประจำวันที่ 19/08/2025 (H1)
“ตลาดทองคำวันนี้อยู่ในภาวะรอทิศทางใหม่ การเทรดควรอาศัยการบริหารความเสี่ยง และไม่ควรไล่ตามราคา แต่รอเข้าซื้อ–ขายที่โซนสำคัญตามแผน”
ราคาทองคำยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบหลังจากดีดตัวขึ้นจากโซน 3,325 ดอลลาร์ โดยปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ 3,336 ดอลลาร์ และกำลังทดสอบเส้นแนวโน้มขาลง (Downtrend line) ซึ่งยังคงเป็นตัวกดดันสำคัญในระยะสั้น ทองคำได้รับความสนใจซื้อในช่วงขาลงของตลาดเอเชียในวันอังคาร ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบกว่าสองสัปดาห์ที่แตะระดับต่ำสุดในวันก่อนหน้า แรงหนุนสำหรับโลหะที่ไม่ให้ผลตอบแทนนี้ส่วนใหญ่มาจากการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะกลับมาดำเนินวัฏจักรการลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนกันยายน นอกจากนี้ ความระมัดระวังในตลาดโดยรวมยังช่วยกระตุ้นกระแสเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย
⭐️ความคิดเห็นส่วนตัว :
ราคาทองคำยังคงทรงตัวเหนือ 3300 ขณะที่ตลาดเคลื่อนไหวในแนวข้างรอข้อมูลของ FOMC สัปดาห์นี้
: มุมมองวันนี้ทองคำมีโอกาสแกว่งในกรอบ 3,325 – 3,375 ดอลลาร์ โดยนักลงทุนควรจับตาแนวรับ 3,325 ดอลลาร์และแนวต้าน 3,375 ดอลลาร์เป็นหลัก หากทะลุออกจากกรอบนี้ได้ จะเป็นการเปิดทางไปสู่เทรนด์ใหม่
🔍 แนวโน้มราคาทองคำระยะสั้น
หากราคาสามารถยืนเหนือ 3,332 – 3,325 ดอลลาร์ ได้ จะมีโอกาสดีดตัวกลับไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 3,360 – 3,375 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุด 3,325 ดอลลาร์ มีโอกาสกลับไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 3,310 ดอลลาร์ และหากไม่สามารถยืนเหนือได้ มีโอกาสเห็นแรงขายกดลงลึกถึงโซน 3,284 ดอลลาร์
RSI อยู่ที่ 47 จุด (ใกล้เส้นกึ่งกลาง 50) แสดงถึงภาวะกลาง ๆ ของตลาด ยังไม่เข้าสู่เขต Overbought หรือ Oversold ทำให้วันนี้ราคามีโอกาสแกว่งตัวไปตามข่าวและปัจจัยพื้นฐาน
⚡ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐวันนี้: ตัวเลขดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing) และยอดค้าปลีก อาจสร้างความผันผวนต่อราคาทองคำ
🎯 กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น
กลยุทธ์ Buy เก็งกำไร: หากราคาย่อตัวลงใกล้ 3,325 – 3,310 ดอลลาร์ แล้วมีสัญญาณกลับตัว (Bullish Signal) สามารถเปิด Buy เพื่อลุ้นรีบาวด์ เป้าหมายแรกที่ 3,350 ดอลลาร์ และถัดไปที่ 3,375 ดอลลาร์
กลยุทธ์ Sell เมื่อไม่ผ่านแนวต้าน: หากราคาขึ้นไปทดสอบ 3,375 ดอลลาร์ แต่ไม่สามารถทะลุผ่านได้ ให้พิจารณาเปิด Sell เพื่อทำกำไรระยะสั้น โดยมีเป้าหมายที่ 3,332 – 3,325 ดอลลาร์
บริหารความเสี่ยง: ควรวาง Stop Loss เหนือแนวต้านหรือใต้แนวรับประมาณ 10 – 15 ดอลลาร์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวน
พฤติกรรมราคาทองคำใน 1 วัน: ตั้งแต่เปิดตลาดจนปิดตลาดราคาทองคำมีการเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากซื้อขายผ่านตลาดโลกหลายภูมิภาค แต่จังหวะและความผันผวนจะต่างกันไปตามช่วงเวลา การเข้าใจรอบเวลานี้ช่วยให้นักลงทุนวางกลยุทธ์ได้แม่นยำขึ้น
🌅 1. ช่วงตลาดเอเชีย (06:00 – 11:00 น. ตามเวลาไทย)
🏯 เปิดจากซิดนีย์และโตเกียว
📉 ปริมาณการซื้อขายยังต่ำ เคลื่อนไหวในกรอบแคบ
📰 ข่าวจากเอเชีย เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจจีน อาจทำให้ราคาผันผวนเล็กน้อย
🌍 2. ช่วงตลาดยุโรปเปิด (14:00 – 16:00 น.)
💶 เงินยูโรและปอนด์เริ่มมีอิทธิพล
📈 ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น อาจเบรกกรอบราคาช่วงเช้า
📰 ข่าวเศรษฐกิจยุโรป เช่น CPI หรือการประชุม ECB ส่งผลโดยตรง
🇺🇸 3. ช่วงตลาดสหรัฐเปิด (19:00 – 22:00 น.)
🚀 ผันผวนสูงสุดของวัน
🏦 ข่าวสำคัญ เช่น NFP, GDP, CPI มีผลทันที
💡 นักลงทุนใช้ทองคำเป็น Safe Haven เมื่อเกิดความเสี่ยงในตลาดหุ้น
🌙 4. ช่วงตลาดนิวยอร์กปิด – เอเชียเปิดรอบใหม่ (00:00 – 05:00 น.)
😴 ปริมาณซื้อขายลดลง เคลื่อนไหวช้าลง
🔄 เริ่มพักตัว รอข่าวใหม่ของวันถัดไป
📌 สรุปพฤติกรรมหลักใน 1 วัน
🌅 เช้าเอเชีย: เคลื่อนไหวแคบ รอแรงจากตลาดหลัก
🌍 ยุโรปเปิด: ทิศทางเริ่มชัด
🇺🇸 สหรัฐเปิด: ผันผวนสูงสุด
🌙 ดึกถึงเช้ามืด: พักตัวและรอรอบใหม่
BTC/USDT – อัปเดตข่าวสารและแนวโน้มล่าสุดสวัสดีตอนเช้าพี่น้องเทรดเดอร์
BTC บนกระดาน Binance ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในช่องขาขึ้นบนกรอบเวลา 4H โดยมีเส้นเทรนด์ไลน์หลักทำหน้าที่เป็นแนวรับแข็งแกร่งตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม RSI ยังคงอยู่เหนือโซนสมดุลและเอนเอียงไปทางขาขึ้น โดยยังไม่พบสัญญาณ Divergence ขาลง ทุกครั้งที่ราคาปรับตัวลงมาบริเวณ EMA และโซนซื้อ 118K–119K จะถูกดูดซับอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อเชิงรุกที่ยังคงเหนือกว่า
ข่าวสารตลาด
กระแสเงินทุนจาก ETF ไหลเข้าสู่ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง แม้ในภาวะตลาดผันผวน BTC ทำลายจุดสูงเดิม แสดงถึงพลังการดีดตัวที่แข็งแกร่ง BlackRock และสถาบันการเงินรายใหญ่ยังคงเพิ่มการสะสม BTC ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มสูงขึ้น
ตามการคาดการณ์ส่วนตัวของผม กลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญคือการซื้อเมื่อราคาย่อลงมาบริเวณ 118K–119K (ใกล้ EMA + แนวรับ) และทำกำไรที่ 124K
พี่น้องคิดว่า BTC จะทะลุ 124K ในเร็วๆ นี้ หรือจำเป็นต้องมีแรงหนุนจากกระแสเงินทุนใหม่เพื่อพุ่งขึ้นแรงกว่าเดิม?
การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD วันที่ 14 สิงหาคม 2025
1. การวิเคราะห์โมเมนตัม
• กรอบเวลา D1: โมเมนตัมเริ่มแสดงสัญญาณการกลับตัว แม้ว่าราคาอาจจะยังไม่กลับตัวทันทีเมื่อเส้นโมเมนตัมทั้งสองบรรจบกัน แต่นี่เป็นสัญญาณชัดเจนว่าความกดดันการขายกำลังอ่อนแรงลง
• กรอบเวลา H4: โมเมนตัมกำลังลดลง และเพิ่งเกิดแท่ง H4 เพียง 2 แท่งนับตั้งแต่เริ่มกลับตัว คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีก 2–3 แท่ง H4 เพื่อเข้าสู่เขตขายมากเกินไป (oversold) และอาจกลับตัวขึ้น
• กรอบเวลา H1: โมเมนตัมก็ลดลงเช่นกัน บ่งชี้ว่ามีโอกาสเกิดการปรับฐานลงในช่วงตลาดเอเชีย
________________________________________
2. โครงสร้างคลื่น
• บนกรอบเวลา H1 ราคามีการเคลื่อนไหวสลับไปมา แสดงถึงช่วงการปรับฐานที่ใกล้ถึงเป้าหมายแล้ว
• อย่างไรก็ตาม โมเมนตัม D1 ที่เตรียมจะกลับตัวขึ้นทำให้เกิด 2 สถานการณ์ที่เป็นไปได้:
สถานการณ์ที่ 1: โมเมนตัม D1 กลับตัวขึ้นและยืนยัน → แนวโน้มขาขึ้นอาจคงอยู่ต่อไป 4–5 วัน ซึ่งขัดแย้งกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มองว่าเป็นคลื่นปรับฐาน B ในกรณีนี้ เราจะมีสถานการณ์ทางเลือกเป็นคลื่น 1 แบบรูปสามเหลี่ยมเริ่มต้น ตามภาพกราฟด้านขวา
สถานการณ์ที่ 2: โมเมนตัม D1 เข้าสู่เขตขายมากเกินไปและคงอยู่ → ต้องการการปรับตัวลงแรงเพื่อยืนยันว่าราคาปัจจุบันคือคลื่น B
________________________________________
3. สองสถานการณ์ราคาที่เป็นไปได้
1. รูปแบบการปรับฐาน WXY → เป้าหมายของคลื่น Y อยู่บริเวณ 3381
2. คลื่น 1 แบบสามเหลี่ยมเริ่มต้น → คลื่น 2 อาจลดลงมาที่บริเวณ 3345 ก่อนที่คลื่น 3 จะปรับตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งสถานการณ์นี้สอดคล้องกับสัญญาณโมเมนตัม D1 มากกว่าในตอนนี้
________________________________________
สรุป: ปัจจุบันมีความขัดแย้งระหว่างสัญญาณโมเมนตัมและโครงสร้างคลื่น จำเป็นต้องติดตามเพิ่มเติมเพื่อหาวิธีการเทรดที่ชัดเจน ดังนั้น วันนี้จึงไม่มีคำแนะนำการเทรด
XAUUSD – ความกดดันลดลงภายใต้ความแข็งแกร่งของ USDทองคำกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการผ่านระดับแนวต้านที่แข็งแกร่งที่ 3,400 USD และตอนนี้อยู่ในช่วงการปรับฐานลดลง ปัจจัยทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการคาดการณ์ว่า PPI จะเพิ่มขึ้น 0.2% และข้อมูลการขอรับสวัสดิการการว่างงานที่ลดลง กำลังสนับสนุนความคาดหวังว่า Fed จะรักษานโยบายการเงินที่ตึงตัว ซึ่งจะช่วยให้ USD แข็งแกร่งขึ้นและกดดันให้ราคาทองคำลดลง
ในด้านเทคนิค ทองคำกำลังซื้อขายใน ช่องทางการลดลง โดยมีระดับ แนวรับที่สำคัญ ที่ 3,333 USD หากระดับนี้ถูกทำลาย ทองคำอาจลดลงไปที่ 3,310 USD ระดับแนวต้านถัดไปคือ 3,400 USD และหากทะลุผ่านไปได้ การขึ้นต่อน่าจะเกิดขึ้น
จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ราคาทองคำยังคงได้รับแรงกดดันจาก USD และปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค แนวโน้มระยะสั้นยังคงเป็นขาลง
การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD (13 สิงหาคม 2025)
1. โมเมนตัม
• กรอบเวลา D1: โมเมนตัมกำลังจะเข้าสู่เขต Oversold คาดว่าภายในสิ้นวันนี้ D1 จะอยู่ในเขต Oversold อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นช่วงที่มักเกิดการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวลงอย่างแรง หรือการกลับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
• กรอบเวลา H4: โมเมนตัมกำลังเตรียมกลับตัวขึ้น ต้องรอให้แท่ง H4 ปัจจุบันปิดเพื่อยืนยัน หากยืนยันได้ คาดว่าจะเกิดการฟื้นตัวในวันนี้
• กรอบเวลา H1: โมเมนตัมกำลังบีบตัวและเข้าใกล้เขต Overbought ซึ่งเป็นสัญญาณทั่วไปของการเคลื่อนไหวแบบ Sideway นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม แม้มีโอกาสฟื้นตัวสูง แต่ H1 ยังไม่ให้สัญญาณเข้าเทรดที่ดี
________________________________________
2. โครงสร้างคลื่น
• RSI แสดง Bullish Divergence ระหว่างราคาและอินดิเคเตอร์ ซึ่งมักพบในคลื่น 3 หรือคลื่น 5 สิ่งนี้สนับสนุนมุมมองที่ว่า คลื่น 5 (สีดำ) อาจเสร็จสิ้นแล้วบริเวณระดับ 3333
• เมื่อโครงสร้าง 5 คลื่นเสร็จสิ้นแล้ว เป็นไปได้ว่า คลื่น A (สีแดง) ของรูปแบบการปรับฐาน ABC (สีแดง) ได้เกิดขึ้นแล้ว
• คาดว่าคลื่น B (สีแดง) จะมีการฟื้นตัวขึ้น สอดคล้องกับโมเมนตัม H4 ที่เตรียมกลับตัวขึ้น คลื่น B มักจะมีรูปแบบ โครงสร้างการปรับฐาน 3 คลื่น ซึ่งการเคลื่อนไหวของราคามักซ้อนกันและไม่วิ่งอย่างชัดเจน
• เป้าหมายของคลื่น B:
1. 3371
2. 3381
ทั้งสองระดับนี้อยู่ใกล้กัน จึงสามารถพิจารณาเป็นโซนเดียวกัน แผนคือใช้เป้าหมายแรกเป็นฐาน แต่ขยาย SL เพื่อครอบคลุมถึงเป้าหมายที่สอง หากราคามาถึงบริเวณนี้ ควรสังเกตการเคลื่อนไหวของราคาแบบ Real-time ก่อนเข้าซื้อขาย
• กรณีทางเลือก: หากคลื่น 5 (สีดำ) ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ บริเวณ 3323 ยังคงเป็นโซน Buy ที่ดี (ตามการวิเคราะห์ก่อนหน้า)
________________________________________
3. แผนการเทรด
Setup ขาย (Sell):
• โซนเข้า: 3371 – 3373
• SL: 3385
• TP1: 3358
• TP2: 3331
• TP3: 3323
Setup ซื้อ (Buy):
• โซนเข้า: 3323 – 3321
• SL: 3313
• TP1: 3331
• TP2: 3357
• TP3: 3371
XAU/USD – แนวโน้มขาขึ้นระยะยาวที่แข็งแกร่งทองคำยังคงโครงสร้างขาขึ้นระยะยาว หลังดีดตัวแรงจากแนวรับ 3,300 ดอลลาร์ ยืนเหนือเมฆ Ichimoku และได้รับแรงหนุนจากปริมาณการซื้อที่สูง รูปแบบ “Double Bottom” กำลังใกล้เสร็จสมบูรณ์ โดยมีโซนยืนยันที่ 3,346 ดอลลาร์ เป้าหมาย TP1 ที่ 3,410 ดอลลาร์ และ TP2 ที่ 3,440 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปัจจัยพื้นฐานยังสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น: ดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ภายใต้แรงกดดันก่อนการประกาศตัวเลข CPI สหรัฐฯ ตลาดคาดว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ย เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน หนุนความต้องการทองคำเชิงกายภาพ รวมถึงกระแสเงินทุนปลอดภัยจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
ผมมองว่าทองคำจะยืนเหนือ 3,346 ดอลลาร์ และทะลุ 3,410 ดอลลาร์ได้ง่าย แนวโน้มขาขึ้นระยะยาวสู่ 3,465 ดอลลาร์มีความเป็นไปได้สูง
แล้วคุณคิดว่าทองคำจะไปถึง TP2 เร็ว หรือจะมีการปรับฐานอีกครั้งก่อนพุ่งต่อ?
การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD 12 สิงหาคม 2025
1. การวิเคราะห์โมเมนตัม
• กรอบเวลา D1: โมเมนตัมกำลังลดลง → แนวโน้มขาลงยังคงดำเนินต่อไป คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2–3 แท่ง D1 เพื่อให้ราคาลงไปถึงโซนขายเกินและมีโอกาสกลับตัว
• กรอบเวลา H4: โมเมนตัมกำลังเพิ่มขึ้น → ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงช่วงตลาดสหรัฐ ราคามีโอกาสปรับขึ้นหรือเคลื่อนไหวไซด์เวย์
• กรอบเวลา H1: โมเมนตัมกำลังเตรียมกลับตัวลง → อาจมีการปรับตัวลงเล็กน้อยในระยะสั้น ควรติดตามการเคลื่อนไหวนี้อย่างใกล้ชิด
________________________________________
2. โครงสร้างคลื่นเอลเลียต
• โครงสร้างคลื่นสีเขียว ในรูปแบบ ending diagonal อาจเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งอาจหมายความว่า คลื่น 5 หรือคลื่น C (สีดำ) ได้ก่อตัวขึ้นแล้ว
• ส่วนตัวไม่อยากเห็น โครงสร้างคลื่น 5 สีเขียว จบด้วย ending diagonal ในช่วงนี้ เพราะ:
o ถ้านี่เป็นโครงสร้างแนวโน้มขาขึ้นแบบแรง เราเพิ่งอยู่ในคลื่น 1 ของโครงสร้างระดับใหญ่
o การเกิด ending diagonal ในคลื่น 5 (สีดำ) แสดงถึงแรงซื้อที่อ่อนลง ซึ่งไม่ดีเมื่อราคายังไม่สามารถทะลุจุดสูงเดิมเพื่อยืนยันแนวโน้มใหม่ → เพิ่มโอกาสที่นี่อาจเป็น คลื่นปรับฐาน
• จากโครงสร้างการลงในปัจจุบัน ผมให้ป้ายกำกับชั่วคราวว่าเป็น คลื่นสีดำ 1-2-3-4-5 โดยการดีดตัวขึ้นเล็กน้อยตอนนี้คาดว่าเป็น คลื่น 4 ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบ Flat หรือ Triangle
• เป้าหมายคลื่น 4:
1. 3358
2. 3364
• หากราคาทะลุ 3381 การนับคลื่น 1-2-3-4-5 ขาลงปัจจุบันจะไม่ถูกต้อง (คลื่น 4 ทับซ้อนกับคลื่น 1) ซึ่งอาจเปลี่ยนเป็น โครงสร้าง ABC ปรับฐาน หรือ คลื่นขึ้น 5 คลื่นใหม่
• หากเป้าหมายคลื่น 4 อยู่ที่ 3364 เป้าหมายคลื่น 5 จะอยู่ที่ 3323
________________________________________
3. การผสมผสานโมเมนตัมและโครงสร้างคลื่น
• D1 ขาลง → สนับสนุนการเกิดคลื่น 5 ลงต่อ
• H4 ขึ้น + H1 ลง → อาจบ่งบอกว่าคลื่น 4 เป็นรูปแบบสามเหลี่ยม โดยสัญญาณสำคัญคือการลงรอบนี้ ไม่หลุด 3342
o หาก 3342 หลุด แสดงว่าคลื่น 5 อาจกำลังทำงาน มีเป้าหมายที่ 3323
• เนื่องจากโมเมนตัม H4 ยังขึ้นอยู่ จึงยังมีโอกาสที่ราคาทะลุ 3381 ซึ่งจะต้องนับคลื่นใหม่ อาจเป็น ABC ปรับฐาน หรือ 5 คลื่นขึ้น
________________________________________
4. แผนการเทรด
• หากคลื่น 4 เป็น สามเหลี่ยม → โซน 3358 เป็นจุดขายที่ดี หรือรอให้หลุด 3342
• คำสั่ง Limit Sell:
o จุดเข้า: 3364 – 3366
o SL: 3374
o TP1: 3342
o TP2: 3333
o TP3: 3323
EUR/USD – ความเสี่ยงต่อการหลุดช่องราคาในระยะสั้นคู่เงิน EUR/USD กำลังสูญเสียแรงส่ง หลังจากถูกปฏิเสธซ้ำหลายครั้งที่ขอบบนของช่องราคา ขณะที่ MACD ส่งสัญญาณตัดลง และราคาหลุดลงมาต่ำกว่าเมฆ Ichimoku
ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากความระมัดระวังก่อนการประกาศข้อมูล CPI ของสหรัฐฯ และแนวโน้มที่เฟดจะคงจุดยืนแบบ Hawkish ขณะที่ยูโรเผชิญแรงกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนที่ไม่สดใส
ส่วนตัวผมมองไปทางขาลง โดยมีเป้าหมายระยะสั้นที่ 1.15175
แล้วคุณคิดว่า EUR/USD จะหลุด 1.1612 ทันทีเพื่อไปถึง 1.15175 หรือจะดีดกลับไปทดสอบขอบบนของช่องก่อนค่อยปรับตัวลง?
การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD วันที่ 10 สิงหาคม 2025
1. การวิเคราะห์โมเมนตัม
• กรอบเวลา D1: เส้นโมเมนตัมใน D1 ยังคงซ้อนทับกันและยังไม่มีสัญญาณยืนยันการกลับตัว ซึ่งบ่งชี้ว่ามีโอกาสที่จะเกิดการกลับตัวภายใน 1–2 วันข้างหน้า
• กรอบเวลา H4: โมเมนตัมกำลังเพิ่มขึ้น จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าราคาจะเคลื่อนไหวต่อเนื่องในแนวโน้มขาขึ้นในช่วงตลาดเอเชียวันพรุ่งนี้
• กรอบเวลา H1: โมเมนตัมกำลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน สนับสนุนมุมมองว่าราคามีโอกาสสูงที่จะขึ้นต่อในช่วงตลาดเอเชีย
________________________________________
2. การวิเคราะห์โครงสร้างคลื่น
• การเคลื่อนไหวของราคาปัจจุบันมีการซ้อนทับกัน สนับสนุนสมมติฐานว่ากำลังเกิด ending diagonal
• โครงสร้างนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของ คลื่น 5 สีดำ หรือ คลื่น C สีดำ ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ล้วนเป็นโครงสร้าง ending diagonal 12345 และตอนนี้ราคากำลังอยู่ใน คลื่น 4 สีน้ำเงิน
• สัญญาณยืนยัน: การปรับตัวลงอย่างรวดเร็วและชันจะเป็นตัวบ่งชี้การสิ้นสุดของ ending diagonal — ตามที่ได้กล่าวไว้ในแผนก่อนหน้านี้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่เกิดขึ้น
• เป้าหมายการสิ้นสุดของโครงสร้างนี้คาดไว้ที่โซน 3412 หรือ 3419 หากราคาทะลุ 3439 มีความเป็นไปได้สูงที่จะยืนยันการสิ้นสุดของ คลื่น 5 สีดำ
________________________________________
3. สถานการณ์ที่เป็นไปได้
• สถานการณ์ที่ 1: หากการเคลื่อนไหวปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ โครงสร้าง 5 คลื่น 12345 สีดำ หลังจากคลื่น 5 สิ้นสุดลง อาจเกิดการปรับฐานในรูปแบบ คลื่นแก้ไข 3 คลื่น ABC โดยมีเป้าหมายที่บริเวณ 3333
• สถานการณ์ที่ 2: หากการเคลื่อนไหวปัจจุบันเป็น โครงสร้าง 3 คลื่น ABC สีดำ หลังจากคลื่น C สิ้นสุดลง อาจเกิดการปรับตัวลงในรูปแบบ 5 คลื่นขาลง ที่จะทะลุระดับ 3315
________________________________________
4. การผสมผสานโมเมนตัมและโครงสร้างคลื่น
โดยพิจารณาจาก:
• D1 อยู่ในโซนซื้อมากเกินไป (overbought) และสามารถกลับตัวได้ทุกเมื่อภายใน 1–2 วันข้างหน้า
• H4 แสดงโมเมนตัมขาขึ้น
• ราคามีแนวโน้มอยู่ในคลื่น 4 สีน้ำเงิน
→ ในวันจันทร์ มีโอกาสสูงที่จะเห็นการปรับตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อให้ครบ คลื่น 5 สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการมองหาโอกาส SELL บริเวณโซนเป้าหมาย 3412–3419
เนื่องจากโซนราคานี้ค่อนข้างกว้าง ควรรอสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจนก่อนเปิดคำสั่งซื้อขาย
________________________________________
5. แผนการเทรด
SELL ZONE 1: 3411 – 3413
• SL: 3416
• TP1: 3400
• TP2: 3381
• TP3: 3342
SELL ZONE 2: 3419 – 3421
• SL: 3429
• TP1: 3400
• TP2: 3381
• TP3: 3342
RSI vs Stochastic: เปรียบเทียบ 2 อินดิเคเตอร์โมเมนตัมยอดนิยมของนในการเทรด Forex อินดิเคเตอร์ที่ช่วยบอกโมเมนตัมของราคา ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสองตัวที่คนพูดถึงบ่อยคือ RSI (Relative Strength Index) และ Stochastic Oscillator ทั้งสองมีความคล้ายกันในแง่ที่บอกถึงภาวะ Overbought และ Oversold แต่ในความจริงแล้ว แต่ละตัวก็มีวิธีการคำนวณ แนวคิด และการใช้งานที่แตกต่างกัน
📌 จุดเด่นของ RSI
RSI เป็นอินดิเคเตอร์ที่พัฒนาโดย Wilder มีหน้าที่วัดความแข็งแรงของแนวโน้ม โดยคำนวณจากอัตราส่วนของวันที่ราคาปิดเป็นบวกกับวันที่ราคาปิดเป็นลบ แล้วเปลี่ยนเป็นค่าเปอร์เซ็นต์อยู่ในช่วง 0 ถึง 100
ค่าที่นักเทรดมักใช้อ้างอิงคือ:
RSI มากกว่า 70 = ราคาน่าจะอยู่ในเขต Overbought (ซื้อมากเกินไป อาจถึงเวลาย่อตัว)
RSI น้อยกว่า 30 = อยู่ในเขต Oversold (ขายมากเกินไป อาจถึงเวลาดีดกลับ)
RSI มักใช้งานได้ดีในตลาดที่มี “แนวโน้มชัดเจน” เพราะมันช่วยบอกได้ว่าเทรนด์ยังแข็งแรงอยู่หรือกำลังจะหมดแรง
📌 จุดเด่นของ Stochastic
Stochastic Oscillator พัฒนาโดย George Lane ใช้หลักการเปรียบเทียบราคาปิดล่าสุดกับช่วงราคาสูงสุด-ต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น 14 วัน) แล้วคำนวณออกมาเป็นค่าเปอร์เซ็นต์เช่นกัน อยู่ในช่วง 0–100
ในอินดิเคเตอร์จะมีเส้น 2 เส้นคือ:
%K (เส้นหลัก)
%D (เส้นเฉลี่ยของ %K)
สัญญาณซื้อ-ขายของ Stochastic เกิดขึ้นเมื่อเส้น %K และ %D ตัดกัน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในเขต Overbought (เหนือ 80) หรือ Oversold (ต่ำกว่า 20)
Stochastic เหมาะกับตลาดที่ “แกว่งในกรอบ” หรือไม่มีแนวโน้มชัดเจน เพราะมันสามารถจับจังหวะกลับตัวระยะสั้นได้ดี
🆚 เปรียบเทียบการใช้งาน
ถ้าพูดง่าย ๆ — RSI เหมาะกับการดูความแข็งแรงของแนวโน้ม, ในขณะที่ Stochastic เหมาะกับการจับจังหวะกลับตัวในช่วงที่ตลาดแกว่ง
RSI ช่วยให้เราเห็นว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นนั้นแรงแค่ไหน หาก RSI สูงเกิน 70 แต่ราคายังวิ่งขึ้นต่อได้ นั่นอาจหมายถึงแนวโน้มยังแข็งแรงอยู่
Stochastic เน้นไปที่การบอกว่า “ราคาปิดล่าสุดอยู่ตรงไหนในช่วงราคาย้อนหลัง” จึงตอบสนองไวกว่า RSI และมักจะให้สัญญาณเร็วกว่า
อีกจุดหนึ่งที่ต่างคือ สัญญาณการเข้าเทรด
RSI ใช้จุด Overbought/Oversold ร่วมกับแนวโน้มเพื่อหาจังหวะกลับตัว
ส่วน Stochastic ใช้การ "ตัดกันของเส้น %K และ %D" เป็นจุดเข้าออกหลัก
🎯 แล้วควรเลือกใช้ตัวไหนดี?
คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับ “สไตล์การเทรด” และ “สภาพตลาด”
ถ้าตลาดเป็นเทรนด์ชัดเจน RSI มักให้ผลแม่นยำกว่า
ถ้าตลาด Sideway หรือแกว่งในกรอบ Stochastic จะตอบสนองได้ดีกว่า
หลายคนเลือกที่จะใช้ ทั้งสองตัวร่วมกัน เพื่อช่วยกรองสัญญาณให้แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น หาก RSI เข้าสู่โซน Overbought แล้ว Stochastic ก็ให้สัญญาณขายด้วย แสดงว่าโอกาสกลับตัวมีสูงมากขึ้น
✅ สรุป
RSI กับ Stochastic ต่างก็เป็นเครื่องมือที่มีจุดแข็งของตัวเอง ไม่มีตัวไหน “ดีกว่า” อย่างเด็ดขาด อยู่ที่ว่าเราใช้ ถูกที่ถูกเวลา หรือไม่ หากเรียนรู้วิธีใช้อย่างถูกต้อง และผสมผสานกับเครื่องมืออื่น เช่นแนวรับแนวต้านหรือแท่งเทียน จะยิ่งช่วยให้การตัดสินใจในการเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔍📊
การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD วันที่ 8 สิงหาคม 2025
โมเมนตัม
• กรอบเวลา D1: โมเมนตัมรายวันกำลังเริ่มกลับตัวลง ซึ่งจำกัดโอกาสการปรับตัวขึ้นระยะยาวของคลื่นขาขึ้นปัจจุบัน และยังบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ว่าจุดสูงสุดอาจเกิดขึ้นแล้วบริเวณ 3,409
• กรอบเวลา H4: โมเมนตัมยังคงลดลง และต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 แท่ง H4 เพื่อกลับตัวขึ้น ดังนั้นในระยะสั้น การปรับตัวลงยังมีโอกาสต่อเนื่อง ควรระมัดระวัง
• กรอบเวลา H1: แสดงสัญญาณเริ่มกลับตัวลงในระยะสั้น การปรับตัวลงครั้งนี้มีความสำคัญและจะวิเคราะห์ต่อหลังจากส่วนโครงสร้างคลื่น
โครงสร้างคลื่น
การเคลื่อนไหวของราคาปัจจุบันบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการก่อตัวของ Ending Diagonal ซึ่งโดยปกติเมื่อรูปแบบนี้เสร็จสิ้น ราคามักจะปรับตัวลงแรงและรวดเร็ว
จนถึงตอนนี้ยังไม่เกิดการปรับตัวลงแรง ทำให้มีความเป็นไปได้ว่ารูปแบบนี้ยังไม่สิ้นสุด โซนเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับการสิ้นสุดคลื่น 5 อยู่ที่บริเวณ 3412 หรือ 3419
เนื่องจาก Ending Diagonal มักพัฒนาอย่างซับซ้อน วิธีการเทรดที่ปลอดภัยกว่าคือ รอให้ราคาทะลุเส้นขอบล่างของรูปแบบก่อนเข้าทำการซื้อขาย
👉 สถานการณ์เพิ่มเติม: หากโมเมนตัม H1 กลับตัวลง และราคาทะลุต่ำกว่า 3381 มีความเป็นไปได้สูงว่าราคาจะปรับตัวลงสู่ 3371 ซึ่งสามารถพิจารณาเป็นจุดวางคำสั่ง Buy ได้
ในทางกลับกัน หากราคาไม่หลุด 3381 แต่ปรับตัวขึ้นไปที่ 3412 อาจเป็นสัญญาณว่าคลื่น 5 เสร็จสิ้นแล้วที่ระดับดังกล่าว
แผนการเทรด
• SELL Zone 1: 3412 – 3414
o SL: 3417
o TP1: 3393
o TP2: 3372
• SELL Zone 2: 3419 – 3421
o SL: 3429
o TP1: 3395
o TP2: 3372
วิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – XAUUSD | 7 สิงหาคม 2025📊
________________________________________
🔍 วิเคราะห์โมเมนตัม:
• กรอบเวลา D1: โมเมนตัมรายวันเริ่มกลับตัวเป็นขาลง → บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดแนวโน้มขาลงระยะกลาง และอาจดำเนินต่อไปจนถึงกลางสัปดาห์หน้า
• กรอบเวลา H4: โมเมนตัมอยู่ในขาขึ้น แต่ความชันของเส้นโมเมนตัมทั้งสองค่อนข้างต่ำ → บ่งชี้ว่าแรงซื้ออ่อนแอ และควรเฝ้าระวังแนวต้านด้านบน
• กรอบเวลา H1: โมเมนตัมเข้าสู่เขต overbought แล้ว → มีแนวโน้มจะเกิดการกลับตัวลงระยะสั้น โดยเฉพาะบริเวณแนวราคา 3386
________________________________________
🌀 โครงสร้างคลื่นเอลเลียต:
• จากสัญญาณกลับตัวของโมเมนตัมในกรอบ D1 คาดว่าราคากำลังเข้าสู่โครงสร้างคลื่นปรับฐาน ABC (สีเขียว)
• ปัจจุบัน:
o คลื่น A เสร็จสมบูรณ์แล้ว
o คลื่น B กำลังพัฒนา
• เนื่องจากคลื่น A มีลักษณะเป็นโครงสร้าง 3 คลื่น จึงมีโอกาสที่คลื่น B จะเป็น Flat correction โดยมีเป้าหมายที่อาจเป็น:
o 3385
o หรือ 3395 → เป็นบริเวณแนวต้านสำคัญที่ควรจับตา
• ภายในคลื่น B (สีเขียว) พบว่าเป็นโครงสร้างคลื่นย่อย ABC (สีแดง) ซึ่ง:
o คลื่น C (สีแดง) อาจไปถึง:
3386
หรือขยายไปถึง 3395
→ จากการยืนยันโดยโมเมนตัม D1 ระดับ 3386 ถือเป็นจุดเข้าที่น่าสนใจสำหรับการเปิดสถานะ SELL
________________________________________
📈 แผนการเทรด:
• โซน SELL: 3386 – 3389
• Stop Loss: 3397
• Take Profit:
o TP1: 3370
o TP2: 3353
o TP3: 3333
07-08-2025 การวิเคราะห์ SET รายวัน (SET@DAY)07-08-2025 การวิเคราะห์ SET รายวัน (SET@DAY) จากภาพโดยใช้ Fibonacci Retracement / Extension Zones ควบคู่กับ Elliott Wave สามารถแยกออกเป็นหลายมิติได้ดังนี้:
________________________________________
🔍 ภาพรวมเบื้องต้น
• ดัชนี SET อยู่ในช่วง ฟื้นตัวจากจุด Bottom คลื่น 5 ตามหลัก Elliott Wave
• การดีดขึ้นครั้งนี้เข้าสู่ Mid Zone ของ Fibonacci Retracement (38.2%–61.8%)
• ปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 1264.47 โดยกำลังทดสอบแนวต้าน 50.0% ที่ 1280.30
• กราฟนี้อ้างอิง Fibonacci จากจุดสูงสุดเดิมแถว 1506.81 (1.000) ถึงจุดต่ำสุดใหม่แถว 1053.79 (0.000)
________________________________________
🧠 การวิเคราะห์ด้วย Elliott Wave (ฝั่งขวา)
1. โครงสร้างหลัก (Primary Impulse Wave)
• คลื่น 1–2–3–4–5 ใหญ่สมบูรณ์แล้ว (จบคลื่น 5 ที่บริเวณ 1053.79)
• จุดต่ำสุดในรอบ (Bottom) เกิดขึ้นที่ Wave 5
2. โครงสร้างปรับตัว (Corrective Wave)
• ปัจจุบันคือช่วง ABC หรือคลื่นฟื้นตัวภายใต้โครงสร้างใหม่
• เริ่มเห็นโครงสร้างย่อยที่เป็น sub-wave i–ii–iii–iv–v ในการปรับขึ้นจากจุด Bottom
________________________________________
📊 การวิเคราะห์ด้วย Fibonacci Retracement Zones
ภาพซ้ายมือแสดง 4 โซนสำคัญ:
Zone ความหมาย ระดับสำคัญ ความหมายพฤติกรรม
Minor Zone แรงซื้ออ่อน 9%–23.6% กำไรสั้น, อาจพักตัวเร็ว
Mid Zone โซนวัดใจ 38.2%–61.8% จุดเปลี่ยนแนวโน้ม
Deep Zone ฟื้นแรง 78.6%–100% ดึงกลับแรง, รีเทสแนวต้าน
Extension Zone เกินคาด 127%–161.8% มีแรงเทรนด์ชัดเจน
✅ ปัจจุบัน:
• ราคาทะลุ Minor Zone และอยู่ใน Mid Zone แล้ว
• ทดสอบแนวต้าน 0.5 (1280.30)
• แนวต้านถัดไปคือ 0.618 (1333.76) ซึ่งเป็น ขอบบน Mid Zone
________________________________________
🎯 พื้นที่พฤติกรรม (Behavior Zone)
โซน ความหมาย การกระทำของนักลงทุน
📦 Green Box (1160.70 – 1119.93) โซนสะสมของ DCA, Smart Money เข้าซื้อ
🟧 Orange Box (1226.84 – 1333.76) โซนตัดสินใจ รอดูแรงเบรก / พักตัว / Sell on Rally
________________________________________
📌 สรุปแนวโน้มปัจจุบัน (SET ณ วันที่ 1264.47)
1. ✅ แนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน ตามโครงสร้าง Wave ใหม่
2. ✅ อยู่ในช่วง Wave iii หรือ v ของคลื่นฟื้นตัว
3. ⚠️ กำลังชนแนวต้าน Fibonacci 50% (1280.30)
4. ⚠️ หากผ่านได้ จะมีโอกาสไปชน 0.618 (1333.76) ซึ่งมักเป็นแนวต้านใหญ่
5. ❗ ระวังการ “พักตัวคลื่น 4” หรือ “Fail Wave” ถ้าหลุดต่ำกว่า 1226.84 (Fibo 0.382)
________________________________________
📌 แนวรับ–แนวต้านสำคัญ
แนวรับ ความหมาย
1226.84 (0.382) แนวรับเชิงเทคนิค
1160.70 (0.236) โซนสะสมระยะกลาง
1053.79 (Bottom) แนวรับใหญ่ที่สุด
แนวต้าน ความหมาย
1280.30 (0.500) แนวต้านจิตวิทยา
1333.76 (0.618) ต้านใหญ่ Mid Zone
1409.86 (0.786) กรณี Bull Rally ต่อเนื่อง
________________________________________
🎓 ข้อคิดเชิงกลยุทธ์
• 📈 หากราคายังสามารถรักษาระดับสูงกว่า 1226 ได้ กลยุทธ์ "Buy the Dip" ในโซน 0.382–0.500 ยังใช้ได้
• 📉 หากหลุด 1226 ไปอย่างแรง ให้รอวิเคราะห์แนวรับใหม่ที่ 1160.70 (Fibo 0.236)
• 🎯 เทรดเดอร์ควรใช้ Elliott Wave เพื่อจับจังหวะการพักตัว และ Fibonacci เพื่อวางเป้าราคา (TP / SL)
วิเคราะห์ XAUUSD – กำลังก่อตัวเป็นแนวโน้มขาลงจากกราฟ จะเห็นว่าราคาทองคำตอบสนองอย่างชัดเจนต่อแนวต้านที่ขอบบนของช่องขาขึ้น หลังจากแตะจุดสูงสุด ราคาก็เริ่มแกว่งในกรอบแคบและแสดงสัญญาณอ่อนแรง หากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับที่ใกล้ที่สุดได้ มีโอกาสที่ราคาจะหลุดออกจากช่องขาขึ้นและปรับตัวลงลึกกว่าเดิม
ข่าวล่าสุดชี้ให้เห็นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวเล็กน้อย ประกอบกับความคาดหวังว่าเฟดจะยังไม่รีบลดดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำ
ขณะนี้โครงสร้างทางเทคนิคสนับสนุนฝั่งขาย โดยเฉพาะหากราคาทองไม่สามารถทะลุแนวต้านด้านบนได้
คุณคิดว่าแนวโน้มต่อไปจะเป็นอย่างไร? ราคาจะยังอยู่ในช่องขาขึ้น หรือจะหลุดลงจากโครงสร้างนี้?