Why Gold is the best ?ประเทศที่มีสำรองทองคำมากที่สุดในโลก!Why Gold is the best ?ประเทศที่มีสำรองทองคำมากที่สุดในโลก! เก็บไปทำไม?
👰 กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับบทความๆดีๆที่มีให้อ่านกันไม่รู้จักเบื่อ ช่วงนี้ทองคำพี่เค้ามารงจริงๆ วันนี้เรามาหาความรู้รอบตัวเกี่ยววกับทองคำกันบ้างดีกว่า ว่ามันเกี่ยวข้องกับประเทศชาติและเศีษฐกิจอย่างไร ทำไมพุ่งแรง ดิ่งแรงได้เบอร์นี้ มาครับ บทความนี้มีคำตอบ
👉ประเทศที่มีสำรองทองคำมากที่สุดในโลกคือ สหรัฐอเมริกา โดยมีปริมาณทองคำสำรองอยู่ที่ 8,133.5 ตัน ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลล่าสุดจาก World Gold Council ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2024
👉ซึ่งสามประเทศที่ถือครองทองคำมากที่สุดรองลงมารวมกัน ได้แก่ เยอรมนี อิตาลี และฝรั่งเศส กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นหนึ่งในผู้ถือครองทองคำสำรองรายใหญ่ที่สุด
👉 แม้ว่าเงินจะไม่ได้รับการหนุนหลังด้วยทองคำอีกต่อไปแล้วก็ตาม แต่รัฐบาลยังคงจัดเก็บทองคำแท่งในปริมาณมหาศาลเพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อรุนแรงหรือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอื่นๆ
การสำรองทองคำทำงานอย่างไร
👉👉ทองคำทำหน้าที่เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ในระดับที่แตกต่างกัน ในช่วงศตวรรษที่ 17 ถึง 20 ทองคำแท่งใช้ในการค้าระหว่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ ประเทศต่างๆ จึงจำเป็นต้องรักษาคลังทองคำไว้ด้วยเหตุผลทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง
👉👉 ประเทศส่วนใหญ่หยุดใช้ทองคำหนุนสกุลเงินของตนตั้งแต่กลางปี ค.ศ. 1900 และ สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศสุดท้ายที่เลิกใช้มาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1999 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงเก็บทองคำแท่ง ไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อใช้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในกรณีเงินเฟ้อสูงหรือภัยพิบัติทางเศรษฐกิจอื่นๆ
👉👉 สำหรับธุรกิจ ทองคำถือเป็นสินทรัพย์โภคภัณฑ์ที่ใช้ในยา เครื่องประดับ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับนักลงทุนจำนวนมาก ทั้งสถาบันและรายย่อย ทองคำถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย
สหรัฐอเมริกามีทองคำสำรองอยู่ 8,133.46 ตัน ในช่วงที่ ระบบแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศของ เบรตตันวูดส์ กำลังเฟื่องฟู เมื่อสหรัฐอเมริกาเสนอที่จะจัดเก็บและปกป้องทองคำของประเทศอื่นเพื่อแลกกับเงินดอลลาร์ มีรายงานว่าระหว่าง 90% ถึง 95% ของทองคำสำรองของโลกทั้งหมดอยู่ในห้องนิรภัยของอเมริกา
👉👉หลายทศวรรษต่อมา สหรัฐอเมริกายังคงถือครองทองคำสำรองไว้มากที่สุด ทองคำคิดเป็นมากกว่า 75% ของเงินสำรองต่างประเทศ และ สหรัฐฯ ยังคงปกป้องทองคำที่เป็นของประเทศอื่นต่อไป ธนาคารกลางสหรัฐในนิวยอร์กเป็นผู้ดูแลทองคำที่เป็นของรัฐบาลต่างประเทศ ธนาคารกลาง และองค์กรระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ
ทำไมประเทศต่างๆ ยังถือสำรองทองคำ?
ทองคำช่วยให้รัฐบาลสามารถสำรองค่าเงินของตนเองได้เนื่องจากมาตรฐานทองคำไม่มีผลบังคับใช้แล้ว เหตุใดประเทศต่างๆ จึงยังคงถือทองคำสำรองไว้ มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้ทองคำยังคงอยู่ในห้องนิรภัยของธนาคารกลางในสหรัฐอเมริกา
เช่นเดียวกับนักลงทุนรายบุคคล รัฐบาลจำเป็นต้องกระจายพอร์ตการลงทุนด้วย การถือตราสารการลงทุนประเภทต่างๆ จะช่วยลดความเสี่ยงและรับประกันความปลอดภัย
แม้ว่ามาตรฐานทองคำจะเป็นสิ่งในอดีตแล้ว แต่รัฐบาลของหลายประเทศยังคงเชื่อว่าการถือครองทองคำจะช่วยให้สกุลเงินของพวกเขามีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง
ทองคำทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกันภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศ
10 อันดับประเทศที่มีทองคำสำรองมากที่สุด (ณ ตุลาคม 2023)
สหรัฐอเมริกา: 8,133.5 ตัน
เยอรมนี: 3,352.7 ตัน
อิตาลี: 2,451.8 ตัน
ฝรั่งเศส: 2,436.5 ตัน
รัสเซีย: 2,332.7 ตัน
จีน: 2,191.5 ตัน
สวิตเซอร์แลนด์: 1,040.0 ตัน
ญี่ปุ่น: 845.9 ตัน
อินเดีย: 800.8 ตัน
เนเธอร์แลนด์: 612.5 ตัน
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ แม้ทองคำจะราคาแพงขึ้นไปมากโขแล้ว แต่คนก็ยังนิยมเก็บกันอยู่เพราะมันเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยนั่นเอง หากเรามีเงินทุนสำรองมากพอแอดแนะนำว่าเก็บสะสมในรูปทองคำแท่งบ้างก็น่าจะดีนะครับ เอาใจช่วยทุกท่านให้เทรดได้เงินสะสมเยอะๆครับ
ภาพประกอบ
+++ 03/03/2025 Xauusd +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 17.30 <<<
ระบบ มองขึ้น
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2866.20
.
Mid 2865.70
.
Down 2865.20
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2871.20
.
*** > SL 2863.50
*** > TP 2884.20 , 2901.4
, 2926 , 2941
.
>>> Buy limit 2851-55
.
*** > SL 2844
*** > TP 2884.20 , 2901.4
, 2926 , 2941
.
>>> Sell Stop 2860.20
.
*** > SL 2867.90
*** > TP 2851 , 2847.20
, 2806.4
OKBUSDTOKB น่าจะทำทรงรูปแบบ Wolfe Waves เป็นหนึ่งใน Chart patterns ที่ไว้หาจุดกลับตัวของราคา โดย Wolfe Waves จะประกอบด้วย 5 Waves
Bullish Wolfe Wave Set Up
1.Wave 2 เป็นจุดสูงสุดของรอบ
2.Wave 3 ต่ำกว่า Wave 1
3.Wave 4 เป็นจุดสูงสุดที่ฟื้นขึ้นมาจาก Wave 3 และ Wave 4 ต้องต่ำกว่า Wave 2
Entry : Trend line ระหว่าง Wave 1 และ Wave 3
Target : Trend line ระหว่าง Wave 1 และ Wave 4
เราจะเข้าเทรดใน Wave ที่ 5 ที่ราคากำลังกลับตัวขึ้น และตั้งจุด Stop loss ที่ Low ของรอบ ส่วนเป้าหมายการเคลื่อนไหวจะอยู่ที่ระดับ เส้น Trend line ที่ลากจาก Wave 1 ไป Wave 4
Monte Carlo Simulation ในการทำระบบเทรดMonte Carlo Simulation เป็นเทคนิคทางสถิติที่ใช้ในการสร้างแบบจำลองและวิเคราะห์ความน่าจะเป็นของผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากชุดข้อมูลที่มีความไม่แน่นอน โดยในระบบเทรด (Trading System) เราสามารถใช้ Monte Carlo Simulation เพื่อประเมินความเสี่ยง ทดสอบความแข็งแกร่งของระบบ และช่วยให้เข้าใจถึงผลกระทบของความผันผวนในตลาด
Monte Carlo Simulation คืออะไร?
Monte Carlo Simulation เป็นกระบวนการที่ใช้ตัวเลขสุ่ม (Random Numbers) เพื่อจำลองเหตุการณ์หรือกระบวนการที่ซับซ้อน โดยใช้หลักสถิติเพื่อสร้างชุดของผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ วิธีนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นภายใต้สภาวะที่แตกต่างกันได้
การใช้ Monte Carlo Simulation ในระบบเทรด
ในการทำระบบเทรด Monte Carlo Simulation สามารถนำไปใช้ในหลายด้าน เช่น:
-การวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Analysis) – จำลองความน่าจะเป็นของการขาดทุนสูงสุด (Max Drawdown) หรือการเติบโตของพอร์ตการลงทุน
-การทดสอบความแข็งแกร่งของระบบ (Robustness Testing) – ตรวจสอบว่าระบบเทรดสามารถทำงานได้ดีภายใต้เงื่อนไขที่แตกต่างกันหรือไม่
-การวิเคราะห์ผลกำไรที่คาดหวัง (Expected Return Analysis) – คำนวณผลกำไรเฉลี่ยจากการจำลองหลายพันรอบเพื่อดูแนวโน้มของพอร์ต
ขั้นตอนการใช้ Monte Carlo Simulation ในการทดสอบระบบเทรด
1. รวบรวมข้อมูลผลลัพธ์จากระบบเทรด
นำข้อมูลผลตอบแทนของระบบเทรด (เช่น อัตราชนะ อัตราขาดทุน ขนาดของกำไรและขาดทุน) มาสร้างเป็นชุดข้อมูลเริ่มต้น
2. สร้างชุดข้อมูลแบบสุ่มจากข้อมูลเดิม
สุ่มเรียงลำดับผลลัพธ์ของเทรดใหม่หลายพันครั้งเพื่อสร้างสถานการณ์ที่เป็นไปได้ในอนาคต
3. คำนวณผลลัพธ์ของแต่ละรอบการจำลอง
ประเมินค่าต่าง ๆ เช่น ค่าเฉลี่ยของกำไร/ขาดทุน (Mean Return), ค่าความผันผวน (Volatility), และค่าการขาดทุนสูงสุด (Max Drawdown)
4. วิเคราะห์ผลลัพธ์และสรุปข้อสังเกต
พิจารณาความน่าจะเป็นของการเกิดกำไรหรือขาดทุนในแต่ละช่วงเวลา
นำผลลัพธ์ไปปรับปรุง Money Management และกลยุทธ์การเทรด
ตัวอย่างการใช้ Monte Carlo Simulation กับระบบเทรด
สมมติว่าคุณมีระบบเทรดที่ให้ผลลัพธ์ดังนี้:
อัตราการชนะ (Win Rate) = 55%
อัตราการขาดทุน (Loss Rate) = 45%
ค่าเฉลี่ยกำไรต่อครั้ง = 2%
ค่าเฉลี่ยขาดทุนต่อครั้ง = 1.5%
เมื่อทำ Monte Carlo Simulation กับชุดข้อมูลนี้ 10,000 รอบ เราจะได้ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ของพอร์ตการลงทุนในอนาคต ซึ่งสามารถช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่า ระบบเทรดของเรามีโอกาสรอดในระยะยาวหรือไม่
ข้อดีของ Monte Carlo Simulation ในระบบเทรด
✅ ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ✅ ทดสอบความแข็งแกร่งของระบบเทรดในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ✅ ทำให้สามารถวางแผน Money Management ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ลดโอกาสในการ Overfitting จากการใช้ Backtest เพียงชุดข้อมูลเดียว
ข้อจำกัดของ Monte Carlo Simulation
❌ ไม่สามารถทำนายอนาคตได้ 100% เพราะเป็นการจำลองจากข้อมูลในอดีต ❌ อาจต้องใช้ทรัพยากรในการคำนวณสูงหากทำการจำลองหลายหมื่นรอบ ❌ คุณภาพของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับคุณภาพของข้อมูลที่นำมาใช้จำลอง
สรุป
Monte Carlo Simulation เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการช่วยนักเทรดวิเคราะห์ความเสี่ยงและทดสอบระบบเทรดภายใต้เงื่อนไขที่แตกต่างกัน แม้จะไม่สามารถทำนายอนาคตได้แน่นอน แต่ช่วยให้เราประเมินผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในระยะยาวได้อย่างมั่นใจ
หากคุณกำลังพัฒนาระบบเทรด การใช้ Monte Carlo Simulation จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงขีดจำกัดและโอกาสของระบบเทรดของคุณมากขึ้น และทำให้การตัดสินใจในการบริหารความเสี่ยงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
+++ XAUUSD 27/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 17.30 <<<
ระบบ 2 way วิ่งแรง
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2891.50
.
Mid 2891.00
.
Down 2890.50
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2896.50
.
*** > SL 2890.50
*** > TP 2906.50 ,2922.4
2937.3
.
>>> Sell Stop 2885.50
.
*** > SL 2891.50
*** > TP 2875.50 ,2847.3 ,
2812.3
.
"====================="
Recovery Set up ***
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2890.50
*** > SL 2896.50
*** > TP 2875.50 ,2847.3 ,
2812.3
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2891.50
*** > SL 2885.50
*** > TP 2906.50 ,2922.4
2937.3
.
+++ XAUUSD 26/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5.30 <<<
ระบบ Up
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2916.74
.
Mid 2916.24
.
Down 2915.74
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2921.74
.
*** > SL 2915.74
*** > TP 2931.74 ,2987
.
>>> Sell Stop 2910.74
*** > SL 2916.74
*** > TP 2900.74 ,2912.2 ,
2897.2
.
"====================="
Recovery Set up ***
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2915.74
*** > SL 2921.74
*** > TP 2900.74 ,2912.2 ,
2897.2
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2916.74
*** > SL 2910.74
*** > TP 2931.74 ,2987
.
+++ XAU 25/02/25 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5.30 <<<
ระบบ 2 way วิ่งแรง
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2937.40
.
Mid 2936.90
.
Down 2936.40
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2942.40
.
*** > SL 2936.42
*** > TP 2952.42 ,2959.7,
2979.7, 2984
.
>>> Sell Stop 2931.42
*** > SL 2937.42
*** > TP 2921.42 ,2884.7 ,
2854.7
.
"====================="
Recovery Set up ***
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2936.42
*** > SL 2942.42
*** > TP 2921.42 ,2884.7 ,
2854.7
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2937.42
*** > SL 2931.42
*** > TP 2952.42 ,2959.7,
2979.7, 2984
.
+++ XAU 24/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5 <<<
ระบบ 2 way วิ่งแรง
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2941.1
.
Mid 2940.6
.
Down 2940.1
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2946.10
.
*** > SL 2940.1
*** > TP 2956.1 ,2962,
2987, 3002
.
>>> Sell Stop 2935.10
*** > SL 2941.1
*** > TP 2925.10 ,2897 ,
2857
.
"====================="
Recovery Set up *** No use
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2940.1
*** > SL 2946.10
*** > TP 2925.10 ,2897 ,
2857
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2941.1
*** > SL 2935.10
*** > TP 2956.1 ,2962,
2987, 3002
.
Position Trading ลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาวอันไหนดีกว่ากันPosition Trading ลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาวอันไหนดีกว่ากัน
👰 กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ วันนี้แอดมาไขข้อข้องใจระหว่างเทรดสั้นกับเทรดยาว มันต่างกันยังไง แล้วอันไหนดีกว่ากัน มาครับ บทความนี้มีคำตอบ
การเทรดแบบ Position Trading คือการถือตำแหน่งในการเข้าออเดอร์ มีหลายแบบ แบบถือเป็นเดือนหรือปีในระยะยาว และ การถือออเดอร์แบบระยะสั้นๆเทรดแบบรายวัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับสไตล์การลงทุน เป้าหมาย และความพร้อมของแต่ละคน ย้ำว่าแต่ะคนไม่เหมือนกันจริงๆ ข้อนี้สำคัญมาก ในการเลือกรูปแบบการเทรด
Position Trading มีไว้ใช้เพื่ออะไร?
1. เพื่อเป็นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิคด้วย Position Trade และการวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยในการจับจังหวะการเข้าออเดอร์และออกออเดอร์
2. Position Trade ให้ความสำคัญกับกรอบเวลาใหญ่ เช่น กราฟรายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายไตรมาส เพื่อให้มองเห็นภาพรวมของราคาและแนวโน้มหลัก แต่ในปัจจุบันเราปรับแต่งให้ Position Trade มีทั้งแบบระยะยาว และแบบระยะสั้น เพื่อสร้างความหลากหลายและกลยุทธิ์ที่มากขึ้น นั่นเอง
3. เพื่อช่วยให้มีการบริหารความเสี่ยงและเงินทุนอย่างมีวินัย โดยเริ่มจากการกำหนดสัดส่วนเงินลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละสินทรัพย์ และเพื่อป้องกันการขาดทุนที่เกินกว่าระดับที่ยอมรับได้ รวมถึงตั้งเป้าหมายที่จะทำกำไร
Position Trading มีเทคนิคการทำอย่างไรบ้าง
1.Trend Following
การตามติดแนวโน้มหลักของราคา โดยใช้วิธีการต่างๆ ในการระบุแนวโน้ม เช่น การวิเคราะห์ทิศทางของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือ ADX เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
2. Breakout Trading
มุ่งเน้นการรอคอยจังหวะที่ราคาผ่านแนวต้านหรือแนวรับสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์อุปทานและการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ ในกรอบเวลารายวันรายเดือนหรือรายสัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ร่วมกันทางเทคนิค เช่น Pivot Point
3. Value Investing
เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น การคำนวณมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดคิดลด (DCF) แล้วถือครองไปจนกว่าตลาดจะตระหนักถึงมูลค่าที่แท้จริงและราคาปรับตัวให้สะท้อนโอกาสในระยะยาว
สรุป: อันไหนดีกว่ากัน?
Position Trading เหมาะกับคนที่:
ไม่มีเวลาเทรดตลอดวัน
ชอบการลงทุนแบบเน้นความมั่นคง
สามารถรอผลตอบแทนในระยะยาวได้
ไม่ชอบความเสี่ยงสูง
การเทรดระยะสั้น เหมาะกับคนที่:
มีเวลาและความพร้อมในการติดตามตลาด
ชอบความท้าทายและรับความเสี่ยงได้
มีทักษะการวิเคราะห์ตลาดที่ดี
ต้องการทำกำไรในเวลาสั้น ๆ
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พยายามถามตัวเองให้ได้คำตอบก่อนว่าชอบเล่นแบบไหน แล้วเรามีความสามารถในการทำกำไรแบบไหนกนแน่ พร้อมมากน้อยเพียงใด ทีนี้ก็เทรดไม่ยากแล้วครับ และที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบระบบเทรดและกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอนะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ
การบริหารเงินในการเทรดแบบ Fixed Percentageความหมายของ Fixed Percentage
Fixed Percentage เป็นกลยุทธ์บริหารเงินที่ใช้ในการเทรด โดยกำหนดให้ขนาดของการลงทุนแต่ละครั้งเป็นเปอร์เซ็นต์คงที่ของทุนทั้งหมดที่มีอยู่ วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงและช่วยให้พอร์ตการลงทุนเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
หลักการของ Fixed Percentage
หลักการของกลยุทธ์นี้คือการกำหนดขนาดของการเทรดเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น หากกำหนดให้ความเสี่ยงต่อการเทรดอยู่ที่ 2% ของพอร์ตและพอร์ตมีเงินทุน 100,000 บาท ขนาดของความเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้งจะเท่ากับ 2,000 บาท
ข้อดีของ Fixed Percentage
-ควบคุมความเสี่ยงได้ดี – การจำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดช่วยให้พอร์ตการลงทุนสามารถอยู่รอดในตลาดได้ แม้ในช่วงที่ขาดทุนต่อเนื่อง
-เพิ่มโอกาสการเติบโตของพอร์ต – เมื่อพอร์ตเติบโตขึ้น ขนาดของการเทรดก็เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ ทำให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในระยะยาว
-ลดผลกระทบจากอารมณ์ – การใช้ระบบ Fixed Percentage ทำให้นักเทรดมีระเบียบวินัยมากขึ้นและลดการตัดสินใจที่เกิดจากอารมณ์
วิธีคำนวณขนาดการเทรด
สูตรคำนวณขนาดการเทรดแบบ Fixed Percentage:
ตัวอย่าง:
เงินทุนเริ่มต้น = 100,000 บาท
กำหนดความเสี่ยงต่อการเทรด = 2%
Risk Amount = 100,000 \times 2% = 2,000 บาท
หากจุด Stop Loss อยู่ที่ 50 จุด ขนาดล็อตจะเป็น 2,000 / 50 = 40 บาทต่อจุด หรือใช้ Lot Size ตามคู่เงินที่เทรด
ข้อควรระวัง
ไม่ควรเพิ่มเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงมากเกินไป – แม้ว่าการเพิ่มความเสี่ยงจะช่วยให้พอร์ตเติบโตเร็วขึ้น แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการล้างพอร์ตด้วย
ควรปรับตามความผันผวนของตลาด – หากตลาดมีความผันผวนสูง อาจต้องลดขนาดของการเทรดเพื่อป้องกันการขาดทุนที่รุนแรง
ไม่ควรใช้ Fixed Percentage แบบคงที่ตลอดเวลา – ควรมีการปรับเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงตามสถานการณ์ เช่น ลดเปอร์เซ็นต์ในช่วง Drawdown และเพิ่มในช่วงที่ระบบเทรดมีผลลัพธ์ที่ดี
สรุป
Fixed Percentage เป็นหนึ่งในกลยุทธ์บริหารเงินที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากช่วยควบคุมความเสี่ยงและทำให้พอร์ตเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว การเลือกเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากกำหนดต่ำเกินไป อาจทำให้พอร์ตเติบโตช้า แต่หากกำหนดสูงเกินไป อาจทำให้พอร์ตถูกล้างได้ง่าย นักเทรดจึงควรนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและสภาวะตลาด
+++ XAUUSD 20/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5 <<<
ระบบ Down
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2941
.
Mid 2940.5
.
Down 2940
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell limit 2973
.
*** > SL 2978
*** > TP 2945 , 2935
.
>>> Sell Stop 2935
.
*** > SL
*** > TP 2925 , 2928 , 2908 , 2893
.
+++ XAUUSD 19/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5 <<<
ระบบ Break out 2 ทาง แต่จะหลอกทางแรก
แล้วไปอีกทาง *** รอ Sell
"====================="
>>> Mark
.
Up 2935.5
.
Mid 2935
.
Down 2934.5
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2940.5
*** > SL 2934.5
*** > TP 2950.5 , 2963-68 , 2980 ,2988
.
>>> Sell Stop 2929.5
*** > SL 2935.5
*** > TP 2919.5 , 2910 , 2895 , 2873
.
"====================="
Recovery Set up No use
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2934.5
*** > SL 2940.5
*** > TP 2919.5 , 2910 , 2895 , 2873
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2935.5
.
*** > SL 2929.5
*** > TP 2950.5 , 2963-68 , 2980 ,2988
.
+++ Gold 18/02/25 แผน +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5 <<<
ระบบ Break out 2 ทาง วิ่งแรง
"====================="
>>> Mark
.
Up 2913.4
.
Mid 2912.9
.
Down 2912.4
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2918.4
*** > SL 2912.4
*** > TP 2928.4 , 2946.4 , 2951
.
>>> Sell Stop 2907.4
*** > SL 2913.4
*** > TP 2897.4 , 2876.4 , 2846.4 , 2821.4
.
"====================="
Recovery Set up No use
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2912.4
*** > SL 2918.4
*** > TP 2897.4 , 2876.4 , 2846.4 , 2821.4
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2913.4
.
*** > SL 2907.4
*** > TP 2928.4 , 2946.4 , 2951
+++ XAU แผน 17/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5 <<<
ระบบ Break out 2 ทาง วิ่งแรง
"====================="
>>> Mark
.
Up 2900.6
.
Mid 2900.1
.
Down 2899.6
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2905.60
*** > SL 2899.6
*** > TP 2915.60 , 2951 , 2965
.
>>> Sell Stop 2894.60
*** > SL 2900.6
*** > TP 2884.60 , 2873.8 , 2835 , 2823.8
.
"====================="
Recovery Set up No use
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2899.6
*** > SL 2905.60
*** > TP 2884.60 , 2873.8 , 2835 , 2823.8
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2900.6
.
*** > SL 2894.60
*** > TP 2915.60 , 2951 , 2965
SET Sentimentกราฟ SET ลงมายาวนานตั้งแต่ ธันวาคมปีที่แล้ว ลงมาต่อนเนื่องถึงวันนี้
วันนี้ ตลาดลงทำ new low อีก
DATA วันนี้ หุ้นหลายๆตัวเริ่มขยับขึ้นมา พอสมควรเลย โดยรวม ตลาดดี ในแง่ จำนวนหุ้นขึ้น ถ้าตัด เดลต้าทิ้งและ aot ตลาด SET อาจจะพลิกกลับมา +10 จุดได้เลย
ส่ิงที่น่าสนใจคือ ถ้า SET Rebound ขึ้นมา รอบนี้อาจจะมองกลับตัว เนื่องจากมีหุ้น หลายๆๆตัวขึ้นไปรอ กันด้านบนแล้ว เป็นการ Confirm ราคา ไปในตัว
ส่ิงที่ควรทำ เริ่มหาหุ้น กันได้แล้ว รอตลาด SET มีแรงซื้อเข้ามา จะเป็นการ Confirm เริ่มขึ้นได้พอสมควร
แต่ถ้าไม่มีแรงขึ้นเลย ก็ยังไม่ควรเข้า
วิธีใช้ Sentiment Indicator อารมณ์ในตลาด วิธีใช้ Sentiment Indicator อารมณ์ในตลาด
👰กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ วันนี้แอดมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับอารมณ์การเทรดในตลาด อารมณ์ที่เป็นอารมณ์ร่วมจริงๆนะ เอ๊ะแล้วมันดียังไง มันเริ่มจากตรงไหน มาครับ บทความนี้มีคำตอบ
หลังจากที่เราๆเทรดเดอร์มือใหม่ทั้งหลายเริ่มเข้าสู่วงการเทรดแบบเต็มตัวแล้ว หลายๆคนน่าจะเริ่มรู้จัก รูปแบบในการวิเคราะห์ข้อมูลของตลาดมาบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ที่งงๆเยอะหน่อย น่าจะเป็นอารมณ์ในตลาด Sentimental Analysis หรือความอ่อนไหวของตลาดว่ามันคืออะไร ทำไมขึ้นๆลงๆ เดาทางไม่ถูกเลย
Market Sentiment คืออะไร
Sentiment หมายถึงแนวทางความคิด และความรู้สึกของนักลงทุนในตลาด ซึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อหรือขายสินทรัพย์ทางการเงิน โดยใช้ความรู้สึกหรืออารมณ์โดยรวมที่นักลงทุนและเทรดเดอร์มีต่อตลาดนั้น ๆ ซึ่งในแต่ละตลาดการลงทุนก็จะมีมุมมองที่แตกต่างออกไป
Market Sentiment แบ่งมุมมองของตลาดออกเป็น 3 เทรนด์
1. ตลาดอยู่ในสภาวะขาขึ้น (Uptrend)
2. ตลาดอยู่ในสภาวะขาลง (Downtrend)
3. ตลาดยังหาทิศทางไม่ได้ (Sideway)
การวิเคราะห์อารมณ์ของตลาด (Sentiment Analysis) คืออะไร?
ระบบเทรด Sentiment Analysis (การวิเคราะห์ความรู้สึก) เป็นระบบที่อาศัยการประเมินความรู้สึกหรืออารมณ์ของตลาดจากแหล่งข้อมูลต่างๆ
เช่น ข่าวสาร, โซเชียลมีเดีย, ฟอรัม, หรือความคิดเห็นของผู้คน เพื่อทำนายทิศทางราคาของสินทรัพย์ (เช่น หุ้น, สกุลเงิน, หรือคริปโตเคอร์เรนซี)
โดยหากข้อมูลข่าวสารในตลาดส่อแววเป็นปัจจัยบวก (Positive Sentiment)
ก็ถือเป็นสัญญาณขาขึ้น ให้ BUY
ในขณะเดียวกัน หากมีข่าวสารที่เป็นปัจจัยลบ (Negative Sentiment)
ก็จะถือเป็นสัญญาณขาลงนั่นเอง ให้ SELL
อย่างไรก็ตาม บางครั้งข้อมูลที่ถูกรวบรวมมาก็อาจไม่ได้บอกสัญญาณเทรดที่ถูกต้องเสมอไป เทรดเดอร์ก็ควรพิจารณาข้อมูลข่าวสารทางการเงินทั้งที่เป็นปัจจัยบวกและลบร่วมด้วยในระหว่างการเทรด ซึ่งมีโอกาสสูงที่ข้อมูลเหล่านั้นจะส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ที่เรากำลังเทรดอยู่ แต่หากรารู้จักใช้ sentiment indicator ให้เป็นประโยชน์ ก็หมดห่วงได้เลย! มันจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
อินดิเคเตอร์ Sentiment กำลังบอกอะไร?
การตีความหมายของ sentiment indicator !
1. การอ่านตัวชี้วัดตามตัวเลขจริง (เหมาะสำหรับเทรดระยะยาว)
- หากตัวเลขอยู่ในระดับสูงๆ หมายความว่าผู้บริโภคกำลังมองตลาดอยู่ในเกณฑ์บวก และเราก็เดิมพันในทิศทางตลาดตามความเป็นจริง โดยมองฝั่ง BUY และคิดว่าราคาจะขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
- หากตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำๆ หมายความว่าผู้บริโภคกำลังได้รับแรงกดดันจากสภาวะเชิงลบของตลาด ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดมีการปรับตัวลงไปอีก โดยมองฝั่ง SELL
2. การอ่านตัวชี้วัดแล้วมองในทิศทางตรงกันข้าม(เหมาะสำหรับเทรดระยะสั้น)
- หากตัวเลขอยู่ในระดับต่ำๆ หมายความว่าผู้บริโภคกำลังได้รับแรงกดดันจากสภาวะเชิงลบของตลาด ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดมีการปรับตัวบวก และราคาก็อาจกลับตัวขึ้นหลังจากนั้น
- ในขณะเดียวกัน หากอินดิเคเตอร์ดังกล่าวอยู่ในระดับสูงๆ ก็หมายความว่าผู้บริโภคกำลังมองตลาดอยู่ในเกณฑ์บวก ซึ่งเทรดเดอร์มืออาชีพโดยส่วนใหญ่จะมองว่า indicator นั้นอาจปรับตัวลงพร้อมๆ กับตลาดในไม่ช้า
อินดิเคเตอร์ Sentiment ของตลาด vs. อินดิเคเตอร์เชิงเทคนิค
Indicator บางตัวอาจใช้วิเคราะห์ได้ทั้งในเชิงเทคนิคและสภาวะอารมณ์ของตลาด อย่างไรก็ตาม อินดิเคเตอร์ทั้ง 2 ประเภทก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ดังนี้:
1. อินดิเคเตอร์ Sentiment ใช้บอกพฤติกรรมของทั้งผู้บริโภคและนักลงทุน รวมถึงอารมณ์ความรู้สึกของบุคคลที่เกี่ยวข้องในตลาดดังกล่าว
2.อินดิเคเตอร์เชิงเทคนิค บ่งบอกภาพรวมของตลาด ไม่ว่าจะเป็นราคา (Price), ปริมาณการซื้อขาย (Volume), และข้อมูลอื่นๆ ในเชิงเทคนิคที่ปรากฎใน กราฟเทรด
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น ถ้าเราอ่านแบบง่ายๆเข้าใจง่ายๆ ทุกอย่างจะดูง่ายเอง แค่อย่าไปคิดเยอะครับ ไม่ต้องไปคิดแทนเขา เราคิดแค่ว่ามันบอกขึ้นลง แค่นั้นก็พอ เห็นมั้ยครับ ง่ายนิดเดียว และที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบระบบเทรดและกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอนะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ
+++ Gold 14022025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5 <<<
ระบบ Sw 2 way วิ่งแรง
"====================="
>>> Mark
.
Up 2929.3
.
Mid 2928.8
.
Down 2928.3
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2934.30
*** > SL 2928.3
*** > TP 2944.30 , 2952.2 , 2972
.
>>> Sell Stop 2923.30
*** > SL 2929.3
*** > TP 2913.30 , 2912.2 , 2892.2 , 2872
.
"====================="
Recovery Set up
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2928.3
*** > SL 2934.30
*** > TP 2913.30 , 2912.2 , 2892.2 , 2872
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2929.3
.
*** > SL 2923.30
*** > TP 2944.30 , 2952.2 , 2972
+++ XAUUSD 13/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5 <<<
ระบบ Break out sw up and down
"====================="
>>> Mark
.
Up 2917.45
.
Mid 2916.95
.
Down 2916.45
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2922.45
*** > SL 2916.45
*** > TP 2932.45 , 2955.2 , 2972-75
.
>>> Sell Stop 2911.45
*** > SL 2917.45
*** > TP 2901.45 , 2880 , 2857 - 2852
.
"====================="
Recovery Set up
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2916.45
*** > SL 2922.45
*** > TP 2901.45 , 2880 , 2857 - 2852
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2917.45
.
*** > SL 2911.45
*** > TP 2932.45 , 2955.2 , 2972-75
+++ Xauusd 12/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 3 <<<
ระบบ Break out sw up and down
"====================="
>>> Mark
.
Up 2893.8
Mid 2893.3
Down 2892.8
.
"=====================" Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2898.80
*** > SL 2892.8
*** > TP 2908.80 , 2929.8 , 2934 , 2949.8
.
>>> Sell Stop 2887.80
*** > SL 2893.8
*** > TP 2877.80 , 2861.8 , 2831
.
"====================="
Recovery Set up
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2892.8
*** > SL 2898.80
*** > TP 2877.80 , 2861.8 , 2831
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2893.8
.
*** > SL 2887.80
*** > TP 2908.80 , 2929.8 , 2934 , 2949.8
+++ 11/02/2025 Gold +++แผนเป้า spot รอ Trade หลัง บ่าย 5
ระบบ Break out 2 way ( Bais S)
"========================="
>>> Mark
.
Mid 2919.2
.
"========================="
Trade Set up
"========================="
.
>>>> Buy Stop 2924.70
.
*** > SL 2918.7
*** > TP 2934.70 , 2948 , 2968 , 2973
.
>>>> Sell limit 2913.20
.
*** > SL 2919.7
*** > TP 2903.70 , 2863.80 , 2858.80
.
"========================="
Recovery Set up
"========================="
.
"= ทันทีที่ได้ Order Buy ="
.
>>> Sell Stop 2918.7
.
*** > SL 2924.70
*** > TP 2903.70 , 2863.80 , 2858.80
.
"= ทันทีที่ได้ Order Sell ="
.
>>> Buy Stop 2919.7
.
*** > SL 2913.70
*** > TP 2934.70 , 2948 , 2968 , 2973
.
What is a trading system? ระบบเทรคืออะไร?
What is a trading system?ระบบเทรด คืออะไร?
👰กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ วันนี้แอดมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับระบบเทรด เพราะหลาคนยังไม่รู้ว่าระบบเทรดคือะไร แล้วมันเริ่มยังไง มาครับ บทความนี้มีคำตอบ
ระบบเทรด ช่วยให้การเทรดเพื่อทำกำไรนั้นมีประสิทธิภาพสูง และมักจะประกอบด้วยหลายปัจจัยที่ทำให้มันโดดเด่นและน่าเชื่อถือ ขึ้นอยู่กับประเภทของการเทรดและขึ้นอยู่กับตัวบุคคลของคนนั้นด้วย ว่าชอบแนวไหน (เช่น หุ้น, Forex, Cryptocurrency) เพราะสไตล์การเทรดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน (เช่น Scalping, Day Trading, Swing Trading)
ระบบเทรดที่ดีมักจะมีลักษณะดังนี้
1. ระบบเทรดอัตโนมัติ (Algorithmic Trading)
👀 Bot Trading: ใช้โปรแกรมหรือบอทเพื่อเทรดอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น RSI, MACD, Moving Average
👀 High-Frequency Trading (HFT): เทรดด้วยความเร็วสูง ใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางเวลาและข้อมูล
2. ระบบเทรดแบบ Manual (มือถือ)
👀 Price Action: วิเคราะห์กราฟแท่งเทียนหรือรูปแบบราคาโดยไม่ใช้ Indicator
👀 Indicators-Based: ใช้ Indicator ต่างๆ เช่น Moving Average, Bollinger Bands, Fibonacci Retracement
3. ระบบเทรดที่ใช้ Machine Learning/AI
👀 ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลและทำนายแนวโน้มราคา
👀 ปรับตัวได้ตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง
4. ระบบเทรดที่ใช้ Risk Management ที่ดี
👀 Stop Loss/Take Profit: กำหนดจุดตัดขาดทุนและกำไรล่วงหน้า
👀 Position Sizing: จัดการขนาดการเทรดให้เหมาะสมกับพอร์ต
5. ระบบเทรดที่ใช้ Backtesting
👀 ทดสอบระบบกับข้อมูลในอดีตเพื่อประเมินประสิทธิภาพ
👀 ช่วยให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้ดีในสภาวะตลาดต่างๆ
6. ระบบเทรดที่ใช้ Sentiment Analysis
👀 วิเคราะห์ความรู้สึกของตลาดจากข่าวสารหรือโซเชียลมีเดีย
👀 ช่วยทำนายทิศทางราคาจากปัจจัยทางจิตวิทยา
ตัวอย่างระบบเทรดยอดนิยม:
👉Moving Average Crossover: ใช้เส้น Moving Average สองเส้นตัดกันเพื่อหาจุดเข้า-ออก
👉 Breakout Trading: เทรดเมื่อราคา breakout จากระดับสำคัญ
👉Trend Following: เทรดตามแนวโน้มหลักของตลาด
เครื่องมือที่นิยมใช้:
👉 MetaTrader 4/5 (MT4/MT5): แพลตฟอร์มเทรด Forex และ CFD
👉TradingView: สำหรับวิเคราะห์กราฟและสร้างระบบเทรด
👉Python/R: สำหรับเขียน Algorithmic Trading
ข้อควรระวัง:
👋ไม่มีระบบเทรดใดที่ทำกำไรได้ 100% เสมอไป
👋 การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
👋 ควรทดสอบระบบกับบัญชีทดลองก่อนใช้จริง
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ถึงบางอ้อกันหรือยังฮะ จริงๆแล้วมันก็คือกลุทธิ์การเทรดนั่นแหละ แต่จัดวาและทำให้เป็นแบบแผน แล้วเราจะเทรดได้อย่างราบรื่น และกำไรมั่นคงฮะ และที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบระบบเทรดและกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอนะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ
Risk per Trade ในการเทรด Forex: การบริหารความเสี่ยงเพื่อความอยูในการเทรด Forex หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่นักเทรดควรให้ความสนใจคือ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) โดยเฉพาะ Risk per Trade หรือความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ช่วยป้องกันไม่ให้พอร์ตการลงทุนของเราหมดตัวจากการขาดทุนในระยะสั้น
Risk per Trade คืออะไร?
Risk per Trade หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของเงินทุนที่เรายอมเสี่ยงต่อการเทรดหนึ่งครั้ง โดยทั่วไปแล้ว นักเทรดมืออาชีพแนะนำให้ใช้ 1-2% ของเงินทุนทั้งหมด ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง เช่น หากมีทุน $10,000 และใช้ Risk per Trade ที่ 1% หมายความว่าการเทรดแต่ละครั้งเราจะเสี่ยงขาดทุนสูงสุดที่ $100 เท่านั้น
ทำไมต้องกำหนด Risk per Trade?
ป้องกันการล้างพอร์ต – หากเราไม่จำกัดความเสี่ยง อาจทำให้พอร์ตสูญเสียเงินทุนอย่างรวดเร็วจากการขาดทุนติดต่อกัน
สร้างความสม่ำเสมอในการเทรด – การกำหนดความเสี่ยงที่แน่นอนช่วยให้นักเทรดมีวินัยและสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
เอาชนะความผันผวนของตลาด – ตลาด Forex มีความผันผวนสูง การจำกัดความเสี่ยงทำให้เราสามารถอยู่รอดในระยะยาว
วิธีคำนวณ Risk per Trade
กำหนดเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการเสี่ยง
เช่น กำหนดที่ 1% ของเงินทุนทั้งหมด
คำนวณจำนวนเงินที่เสี่ยงได้
ถ้าทุน $10,000 และเสี่ยง 1% จะได้ $100
กำหนดระยะห่างของ Stop Loss
เช่น หากวาง Stop Loss ไว้ 50 pips
คำนวณ Lot Size ที่เหมาะสม
Lot Size = (Risk per Trade) / (Stop Loss * Value per Pip)
ถ้าค่าเฉลี่ยของ 1 pip = $10 และ Stop Loss = 50 pips
Lot Size = $100 / (50 * $10) = 0.2 lot
ตัวอย่างการใช้งานจริง
สมมติว่าเรามีเงินทุน $5,000 และต้องการเสี่ยง 2% ต่อการเทรด
Risk per Trade = 2% ของ $5,000 = $100
Stop Loss = 25 pips
ถ้าค่าเฉลี่ยของ 1 pip = $10 (สำหรับ 1 lot)
Lot Size = $100 / (25 * $10) = 0.4 lot
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการกำหนด Risk per Trade
เสี่ยงมากเกินไป – การใช้ความเสี่ยงเกิน 5% ต่อเทรด อาจทำให้ขาดทุนหนักเมื่อเจอการขาดทุนติดต่อกัน
เปลี่ยนเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงบ่อยเกินไป – การไม่มีแผนที่แน่นอนอาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่ขาดความรอบคอบ
ไม่ใช้ Stop Loss – การไม่กำหนด Stop Loss อาจทำให้การขาดทุนบานปลายเกินกว่าที่จะควบคุมได้
สรุป
Risk per Trade เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการเทรด Forex อย่างยั่งยืน หากเราบริหารความเสี่ยงได้ดี โอกาสที่จะอยู่รอดในตลาดและสร้างผลกำไรในระยะยาวจะเพิ่มขึ้น การยึดหลัก 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้งจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด และทำให้เราสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการเทรด Forex