รูปแบบชาร์ต
แผนทองคำสัปดาห์หน้า ด้วยเทคนิค RTM/MIXเสียฃขออภัยสำหรับคลิปที่มีปัญหาด้านเสียงนะครับ มุมมองมีดังนี้ ราคา สามารถทะลุแนวโครงสร้างหลักของขาขึ้นไได้แล้วทำให้มุมมองสัปดาหน้า เป็นการเด้ง sell สามารถดดูได้ คลิป ความเป็นไปได้ของโซนต่างๆ นั้นขึ้นกับ premium discount การ sell ในโซนที่ต่ำกว่า premium มีความเสี่ยงสูง โปรดระมัดระวัง
-ในส่วนของเทคนิคฝั่ง buy สามารถดูได้ท้ายคลิป FXOPEN:XAUUSD
EP.1 แบบมัดรวม หุ้น 6 ตัวที่เคยให้ไอเดียทั้งหมดไปถ้าชอบไอเดียผมอยากให้ผมทำออกมาอีก ขอกำลังใจด้วยการ เม้น ทักทายกัน หรือกด จรวด ก็ได้ครับ ขอบคุณมากครับ
สำหรับไอเดียที่ผมให้ไว้ทั้ง 6 ตัวผมยังมองเป็นขาขึ้นอยู่ ยกเว้น ตัว JWD เพราะฉะนั้นจะเหลือ 5 ตัวที่ผมจะโฟกัสกันต่อกับเพื่อนๆครับ
ซึ่งผมก็ได้ให้ไอเดียวการเล่นไป และผมไม่ได้บอกว่าไอเดียผม หรือวิธีผมจะทำกำไรได้ 100% มันจึงต้องมี STOP LOSS ไว้เสมอ
และผมได้ให้ไอเดียหรือ SET ว่า sentiment ตลาดมันเป็นลักษณะไม่สวยเท่าไหร่ แล้วการเคลือนไหวของหุ้นมีโอกาสเปลียน sector rotation ได้
จากการที่นักลงทุนต่างชาติ เทขายทำกำไรไปติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน
เราต้องเลือกหุ้นที่แข็งกว่าตลาด อย่างเช่นตัวที่ผมแนะนำให้ไอเดียมาตลาดนะครับ ยังถือว่าแข็งกว่าตลาด
แต่หุ้นขึ้นต้องมีย่อ พักทำฐาน สลัดเม่าอย่างเราออกจากรถ เพราะถ้าคนเกาะรถเยอะหุ้นก็ไปยาก
หรือบางตัวจ่อเบรก ก็ทำหลุด Low แต่ดึงกลับมายืนได้ที่เดิมแบบนี้ก็น่าสนใจว่า เพราะอะไรเขาถึงทำแบบนั้น
เพราะทุกการกระทำของรายใหญ่หรือ Market maker ย่อมมีเหตุผลประกอบเสมอ
การจะทุบ ดึงหลุด แล้วดึงกลับ พวกนี้มันต้องใช้เงินหลายสิบล้าน เขาคงไม่เอามาใช้ทำเล่นๆ โดยไม่มีเหตุผลต่อไปหลังจากที่ทำ
ยังไงก็ลองฟังไอเดียผมดูนะครับ ว่าจะเป็นไงบ้าง ใครได้เอาปรับไปใช้ ได้กำไร ก็ยินดีด้วยครับ
" WIND DIVERGENT "
JWD มีโอกาส บินเบรกกรอบสะสมเป็น All Time Highรอบนี้ขอทำเป็นคลินะครับ ลองฟังดู หากเพื่อนๆชอบ
รบกวนคอมเม้นแสดงความคิดเห็นให้ผมหน่อยนะครับ
และหาเพื่อนๆมีไอเดียที่แตกต่างผมอยากฟังด้วยนะครับ เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน
ขอบคุณครับ
อัพเดทเเผนการเทรด(ช่วงเย็น) 08/12/65 กับพี่เจเบื้องต้น Follow trade ทำกำไรตามกรอบ เเนวโน้มหลักนะครับ
เเนวต้าน 1795 / 1811
เเนวรับ 1773 / 1765
❗️คำเตือน การลงทุนในตลาด CFDs มีความเสี่ยงสูงเเละอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ โปรดใช้วิจารณญาณ
ชอบคลิปนี้อย่าลืมกดเเชร์ กดถูกใจนะครับ 🤗
#forex #crypto #xm #jttraderfx #coachj #พี่เจสอนเทรด
[แกะหุ้นเด้ง pt.1] หาจุดซื้อรันเทรน กับ Rightmove หุ้น 10 เด้ง
- วีดีโอนี้พูดถึง Technical จุดซื้อ/ขาย 75% และพูดเกริ่นถึงบริษัท 25%
- บริษัทนี้คือบริษัทแข็งแกร่ง Market Share สูง 80% อัตราการทำกำไรมากกว่า 30%
- แม้บริษัทจะดูตันๆ ในเรื่องของความสำเร็จ จากประสิทธิภาพแต่ก็เป็นหุ้นหลายเด้งได้ จากสภาพแวดล้อมที่เติบโตได้จนเป็นหุ้น 10 เด้ง
- กำไรที่ได้แต่ละรอบสั้นนั้นได้ราว 1x% และจะนิ่งๆ และก็จะขึ้นใหม่เป็นขั้นบรรได แต่หากถือยาวจะได้กำไรเป็นเด้งได้ไม่ยาก (แต่ก็ขึ้นกับบริบทเวลาด้วย)
- Breakout รับมือได้ดีที่สุดกับบริษัทจำพวกที่กำไรโตตลอดเวลา
-------------------------------
สำหรับเนื้อหาจะมี 2พาร์ทด้วยกัน โดยพาร์ทนี้จะเน้นในเรื่อง Technical อย่างเดียวนะครับ จากนั้นอีกพาร์ทจะเป็นเรื่องของการเงินและธุรกิจล้วนๆ
และโพสนี้ผมแบ่งเป็น 3 ส่วน คือหลักการเลือกหุ้นลงทุน ตามมาด้วยจุดซื้อที่ได้ และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากหุ้นนี้/บริษัทนี้
Rightmove เป็นบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้าซื้อขายบ้าน และมีเว็ปไซต์โปรโมทบ้านเหล่านั้นอยู่ โดยครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 80% ตามมาด้วยอัตราการทำกำไรที่น่าประทับใจอยู่ระดับมากกว่า 30%
นอกจากนี้แล้วบริษัทยังมีการเติบโตต่อรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยสูงกว่าอัตราการเติบโตของประเทศอย่างอังกฤษกว่าที่ 2.xx% กว่ามาก
ต่อมาคือเรื่องของอัตราการทำกำไรต่อส่วนของเจ้าของ(ROE) ที่ทำได้อยู่ในระดับที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องบอกว่าประทับใจ
ปัจจัยทั้งหลายนี้ ชี้ให้เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสายไหนก็ย่อมอยากได้บริษัทนี้เป็นเจ้าของแน่นอนครับ ดังนั้นหากบริษัทไม่มีพื้นฐานเปลี่ยนไปมากนัก อย่างไรก็ต้องมีคนซื้อกลับมาไม่ทางมดก็ทางหนึ่งครับ
ในวีดีโอนี้หลักๆ แล้วหลักกรซื้อที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด คือการ "Breakout" ครับ คือราคาเบรคขึ้นไปเมื่อไรหลายครั้งราคาจะไม่ค่อยกลับมาที่เดิมนัก
และการซื้อตอนย่อราคามาที่เส้นค่าเฉลี่ย 20 สัปดาห์ก็สามารถทำได้ และคุณก็สามารถใช้ประกอบกับ Relative Strength ได้เช่นกัน หากบริษัทแข็งกว่าตลาดจุดนั้นก็อาจเป็นจุกซื้อได้ตลอดได้
นอกจากเรื่องของ Breakout แล้ว เราสามารถมาผสานการใช้กับทรง VCP หรือ Cup with Handle ได้เช่นกันครับ โดยช่วงที่เขาจะ Break High ตรงจุดนี้นับเป็นจุกซื้อที่ทำให้เรารู้นิสัยครับว่าได้ผล
แต่สิ่งที่ต้องกังวลคือบางช่วงมีการพักตัวที่อาจนานเกินไปซึ่งหากท่านไม่ใช่นักลงทุนที่รอรวยนานได้ ตรงนี้อาจทำให้ทุนพี่ๆ เพื่อนๆ จมลงได้ครับ
แต่ก็สามารถแก้ทางได้โดยหาเครื่องไม้เครื่องมืออย่าง Option มาหากระแสเงินสดจากบริษัทนี้ได้เช่นกัน
บริษัทนี้จากที่ผมได้กล่าวแล้วคงไม่พ้นเรื่องหุ้น "แข็งแกร่ง" ตามตำราของคุณปีเตอร์ ลินซ์เลยครับ นั่นคือเป็นหุ้นที่มี Market Share แข็งแกร่ง(เช่นเคสนี้มากกว่า 80%) กอปรด้วยตัวเลขการเงินที่อัศจรรย์ ไม่ว่าใครในตลาดต่างก็อยากเป็นเจ้าของ
ดังนั้นแล้วพอหุ้นขึ้นไป หุ้นมักไปได้ไม่มากครับ นั่นคือขึ้นไปสักราว 1x% แต่แม้จะขึ้นระดับนี้แล้วการจะย่อลงไปจุดต่ำเดิมนั้นไม่ค่อยมีมาก จากการที่กำไรบริษัทแข็งแกร่งไม่มีทีท่าลงมาต่ำกว่าเดิมเลย
แม้ราคาจะเพิ่มขึ้นสั้นๆ แต่หากเราถือนานมากยิ่งขึ้นให้บริษัทได้เฉิดฉายแล้วกำไรที่คุณจะได้ก็สามารถไปได้มากกว่าเด้งได้ไม่ยากเลยครับ
และหากคุณมองว่ากำไรได้น้อยและมีบางช่วงออกข้างนาน การใช้ประโยชน์จาก Option ในการหากระแสเงินสดหรือหาโอกาสจากหุ้นนี้ก็ทำได้เช่นกัน
เนื่องจากบริษัทนี้เป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่เพียงพอจะมีเครื่องมือทางการเงินหลากหลาย
[แกะหุ้นเด้ง]ดู COSTCO หุ้น 100 เด้ง ผ่าน CANSLIM และ VCP pt.1แก่นแท้จากหุ้นเด้งตัวนี้
-การย่อระดับ 1x% เป็นเรื่องที่ธรรมชาติมากๆ นับเป็นเรื่องที่ปกติ
การย่อลงมาแบบหลักๆ อยู่ที่ราว 3x%
-จุดซื้อที่ทรงประสิทธิภาพจะมาจากจุดที่แข็งกว่าตลาด
หรือ Relative Strength มากกว่า 0
-การย่อลงต่อละครั้งหากไม่หลุดราคาเฉลี่ยนับว่าสามารถรันเทรนด์ต่อได้
-การที่ราคาหุ้นตกหนักๆ โดยหลัก มี 3 ปัจจัย (ซึ่งการตกนี้ไม่ต่ำกว่า 50%)
1. การลงจากเศรษฐกิจเอง เช่น COVID-19 , Subprime
2. การลงจากอุตสาหกรรม เช่น รอบสินค้าโภคภัณฑ์ , การออกกฎบัตรบางอย่างจากภาครัฐที่ทำให้ราคาไม่ไปไหน
3. การลงจากตัวบริษัทเอง เช่น ความสามารถในการแข่งขัน ปราการและคูคลองเริ่มเสื่อมสลาย (แบบนี้อันตรายที่สุด)
.
-การลงจากตัวเศรษฐกิจ หากบริษัทแข็งแกร่งจากการมีปราการและคูคลองแข็งแกร่ง ตลาดย่อมรับรู้ อย่างน้อยก็จากผลประกอบการที่หากไม่ลดลง และรายงานจากฝ่ายบริหารแจ้งออกมาไม่มีรอยฟกช้ำจากเศรษฐกิจ นายตลาดก็ตอบรับอย่างสดใส
-การลงจากอุตสาหกรรม ราคาหุ้นอาจจะไม่ขึ้นมาในทันที อาจต้องให้เวลากับเขา ในการปรับทัพรวมพลสู้ศึก ในเชิงรูปธรรม อาจขยายตลาดไปที่อื่น, คุยกับ Supplier เพื่อปรับราคาให้มี Margin ที่ดีขึ้น และคงคุณภาพสินค้า
หรือในกรณีที่สดใสที่สุด คือรอเมฆหมอกแห่งความโชคร้ายให้ผ่านไปเลย
-การลงจากตัวบริษัทเอง ยากที่สุดในการพิจารณา ต้องติดตามกระบวนการบริหารบริษัทอย่างใกล้ชิด รวมถึงดูคุณภาพในสินค้าและบริการ
แก่นแท้คือดูว่า Core Value ที่เขมอบให้แก่ลูกค้าและสังคม
กับการทำกำไร ยังพอไปทางเดียวกันได้ไหม
-สิ่งที่ต้องการสื่อคือหุ้นหลายเด้งมักมีการลงแรงๆ เสมอ ไม่ว่าจากตัวเขาเอง ตัวอุตสาหกรรม หรือจากเศรษฐกิจ แก่นแท้คือการถือให้ยาวและมองให้ขาดว่าบริษัทจะผ่านไปได้ไหม เป็นสำคัญ
-การฟอร์มตัวแบบ Cup with Handle จากที่ดูมักใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 bars week หรือราว 200 วัน ก่อนพุ่งขึ้นไป
การรันเทรนด์เพื่อให้ได้กำไรเด้ง อาจต้องอาศัยเวลา
เราควรมีหลังบ้านที่แข็งแกร่ง มีรายได้หลายทางเพียงพอที่จะคลายกังวลกับการลงทุนในบริษัทนี้ได้
เราอาจใช้อรรถประโยชน์จาก Stock Option ช่วยได้ หากหุ้นนั้นมีบริการ Short Call หรือ Short Put เพื่อหากระแสเงินสดจากช่วง Sideway หากินกับ Volatile
(อาจจะซับซ้อน แต่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกได้นะครับ)
-จุดกลับตัวของกราฟ บางทีอาจใช้รูปแบบแท่งเทียนพิจารณาได้
เช่นรูปแบบ Hammer ที่ทำหางยาวมาก เสมือนการปฏิเสธการลงของราคา
-จุดกลับตัวอาจใช้ Relative Strength ช่วยได้
หากราคาหุ้นแข็งกว่าตลาด เราอาจเริ่มกลับมามองหุ้นนี้ได้ครับ
[Hybrid Study:John Neff] แก่นการลงทุนหุ้นวงจร เพือถือรันหลายเด้งสวัสดีครับพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกท่าน วันนี้ผมจะมาขอ Tribute หลักการลงทุนของคุณ John Neff ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนในสายผสมนี้กันนะครับ
และเนื่องในโอกาสที่วันที่ 19 กันยานี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณ John Neff และคุณ John Neff เองก็เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง นับว่า 1 ในตำนานแห่งโลกการลงทุนของเราได้จากเราแล้วอีกหนึ่งราย แต่ว่าหลักการของคุณ John Neff จะยังคงอยู่ในจิตใจของนักลงทุนสาย Value ทุกท่าน
สำหรับผมแล้ว การระลึกถึงและ"ให้เกียรติ" หลักการของใครก็ตาม คือการใช้หลักการนั้นเป็นพื้นฐานอ้างอิงเพื่อให้หลักการนั้นเป็นที่พูดถึง และขัดเกลาให้ทันต่อโลกมากขึ้น ผมชอบหลักการของคุณ John Neff มาก จึงเป็นเหตุให้เขียนอินดิเคเตอร์ DDM ขึ้นมาด้วย
และสิ่งที่ผมได้ทำในวันนี้ก็คือการทำให้หลักการของคุณ John Neff ยังคงมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยก็ปรับประยุกต์ใช้ในรูปแบบกราฟผ่าน Trading View ซึ่งโค้ดอินดิเคเตอร์นี้ผมได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณ John Neff อย่างแท้จริง
หลักการลงทุนนี้ผมใช้กับการอาศัยซื้อหุ้น(โดยเฉพาะหมวดวงจร : Commodities) ในจุดที่ PE ต่ำอย่างสวนตลาด แต่หลักการที่เราจะได้มาที่ PE ต่ำนั้น ย่อมเกิดจากการปรับ ตัว E หรือ EPS จากสมมการ PE = Price / EPS , โดยผมจะ Predict ค่า EPS ผ่านตัวรายได้ในแบบที่ควรจะเป็น
และนำรายได้นั้นมาจับคุณด้วยอัตราส่วน Net Margin ในระดับ Base Case-Best Case ซึ่งค่าตัวเลขของ Net Margin นี้เราจะได้มาจากการทำ Research หุ้นในหมวด Commodities ย้อนหลังนะครับ
และจะตั้งตัวเลขพวกนี้เสมือนเป็นตุ๊กตาเฉยๆ เพื่อให้เราหาค่า EPS ให้ได้
ในการตั้งค่า Net Margin นี้ ผมจะมีการตั้งเป็นหลายค่ามากๆ และค่าที่ต่ำที่สุดก็คือ 1% มาจากสมมติฐานที่ว่าปกติหุ้น Commodities ตอนจะจบรอบราคาเขาจะลงมาแรงมากๆ จากราคาสินค้าอ้างอิงตกต่ำไม่ว่าจะเหล็ก น้ำมัน เคมี แร่ธาตุต่างๆ
เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้แล้วส่วนมากบริษัทจะมีผลขาดทุนจากสต็อกสินค้าก็ดี หรือจากรายได้จากการขายสินค้าลดลง จนแบกรับต้นทุนคงที่ไม่ได้ ทั้งหลายนี้เองจึงทำให้ตัว PE ของบริษัท “ติดลบ” หรือก็คือคำนวณไม่ได้ หรือแม้แต่ PE พุ่งสูงขึ้นเป็นหลัก “ร้อยเท่า” จากการที่ EPS นั้นแกร่งนั่นเอง
การที่ผมตั้ง Net Margin ที่ 1% นี้ก็เพื่อเป็น “บาร์อย่างต่ำๆ” ที่บริษัทสมควรทำได้ เมื่อเราได้ NPM ที่ 1% มาได้แล้ว เราก็จับ 1% มาคูณกับตัวเลขรายได้ครับ(ตรงส่วนนี้บางคนอาจใช้รายได้เมื่อปีที่แล้ว หรือว่ารายได้เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง แล้วแต่สไตล์แต่ละคนเลยครับ)
เมื่อนำ Revenue * NPM แล้วเราก็จะได้ “กำไรสุทธิ” จากนั้นก็นำมาหารด้วยจำนวนหุ้น ทีนี้เราก็ได้ EPS อันเป็นพระเอกของเราแล้ว
จากนั้นเราก็นำ EPS มาเพื่อที่จับคูณด้วย PE อย่างที่ควรจะเป็น โดยเคสนี้ผมจะให้ที่ PE = 6-8 ตรงส่วนนี้หากใคร Conservative มากๆ อาจใช้ที่ PE 5 ไปเลยก็ได้ โดยมีการตั้งสมมติฐานว่า “ใครกันล่ะ จะไม่อยากได้หุ้น PE 5 เท่า หรือหุ้นที่จ่ายเงินปันผลหลัก 10% ต่อปี ณ ระดับราคาฐานต่ำนี้”
ในตอนนี้เราก็ได้ราคาหุ้นแล้ว ผมก็ให้แสดงค่าเป็นเหมือนเส้นแนวรับแนวต้านที่จะอัพเดตทุกๆ ปีนะครับ จากการที่ข้อมูลการเงินจะมีอัพเดตใหม่ทุกปี ตรงเส้นแนวรับ/แนวต้าน พวกนี้เสมือนกับเป็น “แนวรับเชิงพื้นฐาน” นั่นเองครับ
หุ้นใดก็ตามที่ลงมาเทสที่เส้นนี้ และมีการทำแท่งเทียนกลับตัว หรือมีการพักตัวตรงนี้เราอาจพิจารณาเอาเขามาใส่ลิสเพื่อรอวันให้เกิด Catalyst ให้ราคาขึ้นไปกันนะครับ จากนั้นก็รับเทรนไปเรื่อยๆ
หรือหากท่านใดเป็นสายHardcore อาจนำหุ้นนั้นไปวางหลักทรัพย์ค้ำประดันในการขอบัญชี Margin มาต่อเงินอีกรอบก็แล้วแต่สไตล์ท่านเลยครับ
หวังว่าแนวทางนี้จะมีประโยชน์กับท่านผู้อ่านผู้ฟังทุกคนนะครับ โชคดี รักษาสุขภาพ Stay Healthy Stay Wealthy นะครับผม
[Case Study] วิเคราะห์หุ้นทุกมิติ และสอนใช้ Relative Strength สำหรับวีดีโอนี้ผมจะมานำเสนอการใช้ Relative Strength ประยุกต์กับทรงกราฟ รวมถึงการดูปัจจัยผลักดันบริษัท รวมถึงการหาเหลี่ยมเพื่อการลงทุนนะครับ
โดยเนื้อหาในครั้งนี้ทุกท่านหากได้อ่านคำประกอบนี้ก็เพียงพอได้รับสารที่ผมต้องการสื่อในวีดีโอนี้แล้วครับผม
แต่ก่อนอื่นเรามาคุยภาษาเดียวกันก่อนนะครับ
- บริษัทที่นำเสนอนี้เป็นเพียง 1 ใน Case Study ที่น่าสนใจ
- ผมปรับราคาบริษัทเป็นหน่วย CHF เพื่อป้องกันการชี้นำราคาหุ้น
- วีดีโอนี้มี Ref ที่สำคัญราวๆ 3 แหล่งนะครับ และทาง Trading View ไม่ให้เราโพสลิงค์ไปด้านนอก ขอให้ทุกท่านโปรดวางใจ ว่าทุกอย่างที่ผมได้นำเสนอไปนี้มีเอกสารตัวเลขอ้างอิงครับ
====================================================
จากกราฟนะครับ เราจะเห็นว่าตัว Relative Strength นี้มีการหดตัวเข้าสู่ 0 อย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือเมื่อเทียบหุ้นตัวนี้กับตลาดแล้ว หุ้นตัวนี้มีความแข็งแกร่งกว่าตลาดอย่างเห็นได้ชัดเจนครับ และหากมองให้ไกลกว่านั้น เราอาจตั้งคำถามได้ว่า "เป็นไปได้ไหม ที่หุ้นตัวนี้จะเป็นหุ้นที่แข็งกว่าตลาดสัดวันหนึ่ง" ซึ่งหุ้นที่แข็งกว่าตลาดนั้นก็คือหุ้นที่มีค่า RS > 1 นั่นเองครับ
จากปัจจัยจากกราฟที่แสดงให้เห็นว่าเขาทำ Sideway มาเนิ่นนาน และเริ่มมีการเปลี่ยนไป เรามาดูกันที่ปัจจัยขับเคลื่อนภายในบริษัทอันเป็นต้นสายธารของหุ้นตัวนี้กันครับ
สำหรับบริษัทที่เราพูดถึงนี้ก็คือ BAFS บริษัทผู้จำหน่ายเชื้อเพลิงให้แก่เครื่องบินนั่นเอง (และขอชี้แจงเพิ่มเติมจาก Oppday บริษัทนี้เปรียบเสมือนกับ "เด็กปั๊ม" นะครับ เขามีหน้าที่บริการบรรจุเชื้อเพลิง ดังนั้นแล้วราคาน้ำมันไม่มีผลจ่อบริษัทเลยครับ)
สิ่งที่ผมได้นำเสนอนี้มีปัจจัยผลักดันคือจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินที่เริ่มบินสะพัดมากยิ่งขึ้น โดยหากเราได้ดูงบกำไรขาดทุนสุทธิแล้ว เราจะพบว่าตัวเลขในส่วนของ EBITDA กับค่าเสื่อมเริ่มมีการหักล้าง และเริ่มเท่าทุนแล้ว
และจากการที่ผมได้ไปฟัง Oppday ย้อนหลังก็ได้ทราบว่าปริมาณนักท่องเที่ยวตอนนี้เองก็ Breakeven ต่อการทำกำไรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งหลายทั้งมวลนี้ นำมาสู่ทรงกราฟครับที่จากแต่ดั้งเดิมบริษัทได้มีการทำ Sideway มากว่า 2 ขวบปี อาจมีแนวโน้มที่บริษัทจะเปลี่ยนแนวโน้มไปก็ได้ ไม่ขึ้นก็ลง
โดยจุดตัดของเทรนนี้จะอยู่ที่ราวๆ เดือนมกราคา จากการตีเส้นเทรนด์ไลน์ขากด และเทรนด์ไลด์ขาขึ้น หลังจากที่พูดถึงเรื่องปัจจัยด้านเวลาที่อัดตัวพร้อมผลักดันหุ้นแล้ว เรามาดูในมิติของมูลค่ากันบ้างดีกว่าครับ
จากเครื่องมือ 2 ตัวนั่นคือ DDM และ Double Dividend Discount Model ได้แสดงให้เราเห็นว่า แต่ก่อนเดิม "ตลาด" เคยให้มูลค่าบริษัทนี้ "มากกว่ามูลค่าสินทรัพย์ของบริษัท" ต่อเนื่องหลายปี
และในปัจจุบัน บริษัทเองกลับมีการเทรดในระดับที่ต่ำกว่าเส้นแนวต้านที่แสดงนี้เสียอีก ดังนั้นหากเราตั้งสมมติฐานว่าราคาหุ้นจะ Mean Reversion ก็เป็นไปได้
ทั้งนี้แล้วจากข้อมูลที่เรามี อาจช่วยให้พี่ๆ เพื่อนๆ ใช้ในการวางแผนการเทรดได้นะครับ ผมว่าการที่เราวิเคราะห์ได้หลากหลายมิตินี้จะช่วยให้เราลงทุนได้อย่างมั่นใจได้มากขึ้น แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องแลกเข้ามาที่สาหัสเช่นกัน นั่นคือ "เราไม่อาจรู้เลย ว่าเรื่องอะไรที่เรารู้นั้นเป็น NOISE" หรือ "สิ่งก่อกวนในการลงทุน" ได้ กล่าวคือหากเรารู้สิ่งใดมากแล้ว สิ่งนั้นอาจบดบังทรรศนวิสัยในระยะยาวของเราก็เป็นได้
แต่กระนั้นแล้ว เราทุกคนในหมวดของเทรดเดอร์ก็ยังโชคดีครับที่เรายังสามารถยอมแพ้ได้ หากแผนที่เราวางไว้ไม่เป็นไปตามที่วาง ผ่านการยอมรับตัวเองและ Cutloss ทิ้งไป
ทั้งหลายนี้ผมวาดหวังว่าจะเป็นทางเลือกการลงทุนแก้ทุกท่านได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
ฝากหนังสือและ investing-in-th ไว้ด้วยนะครับผม เราจะรวบรวมหนังสือที่อยู่ในจักรวาลการลงทุนไว้ให้ทุกท่านในที่เดียวเป็นร้านหนังสือเพื่อการลงทุน เพื่อการ Empowerment สังคมการลงทุนอย่างแท้จริง
ขอให้ทุกท่านโชคดี สุขภาพแข็งแรงปลอดภัยครับผม
อินดิเคเตอร์2ตัว สร้างกำไร120เท่า winrate67% ระยะเวลา 4เดือน วันนี้น้ามาแนะนำระบบ เทรดที่มีผลลัพธ์ 120RR ภายในระยะเวลา 4เดือน
winrate 67% ใครยังไม่มีระบบ ที่ถูกใจมารองดุชุดเทรดนี้กันเลย
คู่เทรดที่ใช้ทดสอบ BTCUSDT timeframe H1
อินดิเคเตอร์ที่ใช้
อินดิเคเตอร์ตัวแรก trendline with Breaks (lux)
อินดิเคเตอร์ตัสอง TRAMA
วิธีการใช้งาน รอจังหวะ สัญญา singal B เขียว เหนือเส้นม่วง
รอจังหวะ สัญญา singal B แดง ใต้เส้นม่วง
วางSL ไว้ที่ปลายแท่งเทียนก่อนหน้า
RR ขั้นต่ำ1.5 เท่า
เงื่อนไขการเทรด 1 รอสัญญา break signal
2 ดูว่าอยู่เหนือเส้นม่วง buy/long
ใต้ม่วง sell/short
3 วางstoploss ไว้ที่ปลายแท่งก่อนหน้า
4. วางTP ขั้นต่ำ1.5เท่า
คำเตือน ไม่เทรด ขัดแย้งกับหน้าเทรด
แท่งเทียนถัดไป ไม่ควรกลับมาเข้ากลับที่Break ไปแล้ว ควรปิดแท่งเป็นสีตามหน้าเทรด
สรุปผลbacktest เทรด43ไม้
win 29 ไม้ winrate 64%
loss 14ไม้
RR 120 เท่า
ระยะเวลาในการbacktest 4เดือน 1มค -30เมษา
NZD/USD - ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ดอลลาร์สหรัฐข้อมูลในหน้าเหล่านี้ประกอบด้วยข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ตลาดและตราสารที่ทำโปรไฟล์ในหน้านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถือเป็นคำแนะนำในการซื้อหรือขายในสินทรัพย์เหล่านี้ คุณควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
วิเคราะห์เเนวโน้มทองคำ gold xauusd ประจำวัน 16-08-2021วิเคราะห์เเนวโน้มทองคำ gold xauusd เเละคู่เงินหลักประจำวัน
- เเนวโน้มทองคำเเละการเทรดระหว่างวัน
- ดอลล่าร์เเละเเนวโน้มต่อไป
- พันธบัตรส่งผลกับราคาทองล่าสุด เเละเเนวโน้มพันธบัตรต่อไป
- ภาพรวมเเนวโน้มคู่เงิน audusd - eurusd - gbpusd - usdchf - usdcad