การวิเคราะห์ด้านอื่นๆ
7 ปัจจัยทางจิตวิทยาที่ส่งผลต่อการเทรดจิตวิทยาการเทรดมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดไม่แพ้กลยุทธ์หรือการบริหารจัดการความเสี่ยงค่ะ
ความผิดพลาดทางจิตวิทยาอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ในการเทรดได้ค่ะ
ปัจจัยทางจิตวิทยาหลักๆ ที่เทรดเดอร์ต้องตระหนักมีดังนี้
1. ความเสี่ยง (Risk)
- การละเลยความเสี่ยงในการเทรด เช่น การไม่ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) อาจทำให้เงินทุนเสียหายอย่างมาก
- เทรดเดอร์ต้องตระหนักถึงความเสี่ยงและกำหนดจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไป เช่น การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และการกำหนด Position Sizing ที่เหมาะสม
2. ความกลัว (Fear)
- ความกลัวอาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไร หรือรีบปิดสถานะเร็วเกินไปเมื่อราคาผันผวนเล็กน้อย
- การจัดการความกลัวเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและทำตามแผนการเทรดที่วางไว้
3. ความโลภ (Greed)
- ความโลภอาจชักจูงให้เทรดเดอร์เพิ่มขนาดการซื้อขายมากเกินไป หรือถือสถานะนานเกินไปโดยหวังผลกำไรที่มากเกินจริง
- หากปล่อยให้ความโลภครอบงำ อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและทำให้ผลกำไรที่เคยได้มาหายไป
4. อัตตา (Ego)
- ความเชื่อมั่นในตัวเองสูงเกินไป หรือการไม่ยอมรับความผิดพลาด อาจทำให้เทรดเดอร์ไม่เปิดรับข้อมูลใหม่ๆ หรือคำแนะนำจากผู้อื่น
- การเปิดใจรับฟังและเรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเองและผู้อื่นจะช่วยให้เทรดเดอร์พัฒนาจิตวิทยาการเทรดได้ดียิ่งขึ้น
5. ความหวัง (Hope)
- ความหวังลมๆ แล้งๆ ที่ว่าราคาจะกลับมาในทิศทางที่ต้องการ แม้ว่าสัญญาณทางเทคนิคจะบ่งชี้ไปในทางตรงกันข้าม อาจทำให้ถือสถานะขาดทุนนานเกินไป
- เทรดเดอร์ควรตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลและการวิเคราะห์ ไม่ใช่เพียงความหวัง
6. ความสงสัยในตนเอง (Self-Doubt)
- ความไม่มั่นใจในแผนการเทรดของตนเอง อาจทำให้ลังเลและไม่กล้าตัดสินใจอย่างมั่นใจ
- การฝึกฝนและวิเคราะห์ผลการเทรดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสม่ำเสมอในการเทรด
7. การเข้าซื้อขาย (Trading Positions)
- การมีตำแหน่งซื้อขายที่มากเกินไป หรือการกระจุกตัวในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ต
- การบริหารจัดการขนาดการซื้อขายและกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาสมดุลของพอร์ต
การจัดการอารมณ์และจิตวิทยาเหล่านี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทำการซื้อขายอย่างมีระเบียบวินัย และทำให้ผลลัพธ์ในการเทรดโดยรวมดีขึ้นได้ในระยะยาวนะคะ
จงมองทุกอย่างเป็น % เพื่อจัดการอะไรได้ง่ายขึ้นค่ะ
Lina Engword
GBP แข็งแตะจุดสูงสุดรอบ 6 เดือน ท่ามกลางวิกฤตภาษีGBP/USD พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนเหนือ 1.3200 ขณะที่ตลาดหลีกเลี่ยง USD ท่ามกลางวิกฤตภาษีนำเข้า
ปอนด์สเตอร์ลิงทำการแข็งตัวแม้ข้อมูลการว่างงานในสหราชอาณาจักรจะไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4.4% เนื่องจากการเติบโตของค่าจ้างที่แข็งแกร่งส่งผลให้เส้นทางการผ่อนคลายของ BoE ซับซ้อนมากขึ้น
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงกว่า 5% ในสามสัปดาห์ เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยค่อย ๆ จางหายไปและความเสี่ยงด้านภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น
ข้อมูลเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรและสุนทรพจน์ของ Powell อยู่ในจุดโฟกัส; สำหรับตอนนี้ สหราชอาณาจักรยังคงได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ
ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) พุ่งขึ้นและทำสถิติสูงสุดในรอบหกเดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) เมื่อวันอังคาร เนื่องจากแนวโน้มของตลาดการเงินยังคงเชื่อมโยงกับการที่สหรัฐฯ กำหนดภาษีนำเข้า
Cable ไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อมูลการจ้างงานในสหราชอาณาจักรที่อ่อนแอ; ด้วยเหตุนี้ GBP/USD จึงปรับตัวขึ้น 0.36% และมีราคาซื้อขายที่ 1.3233
GBP/USD ปรับตัวขึ้นโดยไม่สนใจข้อมูลการจ้างงานในสหราชอาณาจักรที่อ่อนแอ เนื่องจากความคาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยของ BoE เพิ่มขึ้นและ USD ยังคงลดลง
สภาพตลาดยังคงอยู่ในเชิงบวก ซึ่งเป็นผลเสียต่อสกุลเงินที่ถือว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง Greenback ที่ลดค่าลงกว่า 5.34% ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ระบุไว้
ข้อมูลตลาดแรงงานของสหราชอาณาจักรแสดงให้เห็นว่า อัตราการว่างงานยังคงที่ที่ 4.4% ในเดือนกุมภาพันธ์ ตามที่คาดไว้และสอดคล้องกับประมาณการณ์ของนักวิเคราะห์
อย่างไรก็ตาม ค่าจ้างยังคงสูงอยู่ ส่งผลกดดันต่อธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE) ซึ่งได้งดพักการผ่อนคลายนโยบายอันเนื่องมาจากการที่ค่าจ้างยังคงอยู่ในระดับสูง
ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว นักลงทุนในตลาดก็คาดการณ์อยู่ที่มีโอกาส 90% ที่ BoE จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคม ตามด้วยการลดอีกสองครั้ง ผ่านตลาดฟิวเจอร์สอัตราดอกเบี้ย
ในขณะเดียวกัน สหราชอาณาจักรยังคงอยู่นอกเหนือขอบเขตของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ในการนำภาษีนำเข้าสินค้าจากอังกฤษ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจะกดดันต่อเศรษฐกิจและเปิดทางให้เกิดการชะลอตัว
แม้กระนั้น ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกที่เกิดจากสงครามการค้า ยังคงทำให้นักลงทุนมีแนวโน้มทัศนคติที่แย่ลง
นักเทรด GBP/USD กำลังรอการเผยแพร่ตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของสหราชอาณาจักร
ในอีกด้านหนึ่ง รายการข่าวของสหรัฐฯ จะมีวิทยากรจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยมีนักลงทุนจับตามองสุนทรพจน์ของประธาน Fed, Jerome Powell ในวันพุธ
การคาดการณ์ราคา GBP/USD: แนวโน้มทางเทคนิค
หลังจากปรับตัวขึ้นติดต่อกันหกวัน คู่ GBP/USD ได้พุ่งขึ้นไปถึงระดับสูงสุดในรอบปี (YTD) ที่ 1.3251 แต่เทรดเดอร์ได้ถอยกลับมาที่ระดับประมาณ 1.3220
การปิดตลาดในระดับสูงกว่า YTD สูงสุดจะทำให้ราคาผ่านระดับ 1.3300 ในทางกลับกัน เส้นแนวรับแรกจะเป็นระดับสูงในวันที่ 14 เมษายนที่ 1.3200 ตามด้วยจุดต่ำในวันเดียวกันที่ 1.3163
XAUUSD 15/04/2025 >>> แผน Trade หลัง 17.15 <<<
Pacth 2.0 ระบบ down ลงแรง
.
"====================="
Mark กรอบ
"====================="
.
Up 3229.90
.
Mid 3224.40
.
Down 3218.90
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell limit 3229.40
.
*** > SL 3236.9
*** > TP 3,219.4 , 3214.4
3204.4 , 3180
.
>>> Sell limit 3239.4
.
*** > SL 3248.4
*** > TP 3224.4 , 3214.4
3204.4
14/04/25 Down>>> แผน Trade หลัง 17.15 <<<
Pacth 2.0 ระบบ down
.
"====================="
Mark กรอบ
"====================="
.
Up 3235.8
.
Mid 3230.8
.
Down 3225.8
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell limit 3225.5
.
*** > SL 3234.8
*** > TP 3224.8 , 3219.8
3145
.
>>> Sell limit 3250
.
*** > SL 3260
*** > TP 3230
3145
How To Setting EA วิธีติดตั้ง EA Robot Forex บน MT4, MT5How To Setting EA
วิธีติดตั้ง EA Robot Forex บน MT4, MT5
👰 กลับจากบทความที่แล้ว แอดพาทุกคนไปรู้จัก กับ EA robot กันแล้ว มารอบนี้เราไปดูกันต่อฮะกับวิธีการติดตั้ง EA robot แบบง่ายๆที่ไม่ยุ่งยาก มาครับ ตามไปอ่านพร้อมๆกันเลยกับบทความนี้มีคำตอบ
วิธีติดตั้ง EA Robot Forex บน MT4
ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดไฟล์ EA ที่ต้องการจะติดตั้ง หาโหลดฟรีได้ทั่วไปเลยครับ
ขั้นตอนที่ 2 Extract ไฟล์ EA และ Copy ข้อมูล
👉คลิกขวาที่ไฟล์ EA
👉เลือก Extract to
👉คลิกขวาที่ไฟล์ (.ex4 หรือ .mq4) เพื่อ Copy
ขั้นตอนที่ 3 เปิดโปรแกรม MT4 และเริ่มติดตั้ง
👉ไปที่ File
👉เลือก Open Data Folder
👉กดเข้าไปที่ โฟลเดอร์ MQL4
👉คลิกเข้าไปที่ Experts
👉นำ EA ที่เรา Copy ในขั้นตอนที่ 2 มาวางในโฟลเดอร์ Expert
ขั้นตอนที่ 4 รีเฟรชโปรแกรม MT4 อีกครั้ง
👉คลิกขวาที่ Expert Advisors บนแถบด้านซ้ายหน้า MT4
👉เลือก Refresh
วิธีติดตั้ง EA Forex บน MT5 มีขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดไฟล์ EA ที่ต้องการ โดยอยู่ในรูปแบบ EX5 หรือ MQ5
ขั้นตอนที่ 2 เปิดโปรแกรม MT5 และติดตั้ง
👉ไปที่ File บนแถบเมนูด้านบน
👉คลิกที่ Open Data Folder
👉คลิกที่ MQL5 จากนั้นคลิกที่ Experts
👉คัดลอกและวางไฟล์ EA ลงในโฟลเดอร์
ขั้นตอนที่ 3 กลับไปที่แพลตฟอร์ม MT5
ขั้นตอนที่ 4 รีเฟรชโปรแกรม MT5 อีกครั้ง
👉คลิกขวาที่ Expert Advisors บนแถบด้านซ้ายหน้า MT5
👉เลือก Refresh จากนั้น EA ที่ติดตั้งจะปรากฏขึ้นในรายการ
👉👉👉 เป็นอย่างไรกันบ้างฮะ ง่ายใช่มั้ยหล่ะ แต่สิ่งสำคัญที่เราควรต้องคำนึงเป็นอันดับแรกๆก็คือการเลือก EA ที่ดีสักตัว เพราะมันจะช่วยเพิ่มโอกาสการทำกำไรและลดความเสี่ยงได้อีกนะดับ แอดแถมให้อีกนิดนะฮะ
1. เลือก EA ที่มีการแสดง Back Test ให้เราติดตาม และควรเลือกระยะเวลาย้อนหลังอย่างน้อย 1 ปี เพื่อให้เห็นโอกาสการทำกำไรของการใช้ EA ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
2. ทดสอบ A/B Test เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพก่อน เพื่อเป็นการเปรียบเทียบว่า EA ตัวไหนสามารถทำกำไรได้จริง และดีกว่ากัน
3. อ่านรีวิว EA Forex จากผู้ใช้งานจริง จะทำให้เราตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น และบางทีอาจจะถูกกับจริตของเราด้วย
4. ทดสอบ EA Forex ในตลาดจริงก่อนเริ่มใช้งาน ด้วยการลองใช้ในบัญชี Demo เพื่อความสมจริงฮะ แม้จะไม่เหมือนพอร์ตจริงแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่หนีกันมากนัก
5. เลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันความเสี่ยง
👉👉👉แม้ว่า EA Robot จะเป็นที่นิยม เพื่อใช้ในการเทรดที่ต้องการลดการทำงานของมนุษย์ หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดในตลาดที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการตั้งค่าหรือกลยุทธ์ที่ไม่เหมาะสมด้วยเช่นกัน อย่าลืมเผื่อใจและใช้เวลาในการเลือกสักหน่อยนะครับ
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ EA Robot สมัยนี้มันต้องเพิ่งเทคโนโลยีด้วยกันแล้วจริงๆนะ แต่ทั้งนี้ทั้นนั้น EA Robot ก็มีทั้งด้านดี และด้านเสีย เราจะเอาใจไปลงที่ EA robot แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้นะครับ มันเสี่ยงเกินไป และที่สำคัญ เมื่อได้มันมาแล้ว แอดแนะนำให้ลอง back test ย้อนดูไปนานๆก่อนฮะ และทดลองใช้กับพอร์ตเดโม่3-6 เดือนด้วยยิ่งดี เราจะได้ไม่ขาดทุนครับ
ยูโรพุ่งแตะจุดสูงสุดใหม่ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่า**การคาดการณ์ค่าเงิน EUR/USD: ยูโรพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี ขณะที่ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐ**
EUR/USD ซื้อขายที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 โดยทะลุระดับ 1.1400
การเทขายดอลลาร์สหรัฐทวีความรุนแรงขึ้น หลังจีนประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้
แนวโน้มทางเทคนิคในระยะสั้นชี้ไปที่ภาวะซื้อมากเกินไป
EUR/USD ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี และขยายตัวต่อเนื่องในวันศุกร์ ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบหลายปีเหนือระดับ 1.1400 แม้ว่ามุมมองทางเทคนิคในระยะสั้นจะชี้ว่าคู่สกุลเงินนี้อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป แต่นักลงทุนก็มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงดอลลาร์สหรัฐ (USD) ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่งผลให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกขายอย่างหนักในวันพฤหัสบดี
ในวันศุกร์ กระทรวงการคลังของจีนได้ประกาศว่าจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จากเดิม 84% เป็น 125% มีผลตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน เพื่อเป็นการตอบโต้การเก็บภาษีของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจีน
พัฒนาการนี้ทำให้การเทขายดอลลาร์สหรัฐรุนแรงยิ่งขึ้น และกระตุ้นให้ EUR/USD ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงการซื้อขายของยุโรป
ปฏิทินเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะมีการเผยแพร่ข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index) ประจำเดือนมีนาคม และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเผยแพร่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนเมษายน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอาจเพิกเฉยต่อข้อมูลเหล่านี้และยังคงจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอย่างใกล้ชิด
หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติม การเทขายดอลลาร์สหรัฐอาจยังคงดำเนินต่อไปในช่วงสุดสัปดาห์ ในทางกลับกัน ดอลลาร์สหรัฐอาจฟื้นตัวได้หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถอยหลังเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียด
ตัวบ่งชี้ Relative Strength Index (RSI) บนกราฟ 4 ชั่วโมง พุ่งขึ้นเหนือระดับ 80 บ่งชี้ว่าคู่สกุลเงินอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป
ในด้านการปรับตัวขึ้น แนวต้านถัดไปอาจอยู่ที่ระดับ 1.1500 (ระดับกลม) ก่อนถึงระดับ 1.1535 (แนวต้านคงที่จากเดือนพฤศจิกายน 2021) และ 1.1600 (แนวต้านคงที่, ระดับกลม) ส่วนในด้านการปรับตัวลง แนวรับอาจพบที่ระดับ 1.1300 (แนวรับคงที่, ระดับกลม) และ 1.1200 (แนวรับคงที่, ระดับกลม)
ทองคำพุ่งแรงจากสงครามการค้าและเงินเฟ้อหนุนแรงซื้อ**ราคาทองคำพุ่งแรง ท่ามกลางความกังวลด้านสงครามการค้าและเงินเฟ้อ ดันความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยพุ่งสูงขึ้น**
📈 ราคาทองคำเริ่มกลับมามีแรงส่งขาขึ้นอีกครั้ง นักลงทุนกำลังตอบสนองต่อความไม่แน่นอนในเวทีการค้าระหว่างประเทศ และความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปเกี่ยวกับนโยบายการเงินของสหรัฐฯ เสน่ห์ของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยิ่งเพิ่มขึ้น จากความกังวลใหม่ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ซึ่งยิ่งช่วยหนุนราคาทองคำ (XAU/USD) ให้ปรับตัวขึ้น 📉✨ รูปแบบทางเทคนิคล่าสุดก็ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน บ่งชี้ว่าอาจมีโอกาสปรับขึ้นต่อในระยะถัดไป
---
### 📊 ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยดันทองพุ่ง หลังสงครามภาษีสหรัฐฯ-จีนยกระดับ
ราคาทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เสริมแรงจากโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา 📈 การปรับตัวขึ้นในรอบนี้ได้รับแรงหนุนหลักจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความกลัวของตลาดต่อภาวะเงินเฟ้อ 🏛️ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ตลาดประหลาดใจด้วยการเลื่อนการเก็บภาษีใหม่กับประเทศส่วนใหญ่เป็นเวลา 90 วัน แต่กลับเพิ่มภาษีสินค้าจีนอย่างมาก หลังจากจีนตอบโต้กลับทันที 🇺🇸🇨🇳 การยกระดับอย่างรุนแรงนี้ยิ่งทำให้เกิดความกังวลว่าอาจลุกลามกลายเป็นสงครามการค้าฉบับเต็มระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
นักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งทางการค้าอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และดันราคาสินค้าทั่วโลกให้สูงขึ้น 📦 ความกลัวเช่นนี้มักจะทำให้เงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ แม้ว่าตลาดหุ้นจะฟื้นตัวขึ้นบ้าง แต่ทองคำยังคงรักษาแนวโน้มขาขึ้นไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง แสดงให้เห็นว่าความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและความเสี่ยงด้านการค้ายังคงเป็นประเด็นหลักที่ครอบงำจิตวิทยานักลงทุนอยู่ในขณะนี้
---
### 🏦 จุดยืนล่าสุดของเฟดส่งผลต่อตลาดทองคำ
ท่าทีล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็มีผลอย่างมากต่อราคาทองคำเช่นกัน หลังจากรายงานการประชุม FOMC แสดงถึงความระมัดระวังเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ 📝 นักเทรดจึงลดความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบเชิงรุกลง เจ้าหน้าที่เฟดเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเมื่อมีแรงกดดันด้านราคาจากภาษีที่กำลังเข้ามา 🎯 เจ้าหน้าที่อย่าง บาร์คิน และ มูซาเล็ม เตือนว่า ราคาที่สูงขึ้นอาจดำรงอยู่ต่อเนื่อง และทำให้เฟดต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ตลาดตอนนี้คาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนนี้ 📆 แต่ความไม่แน่นอนทั้งด้านเวลาและขอบเขตของการลดดอกเบี้ย ยังคงกดดันค่าเงินดอลลาร์ให้ปรับอ่อนลง ซึ่งถือเป็นผลบวกโดยตรงต่อทองคำ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนจะทำให้ต้นทุนโอกาสในการถือทองคำ (ซึ่งไม่ให้ผลตอบแทน) ลดลงอย่างชัดเจน 💰
---
### 🔍 วิเคราะห์ทางเทคนิค: สัญญาณกลับตัวขาขึ้นและแนวรับสำคัญ
กราฟ 3 ชั่วโมงของทองคำแสดงสัญญาณกลับตัวขาขึ้นที่น่าสนใจ 📈 บริเวณแนวรับสำคัญใกล้ช่วง $2,970–$2,980 ได้แสดงความแข็งแกร่งอย่างชัดเจน กราฟเผยให้เห็นจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสามจุด (Higher Lows) ซึ่งเป็นรูปแบบ "Inverse Head and Shoulders" แบบคลาสสิก 🧠 ซึ่งมักเป็นสัญญาณของการกลับตัวขาขึ้น
หลังจากราคาร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ ทองคำดีดตัวกลับขึ้นมาทันทีที่แนวรับนี้ และกราฟระบุจุดนี้เป็น “โซนซื้อ” 📍 การดีดตัวเกิดขึ้นในขณะที่ราคากลับมาทดสอบเส้นคอ (neckline) ของรูปแบบกลับตัวนี้พอดี การบรรจบกันของปัจจัยทางเทคนิคหลายประการนี้ยิ่งตอกย้ำว่าแนวรับดังกล่าวเป็นเขตความต้องการที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
หลังจากการดีดกลับ ทองคำปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง และกำลังซื้อขายอยู่เหนือระดับ $3,120 🚀 การทะลุแนวต้านก่อนหน้าขึ้นไป ยืนยันโมเมนตัมขาขึ้นรอบใหม่ นักเทรดระยะสั้นอาจมองว่านี่คือสัญญาณยืนยันการกลับตัวของเทรนด์ และตราบใดที่ราคายังคงอยู่เหนือเส้นคอ ก็มีแนวโน้มที่ราคาจะขึ้นไปถึง $3,150 หรือแม้แต่ $3,200 ในระยะสั้นได้
รูปแบบนี้ยังแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเมื่อพิจารณาจากการฟื้นตัวแบบตัว V (V-shaped recovery) และการที่ไม่มีแรงขายต่อเนื่องหลังจากการร่วงล่าสุดเลย นักซื้อเข้ามาแสดงพลังอย่างชัดเจน บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นในทิศทางขาขึ้น 💪
---
### ✅ สรุป
การพุ่งขึ้นของราคาทองคำในรอบนี้มีแรงหนุนทั้งจากปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค 🧩 ความกังวลเรื่องสงครามการค้า การคาดการณ์เงินเฟ้อ และท่าทีที่ผ่อนคลายของเฟด ล้วนดันความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยให้เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน ราคาทองคำก็แสดงรูปแบบกลับตัวจากแนวรับสำคัญอย่าง textbook ✍️ ตราบใดที่ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจโลกและนโยบายการเงินยังคงอยู่ ทองคำก็ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจต่อไป 📊 รูปแบบกราฟที่แข็งแกร่งยิ่งสนับสนุนความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นต่อ ทำให้ทองคำโดดเด่นในสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจปัจจุบัน
---
📌 **#ทองคำ #วิเคราะห์ทองคำ #สงครามการค้า #เงินเฟ้อ #เฟด #ราคาทอง #ลงทุนปลอดภัย #XAUUSD #ทองวันนี้**
เยนแข็งค่าจ่อจุดสูงสุดของปี หลังตลาดกังวลภาษีสหรัฐฯ**เงินเยนญี่ปุ่นทรงตัวใกล้จุดสูงสุดของปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางความตื่นตระหนกทั่วโลกจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ**
เงินเยนญี่ปุ่นยังคงได้รับแรงหนุนจากกระแสหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทั่วโลก อันเป็นผลมาจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ
ความหวังในข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นช่วยหนุนค่าเงินเยน ท่ามกลางแรงขายอย่างต่อเนื่องของดอลลาร์สหรัฐ
ความคาดหวังที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สนับสนุนแนวโน้มการอ่อนค่าของ USD/JPY เพิ่มขึ้น
เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ยังคงรักษาการแข็งค่าระหว่างวันอย่างแข็งแกร่งก่อนเข้าสู่ช่วงการซื้อขายของยุโรปในวันพฤหัสบดี และขณะนี้มีมูลค่าใกล้จุดสูงสุดของปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ สงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นและความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยทั่วโลกยังคงกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งเห็นได้จากดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกที่ร่วงลงเป็นวงกว้าง ส่งผลให้เงินเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มเติม นอกจากนี้ การคาดการณ์ว่า BoJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปี 2025 ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น รวมถึงความหวังในข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น ล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนค่าเงินเยนต่อไป
ในขณะเดียวกัน ความคาดหวังเชิงรุกต่อ BoJ ถือเป็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับความเชื่อที่ว่า Fed อาจกลับมาเข้าสู่วงจรการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจชะลอตัวจากผลกระทบของภาษี สิ่งนี้จะส่งผลให้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นแคบลงอีก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนหันไปถือครองเงินเยนซึ่งให้ผลตอบแทนต่ำ นอกจากนี้ แรงขายต่อเนื่องในดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงกดดันคู่เงิน USD/JPY ให้อยู่ต่ำกว่าระดับ 145.00 โดยนักเทรดต่างรอคอยบันทึกการประชุม FOMC เพื่อหาจังหวะการลงทุนที่มีนัยสำคัญ
---
**กระทิงเยนญี่ปุ่นยังครองตลาด ท่ามกลางความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยและทิศทางนโยบายที่ต่างกันของ BoJ-Fed**
ความกังวลที่เพิ่มขึ้นว่าการเรียกเก็บภาษีแบบกวาดล้างของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ และอาจรวมถึงเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ ได้ก่อให้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดัชนี S&P 500 ร่วงหนักที่สุดในรอบสี่วัน นับตั้งแต่ทศวรรษ 1950 หลังจากที่ทรัมป์ประกาศภาษีตอบโต้ครั้งใหญ่ในวันพุธที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่น และทรัมป์ เห็นพ้องกันที่จะเปิดช่องทางการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาภาษีที่เร่งด่วน นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เรามีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับญี่ปุ่น และเราจะรักษามันไว้ให้เป็นเช่นนั้น” ข้อความดังกล่าวสร้างความหวังในข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนค่าเงินเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
กระทรวงการคลังญี่ปุ่น สำนักงานบริการทางการเงิน และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) มีกำหนดประชุมเวลา 07:00 GMT เพื่อหารือเกี่ยวกับตลาดการเงินระหว่างประเทศ
นักลงทุนลดความคาดหวังว่า BoJ จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากกังวลผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดจากนโยบายภาษีของทรัมป์ อย่างไรก็ตาม รองผู้ว่าการ BoJ นายชินอิจิ อุจิดะ กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หากมีความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะบรรลุเป้าหมายที่ 2%
ในขณะเดียวกัน นักลงทุนดูเหมือนจะเชื่อมั่นมากขึ้นว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากผลของภาษีจะกดดันให้ Fed กลับมาเริ่มวงจรการลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ตามข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ตลาดในขณะนี้กำหนดความน่าจะเป็นมากกว่า 60% ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนพฤษภาคม
นอกจากนี้ Fed ยังถูกคาดการณ์ว่าจะลดดอกเบี้ยถึง 5 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ แม้จะมีความคาดหวังว่าภาษีของทรัมป์จะกระตุ้นเงินเฟ้อก็ตาม ซึ่งปัจจัยนี้ยิ่งกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นวันที่สองติดต่อกัน และทำให้คู่ USD/JPY เคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 ที่แตะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นักเทรดต่างเฝ้ารอบันทึกการประชุม FOMC ซึ่งจะเปิดเผยในช่วงค่ำวันพุธตามเวลาสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันศุกร์ ที่อาจให้เบาะแสเกี่ยวกับทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งจะมีผลต่อค่าเงินดอลลาร์และคู่ USD/JPY
คู่ USD/JPY ยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงต่อไป โดยระดับต่ำสุดของปีที่บริเวณ 144.55 ถือเป็นแนวรับสุดท้ายของฝั่งกระทิง
---
**มุมมองทางเทคนิค:**
จากมุมมองทางเทคนิค ความล้มเหลวในการยืนเหนือระดับ 148.00 ได้ในสัปดาห์นี้ ตามด้วยการร่วงลงอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณเอื้อต่อฝั่งขาย นอกจากนี้ เครื่องมือวัดโมเมนตัม (oscillators) บนกราฟรายวันยังคงอยู่ในแดนลบลึก และยังไม่เข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป (oversold) บ่งชี้ว่าทิศทางที่มีแนวโน้มสูงกว่าสำหรับคู่ USD/JPY ยังอยู่ในฝั่งขาลง
หากราคาหลุดต่ำกว่าระดับต่ำสุดของปีที่บริเวณ 144.55 ซึ่งแตะไปเมื่อวันจันทร์ จะยืนยันมุมมองเชิงลบและเปิดทางให้ร่วงต่อไปถึงแนว 144.00
ในทางกลับกัน ระดับ 146.00 ดูเหมือนจะเป็นแนวต้านสำคัญของการรีบาวด์ระยะสั้น หากผ่านได้ แนวถัดไปอยู่ที่จุดสูงสุดของช่วงเอเชียบริเวณ 146.35 และหากทะลุขึ้นไปอาจเกิดแรงปิดสถานะขาย (short-covering) ดันราคาไปยังแนว 147.00 และต่อไปที่บริเวณ 147.40-147.45
หากราคาขึ้นต่อได้เหนือบริเวณดังกล่าว อาจเป็นการเปลี่ยนมุมมองในระยะสั้นให้กลับมาเป็นขาขึ้น และเปิดทางให้ราคาเคลื่อนไหวในทิศทางบวกอย่างมีนัยสำคัญอีกครั้ง
+++ XAUUSD 04/04/2025 +++>>> แผน Trade หลัง 17.15 <<<
Pacth 2.0 ระบบ Down
.
"====================="
Mark กรอบ
"====================="
.
Up 3098.90
.
Mid 3093.40
.
Down 3087.90
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell limit 3093.4
.
*** > SL 3106
*** > TP 3083.4 , 3078.4
3068.4
.
>>> Sell limit 3098.4
.
*** > SL 3106
*** > TP 3088.4 , 3083.4
3073.4
+++ XAUUSD 03/04/2025 +++>>> แผน Trade หลัง 17.15 <<<
Pacth 2.0 ระบบ Down
.
"====================="
Mark กรอบ
"====================="
.
Up 3154.80
.
Mid 3149.80
.
Down 3144.80
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell limit 3144.7
.
*** > SL 3151.7
*** > TP 3134.7 , 3129.7
3097.80
.
+++ XAUUSD 01/04/2025 +++>>> แผน Trade หลัง 17.15 <<<
Pacth 2.0 ระบบ Down
.
"====================="
Mark กรอบ
"====================="
.
Up 3135.50
.
Mid 3130.50
.
Down 3125.50
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell stop 3125.4
.
*** > SL 3132.4
*** > TP 3115.4 , 3110.4
.
.
>>> Sell limit 3135.5
.
*** > SL 3142.5
*** > TP 3125.5 , 3120.5
3110
+++ XAUUSD 3103/2025 +++>>> แผน Trade หลัง 17.15 <<<
Pacth 2.0 ระบบ Down มีโอกาสแรง
.
"====================="
Mark กรอบ
"====================="
.
Up 3125.1
.
Mid 3119.6
.
Down 3114.1
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell stop 3114.5
.
*** > SL 3126.6
*** > TP 3099 , 3089
3065
.
.
>>> Sell limit 3119.5
.
*** > SL 3126.6
*** > TP 3104 , 3094
3065
.
"====================="
Follow Reverse
"====================="
.
>>> Sell Limit -
.
*** > SL -
*** > TP -
EUR/USD ร่วงใกล้ 1.0800 ก่อนเงินเฟ้อเยอรมนีเผยวันนี้ EUR/USD กลับตัวลดลงใกล้ระดับ 1.0800 ก่อนตัวเลขเงินเฟ้อเยอรมนีจะประกาศ
คู่เงิน EUR/USD เผชิญแรงขายระลอกใหม่และซื้อขายใกล้ระดับ 1.0800 ในช่วงการซื้อขายยุโรปวันจันทร์ โดยคู่เงินนี้ได้รับแรงกดดันจากการฟื้นตัวเล็กน้อยของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ผู้ซื้อยูโรยังคงระมัดระวังก่อนตัวเลขเงินเฟ้อเบื้องต้นของเยอรมนี และการประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ของทรัมป์
---
### ภาพรวมทางเทคนิคของ EUR/USD
ดัชนี Relative Strength Index (RSI) บนกราฟ 4 ชั่วโมงปรับตัวขึ้นสู่ระดับใกล้ 60 ในช่วงเช้าวันจันทร์ บ่งชี้ถึงแนวโน้มเชิงบวก นอกจากนี้ EUR/USD ยังเคลื่อนตัวออกห่างจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (200-day SMA) หลังจากทดสอบแนวรับบริเวณนี้สองครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในฝั่งขาขึ้น ระดับแนวต้านแรกอยู่ที่ 1.0850 (ระดับแนวต้านคงที่ และเส้นค่าเฉลี่ย 100 ช่วงเวลา) ก่อนจะถึงระดับ 1.0900 (ระดับแนวต้านคงที่ และระดับตัวเลขกลม) และ 1.0950 (แนวต้านคงที่)
ในฝั่งขาลง แนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1.0830 (เส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน) ก่อนจะถึง 1.0800 (ระดับแนวรับคงที่ และระดับตัวเลขกลม) และ 1.0730 (เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน)
---
### ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน
แรงขายที่รายล้อมค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ช่วยให้คู่เงิน EUR/USD สามารถประคองตัวได้ในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนเริ่มกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายภาษีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ
---
### การคาดการณ์พิเศษรายสัปดาห์
สนใจการคาดการณ์รายสัปดาห์ของ EUR/USD หรือไม่? ผู้เชี่ยวชาญของเราจะอัปเดตทุกสัปดาห์โดยคาดการณ์ทิศทางต่อไปของคู่เงินยูโร-ดอลลาร์ ที่นี่คุณจะพบกับบทวิเคราะห์ล่าสุดจากผู้เชี่ยวชาญในตลาดของเรา:
ในช่วงสุดสัปดาห์ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาการเก็บภาษีนำเข้าแบบครอบคลุมสูงสุดถึง 20% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดที่เข้าสู่สหรัฐฯ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า หากเขารู้สึกว่ารัสเซียพยายามขัดขวางความพยายามในการยุติสงครามในยูเครน เขาจะเก็บภาษีรอบที่สอง (secondary tariffs) ที่อัตรา 25%-50% สำหรับผู้ซื้อพลังงานน้ำมันจากรัสเซีย
ขณะเดียวกัน ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) คริสติน ลาการ์ด กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า นโยบายภาษีของทรัมป์จะส่งผลให้การเติบโตของยูโรโซนลดลงอย่างน้อย 0.3% ตามรายงานของรอยเตอร์ โกลด์แมนแซคส์ได้ประกาศในช่วงเช้าวันเดียวกันว่า ขณะนี้พวกเขาคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐาน (bps) ในเดือนเมษายน มิถุนายน และกรกฎาคม
ในปฏิทินเศรษฐกิจ วันจันทร์นี้จะมีการเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมีนาคมของเยอรมนี ซึ่งนักลงทุนอาจเพิกเฉยต่อรายงานนี้ และหลีกเลี่ยงการเปิดสถานะขนาดใหญ่จนกว่ารัฐบาลทรัมป์จะแถลงรายละเอียดนโยบายภาษีชุดใหม่ในวันพุธ
AOT แรงขายยังเยอะ แต่ถึงจุด แนวรับAOT Month (น่าซื้อ)
1.ราคาปรับลงมาชน กรอบล่างของ
Paralled Chammel
2.ราคาลงมาถึงแนวรับ แถบสีเขียว บริเวณ 38.00
-----
แต่ เหตุผล มีเพียง 2 ข้อเท่านั้น
และ แท่งกราฟเดือนปิดยังแดงยาวใหญ่ (Big black)
----
ดังนั้น คิดว่า เฝ้าสังเกตุ และติดตามข่าว และ ราคาให้ดี หากมีแรงซื้อกลับ ค่อยตามก็ได้
หรือ ใครอยากเสี่ยง ซื้อบริเวณ 38.00 ไว้นิดหน่อยก็ได้ครับ
-----
SL หากราคาหลุด กรอบล่าง ยืนไม่ได้






















