EURUSD ชี้ชะตาระดับเทคนิคสำคัญ ทิศทางเบรกน่าจับตา! 🔥 EURUSD: วิเคราะห์จุดเทคนิคสำคัญ เปิดตลาดสัปดาห์นี้! 🔥
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 ชั่วโมง (100 hour MA) 🚀 ช่วยหยุดการร่วงลง 📉 ขณะที่พื้นที่แนวสวิงเดิมซึ่งเคยเป็นฐานรอง (ปัจจุบันกลายเป็นแนวต้าน) 💪 หยุดการปรับตัวขึ้นของราคา 📈
📌 EURUSD กำลังซื้อขายในระดับทางเทคนิคที่สำคัญในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์การซื้อขาย
ในช่วงเปิดตลาดยุโรปช่วงแรก ราคาปรับตัวลงเพื่อทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 ชั่วโมง (เส้นสีน้ำเงินบนกราฟรายชั่วโมงด้านบน) 🔵 ซึ่งผู้ซื้อเข้ามาสนับสนุนที่ระดับดังกล่าวและผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น 📤 โปรดจำไว้ว่า เส้นค่าเฉลี่ย 100 ชั่วโมงยังเคยหยุดการร่วงลงของราคาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเช่นกัน 🛡️
จากนั้น ราคาปรับตัวขึ้นไปหยุดอยู่ในพื้นที่แนวสวิงที่สำคัญ 🎯 ระหว่าง 1.0448 และ 1.0461 ซึ่งในพื้นที่นี้ยังมีระดับ Fibonacci Retracement 38.2% 📊 ของช่วงการซื้อขายในเดือนธันวาคม อยู่ที่ 1.04523 ราคาสูงสุดในช่วงนี้อยู่ที่ 1.04577 และหลังจากนั้นราคาหมุนกลับลงมา 🔄 ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 1.0438 💵
แนวรับ 🟢 ค้ำไว้ที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
แนวต้าน 🔴 หยุดที่พื้นที่แนวสวิง
🔮 ในการซื้อขายครั้งต่อไป การเคลื่อนตัวออกนอกช่วงนี้จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มทางเทคนิคใหม่ที่เอนเอียงไปตามทิศทางการเบรก
📈 ด้านบน: เป้าหมายถัดไปคือจุดกึ่งกลาง Fibonacci 50% ของช่วงเดือนธันวาคม อยู่ที่ 1.04859
📉 ด้านล่าง: หากราคาทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 100 ชั่วโมง อาจเปิดทางให้ราคากลับมาทดสอบระดับต่ำสุดของวันจันทร์และวันอังคารที่ผ่านมาบริเวณ 1.0383
#EURUSD #การวิเคราะห์ทางเทคนิค #Forex #กราฟเทคนิค #ราคายูโร
การวิเคราะห์ด้านอื่นๆ
AUD/USD ร่วงแตะ 0.6215! ตลาดเงียบเหงาก่อนปีใหม่ **📉🔥 AUD/USD ร่วงสู่ระดับ 0.6215! ตลาดเงียบเหงาก่อนปีใหม่ ท่ามกลางโทนเสียงผ่อนคลายจาก RBA 🐨💰**
**AUD/USD ลดลงสู่ระดับ 0.6215 ท่ามกลางการซื้อขายที่เงียบเหงาและโทนเสียงที่ผ่อนคลายจาก RBA**
คู่เงิน AUD/USD ซื้อขายในกรอบแคบใกล้กับแนวรับสำคัญของปีที่ระดับ 0.6200 ระหว่างการซื้อขายในวันศุกร์ช่วงตลาดอเมริกาเหนือ โดยลดลง 0.14% สู่ระดับ 0.6215 📊💸 การเคลื่อนไหวของราคาที่ซบเซานี้สะท้อนถึงปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากตลาดยังคงเงียบเหงาก่อนเทศกาลปีใหม่ 🎉🎊 คู่เงินยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน เนื่องจากขาดปัจจัยขับเคลื่อนที่แข็งแกร่ง โดยนักลงทุนให้ความสนใจกับรายงานการประชุมที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และการเคลื่อนไหวแบบผสมของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ 🇺🇸🤑
**📚🔍 ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน**
ดอลลาร์ออสเตรเลียยังคงอ่อนตัวและไม่สามารถฟื้นตัวได้ เนื่องจากรายงานการประชุมเดือนธันวาคมของ RBA ชี้ให้เห็นถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้กำหนดนโยบายว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อกำลังลดลงตามที่คาดการณ์ 📉💡 รายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าความเข้มงวดของนโยบายการเงินในปัจจุบันอาจถูกผ่อนคลายลงในไม่ช้า ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกุมภาพันธ์ 📅📉 ตลาดคาดการณ์ความเป็นไปได้ประมาณ 65% ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐานในการประชุมวันที่ 18 กุมภาพันธ์ และคาดว่าจะปรับลดอย่างเต็มที่ภายในเดือนเมษายน 🗓️📉
ในขณะเดียวกัน ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย Michele Bullock เน้นย้ำถึงแนวทางที่อิงตามข้อมูล โดยปฏิเสธที่จะยืนยันสถานการณ์สำหรับการปรับอัตราดอกเบี้ยในเดือนกุมภาพันธ์ 📊❓ Bullock ระบุว่าคณะกรรมการไม่ได้หารืออย่างชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดหรือเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม และยังคงเปิดรับตัวเลือกต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับ 📈📉
**🌎💵 ด้านสหรัฐฯ** ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลดลง โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) ดิ้นรนที่จะรักษาระดับ 108.00 📉📊 มุมมองโดยรวมของค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งแกร่ง สนับสนุนโดยจุดยืนที่ระมัดระวังของธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต 🚨📊 ประธาน Fed Jerome Powell เพิ่งเน้นย้ำว่าการปรับลดเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรมในการลดเงินเฟ้อ 🛑📈 นอกจากนี้ ผู้กำหนดนโยบายยังชี้ให้เห็นถึงนโยบายการอพยพเข้าเมือง ภาษีศุลกากร และภาษีของรัฐบาลชุดใหม่ในสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อ 📈💵
**📈🔧 ภาพรวมทางเทคนิค**
คู่เงิน AUD/USD ขยายการขาดทุนต่อไป เนื่องจากตัวชี้วัดทางเทคนิคยังคงอยู่ในโซนขายมากเกินไป 🛑📊 ดัชนี Relative Strength Index (RSI) อยู่ที่ระดับ 27 โดยมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย สะท้อนถึงแรงกดดันขาลงอย่างต่อเนื่อง 📉💡 แถบ MACD histogram แสดงแถบสีแดงที่แบนราบ สะท้อนถึงการขาดสัญญาณทิศทางที่ชัดเจน 🔻📊
แนวรับที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ 0.6200 โดยหากราคาทะลุต่ำกว่าระดับนี้ อาจเผชิญกับแรงกดดันขาลงเพิ่มเติมสู่ระดับ 0.6170 📉🔽 ในขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 0.6250 ตามด้วยแนวต้านที่สำคัญกว่าในระดับ 0.6280 📈🛡️ แม้ปัจจัยทางเทคนิคจะบ่งชี้ถึงแรงกดดันในการขายที่จำกัด การฟื้นตัวของราคายังคงขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่นของตลาดและความต้องการเสี่ยงที่ดีขึ้น 📈🛍️
#AUDUSD #เทรดเดอร์ #ตลาดออสเตรเลีย #ค่าเงินดอลลาร์ #การเงิน #RBA #เทคนิคการเทรด #ข่าวเศรษฐกิจ
Rally Phase is Coming On ETHEthereum จะซ้ำรอยอีกหรือไม่
Bitcoin เริ่มมีพักตัวเงินจะเริ่มไหลเข้า Alt เหรียญอื่นๆ ซึ่งในตลาดและมี ETH เป็นผู้นำ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Alt season
ในช่วง Quarter 1 (Q1) หลังจากปีที่มี Halving ราคาของ ETH มักจะเพิ่มขึ้นอยากมากเหมือนเป็นวัฏจักร
โอกาสในประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยใน Q1 ปี 2025 หลัง Halving ล่าสุดอีกครั้ง
เป็นการเช็คสถิติย้อนหลังของกราฟที่เกิดขึ้นของ eth โดยใช้ช่วงเวลา เดือน ธันวาคม กับ มกราคม มาเปรียบเทียบกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่ากราฟมี เเพิทเทิลการขยับที่ค่อนค้างจะเหมือนกันมากๆ โดยช่วงเเรกเป็นการขยับขึ้นมาจนชนเเนวต้านสำคัญเเล้วยังผ่านไม่ได้เพราะติดเเนวต้านราคาสำคัญที่เกิดขึ้น จนเกิดการย่อรูปเเบบ drop base drop
Drop Base Drop (DBD) คือ มีการดันราคาลงไป พักตัวเป็นกลุ่ม Base แล้วมีแรงขายดันราคาลงต่อ ราคาเป็น pattern ที่บ่งบอกว่ากราฟมีโอกาสที่จะลงต่อหรือพักตัว
ทำให้ราคาเกิดการพักตัวในช่วงเดือน ธันวา - มกราคม เป็นรูปเเบบ sideway ไปเรื่อยๆ
โดยตัว ema ยังไม่หลุดเส้น 100 วัน
sto ถึงจะตัดลง เเต่ก็ไม่รุ่งเเรงจนหลุดลงไปเเรง เเต่กลับมาพักราคา sideway ที่เเนว fibo 61.8% วัดจาก base เดิมจนที่ high ที่มีการ comfirm swing ราคาที่ส่งขึ้นมา ส่วน rsi รอบนี้ยังคงค่อนค้างต่างกับรอบที่เเล้ว ตรงที่ time frame day ไม่ยอมย่อจน oversold จึงอาจจะต้องระวัดระวังการ drop ลงไปที่เเนวรับ 3000 อีกสับรอบก่อนเกิดการ Rally Phase
เเต่ซึ่งยังคง ไม่เสียงทรงขาขึ้น ของ time frame weekly ใหญ่ มองย่อเป็นการพักตัวสะสมกำลัง เพื่อเกิดเป็น Rally Phase
ในเดือนมกราคม ที่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้น ของตลาด Altcoin Season ทั้งนี้ต้องรอดูว่าเหล่าวาฬจะพาดันตามสถิติเดิมหรือไม่
ไม่ได้เเนะนำให้ซื้อขายตามเเต่อย่างใดทุกกรณีนะครับ
Improve your Strategy วิธีปรับปรุงกลยุทธ์การซื้อขายในตลาด ForexImprove your Strategy
วิธีปรับปรุงกลยุทธ์การซื้อขายในตลาด Forex
👯👯👯 กลับมาพบเจอกันอีกแล้ว กับบทความเทคนิคดีๆในการเทรด วันนี้แอดพาพวกเราไปทำการบ้านกันครับ การบ้านในการเทรดก็คือการปรับปรุง ปรับแต่ง และการพัฒนากลยุทธ์ในการเทรดนั่นเอง มาครับไปดูกันว่าเราควรเริ่มจากอะไรได้บ้าง
💁 เพราะตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก การซื้อขายสกุลเงินถือเป็นธุรกิจที่ทำได้ง่าย และรวยเร็ว และจนเร็วได้ด้วยเช่นกัน การปรับปรุงกลยุทธ์การเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จนั้นก็ต้องใช้เวลา และความพยายาม และความเข้าใจในตลาดอย่างลึกซึ้ง
💁การปรับปรุงกลยุทธ์หรือเปลี่ยนกลยุทธ์ในการเทรด จึงถือเป็นเคล็ดลับที่เราควรต้องทำ อย่างน้อยปีละครั้งครับ
💁เพราะตลาดการเงินในตอนนี้ส่วนใหญ่แล้ว AI โรบอทเข้ามามีบทบาทสำคัญมากในตลาด ไอ่เจ้าพวกนี้แหละที่คอยจับตาและสร้าสถิติการเลียนแบบการเทรด รวมไปถึงพฤติกรรมการเทรดของเรา ให้เราชนะได้ยากขึ้น และแพ้มากขึ้นนั่นเอง
1.การเลือกโบรกเกอร์และประเภทบัญชีที่เหมาะสม
เพราะโบรกเกอร์นั้นมีเยอะและหลากหลาย แต่ประสิทธิภาพไม่ได้เหมือนกันทุกโบรก
- บางโบรกข่าวมาก็ค้างบ่อย
- บางโบรกมีเก็บค่า swap บางโบรกไม่มี
- ค่าสเปรดสูง-ต่ำ ไม่เท่ากัน ฯลฯ
การเลือกโบรกจึงค่อนข้างสำคัญฮะ เพราะความหลากหลายตรงนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำกำไร เราต้องวางแผนให้ดี ว่าการเทรดของเรา เป็นไปในลักษณะไหน ถ้าชอบถือนานๆเป็นอาทิตย์เป็นเดือน ก็ไม่ควรเลือกโบรกที่มีค่า swap แล้วหันไปเลือกโบรกที่ไม่มีค่าswap แทน เป็นต้น
2. Leverage เลเวอเรจ เป็นได้ทั้งปืนและดาบสองคม
ยิ่งซื้อมาก(Overtrade) ยิ่งล้างง่าย คำนี้จำให้ขึ้นใจ เพราะเลเวอเรจไม่ต่างจากการยืมเงินคนอื่นมาใช้ หากชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็เตรียมหงายการ์ดล้มละลายได้เลย แต่หากใช้ให้ถูกทาง ถูกหลักและแบบแผนในการเทรดเราแล้วหละก็ มีแต่กำไรแน่นอนครับ
เราต้องเลือกเลเวอเรจ ที่ไม่มากจนเกินไป และไม่น้อยจนเกินไป เพราะอัตราส่วนเลเวอเรจเป็นตัวกำหนดความเสี่ยงและความเหมาะสมในการเทรดของแต่ละคนครับ คำนวณดีๆยังไงเราก็ชนะแน่นอน
3. ปรับเปลี่ยนเปอร์เซ็นต์ผลกำไรและการขาดทุน
เพราะค่าเฉลี่ยความผันผวนการวิ่งในตลาดนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เป้าหมายการทำกำไร และการกำหนดจุดหรือเปอร์เซ็นต์การเทรดจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนตาม
เช่น เราเคยทำกำไรจากตลาดทองคำ เราจะรู้ว่าเมื่อก่อนนี้หรือปีที่ผ่านๆมา ทองจะวิ่งแต่ละครั้งไม่เกิน 10-15$ หรือคิดเป็น 10,000 - 15,000 จุด แต่ในปีนี้ และปีถัดไป มันไม่ใช่แล้ว ทองสามารถวิ่งสวิงในแต่ละรอบ อยู่ที่ 50 -100$ ในแต่ละวัน เอ๊า! คิดดูเอาเองแล้วกัน ถ้าเรายังต้องการกำไร-ขาดทุนที่ 10 เปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม เราจะเทรดขาดทุนตลอดเวลา ด้วยสัดส่วนที่มันกว้างมากขึ้นนี่เอง
4. จดบันทึกยังคงสำคัญเสมอ
อดีตมักสอนเราเกี่ยวกับอนาคต ดังนั้นการจดสถิติการเทรดของตัวเอง การติดตามการซื้อขายของเราเองจึงช่วยทำให้เราเห็นจุดอ่อนและจุดแข็ง อย่าปล่อยให้ AI โรบอทมาล้วงความลับของเราแค่ฝ่ายเดียว
การวิเคราะห์ข้อมูลของตัวเอง ช่วยให้เราเห็นจุดบอด และทำให้เราแก้ไขได้ตรงจุดด้วยนะ รวมไปถึงการอัพเกรดให้มันมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
5. จิตวิทยาและ mindset ก็สำคัญไม่แพ้กัน
อย่าปล่อยปะละเลยกับความสุขที่แท้จริงในชีวิต การไม่มีอะไรและการไม่คิดอะไรเลยคือความสุขที่ถาวร ปรับเปลี่ยนความคิดของเราให้ไม่ยึดติดมากเกินไปในการเทรด สิ่งนี้แหละจะช่วยทำให้เราชนะตลาดได้มากขึ้น พยายามฝึกจิต ควบคุมอารมณ์ และปล่อยวาง ไม่จดจ่ออยู่ที่ผลกำไรมากเกินไป แล้วความสุขจะมาหาเราเองครับ
👽👽👽 เป็นอย่างไรกันบ้างครับพอจะได้ทริคดีๆในการปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดกันแล้วใช่มั้ยครับ อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูนะครับ มันดีจริงๆแอดคอนเฟริมเลย
แล้วที่สำคัญ หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
"ทองคำปี 2025: ราคาจะพุ่งหรือร่วง? จับตานโยบายทรัมป์และ Fed!"การคาดการณ์ราคาทองคำประจำปี: ปี 2025 จะเป็นปีที่สร้างสถิติใหม่อีกครั้งหรือไม่?
* ทองคำเปล่งประกายในปี 2024 ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับความนิยม โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 25% และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
* การพัฒนาในระดับภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ คาดว่าจะมีผลต่อราคาทองคำในปี 2025
* แนวโน้มทางเทคนิคของทองคำชี้ให้เห็นถึงการสูญเสียแรงขาขึ้นเมื่อเข้าสู่ปีใหม่
ทองคำได้รับประโยชน์จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนแปลงสู่สภาพแวดล้อมนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นทั่วโลกตลอดปี 2024 โดยทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,790 ดอลลาร์ และเพิ่มขึ้นประมาณ 25% ในปีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้รับเลือกตั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อเศรษฐกิจโลก และสภาพแวดล้อมภูมิรัฐศาสตร์ที่คาดเดาไม่ได้ อาจสร้างความไม่แน่นอนต่อราคาทองคำในปี 2025
**ทองคำในปี 2024: ภูมิรัฐศาสตร์และการซื้อของธนาคารกลางขับเคลื่อนการขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่**
ทองคำเริ่มต้นปีในลักษณะที่ค่อนข้างเงียบ โดยแกว่งตัวในกรอบแคบที่ประมาณ 2,000 ดอลลาร์ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ นักลงทุนเลี่ยงการเปิดสถานะขนาดใหญ่ ขณะจับตาดูสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และประเมินผลกระทบจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจมหภาคต่อแนวโน้มนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ทองคำเริ่มมีแรงขาขึ้น โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ในเดือนมีนาคม และแตะจุดสูงสุดใหม่ที่เหนือระดับ 2,200 ดอลลาร์ในกระบวนการนี้ ความกดดันในการขายดอลลาร์สหรัฐ (USD) การปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และความต้องการทองคำจากจีนที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นของทองคำในไตรมาสแรก
ทองคำขยายแนวโน้มขาขึ้นในเดือนเมษายน และทะลุระดับ 2,400 ดอลลาร์ ก่อนที่จะปรับฐานในช่วงครึ่งหลังของเดือน อย่างไรก็ตาม XAU/USD ปิดเดือนด้วยกำไรเกิน 2% การเพิ่มขึ้นที่ไม่คาดคิดของอัตราเงินเฟ้อจากดัชนี PCE ในสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ถึงการชะลอการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Fed ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ในเดือนเมษายน ซึ่งจำกัดศักยภาพการขึ้นของทองคำ
หลังจากช่วงการรวมตัวในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ทองคำกลับมาแข็งแกร่งในเดือนกรกฎาคม และเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นสี่เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายน ทองคำเพิ่มขึ้นกว่า 15% และแตะจุดสูงสุดใหม่ใกล้ 2,800 ดอลลาร์ในวันซื้อขายสุดท้ายของเดือนตุลาคม
**ประเมินผลการดำเนินงานของทองคำในครึ่งปีแรกของปี 2024**
“ทองคำทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในปี 2024 โดยเพิ่มขึ้น 12% จากต้นปีจนถึงปัจจุบัน และมีผลการดำเนินงานดีกว่าสินทรัพย์หลักส่วนใหญ่ ทองคำได้รับประโยชน์จากการซื้อของธนาคารกลางอย่างต่อเนื่อง การไหลเข้าของการลงทุนในเอเชีย ความต้องการผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างต่อเนื่อง” กล่าวโดย World Gold Council ในรายงาน Gold Mid-Year Outlook 2024
**ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำในปี 2025**
1. **สถานการณ์ที่เป็นขาลง**:
- การลดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือการแก้ไขปัญหาวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน อาจกระตุ้นให้ราคาทองคำปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากทองคำได้รับประโยชน์อย่างมากจากความขัดแย้งเหล่านี้ในปี 2024
- การเปลี่ยนแปลงของนโยบาย Fed ที่เป็นไปในเชิง Hawkish อาจกดดันราคาทองคำในปีหน้า
- เศรษฐกิจจีนที่อ่อนตัวลงอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการทองคำในปี 2025
2. **สถานการณ์ที่เป็นขาขึ้น**:
- การดำเนินนโยบายผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องโดยธนาคารกลางสำคัญ ๆ ทั่วโลก อาจช่วยให้ทองคำปรับตัวขึ้นในปี 2025
- เศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัว อาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำ
- การเพิ่มขึ้นของความกลัวทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจกระตุ้นความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
**ความต้องการจากธนาคารกลาง**
หนึ่งในปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนทองคำในปี 2024 คือการซื้อของธนาคารกลาง
“ธนาคารกลางจะยังคงเป็นส่วนสำคัญของภาพรวม การซื้อของธนาคารกลางมีแรงขับเคลื่อนจากนโยบายและยากที่จะคาดการณ์ แต่จากการสำรวจและการวิเคราะห์ของเรา ชี้ให้เห็นว่ากระแสปัจจุบันจะยังคงอยู่” กล่าวโดย World Gold Council ในรายงานแนวโน้มทองคำปี 2025
**การวิเคราะห์ทางเทคนิคของทองคำ**
รูปภาพทางเทคนิคของทองคำชี้ให้เห็นถึงการสูญเสียแรงขาขึ้น ดัชนี Relative Strength Index (RSI) บนกราฟรายสัปดาห์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ใกล้ 50 นอกจากนี้ XAU/USD ยังลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) ระยะ 20 สัปดาห์ หลังจากใช้เวลาส่วนใหญ่ของปีเหนือระดับดังกล่าว
โซนสนับสนุนแรกของทองคำอาจอยู่ที่ 2,530-2,500 ดอลลาร์ ซึ่งระดับ Fibonacci 23.6% และระดับจิตวิทยาตรงกัน หาก XAU/USD ลดลงต่ำกว่าพื้นที่นี้และเริ่มใช้เป็นแนวต้าน เป้าหมายขาลงถัดไปอาจอยู่ที่ 2,400 ดอลลาร์ และ 2,300 ดอลลาร์ตามลำดับ
ในทางกลับกัน หากทองคำขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ แนวต้านถัดไปอาจอยู่ที่ 2,900 ดอลลาร์ ตามด้วยระดับ Fibonacci expansion ระยะยาวที่เสริมด้วยระดับจิตวิทยาที่ 3,000-3,020 ดอลลาร์
**"EUR/USD เสี่ยงแตะเท่าเทียมในปี 2025 หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯแกร่ง"***การคาดการณ์ราคาประจำปี EUR/USD: ความเท่าเทียมทางค่าเงินดูเป็นไปได้ในปี 2025 เมื่อช่องว่างระหว่างเศรษฐกิจสหรัฐฯ-ยุโรปกว้างขึ้น**
🌟 **หัวข้อสำคัญที่ควรจับตา**
- ธนาคารกลางยังคงให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อ แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจควรนำพาไปข้างหน้า
- การดำรงตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อประเทศอื่น
- คู่เงิน EUR/USD มีแนวโน้มทดสอบความเท่าเทียมทางค่าเงินในช่วงครึ่งแรกของปี 2025
#EURUSD #เศรษฐกิจ #การเงิน
🎯 **สรุปภาพรวมปี 2024 ของคู่เงิน EUR/USD**
EUR/USD เริ่มต้นปีที่ระดับประมาณ 1.1040 และปิดใกล้จุดต่ำสุดประจำปีที่ 1.0332 โดยในเดือนกันยายน คู่เงินนี้พุ่งขึ้นสู่ 1.1213 สร้างความมั่นใจว่าเงินยูโร (EUR) จะมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก 🪙 อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความหวังที่ไม่เป็นจริงเกี่ยวกับการลดนโยบายการเงินแบบเข้มงวดจากธนาคารกลาง 🌍
#เงินยูโร #ตลาดการเงิน #การเงิน
📉 **ECB เปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงิน แต่ไม่ใช่เพราะเงินเฟ้อ**
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เป็นหนึ่งในธนาคารกลางแรก ๆ ที่เปลี่ยนนโยบาย โดยในเดือนมิถุนายน ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปี 2024 และดำเนินการลดอีกครั้งในเดือนธันวาคม 📉 อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากความกลัวเศรษฐกิจถดถอยมากกว่าปัญหาเงินเฟ้อ
#ECB #นโยบายการเงิน #เศรษฐกิจยุโรป
📊 **แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ: ดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งแกร่ง**
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบสองปีในวันที่ 20 ธันวาคม โดยมีแรงหนุนสำคัญจากการเลือกตั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และความคาดหวังด้านนโยบายทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปในปี 2025 💵 ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททำสถิติสูงสุด เนื่องจากนโยบายลดภาษีและการกำหนดภาษีนำเข้าของทรัมป์
#ดอลลาร์สหรัฐ #นโยบายเศรษฐกิจ #วอลล์สตรีท
🔮 **การคาดการณ์ EUR/USD ในปี 2025**
ในปี 2025 ความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างยูโรโซนและสหรัฐฯ มีแนวโน้มกว้างขึ้น โดยธนาคารกลางยุโรปอาจต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมเนื่องจากการเติบโตที่อ่อนแอและเงินเฟ้อที่ลดลง 📉 ในทางตรงกันข้าม เฟดคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีหน้า พร้อมกับปรับประมาณการการเติบโต GDP ของปี 2024 ขึ้นเป็น 2.5%
#การคาดการณ์เศรษฐกิจ #EURUSD #ปี2025
📌 **บทสรุป**
ภาพรวมทางเศรษฐกิจในปัจจุบันเอื้อต่อดอลลาร์สหรัฐมากกว่าเงินยูโร แม้ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ จากนโยบายของทรัมป์ แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแสดงความแข็งแกร่งสูงสุดในกลุ่ม G7 นับตั้งแต่การฟื้นตัวหลังโควิด-19
#เศรษฐกิจโลก #คู่เงิน #การลงทุน
Gold Idea - 17/12/2024 (GC - Future Price)ทองในช่องเดือนธ.ค Volume จะเริ่มวิ่งแบบไม่ปกติ
โซน Sell 1.1 - Big Volume (จาก Footprint Chart) ตอนที่เท ลงมาค้างอยู่ที่โซนตรงนั้น และมี FVG M30
โซน Sell 1.2 - ที่แถวๆปลายหาง ก็ยังมี Imbalance ที่ยัง Match ไม่หมด เช่นกัน แต่อาจจะยังขึ้นไปไม่ถึง
โซน Sell 2 - Supply + มี Imbalance ค้างอยู่ที่ยังไม่ Match เช่นกัน
โซน Buy 1 - มี VI ที่น่าสนใจ เค้าอาจจะลงมาเก็บก่อนขึ้นไป แต่จุด VI อยู่แถวๆปลายหาง เป็นไปได้ว่า อาจจะ โดน Sweep ก่อน
โซน Buy 2 - มี FVG + Demand และมี Liq ด้านบน (รอ Reject)
BTC ดิ่งแรง! จับตาระดับสำคัญ $91,500-$104,790 สัปดาห์นี้🚀 การคาดการณ์ราคา Bitcoin: ระดับสำคัญและกลยุทธ์สำหรับสัปดาห์นี้ 📊
ตลาดคริปโตในสัปดาห์นี้เต็มไปด้วยแรงขาย:
BTC: ลดลง 2.5%
ETH: ลดลง 3.5%
BNB: ลดลงกว่า 4%
DOGE: ลดลง 7.5%
SHIBA: ลดลงเกือบ 7%
อย่าเพิ่งตื่นตระหนก นี่อาจเป็นจังหวะที่ตลาดกำลังตั้งค่าใหม่!
🏗️ ระดับราคาสำคัญของ Bitcoin Futures:
1. โซนรีบาวด์:
ซื้อ: $97,750 ถึง $98,850
จุดสำคัญ: $97,375
หากหลุดโซนนี้ ราคาอาจลดต่ำลงอีก
2. Value Area Low (VAL):
ช่วง: $95,400 ถึง $96,000
โซนที่ผู้ซื้อและผู้ขายมักหาข้อตกลง
3. แนวรับ VWAP:
ระดับ: ประมาณ $94,000
หากราคารีบาวด์จากจุดนี้ อาจเป็นสัญญาณซื้อ
4. โซนมั่นใจของตลาดหมี:
ระดับ: $91,500
หากราคาหลุดระดับนี้ พร้อมปิดรายวันสองวันติด อาจเกิดแรงขายหนัก
🎯 กลยุทธ์การเทรด Bitcoin:
ฝั่ง Long:
มองหาการรีบาวด์ที่ $97,750 โดยตั้งจุดหยุดขาดทุนใกล้ $97,375
หากหลุด GETTEX:97K รอเข้าที่ $95,400 หรือแนว VWAP $94,000
เป้ากำไร: $104,500 ถึง $104,790
ฝั่ง Short:
หากราคาหลุด $91,500 พร้อมปิดรายวันต่อเนื่อง อาจมีแรงขายไปสู่ $91,000
🔍 สรุป:
Bitcoin ยังแกว่งตัวในกรอบ $91,500 ถึง $104,790 คาดว่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบนี้ระยะสั้น แต่ระยะยาวยังคงมุมมองบวก
#Bitcoin #คริปโต #วิเคราะห์ราคา #BTC
XAUUSDเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาลงมาทดสอบแถวๆ 2614 อีกครั้งซึ่งเป็นบริเวณ Swing Low เพื่อทดสอบแนวรับอีกรอบว่าสามารถลงต่อได้ไหมแต่ราคาไม่สามารถผ่านได้และมีแรงซื้อกลับค่อนข้างมากในช่วงประกาศตัวเลขจ้างงานราคาเทลงมาอีกรอบก็ไม่สามารถทำ Low ต่ำลงได้เช่นกันผมจึงมองว่าอาจจะเป็นการบอกนัยๆว่าอาจจะไม่ลงแล้วก็ได้และการนับโครงสร้างคลื่นก็ถือว่าจบรอบพักตัวแล้วเช่นกัน โดยแผนในวันจันทร์นี้เงื่อนไขแผนของเราคือต้องไม่ทำ Low ต่ำกว่า 2614 เด็ดขาดหากจะขึ้น
เทคนิคคอล
-ราคา 2628-2631 เป็นโซน Buy แรกระยะก็ประมาณ 300 จุดซึ่งจะมองว่าเปิดตลาดแล้วขึ้นเลยเพราะเราก็ยังไม่รู้ว่าเสาร์-อาทิตย์นี้จะมีข่าวตูมตามอะไรอีกบ้าง
-ราคา 2619-2622 ตรงนี้ก็มองว่าลงมาทดสอบได้ถึงจะไม่ควรลงมาก็เถอะเพราะ Demand ทั้งก้อนของชุดนี้ได้ทดสอบไปแล้วในครั้งล่าสุดที่ลงมาตอบประกาศการจ้างงาน ระยะก็ 300 จุดเช่นกัน
**SL ที่สมเหตุสมผลควรอยู่ที่ 2614 นะครับหากพ็อตสามารถ MM ได้ถึงก็อย่างกเลยจะได้เทรดง่ายๆ**
XAUUSD H4มาทำโครงสร้างภาพ H4 ให้ดูมุมมองส่วนตัวของผมนะครับเผื่อผมไม่ว่างทำแผนสองสามวัน จากภาพจะเห็นว่าราคาพักตัวเป็น SW UP แต่ไม่มีความชันมากแสดงให้เห็นได้ว่าเค้ากำลังรออะไรบางอย่างนะครับโดยส่วนตัวยังคงมองว่าย่อ Buy ได้เปรียบแต่ตอนนี้ถ้าเราดูแท่ง Day เกิดแท่งแดงแล้วนะครับเป็น PA Sell ด้วย หากมีการทิ้งอีกรอบแล้วมาโซนแรกก็หยอด Buy ได้เพราะโซนแค่ 300 จุด และ Monitor Buy หากยืน 2600-2605 ได้ แต่หากไปเยอะกว่านั้นรอข้างล่างที่ Fibo ชุดใหญ่เลยนะครับ
BREADTH SET50 DASHBOARDภาพรวม ตลาด SET50 ยังไม่ค่อยจะดีนัก แต่ก็เริ่มมี DATA ระยะสั้นบางตัว เริ่มส่งสัญญาณ Divergence ออกมาให้เห็นบ้างแล้ว
หุ้นหลายๆตัว เริ่ม กลับมายืนเหนือ ma22 กันมากขึ้น ในขณะที่ SET50 INDEX ยังไม่ขึ้น
อาทิตย์นี้น่าสนใจ ถ้า ตลาดมีการรีบาวขึ้นมาได้ โอกาส data ระยะยาว กลับตัวได้ อาจจะส่งสัญญาณดี เทรน เดือน ธันวาคม อาจจะกลับขึ้นได้อีกรอบ
รูปแบบฮาร์มอนิก GARTLEY: ทำงานอย่างไร?!รูปแบบฮาร์มอนิก GARTLEY: ทำงานอย่างไร?!
"Gartley" ตามชื่อของมัน ถูกสร้างขึ้นโดย Henry Mackinley Gartley
รูปแบบฮาร์มอนิกอื่นๆ ทั้งหมดเป็นการดัดแปลงจาก Gartley
โครงสร้างประกอบด้วยคลื่น 5 คลื่น:
XA: อาจเป็นการเคลื่อนไหวรุนแรงใดๆ บนแผนภูมิก็ได้ และไม่มีข้อกำหนดเฉพาะใดๆ สำหรับการเคลื่อนไหวนี้เพื่อให้เป็นจุดเริ่มต้นของ Gartley
AB: ตรงข้ามกับการเคลื่อนไหวของ XA และควรอยู่ที่ประมาณ 61.8% ของการเคลื่อนไหว XA
BC: การเคลื่อนไหวของราคาควรตรงข้ามกับการเคลื่อนไหวของ AB และควรอยู่ที่ 38.2% หรือ 88.6% ของการเคลื่อนไหว AB
CD: การเคลื่อนไหวของราคาครั้งล่าสุดตรงข้ามกับ BC และควรอยู่ที่ 127.2% (ส่วนขยาย) ของ CD หาก BC อยู่ที่ 38.2% ของ BC หาก BC อยู่ที่ 88.6% ของ BC CD ควรอยู่ที่ 161.8% (ส่วนขยาย) ของ BC
AD: การเคลื่อนไหวของราคาโดยรวมระหว่าง A และ D ควรอยู่ที่ 78.6% ของ XA
วิธีใช้
จุด D คือจุดที่คุณเข้ามา! นั่นคือสัญญาณการเข้าของคุณ
-หากเป็นรูปแบบ M ให้คุณซื้อ
-หากเป็นรูปแบบ W ให้คุณขาย2
ควรวางจุดตัดขาดทุนไว้ตรงไหน
-ด้านล่างหรือ "X" หากคุณเป็นผู้ซื้อ
-ด้านบน "X" หากคุณเป็นผู้ขาย
เปอร์เซ็นต์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับอัตราส่วน Fibonacci ที่มีชื่อเสียง ซึ่งลึกลับพอๆ กับพีระมิดแห่งอียิปต์!
โดยสรุป รูปแบบ Gartley ก็เหมือนกับซิการ์คิวบาดีๆ หนึ่งชนิด: ต้องใช้ความอดทนและประสบการณ์จึงจะประเมินค่าได้อย่างแท้จริง แต่เมื่อคุณเชี่ยวชาญมันแล้ว มันสามารถกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในคลังอาวุธการซื้อขายของคุณ มีประสิทธิภาพเท่ากับหมัดของ Rocky Balboa!
XAUUSDเอาโซนมาฝากครับ หลังจากเช้านี้เทลงมา 6000 กว่าจุดคิดว่าน่าจะเป็นการเทขายทำกำไรนั้นแหละวันนี้พึ่งเริ่มสัปดาห์วันแรกกราฟยังทำอะไรได้อีกเยอะกว่าจะปิดแท่ง Week ในวันศุกร์ แต่ที่แน่ๆคือแท่ง Week สร้าง PA กลับตัว ไปแล้วสัปดาห์นี้จะเริ่มมองหน้า Buy นะครับเพราะปัจจัยเรื่องรัสเซียและยูเครนมาแรงมาก
**มองว่าชุดนี้เป็นคลื่นพักก็นับคลื่นเอานะครับไม่ยาก**
Block Trade คืออะไร?Block Trade คืออะไร เทรดอย่างไร ?
👯👯👯 สำหรับใคร ที่ชื่นชอบความท้าทาย และต้องการมีรายได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในหุ้น ให้รีบมาอ่านบทความนี้ เพราะหากเราลองเปรียบเทียบ การลงทุนในหุ้นด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆกัน แต่เราสามารถสร้างผลตอบแทนและกำไรได้มากกว่าหลายเท่าตัวด้วย Block trade จะดีกว่ามั้ย มาครับมาตามอ่านกัน
Block Trade คืออะไร?
Block Trade เป็นหนึ่งในบริการที่บริษัทหลักทรัพย์จัดทำให้กับลูกค้าที่มีความต้องการลงทุนใน Single Stock Future (SSF) ซึ่งมีวิธีการซื้อขายแบบจับคู่ซื้อขาย (SSF) ที่ราคา และจำนวนสัญญาที่ตกลงกันไว้ เพื่อช่วยเรื่องสภาพคล่องที่ไม่เพียงพอ
Single Stock Futures (SSF) แรกเริ่มเดิมที คือ การซื้อขายสัญญา Futures ของหุ้นอ้างอิงที่เราสนใจนั่นเอง โดยมากแล้วหุ้นอ้างอิงเหล่านี้มักจะเป็นสมาชิกของ SET50 ซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วบวกเพิ่มเข้าไปกับหุ้น SET100 อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว ปัจจุบันมีทั้งหมด 69 หุ้นอ้างอิงที่เราสามารถเลือกซื้อขาย Long-Short โดยใช้ Single Stock Futures เป็นตัวช่วยในการเพิ่มอัตราทดให้พอร์ตการลงทุนของเราได้
แต่การซื้อขาย SSF กลับไม่ราบรื่นเท่าที่ควร เหตุก็เพราะว่าผู้เล่นในสนามนี้โดยมากแล้วจะเป็นนักลงทุนทั่วไป ที่มาตั้งซื้อ-ขายกันเอง ทำให้ “สภาพคล่อง” ของสินค้าชนิดนี้น้อย เป็นผลให้นักลงทุนไม่สามารถซื้อขายกันได้อย่างสะดวก ด้วยเหตุนี้เองทำให้ SSF ได้รับความนิยมน้อย และนักลงทุนไม่ให้ความสนใจมากนักเนื่องจากปัญหาสภาพคล่องที่ต่ำ
จนกระทั่งเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทหลักทรัพย์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นผู้เพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด SSF วิธีการคือบริษัทหลักทรัพย์เหล่านี้จะทำตัวเป็นคู่สัญญาให้กับผู้ซื้อทุกคน โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ซื้อจะต้องซื้อจำนวนสัญญา SSF เป็นจำนวนขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่มีกำหนดขึ้นมาจากตลาดหลักทรัพย์
การจับคู่สัญญาของผู้ซื้อ และบริษัทหลักทรัพย์นี้เองที่เรียกว่า “BLOCK TRADE”
โดยที่หากผู้เล่นต้องการเปิด สถานะ LONG บริษัทหลักทรัพย์ก็จะมารับเป็นคู่สัญญาเปิด สถานะ SHORT ทำให้ออเดอร์ทั้งสองฝั่งแมทช์กันได้
ดังนั้น ในกรณีที่ราคาหุ้นขยับขึ้นไป ผู้เล่นก็จะมีกำไร และทางบริษัทหลักทรัพย์คู่สัญญาตรงข้ามก็จะต้องรับขาดทุนไปด้วย แต่บริษัทหลักทรัพย์ไม่ต้องการเปิดความเสี่ยงตรงนี้จุดนี้ จึงใช้วิธีป้องกันความเสี่ยง โดยการเข้าไปซื้อ “หุ้นจริงบนกระดาน” เอาไว้เท่ากับจำนวนที่เป็นคู่สัญญาให้กับผู้เล่น เพราะฉะนั้นแล้วบริษัทหลักทรัพย์ก็จะ “ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย” จากการเป็นคู่สัญญากับนักลงทุน เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้นักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากอัตราทดของสินค้านี้ได้
ตัวอย่างขั้นตอนการทำ Block Trade (ตัวเลขสมมติ)
- ผู้เล่นติดต่อมาร์เกตติ้งส่วนตัวเพื่อขอทำ Block Trade หุ้น CBG 1 แสนหุ้น
- มาร์เกตติ้งส่งคำสั่งเปิด long CBG 100 สัญญา ถึงบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นคู่สัญญา
- บริษัทหลักทรัพย์ทำการซื้อหุ้น CBG 100,000 หุ้นจากบนกระดานหลักเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงตามที่ได้กล่าวไปด้านบน
- ลูกค้ามีสถานะ long CBG 100 สัญญา หรือเทียบเท่ากับมีหุ้น CBG 100,000 หุ้น
*** เหตุการณ์ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น ***
หลังจากที่มีโบรคเกอร์เข้ามาเป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมนี้แล้ว ปริมาณการเทรด SSF จึงโตขึ้นถึง 10 เท่าตัว จากเดิมที่มีการซื้อขาย SSF เฉลี่ย 10,000 สัญญา ต่อวัน เขยิบขึ้นมาที่ราวๆ 80,000 สัญญาต่อวัน ซึ่งในวันที่มีการเทรดกันคึกคักสุดๆ จำนวนสัญญาเคยขึ้นไปสูงถึง 150,000 สัญญาต่อวันเลยทีเดียว
ทำไมผู้เล่นถึงเข้ามาเทรด Block Trade กันมากมายขนาดนี้ !!?
1. หุ้นที่สามารถทำ Block Trade ได้นั้น โดยมากจะเป็นหุ้นใน SET50 และ SET100
2. เลือกทิศทางได้ทั้งในฝั่ง LONG และ SHORT เพราะฉะนั้น ไม่ว่าตลาดจะเป็นขาขึ้น,ขาลง หรือแม้แต่ไซด์เวย์ ก็มีโอกาสให้กับผู้เล่นอยู่เสมอ
3. การทำ Block Trade ใช้เงินน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อหุ้นในตลาด
👽👽👽 เป็นอย่างไรกันบ้างครับพอจะเริ่มเป็นแนวทางในการหาเงินหรือกำไรเพิ่มขึ้นมั้ยครับ แอดว่ามันเข้าท่าดีนะครับ สำหรับคนที่มีเงินทุนน้อย และชอบเทรดในตลาดหุ้นที่มีทั้ง short และ long บอกเลยว่ามันได้ฟิลดีเหมือนกันนะเออ
แล้วอย่าลืม หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
EP07:จาก Adaptive.Simple/Simple สู่ Quantitative Strategy ต่อไปการพัฒนา Quantitative Strategy บน TradingView เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ใช้ตัวเลขและสถิติมาช่วยในการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น การคำนวณผลตอบแทน ความเสี่ยง หรือการวิเคราะห์เชิงปริมาณผ่าน Pine Script ซึ่งเป็นภาษาสำหรับเขียนโค้ดที่ TradingView ใช้ โดยสามารถทำได้ดังนี้:
1. เริ่มต้นเขียน Quantitative Strategy บน Pine Script Strategy
2. เพิ่มการคำนวณเชิง Quantitative
- Sharpe Ratio : ใช้วัดผลตอบแทนต่อความเสี่ยง
- Drawdown : เพื่อดูช่วงขาดทุนสูงสุดของกลยุทธ์
- Optimization : ปรับค่าพารามิเตอร์ให้เหมาะสมที่สุด
3. ทดสอบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ ใช้ Strategy Tester บน TradingView เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ เช่น:
- Profit Factor
- Win Rate
- Net Profit
ทดสอบบนข้อมูลย้อนหลัง (Backtest) และทดลองปรับค่าต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับตลาด
4. ใช้ข้อมูล Quantitative ที่ลึกขึ้น สำหรับการวิเคราะห์ Quantitative ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น สามารถนำข้อมูลจากภายนอก เช่น Python หรือ R มาช่วยวิเคราะห์เชิงลึก แล้วกลับมาใช้ Pine Script เพื่อประมวลผลบนกราฟได้
ดังนั้นบทต่อไปจากการขิงความง่ายๆจะเป็นการขิงความยากครับ 55555 ขิงเกิ้น...
1. องค์ประกอบของระบบ Quantitative
1.1 Data Collection
ใช้ Pine Script ดึงข้อมูลราคา เช่น Open, High, Low, Close (OHLC) หรือข้อมูล Volume
คำนวณตัวชี้วัดเชิงลึก เช่น ATR, RSI, หรือ Beta ของหุ้น (สินทรัพย์นั้นๆ)
1.2 Quantitative Indicators
ใช้ตัวชี้วัดทางสถิติ เช่น:
- ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average)
- ความผันผวน (Volatility)
- การแจกแจงความถี่ (Probability Distribution)
1.3 Risk Management
วางระบบจัดการความเสี่ยง เช่น:
- กำหนด Risk per Trade
- การตั้ง Stop Loss และ Take Profit
- วัด Maximum Drawdown
1.4 Performance Metrics
สร้างตัวชี้วัดเพื่อประเมินผล เช่น:
- Sharpe Ratio
- Sortino Ratio
- Calmar Ratio
2. ตัวอย่างระบบ Quantitative เชิงลึก
2.1 โครงสร้างพื้นฐาน
เริ่มต้นด้วยโค้ดระบบที่รวมเอาส่วนประกอบทั้งหมด:
3. การวิเคราะห์และขยายระบบ
3.1 Multi-Timeframe Analysis
รวมข้อมูลจากหลาย Timeframe เช่น การใช้ข้อมูล Daily ควบคู่กับ 1 Hour เพื่อเพิ่มความแม่นยำ:
3.2 Machine Learning Integration
นำผลลัพธ์ของ Pine Script ส่งออกไปยัง Python ผ่าน Webhook หรือ API เพื่อปรับปรุงโมเดลด้วย Machine Learning เช่น Decision Trees หรือ Neural Networks
3.3 Portfolio Optimization
สร้างระบบที่สามารถจัดการพอร์ตการลงทุนแบบ Dynamic โดยใช้หลักการ Quantitative เช่น Markowitz Portfolio Theory หรือ Risk Parity
4. การจัดการ Backtesting เชิงลึก
ใช้ Strategy Tester ของ TradingView เพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์
วัดผลบนข้อมูลหลายช่วงเวลา (Walk-Forward Analysis)
ใช้ Monte Carlo Simulation เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของกลยุทธ์
5. สร้างอินดิเคเตอร์เฉพาะตัว (Custom Indicators)
XAUUSDปัจจัยส่งราคาแรงมากนะครับ ตอนนี้เริ่มทำกรอบชัดเจนแแล้วเป็นอัพเทรนแชลแนลโดยมีแนวฐานราคาใหม่ที่ 2620 แปลว่าเค้าไม่ควรหลุดหากจะไหลขึ้นต่อเรื่อยๆ ใครมีไม้รันมาก็ให้ใช้จุดนี้เป็นจุดกันทุนใหม่ได้เลย โดยแผนหลังจากนี้จะเป็นการหลุด Swing Low เล็กแล้วดึงกลับก็ค่อย Buy ไม่ต้องรอ Demand เหมือนเดิมเพราะการวิ่งแบบนี้จะไม่มาที่ Demand นะครับแค่กวาด SL แล้วขึ้นต่อเรื่อยๆ ให้ระวังเวลาราคาเข้าใกล้กรอบบนให้รอเค้าย่อค่อยหาจังหวะเทรดใหม่
เทคนิคคอล
-Hidden Base จุดนี้มองว่าย่อได้ลึกสุดนะครับและไม่ควรหลุดด้วย
-Demand H4 เป็นแนวฐานราคาใหม่หรือโครงสร้างราคาขาขึ้นใน H1 และ H4
-Swing Low ที่มีเส้นขีดให้มองเป็นจุด Liquidity รอเค้ากวาดจุดพวกนี้แล้วดึงกลับเพื่อพิจารณาเข้าออเดอร์