ทองคำปิดร่วง 45.8 ดอลลาร์ หลังเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐแข็งแกร่งกว่าที่คาด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาปิดร่วง 45.8 ดอลลาร์ หรือ 2.53% ปิดที่ระดับ 1,763.1 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปรับร่วงลง 2.97% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์ที่ถือว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มิ.ย.
ทองคำปรับร่วงลงอีกครั้งจากการที่สหรัฐได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรหรือ NFP ออกมาพุ่งขึ้น 943,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 845,000 ตำแหน่ง จากระดับ 938,000 ในเดือน มิ.ย. สำหรับสัดส่วนของอัตราว่างงานก็ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 5.4% ในเดือน ก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.7% หลังจากที่เคยวิ่งแตะที่ระดับ 5.9% ในเดือนมิ.ย.
ตัวเลขดังกล่าวส่งผลสะท้อนให้ดอลลาร์ขยับแข็งค่าขึ้นมาอีกครั้ง โดยดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินตราระหว่างประเทศ เพิ่มขึ้น 0.58% สู่ระดับ 92.7918
สำหรับในส่วนของบอนด์ยีลด์สหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ดีดตัวขึ้น นักลงทุนแห่ขายพันธบัตร หลังรายงานการจ้างงานพุ่งเกินคาด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีได้ดีดตัวขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนได้พากันเทขายพันธบัตรฯ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือน ก.ค. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.285% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.930% ราคาพันธบัตรและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน นักลงทุนยังคงเฝ้ามองการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 สิงหาคมนี้ โดยเฟดอาจจะมีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE หลังตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งถูกเปิดเผยมาในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ฝากฝั่งของตลาดหุ้นสหรัฐในวันศุกร์ที่ผ่านมาก็สดใสเช่นกัน โดยดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุดทำนิวโฮเหนือ 35,000 รับการแข็งแกร่งการจ้างงาน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐลงไป ตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาสดใสเช่นนี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐอาจเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE รวมทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน นั่นอาจจะส่งผลให้เกิดปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐได้เช่นกัน สำหรับเช้าวันจันทร์นี้ตลาดหุ้นฝั่งเอเซียคงเปิดบวกตามคาดหลังตลาดหุ้นสหรัฐเปิดบวกไปเมื่อค่ำคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
ประเมินทางเทคนิควันนี้
ทองคำเช้านี้เปิดตลาดนรกแตกตั้งแต่ตีห้ากันเลยทีเดียว หลังคำสั่งการ “ขาย” ที่คงค้างและสถานะใหม่รับการกดราคาทองคำอีกครั้งทำทองคำร่วงไปกว่าสี่สิบกว่าเหรียญอีกรอบแตะระดับ 1,688.14 เล่นเอาแผนที่เขียนไว้ต้องเขียนใหม่กันอีกรอบหลังประเมินเพียงแค่ 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ที่สุดราคาทองคำก็ยังคงสามารถมีแรงซื้อทองคำราคาถูกเข้ามาทำกำไรในช่วงเช้าได้อีกรอบ ทำให้ราคาปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1,728 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่การปรับตัวขึ้นยังมีแรงที่จำกัด หากราคาทองคำสามารถผ่านแนวต้านบริเวณดังกล่าวขึ้นไปได้นั้นก็มีโอกาสที่ราคาทองคำจะกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,758-1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกครั้ง ทั้งนี้การประเมินทองคำจะต้องประเมินกันแบบแต่ละช่วงเวลา เนื่องจากความผันผวนในตลาดยังคงมีสูงหลังการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อค่ำคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
กลยุทธ์การเทรดทองคำกรอบรายชั่วโมง
Long Position : รอราคาทองคำทรงตัวได้นิ่งเหนือระดับแนวรับ 1,719-1,728 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจมีโอกาสในการทำกำไรระยะสั้นช่วงทองคำปรับฐานราคา โดยให้เสี่ยง “ซื้อ” หากราคาสามารถรักษาระดับทรงตัวที่บริเวณดังกล่าวได้ โดยให้เน้นการทำกำไรระยะสั้น ปิดพิจารณาทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,758-1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำหลุด 1,719 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
Short Position : สำหรับทิศทางการเสี่ยงเปิดคำสั่ง “ขาย” นั้นยังคงมีแรงขายออกมาต่อเนื่องก่อนตลาดปิดทำการในช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ จึงอาจยังคงมีคำสั่งที่ค้างอยู่ทำให้ราคาทองคำอาจไหลลงต่อได้อีกระยะหนึ่ง หากราคาทองยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องให้รอจังหวะที่ราคาได้ถูกปฏิเสธฝั่งขึ้นอีกรอบที่บริเวณ 1,758-1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาไม่สามารถผ่าแนวต้านบริเวณดังกล่าวขึ้นไปได้นั้น โอกาสที่นักลงทุนจะมีการเทขายทำกำไรกันก็เป็นไปได้สูง จึงแนะนำให้เสี่ยงเปิดคำสั่ง “ขาย” ที่บริเวณดังกล่าว โดยเน้นการลงทุนระยะสั้น พิจารณาปิดทำกำไรหากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวรับบริเวณ 1,685-1,694 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับขึ้นเหนือ 1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวโน้มทองคำในวันนี้
-----------------------------------------
1H : Downtrend
-----------------------------------------
4H : Downtrend
-----------------------------------------
DAY : Down trend
---- -------------------------------------
Week : Up trend
-----------------------------------------
Month : Up trend
-----------------------------------------
แนวรับแนวต้านทองคำกรอบรายชั่วโมง
---------------------------------------------------
Support : 1,728 / 1,713 / 1,685
---------------------------------------------------
Resistance : 1,739 / 1759 / 1,776
---------------------------------------------------
สถานการณ์ถือครองทองคำของกองทุน SPDR เดือนสิงหาคม 64
- ถารถือครองทองคำ : ปรับลดลง -2.32
- เข้าซื้อขายทองคำล่าสุดที่ระดับราคา : 1,763.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- ปัจจุบันถือครองทองคำทั้งสิ้นสุทธิ : 1,025.29 ตัน
- ปรับเปลี่ยนแปลงราคาทั้งสิ้น : 4 ครั้ง
- รวมการเปลี่ยนแปลงการถือครองในเดือนทั้งสิ้น : -6.17 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งค่าสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรจากการลงทุนได้ 100%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาปิดร่วง 45.8 ดอลลาร์ หรือ 2.53% ปิดที่ระดับ 1,763.1 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปรับร่วงลง 2.97% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์ที่ถือว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มิ.ย.
ทองคำปรับร่วงลงอีกครั้งจากการที่สหรัฐได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรหรือ NFP ออกมาพุ่งขึ้น 943,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 845,000 ตำแหน่ง จากระดับ 938,000 ในเดือน มิ.ย. สำหรับสัดส่วนของอัตราว่างงานก็ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 5.4% ในเดือน ก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.7% หลังจากที่เคยวิ่งแตะที่ระดับ 5.9% ในเดือนมิ.ย.
ตัวเลขดังกล่าวส่งผลสะท้อนให้ดอลลาร์ขยับแข็งค่าขึ้นมาอีกครั้ง โดยดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินตราระหว่างประเทศ เพิ่มขึ้น 0.58% สู่ระดับ 92.7918
สำหรับในส่วนของบอนด์ยีลด์สหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ดีดตัวขึ้น นักลงทุนแห่ขายพันธบัตร หลังรายงานการจ้างงานพุ่งเกินคาด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีได้ดีดตัวขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนได้พากันเทขายพันธบัตรฯ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือน ก.ค. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.285% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.930% ราคาพันธบัตรและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน นักลงทุนยังคงเฝ้ามองการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 สิงหาคมนี้ โดยเฟดอาจจะมีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE หลังตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งถูกเปิดเผยมาในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ฝากฝั่งของตลาดหุ้นสหรัฐในวันศุกร์ที่ผ่านมาก็สดใสเช่นกัน โดยดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุดทำนิวโฮเหนือ 35,000 รับการแข็งแกร่งการจ้างงาน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐลงไป ตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาสดใสเช่นนี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐอาจเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE รวมทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน นั่นอาจจะส่งผลให้เกิดปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐได้เช่นกัน สำหรับเช้าวันจันทร์นี้ตลาดหุ้นฝั่งเอเซียคงเปิดบวกตามคาดหลังตลาดหุ้นสหรัฐเปิดบวกไปเมื่อค่ำคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
ประเมินทางเทคนิควันนี้
ทองคำเช้านี้เปิดตลาดนรกแตกตั้งแต่ตีห้ากันเลยทีเดียว หลังคำสั่งการ “ขาย” ที่คงค้างและสถานะใหม่รับการกดราคาทองคำอีกครั้งทำทองคำร่วงไปกว่าสี่สิบกว่าเหรียญอีกรอบแตะระดับ 1,688.14 เล่นเอาแผนที่เขียนไว้ต้องเขียนใหม่กันอีกรอบหลังประเมินเพียงแค่ 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ที่สุดราคาทองคำก็ยังคงสามารถมีแรงซื้อทองคำราคาถูกเข้ามาทำกำไรในช่วงเช้าได้อีกรอบ ทำให้ราคาปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1,728 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่การปรับตัวขึ้นยังมีแรงที่จำกัด หากราคาทองคำสามารถผ่านแนวต้านบริเวณดังกล่าวขึ้นไปได้นั้นก็มีโอกาสที่ราคาทองคำจะกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,758-1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกครั้ง ทั้งนี้การประเมินทองคำจะต้องประเมินกันแบบแต่ละช่วงเวลา เนื่องจากความผันผวนในตลาดยังคงมีสูงหลังการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อค่ำคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
กลยุทธ์การเทรดทองคำกรอบรายชั่วโมง
Long Position : รอราคาทองคำทรงตัวได้นิ่งเหนือระดับแนวรับ 1,719-1,728 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจมีโอกาสในการทำกำไรระยะสั้นช่วงทองคำปรับฐานราคา โดยให้เสี่ยง “ซื้อ” หากราคาสามารถรักษาระดับทรงตัวที่บริเวณดังกล่าวได้ โดยให้เน้นการทำกำไรระยะสั้น ปิดพิจารณาทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,758-1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำหลุด 1,719 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
Short Position : สำหรับทิศทางการเสี่ยงเปิดคำสั่ง “ขาย” นั้นยังคงมีแรงขายออกมาต่อเนื่องก่อนตลาดปิดทำการในช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ จึงอาจยังคงมีคำสั่งที่ค้างอยู่ทำให้ราคาทองคำอาจไหลลงต่อได้อีกระยะหนึ่ง หากราคาทองยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องให้รอจังหวะที่ราคาได้ถูกปฏิเสธฝั่งขึ้นอีกรอบที่บริเวณ 1,758-1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาไม่สามารถผ่าแนวต้านบริเวณดังกล่าวขึ้นไปได้นั้น โอกาสที่นักลงทุนจะมีการเทขายทำกำไรกันก็เป็นไปได้สูง จึงแนะนำให้เสี่ยงเปิดคำสั่ง “ขาย” ที่บริเวณดังกล่าว โดยเน้นการลงทุนระยะสั้น พิจารณาปิดทำกำไรหากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวรับบริเวณ 1,685-1,694 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับขึ้นเหนือ 1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวโน้มทองคำในวันนี้
-----------------------------------------
1H : Downtrend
-----------------------------------------
4H : Downtrend
-----------------------------------------
DAY : Down trend
---- -------------------------------------
Week : Up trend
-----------------------------------------
Month : Up trend
-----------------------------------------
แนวรับแนวต้านทองคำกรอบรายชั่วโมง
---------------------------------------------------
Support : 1,728 / 1,713 / 1,685
---------------------------------------------------
Resistance : 1,739 / 1759 / 1,776
---------------------------------------------------
สถานการณ์ถือครองทองคำของกองทุน SPDR เดือนสิงหาคม 64
- ถารถือครองทองคำ : ปรับลดลง -2.32
- เข้าซื้อขายทองคำล่าสุดที่ระดับราคา : 1,763.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- ปัจจุบันถือครองทองคำทั้งสิ้นสุทธิ : 1,025.29 ตัน
- ปรับเปลี่ยนแปลงราคาทั้งสิ้น : 4 ครั้ง
- รวมการเปลี่ยนแปลงการถือครองในเดือนทั้งสิ้น : -6.17 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งค่าสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรจากการลงทุนได้ 100%