ผมว่าการเทรด ก็มีทั้งยากและไม่ยากมาก แต่สำคัญที่สุดอาจไม่ใช่เป็น
การรู้ทิศทางเป็นส่วนหนึ่ง แต่กลยุทธ์การเข้าทำเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า
เรื่องที่ 1 เรื่อง confluent คือการคอนเฟริ์มซึ่งกันและกัน
ครั้งที่สองที่ ptt ขึ้นมา ได้ทำ Y1 ยาวกว่า Y2 บ่งบอกว่า การขึ้นนี้ อ่อนแอ
2. กราฟ ptt ได้ทำ โลที่ต่ำกว่าโลเดิม บ่งบอกว่า การขึ้นมานั้น ได้กลายเป็น ไซเวย์เรียบร้อยแล้ว
3. ต่อจากนั้น ptt ก็ได้ form ตัวเป็นรูปแบบ สี่เหลี่ยมไซเวย์
ซึ่งกลยุทธ์คือ ซื้อที่แนวรับ ขายที่แนวต้าน
การซื้อที่แนวรับครั้งที่ 1 อาจเป็นจริงได้ เพราะใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ก็ถึงกรอบแนวต้าน
ในขณะที่การขายที่แนวต้านครั้งที่ 1 / 2 อาจพูดได้ในเชิงทฤษฎี แต่หากปฏิบัติจริงแล้ว ใช้เวลากว่า 2 เดือนกว่าจะถึงกรอบล่าง
และราคาถ้าดูใน detail แล้วไม่มีสัญญาณขายในลักษณะ breaking down เลย ซึ่งจำต้อง พยายามหาจุดสูงวางออเดอร์ และให้ราคาวิ่งเข้ามา match
จึงน่าจะสรุปได้ว่า ในทางปฏิบัติน่าจะเกิดขึ้นยาก
การซ้ือที่แนวรับครั้งที่ 2 ก็น่าจะเป็นจริงได้ เพราะใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ก็ถึงกรอบแนวต้าน
แต่อยากให้มองการถึงแนวต้าน และเกิดสัญญาณขายครั้งที่ 3 ซึ่งมี pattern ในลักษณะ breaking down
และใช้เวลาไม่นานในการถึงกรอบล่าง แล้ว breaking out down กรอบสี่เหลี่ยมไซย์เวย์
ซึ่งก็แปลความได้ว่า แรงขายมาไวขึ้น กว่า การขายในครั้งที่ 1/2
รวมทั้ง confluent กับ breaking uptrend line คอนเฟริ์มยืนยันกัน
โดยกรอบสี่เหลี่ยม ไซเวย์นี้ ขนาดคือประมาณ 4 บ. (38-42 บ.) ดังนั้นการวิ่งลงก็จะถึง 34 บ. ซึ่งก็ hit target ในฝั่งขาลง
โดยหากเรานั่งคิดย้อนหลัง
1. ถ้าเราขายที่แนวรับได้จริง 42 ในครั้งที่ 3 เมื่อถึงกรอบล่าง เราอาจปิดไป โดยไม่ได้ run profit ต่อ
นั้นคือเรื่องยากข้อที่ 1 ในการเทรดจริง (คือการปล่อยให้กำไรมันรันไปได้มากกว่าเดิม)
2. ถ้าเราขายที่ confluent point ที่ breaking down กรอบสี่เหลี่ยมไซเวย์ + uptrend
ราคาที่เราได้อาจดูเสียเปรียบเมื่อเทียบกับที่กรอบ 42 ด้านบน แต่ความไวในการรอคอยน้อยกว่า
ซึ่งอันนี้แม้ดูง่าย แต่ถ้า short ไปจริงแล้ว มันเด้งข้ีนมาสู้ (ในเคสนี้ไม่เด้งเลย โชคดี) การตั้ง stop loss ที่ชาญฉลาด ก็จำเป็น
ดังนั้นเรื่องที่สอง ที่น่าจะท้าทายไม่แพ้กัน คือ การตั้ง trade set up ที่ได้เปรียบ และเหมาะสมกับตัวเรา
ดังนั้นสิ่งที่อยากสรุปบอกคือ การวิเคราะห์ทิศทาง สิ่งสำคัญที่อยากให้เน้นย้ำคือ confluent คือการคอนเฟริ์ม ซึ่งกันและกัน
ในขณะที่ การวิเคราะ์ทิศทางจะไร้ค่า หากไม่สามารถ execute กลยุทธ์เพื่อเทรด
ซึ่งก็ต้องบอกว่า กลยุทธ์เทรดน่าจะมีแค่ 2 หลักใหญ่ๆ คือ pull/push trade คือรอเด้งเพื่อขาย รอย่อเพื่อซื้อ
>>> ข้อดีคือ ราคาจะได้ที่ได้เปรียบ ข้อเสียยคือ อาจต้อง take time รอเพื่อให้ราคาไปต่อ
ซึ่งเป็น สิ่งสำคัญที่ควรจะเป็นสิ่งเริ่มต้นของเริ่มเทรด เนื่องจากการอ่านตลาดยังไม่มาก
อีกแบบหนึ่งคือ breaking up / down trade คือการซื้อตาม ขายตาม เพื่อราคาวิ่งไป
>>>ข้อดีคือ ไม่ต้องรอนาน ข้อเสียคือ ราคาได้ที่ไม่ได้เปรียบ, อาจเกิด false break, หากวิเคราะห์แนวโน้มผิด ราคาก็จะไม่วิ่ง
ปล. วิธีนี้เป็นผลของสายเทคนิคคอลที่เราเรียนกันตอนแรก เพราะตอนแรกเราจะฝึกให้จำว่า triangle breakup ก็ซื้อตาม
แต่วิธีนี้จะทำให้หลายๆคนเจ๋ง เพราะเมื่อวิเคราะห์แนวโน้มตลาดผิด แล้วซื้อตาม ขายตาม มันจะย่อ / เด้ง ใส่หน้านั้นเอง
วิธีนี้ จึงน่าจะทำ หลังจากชำนาญตลาดแล้ว ไม่ใช่เริ่มเข้าตลาด (ปล. แต่ถูกสอนตอนเข้าตลาดนะ เพราะมันง่ายสุด)
สุดท้ายสิ่งที่อยากจะบอกคือ หากเราจะทำกำไรได้ในตลาด เราควรรู้ไปข้างหน้า ไม่ใช่กราฟเกิดแล้วค่อยมาบอก
ดังนั้นเมื่อตอนนี้กราฟมาอยู่ที่ 34-35 หน้าที่ผม คือ คิดว่า 34 35 บาท ผมควรทำอย่างไงกับมัน
1. ซื้อ ตัดขาดทุนตรงไหน เป้าหมายตรงไหน
2. ขาย ตัดขาดทุนตรงไหน เป้าหมายตรงไหน
3. อยู่เฉยๆ ซึ่งอาจจะดีที่สุดในกรณีที่เรายังไม่มีองค์ความรู้ไปบอกได้ว่า มันเป็นแบบไหน
สำหรับผมตอนนี้ กราฟ ptt ลง แต่ set rebound และ crude oil ลง
ถ้ามันไม่ confluent กันสักอย่างแบบนี้ ข้อ 3 อาจดีที่สุด เพราะผมก็ต้องยอมรับว่า ในสถานการณ์ที่ผมเองไม่รู้ ผมก็ไม่ควรเทรด
เราควรเทรดในสิ่งที่เรารู้ มากกว่า หรือเปล่า (อาจจะดูไม่เก่งนะ แต่มันก็เรื่องจริง)
สำหรับผมตอนนี้ ptt ผมขอเลือกอยู่เฉยๆกับมัน
แต่ผม mark ในใจแล้วว่า ptt เป็น downtrend การเล่นซื้ออาจต้องระมัดระวัง
ถ้ามันวิ่งเข้าไปที่แนวต้านเช่น 38อีกครั้ง ที่เป็น instant resistance การพิจารณาขาย อาจเกิดขึ้นได้
แต่ถ้าตอนนี้อยู่ดีๆให้มา ซื้อ ก็บอกเลยว่า ไม่อยากซื้อ อาจตกรถก็ได้ แต่ไม่อยากซื้อครับ
และสำหรับความรู้ที่ผมมีตอนนี้ อาจจะยังไม่เก่งกล้า สมมติมีคนถามว่า
งั้น downtrend ทำไมไม่ ขายละ ณ.ปัจจุบัน 35
ผมเองก็จะตอบว่า ถ้า downside ของเป้าคือ 34 ซึ่งไม่รู้แนวรับอยู่หรือจะทะลุ
ถ้าใกล้ขนาดนี้ ผมรอแนวรับทะลุ แล้วผม short ตามจากหลุด 34 ผมน่าจะปลอดภัยกว่าหรือเปล่า???
แต่ถ้าตอนนี้ราคาสัก 37-38 risk ผมที่มันจะขึ้น คงไม่มากเพราะมีแนวต้าอยู่
และ downside ก็มีมากถึง 34 ผมก็ควรเล่นตรงนั้นมากกว่าหรือเปล่า???
อันนี้ก็บอกตามตรงว่า อะไรที่ไม่รู้จริงแบบตรงนี้ ผมก็ควรจะตอบว่า ผมไม่รู้ครับ
สรุปอีกสักรอบ
1. ทิศทาง ขอให้ดู confluent คอนเฟริ์มยืนยันกัน
2. กลยุทธ์ ขอให้ดู trade set up
เรื่องที่ 1 เรื่อง confluent คือการคอนเฟริ์มซึ่งกันและกัน
ครั้งที่สองที่ ptt ขึ้นมา ได้ทำ Y1 ยาวกว่า Y2 บ่งบอกว่า การขึ้นนี้ อ่อนแอ
2. กราฟ ptt ได้ทำ โลที่ต่ำกว่าโลเดิม บ่งบอกว่า การขึ้นมานั้น ได้กลายเป็น ไซเวย์เรียบร้อยแล้ว
3. ต่อจากนั้น ptt ก็ได้ form ตัวเป็นรูปแบบ สี่เหลี่ยมไซเวย์
ซึ่งกลยุทธ์คือ ซื้อที่แนวรับ ขายที่แนวต้าน
การซื้อที่แนวรับครั้งที่ 1 อาจเป็นจริงได้ เพราะใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ก็ถึงกรอบแนวต้าน
ในขณะที่การขายที่แนวต้านครั้งที่ 1 / 2 อาจพูดได้ในเชิงทฤษฎี แต่หากปฏิบัติจริงแล้ว ใช้เวลากว่า 2 เดือนกว่าจะถึงกรอบล่าง
และราคาถ้าดูใน detail แล้วไม่มีสัญญาณขายในลักษณะ breaking down เลย ซึ่งจำต้อง พยายามหาจุดสูงวางออเดอร์ และให้ราคาวิ่งเข้ามา match
จึงน่าจะสรุปได้ว่า ในทางปฏิบัติน่าจะเกิดขึ้นยาก
การซ้ือที่แนวรับครั้งที่ 2 ก็น่าจะเป็นจริงได้ เพราะใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ก็ถึงกรอบแนวต้าน
แต่อยากให้มองการถึงแนวต้าน และเกิดสัญญาณขายครั้งที่ 3 ซึ่งมี pattern ในลักษณะ breaking down
และใช้เวลาไม่นานในการถึงกรอบล่าง แล้ว breaking out down กรอบสี่เหลี่ยมไซย์เวย์
ซึ่งก็แปลความได้ว่า แรงขายมาไวขึ้น กว่า การขายในครั้งที่ 1/2
รวมทั้ง confluent กับ breaking uptrend line คอนเฟริ์มยืนยันกัน
โดยกรอบสี่เหลี่ยม ไซเวย์นี้ ขนาดคือประมาณ 4 บ. (38-42 บ.) ดังนั้นการวิ่งลงก็จะถึง 34 บ. ซึ่งก็ hit target ในฝั่งขาลง
โดยหากเรานั่งคิดย้อนหลัง
1. ถ้าเราขายที่แนวรับได้จริง 42 ในครั้งที่ 3 เมื่อถึงกรอบล่าง เราอาจปิดไป โดยไม่ได้ run profit ต่อ
นั้นคือเรื่องยากข้อที่ 1 ในการเทรดจริง (คือการปล่อยให้กำไรมันรันไปได้มากกว่าเดิม)
2. ถ้าเราขายที่ confluent point ที่ breaking down กรอบสี่เหลี่ยมไซเวย์ + uptrend
ราคาที่เราได้อาจดูเสียเปรียบเมื่อเทียบกับที่กรอบ 42 ด้านบน แต่ความไวในการรอคอยน้อยกว่า
ซึ่งอันนี้แม้ดูง่าย แต่ถ้า short ไปจริงแล้ว มันเด้งข้ีนมาสู้ (ในเคสนี้ไม่เด้งเลย โชคดี) การตั้ง stop loss ที่ชาญฉลาด ก็จำเป็น
ดังนั้นเรื่องที่สอง ที่น่าจะท้าทายไม่แพ้กัน คือ การตั้ง trade set up ที่ได้เปรียบ และเหมาะสมกับตัวเรา
ดังนั้นสิ่งที่อยากสรุปบอกคือ การวิเคราะห์ทิศทาง สิ่งสำคัญที่อยากให้เน้นย้ำคือ confluent คือการคอนเฟริ์ม ซึ่งกันและกัน
ในขณะที่ การวิเคราะ์ทิศทางจะไร้ค่า หากไม่สามารถ execute กลยุทธ์เพื่อเทรด
ซึ่งก็ต้องบอกว่า กลยุทธ์เทรดน่าจะมีแค่ 2 หลักใหญ่ๆ คือ pull/push trade คือรอเด้งเพื่อขาย รอย่อเพื่อซื้อ
>>> ข้อดีคือ ราคาจะได้ที่ได้เปรียบ ข้อเสียยคือ อาจต้อง take time รอเพื่อให้ราคาไปต่อ
ซึ่งเป็น สิ่งสำคัญที่ควรจะเป็นสิ่งเริ่มต้นของเริ่มเทรด เนื่องจากการอ่านตลาดยังไม่มาก
อีกแบบหนึ่งคือ breaking up / down trade คือการซื้อตาม ขายตาม เพื่อราคาวิ่งไป
>>>ข้อดีคือ ไม่ต้องรอนาน ข้อเสียคือ ราคาได้ที่ไม่ได้เปรียบ, อาจเกิด false break, หากวิเคราะห์แนวโน้มผิด ราคาก็จะไม่วิ่ง
ปล. วิธีนี้เป็นผลของสายเทคนิคคอลที่เราเรียนกันตอนแรก เพราะตอนแรกเราจะฝึกให้จำว่า triangle breakup ก็ซื้อตาม
แต่วิธีนี้จะทำให้หลายๆคนเจ๋ง เพราะเมื่อวิเคราะห์แนวโน้มตลาดผิด แล้วซื้อตาม ขายตาม มันจะย่อ / เด้ง ใส่หน้านั้นเอง
วิธีนี้ จึงน่าจะทำ หลังจากชำนาญตลาดแล้ว ไม่ใช่เริ่มเข้าตลาด (ปล. แต่ถูกสอนตอนเข้าตลาดนะ เพราะมันง่ายสุด)
สุดท้ายสิ่งที่อยากจะบอกคือ หากเราจะทำกำไรได้ในตลาด เราควรรู้ไปข้างหน้า ไม่ใช่กราฟเกิดแล้วค่อยมาบอก
ดังนั้นเมื่อตอนนี้กราฟมาอยู่ที่ 34-35 หน้าที่ผม คือ คิดว่า 34 35 บาท ผมควรทำอย่างไงกับมัน
1. ซื้อ ตัดขาดทุนตรงไหน เป้าหมายตรงไหน
2. ขาย ตัดขาดทุนตรงไหน เป้าหมายตรงไหน
3. อยู่เฉยๆ ซึ่งอาจจะดีที่สุดในกรณีที่เรายังไม่มีองค์ความรู้ไปบอกได้ว่า มันเป็นแบบไหน
สำหรับผมตอนนี้ กราฟ ptt ลง แต่ set rebound และ crude oil ลง
ถ้ามันไม่ confluent กันสักอย่างแบบนี้ ข้อ 3 อาจดีที่สุด เพราะผมก็ต้องยอมรับว่า ในสถานการณ์ที่ผมเองไม่รู้ ผมก็ไม่ควรเทรด
เราควรเทรดในสิ่งที่เรารู้ มากกว่า หรือเปล่า (อาจจะดูไม่เก่งนะ แต่มันก็เรื่องจริง)
สำหรับผมตอนนี้ ptt ผมขอเลือกอยู่เฉยๆกับมัน
แต่ผม mark ในใจแล้วว่า ptt เป็น downtrend การเล่นซื้ออาจต้องระมัดระวัง
ถ้ามันวิ่งเข้าไปที่แนวต้านเช่น 38อีกครั้ง ที่เป็น instant resistance การพิจารณาขาย อาจเกิดขึ้นได้
แต่ถ้าตอนนี้อยู่ดีๆให้มา ซื้อ ก็บอกเลยว่า ไม่อยากซื้อ อาจตกรถก็ได้ แต่ไม่อยากซื้อครับ
และสำหรับความรู้ที่ผมมีตอนนี้ อาจจะยังไม่เก่งกล้า สมมติมีคนถามว่า
งั้น downtrend ทำไมไม่ ขายละ ณ.ปัจจุบัน 35
ผมเองก็จะตอบว่า ถ้า downside ของเป้าคือ 34 ซึ่งไม่รู้แนวรับอยู่หรือจะทะลุ
ถ้าใกล้ขนาดนี้ ผมรอแนวรับทะลุ แล้วผม short ตามจากหลุด 34 ผมน่าจะปลอดภัยกว่าหรือเปล่า???
แต่ถ้าตอนนี้ราคาสัก 37-38 risk ผมที่มันจะขึ้น คงไม่มากเพราะมีแนวต้าอยู่
และ downside ก็มีมากถึง 34 ผมก็ควรเล่นตรงนั้นมากกว่าหรือเปล่า???
อันนี้ก็บอกตามตรงว่า อะไรที่ไม่รู้จริงแบบตรงนี้ ผมก็ควรจะตอบว่า ผมไม่รู้ครับ
สรุปอีกสักรอบ
1. ทิศทาง ขอให้ดู confluent คอนเฟริ์มยืนยันกัน
2. กลยุทธ์ ขอให้ดู trade set up