* ตอนนี้ผมเชื่อว่า ยังมีคนอีกหลายๆ คน คิดว่า BTC รอบนี้ มันจะขึ้นจริงๆ เร้ออออ และยังไม่กล้าขึ้นรถกัน รวมถึงยังมองว่า "ขึ้นไปได้ไม่ไกลร้อก เดี๋ยวก็หัวทิ่มกลับลงมาใหม่ เดี๋ยวเราค่อยไปรอเข้าตอนมันย่อหนักๆ ดีกว่า แถวๆ 4000-6000"
* เอาจริงๆ มุมมองนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะผิดอะไร เพราะเราไม่สามารถ "ทำนาย" ตลาดได้ ว่ามันจะไปทางไหน และทุกๆ คนก็จะมี Bias ในใจกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะสาย นับเวฟ บางคน ที่อาจจะยังมองว่า การขึ้นรอบนี้ เป็นแค่การขึ้นไปทำ B เพื่อลง C แบบ new low กันเลยทีเดียว และรอจะซื้อของถูกๆ กันแถวๆ 2000-4000 โน่น
* แต่ว่า.. บางที BTC มันก็เล่นตลกกับเรา คือ ถึงแม้ว่า เราจะมองลงแค่ไหน มีแนวต้านในใจที่มองว่า มันไม่น่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ แค่ไหน ... แต่บทจะผ่าน มันก็ผ่านไปเฉยๆ แบบงงๆ
* โดยเคสที่ผมเจอมา คือช่วงปี 2019 ที่ผ่านมานี่แหละ ที่ระบบ Trend Following หลายๆ ระบบ เริ่มมีสัญญาณบอกให้เข้า แถวๆ เดือน Mar 2019 แต่เนื่องจาก ผมก็ยังไปยึดติด กับมุมมองขาลง และบทวิเคราะห์จากกูรู สายหมี ที่ทำนายว่าจะลงไป 2000 ทำให้ผมมองข้าม และไม่สน สัญญาณซื้อ ที่โผล่เข้ามาในกราฟแล้ว
* แต่ก็ยังดี ที่ผมเอง ก็ตัดสินใจเข้าซื้อเต็มเหนี่ยว ตอนมันทะลุจาก 4200 ขึ้นมา 5000 แบบรุนแรง เพราะเป็นการ confirm การกลับตัวระดับ weekly และมีโอกาสไปต่อสูงมาก
* ตอนที่มันทะลุขึ้นมา 5000 ผมจำได้ว่า กูรู สายหมี หลายๆ ท่าน บอกเลยว่า โอ้ย ไปต่อไม่ได้ไกลร้อก เดี๋ยวพอชน 6000 ก็ร่วงกลับลงมาทำ new low อีกอยู่ดี ..
* สุดท้าย มันทะลุ 6000 ไปแบบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมพอทะลุ 6000 ก็พุ่งอย่างบ้าคลั่ง ขึ้นไป 7000, 8000, 9000 ก่อนจะ correction แรงลงมารอบนึง มาที่ 7500 ก่อนไปต่อ จนถึง 14k...
* สุดท้าย คนที่มัวรอจังหวะเข้า เพราะไปยึดติดกับการนับเวฟ ก็เลยตกรถกันไปแบบโดยปริยาย.. และกว่าจะได้เข้าก็ช้าสุดๆ ไปแล้ว .. บางคนก็แทบจะได้ไปเข้าที่ยอดกันเลย ( โดยเฉพาะมือใหม่ที่เข้ามาด้วยความ FOMO ) ทำให้ตกรถกันไปโดยปริยาย
แล้วผมได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
===================
1) หาระบบเทรด มาใช้ อย่าไปใช้ระบบงานมโน อย่างการนับเวฟ ( หรือใช้ประกอบได้ แต่ต้องมีระบบที่ Backtest แล้วได้ผลที่เป็นบวก เอาไว้คุมอีกชั้นด้วย )
- ถ้าระบบ บอกให้เข้า ก็เข้าไปซะ อย่าไปอ้างโน่นอ้างนี่ว่า "แต่เราดูแล้ว มันน่าจะขึ้นแค่ wave B ลง C นี่นา.. รอดีกว่า"
- เพราะมันไม่มีใครสามารถเข้าที่ก้น ออกที่ยอด ได้ สิ่งที่เราทำดีที่สุดก็คือ เชื่อระบบ มันไปซะ แล้วก็ทำตามมันอย่างเคร่งครัด
- อย่างตอนนี้ เอาจริงๆ ผมเคยแจกระบบเอาไว้มากมายหลายแหล่ ถ้าใครเอาไปใส่กราฟ ก็จะเห็นว่า ตอนนี้ แทบทุกระบบที่ผมเคยแจก มีสัญญาณ "ซื้อ" แทบจะทุกตัวเลยด้วยซ้ำ
www.tradingview.com/u/Real_inwCoin/
- ถ้าเข้าแล้ว กราฟเปลี่ยนทิศ ต้องตัดขาดทุน ก็ยอมไป เพราะ การขาดทุน เป็นส่วนนึงของการทำตามระบบ อย่าไปกลัวขาดทุน ถ้ากลัวขาดทุน คุณก็จะไม่กล้าเสี่ยงเลย และจะมัวรออยู่นั่นแหละ
- และที่สำคัญ ระบบที่ดี ควรจะมีผล Backtest ที่เป็นบวก มีกำไร ซึ่งถ้าเรายังไม่เคย backtest ระบบนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการ backtest มือ หรือด้วย tradingview ก็อย่าเพิ่งไปมั่นใจว่า มันจะเป็นระบบที่จะทำกำไรได้ในระยะยาว
2) ถ้าเข้าแล้ว ก็หัดนั่งเฉยๆ ให้เป็น จะออก ก็ต่อเมื่อ ระบบ บอกให้ออก เท่านั้น
- หลายคน ที่เข้าตามอารมณ์ บางทีก็นั่งกันเฉยๆ ไม่เป็น พอราคาขึ้นมาหน่อย ก็รีบขายหมู แล้วก็ต้องไปวุ่นวายหาจังหวะเข้าใหม่ ที่ยอด
- พอเข้าที่ยอด เสร็จแล้ว ราคาลง ก็เครียดอีก สุดท้ายพอลงมากๆ ก็ต้อง stop ออกมา เนื่องจากกลัว แต่พอออกมาแล้ว ราคาก็เด้งกลับไปทันที
- ซึ่งคนส่วนใหญ่ ที่เทรดตามอารมณ์ ส่วนใหญ่ จะเจอสภาพนี้กันทั้งนั้น
- ซึ่งถ้าเรามีระบบเทรด สักระบบ มาคุม มาเหมือนเป็นเข็มทิศ ให้เรารู้ว่า ตรงไหนต้องซื้อ ตรงไหนต้องนั่งเฉยๆ ตรงไหนต้องขายทำกำไร เราก็จะไม่วอกแว่ก ลน เวลาที่ราคามันขึ้นไปเยอะๆ หรือลงไปหนักๆ
3) งด short -- อย่าทำเท่สวนเทรน แล้วพอแพ้ก็ไม่ยอมแพ้ ไปถัวสู้.. จะโดนลากจนพอร์ตแตกเอา
- สำหรับสาย daytrade บางทีเขาก็จะมี mindset ว่าจะต้องเทรดทำกำไรให้ได้ "ทุกวัน" วันไหนไม่ได้เทรด แล้วก็จะนอนไม่หลับ
- ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ผิดอะไร เพราะแต่ละคนก็จะมีกลยุทธ เล่นสั้นเล่นยาว ที่ต่างกันอยู่แล้ว
- แต่ปัญหาใหญ่ ของสาย daytrade บางคนที่ผมเห็นก็คือ.. ชอบไม่ทำตามแผน
- อย่างบางที แผนแรก จะ short แล้วตั้ง stop เอาไว้ พอมาชน ก็จะโดดหนี
- แต่เอาเข้าจริงๆ พอมันวิ่งไปคนละทางกับแผน พอเริ่มขาดทุน ก็เริ่มเสียดาย และคิดว่า "ทนอีกหน่อยล่ะกัน" แล้วก็ไปเปลี่ยนแผน แล้วก็เริ่มถัวสู้
- ซึ่ง ไอ้การถัวสู้ฝั่ง short ตอนตลาดกำลังเป็น trend ขาขึ้นเนี่ย... ผมบอกได้เลยว่า มันคือการฆ่าตัวตาย ชัดๆ
- เพราะความจริงอย่างนึง คือ การขาดทุน ฝั่ง short มันมีไม่จำกัด และเร็ว+แรงกว่า การขาดทุนทางด้านฝั่ง long อย่างเทียบกันไม่ได้
- ผมเคยเห็น สาย short ตอนปี 2019 ที่ไปถัวสู้ ตั้งแต่ 4200 ยัน 5000 ก็ยังไม่ยอมแพ้ และถัวไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนสุดท้ายก็พอร์ตระเบิด ... กำไรที่ได้มาทั้งหมดหายวับไปทันที
- ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำ เพื่อลดความเสี่ยง ก็คือ การ "งด short" ไปก่อน จนกว่า ทรงกราฟขาขึ้นจะเสีย .. หลังจากนั้น ค่อย short ก็ได้ โอกาสชนะจะสูงกว่าแล้ว
- หลักๆ ก็ควรรอจนกว่าพวก indicators สาย trend following มันบอกให้ออกซะก่อน ถึงค่อยเริ่ม short
- ตราบใด มันยังเป็นขาขึ้น ก็ให้ใช้กลยุทธ "ย่อแล้วซื้อ" แทน... เพราะเอาจริงๆ การถัวขาดทุนฝั่ง long ในช่วงขาขึ้น โอกาสที่มันจะพลิกกลับมาชนะ มันสูงกว่าการไปถัว short นะ 5555
ผมว่า หลักๆ เอาแค่ 3 ข้อนี้ก่อน ก็พอละ เพราะแค่นี้ก็เยอะมากพอแล้ว
ก็แชร์และแบ่งปัน ประสบการณ์ กันนะครับ ไม่ได้จะไปพาดพิงถึงใครเป็นพิเศษ ( ถึงจะดูเหมือนมึงพาดพิงก็เถอะ 555 )
ก็หวังว่า ทุกคน คงจะทำกำไรกันได้ อย่างมีระบบนะครับ
* เอาจริงๆ มุมมองนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะผิดอะไร เพราะเราไม่สามารถ "ทำนาย" ตลาดได้ ว่ามันจะไปทางไหน และทุกๆ คนก็จะมี Bias ในใจกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะสาย นับเวฟ บางคน ที่อาจจะยังมองว่า การขึ้นรอบนี้ เป็นแค่การขึ้นไปทำ B เพื่อลง C แบบ new low กันเลยทีเดียว และรอจะซื้อของถูกๆ กันแถวๆ 2000-4000 โน่น
* แต่ว่า.. บางที BTC มันก็เล่นตลกกับเรา คือ ถึงแม้ว่า เราจะมองลงแค่ไหน มีแนวต้านในใจที่มองว่า มันไม่น่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ แค่ไหน ... แต่บทจะผ่าน มันก็ผ่านไปเฉยๆ แบบงงๆ
* โดยเคสที่ผมเจอมา คือช่วงปี 2019 ที่ผ่านมานี่แหละ ที่ระบบ Trend Following หลายๆ ระบบ เริ่มมีสัญญาณบอกให้เข้า แถวๆ เดือน Mar 2019 แต่เนื่องจาก ผมก็ยังไปยึดติด กับมุมมองขาลง และบทวิเคราะห์จากกูรู สายหมี ที่ทำนายว่าจะลงไป 2000 ทำให้ผมมองข้าม และไม่สน สัญญาณซื้อ ที่โผล่เข้ามาในกราฟแล้ว
* แต่ก็ยังดี ที่ผมเอง ก็ตัดสินใจเข้าซื้อเต็มเหนี่ยว ตอนมันทะลุจาก 4200 ขึ้นมา 5000 แบบรุนแรง เพราะเป็นการ confirm การกลับตัวระดับ weekly และมีโอกาสไปต่อสูงมาก
* ตอนที่มันทะลุขึ้นมา 5000 ผมจำได้ว่า กูรู สายหมี หลายๆ ท่าน บอกเลยว่า โอ้ย ไปต่อไม่ได้ไกลร้อก เดี๋ยวพอชน 6000 ก็ร่วงกลับลงมาทำ new low อีกอยู่ดี ..
* สุดท้าย มันทะลุ 6000 ไปแบบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมพอทะลุ 6000 ก็พุ่งอย่างบ้าคลั่ง ขึ้นไป 7000, 8000, 9000 ก่อนจะ correction แรงลงมารอบนึง มาที่ 7500 ก่อนไปต่อ จนถึง 14k...
* สุดท้าย คนที่มัวรอจังหวะเข้า เพราะไปยึดติดกับการนับเวฟ ก็เลยตกรถกันไปแบบโดยปริยาย.. และกว่าจะได้เข้าก็ช้าสุดๆ ไปแล้ว .. บางคนก็แทบจะได้ไปเข้าที่ยอดกันเลย ( โดยเฉพาะมือใหม่ที่เข้ามาด้วยความ FOMO ) ทำให้ตกรถกันไปโดยปริยาย
แล้วผมได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
===================
1) หาระบบเทรด มาใช้ อย่าไปใช้ระบบงานมโน อย่างการนับเวฟ ( หรือใช้ประกอบได้ แต่ต้องมีระบบที่ Backtest แล้วได้ผลที่เป็นบวก เอาไว้คุมอีกชั้นด้วย )
- ถ้าระบบ บอกให้เข้า ก็เข้าไปซะ อย่าไปอ้างโน่นอ้างนี่ว่า "แต่เราดูแล้ว มันน่าจะขึ้นแค่ wave B ลง C นี่นา.. รอดีกว่า"
- เพราะมันไม่มีใครสามารถเข้าที่ก้น ออกที่ยอด ได้ สิ่งที่เราทำดีที่สุดก็คือ เชื่อระบบ มันไปซะ แล้วก็ทำตามมันอย่างเคร่งครัด
- อย่างตอนนี้ เอาจริงๆ ผมเคยแจกระบบเอาไว้มากมายหลายแหล่ ถ้าใครเอาไปใส่กราฟ ก็จะเห็นว่า ตอนนี้ แทบทุกระบบที่ผมเคยแจก มีสัญญาณ "ซื้อ" แทบจะทุกตัวเลยด้วยซ้ำ
www.tradingview.com/u/Real_inwCoin/
- ถ้าเข้าแล้ว กราฟเปลี่ยนทิศ ต้องตัดขาดทุน ก็ยอมไป เพราะ การขาดทุน เป็นส่วนนึงของการทำตามระบบ อย่าไปกลัวขาดทุน ถ้ากลัวขาดทุน คุณก็จะไม่กล้าเสี่ยงเลย และจะมัวรออยู่นั่นแหละ
- และที่สำคัญ ระบบที่ดี ควรจะมีผล Backtest ที่เป็นบวก มีกำไร ซึ่งถ้าเรายังไม่เคย backtest ระบบนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการ backtest มือ หรือด้วย tradingview ก็อย่าเพิ่งไปมั่นใจว่า มันจะเป็นระบบที่จะทำกำไรได้ในระยะยาว
2) ถ้าเข้าแล้ว ก็หัดนั่งเฉยๆ ให้เป็น จะออก ก็ต่อเมื่อ ระบบ บอกให้ออก เท่านั้น
- หลายคน ที่เข้าตามอารมณ์ บางทีก็นั่งกันเฉยๆ ไม่เป็น พอราคาขึ้นมาหน่อย ก็รีบขายหมู แล้วก็ต้องไปวุ่นวายหาจังหวะเข้าใหม่ ที่ยอด
- พอเข้าที่ยอด เสร็จแล้ว ราคาลง ก็เครียดอีก สุดท้ายพอลงมากๆ ก็ต้อง stop ออกมา เนื่องจากกลัว แต่พอออกมาแล้ว ราคาก็เด้งกลับไปทันที
- ซึ่งคนส่วนใหญ่ ที่เทรดตามอารมณ์ ส่วนใหญ่ จะเจอสภาพนี้กันทั้งนั้น
- ซึ่งถ้าเรามีระบบเทรด สักระบบ มาคุม มาเหมือนเป็นเข็มทิศ ให้เรารู้ว่า ตรงไหนต้องซื้อ ตรงไหนต้องนั่งเฉยๆ ตรงไหนต้องขายทำกำไร เราก็จะไม่วอกแว่ก ลน เวลาที่ราคามันขึ้นไปเยอะๆ หรือลงไปหนักๆ
3) งด short -- อย่าทำเท่สวนเทรน แล้วพอแพ้ก็ไม่ยอมแพ้ ไปถัวสู้.. จะโดนลากจนพอร์ตแตกเอา
- สำหรับสาย daytrade บางทีเขาก็จะมี mindset ว่าจะต้องเทรดทำกำไรให้ได้ "ทุกวัน" วันไหนไม่ได้เทรด แล้วก็จะนอนไม่หลับ
- ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ผิดอะไร เพราะแต่ละคนก็จะมีกลยุทธ เล่นสั้นเล่นยาว ที่ต่างกันอยู่แล้ว
- แต่ปัญหาใหญ่ ของสาย daytrade บางคนที่ผมเห็นก็คือ.. ชอบไม่ทำตามแผน
- อย่างบางที แผนแรก จะ short แล้วตั้ง stop เอาไว้ พอมาชน ก็จะโดดหนี
- แต่เอาเข้าจริงๆ พอมันวิ่งไปคนละทางกับแผน พอเริ่มขาดทุน ก็เริ่มเสียดาย และคิดว่า "ทนอีกหน่อยล่ะกัน" แล้วก็ไปเปลี่ยนแผน แล้วก็เริ่มถัวสู้
- ซึ่ง ไอ้การถัวสู้ฝั่ง short ตอนตลาดกำลังเป็น trend ขาขึ้นเนี่ย... ผมบอกได้เลยว่า มันคือการฆ่าตัวตาย ชัดๆ
- เพราะความจริงอย่างนึง คือ การขาดทุน ฝั่ง short มันมีไม่จำกัด และเร็ว+แรงกว่า การขาดทุนทางด้านฝั่ง long อย่างเทียบกันไม่ได้
- ผมเคยเห็น สาย short ตอนปี 2019 ที่ไปถัวสู้ ตั้งแต่ 4200 ยัน 5000 ก็ยังไม่ยอมแพ้ และถัวไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนสุดท้ายก็พอร์ตระเบิด ... กำไรที่ได้มาทั้งหมดหายวับไปทันที
- ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำ เพื่อลดความเสี่ยง ก็คือ การ "งด short" ไปก่อน จนกว่า ทรงกราฟขาขึ้นจะเสีย .. หลังจากนั้น ค่อย short ก็ได้ โอกาสชนะจะสูงกว่าแล้ว
- หลักๆ ก็ควรรอจนกว่าพวก indicators สาย trend following มันบอกให้ออกซะก่อน ถึงค่อยเริ่ม short
- ตราบใด มันยังเป็นขาขึ้น ก็ให้ใช้กลยุทธ "ย่อแล้วซื้อ" แทน... เพราะเอาจริงๆ การถัวขาดทุนฝั่ง long ในช่วงขาขึ้น โอกาสที่มันจะพลิกกลับมาชนะ มันสูงกว่าการไปถัว short นะ 5555
ผมว่า หลักๆ เอาแค่ 3 ข้อนี้ก่อน ก็พอละ เพราะแค่นี้ก็เยอะมากพอแล้ว
ก็แชร์และแบ่งปัน ประสบการณ์ กันนะครับ ไม่ได้จะไปพาดพิงถึงใครเป็นพิเศษ ( ถึงจะดูเหมือนมึงพาดพิงก็เถอะ 555 )
ก็หวังว่า ทุกคน คงจะทำกำไรกันได้ อย่างมีระบบนะครับ
- ถ้าอยากดูผล Backtest ของกลยุทธนี้ ให้เปิดผ่าน web browser บน PC นะครับ
- ถ้าอยากติดตามเพจ ก็เข้าไปไลค์ได้ที่ facebook.com/inwcoin
- ทุกบทวิเคราะห์ ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน เป็นเพียงการศึกษา Technical Analysis และบันทึกไว้เป็นหลักฐานของผมเองเท่านั้น
- ถ้าอยากติดตามเพจ ก็เข้าไปไลค์ได้ที่ facebook.com/inwcoin
- ทุกบทวิเคราะห์ ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน เป็นเพียงการศึกษา Technical Analysis และบันทึกไว้เป็นหลักฐานของผมเองเท่านั้น