USOUSD ไอเดียในการเทรด
Oil edges ร่วงลง หลังสหรัฐฯ ดันโอเปกให้สูบน้ำมากขึ้นOil edges ร่วงลง หลังสหรัฐฯ ดันโอเปกให้สูบน้ำมากขึ้น
สิ่งที่จะเกิดขึ้น?
น้ำมันร่วงลงในวันอังคารเนื่องจากกลุ่มโอเปกและพันธมิตรเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมในวันพุธท่ามกลางการเรียกร้องจากสหรัฐอเมริกาให้สูบน้ำมันดิบมากขึ้นแม้ว่าเบรนต์ยังคงซื้อขายได้ดีกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคายังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความกังวลว่าไฟฟ้าดับและน้ำท่วมในรัฐหลุยเซียนาหลังจากพายุเฮอริเคนไอดาจะลดความต้องการน้ำมันดิบจากโรงกลั่น
การคาดหวังในครั้งนี้?
น้ำมันดิบได้รับผลกระทบจากข้อมูลการผลิตที่อ่อนแอลงจากประเทศจีน ซึ่งกิจกรรมของโรงงานขยายตัวในอัตราที่ช้าลงในเดือนสิงหาคมเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
การวิเคราะห์ของราคา
ในส่วนของ WTI ยังคงมีการพักตัวระยะสั้นโดยในรอบวันมีการขยับตัว -1.14% และดูเหมือนมีการปรับตัวย่อตัวลงตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดังนั้นจับตาดูว่าจะมีการปรับตัวร่วงลงของ WTI หรือไม่โดยแนะนำควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 67.90 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลแนวรับที่สองก็คือ 67.26 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลแนวรับสุดท้ายก็คือ 66.81 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล
แต่ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 68.66 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลแนวต้านที่สองก็คือ 69.23 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลแนวต้านสุดท้ายก็คือ 69.76 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล
volume analysis for oilvolume analysis for oilvolume analysis for oilvolume analysis for oilvolume analysis for oilvolume analysis for oil
ประกาศสินค้าน้ำมันดิบการประกาศสินค้าคงคลังน้ำมันดิบสหรัฐอาจจะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันมีความผันผวน
ในช่วงเวลา 21:30 น. จะมีการประกาศสินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะจะมีการประกาศ คลังสินค้าน้ำมันดิบที่เมือง Cushing ซึ่งนักลงทุนจับตามองเช่นเดียวกันเนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ยังคงมีการคาดการณ์ว่าอาจจะประกาศน้อยกว่าครั้งก่อนอาจจะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันมีการฟื้นตัวขึ้น โดยที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์เอาไว้ว่าจะประกาศออกมา -1.271M ครั้งก่อนก็คือ 3.626M
ซึ่งทิศทางราคาน้ำมันทั้ง WTI และ Brent มีการฟื้นตัวขึ้นในรอบวันโดยเฉพาะ WTI มีการขยับตัวขึ้น +0.19% และดูเหมือนว่าอาจจะมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยปัจจัยหลักที่มีการฟื้นตัวขึ้นนั้นก็คือทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่มีการขยับตัวสูงขึ้นในหลายชั่วโมงที่ผ่านมาดังนั้นนักลงทุนอาจจะจับตาดูว่าการประกาศครั้งนี้จะส่งผลทำให้ WTI มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่
WTI มีการฟื้นตัวขึ้นในราคาดังกล่าวดังนั้นถ้ามีการประกาศออกมาน้อยกว่าครั้งก่อนอาจจะส่งผลทำให้มีการขยับตัวขึ้นจึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 68.51 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลแนวต้านที่สองก็คือ 69.76 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลแนวต้านสุดท้ายก็คือ 70.42 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล
แต่ถ้ามีการปรับตัวลงแนวรับแรกก็คือ 67.04 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลแนวรับที่สองก็คือ 69.38 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลแนวรับสุดท้ายก็คือ 65.67 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของทิศทางของราคาน้ำมัน : ปัจจัยหลักยังคงเป็นดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่สะท้อนให้เห็นถึงว่าราคาน้ำมันจะสูงขึ้น ไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่เนื่องจากว่าปัจจัยนี้จะส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าอาจจะมีการใช้น้ำมันมากขึ้นดังนั้นจึงควรติดตามปัจจัยนี้อย่างใกล้ชิดประกอบกับการประกาศตัวเลขน้ำมันในหลายภาคส่วน
USOIL 30 กรกฎาคม 2564พิจารณาไทม์เฟรม week (TW) ในมุมมอง EW ราคาอยู่ในสถานะคลื่น c ของ motive wave ชุดแรก แต่ indicator RSI เริ่มอ่อนแรง เกิดสัญญาณ Bearish Divergence มีโอกาสทำให้ขา c ที่พิจารณาอาจจะ failure (ไม่ทำ new high) ดังนั้นควรจะโฟกัสเพื่อดูสัญญาณการกลับตัวใน supply zone 1 และ 2 ควบคู่กับสัญญาณ RSI ใน TH4 ประกอบการตัดสินใจเข้า short ในระยสั้น ที่ราคา 74-75 แต่หากมีแรงซื้อเข้ามามาก ราคามีโอกาสทำ new high ไปราคา 78.00 เพื่อให้ครบชุด motive wave ของคลื่น 1 ใน cycle ใหม่
# มุมมองส่วนตัว
# มือใหม่หัดเทรด
# วาดเส้นเล่นกราฟ
# Trader Investing Hub (TIZ)
น้ำมันดิบที่สูงขึ้นจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสินค้าคงคลังที่ลดลงสิ่งที่จะเกิดขึ้น?
ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี โดยพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางสัญญาณของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สินค้าคงเหลือในกลุ่มผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของโลกลดลงอีกครั้ง
ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ ซื้อขายเพิ่มขึ้น 0.4% ที่ 72.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาเบรนท์เพิ่มขึ้น 0.6% เป็น 74.27 ดอลลาร์
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า RBOB น้ำมันเบนซินของสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 0.7% ที่ 2.2990 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เผยแพร่เมื่อต้นวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตรา 6.5% ต่อปีในไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากโปรแกรมการฉีดวัคซีนกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง แม้ว่าจะน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ 8.5% แต่ก็ยังเพิ่มขึ้นจากอัตรา 6.3% ที่แก้ไขในไตรมาสแรก
กองทุนการเงินระหว่างประเทศในวันอังคารได้เพิ่มการคาดการณ์การเติบโตของสหรัฐเป็น 7.0% ในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ 6.4% ในเดือนเมษายนซึ่งจะแสดงถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2527
การคาดหวังในครั้งนี้?
อย่างไรก็ดีจากราคาน้ำมันที่มีการฟื้นตัวขึ้นยังคงมีการคาดหวังถึงเศรษฐกิจฟื้นตัวโดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์และดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่มีการขยับตัวสูงขึ้นส่งผลทำให้ราคาน้ำมันมีการขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องดังนั้นในการคาดหวังในครั้งนี้ต้องจับตาดูว่ามาตรการการอัดฉีดเม็ดเงินอย่างต่อเนื่องจะส่งผลทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการขยับตัวสูงขึ้นหรือไม่ถ้าดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการขยับตัวสูงขึ้นราคาน้ำมันจะมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การวิเคราะห์ของราคา
WTI มีการฟื้นตัวขึ้นในรอบวัน +1.37% และดูเหมือนว่าอาจจะมีการขยับตัวสูงขึ้นโดยปัจจัยหนุนที่มีการฟื้นตัวขึ้นนั้นก็คือดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่มีการขยับตัวสูงขึ้นดังนั้นถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นจึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 73.68 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลแนวต้านที่สองก็คือ 74.22 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลและแนวต้านสุดท้ายก็คือ 74.86 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล
แต่ถ้ามีการปรับตัวลงแนวรับสำคัญแรกก็คือ 72.30 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลแนวรับที่สองก็คือ 71.63 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลแนวรับสุดท้ายก็คือ 71.13 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล
USOIL มีโอกาสปรับตัวลงราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวลงสูง เนื่องจากราคาได้ขึ้นไปทดสอบแนวต้านระดับ month ของปี 2018 ตามภาวะเศรษฐกิจโลกจึงไม่น่าจะปรับตัวขึ้นได้สูงกว่านี้ ปัจจุบันนราคาได้ปรับตัวลงมาเป็น correction ชุดแรก ABC จากหนั้นรีบาวน์ขึ้นใน ระดับ 61.8 ของ Fibo ที่ราคา 72.30 หากไม่ทะลุราคาที่แนวรับนี้ จึงมีโอกาสสูงที่จะปรับตัวลงเป็น correction ขุดทั้งไปเพื่อทดสอบโลว์ก่อนหน้าที่ราคา 65.00 ในระยะยาว
# มือใหม่หัดเทรด
# วาดเส้นเล่นกราฟ
# Trader investing Hub (TIH)
น้ำมันพุ่งแตะระดับสูงน้ำมันพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบสองปีซึ่งกลุ่มโอเปคและพันธมิตรยืนยันการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป
กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่มีอำนาจที่สุดในโลกบางส่วนตกลงกันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าจะดำเนินการลดการผลิตน้ำมันอย่างค่อยเป็นค่อยไปท่ามกลางความฟื้นตัวของราคาน้ำมัน
โอเปคและพันธมิตรผู้ผลิตน้ำมันท ที่รู้จักกันในชื่อ OPEC+ จะเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนกรกฎาคมตามการตัดสินใจของกลุ่มในเดือนเมษายนที่จะคืน 2.1 ล้านบาร์เรต่อวัน สู่ตลาดระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม
นโยบายการผลิตที่เกินเดือนกรกฎาคมไม่ได้ถูกกำหนดไว้ในกลุ่มและจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 1 กรกฎาคม 2021
โดยราคาน้ำมันฟิวเจอร์ซึ่งเป็นน้ำมันดิบ Brent ตามมาตรฐานสากลที่ซื้อขายอยู่ที่ 71.17 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลในวันอังคารเพิ่มขึ้น 2.7% ในขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate อยู่ที่ 68.65 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลซึ่งได้รับมากกว่า 3% และเป็นระดับสูงสุดของสัญญาในรอบระหว่างสองปีซึ่งมีการขยับตัวขึ้นถึง 30% ในปีนี้
ซึ่งในกลุ่มผู้มีธิพลในตะวันออกกลางซึ่งรับผิดชอบในการผลิตน้ำมันมากกว่าหนึ่งในสามของโลกกำลังพยายามสร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นที่คาดไว้กับศักยภาพในการเพิ่มผลผลิตของประเทศอิหร่าน
ซึ่งพันธมิตรได้มีการประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ในปี 2020 เพื่อพยายามพยุงราคาน้ำมันเมื่อการระบาดของไวรัส โควิด-19 ใกล้เคียงกับอุปสงค์ใน ประวัติศาสตร์การผลิตน้ำมัน
โดยปัจจัยนี้ทำให้ทิศทางราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและในรอบหลายชั่วโมงที่ผ่านมามีการขยับตัวสูงขึ้นในการเทรดน้ำมันจึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นในกรอบแนวต้านของราคาน้ำมัน แนวต้านแรกก็คือ 68.15 และแนวต้านสุดท้ายก็คือ 68.75
แต่ถ้ามีปัจจัยทำให้ราคาน้ำมันมีการย่อตัวลงแนวรับสำคัญแรกก็คือ 67.52 แนวรับที่สองก็คือ 66.78 แนวรับสุดท้ายก็คือ 66.39
ปัจจัยเสี่ยงต่อทิศทางราคาน้ำมันที่จำเป็นจะต้องติดตามก็คือ : ทิศทางราคาน้ำมันมักจะมีความ 1000 ผวนไปตามอุปสงค์และอุปทานอย่างไรก็ดีในช่วงนี้ต้องติดตามการประกาศสินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐอเมริกาของการประชุมที่จะมีการประชุมเพิ่มเติมอีกครั้งในวันที่ 1 กรกฎาคม 2021 ต้องติดตามว่าการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันนั้นจะมีขึ้นต่อเนื่องหรือไม่
WTI จะขึ้นไปถึง 80 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลหรือไม่GoldMam Sachs คาดว่าราคาน้ำมันขึ้นสูงต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs มีความมั่นใจเกี่ยวกับอุปสงค์ในตลาดน้ำมันโดยจากข้อมูลเหล่านี้ 75% ของการฟื้นตัวของอุปสงค์ซึ่งมาจากประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศจีน ทั้งความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากในการกระตุ้นให้มีการใช้น้ำมันอย่างมากขึ้น และยังคงเป็นปัจจัยที่เป็นปัจจัยบวกสำหรับราคาน้ำมันโดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการเดินทางระหว่างประเทศ
โกลด์แมนแซคส์กล่าวว่าการฟื้นตัวของอุปสงค์ในตลาดที่พัฒนาแล้วจะชดเชยการบริโภคที่นำโดยโคโรนาไวรัสเมื่อเร็ว ๆ นี้และมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวช้าลงในเอเชียใต้และละตินอเมริกา ความต้องการทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปีโดยส่วนใหญ่น่าจะเพิ่มขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้า"การเคลื่อนย้ายกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเนื่องจากการฉีดวัคซีนเร่งและการหยุดชะงักถูกยกขึ้นพร้อมกับการขนส่งสินค้าและกิจกรรมทางอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นด้วย" บันทึกกล่าว
ซึ่งถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 66.06 ถ้าสามารถทะลุแนวต้านนี้ขึ้นไปได้แนวต้านที่สองก็คือ 66.79 และแนวต้านสุดท้ายก็คือ 67.76
แต่ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 65.28 แนวรับที่สองก็คือ 64.56 แนวรับสุดท้ายก็คือ 63.93
ปัจจัยเสี่ยงของทิศทางราคาน้ำมัน : WTI ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงถึงดัชนีดาวโจนส์ที่อาจจะยังติดตามความผันผวนของดัชนีดาวโจนส์จะมีความผันผวนจากปัจจัยอะไรโดยเฉพาะปัจจัยที่มี การลดการอัดฉีดเป็นเงินของธนาคารกลางสหรัฐที่อาจจะส่งผลทำให้ดัชนีดาวโจนส์มีการปรับตัวลงและจะทำให้ความต้องการของน้ำมันมีการปรับตัวลงในระยะสั้นจึงควรติดตามอย่างใกล้ชิด
ย้ำว่าปัจจัยที่จะส่งผลทำให้ทิศทางของราคาน้ำมันมีการขยับตัวขึ้นนั้นต้องติดตามดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์อย่างใกล้ชิดในสัปดาห์นี้