ไอเดียการซื้อขาย
BTCUSD : ระบบ Break 52Days high มีสัญญาณ"ขาย" 28/12/2024อธิบาย : ระบบ Break 52Days High เป็นระบบที่จะดู High ย้อนหลังของแท่งเทียน เป็นเวลา 52 วัน และตีเส้นราคาลากมาเรื่อยๆ จนกว่าเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งเหนือกว่าเส้น 52 วันย้อนหลัง ระบบก็จะมีสัญญาณซื้อ ส่วนสัญญาณขายจะใช้ MA 52 วัน เพื่อตัดสินใจ โดยเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งต่ำกว่าเส้น MA52 ก็จะมีสัญญาณขาย นั่นเอง
ระบบนี้ดัดแปลงไอเดียมาจาก Break 52 Weeks High ที่ใช้กับตลาดหุ้น แต่ว่ามาใช้กับคริปโตแล้วมันช้าเกิน ก็เลยลองลดเหลือเป็น 52 วันแทน ก็ให้ผลที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะหลายๆ ครั้งระบบนี้ก็ช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาเข้าๆ ออกๆ ตอนตลาด sideway down หรือขาลงจ๋าๆ เพราะเราจะนั่งเฉยๆ ตลอดทางนั่นเอง ( เหมือนกับ 5 เดือนที่ผ่านมา )
ความเห็นของผม : หลังจาก ยึกๆ ยักๆ กันมาเป็นเดือน ในที่สุดก็เริ่มเสียทรงและทำให้ระบบแดงกันไปอีกระบบจนได้ครับ ถ้ามองว่าเป็นการปิดจ๊อบของปี 2024 ผมว่าก็น่าสนใจดีเหมือนกัน ขายออกมาก่อน reset ทุกระบบ ปีหน้าว่ากันใหม่ อย่างน้อยๆ ปีนี้ก็มีกำไรกันถ้วนหน้าแล้ว
BTC BreakHigh = เขียว ( 15/10/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
Exit : 61000 (-7.5%)
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )*
* ปัดเศษเพื่อความง่ายต่อการคำนวณ
BTC BreakHigh = แดง ( 28/12/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
TP : 94300 ( +42.87%)
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )*
Actual Profit = 13%*42.87% = 5.57% (5.5R)
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2024 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(8Feb-17Mar) ATR = +6.61% ที่ความเสี่ยง 1% ( 6.61R )
(9Apr-14Apr) ATR = -1.06% ที่ความเสี่ยง 1% (-1.06R )
(10Feb-14Apr) BreakHigh = +4.94% ( 4.94R )
(2Feb-17Apr) ActionZone = +9.6% ( 9.6R )
(16May-15Jun) ATR = -0.023%
(19May-18Jun) ActionZone = -0.059%
(1Jan-25Jun) EMA120DCross = +5.95% ( 5.95R )
(16Jul-3Aug) ATR = -0.5%
(16Jul-3Aug) EMA120DCross = -0.5%
(20Jul-5Aug) ActionZone = -0.9%
(24Aug-27Aug) EMA120DCross = -0.7%
(26Aug-30Aug) ActionZone = -0.75%
(24Aug-2Sep) ATR = -1.04%
(14Sep-2Oct) ATR = +0.05%
(19Sep-2Oct) EMA120DCross = -0.155%
(25Sep-2Oct) BreakHigh = -0.538%
(15Oct-23Dec) ATR = 5.74%
(15Oct-28Dec) BreakHigh = 5.57%
(19Sep-???) ActionZone = ?%
(15Oct-???) EMA120D = ?%
Sum กำไรสะสมของปี 2024 = 26.66% + 5.57% = 32.23% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง
* โดยกำไรด้านบน ยังไม่ใช่กำไรสุทธิ เพราะยังเหลืออีก 2 ระบบที่ยังไม่ได้ realized profit นะครับ ซึ่งตอนนี้อีก 2 ระบบที่เหลือมีกำไรรวมราวๆ +10.9% ถ้ารวมกับยอดที่ realized ไปแล้วอีก 32.23% ในปีนี้ก็มีกำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 43.13% ครับ สำหรับความเสี่ยง 4% ก็ตีคร่าวๆ ก็เกือบ 11R เลยนะ ถือว่าเป็นปีที่ดีมากๆ ปีนึงครับ
ฝึกอ่านกราฟแนวฏโน้มSWเทรดSWวอลุ่มเข้ามาให้พอเทรดได้แต่เก็บได้ไม่ไกลเข้าต้นทางก็เก็บได้สัก300-500จุดแต่เอาเข้าจริงไม่มีใครเก่งขนาดเข้าได้เป๊ะๆหรอกส่วนใหญ่เข้าปุ๊บก็โดนลากปั๊บฉะนั้นแผนรอบเช้าเก็บสั้นๆ50-100จุดเบิ้ลไม้หรือออกLOTใหญ่ๆไปเลยSL TP 1:1ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะทะลุหรือใกล้เส้นฟ้าทึบเฝ้าระวังก็รอดูPAใหม่อีกครั้งก่อนค่อยเริ่มต้นกันใหม่รอบบ่ายๆ
BTCUSD : ระบบ ATR Trend Following มีสัญญาณ "ขาย" 23/12/2024อธิบาย : ระบบ ATR Trend Following ใช้หลักการง่ายๆ คือ เอา ATR x multiplier มาตีกรอบราคาที่จะแกว่งของ BTC ถ้าทะลุกรอบ ก็จะเกิดการ flip ของสัญญาณ เช่น จากซื้อเป็นขาย หรือจากขาย เป็นซื้อ เป็นต้น
ความเห็นของผม : รอบนี้ถ้าเรามอง%ของการขึ้น ก็ถือว่าเป็น % ที่เยอะมากอยู่ครับ โดย BTC ขึ้นไปสูงถึง +44% รวมถึงเป็นรอบการขึ้นที่ค่อนข้างนานอีกด้วย นั่นก็คือ กินเวลาไปราวๆ 2 เดือน และยังไม่พอ ยังทำ ATH ทะลุหน้าประวัติศาสตร์ 100k ที่หลายๆ คนมองว่า มันจะไปถึงได้ไงวะ ( รวมถึงตัวผมเองด้วยครับ 55 )
แต่ก็นั่นแหละ มันก็ไม่มีอะไรขึ้นไปได้ตลอด มีขึ้นก็มีลง เป็นเรื่องปกติ และในวันนี้ BTC Daily Trend ก็เปลี่ยนมาเป็นขาลงเรียบร้อยแล้ว จริงๆ เปลี่ยนมาเป็นขาลงตั้งแต่มันหลุด EMA18D แล้วไม่กลับขึ้นไปเลย ตั้งแต่วันที่ 19/12/2024 แล้วครับ แต่ก็ยื้อๆ ขอบล่างของ ATR มาหลายวัน จนเพิ่งจะมาหลุดวันนี้นี่แหละ
หลังจากนี้ มันก็จะมีทางเลือกแค่ 2 ทางเท่านั้น ก็คือ ไม่ขึ้น ก็ลงต่อ ถ้ามันจะกลับขึ้นไปใหม่ได้ มันก็ต้องไปปิดแท่งเหนือขอบบนของ ATR ที่ 105k ถ้าเราทำตามระบบ เราก็แค่เข้าใหม่เท่านั้นเองครับ แต่ ถ้ามันลงต่อ เราก็สบายๆ ตัวละ เพราะก็ได้ทยอยขายออกไปแล้วไม้นึง ตามระบบ ก็สามารถ lock กำไรไว้ได้เรียบร้อยแล้วนั่นเอง 55 ก็รอดูกันไปนะครับ ว่าจะไปทางไหนต่อ ขึ้นก็ได้ ลงก็ดี ไม่มีปัญหา :D
BTC ATR = เขียว ( 15/10/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
Exit : 61000 (-7.5%)
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )*
* ปัดเศษเพื่อความง่ายต่อการคำนวณ
BTC ATR = แดง ( 23/12/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
TP : 95186 ( +44.22% )
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )
Actual Profit = 13%*44% = 5.75% (5.7R)
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2024 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(8Feb-17Mar) ATR = +6.61% ที่ความเสี่ยง 1% ( 6.61R )
(9Apr-14Apr) ATR = -1.06% ที่ความเสี่ยง 1% (-1.06R )
(10Feb-14Apr) BreakHigh = +4.94% ( 4.94R )
(2Feb-17Apr) ActionZone = +9.6% ( 9.6R )
(16May-15Jun) ATR = -0.023%
(19May-18Jun) ActionZone = -0.059%
(1Jan-25Jun) EMA120DCross = +5.95% ( 5.95R )
(16Jul-3Aug) ATR = -0.5%
(16Jul-3Aug) EMA120DCross = -0.5%
(20Jul-5Aug) ActionZone = -0.9%
(24Aug-27Aug) EMA120DCross = -0.7%
(26Aug-30Aug) ActionZone = -0.75%
(24Aug-2Sep) ATR = -1.04%
(14Sep-2Oct) ATR = +0.05%
(19Sep-2Oct) EMA120DCross = -0.155%
(25Sep-2Oct) BreakHigh = -0.538%
(15Oct-23Dec) ATR = 5.74%
(19Sep-???) ActionZone = ?%
(15Oct-???) BreakHigh = ?%
(15Oct-???) EMA120D = ?%
Sum กำไรสะสมของปี 2024 = 20.91+5.75 = 26.66% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง
* โดยกำไรด้านบน ยังไม่ใช่กำไรสุทธิ เพราะยังเหลืออีก 3 ระบบที่ยังไม่ได้ realized profit นะครับ ซึ่งตอนนี้อีก 3 ระบบที่เหลือมีกำไรรวมราวๆ +16.76% ถ้ารวมกับยอดที่ realized ไปแล้วอีก 26.66% ในปีนี้ก็มีกำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 43.42% ครับ สำหรับความเสี่ยง 4% ก็ตีคร่าวๆ ก็เกือบ 11R เลยนะ ถือว่าเป็นปีที่ดีมากๆ ปีนึงครับ
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปแนวโน้มกราฟยังมองดูเป็นขาขึ้นจังหวะที่มันจะลงมายังไม่มีเลยถ้าจะเทรดแบบดีๆก็ต้องรอย่อกลับลงมาก่อนแล้วค่อยบายแต่กว่าจะได้เทรดวันนี้คงไม่ได้ไม้แน่นอนถ้าจะเก็บสั้นๆนะเก็บได้ในทางเต็มที่เล็กๆ m5 ในกรอบราคา 102,598 ถึง 102995 เก็บสั้นๆได้ 100-200 จุดก็ปิด
เป็นการฝึกหาจุดเข้าซื้อส่วนตัวเท่านั้นห้ามเทรดตามเป็นอันขาดTradingviewเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องให้พิมพ์ข้อความมันช้าเสียเวลามาก
ปกติจะอธิบายด้วยข้อความเสียงแล้วจึงcopyข้อความอธิบายลงมามันสะดวกรวดเร็วและไม่บดบังอารมณ์ที่วิเคราะห์ ณ ขณะนั้น
ฉะนั้นนับจากโพสนี้จะไม่อธิบายอะไรแล้วขอให้ผู้ที่เห็นภาพการวิเคราะห์ต่อจากนี้ดูภาพอย่างเดียวนะครับ
BTC Moon's Signal 20/09/2024 มีสัญญาณ"ซื้อ"รอบใหม่ปรากฏแล้ว!!!BTC ราคาได้ดีดตัวขึ้นเหนือแนวต้านสำคัญที่ 61,786.24 แสดงสัญญาณ”ซื้อ”รอบใหม่!!
ควรหาจังหวะเข้าซื้อในกรอบราคา 57,493.30 - 61,786.24
สัญญานซื้อปรากฏเมื่อราคาเหนือแนวต้านสำคัญที่ 61,786.24 🔵
ควรตัดขาดทุนเมื่อราคาต่ำกว่าแนวรับสำคัญที่ 57,493.30 🟠
ไอเดียเป็นการวิเคราะห์ ล่วงหน้า อาจจะไม่เป็นจริงตามวิเคราะห์ก็ได้ วิเคราะห์และยอมรับความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนด้วยนะครับ
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปพอเราได้กรอบใหญ่เอาไว้แล้วเราก็มาบีบกรอบที่เล็กลงแล้วก็หาจุดเข้าในรูปแบบที่ร่ำเรียนมาในรูปแบบภาพจำที่เราเคยจำได้ว่ามันเคยได้เงินแบบไหนก็ลองทำแบบนั้นดูทำซ้ำๆดูฝึกไปฝึกมานั่นแหละครับที่สำคัญมันก็คือ money management จะเบิ้ลlotออกlotไซส์ใหญ่อะไรทุกอย่างมันเป็นเรื่องของตัวเรากำหนดทุกอย่างก็ต้องมานี่ไม่ได้เม้นแล้วก็ฝึกหาจุดเข้าแม่นๆให้ติดลบให้น้อยพยายามหาจุดเข้าที่เข้าแล้วฟ้าเลยแล้วก็รีบปิดเก็บสั้นๆไปก่อนไปเรื่อยๆมีทุนใหญ่เมื่อไหร่ก็ค่อยๆดึงเกมใหญ่ขึ้นทามเฟรมที่ใหญ่ขึ้นมันก็ทำให้เรามีเวลาในในการไปทำงานอย่างอื่นแล้วก็ตั้งออเดอร์เอาไว้ไม่ต้องเข้ามาดูบ่อยมากเหมือนเมื่อก่อน
EP07:จาก Adaptive.Simple/Simple สู่ Quantitative Strategy ต่อไปการพัฒนา Quantitative Strategy บน TradingView เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ใช้ตัวเลขและสถิติมาช่วยในการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น การคำนวณผลตอบแทน ความเสี่ยง หรือการวิเคราะห์เชิงปริมาณผ่าน Pine Script ซึ่งเป็นภาษาสำหรับเขียนโค้ดที่ TradingView ใช้ โดยสามารถทำได้ดังนี้:
1. เริ่มต้นเขียน Quantitative Strategy บน Pine Script Strategy
2. เพิ่มการคำนวณเชิง Quantitative
- Sharpe Ratio : ใช้วัดผลตอบแทนต่อความเสี่ยง
- Drawdown : เพื่อดูช่วงขาดทุนสูงสุดของกลยุทธ์
- Optimization : ปรับค่าพารามิเตอร์ให้เหมาะสมที่สุด
3. ทดสอบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ ใช้ Strategy Tester บน TradingView เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ เช่น:
- Profit Factor
- Win Rate
- Net Profit
ทดสอบบนข้อมูลย้อนหลัง (Backtest) และทดลองปรับค่าต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับตลาด
4. ใช้ข้อมูล Quantitative ที่ลึกขึ้น สำหรับการวิเคราะห์ Quantitative ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น สามารถนำข้อมูลจากภายนอก เช่น Python หรือ R มาช่วยวิเคราะห์เชิงลึก แล้วกลับมาใช้ Pine Script เพื่อประมวลผลบนกราฟได้
ดังนั้นบทต่อไปจากการขิงความง่ายๆจะเป็นการขิงความยากครับ 55555 ขิงเกิ้น...
1. องค์ประกอบของระบบ Quantitative
1.1 Data Collection
ใช้ Pine Script ดึงข้อมูลราคา เช่น Open, High, Low, Close (OHLC) หรือข้อมูล Volume
คำนวณตัวชี้วัดเชิงลึก เช่น ATR, RSI, หรือ Beta ของหุ้น (สินทรัพย์นั้นๆ)
1.2 Quantitative Indicators
ใช้ตัวชี้วัดทางสถิติ เช่น:
- ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average)
- ความผันผวน (Volatility)
- การแจกแจงความถี่ (Probability Distribution)
1.3 Risk Management
วางระบบจัดการความเสี่ยง เช่น:
- กำหนด Risk per Trade
- การตั้ง Stop Loss และ Take Profit
- วัด Maximum Drawdown
1.4 Performance Metrics
สร้างตัวชี้วัดเพื่อประเมินผล เช่น:
- Sharpe Ratio
- Sortino Ratio
- Calmar Ratio
2. ตัวอย่างระบบ Quantitative เชิงลึก
2.1 โครงสร้างพื้นฐาน
เริ่มต้นด้วยโค้ดระบบที่รวมเอาส่วนประกอบทั้งหมด:
3. การวิเคราะห์และขยายระบบ
3.1 Multi-Timeframe Analysis
รวมข้อมูลจากหลาย Timeframe เช่น การใช้ข้อมูล Daily ควบคู่กับ 1 Hour เพื่อเพิ่มความแม่นยำ:
3.2 Machine Learning Integration
นำผลลัพธ์ของ Pine Script ส่งออกไปยัง Python ผ่าน Webhook หรือ API เพื่อปรับปรุงโมเดลด้วย Machine Learning เช่น Decision Trees หรือ Neural Networks
3.3 Portfolio Optimization
สร้างระบบที่สามารถจัดการพอร์ตการลงทุนแบบ Dynamic โดยใช้หลักการ Quantitative เช่น Markowitz Portfolio Theory หรือ Risk Parity
4. การจัดการ Backtesting เชิงลึก
ใช้ Strategy Tester ของ TradingView เพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์
วัดผลบนข้อมูลหลายช่วงเวลา (Walk-Forward Analysis)
ใช้ Monte Carlo Simulation เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของกลยุทธ์
5. สร้างอินดิเคเตอร์เฉพาะตัว (Custom Indicators)






















