BTCUSDT.3S ไอเดียในการเทรด
BTC 15 M 05.11.2024Sell : รอราคา tap Sell POI ลงต่อ เป้าหมาย last POI buy
Buy: ราคา tap last POI Buy ถ้ามีสัญญาณ Bullish เป้าหมายแรกน่าจะไปถึง POI Sell ที่ยังไม่ถูก tap
CHoch: ราคา BOS H ล่าสุดแล้วขึ้นต่อไปได้ เป้าหมายน่าจะถึง H สูงสุด
แต่ระวัง
1. fake BOS
2.ราคา tap Unmitigated POI sell zone ราคาอาจมีการย่อตัวลง
หรืออาจกลับมาลงต่อจน take Day IDM
BTCUSD กราฟยังไม่เบรกต้านทะลุ ATH 73000Bitcoin บิตคอยน์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยาน 73,000 ดอลลาร์ ปิดแท่งเขียวเดือนตุลาคม นักลงทุนจับตา! Bitcoin ส่งสัญญาณซื้อ หลังปิดแท่งเขียวรายเดือนต่อเนื่อง 2 ครั้ง
Bitcoin ในเดือนพฤศจิกายนยังดูเป็นขาขึ้นเนื่องจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้น คาดว่าผลที่ตามมาของการเลือกตั้งจะนำความแน่นอนมาสู่ตลาดคริปโต ซึ่งอาจทำให้ Bitcoin พุ่งสูงขึ้น
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BTC อาจพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 90,000 ดอลลาร์ หาก Donald Trump ชนะ ในขณะเดียวกัน เขาก็กล่าวว่ามีโอกาสที่คริปโตเรือธงนี้อาจร่วงลงไปถึง 65,000 ดอลลาร์
แนวรับแนวต้านที่สำคัญ
แนวต้าน
73,000
70,000
68,000
แนวรับ
65,000 แนวรับ
55,000 แนวรับ
50,000 แนวรับ
แนวทางการเทรด
1. หากราคามีสัญญาณกลับตัวบริเวณ 68,000 ให้หาจังหวะในการเข้าขาย (ซื้อ BUY) โดยเก็บกำไรระยะสั่น บริเวณต้าน 70,000 หรือตามแนวรับต้าน
2. หากราคามีสัญญาณกลับตัวบริเวณ 68,000 ให้หาจังหวะในการเข้าขาย (ขาย SELL) โดยเก็บกำไรระยะสั่น บริเวณรับ 45,000 หรือตามแนวรับต้าน
Gravestone Doji
Gravestone Doji เป็นรูปแบบที่ตรงข้ามกับ Dragonfly Doji โดยแท่งเทียน Gravestone Doji นั้นมีราคาเปิด ราคา ต่ำสุด และราคาปิดในระดับเดียวกันโดยมี ไส้เทียนด้านบนที่ยาวมาก รูปแบบนี้แสดง ให้เห็นว่าในตอนแรกผู้ซื้อดันราคาให้สูงขึ้น แต่ผู้ขายก็สามารถกดราคาลงสู่ระดับ ราคาเปิดได้ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสัญญาณ การกลับตัวเป็นขาลง หากมันปรากฏขึ้น ตรงจุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้น
คลื่น
ตอนนี้ดูเหมือนจะเข้าสู่ช่วงของคลื่นปรับฐาน (corrective waves) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรูปแบบ ABC ซึ่งคาดว่าคลื่น B จะเกิดขึ้นหลังจากการปรับตัวลงมา
Fibonacci Retracement
มีการใช้ Fibonacci retracement เพื่อประเมินแนวรับที่สำคัญ โดยค่า retracement ของ 0.618 อยู่ที่ราคาประมาณ 56,671 USDT และ 0.786 อยู่ที่ 53,248 USDT ซึ่งเป็นบริเวณที่น่าสนใจในการเข้าซื้อหรือดูการกลับตัวของราคา
การวิเคราะห์จุดซื้อ (Buy)
จุดน่าสนใจในการซื้ออยู่ที่บริเวณแนวรับ Fibonacci retracement ระดับ 0.618 และ 0.786 (บริเวณราคา 56,671 - 53,248 USDT) ซึ่งเป็นระดับที่มักจะเป็นจุดกลับตัวของราคาตามทฤษฎี Elliott Wave
การวิเคราะห์จุดขาย (Sell)
จุดขายน่าสนใจอาจอยู่ที่บริเวณแนวต้านของคลื่น (5) ที่ 69,262 USDT หรือที่ระดับ Fibonacci Extension ที่ 1.272 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 79,282 USDT (คาดการณ์จากคลื่นต่อไป)
กลยุทธ์ที่ควรพิจารณา
หากราคายังอยู่ในช่วงปรับฐาน (ABC) คุณอาจรอซื้อที่จุดกลับตัวบริเวณ 0.618 หรือ 0.786 แล้วถือจนกว่าราคาจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของคลื่นใหม่ (จุดขายที่กล่าวไว้)
ควรใช้การวิเคราะห์ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เช่น RSI หรือ MACD เพื่อยืนยันสัญญาณในการเข้าและออก
แนวโน้มราคา
จุด Short:
1. บริเวณใกล้กับจุด C
จุด C อยู่ที่ระดับ Fibonacci ประมาณ -0.272 หรือใกล้กับ 71,354.2 ซึ่งเป็นโซนที่อาจทำให้ราคาเกิดการกลับตัวลง เนื่องจากเป็นการยืนยันของรูปแบบ Bearish.
2. แนวต้านที่ระดับ Fibonacci -0.618 (ประมาณ 74,819.8)
หากราคาขึ้นไปถึงโซนนี้ แต่ไม่สามารถทะลุผ่านได้ อาจเป็นโอกาสในการ Short.
จุด Long:
1. ใกล้กับจุด D
จุด D ที่ระดับ Fibonacci 1.272 (55,889.6) หรือใกล้กับ 52,424.1 ที่ระดับ Fibonacci 1.618 นั้นถือเป็นโซนการกลับตัวที่สำคัญ หากราคาไม่ลงต่ำกว่านี้ อาจเป็นโอกาสในการ Long.
จุด TP (Take Profit):
1. หาก Short ที่จุด C:
ตั้ง TP ไว้ใกล้กับจุด B (ประมาณ 58,613.9) หรือใกล้กับ Fibonacci 0.618 (60,757.4).
2. หาก Long ที่จุด D:
ตั้ง TP ใกล้กับจุด C หรือระดับ Fibonacci -0.272 (71,354.2).
จุด SL (Stop Loss):
1. หาก Short ที่จุด C:
ตั้ง SL เหนือจุด C หรือระดับ Fibonacci -0.618 (ประมาณ 74,819.8).
2. หาก Long ที่จุด D:
ตั้ง SL ไว้ต่ำกว่าจุด D หรือที่ระดับ Fibonacci 1.618 (52,424.1).
การวิเคราะห์นี้ขึ้นอยู่กับการดูแพทเทิร์นและ Fibonacci จึงควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเข้าเทรด
BTC Myoutlook 20/10/67มุมมองส่วนตัวนะครับ
มุมมองBTC ในตอนนี้ btc ผมมองว่าเบรคกรอบของการสะสมพลังมาบ้างเเล้ว ถ้าสั่งเกต Pattern ราคาที่ทำดีมันฟอร์มรูปเเบบ Bull Flag เป็นสัญญาณบอกว่าราคามีแนวโน้มจะขึ้นแรง หากราคาทะลุกรอบใบธง (Breakout) ในช่วงแรกราคามีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มีลักษณะเป็นเสาธง พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นเช่นกัน ต่อมาราคามีการพักตัวอยู่ในกรอบราคาเกิดเป็นลักษณะคล้ายใบธง และช่วงนี้ปริมาณการซื้อขายจะลดลงต่ำกว่าช่วงเสาธง
จากภาพที่ผมวิเคราะ ตัว btc ได้เบรคกรอบ Bull Flag ออกมาเเล้วตัว sto ในภาพday ได้ขึ้นไปอยู่โซน overbought เเล้วราคาอาจจะยังไปได้ต่อเลื่อยๆเพราะเกิดการลากเลือย ส่วนในภาพ TF 4 H ราคาได้ดึง sto ลงมาจะ oversold เเต่ ราคายกlow ซึ่งหมายความว่าราคามีโอกาศไปต่อสูงมากตาม TF Day Sto ลากเลื้อย ซึ่งผมมองว่าอาจจะอยากไปทดสอบ high เดิมของเขาก่อนหรืออาจจะเบรคก็เป็นได้ เเต่ถ้าราคาเกิดการย่อ ก็ไม่ควรปิดหลุด 66K เพื่อไปต่ออย่างเยี่ยมยอด ณะนั้นกลยุทธ์คือย่อ buy เป็นหลัก ในตัว macd บ่งบอกว่าเป็นขาขึ้นชัดเจนมาก ทางเทคนิค smc ก็เหมือนกัน ราคาได้ bos ไปต่อเเล้ววว
ไม่ได้เเนะนำให้ซื้อขายตามเเต่อย่างใดทุกกรณีนะครับ
linear regression แนวต้านที่บริเวณสูงสุด (LH) และยอดที่ 3 และ 5: กราฟอยู่ในช่วงที่ราคาเคยชนแนวต้านที่สูงสุด (LH) ในบริเวณนี้และเริ่มย่อตัวลงมา ซึ่งอาจเป็นสัญญาณที่ดีในการเปิดสถานะ Short โดยเฉพาะหากมีการทะลุกรอบลงต่อไป
RSI: ระดับ RSI ในหลายๆ timeframe ยังอยู่ในโซน Neutral (42-68%) ซึ่งบ่งบอกว่าตลาดยังไม่ได้อยู่ในภาวะ Overbought หรือ Oversold อย่างชัดเจน จึงยังไม่มีสัญญาณยืนยันแน่ชัดในการกลับตัว แต่ควรติดตาม RSI ใน timeframe รายวันที่เริ่มอยู่สูงที่ 68% ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการเริ่มต้นของ Overbought ได้เช่นกัน
BOS (Break of Structure) และ CHOCH (Change of Character): มีจุด Break ของโครงสร้างในทิศทางลงที่ BOS บ่งชี้ว่าตลาดอาจมีแรงขายเข้ามาเพิ่มเติม ขณะที่ CHOCH ก็แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในบริเวณบางจุด ดังนั้นหากราคาไม่สามารถทะลุแนวรับที่ใกล้ๆ ได้ก็มีโอกาสที่จะย่อตัวลงมากขึ้น
แนวโน้ม (Trend): หากเส้น Linear Regression ยังคงชี้ขึ้น จะบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว แม้ว่าจะมีการย่อตัวระยะสั้น ซึ่งในกราฟปัจจุบันที่เห็น การเคลื่อนไหวของราคามีความผันผวนค่อนข้างมาก ดังนั้นหาก Linear Regression แสดงแนวโน้มขาลง คุณอาจพิจารณาเปิด Short เพิ่มเติมได้
จุดที่ราคายังอยู่เหนือหรือใต้เส้น:
ถ้าราคาเคลื่อนตัวอยู่ ต่ำกว่าเส้น Linear Regression เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มอาจกำลังกลับตัวลง (Bearish) คุณอาจพิจารณาเปิดสถานะ Short ได้ตามแผน
ในทางตรงข้าม ถ้าราคาเคลื่อนตัวอยู่ เหนือเส้น Linear Regression ในช่วงนี้ อาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish) ทำให้การเปิดสถานะ Short อาจมีความเสี่ยง
การยืนยันเพิ่มเติม: หากมีการ ทะลุเส้น Linear Regression ลงไป พร้อมกับสัญญาณอื่นๆ อย่าง Break of Structure (BOS) หรือ RSI ที่เริ่มแสดงความเป็น Overbought ก็จะยิ่งช่วยยืนยันว่าราคามีแนวโน้มที่จะย่อตัวลงต่อได้
แนวคิดสำหรับการเปิดสถานะ Short
Fibonacci Retracement Level:
ราคาตอนนี้อยู่ใกล้ระดับ 0.786 Fibonacci Retracement (68,507.5) ซึ่งเป็นแนวต้านที่สำคัญ ถ้าราคาทะลุขึ้นไปเหนือระดับนี้ไม่ได้ อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวลงได้
หากราคาย่อต่ำกว่านี้ได้ คุณอาจตั้ง short โดยใช้ระดับ 68,507.5 เป็นจุด stop loss
Elliott Wave:
ดูเหมือนว่าจะมีรูปแบบคลื่น Elliott wave จบคลื่นที่ 5 ซึ่งหมายถึงการปรับฐานอาจใกล้เคียง อาจจะเป็นจุดกลับตัวที่คุณกำลังมองหาเพื่อเปิด short
Volume & Indicator:
Volume ดูไม่มากนักเมื่อราคาขึ้น อาจเป็นสัญญาณของแรงซื้อที่ลดลง
Indicator stochastic ในกราฟอยู่ในเขต overbought ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อใกล้หมด และราคาจะปรับฐานลง
แนวรับที่ควรตั้ง:
แนวรับแรกจะอยู่ที่ 64,717.9 (Fibonacci 0.236)
แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 58,583.8 (Fibonacci 0.618)
แนวรับที่แข็งแรงกว่าอยู่ที่ 52,449.8 (Fibonacci 1)
สรุป:
หากราคายืนใต้ระดับ 68,507.5 ไม่ได้ อาจเปิด short ได้ โดยตั้งจุด stop loss ใกล้ๆ กับแนวต้านนี้
สำหรับแนวรับแรกที่ควรพิจารณาในการทำกำไรคือ 64,717.9 และหากราคาลงมากกว่า ควรดูแนวรับที่ 58,583.8
US จะขโมยความมั่งคั่งของคนทั้งโลกผ่านทาง BTC ได้อย่างไร ?ปัจจุบันนี้ผมมี 2 scenario ทั้งเป็นแง่บวกและลบกับราคา bitcoin
แม้ว่าจะมองแง่ดีมากแค่ไหน ก็อดคิดในอีกมุมไม่ได้เลย
นั่นคือ
1. จะเกิดอะไรขึ้นกับราคาบิทคอยหาก US รองรับ BTC เป็นทุนสำรองของประเทศ
2. จะเกิดอะไรขึ้นกับราคาบิทคอยหาก US ออกหมายจับ Michael Saylor พร้อมยึดทรัพย์สิน
ทั้ง 2 กรณีนี้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งคู่ ในระยะเวลาแตกต่างกัน
โดยหากว่า US มีแผนที่จะขโมยความมั่งคั่งภาพรวมผ่าน BTC
กลยุทธ์ทางรัฐศาสตร์ + การเงิน คงจะสร้างภาพสินค้าใดสินค้าหนึ่งขึ้นมาก่อน เพื่อโยกเงิน โยกความมั่งคั่งเข้าหาสินทรัพย์นั้น ผ่านตัวแทน ที่อาจจะเรียกว่าบิทคอย หรือ Michael Saylor หรือเรียกว่าระบบการเงินแบบใหม่ ที่เรียกว่า Digital money จนสินทรัพย์นั้นมีคนอยากเอาความมั่งคั่ง โอนย้ายเข้ามาหาสินทรัพย์นี้ จนราคามันสูงเพียงพอในระดับที่น่าพึงพอใจ
เป็นไปได้หรือไม่ หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อราคาสินทรัพย์นั้นมีอำนาจมากพอที่จะเกิดการ Abuse และมากพอที่จะมีอำนาจจากภาครัฐมาควบคุม "บุคคลที่ถือสินทรัพย์นี้" เช่น Michael Saylor ที่เป็นสินทรัพย์ที่ควบคุมไม่ได้ แต่รัฐจะควบคุมผ่านการควบคุมคนที่เป็นเจ้าของทรัพย์นี้อีกทีหนึ่ง
" จริงอยู่ที่ BTC นั้น Decentralize ฆ่าไม่ตาย แต่หากว่าเรามีชีวิตอยู่และอยู่ภายใต้กำมือของรัฐ
มันก็อาจจะปฏิเสธได้ยากกว่า สินทรัพย์ที่เรามี นั้นคือสินทรัพย์อย่างแท้จริงของเรา สินทรัพย์ที่แท้จริงของเรานั้นมีจริงของเรานั้น อาจเป็นไปตามที่ภาครัฐอนุญาต "
สุดท้ายนี้ สินทรัพย์ฆ่าไม่ตายก็จริง แต่คนเราถูกฆ่าตายได้อยู่ดี
วิเคราะห์ทิศทางราคาของ Bitcoin (BTCUSDT)
1. รูปแบบราคา (Price Action):
มีการทำ Higher Lows (HL) และ Lower Highs (LH) ซึ่งบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวในกรอบ (consolidation) หรืออาจจะเป็น sideway ได้
จุดสูงสุด (Highs) ที่สูงขึ้นและจุดต่ำสุด (Lows) ที่ต่ำลงบางจุดบ่งชี้ว่าตลาดยังไม่ชัดเจนว่าจะเลือกฝั่งใด โดยการ Breakout ของเส้นแนวต้านหรือแนวรับสำคัญจะเป็นตัวชี้ขาด
2. RSI (Relative Strength Index):
RSI ในช่วง Timeframes ต่าง ๆ ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ใน neutral zone ยกเว้นกราฟ 4 ชั่วโมง ที่ RSI อยู่ในโซน Overbought (73.50%) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีแรงซื้อมากเกินไปในช่วงเวลานี้ อาจมีการปรับฐาน (correction) ในระยะสั้นได้
RSI 1 วันและ 1 สัปดาห์ยังเป็น Neutral ซึ่งบ่งบอกว่าราคายังไม่ถึงระดับที่เป็นการซื้อหรือขายเกินไป
3. จุดสำคัญอื่น ๆ:
การเคลื่อนไหวผ่านเส้น BOS (Break of Structure) และ CHoCH (Change of Character) ในบางจุด บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางในบางช่วง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักเทรดในการจับทิศทางต่อไป
หากราคาสามารถ breakout ผ่านจุด LH (Lower High) ล่าสุด อาจเป็นสัญญาณของขาขึ้น
หากราคาหลุดระดับ HL (Higher Low) ที่มีการทำจุดต่ำสุดลง (LL) ราคามีแนวโน้มจะลงต่อได้
4. แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance):
แนวต้านที่แข็งแรงอยู่ที่ประมาณ 66,000 USDT (ใกล้กับระดับ LH) หากราคาสามารถทะลุขึ้นไปได้ อาจส่งสัญญาณการขึ้นต่อ
แนวรับสำคัญอยู่ที่ 63,379.5 USDT หากราคาหลุดต่ำกว่าแนวรับนี้ อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวเป็นขาลง
สรุป: ในระยะสั้น ราคามีโอกาสปรับตัวลงเนื่องจาก RSI บางช่วงเวลาแสดงว่าอยู่ในภาวะซื้อเกินไป (Overbought) แต่ในระยะยาวหากราคาสามารถทะลุแนวต้านหลักและทำ Higher Highs ต่อเนื่องได้ อาจส่งสัญญาณขาขึ้น
ดูเหมือนว่าราคากำลังอยู่ในลักษณะของ Rising Wedge เนื่องจากมีการทำ Higher Lows ต่อเนื่อง แต่การเคลื่อนไหวของราคามีการบีบตัวเข้าแคบลง หากราคาทะลุลงจากแนวรับของ Wedge อาจบ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นขาลง
จุดที่น่าสนใจคือถ้าราคาหลุดออกจากแนวรับที่ระดับประมาณ 63,379 USDT (จากข้อมูลที่แสดง) อาจเป็นสัญญาณยืนยันของการปรับตัวลงตาม Rising Wedge Pattern นี้
สรุปเกี่ยวกับ Wedge Pattern: ในกราฟนี้ ดูเหมือนจะมีลักษณะของ Rising Wedge ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงหากราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านได้และหลุดออกจากแนวรับ
BTCUSD : ระบบ ATR Trend Following มีสัญญาณ "ซื้อ" 15/10/2024อธิบาย : ระบบ ATR Trend Following ใช้หลักการง่ายๆ คือ เอา ATR x multiplier มาตีกรอบราคาที่จะแกว่งของ BTC ถ้าทะลุกรอบ ก็จะเกิดการ flip ของสัญญาณ เช่น จากซื้อเป็นขาย หรือจากขาย เป็นซื้อ เป็นต้น
ความเห็นของผม : ช่วง sideway ระบบนี้ก็จะโดนสับขาหลอกไปเรื่อยๆ จนหลายๆ คนก็ออกมาสบประมาทว่า ห่วยเหลือเกิน แต่ก็นั่นแหละ ผมก็แค่ทำบันทึกต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นไอเดียการเทรดว่า มันเวิร์คหรือไม่เวิร์ค ต่อไปครับ
BTC ATR = เขียว ( 15/10/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
Exit : 61000 (-7.5%)
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )*
* ปัดเศษเพื่อความง่ายต่อการคำนวณ
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2024 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(8Feb-17Mar) ATR = +6.61% ที่ความเสี่ยง 1% ( 6.61R )
(9Apr-14Apr) ATR = -1.06% ที่ความเสี่ยง 1% (-1.06R )
(10Feb-14Apr) BreakHigh = +4.94% ( 4.94R )
(2Feb-17Apr) ActionZone = +9.6% ( 9.6R )
(16May-15Jun) ATR = -0.023%
(19May-18Jun) ActionZone = -0.059%
(1Jan-25Jun) EMA120DCross = +5.95% ( 5.95R )
(16Jul-3Aug) ATR = -0.5%
(16Jul-3Aug) EMA120DCross = -0.5%
(20Jul-5Aug) ActionZone = -0.9%
(24Aug-27Aug) EMA120DCross = -0.7%
(26Aug-30Aug) ActionZone = -0.75%
(24Aug-2Sep) ATR = -1.04%
(14Sep-2Oct) ATR = +0.05%
(19Sep-2Oct) EMA120DCross = -0.155%
(25Sep-2Oct) BreakHigh = -0.538%
(19Sep-???) ActionZone = ?%
(15Oct-???) BreakHigh = ?%
(15Oct-???) ATR = ?%
(15Oct-???) EMA120D = ?%
Sum กำไรสะสมของปี 2024 = 21.56% + 0.05% - 0.155% - 0.538% = 20.917% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง
BTCUSD : ระบบ Break 52Days high มีสัญญาณ"ซื้อ" 15/10/2024อธิบาย : ระบบ Break 52Days High เป็นระบบที่จะดู High ย้อนหลังของแท่งเทียน เป็นเวลา 52 วัน และตีเส้นราคาลากมาเรื่อยๆ จนกว่าเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งเหนือกว่าเส้น 52 วันย้อนหลัง ระบบก็จะมีสัญญาณซื้อ ส่วนสัญญาณขายจะใช้ MA 52 วัน เพื่อตัดสินใจ โดยเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งต่ำกว่าเส้น MA52 ก็จะมีสัญญาณขาย นั่นเอง
ระบบนี้ดัดแปลงไอเดียมาจาก Break 52 Weeks High ที่ใช้กับตลาดหุ้น แต่ว่ามาใช้กับคริปโตแล้วมันช้าเกิน ก็เลยลองลดเหลือเป็น 52 วันแทน ก็ให้ผลที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะหลายๆ ครั้งระบบนี้ก็ช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาเข้าๆ ออกๆ ตอนตลาด sideway down หรือขาลงจ๋าๆ เพราะเราจะนั่งเฉยๆ ตลอดทางนั่นเอง ( เหมือนกับ 5 เดือนที่ผ่านมา )
ความเห็นของผม : ช่วงนี้ก็ยังคงมาแนวยึกยักเหมือนเดิม ก็ได้แต่หวังว่ารอบนี้จะไปจริงนะ 555
BTC BreakHigh = เขียว ( 15/10/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
Exit : 61000 (-7.5%)
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )*
* ปัดเศษเพื่อความง่ายต่อการคำนวณ
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2024 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(8Feb-17Mar) ATR = +6.61% ที่ความเสี่ยง 1% ( 6.61R )
(9Apr-14Apr) ATR = -1.06% ที่ความเสี่ยง 1% (-1.06R )
(10Feb-14Apr) BreakHigh = +4.94% ( 4.94R )
(2Feb-17Apr) ActionZone = +9.6% ( 9.6R )
(16May-15Jun) ATR = -0.023%
(19May-18Jun) ActionZone = -0.059%
(1Jan-25Jun) EMA120DCross = +5.95% ( 5.95R )
(16Jul-3Aug) ATR = -0.5%
(16Jul-3Aug) EMA120DCross = -0.5%
(20Jul-5Aug) ActionZone = -0.9%
(24Aug-27Aug) EMA120DCross = -0.7%
(26Aug-30Aug) ActionZone = -0.75%
(24Aug-2Sep) ATR = -1.04%
(14Sep-2Oct) ATR = +0.05%
(19Sep-2Oct) EMA120DCross = -0.155%
(25Sep-2Oct) BreakHigh = -0.538%
(19Sep-???) ActionZone = ?%
(15Oct-???) BreakHigh = ?%
(15Oct-???) ATR = ?%
(15Oct-???) EMA120D = ?%
Sum กำไรสะสมของปี 2024 = 21.56% + 0.05% - 0.155% - 0.538% = 20.917% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง