Session Volume Profile

อินดิเคเตอร์ Session Volume Profile (SVP) คำนวณข้อมูลปริมาณการซื้อขายในเซสชันที่ระบุหรือเซสชันย่อย ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์กิจกรรมปริมาณการซื้อขายในระหว่างวันของส่วนเฉพาะหนึ่งของเซสชันได้ คุณสามารถค้นหา SVP ได้ในเมนูอินดิเคเตอร์ ตัวชี้วัด และกลยุทธ์ หรือเพียงแค่เปิดชาร์ตที่พร้อมใช้งาน: อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ชาร์ต Session Volume Profile เพื่อใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หมายเหตุ: คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะที่แบ่งปันโดยอินดิเคเตอร์ Volume Profileทั้งหมดในบทความศูนย์ช่วยเหลือ อินดิเคเตอร์ Volume Profile: แนวคิดพื้นฐาน ข้อความด้านล่างนี้จะอธิบายคุณสมบัติเฉพาะของอินดิเคเตอร์ Volume Profile ตัวนี้

การคำนวณ

ในการคำนวณอินดิเคเตอร์  Session Volume Profile นั้น จะใช้ตารางที่เลือกกรอบเวลาที่ต่ำกว่าโดยอิงจากกรอบเวลาที่เลือกในปัจจุบันบนชาร์ต: 

ตรรกะต่อไปนี้ใช้ในการคำนวณว่า Volume Profile จะถูกวาดภาพย้อนหลังไปได้ไกลแค่ไหน:

1. จากตารางด้านบน เลือกกรอบเวลาที่ต่ำกว่าตามกรอบเวลาบนชาร์ต ข้อมูลจากกรอบเวลาที่เล็กกว่านี้จะใช้เพื่อคำนวณ Volume Profile

2. ใช้จำนวนแท่งย้อนหลังที่มีอยู่สำหรับการคำนวณโดยอิงตามระดับการสมัครสมาชิกของคุณ แล้วคูณด้วย depth ratio ที่เหมาะสม

3. ตัวเลขที่ได้จะแสดงจำนวนแท่งของกรอบ เวลาที่เล็กกว่าที่มีให้ใช้ได้สำหรับอินดิเคเตอร์ 

ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานแบบ Premium จะสามารถแสดงแท่งย้อนหลังได้ไม่เกิน 20,000 แท่งบนชาร์ตในเวลาเดียวกัน ถ้าชาร์ตเปิดอยู่ในกรอบเวลา "60" อินดิเคเตอร์จะโหลด 20000 * 3 (depth ratio) = 60000 แท่งในกรอบเวลา 10 นาที เนื่องจากมีแท่ง 10 นาทีจำนวน 6 แท่งในแท่ง 60 นาที อินดิเคเตอร์จึงสามารถสร้าง Volume Profile สำหรับแท่ง 10,000 แท่งสุดท้ายบนชาร์ต 60 นาทีได้ เมื่อคุณเจาะลึกย้อนหลังไปในสัญลักษณ์มากขึ้น คุณอาจไปถึงจุดที่ไม่มีแท่งของกรอบเวลาที่เล็กกว่าอีกต่อไป และอินดิเคเตอร์จะหยุดการคำนวณ

โปรดจำไว้ว่า:

• ขีดจำกัดรวมของแถวฮิสโทแกรมจะอยู่ต่ำกว่า 6,000 เสมอ ดังนั้น หากแต่ละโปรไฟล์มี 100 แถว อินดิเคเตอร์จะไม่วาดไปมากกว่า 60 แถว แม้ว่าจะยังมีข้อมูลในกรอบเวลาที่ต่ำกว่าก็ตาม
• โปรไฟล์จะจัดเรียงใหม่ในการเริ่มต้นปี Volume Profile แต่ละรายการจะหยุดคำนวณในตอนสิ้นปี และจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งตั้งแต่ปีใหม่ แม้ว่าการตั้งค่าช่วงเวลาจะถูกตั้งค่าให้ทำงานในลักษณะอื่นก็ตาม สิ่งนี้จำเป็นเพื่อรักษาความสม่ำเสมอเมื่อสร้างโปรไฟล์ในกรอบเวลาที่แตกต่างกัน 

ข้อมูล

เซสชั่น

กำหนดว่าอินดิเคเตอร์ SVP HD จะถูกสร้างขึ้นอย่างไรเมื่อเปิดการแสดงนอกชั่วโมงซื้อขาย 

• ทั้งหมด หากตั้งค่าเป็น "ทั้งหมด" (ค่าเริ่มต้น) อินดิเคเตอร์จะพิจารณาช่วงก่อนตลาดเปิด ช่วงซื้อขายหลัก และช่วงหลังตลาดปิดเป็นเซสชันเดียวกัน จะมีการสร้างหนึ่งโปรไฟล์สำหรับแต่ละวันซื้อขาย และจะรวมปริมาณสำหรับธุรกรรมทั้งหมด โดยเริ่มตั้งแต่แท่งเทียนก่อนตลาดเปิดแท่งแรกไปจนถึงแท่งเทียนหลังตลาดปิดแท่งสุดท้าย 
• แต่ละรายการ ตัวเลือก "แต่ละครั้ง (ก่อนตลาดเปิด ช่วงตลาดเปิด หลังตลาดปิด)" ช่วยให้คุณสร้าง Volume Profileแยกต่างหากสำหรับแต่ละส่วนของเซสชันซื้อขายในแต่ละวัน โดยคำนึงถึงเฉพาะดีลที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวเท่านั้น หากสัญลักษณ์มีชั่วโมงการทำงานที่ขยายออกไปในช่วงก่อนตลาดเปิด ช่วงตลาดเปิด และหลังตลาดปิด อินดิเคเตอร์จะสร้างโปรไฟล์แยกกันสามโปรไฟล์สำหรับแต่ละวันซื้อขาย 
• ก่อนตลาดเปิด, ช่วงตลาดเปิด , หลังตลาดปิดด้วยตัวเลือก "ก่อนตลาดเปิด" "ช่วงตลาดเปิด" และ "หลังตลาดปิด" ที่เฉพาะเจาะจง อินดิเคเตอร์จะสร้างVolume Profile เพียงหนึ่งโปรไฟล์ต่อวันซื้อขาย โดยอิงตามการซื้อขายในช่วงระยะเวลาเซสชันที่ระบุ ควรใช้การตั้งค่าเหล่านี้เฉพาะบนชาร์ตที่มีข้อมูลนอกชั่วโมงซื้อขายเท่านั้น หากไม่มีข้อมูลนอกชั่วโมงขายบนชาร์ต หรือหากการแสดงนอกชั่วโมงขายถูกปิด อินดิเคเตอร์จะไม่สามารถสร้าง Volume Profileสำหรับก่อนตลาดเปิดหรือหลังตลาดปิดได้ 
• กำหนดเอง ตัวเลือก "กำหนดเอง" ช่วยให้คุณสามารถกำหนดค่าจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของระยะเวลาที่จะสร้างโปรไฟล์ได้ และคุณสามารถเลือกโซนเวลาได้ด้วย
  

ปริมาณ

สลับระหว่างการแสดงปริมาณรวมของแต่ละแถว(ทั้งหมด), การแยกแต่ละแถวเป็นขึ้น/ลง (ขึ้น/ลง), หรือการแสดงความแตกต่างของปริมาณ (เดลต้า)

ปริมาณ Value Area

ระบุเปอร์เซ็นต์ของปริมาณทั้งหมดสำหรับเซสชันการซื้อขายที่ถูกเน้นโดย Value Area.

แผนผังแถว / ขนาดแถว

ข้อมูลทั้งสองนี้ระบุวิธีที่อินดิเคเตอร์คำนวณว่าฮิสโทแกรมแต่ละตัวจะมีจำนวนแถวเท่าใด

หากตั้งค่าข้อมูล "แผนผังแถว" เป็น "จำนวนแถว" ข้อมูล "ขนาดแถว" จะระบุจำนวนแถวทั้งหมดในฮิสโทแกรม และจำนวน Tick ต่อแถวแต่ละแถวจะถูกคำนวณโดยอัตโนมัติตามสูตร: Tick ต่อแถว = (ฮิสโทแกรมด้านบน - ฮิสโทแกรมด้านล่าง) / จำนวนแถว / ขนาด Tick ขึ้นอยู่กับช่วงของฮิสโทแกรม ค่า Tick ต่อแถวสามารถปัดขึ้นหรือลงได้ และจำนวนแถวทั้งหมดอาจเกินกว่าที่กำหนดไว้ในขีดจำกัดได้ 

ลองพิจารณาสัญลักษณ์ที่มีขนาด Tick เท่ากับ 0.01 และฮิสโทแกรม Volume Profile ที่ครอบคลุมการเปลี่ยนแปลงราคาจาก 10 ถึง 11 ซึ่งจะทำให้จำนวน Tick ทั้งหมดที่ครอบคลุมอยู่ที่ 100 หากตั้งค่า "ขนาดแถว" เป็น 25 ความสูงของแถวเดี่ยวจะเท่ากับ (3 - 2) / 25 / 0.01 = 4 Tick ฮิสโทแกรมผลลัพธ์มี 25 แถว โดยแต่ละแถวมีระยะ 4 Tick

หากการคำนวณความสูงของแถวส่งผลให้ได้ตัวเลขจุดลอยตัว อินดิเคเตอร์จะปัดเศษการคำนวณ Tick ต่อแถวเพื่อให้แน่ใจว่าความสูงเป็นจำนวนเต็ม นอกจากนี้ยังอาจสร้างแถวเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมดแสดงอยู่ในฮิสโทแกรม การที่ค่า Ticks ต่อแถว จะถูกปัดขึ้นหรือลงนั้น ขึ้นอยู่กับว่าค่าใดส่งผลให้จำนวนแถวทั้งหมดใกล้เคียงกับค่าในข้อมูล "ขนาดแถว" มากขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากในกรณีข้างต้น ข้อมูล "ขนาดแถว" ถูกเปลี่ยนให้เป็น 30 ความสูงของแถวเริ่มต้นจะเท่ากับ (3 - 2) / 30 / 0.01 = 3.333 Tick ต่อแถว แต่ละแถว

ถ้าปัดตัวเลขนี้ให้เป็นจำนวนเต็มที่ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งก็คือ 3 แต่ละแถวในฮิสโทแกรมผลลัพธ์จะมี 3 Tick ต่อแถว ผลลัพธ์คือ 30 แถวแรกคิดเป็นเพียง 30 * 3 = 90 Tick จากทั้งหมด 100 Tick ที่ฮิสโทแกรมครอบคลุม ซึ่งจะทำให้มี Tick ที่ไม่ถูกนับจำนวน 10 Tick และจะมีการสร้างแถวเพิ่มเติมอีก 4 แถว โดย 3 แถวแรกมีขนาด 3 และแถวสุดท้ายมีขนาด 1 ทำให้จำนวนแถวทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 34 แถว

ถ้าเป็นปัดขึ้นแทน แต่ละแถวในฮิสโทแกรมจะมีความสูง 4 Tick ในกรณีนี้ ทั้ง 100 Tick จะพอดีกับ 25 แถว โดยไม่มีเศษเหลือ เนื่องจาก 34 แถวนั้นใกล้เคียงกับ 30 ซึ่งเป็น "ขนาดแถว" ที่ถูกร้องขอ อินดิเคเตอร์จึงใช้ 3 Tick เป็นความสูงของแถว 

หากตั้งค่าข้อมูลนี้เป็น “Tick ต่อแถว” ขนาดแถวจะระบุจำนวน Tick ในแต่ละแถว (โดยที่ 1 Tick คือการเคลื่อนไหวขั้นต่ำที่ราคาของสัญลักษณ์นี้จะทำได้ ตัวอย่างเช่น สำหรับ NASDAQ:AAPL นั้น 1 Tick เท่ากับ 0.01 เนื่องจากราคาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างน้อย 0.01 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1 เซ็นต์) เช่น การตั้งค่าเป็น 25 จะหมายความว่าแต่ละแถวจะมีความสูง 25 Tick  ในกรณีนั้น จำนวนแถวจะคำนวณโดยอัตโนมัติ และฮิสโทแกรม Volume Profile ที่ครอบคลุมราคาตั้งแต่ 200 ถึง 300 สำหรับสัญลักษณ์ที่มีขนาด Tick  0.01 จะมี (300 - 200) / 0.01 / 25 = 400 แถวต่อฮิสโทแกรมแต่ละอัน

ขยาย POC ทางขวา

ขยายเส้น POC จนกระทั่งข้ามแท่งใดๆ

ขยาย VAH ทางขวา

ขยายเส้น VAH จนกระทั่งข้ามแท่งใดๆ

ขยาย VAL ทางขวา

ขยายเส้น VAL จนกระทั่งข้ามแท่งใดๆ