มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

การคำนวณและวิธีการคำนวณมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดแสดงถึงขนาดของบริษัทและแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีมูลค่าเท่าใด มูลค่านี้เท่ากับจำนวนหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทที่ชำระแล้วทั้งหมดคูณด้วยราคาปิดล่าสุดของหลักทรัพย์จดทะเบียน 

จำนวนหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทที่ชำระแล้วทั้งหมดไม่เหมือนกับจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้ทั้งหมด จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้ทั้งหมดรวมเฉพาะหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายในตลาดเท่านั้น จำนวนหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทที่ชำระแล้วทั้งหมดนั้นยังรวมถึงหลักทรัพย์ประเภทอื่น ๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีการซื้อขายก็ตาม

หมายเหตุ หุ้นทุนซื้อคืนไม่ถูกรวมอยู่ในนี้

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสำหรับหลักทรัพย์ประเภท “หุ้นบุริมสิทธิ์” ที่มีค่าเท่ากับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหุ้นหลักและแสดงถึงมูลค่าหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัท ตัวอย่างเช่น NYSE:BAC (Bank of America Corp.) และ NYSE:BAC/PB (Bank of America Corp. Preferred) มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเท่ากัน แต่อาจแตกต่างจากวิธีการของแหล่งที่มา

ในทำนองเดียวกัน มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของใบรับฝากหลักทรัพย์ (Depositary Receipt หรือ DR) ยังเท่ากับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหลัก ซึ่งแสดงถึงมูลค่าหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทตามราคาตลาด ตัวอย่างเช่น NYSE:TSM (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company ในฐานะ DR) และ TWSE:2330 (หุ้น TSMC) มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเท่ากัน แนวทางนี้ช่วยให้แน่ใจว่าจะมีความสอดคล้องกันระหว่างหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ ที่เป็นตัวแทนของบริษัทเดียวกัน แม้ว่าอาจแตกต่างจากวิธีการของแหล่งที่มาก็ตาม

ข้อมูลตัวชี้วัดมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสามารถดูได้ในส่วนการเงินบนชาร์ต หมายเหตุ ข้อมูลย้อนหลังมีให้ใช้งานถึงแค่ปี 2016 เท่านั้น

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสื่อความหมายอะไร?

นักลงทุนใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเป็นตัวบ่งชี้ขนาดของบริษัท ขนาดของบริษัทสามารถส่งผลต่อมุมมองของนักลงทุนต่อบริษัท ความเสี่ยงของบริษัท และการเปรียบเทียบกับบริษัทอื่น

บริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ จะถูกเรียกว่า บริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขนาดใหญ่ (Large-cap) การลงทุนในบริษัทเหล่านี้มักจะน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนทุกคน เนื่องจากขนาดและสภาพคล่องของบริษัท บริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขนาดใหญ่ยังถือเป็นบริษัทที่มีการเติบโตเต็มที่และมีธุรกิจที่ก่อตั้งมานาน

บริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดตั้งแต่ 2,000 ล้าน ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ เรียกว่าบริษัทขนาดกลาง (Mid-cap) นักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสในการเติบโตหรือมองหาบริษัทที่ยังไม่เติบโตเต็มที่มักนิยมลงทุนในบริษัทขนาดกลาง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในบริษัทดังกล่าวอาจมีความเสี่ยง เนื่องจากบริษัทขนาดกลางบางแห่งมีขนาดเล็กเท่าที่เป็นอยู่เพราะเหตุผลบางอย่าง และการเติบโตคือความท้าทาย

บริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดระหว่าง 300 ล้านถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ เรียกว่าบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขนาดเล็ก (Small-cap) และมักมีความผันผวนสูง มีความเสี่ยง และมีสภาพคล่องน้อยกว่าบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขนาดกลางและบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขนาดใหญ่ บริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขนาดเล็กยังได้รับผลกระทบจากความพึงใจของนักลงทุนมากกว่า นักลงทุนจำนวนมากไม่ต้องการเดิมพันกับบริษัทที่มีขนาดเล็ก