ReutersReuters

USA:ซีอีโอเจพีมอร์แกนชี้ศก.สหรัฐเฟื่องฟูขณะจ้างงานแข็งแกร่ง

24 เม.ย.--รอยเตอร์

  • นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของธนาคารเจพีมอร์แกน เชสแสดงความเชื่อมั่นต่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานที่แข็งแกร่ง และจากฐานะการเงินของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ นายไดมอนกล่าวในงานของสโมสรเศรษฐกิจนิวยอร์คในวันอังคารว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะเฟื่องฟู "อย่างแทบไม่น่าเชื่อ" และเขากล่าวเสริมว่า "ถึงแม้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ผู้บริโภคก็จะยังคงอยู่ในสถานะที่ดีอยู่" อย่างไรก็ดี เขากล่าวเตือนถึงผลกระทบที่เศรษฐกิจอาจจะได้รับจากปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการพุ่งขึ้นของหนี้สินสหรัฐ, ภาวะเงินเฟ้อ และความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ

  • นายไดมอนเคยกล่าวเตือนว่า อัตราเงินเฟ้ออาจจะลดลงได้ยากเกินคาด และปัจจัยนี้จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานต่อไป ทั้งนี้ ธนาคารเจพีมอร์แกน เชสถือเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ในขณะที่นายไดมอนซึ่งมีอายุ 68 ปีได้บริหารธนาคารแห่งนี้มาเป็นเวลานานกว่า 18 ปีแล้ว

  • นายไดมอนกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะทำงานได้ดีกว่านี้ถ้าหากมี "มืออาชีพ" เข้าร่วมในการบริหารของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น และเขากล่าวเสริมว่า "ผมต้องการจะช่วยเหลือประเทศของผม" นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกด้วยว่า "ผมต้องการให้ประธานาธิบดีสหรัฐคนถัดไป ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม แต่งตั้งสมาชิกของอีกพรรคหนึ่งในคณะรัฐมนตรีด้วย นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจะเห็น ผมต้องการจะเห็นมืออาชีพกลับเข้าร่วมในรัฐบาลสหรัฐ"

  • ในงานของสโมสรเศรษฐกิจนิวยอร์คเมื่อวานนี้ นายไดมอนได้แสดงความเห็นต่อประเด็นอื่น ๆ ด้วย ซึ่งรวมถึงเรื่องกำลังทางทหารของสหรัฐ, การแบ่งขั้วทางการเมือง และความจำเป็นในการทำให้เศรษฐกิจเติบโตแบบครอบคลุม นอกจากนี้ เขายังกล่าวเสริมว่า สหรัฐจำเป็นจะต้องปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างภาคธนาคารกับหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบให้มีความปรองดองกันมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าววิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายที่จะให้ปรับเพิ่มการดำรงเงินกองทุนในธนาคารขนาดใหญ่ โดยเขาให้เหตุผลว่าการทำเช่นนี้จะเป็นการจำกัดการปล่อยสินเชื่อและขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจ

  • เจพีมอร์แกนเพิ่งรายงานผลกำไรไตรมาสแรกที่สูงเกินคาดในช่วงกลางเดือนนี้ ในขณะที่ทางธนาคารมีรายได้จากดอกเบี้ยมากยิ่งขึ้น โดยผลกำไรของเจพีมอร์แกนอยู่ที่ 1.342 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 4.44 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสแรก โดยพุ่งขึ้นจาก 1.262 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 4.10 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส 1/2023--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้