ReutersReuters

MORNING BRIEF:สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--รอยเตอร์

  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในวันพฤหัสบดี ในขณะที่สหรัฐรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทางชัดเจน และตัวเลขดังกล่าวยังคงทำให้นักลงทุนมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยเลื่อนจากเดิมที่เคยคาดไว้เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนว่า เฟดอาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้ายังคาดการณ์กันอีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.38% ในปี 2024 หรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งละ 0.25% เป็นจำนวนไม่ถึง 2 ครั้ง หลังจากที่นักลงทุนเคยคาดไว้เมื่อต้นปีนี้ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 6 ครั้งในปี 2024 ทั้งนี้ ดอลลาร์ได้รับแรงหนุน หลังจากนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์คกล่าวว่า เฟดไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในตอนนี้ เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสหรัฐ Eikon source text

    ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.17 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจาก 105.96 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 106.51 ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2023 หรือจุดสูงสุดรอบ 5 เดือนครึ่ง โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นมาแล้ว 4.5% จากช่วงต้นปีนี้

    ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 154.63 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยปรับขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 154.38 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 154.79 เยนในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 34 ปี หรือจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1990

    ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0643 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยอ่อนค่าลงจาก 1.0671 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากร่วงลงแตะ 1.0599 ดอลลาร์ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 2023 หรือจุดต่ำสุดรอบ 5 เดือนครึ่ง

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดขยับขึ้นในวันพฤหัสบดี แต่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปรับลง ในขณะที่นักลงทุนพิจารณาผลประกอบการภาคเอกชนของสหรัฐ และนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง และเจ้าหน้าที่เฟดก็ส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่รีบร้อนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน โดยนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์คกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า เฟดไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในตอนนี้ เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ทางด้านนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวว่า เขาพึงพอใจที่จะใช้ความอดทน ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงสู่ระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% อย่างเชื่องช้าเกินคาด ทั้งนี้ หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์พุ่งขึ้น 1.54% สู่ 501.80 ดอลลาร์ และถือเป็นหุ้นที่ส่งแรงบวกมากที่สุดต่อดัชนี S&P 500 หลังจากบริษัทเบิร์นสไตน์ปรับขึ้นราคาเป้าหมายของหุ้นเมตาสู่ 590 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 535 ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี หุ้นลาสเวกัส แซนด์ซึ่งทำธุรกิจคาสิโนดิ่งลง 8.66% และถือเป็นหุ้นที่ดิ่งลงมากที่สุดในดัชนี S&P 500 ในขณะที่บริษัทโบรกเกอร์หลายแห่งปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นตัวนี้ โดยให้เหตุผลว่ากิจการของลาสเวกัส แซนด์ในมาเก๊าอยู่ในภาวะอ่อนแอ ทางด้านหุ้นบริษัทเอควิแฟกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรูดลง 8.49% หลังจากทางบริษัทคาดการณ์รายได้ไตรมาสสองที่ต่ำเกินคาด Eikon source text

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.06% สู่ 37,775.38

    ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.22% สู่ 5,011.12 ในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดในแดนลบเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน และถือเป็นการปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2023 หลังจากดัชนีเพิ่งพุ่งขึ้นมานานติดต่อกัน 5 เดือนนับตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นมา

    ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.52% สู่ 15,601.50

  • ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ขยับขึ้นเล็กน้อย แต่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทางชัดเจนในสหรัฐ, มาตรการของสหรัฐที่ใช้ในการคว่ำบาตรเวเนซูเอลาและอิหร่าน และความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ลดระดับลง ทางด้านราคาสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดีเซลในสหรัฐได้ดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค. หรือจุดต่ำสุดรอบ 15 สัปดาห์ และส่งผลให้ค่าแครกสเปรดของน้ำมันดีเซล ซึ่งใช้วัดอัตราผลกำไรในการกลั่นน้ำมันดีเซล รูดลงแเตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2023 ทั้งนี้ เวเนซูเอลาได้สูญเสียใบอนุญาตสำคัญของสหรัฐที่อนุญาตให้เวเนซูเอลาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก และปัจจัยนี้จะส่งผลลบต่อปริมาณการขายน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงของเวเนซูเอลา ทางด้านสหรัฐได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านด้วยเช่นกัน โดยตั้งเป้าหมายไปยังการผลิตอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของอิหร่าน หลังจากอิหร่านใช้โดรนโจมตีอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่มาตรการคว่ำบาตรใหม่นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน ในขณะที่อิหร่านถือเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) Eikon source text

    ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ค.ขยับขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.1% มาปิดตลาดที่ 82.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันพฤหัสบดี หลังจากเพิ่งปิดตลาดวันพุธที่ระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.

    ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับลง 18 เซนต์ หรือ 0.2% มาปิดตลาดที่ 87.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. โดยเบรนท์ดิ่งลงมาแล้วราว 3.5% ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา

  • ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 17.44 ดอลลาร์ สู่ 2,378.25 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และปัจจัยบวกนี้ช่วยบดบังแรงกดดันที่ราคาทองได้รับจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในสหรัฐ ทั้งนี้ อิสราเอลส่งสัญญาณว่า อิสราเอลจะตอบโต้อิหร่านที่ได้ใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงแม้ชาติตะวันตกพยายามเรียกร้องให้อิสราเอลใช้ความอดทนอดกลั้น Eikon source text

--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้