PSTCPSTC หลังการถล่มจนหลุด 52 Week Low แล้วทำ New Low อีกหนึ่งครั้งที่สร้างความผันผวนสำหรับการ sell ปลายปีแบบนีโดย jugrapong0
TISCO TISCO น่าสนใจเสมอถ้ามอง performance ย้อนหลัง ก็ลองไปหาข้อมูลสนับสนุนกันต่อนะ แล้วหาจังหวะเหมาะๆเข้าซื้อโดย jugrapong6
WHAWHA หลังจากทำทรงเข้าลักษณะ Wycliffe Logic ก็วิ่งขึ้นตามข่าวลองหาข้อมูลกันต่อนะสำหรับ WHA โดย jugrapong112
TOPTOP กับความเปลี่ยนแปลง และ ความท้าทายที่กำลังเข้ามา หากค่าเงินยังขึ้นต่อเนื่อง จะเป็นอย่างไรน่าสนใจ น่าคิดนะโดย jugrapong1
HFT HFT ผ่านวิกฤตช่วง COVID 19 มาได้สวยงาม แต่กับปัจจุบันจะเป็น อย่างไรพอดีเคยเทรดพักนึงกลับมาดูก็นั่งบางอย่างในกราฟว่าจะทำ อย่างไรหากพฤติกรรมราคาเข้าจุดน่าสนใจ ลองดูแล้วคิดวางแผนกันถ้าสนใจ กราฟบอกทุกอย่างแล้วแค่ action ตามที่สมควรและแผนที่วางไว้ก็พอครับHโดย jugrapong1
TRUTRU วิ่งขึ้นมาพักใหญ่ เลยเอามาตีกราฟ คิดว่าอาจมีความน่าสนใจบ้าง ลองไปตามดูกันเองไม่ต้องเชื่อผมกราฟบอกทุกอย่างหมดแล้วTโดย jugrapong2
DMTราคาหุ้นเริ่มทำฐาน จุดตัดขาดทุนใกล้ กำไรน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว กำไรปีปกติก่อนโควิทประมาณ 1,400 ล้าน แคปตอนนี้ประมาณ 12,000 ล้านDเพิ่มขึ้นโดย HUNTER0505050
SUSCOราคาหุ้นทำไฮในรอบ 1 ปี พร้อม vol ผลประกอบการ 2 ไตรมาสที่ผ่านมา ทำให้มีแนวโน้มว่ากำไรปีนี้จะเป็น ATH Sเพิ่มขึ้นโดย HUNTER0505050
PTGกราฟเริ่มยกตัวผ่านแนวกด ค่าการตลาด(น้ำมันดีเซล) น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเพิ่มขึ้นโดย HUNTER0505050
COTTOราคากราฟเร่ิมยกตัวขึ้น หลังจากออกข้างมานาน ต้นทุนการผลิต(ราคาเชื้อเพลิง)น่าจะพีคไปแล้วCเพิ่มขึ้นโดย HUNTER0505050
[Hybrid Study:John Neff] แก่นการลงทุนหุ้นวงจร เพือถือรันหลายเด้งสวัสดีครับพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกท่าน วันนี้ผมจะมาขอ Tribute หลักการลงทุนของคุณ John Neff ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนในสายผสมนี้กันนะครับ และเนื่องในโอกาสที่วันที่ 19 กันยานี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณ John Neff และคุณ John Neff เองก็เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง นับว่า 1 ในตำนานแห่งโลกการลงทุนของเราได้จากเราแล้วอีกหนึ่งราย แต่ว่าหลักการของคุณ John Neff จะยังคงอยู่ในจิตใจของนักลงทุนสาย Value ทุกท่าน สำหรับผมแล้ว การระลึกถึงและ"ให้เกียรติ" หลักการของใครก็ตาม คือการใช้หลักการนั้นเป็นพื้นฐานอ้างอิงเพื่อให้หลักการนั้นเป็นที่พูดถึง และขัดเกลาให้ทันต่อโลกมากขึ้น ผมชอบหลักการของคุณ John Neff มาก จึงเป็นเหตุให้เขียนอินดิเคเตอร์ DDM ขึ้นมาด้วย และสิ่งที่ผมได้ทำในวันนี้ก็คือการทำให้หลักการของคุณ John Neff ยังคงมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยก็ปรับประยุกต์ใช้ในรูปแบบกราฟผ่าน Trading View ซึ่งโค้ดอินดิเคเตอร์นี้ผมได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณ John Neff อย่างแท้จริง หลักการลงทุนนี้ผมใช้กับการอาศัยซื้อหุ้น(โดยเฉพาะหมวดวงจร : Commodities) ในจุดที่ PE ต่ำอย่างสวนตลาด แต่หลักการที่เราจะได้มาที่ PE ต่ำนั้น ย่อมเกิดจากการปรับ ตัว E หรือ EPS จากสมมการ PE = Price / EPS , โดยผมจะ Predict ค่า EPS ผ่านตัวรายได้ในแบบที่ควรจะเป็น และนำรายได้นั้นมาจับคุณด้วยอัตราส่วน Net Margin ในระดับ Base Case-Best Case ซึ่งค่าตัวเลขของ Net Margin นี้เราจะได้มาจากการทำ Research หุ้นในหมวด Commodities ย้อนหลังนะครับ และจะตั้งตัวเลขพวกนี้เสมือนเป็นตุ๊กตาเฉยๆ เพื่อให้เราหาค่า EPS ให้ได้ ในการตั้งค่า Net Margin นี้ ผมจะมีการตั้งเป็นหลายค่ามากๆ และค่าที่ต่ำที่สุดก็คือ 1% มาจากสมมติฐานที่ว่าปกติหุ้น Commodities ตอนจะจบรอบราคาเขาจะลงมาแรงมากๆ จากราคาสินค้าอ้างอิงตกต่ำไม่ว่าจะเหล็ก น้ำมัน เคมี แร่ธาตุต่างๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้แล้วส่วนมากบริษัทจะมีผลขาดทุนจากสต็อกสินค้าก็ดี หรือจากรายได้จากการขายสินค้าลดลง จนแบกรับต้นทุนคงที่ไม่ได้ ทั้งหลายนี้เองจึงทำให้ตัว PE ของบริษัท “ติดลบ” หรือก็คือคำนวณไม่ได้ หรือแม้แต่ PE พุ่งสูงขึ้นเป็นหลัก “ร้อยเท่า” จากการที่ EPS นั้นแกร่งนั่นเอง การที่ผมตั้ง Net Margin ที่ 1% นี้ก็เพื่อเป็น “บาร์อย่างต่ำๆ” ที่บริษัทสมควรทำได้ เมื่อเราได้ NPM ที่ 1% มาได้แล้ว เราก็จับ 1% มาคูณกับตัวเลขรายได้ครับ(ตรงส่วนนี้บางคนอาจใช้รายได้เมื่อปีที่แล้ว หรือว่ารายได้เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง แล้วแต่สไตล์แต่ละคนเลยครับ) เมื่อนำ Revenue * NPM แล้วเราก็จะได้ “กำไรสุทธิ” จากนั้นก็นำมาหารด้วยจำนวนหุ้น ทีนี้เราก็ได้ EPS อันเป็นพระเอกของเราแล้ว จากนั้นเราก็นำ EPS มาเพื่อที่จับคูณด้วย PE อย่างที่ควรจะเป็น โดยเคสนี้ผมจะให้ที่ PE = 6-8 ตรงส่วนนี้หากใคร Conservative มากๆ อาจใช้ที่ PE 5 ไปเลยก็ได้ โดยมีการตั้งสมมติฐานว่า “ใครกันล่ะ จะไม่อยากได้หุ้น PE 5 เท่า หรือหุ้นที่จ่ายเงินปันผลหลัก 10% ต่อปี ณ ระดับราคาฐานต่ำนี้” ในตอนนี้เราก็ได้ราคาหุ้นแล้ว ผมก็ให้แสดงค่าเป็นเหมือนเส้นแนวรับแนวต้านที่จะอัพเดตทุกๆ ปีนะครับ จากการที่ข้อมูลการเงินจะมีอัพเดตใหม่ทุกปี ตรงเส้นแนวรับ/แนวต้าน พวกนี้เสมือนกับเป็น “แนวรับเชิงพื้นฐาน” นั่นเองครับ หุ้นใดก็ตามที่ลงมาเทสที่เส้นนี้ และมีการทำแท่งเทียนกลับตัว หรือมีการพักตัวตรงนี้เราอาจพิจารณาเอาเขามาใส่ลิสเพื่อรอวันให้เกิด Catalyst ให้ราคาขึ้นไปกันนะครับ จากนั้นก็รับเทรนไปเรื่อยๆ หรือหากท่านใดเป็นสายHardcore อาจนำหุ้นนั้นไปวางหลักทรัพย์ค้ำประดันในการขอบัญชี Margin มาต่อเงินอีกรอบก็แล้วแต่สไตล์ท่านเลยครับ หวังว่าแนวทางนี้จะมีประโยชน์กับท่านผู้อ่านผู้ฟังทุกคนนะครับ โชคดี รักษาสุขภาพ Stay Healthy Stay Wealthy นะครับผม คัดสรรโดยบรรณาธิการการศึกษา16:36โดย EarthSQ553326
SCB Buy at round numberD1 Choch Let look for an opportunity to but in the marked zone. For education purposes onlyเพิ่มขึ้นโดย MKsince20228
MK Restaurant กราฟสวย ตีกราฟแบบ Basic เบรกกรอบ Wykoff ขึ้นมาด้วย Pattern Ascending Triangle เปลี่ยนเป็น Up Trend เป็นที่เรียบร้อยแล้ว Target : ประมาณ 72 บาทตาม Volume Profile ครับ ใครยังไม่มีก็ลองหาช่องทางวางแผนด้วยตัวเองดูนะครับ อย่าลืมวาง Stop Loss ด้วยนะครับ เพิ่มขึ้นโดย HuamooTrader0
ขายหมดเกลี้ยง | เทสลาตลาดสหรัฐ (ดัชนี S&P 500 +0.3%) สิ้นสุดในวันพุธที่ตลาดสีเขียวหลังจากช่วงที่ผันผวน อาจทำให้บรรยากาศการขายขาดจากวันก่อนหน้าหมดไป ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดจากรายงานเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร กระตุ้นให้เกิดการเก็งกำไรว่าหุ้นอาจเริ่มกลับมาสู่ระดับต่ำสุดในเดือนมิถุนายนเพื่อตอบสนองต่อธนาคารกลางสหรัฐที่ก้าวร้าวมากขึ้น Tesla (+3.4%) เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ดีที่สุดของ NASDAQ เมื่อวันพุธ การเพิ่มขึ้นของ TSLA ทำให้ราคากลับมาอยู่เหนือ $300 ต่อหุ้น ซึ่งเป็นดินแดนที่หุ้นตกลงต่ำกว่าหลังจากตลาดถล่มในวันอังคาร การช่วยให้ TSLA ปัดเป่าการมองโลกในแง่ร้ายของนักลงทุนในวงกว้างคือการพัฒนาซัพพลายเชนของบริษัท เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Martin Viecha รองประธานฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของ Tesla ได้กล่าวในการประชุมเทคโนโลยี Goldman Sachs ที่ได้รับเชิญเท่านั้น Viecha ตั้งข้อสังเกตว่าห่วงโซ่อุปทานแบตเตอรี่ของ บริษัท นั้นดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และตอนนี้ Tesla สามารถซื้อเซลล์ทั้งหมดที่ต้องการสำหรับทั้งรถยนต์และผลิตภัณฑ์เก็บพลังงานโดย BlackBull_Markets2
KSL - มี swing trade setup ตอนนี้คิดว่ารูปทรงการปรับฐานของ KSL เป็น 3 เหลี่ยม และอาจจะจบเวฟ e ของสามเหลี่ยมแล้ว หากไม่หลุดจุด e คิดว่า KSL สามารถขึ้นไปทดสอบแนวต้านเส้นเขียวที่ 5.88 ได้ R:R 5:1เพิ่มขึ้นโดย UNRPP2214
ch หุ้นipo จากเมื่อวันที่ 12 กย เข้ามาทำราคาขึ้นไป จากราคา ipo ได้ ประมาณ 5 บาท หรือประมาณ 110 % แล้วท้ายตลาด ตบมาด้วยแท่งแดง เนื่องจากเป็น ipo ยังไม่มีข้อมูลกราฟอะไรมาก เห็นรูปแบบสามเหลี่ยมเลือกทาง การเข้าเล่นช่วงนี้ ต้องระวัง เพราะอาจจะขายไม่ทัน หากเบรค 5.02 ได้ น่าตามต่อ หากหลุดสามเหลี่ยมก็อาจมาเทส 3,86 อีกครั้ง ถ้าหลุดตรงนี้ก็รอทรงกราฟใหม่Cโดย NutaponKo6
[Deep Value Scanner] หาหุ้นโคตรปลอดภัย ไม่เสี่ยงล้มละลายและดักVI แสกนหาหุ้น Deep Value โคตรปลอดภัย ไม่เสี่ยงล้มละลาย สำหรับหลักการนี้ต้องขอขอบคุณ คุณเบนจามิน เกรแฮม ผู้เขียนตำรา Security Analysis และหนังสือ The Intelligent Investor และเป็นผู้ริเริ่มการลงทุนแบบ Value Investing แบบ Cigarette Butt ด้วยนะครับ เทคนิคของ Deep Value กับเทคนิคหุ้นการลงทุนแบบ Cigarette Butt นี้ไม่ต่างกันมากเลย นั่นคือการซื้อหุ้นในมูลค่าที่น้อยกว่าทรัพย์สินส่วนของทุนบริษัท ก่อนอื่นขอแนะนำตัวเลข 2 ตัวในการแสกนก่อนนะครับ เพื่อที่ทุกคนจะได้เข้าใจหลักการแสกนนี้ นั่นคือ 1 . Net Debt ซึ่งมีสูตรคือ Cash – (Short Term Debt + Long Term Debt) 2. Enterprise Value มีสูตรคือ (Market Cap + Debt )- Cash โดยทั้งสองตัวเลขนี้ หากมีค่าติดลบก็หมายความว่าผ่านเกณฑ์แล้วครับ หลักการคือเราจะซื้อบริษัท ณ “ราคา” ที่น้อยกว่าเงินสดสุทธิหักลบหนี้สินของบริษัทนั่นเองครับ สำหรับข้อดีข้อเสียของหลักการนี้มีดังนี้ครับ ข้อดี - เราสามารถซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีได้ - สามารถ Unlock Value ได้ ผ่านการเข้าไปถือหุ้น แล้วใช้สิทธิโหวตกดดันให้ผู้บริหารขายทอดกิจการ เพื่อนำเงินสดมาจ่ายสู่ผู้ถือหุ้นได้ - หากมูลค่าทางบัญชีสะท้อนความเป็นจริงแล้ว เหมือนกับการที่เราซื้อหุ้นโดยมีส่วนลด มีความสมเหตุสมผลในการลงทุนในเชิงทฤษฎี (มีหลักยึดในการลงทุนชัดเจน) - สิ่งที่เราต้องทำ มีเพียงอย่างเดียวคือการรอให้มูลค่าปลดล็อค สายกราฟคือหาจุดเข้าซื้อที่ได้เปรียบ เช่นมีการสะสมพอสมควรแล้ว รวมถึงทำท่า Breakout อาจพิจารณาวางกลยุทธ์ได้ ข้อเสียและจุดอ่อน - หากบัญชีมีการตกแต่งขึ้น อาจเป็นอุปสรรคได้ในการรับรู้มูลค่าที่แท้จริง - ราคามักไม่ค่อยมีการขึ้นลงมาก หากไม่มีปัจจัยมาขับมูลค่า เช่น การ Take Over , การขายสินทรัพย์ , การจ่ายเงินปันผลออกมา (ในกรณีที่บริษัทมีแต่เงินสดพร้อมจ่าย) - ราคาหุ้นถูก ณ ตอนนี้ ไม่การันตีว่าจะราคาถูกตลอดไป เช่นกรณีผู้บริหารใช้กลฉ้อฉล อย่างการนำเงินสดไปลงทุนในบริษัทอื่นๆ ซึ่งบริษัทอื่นๆ ที่ว่านี้อาจเป็น Shell Company ที่ผู้บริหารคนนั้นถือหุ้น แล้วตั้งใจทำให้เกิดผลขาดทุน จนต้อง Whiteout ธุรกิจออกไปเกิดความสูญเสียทางบัญชีบริษัทเป็นต้น คัดสรรโดยบรรณาธิการ7การศึกษา19:57โดย EarthSQ552222
THRELกราฟน่าจะพักตัวเสร็จแล้ว ราคาเริ่มยกตัวขึ้นมา แนวกดต่อไปประมาณ 6 บาท งบน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เพราะ การเคลมโควิทน่าจะลดลงแบบมีนัยยะสำคัญ บวกกับแนวโน้มดอกเบี้ยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วTเพิ่มขึ้นโดย HUNTER0505050
CMO ในรอบใหญ่จบ c corretive หรือยัง?จะเห็นได้ว่าชุดคลื่นที่ย่อลงติดแถว 61.8%(มองเป็น a) แล้วเด้งเบาๆ(มองเป็น b) จากนั้นย่อลงต่อ (มองเป็น C) แต่ c of a นั้นมาติดอยู่ที่ 38.2% คงต้องรอดูปิดสิ้นเดือนนี้ว่าจะเด้งขึ้นต่อหรือไหลลงอีก (c ยังไม่จบ?) จังหวะน่า bet คือ แท่งปัจจุบันปิดยืนเขียวได้ มองเป็นจุดรีบาวด์ของชุดคลื่น เป้าหมายที่ 61.8-81% ปล.**เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวและกรณีศึกษาเท่านั้น ไม่แนะนำหรือเชียร์ซื้อเชียร์ใดๆทั้งสิ้น**โดย nye19122
Apple ขึ้นราคา iPhone 14 ในตลาดสำคัญApple ขึ้นราคา iPhone 14 ในตลาดสำคัญ ๆ แม้จะรักษาราคาไว้เท่าเดิมในสหรัฐฯ สิ่งที่จะเกิดขึ้น? ขึ้นราคาของ iPhone 14 series ในตลาดสำคัญๆ หลายแห่ง แม้ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงในสหรัฐอเมริกาก็ตาม ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกที่ขอบฟ้า ทุกสายตาจับจ้องว่า Apple กำหนดราคาผลิตภัณฑ์หลักของตนอย่างไรในงานใหญ่ของ Cupertino ในวันพุธที่เปิดตัว iPhone 14 สี่รุ่น หนึ่งในความประหลาดใจที่ใหญ่ที่สุดคือในสหรัฐอเมริกา Apple รักษาราคาของ iPhone 14 series เหมือนกับที่ชาร์จสำหรับ iPhone 13 รุ่นเทียบเท่า รุ่นพื้นฐานของ iPhone 14 จะเริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจำนวนเดียวกับที่เรียกเก็บครั้งแรกสำหรับ iPhone 13 ของปีที่แล้ว ราคาสูงสุด iPhone 14 Pro Max เริ่มต้นที่ 1,099 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับ iPhone 13 Pro Max การคาดหวังในครั้งนี้? สมาร์ทโฟน Apple รุ่นล่าสุดจะเป็นการทดสอบความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่และนำแบรนด์ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ มาทดลองใช้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าสาเหตุส่วนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นอาจเป็นเพราะต้นทุนส่วนประกอบที่เพิ่มขึ้นและการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ในตลาดที่ Apple ขึ้นราคา “ประเด็นสำคัญคือเงินยูโร และเงินเยนอ่อนค่าลงเล็กน้อยทำให้ราคาสูงขึ้นเล็กน้อย” Neil Shah หุ้นส่วนของ Counterpoint Research กล่าวกับ CNBC ในวันพุธ เงินปอนด์อังกฤษร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์นับตั้งแต่ปี 1985 เงินยูโรยังคงอยู่ในระดับที่เท่าเทียมกับดอลลาร์ และดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนของญี่ปุ่น การวิเคราะห์ของราคา ปัจจัยนี้จะทำให้หุ้นแอปเปิ้ลมีความผันผวนระยะสั้นจึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 153.09 แนวรับที่สองก็คือ 150.96 แนวรับสุดท้ายก็คือ 146.95 แต่ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 156.34 แนวต้านที่สองก็คือ 159.82 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 162.11ลดลงโดย Purich9
ทำไมพลังการพึ่งพาของ Anil Ambani ถึงเพิ่มขึ้น 40%?หุ้นของ Reliance Power (NSE: RPOWER) มีความผันผวนหลังจากบริษัทไฟฟ้าของอินเดียบรรลุข้อตกลงหนี้ระยะยาวสูงถึง 12 พันล้านรูปี (150.4 ล้านดอลลาร์) จากบริษัทไพรเวทอิควิตี้ Varde Partners ซึ่งเป็นบริษัทการลงทุนในสหรัฐฯ ที่เน้นเรื่องสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ในอินเดีย. RPOWER ประกาศข้อตกลงเมื่อวันที่ 5 กันยายน ส่งหุ้นพุ่งขึ้นและเมื่อปิดการซื้อขาย ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 9.9% เป็น 23.30 รูปี เมื่อวันที่ 6 กันยายน หุ้นของบริษัทร่วงลง 6.0% เมื่อปิดการซื้อขายเป็น 21.95 รูปี การเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันของหุ้นของ Reliance Power แม้ว่าจะมีอายุสั้น ทำให้เกิดหมายจับสำหรับคำอธิบายจาก National Stock Exchange of India Ltd. และ BSE Ltd. ในการตอบสนอง บริษัทกล่าวว่าไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาและมั่นใจได้ว่า จะประกาศเมื่อจำเป็น บางทีที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือการขึ้นราคาหุ้นของ RPOWER ก่อนการประกาศ ในช่วงสองวันก่อนการประกาศจะได้รับการยืนยัน หุ้นของ RPOWER เพิ่มขึ้น 37% พลังแห่งการพึ่งพิงในอินเดีย รีไลแอนซ์ พาวเวอร์เป็นบริษัทผลิต ส่ง และจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เป็นบริษัทชั้นนำด้านการผลิตไฟฟ้าของภาคเอกชนและบริษัททรัพยากรถ่านหิน โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคเอกชน โดยอิงจากถ่านหิน ก๊าซ พลังน้ำ และพลังงานหมุนเวียน มีพอร์ตการดำเนินงาน 5,945 เมกะวัตต์ บริษัทไฟฟ้าในเครือ Reliance Group มีมูลค่าตลาด 992.8 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน บริษัทบันทึกผลขาดทุนที่เป็นของเจ้าของบริษัทใหญ่ที่ 708.4 ล้านรูปี เทียบกับกำไร 122.8 ล้านรูปีในงวดเดียวกันของปีก่อน เพื่อรองรับแผนการในอนาคต บริษัทกำลังพิจารณาเพิ่มทุนใหม่จากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือจากข้อตกลงล่าสุดกับ Varde Partners แล้ว Reliance Power กำลังพิจารณาการออกหุ้นทุน หลักทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับตราสารทุน หรือใบสำคัญแสดงสิทธิแปลงสภาพเพื่อสะสมกองทุนที่สามารถใช้งานได้ในระยะยาว คณะกรรมการของบริษัทจะประชุมกันในวันที่ 8 กันยายน เพื่อพิจารณาแผนการระดมทุนในอนาคต ปฏิบัติการภายในกลุ่มบริษัทแอมบานี Reliance Power เป็นส่วนหนึ่งของ Reliance Anil Dhirubhai Ambani Group ซึ่งก่อตั้งโดย Anil Dhirubhai Ambani ส่วนใหญ่ อนิลยังเป็นประธานของ Reliance Power Anil เป็นลูกชายคนสุดท้องของมหาเศรษฐีชาวอินเดีย Mukesh Ambani ประธานและกรรมการผู้จัดการของบริษัท Reliance Industrial (NSE: RELIANCE) ที่ติดอันดับ Fortune 500 ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในอินเดีย พี่น้องแบ่งอาณาจักรธุรกิจของพ่อเมื่อสิบปีที่แล้ว ในขณะที่ Mukesh ซึ่งเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียจนกระทั่ง Gautam Adani มหาเศรษฐีชาวอินเดียสามารถแซงหน้าเขาได้ ยังคงขยายธุรกิจของเขาต่อไป Anil กำลังประสบปัญหากับการที่บริษัทต่างๆ ผิดนัดและอยู่ภายใต้การบริหาร Nikkei Asia รายงานว่า Anil ประกาศตัวเองว่ามีมูลค่าสุทธิเป็นศูนย์ Reliance Capital ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Reliance Power อยู่ในตลาดกับกลุ่มนักลงทุน ซึ่งรวมถึง Hinduja Group และ Oaktree Capital ที่เสนอเงินจำนวน 45 พันล้านรูปีให้กับบริษัทที่ให้บริการทางการเงินที่มีความหลากหลาย Economic Times of India รายงาน นอกจากนี้ ยังมีบริษัทประกันภัยเอกชนรายใหญ่อันดับ 5 ของอินเดีย นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ถือหุ้นในผู้จัดการสินทรัพย์ และหุ้น 51% ของ Reliance Capital ในธุรกิจประกันชีวิตกับ Nippon Life ของญี่ปุ่น รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ แม้ว่าจะยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าปัญหาในปัจจุบันของบริษัทในเครือจะรั่วไหลผ่าน Reliance Power หรือไม่ การสูญเสียครั้งล่าสุดจะไม่เพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนอย่างแน่นอน นอกจากนี้ การริเริ่มการระดมทุนของบริษัทแทบจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าบริษัทอยู่ในสถานะที่ปลอดภัยมากในแง่ของเงินทุนโดย BlackBull_Markets1
Nvidia ดึงความสนใจกลับมาที่การเลือกหุ้นของ Pelosiการลงทุนในหุ้นโดยประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา Nancy Pelosi และสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุน Paul Pelosi กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งหลังจากหุ้นของ Nvidia (NASDAQ: NVDA ) ลดลงอีกครั้งหลังจากที่ทั้งคู่ลดความสนใจในบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เปโลซีเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรหญิงคนแรกของสหรัฐฯ และเป็นรองประธานาธิบดี (รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส) เมื่อพิจารณาถึงตำแหน่งที่เปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว ประเด็นด้านการเงินของเธอและโดยการขยายความของสามี มักจะดึงดูดความสนใจเสมอ ในเดือนกรกฎาคม ทั้งคู่ขายหุ้น Nvidia 25,000 หุ้นในธุรกรรมมูลค่าระหว่าง 1 ล้านดอลลาร์ถึง 5 ล้านดอลลาร์ หุ้นถูกขายที่ 165.05 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสะท้อนถึงการสูญเสีย 340,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 1 กันยายน Nvidia ลดลง 18.3% และหากไม่ใช่สำหรับการทำธุรกรรมในเดือนกรกฎาคม Pelosis จะสูญเสีย 753,000 ดอลลาร์แพลตฟอร์มข่าวกล่าวเสริม แม้ว่าการตัดสินใจอาจเกิดจากสัญชาตญาณของนักลงทุนที่ดี แต่การโต้เถียงกลับถูกทำลายลง การยื่นร่างกฎหมายในสภาคองเกรสและการเยือนไต้หวันทำให้ยากขึ้นที่จะขจัดข้อโต้แย้งบางอย่างไว้ใต้พรม สารกึ่งตัวนำ Boost Paul Pelosi ลงทุนใน Nvidia เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนโดยใช้สิทธิในการเรียกหุ้น 200 รายการสำหรับหุ้นในบริษัทในราคา 100 ดอลลาร์ต่อหุ้น การทำธุรกรรมดังกล่าวยังมีมูลค่าระหว่าง 1 ล้านดอลลาร์ถึง 5 ล้านดอลลาร์.. เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กฎหมาย CHIPS ได้รับการอนุมัติในสภาคองเกรส ร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งประธานาธิบดีไบเดนลงนามในกฎหมายเมื่อเดือนสิงหาคม มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างการผลิต การออกแบบ และการวิจัยเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ ตาม TechRepublic กฎหมายจะให้เงิน 52 พันล้านดอลลาร์สำหรับสิ่งจูงใจในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และการลงทุนด้านการวิจัย รวมถึงเครดิตภาษีการลงทุน 25% สำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับบริษัทต่างๆ เช่น Nvidia Charles Gasparino คอลัมนิสต์ของ New York Post ระบุว่าการลงทุนนี้เป็น "โฮมรันล่าสุด" สำหรับ Pelosi ซึ่ง Gasparino เขียนว่า "ได้ฆ่ามันในตลาดหุ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา" ซึ่งชนะบริษัทต่างๆ ที่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายของรัฐบาล สภาคองเกรสเปโลซีสนับสนุนพระราชบัญญัติ CHIPS หลังจากการขายในเดือนกรกฎาคม ผู้คนเริ่มร้องเพลงที่แตกต่างกันซึ่งอาจทำธุรกรรมเพื่อบรรเทาข้อกังวลด้านผลประโยชน์ทับซ้อน หรืออาจเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดอีกอย่างหนึ่ง Nvidia ร่วงลงเกือบ 3% เมื่อปิดการซื้อขายเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา โดยอยู่ในภาวะขาดทุนในสัปดาห์นั้น ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ จำกัดการขายของบริษัทไปยังประเทศจีน อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เชื่อมโยงประธานสภากับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์คือการไปเยือนไต้หวันในวันที่ 2 สิงหาคม การเยือนจีนตามรายงานของ BBC นั้น "ถูกประณามอย่างรุนแรง" โดยเกี่ยวข้องกับการพบปะกับ Mark Liu ประธานผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก ไต้หวัน Semiconductor Manufacturing Co. หรือ TSMC (TPE: 2330) การลงทุนอื่นๆ นอกเหนือจาก Nvidia แล้ว บริษัท Pelosis ยังมีการลงทุนอื่นๆ ในบริษัทมหาชนอีกด้วย Business Insider รายงานในเดือนกรกฎาคมว่าพวกเขามีหุ้นในบริษัทต่างๆ ได้แก่: อัลไลแอนซ์เบิร์นสไตน์ (NYSE: AB), คลาส A (NASDAQ: GOOGL ) และหุ้น C (NASDAQ: GOOG ) ของ Alphabet Amazon.com (NASDAQ: AMZN ), อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (NYSE: AXP ), แอปเปิล (NASDAQ: AAPL ), เทคโนโลยีไมครอน (NASDAQ: MU) ไมโครซอฟท์ (NASDAQ: MSFT ), เพย์พาล (NASDAQ: PYPL ), Salesforce.com (NYSE: CRM ), เทสลา (NASDAQ: TSLA ), วีซ่า (NYSE: V), วอลท์ ดิสนีย์ (NYSE: DIS), และ Warner Bros. Discovery Series A (WNASDAQ: WBD ) การมีส่วนร่วมของประธานเปโลซีในบริษัทเหล่านี้ทำให้เกิดกฎหมายที่จะห้ามสมาชิกรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาซื้อขายหุ้น หลังจากการต่อต้านเป็นเวลาหลายเดือน เปโลซีก็ล้มเลิกการคัดค้านกฎหมายที่เสนอ คนวงในรวมประธานสภาไว้ในรายชื่อสมาชิกรัฐสภาที่ร่ำรวยที่สุด 25 คน โดยมีมูลค่าสุทธิอย่างน้อย 46.1 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางสัญชาตญาณว่าสิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่เธอส่งต่อเพื่อช่วยสามีของเธอในการตัดสินใจลงทุน ส.ส.หญิงกล่าวกับผู้สื่อข่าวในเดือนกรกฎาคมว่าไม่เคยเป็นเช่นนี้โดย BlackBull_Markets1