แนวรับและแนวต้านสำคัญ •แนวรับ: 2681.27 และ 2637.08 •แนวต้าน2748📌มุมมองส่วนตัวและมุมมองของกองทุนและนักวิเคราะห์
จากกราฟทองคำและข่าวสาร วันนี้ (07/11/2024)
📊มีข่าวสำคัญที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะข่าวจากสหราชอาณาจักร (ข่าวGBP19:30น.) ในเรื่องรายงานนโยบายการเงินและการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อค่าเงิน GBP และอาจสร้างความผันผวนในตลาดทองคำ เนื่องจากความเกี่ยวข้องกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
📌ข่าว USD เวลา 20:30 น. จะมีรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ (USD) ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ
มุมมองนักวิเคราะห์และกองทุน
1. แนวโน้มขาลงระยะสั้น: จากกราฟ 4 ชั่วโมง (4H) แสดงการปรับตัวลงของราคาทองคำ โดยราคาอยู่ใต้แนวรับ Fibonacci 0.5 (ที่ระดับ 2694.32) ซึ่งถือเป็นสัญญาณขาลงระยะสั้น หากราคายังคงลงต่อไป อาจมองแนวรับถัดไปที่ Fibonacci 0.618 (ที่ 2706.35) และ 0.786 (ที่ 2725.06) เป็นจุดที่นักลงทุนจับตา
2. ผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ: ข้อมูลการขอรับสวัสดิการว่างงาน (Unemployment Claims) คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 223K จาก 216K ในครั้งก่อน หากออกมาตามคาด อาจส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า และเป็นปัจจัยบวกสำหรับราคาทองคำในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ตลาดอาจมองเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งจะส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าและกดดันราคาทองคำ
3. กลยุทธ์การลงทุน: กองทุนและนักวิเคราะห์หลายรายมองว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้มีความผันผวนสูง การเข้าเทรดอาจต้องรอการยืนยันจากแนวรับที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น ระดับ 2681.27 หรือ 2637.08 หากราคาหลุดระดับเหล่านี้ มีโอกาสที่ทองคำจะปรับลงต่อ ขณะที่จุดแนวต้านสำคัญยังคงอยู่ที่ 2748.89 ซึ่งนักลงทุนสามารถใช้จุดนี้เป็นสัญญาณสำหรับการขาย
📌สรุป
สถานการณ์การเลือกตั้งในสหรัฐฯ ขณะนี้ส่งผลให้ราคาทองคำมีแนวโน้มผันผวนสูง เนื่องจากนักลงทุนยังคงต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงของความไม่แน่นอนทางการเมือง การเลือกตั้งที่สูสีหรือมีผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอนสามารถทำให้ราคาทองคำได้รับแรงหนุนต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนหันเข้าหาทองคำเพื่อลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของตนเอง โดยเฉพาะหากมีการท้าทายหรือมีข้อพิพาทเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นและราคาทองคำอาจสูงขึ้นในระยะสั้น
นักวิเคราะห์จากหลายสถาบันเชื่อว่า ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะได้รับผลบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงในระยะถัดไปและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม หากผู้ชนะการเลือกตั้งดำเนินนโยบายที่กระตุ้นเงินเฟ้อ เช่น การปรับเพิ่มภาษีหรือข้อจำกัดการค้า ก็อาจเพิ่มความไม่แน่นอนและทำให้ทองคำยังคงมีความน่าสนใจต่อไปในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  .