นักลงทุนจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี(Kitco News) – การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024
Steven Lubka หัวหน้า Swan Private ของ Swan Bitcoin กล่าวว่า "ตลาดมีความเห็นตรงกันว่าชัยชนะของทรัมป์จะส่งผลดีต่อ Bitcoin มาก แต่ชัยชนะของแฮร์ริสจะส่งผลเสียอย่างมาก" "แม้ว่าฉันจะเห็นด้วยว่าชัยชนะของทรัมป์จะส่งผลให้ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้นทันที แต่ความคาดหวังเชิงลบต่อการเป็นประธานาธิบดีของแฮร์ริสนั้นเกินจริงไปมาก"
Lubka กล่าวว่า "ไม่น่าเป็นไปได้ที่ Harris จะสามารถบรรลุฉันทามติทางการเมืองเพื่อดำเนินการต่อต้าน Bitcoin ได้อย่างจริงจัง และรัฐบาลของเธอจะใช้งบประมาณเกินดุลจำนวนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยเดียวที่สัมพันธ์อย่างแท้จริงกับประสิทธิภาพในระยะยาวของ Bitcoin" "แม้ว่าฉันคาดหวังว่าจะมีการเทขายในระยะสั้นจากข่าวชัยชนะของ Harris แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin ในระยะยาว"
Matteo Pellegrini ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Orange Pill กล่าวว่า “หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง สหรัฐฯ จะมีประธานาธิบดีคนแรกที่สนับสนุน Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลในประวัติศาสตร์ เมื่อรวมกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและวัฏจักรสี่ปีของ Bitcoin อาจทำให้ราคาพุ่งสูงถึง 120,000 ดอลลาร์ก่อนวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง”
X-indicator
S50Z24 21/09/24 ย่อไม่หลุด 905.6 889.8 ยังขึ้นต่อกรอบ 905.6 - 924
60 ถึงจะขึ้นมาโซนปรับย่อได้
- ถ้ายังไม่มี สญ.กลับตัวลงของ tfเล็ก
- tfเล็ก ยังไม่มี สญ.กลับตัวลง จนกว่าจะฟอร์มหัวลงได้
............................................
60 : ขาขึ้น 00
- ob will os + beardi.+ts = ค้าง os
- os low 889.8 ถ้าไม่หลุดยังขึ้นต่อ
- tf นาที ยังไม่เสียทรง 60 จะยังขึ้นต่อ
.
30 15 : ขาขึ้น พุ่งขู่4
- os ถ้าไม่หลุด os low 905.6 ขึ้นต่อ
- rsi จาก beardi.ทำให้ sto os เทส 905.6
- ยังไม่มี สญ.กลับตัวลง
BTCUSD Daily Analysis 21/9/2024 by TraderTanข่าวต่างประเทศ
วันนี้ Bitcoin ยังคงมีแนวโน้มบวกต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนคือการคาดการณ์ว่า FED อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน ซึ่งทำให้นักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นในสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin
นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกองทุน Spot Bitcoin ETF ที่คาดว่าจะได้รับการอนุมัติจาก SEC ในไม่ช้า ซึ่งช่วยเพิ่มแรงซื้อในตลาดและผลักดันราคา Bitcoin ให้สูงขึ้นอีกด้วย
cr.investing
Trading note: ✅
Buy : 62862.00
✅ Tp: 63664.71 64058.53
❗ SL: 62391.83
เหตุผลในการเข้าเทรด:
ยังคงยึดแผนเดิมในการยกราคาขึ้นต่อ หาจังหวะในการเขาซื้อ
หรือย่อย tf ในการหาจังหวะเข้าซื้อ
fibo : เป็นกลาง
เป้ามหาย 60000 เป้าหมายในการเก็บ 62000
RSI: หักหัวลง
รอให้มีสัญญาณกลับตัว หาจังหวะเข้า
หากรับความเสี่ยงได้และไม่อยากรอสามารถตั้ง Pending Buy Sell บริเวณโซนดังกล่าวได้เลย
แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้ สามารถเข้าซื้อขายได้เลย
โดยสามารถเก็บกำไรระยะสั้น Scalping โดยมีจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน หรือ ถือยาวข้ามวัน ทั้งนี้เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประยะหนึ่ง สามารถตั้ง TSL เพื่อป้องกันกำไร หรือ ทะยอยปิด ออเดอร์ปิดกำไร
ประสบการณ์: เทรดเทรด Rebound เป็นรูปแบบที่นิยมมากเพราะเป็นการตามเทรน และได้ราคาที่ถูก และเป็นรูปแบบที่คาดหวังกำไร RRR เกิน 1:2 ขึ้นไปได้ และเป็นจุดที่ทำให้ราคาได้ราคาที่เปรียบ ซื้อถูกขายแพง เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นิยมใช้เทรด ไม่ว่าจะเป็น เทรดสั้น เทรดยาว
❗นี้เป็นเพียงความคิดส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
EUR/USD: เตรียมพร้อมสำหรับเทรนด์ขาขึ้นใหม่ราคาซื้อขายใกล้เส้นกลางของ Bollinger Bands ซึ่งเป็นสัญญาณของแนวโน้มที่ไม่ชัดเจนหรือระยะสมดุลชั่วคราว การกระจุกตัวของราคารอบๆ เส้นค่าเฉลี่ยนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดไม่มีแนวโน้มที่แข็งแกร่งในระยะสั้น
การขยายวงของ Bollinger Bands ชี้ให้เห็นถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าตลาดอาจกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวของราคาที่มากขึ้น
34 EMA และ 89 EMA อยู่ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน ให้การสนับสนุนและยืนยันว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจกำลังพัฒนา ความจริงที่ว่าราคาอยู่เหนือ EMA ทั้งสองนี้เป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับผู้ที่จับตาดูความต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น
ในบริบทปัจจุบัน เสถียรภาพของราคาและแนวโน้มขาขึ้นเล็กน้อยบ่งชี้ว่า EUR/USD มีแนวโน้มที่จะยังคงพบโมเมนตัมเพื่อทดสอบระดับแนวต้านที่ระบุ นักลงทุนและเทรดเดอร์ควรเตรียมพร้อมสำหรับอัพไซด์ที่แข็งแกร่งขึ้น หากราคาทะลุแนวต้านในปัจจุบันและรักษาโมเมนตัมขาขึ้นเหนือ EMA โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
Gold Faces เผชิญกับการต่อต้านทางจิตวิทยา: การเติบโตจะดำเนินต่อไปกราฟ 4 ชั่วโมงของทองคำแสดงภาพรวมที่ค่อนข้างดีโดยมีโมเมนตัมขาขึ้นอย่างต่อเนื่องและการทะลุเหนือ 34 EMA และ 89 EMA ซึ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ขณะนี้ ราคากำลังเข้าใกล้โซนแนวต้านทางจิตวิทยาที่สำคัญ โดยมีช่วงราคาประมาณ 2,660 ถึง 2,680 ดอลลาร์
แนวโน้มปัจจุบันจะเห็นได้ว่าหลังจากพุ่งขึ้น ทองคำอาจมีการปรับฐานเล็กน้อยก่อนที่จะท้าทายโซนแนวต้านนี้อีกครั้ง จุดสำคัญที่ต้องจับตามองก็คือ ทองคำสามารถรักษาแนวรับที่ประมาณ 2,585,947 ดอลลาร์ได้หรือไม่ เนื่องจากระดับนี้จะเป็นตัวกำหนดความสามารถของราคาในการฟื้นตัวหากมีการลดลงใดๆ เกิดขึ้น
หากทองคำทะลุแนวต้านนี้ ก็อาจมุ่งหน้าไปสู่ระดับราคาใหม่ที่ 2,700 ดอลลาร์ ในทางกลับกัน หากราคาตกต่ำกว่าแนวรับที่ 2,585,947 ดอลลาร์ คุณสามารถวางจุดหยุดขาดทุนที่สมเหตุสมผลใกล้กับ 2,550 ดอลลาร์เพื่อจำกัดความเสี่ยง สิ่งนี้ยังต้องได้รับการพิจารณาในบริบทของปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในช่วงการซื้อขายที่กำลังจะมาถึง
การเลือก Time Frame ในการเทรด Forex ให้เหมาะสมกับแต่ละคนในการเทรด Forex นอกจากการทำความเข้าใจตลาด การวิเคราะห์กราฟ และการจัดการความเสี่ยงแล้ว การเลือก Time Frame หรือช่วงเวลาของกราฟที่เหมาะสมถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สามารถส่งผลต่อความสำเร็จในการเทรดได้อย่างมาก การเลือก Time Frame ไม่ได้มีผลเพียงแค่รูปแบบของกราฟที่นักเทรดเห็น แต่ยังส่งผลถึงความถนัดและความสะดวกในการจัดการเวลาของแต่ละคนด้วย
Time Frame คืออะไร?
Time Frame ในการเทรด Forex หมายถึงช่วงระยะเวลาของแท่งกราฟแต่ละแท่งที่ปรากฏอยู่บนชาร์ต เช่น หากคุณเลือก Time Frame 1 ชั่วโมง หมายความว่าแท่งกราฟแต่ละแท่งจะแสดงการเคลื่อนไหวของราคาในระยะเวลา 1 ชั่วโมง
ในตลาด Forex มี Time Frame ให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่กราฟระยะสั้น (M1 หรือ 1 นาที) จนถึงกราฟระยะยาว (MN หรือ 1 เดือน) นักเทรดสามารถเลือกดูกราฟในช่วงเวลาที่ต่างกันได้ ซึ่ง Time Frame แต่ละช่วงจะให้มุมมองที่ต่างกันในการวิเคราะห์
ประเภทของนักเทรดและ Time Frame ที่เหมาะสม
นักเทรดแต่ละคนมีสไตล์การเทรดและความสะดวกในการจัดการเวลาที่แตกต่างกัน การเลือก Time Frame ที่เหมาะสมจึงควรสอดคล้องกับลักษณะการเทรดของแต่ละคน
1.Scalper (เทรดระยะสั้นมาก)
นักเทรดประเภท Scalper คือผู้ที่ชอบการทำกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ ภายในไม่กี่นาที การเทรดสไตล์นี้ต้องการความรวดเร็วและมีการเข้าและออกจากตลาดบ่อยครั้ง Time Frame ที่เหมาะสมสำหรับ Scalper คือกราฟระยะสั้น เช่น M1 (1 นาที) หรือ M5 (5 นาที) ซึ่งจะทำให้นักเทรดสามารถจับการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างรวดเร็ว
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่ชอบการเทรดบ่อยครั้งในระยะเวลาสั้น
ผู้ที่สามารถติดตามตลาดและมีเวลามากในการดูกราฟ
ผู้ที่ชอบความรวดเร็วในการทำกำไรและทนความเครียดจากความผันผวนได้ดี
2.Day Trader (เทรดระยะวัน)
Day Trader คือผู้ที่มักจะเปิดและปิดออเดอร์ภายในวันเดียวกัน การเทรดประเภทนี้มักจะเน้นการทำกำไรในช่วงระหว่างวันและไม่เปิดออเดอร์ข้ามคืน Time Frame ที่เหมาะสมคือ M15 (15 นาที), M30 (30 นาที) หรือ H1 (1 ชั่วโมง) ซึ่งจะช่วยให้นักเทรดสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะเวลาสั้นถึงปานกลาง
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่ต้องการทำกำไรภายในวันเดียวโดยไม่ต้องถือออเดอร์ข้ามคืน
ผู้ที่มีเวลาติดตามตลาดตลอดทั้งวันแต่ไม่มากพอสำหรับ Scalping
ผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างความเร็วในการเทรดและการวิเคราะห์เชิงลึก
3.Swing Trader (เทรดระยะกลาง)
นักเทรดสไตล์ Swing Trader จะเปิดออเดอร์และถือครองตำแหน่งนานกว่า Day Trader บางครั้งอาจถือข้ามคืนหรือข้ามหลายวัน การเทรดแบบนี้ต้องการการวิเคราะห์ภาพรวมในระยะยาวมากขึ้น Time Frame ที่เหมาะสมสำหรับ Swing Trader คือ H4 (4 ชั่วโมง), D1 (1 วัน) ซึ่งให้ภาพรวมของตลาดในช่วงเวลาที่ยาวขึ้น ช่วยให้การตัดสินใจเทรดแม่นยำขึ้น
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่ต้องการถือออเดอร์ในระยะเวลานานหลายวันหรือนานเป็นสัปดาห์
ผู้ที่ชอบวิเคราะห์แนวโน้มใหญ่ของตลาด
ผู้ที่มีเวลาจำกัดในการเฝ้าตลาดแต่ยังต้องการทำกำไรในระยะกลาง
4.Position Trader (เทรดระยะยาว)
Position Trader มักจะเปิดออเดอร์และถือครองตำแหน่งเป็นเวลานาน อาจเป็นสัปดาห์หรือเดือน ซึ่งนักเทรดประเภทนี้เน้นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจมากกว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิค Time Frame ที่เหมาะสมคือ W1 (1 สัปดาห์) หรือ MN (1 เดือน) ซึ่งจะช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์แนวโน้มใหญ่ของตลาดในระยะยาว
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่ไม่ต้องการเทรดบ่อยแต่ต้องการวิเคราะห์ตลาดในระยะยาว
ผู้ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มใหญ่ของตลาด
ผู้ที่ไม่ต้องการเฝ้าติดตามตลาดบ่อยครั้งและยอมรับการถือออเดอร์นาน
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือก Time Frame
ลักษณะการเทรดของตัวเอง: นักเทรดควรถามตัวเองว่าชอบการเทรดแบบใด เช่น ถ้าชอบการเข้าออกตลาดบ่อยครั้ง ควรเลือก Time Frame สั้น แต่ถ้าชอบการวิเคราะห์แนวโน้มใหญ่ ควรเลือก Time Frame ที่ยาวขึ้น
ระยะเวลาที่ใช้ในการเฝ้าตลาด: หากคุณมีเวลาจำกัดในแต่ละวันในการเทรด Time Frame สั้นอาจไม่เหมาะสม แต่ถ้าคุณสามารถเฝ้าตลาดตลอดเวลา Time Frame สั้นอาจช่วยให้คุณทำกำไรได้เร็วกว่า
ความชำนาญ: นักเทรดมือใหม่มักจะเหมาะกับ Time Frame ที่ยาวขึ้น เช่น H4 หรือ D1 เพราะตลาดมีความเคลื่อนไหวที่ไม่รวดเร็วเกินไป ทำให้สามารถวิเคราะห์และตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
สรุป
การเลือก Time Frame ในการเทรด Forex ควรพิจารณาจากสไตล์การเทรด ลักษณะการใช้ชีวิต และความสามารถในการวิเคราะห์ของนักเทรดแต่ละคน ไม่มี Time Frame ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่การเลือก Time Frame ที่เหมาะสมกับตัวเองจะช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
SET 21/09/24 : 60 อาจย่อลงก่อน ถ้าไม่หลุด 1406 ก็ยังต่อw : อาจทำ ตข.คาดจะกลับเป็นขาขึ้น
- ดึงจน sto ob มีเจ้าเปิดแล้ว
- ob high 1597 ถ้าไม่เบรค ค้าง os ได้
- ย่อลงเข้าซื้อได้ จากเห็นการเปิดของเจ้าแล้ว
.
D : ขาขึ้นจากมีหัวขึ้น(หัก) + เบรค down trend line
- ขึ้น 00 ob ลากเลื้อย ขึ้นแรงมาก ก ก
- rsi ob + hi-beardi. แต่ยังไม่มี สญ.กลับตัวลง เพียงเฝ้้าระวัง
- D ยังขึ้นจากมีหัวพา w ob ต่อได้
.
240 : ขาขึ้น HH HL
- ob + beardi. / os low 1352
120 60 : ขาขึ้น HH HL
- หัวขึ้น พ.2 >161.8
- ob + beardi.รอบ2+ ts = ค้าง os
- os low 1406 ถ้าไม่หลุดยังขึ้นต่อ จะล้างการย่อลงเมื่อเบรค 1462 = ขึ้นต่อ
- จากราคาโดดขึ้นเปิด gap แต่เย็นลงมาปิด gap = คาดแรงขายชนะแรงซื้อ มีโอกาสปรับย่อได้
- 60 ขึ้นมารอบนี้ จาก 5 มีหัวขึ้น
.
5 : มีหัวลง 1459.5
- การลงของ 5 ขอมองเป็นพา 60 os
- 60 os จากมี beardi.รอบ2+ ts
- ให้ยึด 60 เป็นหลัก ถ้าไม่หลุด 1406 ยังขึ้นต่อ
XAUUSD 21/09/24 ขาขึ้นทุก TF M : ขาขึ้น ob แม้มี beardi.
- ob + beardi.2075 ยังไม่มี ts ขึ้นต่อ
- w มีหัวขึ้นพุ่ง 1615 พา M ขึ้น >200
W : ขาขึ้น ob ลากเลื้อย
- D มีหัวขึ้นพา W ขึ้น >00
.
D : ขาขึ้น คาด w.3
- ตข. ขึ้น 00 + ขต.พ ขึ้น >200
- rsi ob beardi.แต่ไม่มี สญ.กลับลง
- ยังไม่มี สญ.กลับตัวลง ยังขึ้นต่อ เพียงเฝ้าระวังเท่านั้น จะลงได้อย่างน้อย 60 ต้องเสียทรงก่อน
- 60 มีหัวขึ้นพา D ob
.
60 : ขาขึ้น คาด w.5
- ตข. ขึ้น >200 + ขต.พ ขึ้น 261.8
- rsi ob beardi.แต่ไม่มี สญ.กลับลง
- ยังไม่มี สญ.กลับตัวลง ก็ขึ้นต่อ เพียงเฝ้าระวังเท่านั้น จะลงได้อย่างน้อย 5 ต้องเสียทรงก่อน
- os low 2547
- การขึ้นของ 60 ถ้า 5 หรือ tf นาทียังไม่เสียทางการขึ้นของ 60 ยังดำเดิมต่อไป
.
5 : ขาขึ้น
- กรอบ 2602.6-2626
- มี beardi.แต่ไม่มี สญ.กลับลง
2024 09 20 GOLD GOLD GOLDวิเคราะห์: TVC:GOLD TVC:GOLD TVC:GOLD
- แนวโน้มตลาด (Trend Analysis) : กราฟแสดงถึงรูปแบบขาขึ้นที่ชัดเจนหลังจากการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและการตั้งตัวในระดับราคาใหม่ พร้อมด้วยการทำ higher highs และ higher lows.
- ระดับราคา : ดูเหมือนว่าราคาอยู่ใกล้กับแนวต้านสำคัญที่ประมาณ $2,617 USD ซึ่งอาจเป็นจุดที่ตลาดจะทดสอบก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขยับต่อหรือกลับตัว.
แนวรับและแนวต้าน :
- แนวต้าน : 2,617 USD เป็นจุดที่ราคาอาจพบกับแรงขายทำกำไร ถ้าทะลุผ่านได้ สามารถมองหาเป้าหมายถัดไปที่ประมาณ 2,650 USD.
- แนวรับ : แนวรับใกล้เคียงอยู่ที่ประมาณ 2,580 USD ที่จุดต่ำก่อนหน้านี้ และอาจจะเป็นจุดซื้อหากราคาหดตัวลง.
Indicators :
- MACD (Histogram) : แสดงการเพิ่มขึ้นของโมเมนตัมบวก อาจบ่งบอกถึงการต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น.
- RSI (Relative Strength Index) : อยู่ในระดับสูงแต่ยังไม่ถึง overbought ซึ่งบ่งบอกว่ายังมีพื้นที่สำหรับการเคลื่อนไหวขึ้นต่อ.
แผนการเทรด :
- กลยุทธ์การ Buy: รอให้ราคาทะลุแนวต้านที่ 2,617 USD แล้วเข้าซื้อโดยตั้งเป้าหมายถัดไปที่ 2,650 USD พร้อมตั้ง stop loss ที่ 2,580 USD.
- กลยุทธ์การ Sell: หากราคาไม่สามารถผ่าน 2,617 USD และแสดงสัญญาณกลับตัว เข้าสถานะขายโดยตั้งเป้าหมายที่ 2,580 USD หรือต่ำกว่านั้น พร้อมตั้ง stop loss อยู่เหนือ 2,620 USD.
สรุป :
ราคาทองคำอยู่ในระยะที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากการทดสอบแนวต้านสำคัญ หากสามารถทะลุผ่านได้ จะยืนยันถึงความต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น ควรจับตาดูพฤติกรรมราคาใกล้แนวต้านเพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสม
XAUUSD 20/09/24 เบรคบนยังคงขึ้นต่อ อาจมีย่อให้ tf เล็กกรณีขึ้น
D 240 60 5 : ขาขึ้น
- os low ใกล้ 2585 ถ้าไม่หลุดยังขึ้นต่อ
- เบรค high ขึ้นต่อ
.
กรณีลง
อย่างน้อย tf เล็กต้องมีหัวลงก่อน
- จากเป็นขาขึ้นแข็งแรงถ้าจะเสียทรงอย่างต้องพังสัก 2 tf
................................
D : ขาขึ้น + beardi. ไม่มี สญ.กลับลง
240 60 : ขาขึ้น + beardi. ไม่มี สญ.กลับลง
60 : os low 2546.8 HH HL
5 : ขาขึ้น
- ข้อต่อ ขึ้นสุด
- ตั้งไข่ 161.8
- อาจเริ่มทำ w.4
- ไม่หลุด 2585
BTCUSD Daily Analysis 20/9/2024 by TraderTanข่าวต่างประเทศ
ตลาด Bitcoin ยังคงอยู่ในสภาวะผันผวน โดยมีแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนต่างจับตาดูแนวโน้มระยะสั้น โดยเฉพาะสัญญาณที่แสดงถึงโอกาสของการฟื้นตัวในตลาดคริปโต แม้ว่าจะยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางของเศรษฐกิจโลกและนโยบายการเงินจากธนาคารกลางที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของ Bitcoin(
นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า Bitcoin กำลังเริ่มเข้าสู่ช่วงขาขึ้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากมีการแสดงสัญญาณทางเทคนิคที่สนับสนุนแนวโน้มดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังมีการเตือนว่าตลาดอาจยังไม่ถึงจุดต่ำสุด และนักลงทุนควรระมัดระวังในการเข้าลงทุนในช่วงเวลานี้
cr.investing
Trading note: ✅
Buy : 62177.36
✅ Tp: 629800 63648.37
❗ SL: 61621.65
เหตุผลในการเข้าเทรด:
ราคาเริ่มที่จะมีการเทขายมาปรับฐาน
ลงมาทดสอบดโซนที่เราวางแผนใว้ ใครที่จะเก็บ ก็ หาจังหวะในการ
fibo : ย่อประมาณ 50-68
เป้ามหาย 60000 เป้าหมายในการเก็บ 62000
RSI: หักหัวลง
รอให้มีสัญญาณกลับตัว หาจังหวะเข้า
หากรับความเสี่ยงได้และไม่อยากรอสามารถตั้ง Pending Buy Sell บริเวณโซนดังกล่าวได้เลย
แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้ สามารถเข้าซื้อขายได้เลย
โดยสามารถเก็บกำไรระยะสั้น Scalping โดยมีจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน หรือ ถือยาวข้ามวัน ทั้งนี้เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประยะหนึ่ง สามารถตั้ง TSL เพื่อป้องกันกำไร หรือ ทะยอยปิด ออเดอร์ปิดกำไร
ประสบการณ์: เทรดเทรด Rebound เป็นรูปแบบที่นิยมมากเพราะเป็นการตามเทรน และได้ราคาที่ถูก และเป็นรูปแบบที่คาดหวังกำไร RRR เกิน 1:2 ขึ้นไปได้ และเป็นจุดที่ทำให้ราคาได้ราคาที่เปรียบ ซื้อถูกขายแพง เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นิยมใช้เทรด ไม่ว่าจะเป็น เทรดสั้น เทรดยาว
❗นี้เป็นเพียงความคิดส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
“ไหล่-หัว-ไหล่”: อัตราความสำเร็จที่แท้จริง“ไหล่-หัว-ไหล่”: อัตราความสำเร็จที่แท้จริง
ไหล่ - หัว - ไหล่ถอยหลัง: ตรวจสอบปริมาตรที่จุดขาดเส้นขีด!!
นี่คือสิ่งที่เราสามารถพูดได้เกี่ยวกับอัตราความสำเร็จของรูปแบบไหล่-หัว-ไหล่แบบกลับหัวในการซื้อขาย:
-รูปแบบหัว-ไหล่แบบกลับหัวถือเป็นหนึ่งในรูปแบบกราฟที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับการคาดการณ์การกลับตัวของตลาดกระทิง
-ตามแหล่งข้อมูลบางแห่ง อัตราความสำเร็จของรูปแบบนี้สูงมาก โดยประมาณ 98% ของกรณีส่งผลให้เกิดภาวะกระทิง
- แม่นยำยิ่งขึ้น ในกรณี 63% ราคาจะถึงเป้าหมายราคาที่คำนวณจากรูปแบบเมื่อคอหัก
-การดึงกลับ (กลับไปที่แนวคอหลังจากการฝ่าวงล้อม) จะเกิดขึ้นใน 45% ของกรณี
-อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตว่าตัวเลขที่มองโลกในแง่ดีเหล่านี้ต้องมีคุณสมบัติ แหล่งข้อมูลอื่นๆ ระบุถึงอัตราความสำเร็จเล็กน้อย ประมาณ 60%
-ความน่าเชื่อถือของตัวเลขขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความเคารพต่อสัดส่วน การหักของคอเสื้อ ปริมาตร ฯลฯ จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์อย่างเข้มงวด
- ขอแนะนำให้ใช้ตัวเลขนี้เพิ่มเติมจากตัวบ่งชี้และการวิเคราะห์อื่นๆ แทนที่จะพึ่งตัวเลขนั้นแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
โดยสรุป แม้ว่าการกลับหัว-ไหล่จะถือเป็นตัวเลขที่น่าเชื่อถือมาก แต่อัตราความสำเร็จที่แท้จริงของมันน่าจะใกล้เคียงกับ 60-70% มากกว่าที่ 98% อ้างกันในบางครั้ง ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและนอกเหนือจากการวิเคราะห์อื่นๆ
-
ไหล่-หัว-ไหล่:
นี่คือสิ่งที่เราสามารถพูดได้เกี่ยวกับอัตราความสำเร็จของรูปแบบไหล่-หัว-ไหล่ในการซื้อขาย:
-รูปแบบ Head-and-Shoulder ถือเป็นรูปแบบกราฟที่น่าเชื่อถือที่สุดรูปแบบหนึ่ง แต่อัตราความสำเร็จที่แน่นอนของรูปแบบนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักวิเคราะห์ทางเทคนิค นี่คือสิ่งสำคัญที่ต้องจำ:
- แหล่งข้อมูลบางแห่งอ้างว่ามีอัตราความสำเร็จที่สูงมาก สูงถึง 93% หรือ 96% อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้อาจเกินจริงและไม่สะท้อนถึงความเป็นจริงของการซื้อขาย
-ในความเป็นจริง อัตราความสำเร็จน่าจะน้อยกว่านี้ การศึกษาที่อ้างถึงระบุว่าราคาบรรลุเป้าหมายประมาณ 60% สำหรับเคสแบบสวมหัวและไหล่แบบคลาสสิก
-สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่า ไหล่-หัว-ไหล่ไม่ใช่รูปร่างที่เข้าใจผิดได้ การมีอยู่ของมันเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะรับประกันการพลิกกลับของแนวโน้ม
-ความน่าเชื่อถือของตัวเลขขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความเคารพต่อสัดส่วน การหักของคอเสื้อ ปริมาตร ฯลฯ จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์อย่างเข้มงวด
-เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์หลายคนแนะนำให้ใช้ตัวเลขนี้นอกเหนือจากตัวบ่งชี้และการวิเคราะห์อื่นๆ แทนที่จะพึ่งพาตัวเลขนี้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า
โดยสรุป แม้ว่ารูปแบบแบบไหล่-หัว-ไหล่ถือเป็นรูปแบบที่เชื่อถือได้ แต่อัตราความสำเร็จที่แท้จริงของรูปแบบนี้น่าจะใกล้เคียงกับ 60% มากกว่าแบบ 90%+ ที่บางครั้งอ้างไว้ ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและนอกเหนือจากการวิเคราะห์อื่นๆ
-
หมายเหตุ: เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว รูปแบบ head-and-shoulder แบบคลาสสิก (ตลาดหมี) จะมีอัตราความสำเร็จที่ต่ำกว่าเล็กน้อย โดยประมาณ 60% ของกรณีที่บรรลุวัตถุประสงค์ด้านราคา
สัญญาณการซื้อขายวันที่ 20 กันยายนการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน
หลังจากการตัดสินใจของเฟด ราคาทองคำแท่งก็เพิ่มขึ้นหลังจากบันทึกการขาดทุนเมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่เข้าข้างการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ใหญ่กว่าจากสองครั้งที่วอลล์สตรีทคาดหวัง โดยให้เหตุผลในการตัดสินใจโดยชี้ไปที่อัตราเงินเฟ้อที่กำลังดำเนินไปอย่างยั่งยืนตามเป้าหมาย 2% ของเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดเน้นย้ำว่าเฟดสามารถรักษาความแข็งแกร่งของแรงงานได้โดยการปรับนโยบาย
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลตำแหน่งงานในสหรัฐฯ กำลังได้รับความสนใจหลังจากการกล่าวสุนทรพจน์ของพาวเวลล์ที่ Jackson Hole ซึ่งเขาหันความสนใจไปที่การบรรลุคำสั่งการจ้างงานสูงสุด เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งในตลาดแรงงาน
ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐก็เดินตามรอยเท้าทองคำ โดยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีให้ผลตอบแทน 3.74% เพิ่มขึ้น 3 จุดครึ่ง อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ล้มเหลวในการสนับสนุนดอลลาร์ซึ่งตามดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ลดลง 0.31% สู่ 100.62
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ช่วงราคาที่ต้องให้ความสนใจในเซสชั่นยุโรปวันนี้คือ 2610 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดใหม่ของ ATH หากในช่วงกลางของเซสชั่นยุโรป ราคาไม่สามารถทะลุโซนนี้ได้ คุณสามารถขายทองคำไปยังโซนเบรกเอาท์ได้เมื่อเซสชั่นยุโรปอยู่ที่ 2600-2595 เมื่อเซสชั่นอเมริกาเข้ามาและไม่สามารถทะลุโซน 2595 ได้ ให้ซื้ออีกครั้งและถือระยะยาวต่อไปรวมกับสัญญาณซื้อเก่าในโซน 254x 247x ในวันก่อนหน้า เรามีสัญญาณซื้อระยะยาวสูงถึง 27xx
สัญญาณการซื้อขาย
การฝ่าวงล้อมขอบบน: 2593 - 2600 -2605 - 2615
แนวต้านบน: 2593 - 2600 -2605 - 2615
ทะลุเขตแดนล่าง: 2580 - 2572 - 2565 - 2557 - 2550
รองรับ:2580 - 2572 - 2565 - 2557 - 2550
ขาย 2613 - 2615 หยุดขาดทุน 2619
ซื้อ 2580 - 2578 หยุดขาดทุน 2574
ซื้อ 2567 - 2565 หยุดขาดทุน 2561
มุมมองทองคำ 20-09-67มุมมองทองคำ 20-09-67
ราคาทองคำทำ ATH ใหม่ โดยได้แรงสนับสนุนจาก สกุลเงิน JPY ที่แข็งค่ากดดันดอลล่าในวันนี้
ราคาขึ้นมาเจอแนวต้านที่ 2608 แล้วราคายังไม่ย่อแรงทำให้มีมุมมองว่าอาจจะขึ้นไปถึงแนวต้านถัดไปที่ 2616-22 ได้ครับ
ปล. เดี๊ยวอัพเดทในกลุ่มอีกทีนะครับ
สนใจเข้ากลุ่มได้ฟรี ทักมานะครับ
USD/JPY พลิกขึ้น: โอกาสในการซื้อระยะสั้นโดยมีเป้าหมายกำไรที่ชัดเการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับคู่ USD/JPY บนกราฟ 4 ชั่วโมงแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากพบแนวรับที่แข็งแกร่งใกล้ระดับ 142,000 เส้น EMA 34 และ EMA 89 กำลังตัดกัน ซึ่งเป็นหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มขาขึ้น การตีกลับจากราคาปัจจุบันอาจนำไปสู่โอกาสในการซื้อที่ดี โดยตั้งเป้าหมายกำไร (TP) ไว้ที่ 143,800 ซึ่งใกล้เคียงกับแนวต้านก่อนหน้า
ในแง่ของการบริหารความเสี่ยง ควรวาง Stop Loss (SL) ไว้ที่ 142,000 เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวขาลงที่ไม่พึงประสงค์ ปกป้องเงินทุนในกรณีที่มีแนวโน้มขาลงที่ไม่คาดคิด เมื่อเข้าใกล้สัปดาห์การซื้อขายใหม่ ผู้ลงทุนควรติดตามพัฒนาการของตลาดอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์จริง
ข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นบวกและสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย BoE กราฟ GBP/USD แสดงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยราคาทะลุเหนือทั้ง 34 EMA และ 89 EMA ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง การเพิ่มขึ้นนี้ได้รับการสนับสนุนจากข่าวเชิงบวกจากสหราชอาณาจักร ซึ่งรวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงในตลาดแรงงานและผู้บริโภค
บนกราฟ 34 EMA ได้ข้ามเหนือ 89 EMA ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มขาขึ้นมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปในระยะสั้น แนวต้านถัดไปสำหรับคู่ GBP/USD อาจอยู่ที่ประมาณ 1.3340 - 1.3350 ซึ่งอาจเผชิญกับการขายทำกำไรหรือแนวต้านทางเทคนิคบางประการ
ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (BoE) ได้ส่งสัญญาณเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งมีส่วนในการเพิ่มมูลค่าของเงินปอนด์ นอกจากนั้น ข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวกเกี่ยวกับการบริโภคและการผลิตยังช่วยเพิ่มแง่ดีเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของ GBP/USD
อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงด้วย เช่น การเจรจา Brexit อย่างต่อเนื่อง และประเด็นการเมืองภายในประเทศในสหราชอาณาจักรที่อาจก่อให้เกิดความไม่มั่นคง ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อเงินปอนด์และทำให้เกิดความผันผวนในตลาดอย่างไม่อาจคาดเดาได้
EUR/USD พบกับแนวต้าน: ทำนายการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปเรียนคุณเทรดเดอร์
ขณะนี้กราฟ EUR/USD แสดงแนวโน้มราคาที่เป็นบวก โดยราคาซื้อขายอยู่ต่ำกว่าบริเวณแนวต้านหลักเล็กน้อย บริเวณนี้ประมาณ 1.11800 ถึง 1.12200 อาจมีอุปทานจำนวนมาก โดยที่เทรดเดอร์สามารถมองหาโอกาสในการทำกำไรหรือเปิดตำแหน่งขาย
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA (34) และ EMA (89) ยังแสดงแนวรับที่ชัดเจนต่ำกว่าราคาปัจจุบัน โดยที่ EMA 34 อยู่เหนือ EMA 89 ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงแรงกระตุ้นการซื้อที่แข็งแกร่งขึ้นและการสนับสนุนตลาดสำหรับเงินยูโรเทียบกับดอลลาร์
ขณะนี้พื้นที่แนวรับหลักอยู่ที่ระดับต่ำกว่าจากประมาณ 1.1100 ถึง 1.1120 หากราคาทะลุต่ำกว่าบริเวณนี้ ก็อาจทำให้โมเมนตัมขาขึ้นในปัจจุบันอ่อนลง และเปลี่ยนเส้นทางความสนใจของตลาดไปยังเป้าหมายราคาที่ต่ำลง
โดยรวมแล้ว ตลาดมีการมองโลกในแง่ดีเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะติดตามระดับแนวต้านและแนวรับเหล่านี้อย่างใกล้ชิดในช่วงการซื้อขายที่กำลังจะมาถึง เพื่อกำหนดทิศทางถัดไปของ EUR/USD
สุดสัปดาห์ที่มั่นคง: ทองคำเตรียมที่จะทะลุทะลวงในสัปดาห์หน้า?กราฟปัจจุบันแสดงการซื้อขายทองคำใกล้ระดับแนวต้านหลักโดยมีแนวโน้มขาขึ้นที่มั่นคง เมื่อปิดเซสชั่นสุดสัปดาห์นี้ ตลาดไม่มีความผันผวนกะทันหันมากนัก ซึ่งสะท้อนถึงเสถียรภาพภายหลังการตัดสินใจของเฟดที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุด เสถียรภาพนี้อาจคงอยู่ไปจนถึงต้นสัปดาห์หน้า เนื่องจากตลาดยังคงประเมินผลกระทบระยะยาวของมาตรการนโยบายการเงินและการพัฒนาเศรษฐกิจมหภาค
ด้วยราคาปัจจุบันใกล้ 2,589 ดอลลาร์ ทองคำมีแนวโน้มที่จะทดสอบแนวต้านที่ 2,599 ดอลลาร์ และหากประสบความสำเร็จ ก็มีแนวโน้มจะขึ้นต่อไป โปรดให้ความสนใจกับช่วงการซื้อขายช่วงเช้าของสัปดาห์หน้า หากทองคำยังคงรักษาโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่งไว้ได้ และไม่มีสัญญาณลบจากตลาด เป้าหมายถัดไปอาจเป็น 2,650 USD
Gold Market Outlook【20 กันยายน 2567】🌟 Gold Market Outlook【20 กันยายน 2567】💰🔍
ทองคำฟื้นตัวหลังเฟดเริ่มรอบลดดอกเบี้ยลึกกว่าเดิม 🏦📉
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยลงครึ่งจุด ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพียงไม่กี่เซนต์จากเพดานสำคัญที่ $2,600 ในเซสชั่นก่อนหน้า 📈🌟
ราคาทองคำสปอตทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $2,599.92 เมื่อวันพุธ หลังจากเฟดปรับลดช่วงอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 50 basis points สู่ระดับ 4.75-5% ซึ่งสอดคล้องกับความคาดหวังของนักเทรดก่อนการประกาศ 💸🎯
นอกจากนี้ ผู้กำหนดนโยบายของเฟดยังคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจะลดลงอีกครึ่งจุดเปอร์เซ็นต์ภายในสิ้นปีนี้ ลดลงหนึ่งจุดเปอร์เซ็นต์เต็มในปีหน้า และลดลงครึ่งจุดเปอร์เซ็นต์ในปี 2569 📅📉
การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก ควบคู่กับการซื้อทองคำอย่างแข็งแกร่งของธนาคารกลางและความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ ได้ผลักดันให้ราคาทองคำทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่หลายครั้งในปีนี้ 🌍💰
ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ทองคำยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ 🔒📊
📈 สรุปภาพทางเทคนิคราคาทองคำวันนี้
ราคาทองคำมีการเคลื่อนไหวในลักษณะพักตัวหลังจากปรับตัวกลับขึ้นมารออยู่เหนือโซนแนวต้านได้อีกครั้ง ทำให้กลยุทธ์การซื้อขายในวันนี้จำเป็นต้องกลับมาเก็งกำไรระยะสั้นตามแนวรับแนวต้านรายวันเช่นเคย #โชคดีมีกำไรทุกท่านครับ 🍀💰
📊 แนวรับ-แนวต้าน (08:45)
💰 ทองคำ XAUUSD
สถานะ: Neutral
🔼 แนวต้าน 3: $2,605
🔼 แนวต้าน 2: $2,600
🔼 แนวต้าน 1: $2,592
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,584
🔽 แนวรับ 2: $2,576
🔽 แนวรับ 3: $2,563
✍️ เรียบเรียงโดย: Beam 🕵️♂️📈✨
SET 20/09/24 ถึงมี beardi.แต่ยังขึ้นต่อ 60 พุ่งขู่2W : คาดทำ w.4 จบ
- ขึ้น >50
- ถึงจะมี hi-beardi.แต่ยังไม่มี ts
D : ขาขึ้น จากมีหัว(หัก) ขึ้น 00
- พา W ob
- rsi sto ob ลากเลื้อย
- gap ที่กระโดดขึ้น ลงไม่ปิดหมด แล้วขึ้นต่อ
60 : ขาขึ้น พุ่งขู่2 ขึ้น 161.8
- rsi sto ลากเลื้อย
- มี beardi. HH HL
- ล่าสุดจาก beardi.+ts แต่พา เบรคบนได้ก็ล้างขึ้นต่อ
5 : ขาขึ้น ถ้าไม่หลุด 1432 HH HL
2024 09 19 GOLD GOLD GOLDวิเคราะห์:
- แนวโน้ม : กราฟแสดงถึงแนวโน้มที่ชัดเจนว่าเป็นขาขึ้น โดยราคาทองคำยังคงมีโมเมนตัมในการขึ้นต่อเนื่อง และมีการทำ Higher Highs และ Higher Lows.
- ระดับราคา: ดูเหมือนว่ากำลังอยู่ในช่วงใกล้แนวต้านสำคัญที่ประมาณ $2,586 USD ซึ่งเป็นโซนที่อาจจะมีการทดสอบและกลับตัว.
แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance):
- แนวต้านแรก: 2,586 USD หากราคาสามารถทะลุผ่านได้จะมีเป้าหมายต่อไปที่ระดับ 2,600 USD.
- แนวรับ: อยู่ที่ประมาณ 2,500 USD ซึ่งเป็นระดับที่ควรเฝ้าดูหากราคาปรับตัวลง.
Indicators:
- **MACD (Histogram):** ยังคงเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงโอกาสที่ราคาจะพักตัว.
- **RSI (Relative Strength Index):** อยู่ในช่วงค่อนข้างสูง แต่ยังไม่ถึงระดับ Overbought (70) ดังนั้นยังมีพื้นที่ให้ราคาทองคำขึ้นต่อไปได้.
แผนการเทรด:
- ถ้าต้องการ Buy: รอให้ราคาทะลุผ่านแนวต้านที่ 2,586 USD อย่างชัดเจน แล้วค่อยเปิดสถานะ Buy โดยตั้งเป้าหมายการทำกำไรที่ 2,600-2,620 USD และตั้ง Stop Loss ใกล้ระดับ 2,550 USD.
- ถ้าต้องการ Sell: หากราคาทองคำไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 2,586 USD และเกิดการกลับตัวลง ให้เปิดสถานะ Sell ตั้งเป้าหมายการทำกำไรที่แนวรับสำคัญที่ 2,500-2,520 USD และตั้ง Stop Loss ไว้ที่เหนือระดับแนวต้าน 2,590 USD.
### สรุป:
ราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่ใกล้ทดสอบแนวต้านสำคัญ ควรระวังการพักตัวหรือลดลงในระยะสั้น ในกรณีที่ราคาทะลุแนวต้านได้ คาดว่าจะมีโอกาสขึ้นต่อ.
BTCUSD : ระบบ CloseAboveEMA120D มีสัญญาณ"ซื้อ" 19/9/2024อธิบาย : ระบบ CloseAbove EMA120 D คือระบบที่จำลองการปิดแท่งเหนือ EMA18 W ให้มาอยู่ใน TF Daily เพื่อที่จะตัดสินใจได้เร็วขึ้น
สำหรับระบบนี้ ผมจะเก็บไว้มอง Trend ใหญ่เท่านั้น เพื่อตัดสินใจในด้าน position sizing หรือเพิ่ม-ลดความเสี่ยง แต่ไม่ค่อยแนะนำให้ใช้ในการ take action ซื้อหรือขายนะครับ เพราะมันจะช้าเกินไปมากๆ ถ้าจะใช้ซื้อขายให้ใช้ระบบอื่นๆ ที่เร็วกว่านี้จะดีกว่าครับ
โดยเมื่อไหร่ที่ราคาวิ่งอยู่เหนือเส้นแนวโน้ม EMA120 Daily = เทรนใหญ่มีโอกาสเป็นขาขึ้น
เมื่อไหร่ที่ราคาวิ่งอยู่ใต้เส้นแนวโน้มนี้ = เทรนใหญ่มีโอกาสเป็นขาลง
ส่วนเมื่อไหร่ที่ตลาด sideway เราก็จะเจอการแทงขึ้นแทงลงไปๆ มาๆ แบบช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานั่นเอง 5555
BTC CloseAboveEMA120D = เขียว ( 19/9/2024 )
------------------
Entry : 61760+-
SL : 56400 (-8.6%)
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )*
* ปัดเศษเพื่อความง่ายต่อการคำนวณ
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2024 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(8Feb-17Mar) ATR = +6.61% ที่ความเสี่ยง 1% ( 6.61R )
(9Apr-14Apr) ATR = -1.06% ที่ความเสี่ยง 1% (-1.06R )
(10Feb-14Apr) BreakHigh = +4.94% ( 4.94R )
(2Feb-17Apr) ActionZone = +9.6% ( 9.6R )
(16May-15Jun) ATR = -0.023%
(19May-18Jun) ActionZone = -0.059%
(1Jan-25Jun) EMA120DCross = +5.95% ( 5.95R )
(16Jul-3Aug) ATR = -0.5%
(16Jul-3Aug) EMA120DCross = -0.5%
(20Jul-5Aug) ActionZone = -0.9%
(24Aug-27Aug) EMA120DCross = -0.7%
(26Aug-30Aug) ActionZone = -0.75%
(24Aug-2Sep) ATR = -1.04%
(14Sep-???) ATR = ?%
(19Sep-???) ActionZone = ?%
(19Sep-???) EMA120DCross = ?%
Sum = 21.56% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง
BTCUSD : ระบบ MACD ตัด 0 (ActionZone) มีสัญญาณ "ซื้อ" 19/9/2024อธิบาย : ระบบ Action Zone หรือ MACD ตัดศูนย์ คือระบบที่ใช้หลักการดูเส้น MACD ว่า เส้นนี้จะตัดกับเส้นศูนย์เมื่อไหร่ โดย ถ้าตัดขึ้นก็จะเป็นสัญญาณซื้อ ถ้าตัดลงก็จะเป็นสัญญาณขาย ถือเป็นระบบ Trend Following ที่ใช้ได้ดีกับตลาดที่มีเทรนจ๋าๆ เช่น BTC
แต่ระบบนี้ก็จะมีจุดอ่อนอยู่หลายจุดเช่นกัน คือ ในช่วงตลาด sideway ออกข้างเราอาจจะเจอ false sig ทำให้ต้องคืนกำไร คืนทุน กันบ่อยๆ ได้ หรือบางทีถ้าตลาดมีการทุบแรงๆ ก็อาจจะทำให้เจอการคืนกำไรหมดเช่นกัน เพราะระบบจะต้องรอ confirm ของเส้น MACD ก่อน ถึงจะยอมขาย ตอนขึ้น บางทีทำให้มันถือได้นาน ถือได้ทน รันเทรนได้นาน แต่ถ้าลงแรงก็จบกัน 555
ความเห็นของรอบนี้ : มาพบกันอีกแล้ว สำหรับสัญญาณซื้อรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของปีนี้ 555 หลายๆ คนที่มาเทรดตามระบบนี้ ก็น่าจะเจอ false sig ช่วงกลางปีไปจนหลอน ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะส่วนใหญ่ที่มาลองใช้ ก็มักจะมาลองหลังจากที่ระบบเห็นกำไรเยอะ + ตลาดพีคไปแล้ว สื่อลงไปแล้ว กันทั้งนั้น ทำให้มือใหม่ก็ต้องโดนรับน้อง กันเป็นเรื่องปกติครับ
ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า การทำตามระบบ Trend Following นี้ ( หรือไม่ว่าระบบไหนๆ ก็ตามแต่ ) position sizing สำคัญมาก เราจะต้องวางความเสี่ยงที่เหมาะสม และคำนวณ positoin size ให้ถูกกับความเสี่ยงที่เรารับได้เสมอ ถ้าคิดอะไรไม่ออก ผมก็คงแนะนำให้ใช้ความเสี่ยงที่ 10% ต่อไม้ ต่อระบบ เช่น ระบบนี้ เขียว มีเงิน 100 บาท ก็ซื้อแค่ 10 บาทพอ อย่าโลภ
เพราะถ้าคุณโลภ หรือขี้เกียจเรียนรู้ ขี้เกียจแบ่งไม้ เวลาที่เจอ false sig รัวๆ เหมือนกลางปีที่ผ่านมา คุณก็จะขาดทุนหนักจนท้อไปซะก่อน และพอท้อ เลิกทำตามระบบไปเมื่อไหร่... หลังจากนั้น มันก็มักจะไปจริงกันซะด้วยสิ 555
BTC Action Zone = เขียว ( 19/9/2024 )
------------------
Entry : 61760+-
SL : 56400 (-8.6%)
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )*
* ปัดเศษเพื่อความง่ายต่อการคำนวณ
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2024 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(8Feb-17Mar) ATR = +6.61% ที่ความเสี่ยง 1% ( 6.61R )
(9Apr-14Apr) ATR = -1.06% ที่ความเสี่ยง 1% (-1.06R )
(10Feb-14Apr) BreakHigh = +4.94% ( 4.94R )
(2Feb-17Apr) ActionZone = +9.6% ( 9.6R )
(16May-15Jun) ATR = -0.023%
(19May-18Jun) ActionZone = -0.059%
(1Jan-25Jun) EMA120DCross = +5.95% ( 5.95R )
(16Jul-3Aug) ATR = -0.5%
(16Jul-3Aug) EMA120DCross = -0.5%
(20Jul-5Aug) ActionZone = -0.9%
(24Aug-27Aug) EMA120DCross = -0.7%
(26Aug-30Aug) ActionZone = -0.75%
(24Aug-2Sep) ATR = -1.04%
(14Sep-???) ATR = ?%
(19Sep-???) ActionZone = ?%
(19Sep-???) EMA120DCross = ?%
Sum = 21.56% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง