Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ทดสอบแนวรับ 1,672 จุด
สงครามการค้าและปัญหาในประเทศกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยให้เกิดการตื่นขาย ดัชนีตลาดปิดส่งท้านสัปดาห์ที่ 1,684.71 จุด ทั้งสัปดาห์ดัชนีตลาดปรับลดลง 33.26 จุด มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 6.07 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นเริ่มกลับมาเป็นบวกในเขตขายมากเกิน แรงซื้อที่กลับเข้ามาจะหนุนให้ดัชนีตลาดระยะสั้นปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล โดยดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,672 จุด ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับลดลง หลังทรัมป์ขู่รีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงจากคลื่น iii) ลงเป็นคลื่น iv) ตามหลักการ Overlapping คลื่น iv) จะไม่ซ้อนทับกับคลื่น i) ดังนั้น คลื่น iv) ไม่ควรปรับลดลงปิดต่ำกว่ากว่า 1,672 จุด ซึ่งเป็นจุดปิดของคลื่น i) ดัชนีตลาดระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับฐานก่อนที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่น v) หรือคลื่น (iii),v) ที่มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,820 จุด
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement ที่ 1,673 จุด แรงซื้อที่มีเข้ามาในช่วงท้ายหนุนดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของช่องว่างที่ 1,683 – 1,693 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นเพื่อปิดช่องว่าง (Filling the gap) ก่อนที่จะปรับตัวลงต่อหรือปรับฐานออกไปอีกระยะหนึ่ง โดยดัชนีตลาดมีแนวรับ 61.8 % Fibonacci Retracement ที่ 1,656 จุดเป็นแนวรับถัดไป
นักเก็งกำไรระยะสั้นควรรอให้สัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อรูป W-shape แต่นักลงทุนที่ซื้อขายเป็นรอบ ควรรอสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายสัปดาห์ สัญญาณ RSI และ MACD เป็นลบ ขณะที่สัญญาณ Modified Stochastic กลับมาเป็นบวกในเขตขายมากเกิน (สัญญาณ Modified Stochastic จะเกิดสัญญาณซื้อระยะสั้น ควรเกิดรูปแบบ W-shape) ดัชนีตลาดระยะสั้นยังอยู่ในช่วงปรับฐานสลับกับการปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,691 – 1,699 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,673 – 1,670 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ถือพอร์ตการลงทุนไว้ที่ 80 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
นักเก็งกำไรระยะสั้นควรรอให้สัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อรูป W-shape แต่นักลงทุนที่ซื้อขายเป็นรอบ ควรรอสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI
ค้นหาในไอเดียสำหรับ "stochastic"
INSET หุ้นปลายน้ำ ที่เกาะเทรนด์ดาต้าเซ็นเตอร์✅ แนวโน้มกราฟ✅
หุ้นมีการเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาลงตั้งแต่ปี 2022 จนถึงช่วงกลางปี 2023
แต่เริ่มมีแรงซื้อกลับขึ้นมาในช่วงปลายปี 2023 – ต้นปี 2024
ปัจจุบันราคายังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าจุดสูงสุดของปี 2024 ที่ประมาณ 3.80 – 4.00 บาท
และล่าสุดอยู่ที่ 2.74 บาท
ซึ่งเป็นโซนที่เคยมีแนวรับในช่วงก่อนหน้า
✅ แนวรับ – แนวต้านสำคัญ✅
แนวรับ:
2.60 – 2.70 บาท (แนวรับระยะสั้น)
2.40 บาท (แนวรับสำคัญ หากราคาหลุดแนวนี้อาจมีแรงขายเพิ่ม)
✅ แนวต้าน:
3.00 บาท (แนวต้านแรก)
3.30 – 3.40 บาท (แนวต้านสำคัญ)
3.80 – 4.00 บาท (แนวต้านใหญ่ หากทะลุขึ้นได้อาจเกิดแนวโน้มขาขึ้น)
✅กลยุทธ์การเทรด✅
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น:
หากราคายังคงทรงตัวบริเวณแนวรับ 2.70 บาท และ Stochastic เกิดสัญญาณกลับตัว อาจพิจารณาเข้าสะสม
จุดทำกำไรระยะสั้นที่แนวต้าน 3.00 – 3.30 บาท
Stop Loss ที่ 2.60 บาท หากราคาหลุดแนวรับนี้
✅สำหรับนักลงทุนระยะยาว:
ควรติดตามแนวโน้มรายไตรมาส และการเติบโตของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์
หากหุ้นสามารถทะลุ 4.00 บาท ได้ อาจเป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นที่ชัดเจน
✅Target Price✅
โดยอ้างอิงจาก
(1) กราฟเทคนิค (Technical Analysis)
(2) แนวโน้มธุรกิจ Data Center
เพื่อคาดการณ์เป้าหมายราคาของ INSET ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
วิเคราะห์กราฟเทคนิค (Technical Analysis)
จากโครงสร้างกราฟ Timeframe 1D พบว่า
แนวโน้มหลัก (Long-term Trend)
✅ Downtrend ในระยะยาว (2022-2023)
หุ้นอยู่ในแนวโน้มขาลงตั้งแต่ปี 2022 และเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาตั้งแต่ปลายปี 2023
ปัจจุบันหุ้นเคลื่อนไหวในช่วง 2.60 - 3.80 บาท ซึ่งเป็นแนวรับและแนวต้านสำคัญ
✅ เริ่มเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น (Mid-term Trend) ในปี 2024
ราคาหุ้นสามารถกลับมายืนเหนือ 2.50 บาท ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดก่อนหน้านี้
หากหุ้นสามารถทะลุแนวต้านที่ 3.80 - 4.00 บาท ได้ จะเป็นสัญญาณเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่
✅แนวรับ – แนวต้านระยะยาว✅
แนวรับสำคัญ:
2.60 - 2.70 บาท (แนวรับแรก)
2.40 บาท (แนวรับหลัก ถ้าหลุดแนวนี้ มีโอกาสลงแรง)
แนวต้านระยะสั้น:
3.00 - 3.20 บาท (แนวต้านแรก หากทะลุอาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อ)
แนวต้านสำคัญใน 1-2 ปี:
3.80 - 4.00 บาท (แนวต้านแข็งแกร่ง ถ้าผ่านได้มีโอกาสเป็นขาขึ้นรอบใหญ่)
5.00 - 5.50 บาท (เป้าหมายระยะกลาง หากราคาสามารถเบรก 4.00 บาทขึ้นไป)
7.00 - 8.00 บาท (เป้าหมายสูงสุดในกรณีที่ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด)
อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
📉 Stochastic (9,3,3): อยู่ในโซน Oversold (ต่ำกว่า 20) มีโอกาสเด้งกลับ
📉 RSI (14): อยู่ที่ 40.98 ถือว่าเป็นโซน Neutral แต่ยังไม่มีสัญญาณขาขึ้นที่ชัดเจน
🟢 สัญญาณเข้าซื้อ:
หากราคาสามารถยืนเหนือ 2.70 - 2.80 บาท และเกิดสัญญาณกลับตัวใน Stochastic
หรือ หากราคาทะลุแนวต้าน 3.20 - 3.50 บาท มีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 4.00 บาท
วิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจ Data Center
โอกาสเติบโตของ INSET
กระแส Data Center ในไทยเติบโตสูง
บริษัทข้ามชาติ เช่น Google, TikTok, AWS, Microsoft ประกาศลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย
รัฐบาลส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
INSET ได้ประโยชน์จากโครงการ Hyperscale Data Center
บริษัทกำลังเจรจากับพันธมิตรเพื่อรับงาน มูลค่าหลายพันล้านบาท
หากชนะประมูล อาจมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
งานก่อสร้าง Data Center มีอัตรากำไรสูง
โครงการ Data Center มักมี Gross Margin สูงถึง 20-30% เมื่อเทียบกับงานก่อสร้างทั่วไป
โครงการ 5G & Cloud Computing ช่วยหนุน INSET
บริษัทได้รับงานก่อสร้าง Fiber Optic, ระบบ 5G และโครงข่าย Cloud
เป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็ว คาดการณ์ CAGR สูงกว่า 15% ต่อปี
ประเมินราคาเป้าหมาย (Target Price)
กรณี Conservative (ฐานล่าง)
ถ้าราคาหุ้นยังไม่สามารถทะลุ 3.80 - 4.00 บาท อาจแกว่งตัวในช่วง 2.50 - 3.50 บาท
Target Price: 3.50 - 4.00 บาท (เติบโตปานกลาง)
กรณี Base Case (เติบโตตามแผน)
หากบริษัทสามารถ ได้งาน Hyperscale Data Center และรายได้โตตามเป้า
ราคาหุ้นอาจสามารถ Breakout เหนือ 4.00 บาท
Target Price: 5.00 - 5.50 บาท (คาดการณ์ 1-2 ปี)
กรณี Bullish Case (ขาขึ้นเต็มตัว)
หาก INSET ชนะประมูลงานขนาดใหญ่ + อุตสาหกรรม Data Center โตเร็วกว่าคาด
ราคาหุ้นอาจสามารถกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 7.00 - 8.00 บาท
Target Price: 7.00 - 8.00 บาท (กรณีดีที่สุด)
สรุปกลยุทธ์ลงทุน
🔹 นักลงทุนระยะสั้น (Swing Trade):
ซื้อตรงแนวรับ 2.70 - 2.80 บาท และขายทำกำไรที่ 3.50 - 4.00 บาท
ตั้ง Stop Loss หากราคาหลุด 2.60 บาท
🔹 นักลงทุนระยะกลาง - ยาว (1-2 ปี):
สะสมเมื่อราคาทรงตัวเหนือ 3.00 บาท
เป้าหมายกำไร 5.00 - 5.50 บาท และกรณีดีที่สุดอาจไปถึง 7.00 - 8.00 บาท
หากราคาหลุด 2.50 บาท ควรทบทวนแผนลงทุน
✅สรุปแนวโน้มราคาเป้าหมาย INSET (1-2 ปี)✅
กรณี----------------------------------ราคาเป้าหมาย (บาท)-------เงื่อนไขสำคัญ
ฐานล่าง (Conservative)------------3.50 ---------4.00----------ธุรกิจเติบโตปกติ ไม่มีงาน Hyperscale
เติบโตปานกลาง (Base Case)------5.00 ---------5.50----------ได้รับงาน Hyperscale Data Center
ขาขึ้นเต็มตัว (Bullish Case)--------7.00 ---------8.00----------ชนะงานขนาดใหญ่ + อุตสาหกรรมโตเร็ว
หากต้องการลงทุนใน INSET ระยะ 1-2 ปี
ควรจับตาแนวต้านที่ 4.00 บาท
หากทะลุได้จะเป็นสัญญาณบวกของแนวโน้มขาขึ้น
#หมายเหตุ🚀
ไม่ได้ชี้นำการลงทุน เป็นเพียง การบันทึก ไอเดียร์การวิเคราะห์
Gartley Pattern Gartley Pattern:
นี่เป็นรูปแบบ Harmonic ที่บ่งบอกถึงจุดกลับตัวของราคา โดยการใช้ Fibonacci Ratios เพื่อระบุจุดต่างๆ ของกราฟ เช่น จุด X, A, B, C, และ D
จุด D เป็นจุดสำคัญในการเทรด ซึ่งเป็นจุดกลับตัวที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น
ตำแหน่ง Entry และ Targets:
Entry: 65,033.77 USD
Stop (จุดตัดขาดทุน): 70,048.85 USD (ความเสี่ยงประมาณ 7.71%)
มี 4 Targets (เป้าหมายการทำกำไร):
Target 1: 60,756.59 USD
Target 2: 58,553.24 USD
Target 3: 56,349.88 USD
Target 4: 49,217 USD (เป้าหมายสุดท้าย)
Stochastic Indicator:
มีการใช้ Stochastic Oscillator ที่ด้านล่างของกราฟเพื่อดูสัญญาณการ Overbought (ซื้อเกิน) และ Oversold (ขายเกิน)
ขณะนี้ Stochastic อยู่ในโซนสูง (ใกล้ 100) ซึ่งแสดงถึงสัญญาณ Overbought อาจบ่งบอกว่าราคาอาจจะมีการย่อตัวหรือกลับตัวในไม่ช้า
XAU/USD ขาลง (ความมั่นใจ: ปานกลาง) ความน่าจะเป็นที่คาดการณ์: 60%คู่สกุลเงิน: XAU/USD (ทองคำ/ดอลลาร์สหรัฐ)
ทิศทางที่คาดการณ์: ขาลง (ความมั่นใจ: ปานกลาง)
เป้าหมายราคา (TP): 2,630 ภายใน 4 ชั่วโมง
หยุดขาดทุน (SL): 2,680
ความน่าจะเป็นที่คาดการณ์: 60% (อ้างอิงจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยข่าวสาร)
เหตุผลสนับสนุน: ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเช่น MACD, RVI และ Heikin Ashi Candles แสดงสัญญาณขาลง ขณะที่ RSI และ Stochastic Oscillator ชี้ไปในทิศทางที่เป็นกลางถึงซื้อมากเล็กน้อย Bollinger Bands แสดงความผันผวนสูง โดยราคาน่าจะปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับที่ประมาณ 2,630 ในช่วง 4 ชั่วโมงข้างหน้า
2. ปัจจัยข่าวสารเศรษฐกิจ:
ข่าวสารเศรษฐกิจ: ไม่มีข่าวสารสำคัญที่จะส่งผลกระทบโดยตรงกับทองคำในวันนี้ การเคลื่อนไหวของราคาน่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเทคนิคเป็นหลัก
ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดตัววันนี้อย่างไร: ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดตัวคงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ จึงไม่น่าจะมีผลกระทบมากต่อราคาทองคำในระยะสั้น
การคำนวณความน่าจะเป็น:
คะแนนรวมจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้ดังนี้:
RSI: 5/10 (เป็นกลาง)
MACD: 6/10 (ขาลง)
Bollinger Bands: 6/10 (ความผันผวนสูง)
RVI: 6/10 (ขาลง)
Stochastic Oscillator: 4/10 (ซื้อมาก)
Fibonacci Retracement: 5/10 (ใกล้แนวต้าน)
ADX: 5/10 (แนวโน้มอ่อน)
Volume: 5/10 (ปริมาณปานกลาง)
ATR: 6/10 (ความผันผวนสูง)
Heikin Ashi: 6/10 (ขาลง)
CCI: 4/10 (ซื้อมาก)
คะแนนรวม = (5+6+6+6+4+5+5+5+6+6+4) = 58/100
เมื่อรวมกับปัจจัยข่าวเศรษฐกิจ คาดว่าความน่าจะเป็นของการปรับตัวลงอยู่ที่ประมาณ 60%
ข้อสรุป:
ราคาทองคำ (XAU/USD) มีแนวโน้มปรับตัวลงในช่วง 4 ชั่วโมงข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่ระดับแนวรับ 2,630 ปัจจัยทางเทคนิคหลายตัว เช่น MACD, RVI, และ Heikin Ashi Candles ต่างแสดงสัญญาณขาลง ขณะที่ Stochastic Oscillator และ CCI บ่งชี้ถึงภาวะซื้อมาก
HeNG HeNG//@version=5
strategy("Gold Trading Strategy", overlay=true)
// Input parameters
k_period = input(14, title="Stochastic %K Period")
d_period = input(3, title="Stochastic %D Period")
smooth_k = input(3, title="Stochastic Smoothing")
sma_50 = ta.sma(close, 50)
sma_200 = ta.sma(close, 200)
= ta.stoch(k_period, d_period, smooth_k)
// Buy condition
buy_condition = ta.crossover(k, d) and k < 20 and close > sma_50 and close > sma_200
if (buy_condition)
strategy.entry("Buy", strategy.long)
// Sell condition
sell_condition = ta.crossunder(k, d) and k > 80 and close < sma_50 and close < sma_200
if (sell_condition)
strategy.entry("Sell", strategy.short)
// Plotting
plot(sma_50, color=color.blue, title="SMA 50")
plot(sma_200, color=color.red, title="SMA 200")
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ทดสอบแนวต้าน 1,280 จุด
แรงซื้อที่กลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มนำตลาด หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,263.71 จุด เพิ่มขึ้น 13.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.2 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลที่กลับมาเป็นบวก ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,280 จุด ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 16
“ทรัมป์อารมณ์แปรปรวน” ทรัมป์กลับมาลงนามให้การสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังระงับการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวกับพรรคเดโมเครตก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาปิดบวกอย่างร้อนแรง
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,269 จุด และมีกรอบบนของช่องแนวโน้มขาลงเป็นแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,280 จุด ที่มีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงเป็นแนวต้านร่วม หลังดัชนีตลาดปรับตัวลงไปทำจุดต่ำที่ 1,231 จุด เกิดสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI ซึ่งเป็นสัญญาณปลายตลาดขาลง ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,293 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น ii) ซึ่งมีแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement เป็นเป้าหมายอยู่ที่ 1,212 จุด ดัชนีตลาดจะยืนยันการจบคลื่นปรับเมื่อดัชนีตลาดสามารถปรับตัวขึ้นปิดเหนือ 1,300 จุด ก่อนที่จะปรับขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น iii),v ซึ่งมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,454 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI กลับมาเป็นบวกในเขตขายมากเกิน สัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคัล ขณะที่สัญญาณ RSI เกิดสัญญาณ Bullish Divergence ซึ่งเป็นสัญญาณปลายตลาดขาลง แต่สัญญาณ MACD เป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดระยะยาวยังไม่ชัดเจน
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,275 – 1,287 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,251 – 1,241 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ทยอยเข้าซื้อบางส่วน เมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,270 จุด และจะทยอยเข้าซื้ออีกครั้งเมื่อสัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
สัญญาณซื้อทางเทคนิคัล
แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,250.15 จุด เพิ่มขึ้น 7.16 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.65 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเริ่มกลับมาเป็นบวกและสัญญาณระยะสั้นเกิดสัญญาณซื้อ ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,265 จุด ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 15
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันอังคาร (6/10) ตลาดปรับตัวลดลงทั้ง 3 ดัชนีหลัก หลังทรัมป์ประกาศระงับการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กับสภาคองเกรส ออกไปเป็นหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี 3 พฤศจิกายน
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวแคบๆเข้าหาแนวต้านกรอบบนของช่องแนวโน้มขาลงที่ 1,265 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 1,231 จุด แท่งเทียนเกิดเป็น Harami and Hammer ในเขตขายมากเกิน และเกิดสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI ซึ่งเป็นสัญญาณปลายตลาดขาลง ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ดัชนีตลาดระยะสั้นปรับตัวเพื่อปรับฐาน ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,294 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น ii) ซึ่งมีแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement เป็นเป้าหมายอยู่ที่ 1,212 จุด ดัชนีตลาดจะยืนยันการจบคลื่นปรับเมื่อดัชนีตลาดสามารถปรับตัวขึ้นปิดเหนือ 1,300 จุด ก่อนที่จะปรับขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น iii),v ซึ่งมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,454 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI กลับมาเป็นบวกในเขตขายมากเกิน สัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคัล ขณะที่สัญญาณ RSI เกิดสัญญาณ Bullish Divergence ซึ่งเป็นสัญญาณปลายตลาดขาลง แต่สัญญาณ MACD เป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดระยะยาวยังไม่ชัดเจน
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,260 – 1,277 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,239 – 1,231 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ทยอยเข้าซื้อบางส่วน เมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,270 จุด และจะทยอยเข้าซื้ออีกครั้งเมื่อสัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
สัญญาณ Bullish Divergence
ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวแคบเนื่องจากตลาดขาดปัจจัยบวก ดัชนีตลาดปิดที่ 1,242.99 จุด เพิ่มขึ้น 5.45 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3.9 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเริ่มกลับมาเป็นบวกในเขตขายมากเกิน สัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI ซึ่งเป็นสัญญาณปลายตลาดขาลง ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 14
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันจันทร์ (5/10) 3 ดัชนีหลักปรับตัวขึ้น ขานรับข่าวทรัมป์ฟื้นตัวจากการติดโควิด-19 นักลงทุนหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะผ่านสภาคองเกรสในเร็วๆนี้
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวแคบๆเหนือแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement ที่ 1,212 จุด ดัชนีตลาดเคลื่อนตัวอยู่ในช่องแนวโน้มขาลง สอดคล้องกับการเรียงตัวของเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลง ดัชนีตลาดปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 1,231 จุด แท่งเทียนเกิดเป็น Harami and Hammer ในเขตขายมากเกิน และเกิดสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI ซึ่งเป็นสัญญาณปลายตลาดขาลง ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล โดยมีกรอบบนของช่องแนวโน้มขาลงทำหน้าที่เป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,267 จุด ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,295 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น ii) ซึ่งมีแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement เป็นเป้าหมายอยู่ที่ 1,212 จุด ดัชนีตลาดจะยืนยันการจบคลื่นปรับเมื่อดัชนีตลาดสามารถปรับตัวขึ้นปิดเหนือ 1,300 จุด ก่อนที่จะปรับขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น iii),v ซึ่งมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,454 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI กลับมาเป็นบวกในเขตขายมากเกิน สัญญาณ Modified Stochastic ก่อตัวรูปแบบ W-shape ขณะที่สัญญาณ RSI เกิดสัญญาณ Bullish Divergence ซึ่งเป็นสัญญาณปลายตลาดขาลง แต่สัญญาณ MACD เป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดระยะยาวยังไม่ชัดเจน
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,254 – 1,264 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,232 – 1,220 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ทยอยเข้าซื้อบางส่วน เมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,270 จุด และจะทยอยเข้าซื้ออีกครั้งเมื่อสัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อรูป W-shape
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
แกว่งตัวลงเพื่อปรับฐาน
แรงขายที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง ฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงและเกิดสัญญาณขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,247.59 จุด เพิ่มขึ้น 10.55 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.98 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเริ่มกลับมาเป็นบวกในเขตขายมากเกิน ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 12
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันพฤหัสบดี (1/10) ดัชนีหลักปรับตัวขึ้นโดยตลาดได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ตัวเลขการว่างงานที่ดีกว่าคาด สภาคองเกรสยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวแคบๆและปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 1,232 จุด แท่งเทียนเกิดเป็น Harami ขาลง ดัชนีตลาดเคลื่อนตัวไปตามช่องแนวโน้มขาลง เนื่องจากเส้น MMA2 เรียงตัวแบบตลาดขาลง และมีกรอบบนของช่องแนวโน้มขาลงทำหน้าที่เป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,272 จุด ดัชนีตลาดยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement ที่ 1,212 จุด และมีแนวต้าน 38.2% Fibonacci Retracement เป็นแนวต้านร่วมอยู่ที่ 1,269 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น ii) ซึ่งมีแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement เป็นเป้าหมายอยู่ที่ 1,212 จุด ดัชนีตลาดจะยืนยันการจบคลื่นปรับเมื่อดัชนีตลาดสามารถปรับตัวขึ้นปิดเหนือ 1,317 จุด ก่อนที่จะปรับขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น iii),v ซึ่งมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,454 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI กลับมาเป็นบวก โดยสัญญาณ Modified Stochastic เริ่มปรากฏรูปแบบ W-shape ในเขตขายมาเกิน สัญญาณ MACD เป็นลบ สัญญาณทางเทคนิคัลชี้ว่าดัชนีตลาดระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัลเพื่อปรับฐาน
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,259 – 1,269 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,237 – 1,226 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ทยอยเข้าซื้อบางส่วน เมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,270 จุด และจะทยอยเข้าซื้ออีกครั้งเมื่อสัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อรูป W-shape
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
สัญญาณบวกเริ่มกลับมา
หลังจากที่นักลงทุนเริ่มผ่อนคลายการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส นักลงทุนเริ่มกลับเข้าตลาดทุน แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มนำตลาด หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,519.38 จุด เพิ่มขึ้น 23.32 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.86 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเริ่มกลับมาเป็นบวก โดยดัชนีตลาดยังเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ขณะที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนบวก จากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก หลังดัชนีตลาดปรับตัวลดลงทดสอบแนวรับของช่องแนวโน้มขาลงที่ 1,505 จุด ตามหลักการของ Granville ดัชนีตลาดจะปรับตัวเข้าหาแนวต้านของเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลง โดยมีช่องว่างขาลงที่ 1,546 – 1,569 จุด เป็นแนวต้านร่วม ดัชนีตลาดระยะสั้นแม้จะมีทิศทางปรับตัวขึ้น แต่จะเป็นการปรับตัวขึ้นเพื่อลงหรือปรับฐาน
จากกราฟรายสัปดาห์ แม้ดัชนีตลาดจะมีทิศทางปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น 4) ในหลักการ Overlapping ของคลื่นเอลเลียต คลื่น 4) ต้องไม่ซ้อนทับกับคลื่น 1) ที่ 1550 จุด สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดปิดที่ 1,514 จุด ทำให้คลื่นที่ปรับตัวลงไม่เป็นไปตามหลักการของ Overlapping ซึ่งจะทำให้ต้องมีการปรับการนับคลื่นใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามทฤษฎีของคลื่นเอลเลียต
ภาพรายสัปดาห์ล่าสุด แสดงถึงการปรับการคลื่นเอลเลียตใหม่เพื่อให้สองคล้องกับหลักการของการนับคลื่นเอลเลียต
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ RSI กลับมาเป็นบวก ขณะที่สัญญาณ Modified Stochastic และ MACD เป็นลบ สัญญาณทางเทคนิคัลที่ขัดแย้งกัน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นแกว่งตัวแบบไร้ทิศทาง
สัญญาณ Modified Stochastic มีแนวโน้มที่จะเกิดสัญญาณซื้อรูป W-shape เป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,525 – 1,532 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,513 – 1,507 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มน้ำหนักการลงทุน 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อสัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อรูป W-shape หรือสัญญาณ RSI เกิดสัญญาณ Bullish Divergence
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ระวังหลุด 1,500 จุด
ข่าวการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสอู่ฮั่นที่ขยายวงกว้าง ส่งผลให้เกิดแรงเทขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มนำตลาด ฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงปิดส่งท้ายสัปดาห์ที่ 1,514.14 จุด ทั้งสัปดาห์ดัชนีตลาดปรับลดลง 55.41 จุด มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 6.2 หมื่นล้านบาท ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับทางจิตวิทยาที่ 1,500 จุด ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 ขณะที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงแรง ข่าวการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสในวงกว้าง สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน ดาวโจนส์ดิ่งกว่า 600 จุด ดัชนี VIX Index ชี้ถึงดัชนี S&P 500 เสี่ยงที่จะปรับตัวลงแรง
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ แม้ดัชนีตลาดจะมีทิศทางปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น 4) ในหลักการ Overlapping ของคลื่นเอลเลียต คลื่น 4) ต้องไม่ซ้อนทับกับคลื่น 1) ที่ 1550 จุด สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดปิดที่ 1,514 จุด ทำให้คลื่นที่ปรับตัวลงไม่เป็นไปตามหลักการของ Overlapping ซึ่งจะทำให้ต้องมีการปรับการนับคลื่นใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามทฤษฎีของคลื่นเอลเลียต
ภาพที่ 2 แสดงถึงการปรับการคลื่นเอลเลียตใหม่เพื่อให้สองคล้องกับหลักการของการนับคลื่นเอลเลียต
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำ หลังดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 1,535 จุด เป็นการปรับตัวขึ้นเพื่อปิดช่องว่างขาลง (Filling the gap) ที่ 1,546 – 1,569 จุด เป็นการปิดแบบ Incomplete Filling The Gap เป็นสัญญาณถึงการปรับตัวลงต่อ โดยมีกรอบล่างของช่องแนวโน้มขาลงเป็นแนวรับ และมีแนวรับทางจิตวิทยาที่ 1,500 จุด เป็นแนวรับร่วม
เส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) เรียงตัวแบบตลาดขาลง ยืนยันว่าดัชนีตลาดยังเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง ที่มีแนวรับทางจิตวิทยาอยู่ที่ 1,500 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic กลับมาเป็นบวก (สัญญาณ Modified Stochastic จะเกิดสัญญาณซื้อที่ดี เมื่อมีรูปเป็น W-shape) ขณะที่สัญญาณ RSI และ MACD เป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับฐาน
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,521 – 1,528 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,507 – 1,500 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มน้ำหนักการลงทุน 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อสัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อรูป W-shape หรือสัญญาณ RSI เกิดสัญญาณ Bullish Divergence
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ปรับฐาน
แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มนำตลาด ทำให้ดัชนีตลาดแกว่งแคบๆและปิดลงที่ 1,523.99 จุด ลดลง 0.60 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.37 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นเริ่มกลับมาเป็นบวก ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัลเพื่อปรับฐาน ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ขณะที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาปิดในแดนบวก หลังปรับตัวลดลงในช่วงแรก แรงซื้อที่มีเข้าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หนุนดัชนีกลับมาสดใสในช่วงท้ายตลาด
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวเหนือแนวรับของช่องแนวโน้มขาลงที่ 1,510 จุด แท่งเทียนเกิดเป็น Inverted Hammer และ Hammer ในเขตขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ดัชนีตลาดระยะสั้นปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล กึ่งกลางลำตัวของแท่งเทียน Bearish Candlestick จะทำหน้าที่เป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,536 จุด
เส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) เรียงตัวแบบตลาดขาลง ยืนยันว่าดัชนีตลาดยังเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง ที่มีแนวรับทางจิตวิทยาอยู่ที่ 1,500 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) ลงเป็นคลื่น 4) ตามหลักการ คลื่น 4) ต้องไม่ซ้อนทับกับคลื่น 1) ตามกฎ Overlapping วิกฤติเศรษฐกิจ งบประมาณที่ล่าช้า และการระบาดของโคโรนาไวรัส ทำให้รูปแบบของคลื่นเอลเลียตขาดความชัดเจนและแน่นอน
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic กลับมาเป็นบวก (สัญญาณ Modified Stochastic จะเกิดสัญญาณซื้อที่ดี เมื่อมีรูปเป็น W-shape) ขณะที่สัญญาณ RSI และ MACD เป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับฐาน
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,531 – 1,536 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,519 – 1,513 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มน้ำหนักการลงทุน 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อสัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อรูป W-shape หรือสัญญาณ RSI เกิดสัญญาณ Bullish Divergence
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
สัญญาณซื้อรูป W-shape
แรงขายที่มีออกมาทั้งสัปดาห์ฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงปิดที่ 1,605.96 จุด ทั้งสัปดาห์ดัชนีตลาดปรับลดลง 37.80 จุด มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยลดลงเหลือวันละ 4 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบในเขตขายมากเกิน สัญญาณ Modified Stochastic มีแนวโน้มจะเกิดสัญญาณซื้อรูปแบบ W-shape นักลงทุนทั่วไปยังเป็นกลุ่มที่ซื้อสุทธิต่อเนื่อง ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่ง หนุนตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นปิดในแดนบวก
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดแกว่งตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น ii) ที่จุดต่ำเก่าเป็นเป้าหมายอยู่ที่ 1,590 จุด ดัชนีตลาดจะยืนยันการจบคลื่นปรับและปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) เมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,650 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นและต่อเนื่อง ดังนั้น ดัชนีตลาดจากนี้ไปไม่ปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 1,620 จุด
จากความยาวของคลื่น i) และคลื่น ii) ในขณะนี้ จะมีเป้าหมาย 161.8% Fibonacci Projection ของคลื่น iii) อยู่ที่ 1,748 จุด+/-
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำและปรับตัวลงต่ำกว่าแนวรับที่ 1,609 จุด ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเข้าหาแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 1,590 จุด ปริมาณการซื้อขายลดลง ทำให้ดัชนีตลาดที่ปรับตัวลงมีโอกาสเกิดเทคนิคัลรีบาวน์ โดยมีเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ทำหน้าที่เป็นแนวต้าน
สัญญาณ Modified Stochastic มีแนวโน้มที่จะเกิดสัญญาณซื้อเพื่อเก็งกำไรรูป W-shape โดยมีเป้าหมายทำกำไรระยะสั้นอยู่ที่ 1,635 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบ สัญญาณ Modified Stochastic จะเกิดสัญญาณซื้อที่ดีควรเป็นรูป W-shape
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,610 – 1,615 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,600 – 1,595 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ถือพอร์ตการลงทุนไว้ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต และรอซื้อเพิ่มเมื่อเกิดสัญญาณ Bullish Divergence
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ขาดปัจจัยบวก
ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวแคบๆในทิศทางลง แรงขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มนำตลาด กดดัชนีตลาดปรับตัวลงปิดส่งท้ายสัปดาห์ที่ 1,630.12 จุด ทั้งสัปดาห์ดัชนีตลาดปรับลดลง 11.32 จุด มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 4 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นเริ่มกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,610 จุด ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลง หลังตัวเลขการจ้างงานต่ำกว่าที่คาดและนักลงทุนกังวลถึงเศรษฐกิจโลกที่มีสัญญาณชะลอตัว
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเป็นคลื่น (ii) หลังดัชนีตลาดจบคลื่น (i) ที่ 1,674 จุด ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 50.0% และ 61.8% Fibonacci Retracement ที่ 1,610 จุด และ 1,595 จุด ตามลำดับ ตามหลักการ คลื่น (ii) มีโอกาสจบลงที่ 1,595 จุด แต่ต้องปรับตัวไม่ต่ำกว่า 1,546 จุด
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวแคบๆเหนือแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement ที่ 1,625 จุด แท่งเทียนเกิดเป็น Spinning ตามหลังแท่งเทียนรูป Piercing pattern ในเขตขายมากเกิน เส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ทำหน้าที่เป็นแนวต้าน
ระยะสั้นหากดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,640 จุด ดัชนีตลาดจะมีทิศทางปรับตัวขึ้น และดัชนีตลาดจะมีทิศทางปรับตัวลงหากดัชนีตลาดปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 1,623 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบ โดยสัญญาณ Modified Stochastic ปรับตัวลงเข้าเขตขายมากเกิน จะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไรหนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล สลับกับการปรับตัวลง นักเก็งกำไรระยะสั้นควรรอให้สัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อรูป W-shape
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,636 – 1,642 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,625 – 1,620 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ระยะสั้นควรระวังแรงขายที่แนวต้าน 1,644 จุด+/- นักเก็งกำไรควรกลับเข้าซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไรเมื่อสัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณเป็นรูป W-shape หรือเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,641 จุดและมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท
และสำหรับนักลงทุนควรซื้อหุ้นพื้นฐานไว้ในพอร์ตไม่เกิน 70 เปอร์เซ็นต์ เงินสด 30 เปอร์เซ็นต์
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ปัจจัยลบรุมเร้า
แรงเทขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มนำตลาด ฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยดิ่งลงปิดที่ 1,625.51 จุด ลดลง 13.49 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.4 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบและเริ่มเข้าเขตขายมากเกิน จะทำให้เกิดแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไรเป็นระยะ นักเก็งกำไรระยะสั้นควรสัญญาณซื้อ Modified Stochastic รูป W-shape ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับลดลงหลังเศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณชะลอตัว
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำหลุดแนวรับของเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) แท่งเทียนเกิดเป็น Long Bearish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวเป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,630.5 จุด หากดัชนีตลาดไม่สามารถยืนเหนือ 1,625 จุด ดัชนีตลาดจะปรับลดลงเข้าหาแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement ที่ 1,610 จุด และในกรณที่มีข่าวร้าย (Worst case) ดัชนีตลาดจะปรับตัวลงเข้าหาแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement ที่ 1,595 จุด
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงหลุดแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 1,651 จุด ทำให้ดัชนีตลาดมีแนวโน้มจบคลื่น (i),v) ที่ 1,674 จุด ทำให้คลื่น v) มีลักษณะเป็นคลื่นหดตัว (Truncation wave) ตามหลักการคลื่นเอลเลียตจะทำให้คลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น (ii) มีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงแรงตามมา โดยคลื่น (ii) มีแนวรับที่คำนวณระหว่างจุดต่ำที่ 1,545 จุด กับจุดสูงที่ 1,674 จุดจะได้ 38.2%, 50.0% และ 61.8% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,625 จุด, 1,610 จุด และ 1,595 จุด ตามลำดับ
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบ โดยสัญญาณ Modified Stochastic ปรับตัวเข้าเขตขายมากเกิน จะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล แต่จะเป็นการปรับตัวขึ้นเพื่อลง ระยะสั้นดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,610 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,632 – 1,637 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,619 – 1,613 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
สำหรับนักเก็งกำไรจะกลับเข้าซื้อหุ้น เมื่อสัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อรูป W-shape สำหรับนักลงทุนควรซื้อหุ้นพื้นฐานไว้ในพอร์ตไม่เกิน 70 เปอร์เซ็นต์ เงินสด 30 เปอร์เซ็นต์
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ยืนเหนือ 1,570 จุด
แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมีและค้าปลีก หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยกลับมายืนเหนือ 1,570 จุด ดัชนีตลาดปิดส่งท้ายสัปดาห์ที่ 1,575.13 จุด ทั้งสัปดาห์ดัชนีตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.25 จุด มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 4 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นชี้ว่าดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,597 จุด สถาบันภายในประเทศเป็นกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิ และต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 593 ล้านบาท ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องแตะ 31.982 บาท/ดอลลาร์ สะท้อนถึงเม็ดเงินลงทุนนอกเริ่มไหลกลับ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทกลับมาร้อนแรงขานรับตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง บวกกับเฟดส่งสัญญาณพร้อมปรับนโยบายการขึ้นดอกเบี้ย
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นมาปิดเหนือแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวที่ 1,570 จุด ทำให้การพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น 4,C ยังอยู่ในหลักการ Overlapping ของคลื่นเอลเลียต (ดูจากราคาปิด) สัญญาณทางทางเทคนิคัลจะกลับมาเป็นบวกเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,630 จุด และจะยืนยันการเปลี่ยนทิศทางเป็นตลาดขาขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) เมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,700 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นและต่อเนื่อง โดยดัชนีตลาดมีเป้าหมายการปรับตัวขึ้นเป็นคลื่น 3),5 อยู่ที่ 1,890 จุด
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดเปิดต่ำปิดสูง แท่งเทียนเกิดเป็น Bullish Engulfing ตามหลัง Harami ขาลงในเขตขายมากเกิน ร่วมกับสัญญาณ Bullish Divergence ซึ่งเป็นสัญญาณปลายตลาดขาลง ระยะสั้นดัชนีตลาดจะปรับตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,584 จุด และมีแนวต้าน 38.2% Fibonacci Retracement ที่ 1,597 จุดเป็นแนวต้านถัดไป
ดัชนีตลาดระยะกลางยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง สอดคล้องกับการเรียงตัวของเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลง และจะทำหน้าที่เป็นแนวต้านร่วมเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวขึ้น
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายสัปดาห์ สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI เป็นบวก (สัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อรูป W-Shape) ขณะที่สัญญาณ MACD เป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,597 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,584 – 1,590 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,567 – 1,560 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
กรณีที่ดัชนีตลาดปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,597 – 1,600 จุด สำหรับนักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไรตามสัญญาณซื้อของ Modified Stochastic รูป W-Shape ควรใช้เป็นจุดขายเพื่อทำกำไร หรือปรับพอร์ตเพื่อถือเงินสด ควรถือเงินสดอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ระวังเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวแคบๆและปิดที่ 1,65.94 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3.16 หมื่นล้านบาท บรรยากาศการซื้อขายซบเซาแม้สัญญาณทางทางเทคนิคัลระยะสั้นจะกลับมาเป็นบวก หากดัชนีตลาดไม่สามารถยืนปิดเหนือ 1,584 จุด ดัชนีตลาดจะมีทิศทางปรับตัวลง สถาบันภายในประเทศเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิ ดัชนีตลาดยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลงระยะกลาง ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนบวกเล็กน้อย จับตาผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีน - สหรัฐ ฉุดเศรษฐกิจโลกไม่สดใส เม็ดเงินลงทุนไหลกลับเข้าตลาดทองคำ
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวแคบๆเข้าหาแนวต้านที่ 1,584 จุด (จุดต่ำเก่า) หลังดัชนีตลาดปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 1,546 จุด แท่งเทียนเกิดเป็น Harami Cross และ Harami ขาลงในเขตขายมากเกิน ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัลเข้าหาแนวต้านที่ 1,584 จุด และมีแนวต้าน 38.2% Fibonacci Retracement เป็นแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,596 จุด โดยมีเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงเป็นแนวต้านร่วม
ระยะกลางดัชนีตลาดยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง และจะเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,630 จุด
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น 4 ที่แกว่งตัวลงแบบ A-B-C ตามหลักการ Overlapping คลื่น 4 ไม่ควรปิดต่ำกว่า 1,570 จุด และการปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 1,570 จุด จะทำให้ดัชนีตลาดเปลี่ยนทิศทางเป็นตลาดขาลง ซึ่งเป็นไปตามหลักการทฤษฎีดาว (Dow Theory) และดัชนีตลาดมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,630 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI กลับมาเป็นบวกในเขตขายมากเกิน (สัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อรูป W-shape) ขณะที่สัญญาณ MACD เป็นลบ จะทำให้ดัชนีฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล โดยระยะกลางดัชนีฟิวเจอร์สยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,572 – 1,578 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,560 – 1,555 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
สัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อเป็นรูป W-shape จะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไรระยะสั้น หนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,584 จุด ควรใช้แนวต้านนี้เป็นจุดปรับพอร์ตเพื่อถือเงินสดเพิ่ม ควรถือเงินสดอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
สวัสดีปีกุน
แรงซื้อที่มีเข้ามาเพื่อทำราคาปิด (Window Dressing) ลดช่วงลบของดัชนีตลาดที่กลับมาปิดที่ 1,563.88 จุด ทั้งสัปดาห์ดัชนีตลาดปรับลดลง 31.45 จุด มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 3.5 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเริ่มกลับมาเป็นบวกในเขตขายมากเกิน จะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไรซึ่งจะหนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทางทางเทคนิคัล ต่างชาติและสถาบันภายในประเทศเป็นกลุ่มที่ซื้อสุทธิ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกส่งท้ายปีเก่า ท่ามกลางสงครามการค้าและดอกเบี้ยขาขึ้น ตลาดหุ้นปี 2562 มีแนวโน้มวุ่นวายและสับสนอันเกิดจากอารมณ์ที่แปรปรวนของทรัมป์
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น 4 ที่แกว่งตัวลงแบบ A-B-C ตามหลักการ Overlapping คลื่น 4 ไม่ควรปิดต่ำกว่า 1,570 จุด และการปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 1,570 จุด จะทำให้ดัชนีตลาดเปลี่ยนทิศทางเป็นตลาดขาลง ซึ่งเป็นไปตามหลักการทฤษฎีดาว (Dow Theory) และดัชนีตลาดมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,640 จุด และ 1,700 จุด ตามลำดับ
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวขึ้นปิดบวก (อาจเกิดจากการทำราคาปิดประจำไตรมาส) ทำให้แท่งเทียนเกิดเป็น Harami Cross และ Harami ขาลงในเขตขายมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นปรับตัวเข้าหาแนวต้านของจุดต่ำเก่าที่ 1,584 จุด โดยมีเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงเป็นแนวต้านถัดไป
ภาวะขายมากเกินอาจหนุนดัชนีตลาดระยะสั้นปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้น แต่ระยะกลางดัชนีตลาดยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในช่องแนวโน้มขาลง ดัชนีจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,640 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นและต่อเนื่อง
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายสัปดาห์ สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI กลับมาเป็นบวกในเขตขายมากเกิน (สัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อรูป W-shape) ขณะที่สัญญาณ MACD เป็นลบ จะทำให้ดัชนีฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล โดยระยะกลางดัชนีฟิวเจอร์สยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,570 – 1,580 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,557 – 1,550 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
สัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อเป็นรูป W-shape จะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไรระยะสั้น หนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,584 – 1,590 จุด ควรใช้แนวต้านนี้เป็นจุดปรับพอร์ตเพื่อถือเงินสดเพิ่ม ควรถือเงินสดอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ภาวะขายมากเกิน
แรงเทขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มนำตลาด ฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยที่เปิดสูงลงมาปิดต่ำในช่วงบ่าย ดัชนีตลาดปิดที่ 1,548.37 จุด ลดลง 8.36 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.95 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบในเขตขายมากเกิน จะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไรระยะสั้น หนุนดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทางทางเทคนิคัลแต่จะเป็นการปรับขึ้นเพื่อลง กรณีที่ต้องการเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร ควรรอสัญญาณซื้อของ Modified Stochastic เป็นรูป W-shape สถาบันภายในประเทศเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิ ตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาปิดบวกในช่วงท้ายตลาดหลังจากดิ่งลงในช่วงเช้า จากแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้น
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดช่องว่างขาลง (Closing the window) ที่ 1,576 – 1,589 จุด ดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำแท่งเทียนเกิดเป็น Long Bearish Candlestick กึ่งกลางลำตัวทำหน้าที่เป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,565 จุด ดัชนีตลาดเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาลง สอดคล้องกับการเรียงตัวของเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลง และสัญญาณ DMI ชี้ว่าดัชนีตลาดเป็นขาลง โดยดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลงเข้าหาแนวรับกรอบล่างของช่องแนวโน้มขาลงที่ 1,520 จุด
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเป็นคลื่นปรับคลื่น 4 แบบ A-B-C การที่ดัชนีตลาดปรับตัวลงต่ำกว่า 1,570 จุด จะทำให้คลื่น 4 ซ้อนทับกับคลื่น 1 ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักการ Overlapping ของคลื่นเอลเลียต
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบในเขตขายมากเกิน จะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไรระยะสั้น หนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทางทางเทคนิคัลแต่จะเป็นการปรับขึ้นเพื่อลง กรณีที่ต้องการซื้อเพื่อเก็งกำไร ควรรอให้สัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อเป็นรูป W-shape
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,556 – 1565 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,540 – 1,532 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับกรอบล่างของช่องแนวโน้มขาลงที่ 1,520 จุด ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไรระยะสั้น นักลงทุนควรเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรเมื่อสัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อเป็นรูป W-shape
และการปรับตัวขึ้นปิดช่องว่างขาลงเมื่อวานคือโอกาสปรับพอร์ตเพื่อเงินสดเพิ่มอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ยอดค้าปลีกหนุนดาวโจนส์
ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวแคบๆ หลังดัชนีตลาดหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,570 จุด ดัชนีตลาดปิดที่ 1,556.93 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.28 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบในเขตขายมาเกิน ดัชนีตลาดจะเกิดสัญญาณเพื่อเก็งกำไร เมื่อสัญญาณ Modified Stochastic เกิดเป็น W-shape จะทำให้ดัชนีตลาดปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,620 จุด สถาบันภายในประเทศและนักลงทุนรายบุคคลเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิกว่า 2 พันล้านบาท
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาลง สอดคล้องกับการเรียงตัวของเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลง และสัญญาณ DMI ชี้ว่าดัชนีตลาดยังเป็นตลาดขาลง แท่งเทียนเกิดเป็น Doji สะท้อนถึงการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อกับแรงขายที่มีพละกำลังพอๆกัน หากดัชนีตลาดเปิดต่ำปิดสูง ดัชนีตลาดจะมีทิศทางปรับตัวขึ้น หากดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,585 จุด ดัชนีตลาดจะปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,620 จุด ในกรณีที่ดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำ ดัชนีตลาดจะปรับตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,540 จุด
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเป็นคลื่นปรับคลื่น 4 แบบ A-B-C การที่ดัชนีตลาดปรับตัวลงต่ำกว่า 1,570 จุด จะทำให้คลื่น 4 ซ้อนทับกับคลื่น 1 ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักการ Overlapping ของคลื่นเอลเลียต
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบในเขตขายมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,540 จุด สลับกับการปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัลระหว่างการซื้อขาย จะเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นเมื่อสัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณรูป W-shape
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,564 – 1,570 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,545 – 1,540 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
กรณีที่ดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,585 จุด และสัญญาณ Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อรูป W-shape ควรเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,620 จุด แต่ถ้าดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำ ดัชนีตลาดจะปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,540 จุด
GBP/CHF : มีโอกาสขยับขึ้นหรือไม่สกุลเงินฟรังก์สวิสจะมีโอกาสกดดันคู่เงินนี้ขึ้นหรือไม่
สกุลเงินปอนด์เทียบกับสกุลเงินฟรังก์สวิสยังคงมีโอกาสปรับตัวดีตัวขึ้นหลังจากที่ สกุลเงินปอนด์เริ่มมีการแข็งค่าขึ้นประกอบกับคู่เงินฟรังก์สวิสยังคงมีการดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยที่โดน กดดันมาจากตลาดหุ้นสวิตเซอร์แลนด์ฟิวเจอร์ให้มีการปรับตัวดีตัวขึ้นซึ่งทำให้คู่เงินนี้มีการดีดตัวขึ้นจึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
Screen Shot 2563-02-06 at 03.51.17.png
ถ้าเกิดมีการดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 1.26516 แนวต้านที่สองก็คือ 1.26793 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 1.27011
แต่ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 1.26212 แนวรับที่สองก็คือ 1.26085 ในรอบสุดท้ายก็คือ 1.25832
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ : คู่สกุลอย่างนี้ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญอย่างมากยังคงจำเป็นจะต้องติดตามในส่วนของสกุลเงินปอนด์ที่อาจจะมีความผันผวนเกี่ยวเนื่องกับกระบวนการเจรจากันระหว่างยุโรปกับอังกฤษประกอบกับในส่วนของตลาดหุ้นสวิตเซอร์แลนด์ฟิวเจอร์ทีมันจะกดดันสกุลเงินฟรังก์สวิสอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้
ท่านที่เทรดสกุลเงินนี้ นั้นควรให้สังเกตตาม Zone แนวรับแนวต้าน หรือเรียกว่า (MODULE) ตรงที่แจ้งไว้ด้วยเนื่องจากอาจจะมีความผันผวนจนสุด Zone หรือ (MODULE) ซึ่งในการเทรดนั้นท่านที่ยังไม่มี Order หรือมีออเดอร์ GBP/CHF ติดอยู่ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดด้วยนะครับ
(แนวรับแนวต้านหรือเรียกว่า Module นั้นก็คือ ZONE ดังนั้นเป้าหมายที่แจ้งไปคือ Zone ดังนั้นไม่ต้องตามเป้าหมายเป๊ะแต่ให้ดูตาม Zone เพื่อจะเป็นจุดสำคัญในการตัดสินใจว่าจะเข้าเทรดหรือตัดสินใจของการเข้าออกออเดอร์หรือการจัดการออเดอร์ที่ดีที่สุด
โดยคู่สกุลเงินนี้สามารถใช้กลยุทธ์การซื้อขาย two-stochastics ซึ่งสามารถหาติดตามได้ที่นี่
วิเคราะห์ XAUUSD Timeframe 1 ชั่วโมง (1H) (วันหยุด)📊 ภาพรวมของแนวโน้มราคาทองคำ
🔹 1. รูปแบบ Elliott Wave ที่ผ่านมา
พบว่าโครงสร้างคลื่นก่อนหน้านี้เป็น Impulsive Wave (1-5) ที่สมบูรณ์ และตามมาด้วย Corrective Phase
ขณะนี้ราคาทองคำอยู่ในช่วงจบคลื่นปรับฐานของคลื่นใหญ่ (น่าจะเป็นคลื่น ABC หรือ Zigzag)
🔹 2. การฟอร์ม Bullish Flag (Channel)
ราคาลงมาสร้าง Flag ชัดเจนในลักษณะของการพักฐาน (Consolidation)
การ Breakout ขอบบนของ Flag (ช่วง 3,368 – 3,370) บ่งบอกว่าอาจเริ่ม คลื่นขาขึ้นใหม่
🔹 3. โซน Fibonacci ที่น่าสนใจ
Fibonacci Retracement วัดจากจุดสูงสุดลงมายังฐานล่าง
38.2% อยู่ที่ประมาณ 3,382.896 ระดับ 61.8% ที่ 3,410.026 (เป็นโซนแนวต้านร่วม)
หากราคายืนเหนือ 3,370 ได้อย่างแข็งแกร่ง มีแนวโน้มจะ วิ่งไปเทสต์ระดับ 3,414 – 3,441 ตามลูกศรสีเขียวในภาพ
🔹 4. Stochastic (Oversold Turn Up)
Stochastic Indicator แสดงสัญญาณ Oversold และตัดขึ้น (อยู่ที่ 77.90 และ 80.41)
เป็นอีกปัจจัยเสริมที่สนับสนุนการรีบาวด์ขึ้น
📈 แนวรับ-แนวต้านสำคัญ
แนวรับหลัก 3,352 – 3,340 โซนฐานสำคัญสุดท้าย หากหลุดถือว่าโมเมนตัมขาขึ้นล้มเหลว
แนวต้านแรก 3,391 ระดับย่อยก่อนถึง Fibo 61.8%
แนวต้านหลัก 3,414 – 3,441 โซนเป้าหมายตามการวัด Projected Move หลัง Breakout
แนวรับทางจิตวิทยา 3,327 Low เดิมรอบก่อนหน้า เป็นฐานคลื่นที่แข็งแรง
✅ สรุปมุมมองสำหรับวันหยุดที่ (21 มิ.ย. 2025)
✅ Bias: ขาขึ้นในระยะสั้น-กลาง หากราคายืนเหนือ 3,370 ได้
🔍 กลยุทธ์: รอ Confirmation ปิดแท่งเหนือ 3,370 – 3,375 เพื่อเข้าซื้อ โดยตั้งเป้าที่ 3,414 หรือสูงกว่า
❌ หากราคาหลุด 3,352 อย่างแรง ให้หลีกเลี่ยง Long Position เพราะอาจลงต่อสู่ 3,327 หรือ 3,300
⚠️ คำเตือนนักลงทุน
การวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นเพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและใช้วิจารณญาณก่อนตัดสินใจ
ภาพรวม XAUUSD (4H) ราคายังคง เคลื่อนตัวในกรอบขาขึ้น อย่างชัดเจน📈 การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical)
✅ 1. แนวโน้ม (Trend)
ราคายังคง เคลื่อนตัวในกรอบขาขึ้น อย่างชัดเจน
ปัจจุบันกำลัง ย่อตัวลงมาใกล้แนวล่างของ Channel → โอกาสดีในการ Rebound
✅ 2. แนวรับ (Support)
แนวรับแรก: 3,353 – 3,327 USD
📍 มีสัญญาณแท่งเทียนหลายแท่งดีดจากบริเวณนี้ในอดีต
แนวรับถัดไป: 3,260 USD
📍 หากหลุดกรอบ Channel
✅ 3. แนวต้าน (Resistance)
แนวต้านแรก: 3,471 USD
📍 เป็นจุดที่ราคาถูกปฏิเสธล่าสุด
แนวต้านถัดไป: บริเวณ 3,511 – 3,555 USD (บริเวณปลายบนของ Channel)
✅ 4. สัญญาณ Indicator
Stochastic อยู่ที่ 18.18 ต่ำกว่า 20 → เข้าสภาวะ Oversold
🔄 โอกาสดีที่จะมีการ Rebound ในระยะสั้น
📰 ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
ปัจจัยสนับสนุนราคาทอง
เฟด (FED) มีแนวโน้ม ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หรืออาจส่งสัญญาณ "คงอัตราดอกเบี้ย" ในเดือนหน้า
เงินเฟ้อสหรัฐ (CPI ล่าสุด) ยังชะลอตัว → เพิ่มโอกาสอ่อนค่าของ USD
วิกฤตภูมิรัฐศาสตร์ / ความไม่แน่นอนในตลาดหุ้น → หนุนทองคำในฐานะ Safe Haven
🔍 บทสรุปการวิเคราะห์ (17 มิ.ย. 2025)
เทรนด์หลัก ---> ขาขึ้น (ยังอยู่ในกรอบ Ascending Channel)
แนวรับสำคัญ ---> 3,353 / 3,327 / 3,260
แนวต้านสำคัญ ---> 3,471 / 3,511 / 3,555
สัญญาณเทคนิค ---> Stochastic เข้าเขต Oversold → ลุ้นเด้งขึ้น
กลยุทธ์ ---> Buy on Dip ใกล้กรอบล่าง channel หรือแนวรับ / ปิดทำกำไรบริเวณแนวต้าน
📌 แผนกลยุทธ์แนะนำ
✅ สายเทรดระยะสั้น
เข้าซื้อ (Buy) ใกล้ 3,350–3,327 พร้อม SL ต่ำกว่า 3,315
TP ที่ 3,471 และ 3,511
❌ หากราคาหลุดกรอบล่าง
ให้รอดูการกลับตัวใหม่ที่ 3,260 ก่อนพิจารณาเข้าซื้อ
⚠️ คำเตือนการลงทุน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ และตัดสินใจด้วยตนเองก่อนลงทุนเสมอ