XAU/USD ขาลง (ความมั่นใจ: ปานกลาง) ความน่าจะเป็นที่คาดการณ์: 60%คู่สกุลเงิน: XAU/USD (ทองคำ/ดอลลาร์สหรัฐ)
ทิศทางที่คาดการณ์: ขาลง (ความมั่นใจ: ปานกลาง)
เป้าหมายราคา (TP): 2,630 ภายใน 4 ชั่วโมง
หยุดขาดทุน (SL): 2,680
ความน่าจะเป็นที่คาดการณ์: 60% (อ้างอิงจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยข่าวสาร)
เหตุผลสนับสนุน: ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเช่น MACD, RVI และ Heikin Ashi Candles แสดงสัญญาณขาลง ขณะที่ RSI และ Stochastic Oscillator ชี้ไปในทิศทางที่เป็นกลางถึงซื้อมากเล็กน้อย Bollinger Bands แสดงความผันผวนสูง โดยราคาน่าจะปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับที่ประมาณ 2,630 ในช่วง 4 ชั่วโมงข้างหน้า
2. ปัจจัยข่าวสารเศรษฐกิจ:
ข่าวสารเศรษฐกิจ: ไม่มีข่าวสารสำคัญที่จะส่งผลกระทบโดยตรงกับทองคำในวันนี้ การเคลื่อนไหวของราคาน่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเทคนิคเป็นหลัก
ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดตัววันนี้อย่างไร: ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดตัวคงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ จึงไม่น่าจะมีผลกระทบมากต่อราคาทองคำในระยะสั้น
การคำนวณความน่าจะเป็น:
คะแนนรวมจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้ดังนี้:
RSI: 5/10 (เป็นกลาง)
MACD: 6/10 (ขาลง)
Bollinger Bands: 6/10 (ความผันผวนสูง)
RVI: 6/10 (ขาลง)
Stochastic Oscillator: 4/10 (ซื้อมาก)
Fibonacci Retracement: 5/10 (ใกล้แนวต้าน)
ADX: 5/10 (แนวโน้มอ่อน)
Volume: 5/10 (ปริมาณปานกลาง)
ATR: 6/10 (ความผันผวนสูง)
Heikin Ashi: 6/10 (ขาลง)
CCI: 4/10 (ซื้อมาก)
คะแนนรวม = (5+6+6+6+4+5+5+5+6+6+4) = 58/100
เมื่อรวมกับปัจจัยข่าวเศรษฐกิจ คาดว่าความน่าจะเป็นของการปรับตัวลงอยู่ที่ประมาณ 60%
ข้อสรุป:
ราคาทองคำ (XAU/USD) มีแนวโน้มปรับตัวลงในช่วง 4 ชั่วโมงข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่ระดับแนวรับ 2,630 ปัจจัยทางเทคนิคหลายตัว เช่น MACD, RVI, และ Heikin Ashi Candles ต่างแสดงสัญญาณขาลง ขณะที่ Stochastic Oscillator และ CCI บ่งชี้ถึงภาวะซื้อมาก
ค้นหาในไอเดียสำหรับ "macd"
USD/JPY ขึ้น ความมั่นใจ: ปานกลาง คาดการณ์: 65%คู่สกุลเงิน: USD/JPY
ทิศทางที่คาดการณ์: ขึ้น (ความมั่นใจ: ปานกลาง)
เป้าหมายราคา (TP): 146.00 ภายใน 4 ชั่วโมง
หยุดขาดทุน (SL): 143.00
ความน่าจะเป็นที่คาดการณ์: 65% (อ้างอิงจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยข่าวสาร)
เหตุผลสนับสนุน: จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ตัวบ่งชี้ MACD และ RVI ให้สัญญาณขาขึ้นเล็กน้อย และ Heikin Ashi Candles ยังบ่งบอกแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่า Bollinger Bands และ ADX จะแสดงถึงความผันผวนต่ำและแนวโน้มที่อ่อนแอ ปริมาณการซื้อขายคงที่ และไม่มีข่าวสารเศรษฐกิจสำคัญที่มีผลกระทบชัดเจนในวันนี้
คำอธิบายรายละเอียด:
1. ปัจจัยทางเทคนิค
รูปแบบกราฟ (Chart Patterns):
กราฟ USD/JPY แสดงแนวโน้มที่ค่อนข้างคงที่หลังจากการปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบันราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นเล็กน้อย ไม่มีรูปแบบชัดเจนของรูปแบบกลับตัว เช่น Head and Shoulders หรือ Double Top
การเคลื่อนไหวของราคาชี้ไปที่การสร้างระดับสูงสุดใหม่เล็กน้อยในระยะสั้น โดยราคาน่าจะทดสอบแนวต้านที่ระดับ 146.00
แนวรับ/แนวต้าน (Support/Resistance Levels):
แนวต้าน: ระดับแนวต้านสำคัญอยู่ที่ประมาณ 146.00 ซึ่งเป็นจุดที่ราคาจะทดสอบอีกครั้งในระยะสั้น หากราคาทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับแนวโน้มขาขึ้นต่อไป
แนวรับ: แนวรับอยู่ที่ประมาณ 143.00 ซึ่งเป็นระดับที่ราคาจะสามารถกลับตัวขึ้นมาได้หากมีการปรับฐานลง
ตัวชี้วัดทางเทคนิค:
2. ปัจจัยข่าวสารเศรษฐกิจ:
ข่าวสารเศรษฐกิจ: ไม่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ปล่อยออกมาในวันนี้ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ USD/JPY อย่างชัดเจน ข่าวสารทั่วโลกอยู่ในระดับปกติ ไม่มีเหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาในระยะสั้น
ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดตัววันนี้อย่างไร: ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดตัวคงที่ ไม่มีการเคลื่อนไหวที่สำคัญ ดังนั้นราคาของ USD/JPY น่าจะได้รับผลกระทบจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก
การคำนวณความน่าจะเป็น:
คะแนนรวมจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้ดังนี้:
RSI: 5/10 (เป็นกลาง)
MACD: 6/10 (ขาขึ้นเล็กน้อย)
Bollinger Bands: 5/10 (ความผันผวนต่ำ)
RVI: 6/10 (ขาขึ้น)
Stochastic Oscillator: 5/10 (เป็นกลาง)
Fibonacci Retracement: 5/10 (ใกล้แนวต้าน)
ADX: 4/10 (แนวโน้มไม่แข็งแรง)
Volume: 5/10 (ปริมาณปานกลาง)
ATR: 5/10 (ความผันผวนต่ำ)
Heikin Ashi: 6/10 (ขาขึ้น)
CCI: 5/10 (เป็นกลาง)
คะแนนรวม = (5+6+5+6+5+5+4+5+5+6+5) = 57/100
เมื่อรวมกับปัจจัยข่าวเศรษฐกิจ ความน่าจะเป็นของการปรับตัวขึ้นอยู่ที่ประมาณ 65%
ข้อสรุป:
ราคาของ USD/JPY มีโอกาสปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วง 4 ชั่วโมงข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่แนวต้าน 146.00 การวิเคราะห์ทางเทคนิคชี้ไปที่แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องจาก MACD, RVI และ Heikin Ashi Candles แต่ความผันผวนที่ต่ำและแนวโน้มที่ไม่แข็งแรงจาก ADX บ่งบอกว่าความเคลื่อนไหวอาจไม่รุนแรง
หุ้น ASIAN บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN
เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง อาหารสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์ทูน่า
พื้นฐานของ ASIAN
ผลประกอบการล่าสุด:
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
GAP FOCUS
ความคิดเห็นนักวิเคราะห์:
สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ประเมินราคาเป้าหมายของ ASIAN ในปี 2568 เฉลี่ยที่ 10.23 บาท โดยมีนักวิเคราะห์ 3 รายแนะนำ "ซื้อ" 2 ราย และ "ถือ" 1 ราย
หน้าหลัก - SETTRADE.COM
ความเสี่ยงและโอกาส:
ความผันผวนของค่าเงินบาทและราคาน้ำมันอาจส่งผลต่อต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบ
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและมาตรการควบคุมการจับสัตว์น้ำในประเทศต่าง ๆ อาจกระทบต่อปริมาณวัตถุดิบ
แนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูป
การเติบโตของอุตสาหกรรม:
อุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปของไทยในปี 2566-2568 มีแนวโน้มหดตัวทั้งด้านปริมาณการผลิตและการส่งออกที่ (-1.5)-(-0.5)% ต่อปี และ (-2.0)-(-1.0)% ต่อปี ตามลำดับ
KRUNGSRI
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ:
การแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรงขึ้น
ประเทศคู่ค้าหลักมีแนวโน้มที่จะผลิตเองและนำเข้าสินค้าจากประเทศในภูมิภาคเดียวกันมากขึ้น
โอกาสในตลาดในประเทศ:
การบริโภคที่มีแนวโน้มขยายตัวตามชุมชนเมือง
การเติบโตของร้านอาหาร โดยเฉพาะประเภทธุรกิจฟาสต์ฟู้ด
การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่หันมาเน้นความสะดวกรวดเร็วในการประกอบอาหาร
งบการเงิน
EPS (กำไรต่อหุ้น):
EPS ล่าสุด (Trailing Twelve Months - TTM) ประมาณ 1.00-1.20 บาท ต่อหุ้น (ขึ้นอยู่กับการเติบโตของกำไร)
P/E Ratio (อัตราส่วนราคาต่อกำไร):
ค่า P/E เฉลี่ยของอุตสาหกรรมอาหารทะเลและการแปรรูปในตลาด SET อยู่ที่ประมาณ 8-12 เท่า ขึ้นกับอัตราการเติบโตและความสามารถในการทำกำไร
การประเมินราคา:
หากใช้ EPS = 1.10 บาท และ P/E เฉลี่ย = 10 เท่า
ราคาเป้าหมายพื้นฐาน = 1.10 x 10 = 11.00 บาท
เชิงเทคนิค
แนวรับสำคัญ:
บริเวณ 6.00-7.00 บาท เป็นโซนแนวรับระยะยาวสำคัญ
หากราคาหลุดแนวรับนี้ อาจมีการปรับฐานลงไปที่ 5.00 บาท
แนวต้านสำคัญ:
แนวต้านแรกที่ 10.00 บาท (แนวต้านจิตวิทยา)
แนวต้านถัดไปที่ 12.00 บาท (ระดับราคาก่อนการปรับฐานใหญ่)
โมเมนตัมและสัญญาณทางเทคนิค:
MACD: มีสัญญาณเริ่มฟื้นตัว แต่ยังต้องรอการยืนยันเพิ่มเติม
RSI: อยู่ในระดับ 40+ ซึ่งบ่งชี้ว่าหุ้นยังอยู่ในโซนพักตัว
ประเมินราคา
จากการรวมปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค:
กรณีฐาน (Base Case):
ราคาเป้าหมาย 1-2 ปีอยู่ที่ 10.00-11.00 บาท
คาดการณ์ว่าบริษัทจะรักษาอัตราการเติบโตของกำไรได้ในระดับเดิม
กรณีเชิงบวก (Bull Case):
หากบริษัทสามารถเพิ่มกำไรได้สูงกว่า 20% ต่อปี
ราคาเป้าหมายอาจแตะ 12.00-14.00 บาท (P/E 12 เท่า)
กรณีเชิงลบ (Bear Case):
หากราคาหลุดแนวรับ 6.00 บาท หรืออุตสาหกรรมมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
ราคาอาจปรับลงไปที่ 5.00 บาท
#หมายเหตุ
ไม่ได้ชี้นำการลงทุน เป็นเพียง ไอเดียร การบันทึก การวิเคราะห์
หุ้น MEDEZEMEDEZE (บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน))
เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ บริการด้านเซลล์บำบัด (Cell Therapy) ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ โดยเฉพาะการเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) และการนำเซลล์ต้นกำเนิดมาใช้ในการรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ เช่น:
ลักษณะธุรกิจของ MEDEZE
บริการเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell Banking)
ให้บริการเก็บและเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดสายสะดือ (Umbilical Cord Blood) และเนื้อเยื่อสายสะดือ (Cord Tissue) สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ในอนาคต
เซลล์ต้นกำเนิดสามารถนำไปใช้ในด้านการรักษาโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
การพัฒนาเซลล์บำบัด (Cell Therapy)
พัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดด้วยเซลล์ (Regenerative Medicine)
ใช้ในการฟื้นฟูสุขภาพและรักษาโรคด้วยวิธีการที่เป็นมิตรกับร่างกาย
ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์สมัยใหม่
การวิจัยและพัฒนาในด้านการแพทย์แบบเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine)
การให้คำปรึกษาด้านการดูแลสุขภาพที่ทันสมัย
จุดเด่นของธุรกิจ MEDEZE
ธุรกิจที่เติบโตตามแนวโน้มการแพทย์สมัยใหม่และความต้องการดูแลสุขภาพในระยะยาว
การใช้เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง
ตลาดเป้าหมายครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการการรักษาที่ล้ำหน้า
ความสำคัญของ MEDEZE
การเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิดเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากสามารถใช้ในอนาคตสำหรับการรักษาโรคที่มีความซับซ้อน
บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูงและมีโอกาสขยายธุรกิจในอนาคต
--------------------
บทวิเคราะห์ MEDEZE (สรุป)
1. Technical Analysis
ราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดย Breakout ผ่านแนวต้านสำคัญที่ ~9.00 บาท
การเคลื่อนไหวของราคาบ่งชี้แนวโน้มขาขึ้น โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 13.00 บาท ตามกรอบ Fibonacci
ตัวชี้วัดทางเทคนิค:
RSI: อยู่ที่ 57-60 ยังอยู่ในโซน Neutral แต่ใกล้โซน Overbought หากราคาปรับตัวขึ้นต่อ ควรระวังแรงขายทำกำไร
MACD: อยู่ในโซนบวก (Bullish Signal) แสดงถึงโมเมนตัมขาขึ้น
แนวรับสำคัญ: 9.00 บาท
แนวต้านสำคัญ: 10.50-11.00 บาท (Breakout อาจนำไปสู่เป้าหมายที่สูงขึ้น)
2. Fundamental Analysis
การเติบโตของรายได้: เติบโตร้อยละ 24.7 ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567
กำไรสุทธิ: เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.4 โดย Net Profit Margin สูงถึง ~37% สะท้อนความสามารถในการทำกำไร
ROE และ ROA:
ROE สูงถึง ~53% บ่งชี้ถึงผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น
ROA สูงถึง ~34% แสดงถึงการบริหารทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ
บริษัทมีการเติบโตอย่างมั่นคงทั้งรายได้และกำไรสุทธิ ซึ่งหนุนราคาหุ้นในระยะยาว
3. Target Price
ระยะสั้น (6-12 เดือน): 13-15 บาท
ระยะกลางถึงยาว (1-2 ปี): 20-35 บาท (จากงบการเงินและการเติบโตระยะยาว)
ข้อควรระวัง:
ติดตามปัจจัยภายนอก เช่น เศรษฐกิจมหภาค อัตราดอกเบี้ย
ราคาที่ปรับตัวขึ้นเร็วอาจเจอแรงขายทำกำไรในระยะสั้น
ควรติดตามผลประกอบการและข่าวสารเพิ่มเติมของบริษัท
#หมายเหตุ
ไม่ได้ชี้นำการลงทุน เป็นเพียง ไอเดียร การบันทึก การวิเคราะห์
2024 09 18 GOLD GOLD GOLDวิเคราะห์: GOLD GOLD GOLD
1. แนวโน้ม
- ราคามีการเคลื่อนไหวแบบผันผวนในช่วงต้นกราฟ จากนั้นเริ่มมีการตั้งตัวและเคลื่อนไหวในรูปแบบของช่วงเวลาที่เสถียรมากขึ้น
- มีการเคลื่อนไหวลดลงอย่างชัดเจนเมื่อเข้าใกล้ช่วงปัจจุบันของกราฟ ซึ่งแสดงถึงแรงขายที่เพิ่มขึ้น
2. แนวรับและแนวต้าน
- แนวต้านสำคัญอยู่ที่ระดับประมาณ **2,575 USD** ซึ่งราคาทองมีการทดสอบแล้วไม่สามารถผ่านไปได้
- แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามองคือระดับ **2,555 USD** ถ้าราคาหลุดแนวรับนี้ลงไป อาจมีการลดลงต่อเนื่อง
3. วิเคราะห์เทคนิค
- **MACD: แสดงสัญญาณการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม โดยปัจจุบันมีการตัดเส้นสัญญาณลงอย่างชัดเจนซึ่งบ่งบอกถึงแรงขายที่เพิ่มขึ้น
- **RSI: อยู่ที่ระดับปานกลาง เกือบถึงโซน Oversold ซึ่งอาจแสดงถึงโอกาสในการฟื้นตัวหากไม่หลุดแนวรับสำคัญ
### การวางแผนการเทรด:
1. ถ้าต้องการซื้อ Buy :
- คอยสังเกตการกลับตัวที่แนวรับ **2,555 USD** หากราคาสามารถรีบาวด์ได้จากจุดนี้อย่างมีนัยสำคัญ อาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ
- ตั้งเป้าหมายการทำกำไรใกล้แนวต้านที่ **2,575 USD** และตั้ง Stop Loss ไม่เกิน **2,550 USD**
2. ถ้าต้องการขาย Sell :
- หากราคาหลุดแนวรับ **2,555 USD** ควรพิจารณาเปิดสถานะขาย เนื่องจากอาจมีการลดลงต่อเนื่อง
- ตั้งเป้าหมายการทำกำไรที่ **2,540 USD** หรือต่ำกว่า และตั้ง Stop Loss ในระดับที่ไม่เกิน **2,560 USD**
### สรุป:
จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่มี ควรมีการตั้ง Stop Loss อย่างเคร่งครัดเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนที่สูง และติดตามการเปลี่ยนแปลง
XAUUSD by FOREX FACTORทองคำเปิดตลาดมาก็เทกันเลย! โดยหลักๆวันนี้ที่ทำให้ราคาทุบลงมาเพราะว่าในTFH1 ราคาได้มีการเบรคเทรนขาลงลงมาทำ Low 1950 ก่อนที่จะรีบาวน์ 1957 ต้องมาลุ้นกันว่าแนวรับ 1950 จะเอาอยู่หรือเปล่า ถ้าเอาไม่อยู่ราคาจะลงต่อตามแนวรับ 1945 /1935 และถ้าหาก 1935 เอาไม่อยู่ จะเกิด panic sell 1900 อีกครั้ง หากยังไม่หลุด 1950 ราคาจะรีบาวน์ต่อ แนวต้าน 1960 /1968 ลุ้นแนว 50 กันก่อนนะครับ GO GO GO
ตลาดหุ้น SET50 เริ่มมีการฟื้นตัวต่อเนื่องจากอาทิตย์ที่แล้วบอกว่าไว้ว่า ตลาด set50 ค่อยๆ ทยอยฟื้นตัว จากเดิมจำนวนหุ้น ที่เหนือ ma20 และ break high 20 วัน มีอยู่แค่ 1-2ตัว และ ค่อยๆ เพิ่มมา 5-6 ตัว จากอาทิตย์ทีแล้ว และมาถึงจบ 12/10/23 จำนวนหุ้นที่เบรค high และ ma20 มีเยอะมากขึ้นถึุง 10++ ตัว เลยทีเดียว
และรอบนี้ได้เพิ่ม macd เข้าไปอีก เราสามารถ รู้ trend ของ macd แต่ละตัว
blue = macd ตัดขึ้น แต่ macd ยัง ต่ำกว่า 0 = เริ่มฟื้นตัว
green = macd ตัดขึ้น และ macd ยัง เหนือ 0 = หุ้น สู่ bull
orange = macd ตัดลง แต่ macd ยังเหนือ 0 = หุ้นเริ่มเข้าสู่ ช่วงระมัดระวัง
red = macd ตัดลง และ macd ยังต่ำกว่า 0 = หุ้น bear
ณ ตอนนี้จำนวนหุ้น ที่อยู่ สีแดง ยังเยอะ แสดงว่า ตลาดยังดูแย่ๆ อยู่ แต่จำนวนหุ้น ก็เริ่้ม ย้ายมากช่อง สีน้ำเงิน กันมากขึ้น
week นี้ ต้องแกะรอยต่อเนื่อง ถ้าจำนวนหุ้นดีขึ้น ต่อไป ตลาดอาจจะกลับมาสู่เทรนขาขึ้นได้
Crypto Market Sentiment ยังดูไม่ดีวิธีการวิเคราะห์ตลาด Crypto ในนี้จะใช้วิธีการ นับ เหรียญ buy signal จำนวนกี่เหรียญ และ Sell signal มกี่จำนวนกี่เหรียญ
โดยใช้ 100 เหรียญที่ marketcap ใหญ่ที่สุด มาใช้
Market Breadth Ma20 ณ ตอนนี้ มีแค่ 16 เหรียญ ที่สามารถยืนเหนือ Ma20 ได้ จาก 100 เหรียญ
Market Breadth Trend Cycle ใช้ macd
Blue = Macd > Signal and macd < 0 มีจำนวน 8เหรียญ
Green = Macd > Signal and macd > 0 มี จำนวน 10 เหรียญ
Orange = Macd < Signal and macd > 0 มีจำนวน 16 เหรียญ
Red = Macd < Signal and macd <0 มีจำนวน 66 เหรียญ
สรุปถ้าเราค่อยๆ ดูแกะไป จำนวนเหรียญ Red ค่อยๆ เพิ่มมาเรื่อยๆ จากอาทิตย์ที่แล้ว
ณ ตอนนี้ ตลาด Cypto ยังดูไม่ดีมาก ยังต้องควรระวัง
การวิเคราะห์ราคา EUR/USD: มีแนวโน้มที่จะเอาชนะแนวรับ 1.1300การวิเคราะห์ราคา EUR/USD: Bears หยุดพักก่อนแนวรับหลัก 1.1300
19 มกราคม 2565, 06:00
นักวิเคราะห์ของ MUFG Bank คาดว่าคู่ EUR/USD จะซื้อขายในช่วง 1.100-1.1650 ในช่วงสัปดาห์หน้า พวกเขาเห็นว่าทั้งคู่เคลื่อนตัวไปที่ขาลง ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากไตรมาสแรก
•EUR/USD อยู่ที่ระดับล่างสุดของสัปดาห์หลังจากการขาดทุนรายวันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสองสัปดาห์
• 50-DMA เส้นแนวรับที่เพิ่มขึ้นสองเดือนจำกัดการลดลงอีก
• แนวระนาบที่ชัดเจนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เงื่อนไข MACD ทำให้ผู้ขายมีความหวัง
• ผู้ซื้อจะไม่อยู่จนกว่าราคาเสนอจะต่ำกว่า 100-DMA
EUR/USD พุ่งขึ้นที่ราวๆ 1.1320-25 ในช่วงเช้าวันพุธในเอเชีย โดยลดลงมากที่สุดในรอบ 12 วันของวันก่อนหน้า
การตกต่ำของคู่สกุลเงินหลักเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้ลาก MACD ไปสู่การหยอกล้อหมีในขณะที่ทำลายแนวต้านที่หันกลับด้านแนวต้านเป็นเวลาสองเดือนที่ประมาณ 1.1380-85
อย่างไรก็ตาม ระดับ 50-DMA รอบ 1.1325 นั้นจำกัดการลดลงของคู่ EUR/USD ทันทีก่อนแนวรับที่ลาดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ใกล้ 1.1300 อย่างช้าที่สุด
ด้วยเงื่อนไข MACD และแนวรับที่สำคัญอย่างชัดเจน ราคาการวิเคราะห์ราคา EUR/USD: Bears หยุดพักก่อนแนวรับหลัก 1.1300
19 มกราคม 2565, 06:00
•EUR/USD อยู่ที่ระดับล่างสุดของสัปดาห์หลังจากการขาดทุนรายวันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสองสัปดาห์
• 50-DMA เส้นแนวรับที่เพิ่มขึ้นสองเดือนจำกัดการลดลงอีก
• แนวระนาบที่ชัดเจนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เงื่อนไข MACD ทำให้ผู้ขายมีความหวัง
• ผู้ซื้อจะไม่อยู่จนกว่าราคาเสนอจะต่ำกว่า 100-DMA
EUR/USD พุ่งขึ้นที่ราวๆ 1.1320-25 ในช่วงเช้าวันพุธในเอเชีย โดยลดลงมากที่สุดในรอบ 12 วันของวันก่อนหน้า
การตกต่ำของคู่สกุลเงินหลักเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้ลาก MACD ไปสู่การหยอกล้อหมีในขณะที่ทำลายแนวต้านที่หันกลับด้านแนวต้านเป็นเวลาสองเดือนที่ประมาณ 1.1380-85
อย่างไรก็ตาม ระดับ 50-DMA รอบ 1.1325 นั้นจำกัดการลดลงของคู่ EUR/USD ทันทีก่อนแนวรับที่ลาดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ใกล้ 1.1300 อย่างช้าที่สุด
ด้วยเงื่อนไข MACD และแนวรับที่สำคัญอย่างชัดเจน ราคา EUR/USD มีแนวโน้มที่จะเอาชนะแนวรับ 1.1300 ซึ่งอาจลากราคาไปที่ด้านล่างของปี 2564 รอบ ๆ 1.1185
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เกณฑ์ 1.1230 และ 1.1200 อาจมีการหยุดกลางคัน
ในทางตรงกันข้าม การดึงกลับเพื่อแก้ไขยังคงเข้าใจยากใต้พื้นที่แนวนอนตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน ใกล้ 1.1380-85
ต่อจากนี้ไป ระดับ Fibonacci retracement (Fibo.) 50% ของดาวน์ไซด์เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2021 ใกล้ 1.1440 จะทดสอบผู้ซื้อ EUR/USD
แม้ว่าราคาคู่จะสูงกว่า 1.1440, 100-DMA และ 61.8% Fibo ระดับ ประมาณ 1.1490 และ 1.1500 ตามลำดับ จะเป็นแนวต้านที่ยากจะทะลุทะลวงตลาดกระทิง
EUR/USD: กราฟรายวัน
แนวโน้ม: คาดว่าจะอ่อนตัวลงอีก ซึ่งอาจลากราคาไปที่ด้านล่างของปี 2564 รอบ ๆ 1.1185
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เกณฑ์ 1.1230 และ 1.1200 อาจมีการหยุดกลางคัน
ในทางตรงกันข้าม การดึงกลับเพื่อแก้ไขยังคงเข้าใจยากใต้พื้นที่แนวนอนตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน ใกล้ 1.1380-85
ต่อจากนี้ไป ระดับ Fibonacci retracement (Fibo.) 50% ของดาวน์ไซด์เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2021 ใกล้ 1.1440 จะทดสอบผู้ซื้อ EUR/USD
แม้ว่าราคาคู่จะสูงกว่า 1.1440, 100-DMA และ 61.8% Fibo ระดับ ประมาณ 1.1490 และ 1.1500 ตามลำดับ จะเป็นแนวต้านที่ยากจะทะลุทะลวงตลาดกระทิง
EUR/USD: กราฟรายวัน
แนวโน้ม: คาดว่าจะอ่อนตัวลงอีก
EUR/USD ซื้อขายใกล้กับ 1.10 ในไตรมาสที่ 1 ก่อนที่จะค่อยๆสูงขึ้น – MUFG
นักวิเคราะห์ของ MUFG Bank คาดว่าคู่ EUR/USD จะซื้อขายในช่วง 1.100-1.1650 ในช่วงสัปดาห์หน้า พวกเขาเห็นว่าทั้งคู่เคลื่อนตัวไปที่ขาลง ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากไตรมาสแรก
คำพูดสำคัญ:
“ทั้งคู่พบแนวรับที่ใกล้ระดับ 1.1000 มากขึ้นซึ่งคล้ายกับระหว่างปี 2015 และต้นปี 2017 และล่าสุดระหว่างช่วงปลายปี 2019 ถึงต้นปี 2020 การดำเนินการด้านราคาสอดคล้องกับมุมมองของเราที่ว่า EUR ถูกตีค่าต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งช่วยรองรับความเสี่ยงด้านลบเพิ่มเติมในระยะสั้น”
“แบบจำลอง PPP ระยะยาวของเราประมาณการว่า EUR/USD กำลังซื้อขายที่ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานหนึ่งส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานซึ่งต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมซึ่งมาที่ประมาณ 1.1250 ย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2000 ที่ EUR/USD ซื้อขายที่ระดับที่ต่ำกว่ามูลค่าที่รุนแรงยิ่งขึ้นในระยะเวลาที่ยั่งยืนมากขึ้น”
“ยังคงมีที่ว่างสำหรับราคาในการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเพิ่มเติมจากเส้นโค้งและราคาในอัตราเทอร์มินัลที่สูงขึ้น นอกจากนี้ เฟดสามารถประกาศแผนการที่จะเริ่มลดขนาดงบดุลได้เร็วและเร็วกว่าในรอบที่กระชับครั้งสุดท้าย ด้วยเหตุนี้ เรายังคงคาดว่า EUR/USD จะซื้อขายใกล้กับระดับ 1.1000 ในไตรมาสที่ 1 ก่อนที่จะค่อยๆ สูงขึ้นในปลายปีนี้”
“ตัวกระตุ้นที่เป็นไปได้สำหรับค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าในเดือนข้างหน้าเกิดจากความตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นระหว่างรัสเซียและตะวันตก”
AUDUSDAUDUSD for 19-23/10/2020
Fundamental มีเยอะ จีน ออส เมกา อาทิตย์หน้ามีประกาศตัวเลขสำคัญ
Technical Analysis
Medium Trade
D1 กราฟราคาเกิดการเสียเทรน หลุดบริเวณแนวรับสำคัญที่ 0.71969 (เลขสวย)
ขาลงมาได้สร้างแผนที่ Sz ไว้ด้วย ลงมาแรงพักเอาแรงบริเวณแนวรับ H4 ที่ 0.70070 ได้ไม่นาน
ก็ปรับตัวขึ้นไปทดสอบบริเวณ Sz (0.71928-0.72438) ถึง 2 ครั้ง และไม่สามารถทำลาย Sz ได้
ราคาได้มีการเคลื่อนตัวลงสร้าง new low in minor trend และกำลังพักตัวสร้างกรอบราคาอยู่บริเวณ Dz H4 (0.70576-0.7959)
รอกราฟราคาขึ้นไปทดสอบบริเวณ Supply Zone H4 เพื่อ sell
=_=
Swing Trade
TF D1 กราฟราคาเกิดการเสียเทรน หลุดบริเวณแนวรับสำคัญที่ 0.71969
{MACD ช้า, เร็ว, sto >> ลง}
TF H4 กราฟราคาขึ้นไปทดสอบบริเวณ Supply Zone H4 ไม่สามารถทำลาย Sz ได้ (สร้าง gab เล็กๆไว้ที่ H1 0.72353)
เมื่อวันศุกร์ 16/10/20 ราคามีการพักตัวบริเวณ Demand Zone
{MACD ช้า มีแรง sell แต่เส้น MA3 เริ่มจะตัดเส้น signal ขึ้น, MACD เร็ว อ่อนแรง sell, Sto เหนือ 20 ราคามีโอกาศย่อตัวขึ้น}
TF H1 ราคาอยู่ในกรอบสามเหลี่ยม Ascending Triangle รอการ breakout and retest ของราคา เพื่อ เข้า Long ในระยะสั้น (Rebound)
{MACD ช้า อ่อนแรง sell, MACD เร็ว sideway, sto อยู่บริเวณ 50 หัวทิ่มลง, ราคาอยู่ต่ำกว่า MA50}
TF M15 กราฟราคา sideway ในกรอบสามเหลี่ยมแคบลงเรื่อยๆ มีการยก Low ไม่ยก Hi ราคาปิดติดเทรนไลน์ด้านล่างในวันศุกร์ รอการ breakout
{MACD ช้า ต่ำกว่า zero line, MACD เร็ว มีแรง sell แต่เริ่มอ่อนแรง แท่ง histrogram หดตัวลง >> รอ MACD จบรอบ , sto ต่ำกว่า 20 oversold มีโอกาสกลับตัวขึ้นสูง,
เฝ้าระวัง MA50 ตัด MA100 ลงอยู่ มีแนวนัยยะสำคัญถัดไปที่ MA200 ซึ่งเป็นแนวเดียวกันกับกรอบแนวต้านสามเหลี่ยมด้านบนที่บริเวณ 0.70965-0.7092
และเป็นแนวต้าน M15 ด้วยเช่นกัน}
Plan ของเม่า
Long = รอ MACD เร็วจบรอบ + หากราคาสามารถ breakout กรอบสามเหลี่ยมขึ้นไป+สามารถปิดยืนเหนือกรอบแนวต้านสามเหลี่ยมได้
และทำพฤติกรรม confirm แท่งเทียนกลับตัว (SL 400 จุด,TP 930 จุด, RR=1:2.3) {****ไม่ควรขุดสวน หากไม่มีเวลาอยู่หน้าจอ****}
Short 1 = หากราคาหลุด Low 0.70562 + ยืนแท่งได้ + PA
Short 2 = หากราคาขึ้นไปทดสอบ Supply zone H4 มองว่าเป็นการ pull back เพื่อลงต่อตามเทรน
เก่งก่อนกราฟ (XAU/USD) - 12/01/2025💰 เก่งก่อนกราฟ (XAU/USD) - 12/01/2025
🔍 การวิเคราะห์
🟡 ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบขาขึ้น (Ascending Channel) โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 2707 ซึ่งเป็นโซนที่นักลงทุนควรจับตามอง
🟡 EMA และ MACD Momentum บวก บ่งบอกถึงแรงซื้อในตลาด
🟡 กราฟ Time Frame 4 ชั่วโมง แสดงถึงแรงซื้อที่รุนเเรง โดย MACD ยังอยู่เหนือ Signal Line
ในขณะที่ Time Frame 1 วัน MACD ยังอยู่เหนือตัดเหนือ Signal Line ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว พร้อม Momentum ที่แข็งแกร่ง
🟡 ราคายังอยู่เหนือ EMA ทุกเส้นใน Time Frame 4 ชั่วโมง และ 1 วัน สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นรุนเเรง
📊 แผนการเทรด (Trading Plan):
1️⃣หากราคาสามารถทะลุแนวต้าน 2,706 พร้อมปริมาณซื้อขายที่เพิ่มขึ้น อาจเปิดสถานะ ซื้อ (Long)
🔵 เป้าหมาย: 2,725 - 2,740
🔴 จุดตัดขาดทุน: 2,690
2️⃣หากราคาไม่ทะลุแนวต้านและกลับตัวลง อาจเปิดสถานะ ขาย (Short)
🔵เป้าหมาย: 2,650 - 2,620
🔴จุดตัดขาดทุน: 2,715
⚠️ คำเตือน :
⚫นี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเพื่อพัฒนาการเทรดไม่ใช่การเเนะนำในการทุนตาม ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจครับ (moon big smile)
XAU/USD M151. แนวโน้มราคา (Trend):
ในไทม์เฟรม M15 ราคาทองคำกำลังอยู่ในช่วงของการปรับตัวขึ้นระยะสั้น (Short-term uptrend) โดยมีการสร้าง Higher High และ Higher Low
อย่างไรก็ตาม มีลักษณะของความผันผวนสูงในช่วงก่อนหน้า ซึ่งเป็นลักษณะของการเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์สลับการปรับตัวขึ้น
2. แนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance):
แนวรับสำคัญ:
2,680 USD: เป็นแนวรับระยะสั้นที่ราคายังคงยืนอยู่ได้ในกรอบนี้
2,660 USD: เป็นแนวรับรองในกรณีที่ราคาย่อตัวลงแรง
แนวต้านสำคัญ:
2,700 USD: เป็นแนวต้านที่ราคากำลังพยายามทดสอบ
หากราคาทะลุ 2,700 USD อาจมีเป้าหมายถัดไปที่ 2,710 USD - 2,715 USD
3. MACD Indicator:
MACD Line และ Signal Line:
MACD Line ตัด Signal Line ลงในช่วงปัจจุบัน แสดงถึงโมเมนตัมของแรงซื้อที่เริ่มลดลงเล็กน้อย
Histogram:
Histogram มีค่าลดลงใกล้เส้นศูนย์ บ่งชี้ว่าโมเมนตัมเริ่มอ่อนแรง และอาจมีโอกาสพักตัวในระยะสั้น
4. รูปแบบกราฟ (Price Action):
ราคามีการเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways Up (ขึ้นแบบมีการพักตัว) โดยยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแนวต้านและแนวรับที่กล่าวไว้
การเคลื่อนไหวลักษณะนี้อาจแสดงถึงการสะสมแรงซื้อก่อนการ Breakout หรือ Pullback
5. กลยุทธ์การเทรด (Trading Strategy):
ระยะสั้น (Scalping/Intraday):
Scenario 1 - Breakout:
หากราคาสามารถทะลุ 2,700 USD พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น อาจพิจารณาเปิดสถานะซื้อโดยมีเป้าหมายที่ 2,710 USD - 2,715 USD
Scenario 2 - Pullback:
หากราคาลดลงต่ำกว่าแนวรับ 2,680 USD อาจกลับลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 2,660 USD ซึ่งเป็นโอกาสในการเข้าซื้อในช่วงย่อตัว
การจัดการความเสี่ยง:
ตั้ง Stop Loss ใกล้บริเวณ 2,675 USD (ต่ำกว่าแนวรับระยะสั้น) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการปรับตัวลงแรง
6. ปัจจัยที่ควรติดตาม:
ความเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงเวลาข่าวสำคัญ เช่น ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) และอัตราดอกเบี้ย
ปริมาณการซื้อขายในช่วงที่ราคาเข้าใกล้แนวต้าน หากมีปริมาณมาก อาจสนับสนุนการ Breakout
การวิเคราะห์นี้เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้นในไทม์เฟรมเล็ก แต่ควรใช้ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ปัจจัยพื้นฐาน หรือไทม์เฟรมที่ใหญ่กว่า (H1, H4) เพื่อยืนยันแนวโน้มก่อนตัดสินใจเทรด.
**"EUR/USD ใกล้โซนวิกฤต ลุ้นทะลุแนวต้านหรือดิ่งลงต่อ"**### **การวิเคราะห์ EUR/USD อย่างละเอียดและรอบด้าน**
---
### **1. การวิเคราะห์ Fibonacci Retracement และแนวโน้มระยะยาว**
- **โซนสำคัญ (Key Levels)**:
- แนวรับ: **1.01475 (Fibonacci 0.786)** และ **1.04515 (Fibonacci 0.618)** เป็นจุดที่ราคามีแนวโน้มดีดกลับจากแรงซื้อ (Demand Zone) หากราคาลงมาทดสอบ.
- แนวต้าน: **1.06803 (Fibonacci 0.382)** และ **1.08465 (Fibonacci 0.236)** เป็นจุดที่ราคามีแนวโน้มเผชิญแรงขาย (Supply Zone) หากราคาฟื้นตัวขึ้น.
- **การตีความ**:
- หากราคาทะลุแนวต้านที่ 1.06803 อาจพุ่งต่อเนื่องไปยังโซน 1.08465.
- หากราคาหลุดแนวรับ 1.05982 อาจปรับตัวลงไปยังระดับ 1.04515 หรือ 1.02478.
---
### **2. การวิเคราะห์แนวโน้มด้วยเส้น EMA**
- **EMA 20/50/100/200**:
- EMA 200 อยู่ด้านบนของกราฟ บ่งบอกว่าแนวโน้มระยะยาวยังเป็นขาลงที่ชัดเจน.
- ราคาปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า EMA 20 และ 50 แสดงถึงโมเมนตัมขาลงที่ยังไม่หมด.
- **กลยุทธ์**:
- หากราคายืนเหนือ EMA 20 ได้อีกครั้ง อาจบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวในระยะสั้น.
- หากราคายังอยู่ต่ำกว่า EMA 50 ให้พิจารณาตามแนวโน้มขาลงต่อไป.
---
### **3. การวิเคราะห์พฤติกรรมตลาด (RSI และ MACD)**
- **RSI (Relative Strength Index)**:
- RSI อยู่ที่ **35.85** ใกล้โซน Oversold แสดงถึงแรงขายที่เริ่มอ่อนแรง.
- หาก RSI ลงไปต่ำกว่า 30 จะเป็นสัญญาณ Oversold ที่ชัดเจน และอาจเกิดการดีดกลับของราคา.
- **MACD (Moving Average Convergence Divergence)**:
- เส้น MACD ยังคงต่ำกว่าเส้น Signal Line และอยู่ในแดนลบ แสดงถึงโมเมนตัมขาลงที่ยังเด่นชัด.
- หากเกิด Bullish Divergence (MACD เริ่มกลับขึ้นขณะที่ราคายังลง) จะเป็นสัญญาณกลับตัวที่น่าเชื่อถือ.
---
### **4. การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ (Chart Patterns)**
#### **Descending Triangle**:
- **ลักษณะของกราฟ**:
- ราคาสร้างรูปแบบสามเหลี่ยมลู่ลง (Descending Triangle) โดยมีแนวรับที่ 1.05982 และแนวต้านลาดลง.
- รูปแบบนี้มักเป็นสัญญาณของการ Breakout ขาลง หากราคาหลุดแนวรับ.
- **โอกาส**:
- หากราคาหลุดแนวรับที่ 1.05982 อาจปรับตัวลงต่อไปยังเป้าหมายที่ 1.04515 หรือ 1.02478.
- หากราคาทะลุแนวต้านด้านบนของสามเหลี่ยม อาจฟื้นตัวขึ้นสู่ 1.08465.
#### **Descending Channel**:
- ราคากำลังเคลื่อนที่ใน **Descending Channel**:
- ขอบล่างของ Channel ใกล้ 1.04515 อาจเป็นจุดดีดกลับ (Rebound Zone).
- ขอบบนของ Channel ใกล้ 1.08700 เป็นแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตา.
---
### **5. การวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns)**
- **Bearish Engulfing**:
- รูปแบบแท่งเทียนขาลงที่กลืนแท่งก่อนหน้า (Bearish Engulfing) บ่งบอกถึงแรงขายเด่นชัดในแนวต้าน.
- **Doji Candlestick**:
- การเกิด Doji ในโซนสำคัญ เช่น Fibonacci 0.618 อาจสะท้อนการลังเลของตลาดและการพักฐาน.
---
### **6. Harmonic Patterns**
- **Gartley Pattern**:
- หากราคาย่อตัวลงไปที่โซน 1.04515 (Fibonacci 78.6%) และเด้งกลับ จะยืนยันการสร้าง Bullish Gartley Pattern.
- หากราคาหลุดต่ำกว่า 1.04515 และแตะ 1.02478 (Fibonacci 88.6%) โอกาสเด้งกลับมีสูง.
---
### **7. การวิเคราะห์โซนอุปสงค์-อุปทาน (Supply and Demand Zones)**
- **Demand Zones**:
- โซน 1.04515 และ 1.02478 เป็นจุดที่ราคามีโอกาสเด้งกลับจากแรงซื้อ.
- **Supply Zones**:
- โซน 1.08773 เป็นพื้นที่ที่แรงขายมีโอกาสเกิดขึ้นมาก หากราคาฟื้นตัวขึ้นมา.
---
### **สรุปแผนการเทรด**
1. **กลยุทธ์ขาลง (Bearish Strategy)**:
- หากราคาหลุดแนว 1.05982:
- Short ที่บริเวณนี้ ตั้งเป้าหมายที่ 1.04515.
- ติดตาม RSI และ MACD เพื่อยืนยันโมเมนตัมขาลง.
2. **กลยุทธ์ขาขึ้น (Bullish Strategy)**:
- หากราคายืนเหนือ 1.06803:
- Buy ที่บริเวณนี้ ตั้งเป้าหมายที่ 1.08465.
- ใช้ RSI และรูปแบบแท่งเทียนเพื่อคอนเฟิร์ม.
3. **เฝ้าดูพฤติกรรมราคา**:
- หากราคาลงมาทดสอบโซน Demand (1.04515 หรือ 1.02478) พร้อมเกิด Bullish Candlestick เช่น Hammer หรือ Bullish Engulfing ให้มองหาจังหวะเข้าซื้อ.
4. **การบริหารความเสี่ยง**:
- ใช้ Stop Loss ที่ต่ำกว่า Demand Zone สำหรับการตั้งสถานะซื้อ และเหนือ Supply Zone สำหรับการตั้งสถานะขาย.
- ใช้ Trailing Stop เพื่อรักษากำไรหากราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่คาดหวัง.
---
**หมายเหตุ**: ควรติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยหรือดัชนีเศรษฐกิจที่สำคัญ เพื่อปรับแผนการเทรดให้สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน. 📊📈📉
Market Breadth Hang Seng Indexเป็นเครื่องมือ ดูสภาพตลาดโดยรวม คำนวนมาจากหุ้น 100 ตัว ที่ใหญ๋ที่สุดของ ดัชนี Hang Seng
ADV/DEC นั้บหุ้น เขียวแดงแต่ละวัน ซึ่งมีสัญญาณ พักฐานล่วงหน้ามาตั้งแต่วันที่ 2 ตค
และ ตัว McCellan ก็เริ่มมีสัญญาณพักฐาน
ส่วนตัว macd สีเขียว คำนวนมากจาก มีหุ้นกี่ตัว ที่ macd ตัดsignal ขึ้น และ มากกว่า
สีแดง macd ตัดลงและ ต่ำกว่า 0 ซึ่ง ถ้าดูจากตัว Momentum ยังไม่ถึงจุดบอกเปลียนเทรนขาลง
และ RSI นั้บหุ้น Rsi >60 ลดน้อยลง แต่ ยังมากกว่าสีแดง Rsi <40 ยังมีน้อยมาก
2024 10 03 GOLD GOLD GOLDการวิเคราะห์: TVC:GOLD TVC:GOLD TVC:GOLD
- แนวโน้มตลาด (Trend Analysis): จากกราฟแสดงถึงการเคลื่อนไหวในกรอบขาลงต่อเนื่อง หลังจากที่ราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้ มีการปรับตัวลงมาต่ำกว่า 2,650 USD และเคลื่อนไหวบริเวณ 2,647 USD.
- MACD (Histogram): Histogram ของ MACD ยังคงแสดงสัญญาณอยู่ในแดนลบ แต่เริ่มมีการลดลงของความแรงในช่วงล่าสุด อาจเป็นสัญญาณการพักตัวจากขาลง.
- RSI (Relative Strength Index): RSI อยู่ในระดับใกล้ 30 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะ oversold ในตลาด อาจมีการฟื้นตัวของราคาเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดย RSI กำลังพยายามปรับตัวขึ้น.
แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance):
- แนวรับสำคัญ: แนวรับที่ 2,644 USD ยังคงเป็นระดับที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด หากราคาหลุดระดับนี้อาจมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 2,640 USD หรือระดับที่ต่ำกว่า.
- แนวต้านสำคัญ: แนวต้านที่ 2,648 USD ยังคงเป็นจุดที่ราคาต้องทะลุเพื่อเข้าสู่การฟื้นตัวอย่างชัดเจน หากราคาทะลุได้ อาจมุ่งหน้าไปที่ 2,652 USD และแนวต้านถัดไปที่ 2,654 USD.
แผนการเทรด:
- ถ้าต้องการ Buy: หากราคาเริ่มมีการฟื้นตัวและทะลุแนวต้านที่ 2,648 USD อาจเปิดสถานะซื้อ โดยตั้งเป้าหมายที่ 2,652 USD และตั้ง stop loss ใต้แนวรับที่ 2,644 USD.
- ถ้าต้องการ Sell: หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 2,648 USD และมีการปรับตัวลงต่อ อาจพิจารณาเปิดสถานะขายเมื่อราคาหลุด 2,644 USD โดยตั้งเป้าหมายที่ 2,640 USD หรือต่ำกว่า พร้อมตั้ง stop loss ที่ 2,648 USD.
สรุป:
ติดตามการเคลื่อนไหวบริเวณแนวรับและแนวต้านสำคัญ หากราคาไม่สามารถทะลุแนวรับหรือแนวต้านได้ อาจมีการปรับตัวในกรอบนี้ ควรรอสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนจาก RSI และ MACD เพื่อยืนยันทิศทาง.
#ถ้าต้องการซัพพอร์ตผมทักข้อความมาได้ครับ
#ยังไม่มีกลุ่มไลน์นะครับ
#อย่าลืมตั้ง SL
#กำหนดพื้นที่การเทรดให้ชัดเจน ถ้าผิดทางต้องปล่อยไปนะครับ
2024 10 01 GOLD GOLD GOLDการวิเคราะห์:
- แนวโน้ม: ราคาทองคำแสดงถึงการฟื้นตัวจากช่วงขาลง และขณะนี้อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยกราฟแสดงให้เห็นการทะลุแนวต้านสำคัญและมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน.
- ระดับราคา: ราคาล่าสุดอยู่ที่ 2,654 USD ซึ่งได้ทะลุแนวต้านที่สำคัญบริเวณ 2,650 USD ไปแล้ว บ่งบอกถึงแรงซื้อที่เข้ามา.
แนวรับและแนวต้าน :
- แนวต้าน: ระดับถัดไปของแนวต้านอยู่ที่ 2,670 USD หากราคาสามารถทะลุระดับนี้ อาจเห็นการเคลื่อนไหวขึ้นไปที่ 2,680 USD หรือสูงกว่านั้น.
- แนวรับ: แนวรับสำคัญอยู่ที่ 2,640 USD ซึ่งเป็นจุดที่ควรเฝ้าระวัง หากราคาปรับตัวลดลงมาใกล้กับจุดนี้และมีแรงซื้อกลับเข้ามา อาจเป็นสัญญาณของการดีดตัวขึ้นอีกครั้ง.
เครื่องมือวิเคราะห์ (Indicators):
- MACD (Histogram): กราฟ MACD แสดงถึงโมเมนตัมเชิงบวกที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีแนวโน้มว่าราคาจะขยับตัวสูงขึ้นต่อไป.
- RSI (Relative Strength Index): RSI อยู่ที่ระดับใกล้ 60 ซึ่งยังไม่เข้าสู่ภาวะ overbought (70) แสดงให้เห็นว่ายังมีพื้นที่สำหรับการเคลื่อนไหวขึ้นได้อีก.
แผนการเทรด:
- ถ้าต้องการ Buy: เมื่อเห็นสัญญาณการทะลุแนวต้านที่ 2,650 USD และราคาเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น อาจพิจารณาเปิดสถานะซื้อโดยมีเป้าหมายการทำกำไรที่ระดับ 2,670 USD หรือ 2,680 USD และตั้ง stop loss ใต้แนวรับที่ 2,640 USD เพื่อป้องกันความเสี่ยง.
- ถ้าต้องการ Sell: หากราคาทะลุลงต่ำกว่าแนวรับที่ 2,640 USD อาจพิจารณาเปิดสถานะขาย โดยตั้งเป้าหมายการทำกำไรที่ระดับ 2,620 USD หรือต่ำกว่านั้น.
สรุป:
ราคาทองคำอยู่ในช่วงขาขึ้นและมีสัญญาณเชิงบวกจาก MACD และ RSI แนวรับสำคัญที่ 2,640 USD ควรจับตามอง หากราคายังคงอยู่เหนือระดับนี้ การเปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรในแนวโน้มขาขึ้นอาจเป็นทางเลือกที่ดี.
SET50 Index Futures (S50Z2024) 23/09/2024 - 27/09/2024จากภาพรวมตลาดระยะกลาง (Timeframe Day) ของ S50Z2024 ระหว่างวันที่ 6/09/2024 - 18/09/2024
วิเคราะห์แนวโน้มและสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น จากข้อมูลได้ดังนี้
### การเคลื่อนไหวของดัชนีระหว่างวันที่ 6/09/2024 - 18/09/2024:
- **การพักตัวออกข้าง (Sideways)**:
ดัชนี S50Z2024 เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ **912 - 889.8** ในช่วงนี้ แสดงถึงแนวโน้มการสะสมพลัง (Consolidation) และยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน เนื่องจากตลาดยังไม่ได้ตัดสินใจแนวโน้มว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลงชัดเจน
- **กรอบการสะสมจาก Volume Profile**:
- โซนบน: **908.4 - 912**
- โซนกลาง: **912 - 897.4** (เป็นโซนที่มีปริมาณการซื้อขายสะสมมากที่สุด บ่งบอกถึงการซื้อขายที่เข้มข้นที่สุดในช่วงนี้)
- โซนล่าง: **897.4 - 889.8**
- **PCO (Point of Control)** ที่ **905.7** เป็นจุดที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในช่วงนี้ แสดงถึงระดับราคาที่มีความสนใจจากนักลงทุนมากที่สุด ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญ
### การ Breakout:
- ในวันที่ **19/09/2024** ดัชนีได้ Breakout ออกจากกรอบการสะสม ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากการพักตัวออกข้างไปสู่แนวโน้มขาขึ้น (Bullish) ที่ชัดเจน
- **Volume การซื้อขายที่มากกว่าค่าเฉลี่ย 2 เท่า** สนับสนุนการ Breakout นี้ แสดงถึงการมีส่วนร่วมของนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งมักเป็นสัญญาณยืนยันว่าตลาดพร้อมที่จะเปลี่ยนทิศทางไปในแนวโน้มขาขึ้น
### การเคลื่อนไหวหลังจาก Breakout:
- ในวันที่ **20/09/2024** ดัชนีทำจุดสูงสุดที่ **924.0** ก่อนที่จะมีการย่อตัวลงและปิดที่ **913.4** (-5.1 จุด หรือ -0.56%) แสดงถึงความผันผวนในตลาดหลังจากการปรับตัวขึ้นแรง โดยมีการเปิดที่ **919.8** จุด สูงสุดที่ **924.0** ต่ำสุดที่ **921.7** ปิดที่ **913.4**
- การที่ดัชนีย่อตัวลงหลังจากทำจุดสูงสุดอาจบ่งบอกถึงการพักตัวระยะสั้นเพื่อสะสมพลังใหม่ในกรอบระดับสูง
### แนวโน้มในระยะกลาง:
- **แนวต้าน (Resistance)**: จุดสูงสุดที่ **924.0** เป็นระดับแนวต้านสำคัญในขณะนี้ หากดัชนีสามารถกลับไปทดสอบและทะลุแนวต้านนี้ได้ อาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อ
- **แนวรับ (Support)**: ระดับ **905.7** ซึ่งเป็น PCO ทำหน้าที่เป็นแนวรับหลัก หากดัชนีปรับตัวลงมาทดสอบระดับนี้และยืนได้ อาจบ่งชี้ว่าตลาดยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
### ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง:
1. **การทดสอบแนวต้านที่ 924.0**: หากดัชนีสามารถทะลุผ่านแนวต้านนี้ได้ อาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อไป
2. **ปริมาณการซื้อขาย (Volume)**: ควรติดตามปริมาณการซื้อขายในช่วงที่ดัชนีย่อตัว หากปริมาณการซื้อขายลดลง อาจบ่งชี้ถึงการพักตัวที่เป็นปกติ แต่หากมี Volume สูงในขาลง อาจต้องระวังการกลับตัวลง
3. **แนวรับที่ 905.7**: การทดสอบแนวรับนี้จะเป็นจุดสำคัญที่จะยืนยันว่าตลาดยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือไม่
### ข้อสรุป:
ตลาด S50Z2024 อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหลังจากการ Breakout ที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม มีการพักตัวระยะสั้นหลังจากทำจุดสูงสุด หากสามารถทะลุแนวต้านที่ **924.0** ได้อีกครั้ง แนวโน้มขาขึ้นจะยังคงดำเนินต่อ
กลยุทธ์ลงทุนสำหรับ **S50Z2024** โดยการคาดการณ์แนวโน้มในสัปดาห์นี้ (23/09/2024) จะต้องพิจารณา Senario ต่างๆ เพื่อให้สามารถวางแผนการเทรดได้อย่างรอบคอบ โดยเราสามารถแบ่งแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นออกเป็น 3 Senario หลัก คือ แนวโน้มขาขึ้น (Bullish), แนวโน้มพักตัว (Sideways), และแนวโน้มขาลง (Bearish)
### Senario 1: แนวโน้มขาขึ้น (Bullish)
#### สถานการณ์:
ดัชนีจะยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหลังจากที่ Breakout ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะพยายามกลับไปทดสอบแนวต้านเดิมที่ **924.0** หากสามารถทะลุผ่านแนวต้านนี้ได้ อาจเห็นการขึ้นต่อเนื่องไปยังระดับใหม่ที่สูงกว่า
#### กลยุทธ์:
1. **ซื้อเมื่อราคา Breakout ผ่านแนวต้าน 924.0**:
- หากราคา Breakout ผ่านแนวต้านนี้ ควรเข้าซื้อด้วย Volume ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
- ตั้ง **Stop Loss** ใต้ระดับ **910.0** (แนวรับระยะสั้น) เพื่อลดความเสี่ยงหากตลาดเกิดการกลับตัว
- ตั้ง **Take Profit** ที่ระดับ 930.0 - 935.0 เป็นเป้าหมายแรก หากตลาดแข็งแกร่งอาจถือยาวไปจนถึง 940.0 หรือสูงกว่า
2. **ซื้อเมื่อย่อตัวและสามารถยืนเหนือแนวรับ 910.0**:
- หากดัชนีย่อตัวลงมาทดสอบระดับแนวรับ **910.0** และไม่หลุด ควรเข้าซื้อบริเวณนี้เพื่อลดความเสี่ยง
- ตั้ง Stop Loss ใต้ **905.7** (PCO) เพื่อป้องกันการขาดทุนหากตลาดกลับทิศทาง
- ตั้งเป้า Take Profit เดิมที่ **924.0** และสูงกว่า
#### สัญญาณยืนยัน:
- Volume ต้องสนับสนุนการเคลื่อนไหวในขาขึ้น (ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเมื่อดัชนีทะลุแนวต้าน)
- ดัชนี MACD และ RSI อยู่ในโซนที่สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น
---
### Senario 2: แนวโน้มพักตัวออกข้าง (Sideways)
#### สถานการณ์:
ตลาดยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบหลังจาก Breakout โดยไม่สามารถทะลุแนวต้าน 924.0 ได้ในทันที แต่ยังไม่หลุดแนวรับหลักที่ **910.0** ส่งผลให้ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ **910.0 - 924.0** ในช่วงสัปดาห์ต่อไป
#### กลยุทธ์:
1. **เทรดในกรอบ Sideways (Range Trading)**:
- เข้าซื้อใกล้แนวรับที่ **910.0** และขายทำกำไรใกล้แนวต้าน **924.0** โดยต้องจับตาการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด
- ตั้ง **Stop Loss** ใต้แนวรับ **905.7** และตั้ง **Take Profit** ใกล้ระดับ 924.0
2. **เฝ้ารอการ Breakout/Breakdown**:
- หากตลาดยังคงเคลื่อนไหวในกรอบนี้ ควรรอการ Breakout ผ่าน 924.0 เพื่อเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น
- หากตลาด Breakdown หลุดแนวรับ **910.0** ควรเปลี่ยนกลยุทธ์ไปเป็นขาลง
#### สัญญาณยืนยัน:
- Volume ควรลดลงเมื่อดัชนีเคลื่อนไหวออกข้าง
- MACD และ RSI อาจอยู่ในโซนกลาง โดยไม่มีสัญญาณบ่งบอกแนวโน้มชัดเจน
---
### Senario 3: แนวโน้มขาลง (Bearish)
#### สถานการณ์:
ดัชนีไม่สามารถยืนเหนือแนวรับที่ **910.0** ได้และเกิดการ Breakdown ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลงต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ **905.7** และ **897.4** (จาก Volume Profile)
#### กลยุทธ์:
1. **เปิดสถานะขาย (Short) เมื่อหลุดแนวรับ 910.0**:
- หากดัชนีปรับตัวลงต่ำกว่าแนวรับที่ **910.0** ควรเปิดสถานะ Short พร้อมตั้ง **Stop Loss** ใกล้ระดับ **915.0** เพื่อลดความเสี่ยงหากตลาดกลับตัว
- ตั้งเป้าหมายการทำกำไรที่ **905.7** และ **897.4** เป็นเป้าหมายแรก
2. **Short เมื่อเกิดการ Rebound กลับมาทดสอบแนวต้าน 910.0 แต่ไม่ผ่าน**:
- หากตลาดมีการ Rebound แต่ไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือ **910.0** ได้ ควรเปิดสถานะ Short โดยตั้งเป้า Take Profit ที่เดิม **905.7** และ **897.4**
#### สัญญาณยืนยัน:
- Volume ที่สูงขึ้นในขณะที่ดัชนีปรับตัวลง
- MACD ตัดเส้นสัญญาณลงและ RSI อยู่ในโซน Oversold
---
### สรุปการวางกลยุทธ์:
การวางแผนสำหรับสัปดาห์ถัดไปของ S50Z2024 ควรเน้นไปที่การจับตามองการเคลื่อนไหวใกล้ระดับแนวรับที่ **910.0** และแนวต้านที่ **924.0** โดยใช้กลยุทธ์ตาม Senario ที่เกิดขึ้นจริงในตลาด:
- หากเกิด **แนวโน้มขาขึ้น**: เน้นการเข้าซื้อเมื่อดัชนี Breakout ผ่านแนวต้านหรือย่อตัวลงมาที่แนวรับสำคัญ
- หากเกิด **แนวโน้มพักตัวออกข้าง**: ใช้การเทรดในกรอบแนวรับแนวต้านและเฝ้ารอดูการ Breakout หรือ Breakdown
- หากเกิด **แนวโน้มขาลง**: เปิดสถานะ Short เมื่อดัชนีหลุดแนวรับหลัก
คู่สกุลเงิน USD/JPY ลดลงสู่ 147.30 กับแนวรับที่ EMA 14 วัน* USD/JPY อาจลดลงสู่แนวรับจิตวิทยาที่ 147.00.
* ตัวชี้วัดทางเทคนิคชี้ไปที่แรงขับเคลื่อนเชิงบวกของคู่สกุลเงิน.
* หากทะลุแนวรับจิตวิทยาที่ 147.00 อาจทดสอบระดับ Fibonacci ที่ 146.78.
คู่สกุลเงิน USD/JPY ลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยซื้อขายรอบ 147.30 ในช่วงการซื้อขายของยุโรปเมื่อวันอังคาร โดย EMA 14 วันที่ 147.06 เป็นแนวรับทันที ควบคู่ไปกับแนวรับจิตวิทยาที่ 147.00 📉🧐
การล่มสลายของระดับแนวรับจิตวิทยาอาจผลักดันคู่สกุลเงิน USD/JPY ไปทดสอบแนวรับรอบ Fibonacci ที่ 146.78 และตามด้วยระดับสำคัญที่ 146.50 การล่มสลายของโซนรับนี้อาจนำ USD/JPY ไปสำรวจพื้นที่รอบแนวรับจิตวิทยาที่ 146.00 ก่อนที่จะเจอกับระดับ Fibonacci ที่ 145.53 ซึ่งจัดวางอยู่กับแนวรับสำคัญที่ 145.50 📊💡
การวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก MACD สำหรับคู่ USD/JPY บ่งบอกถึงความรู้สึกเชิงบวกในตลาด โดยแถบ MACD อยู่เหนือเส้นกลางและแสดงความเบี่ยงเบนเหนือเส้นสัญญาณ นอกจากนี้ ตัวชี้วัดช้าอย่าง RSI 14 วันที่อยู่เหนือระดับ 50 แนะนำการยืนยันของแรงขับเคลื่อนเชิงบวกที่คงอยู่ของคู่สกุลเงิน 📈👀
ด้านบน คู่สกุลเงิน USD/JPY อาจพบแนวต้านที่ระดับสำคัญ 147.50 โดยมีแนวต้านเพิ่มเติมจากระดับจิตวิทยาที่ 148.00 การทะลุที่แน่นอนข้ามแนวต้านจิตวิทยานี้อาจให้การสนับสนุนคู่สกุลเงินเพื่อก้าวไปสู่ระดับสำคัญที่ 148.50 แรงผลักดันเพิ่มเติมทางด้านบนอาจนำคู่สกุลเงินไปสู่จุดสูงสุดของสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ 148.69 ตามด้วยจุดสูงสุดของเดือนมกราคมที่ 148.80 📈🎯
#USDJPY #วิเคราะห์ราคา #ตลาดการเงิน #แนวรับและแนวต้าน #Fibonacci #EMA #MACD #RSI
XAUUSD 29/1/2024⚡️บีบเข้ามุมสามเหลี่ยมรอเลือกข้าง กลุ่มทามเฟรมขนาดกลาง,เล็กงัดข้อกลุ่มทามเฟรมหลักที่มีทิศทางบีบตัวลง
👉TFหลัก W แท่งเทียน แรงsells สะสมยังได้เปรียบ macd บีบตัวลงตัดเส้นสัญญาณลงนิด
👉TF/รอง 1D macd และrsi ใต้น้ำใต้เส้นสัญญาณ
👉กลุ่มTFขนาดกลาง,เล็ก 4H,1H,30m มีแรง buy macd พยายามยกตัวขึ้นงัดข้อทามเฟรมหลัก
🎯เทรดในกรอบไซร้เวย์ รอข่าวครับ บริเวณ 2012-2034
GBP/USD ทรงตัวรอบ 1.2750, มีแนวรับที่ EMA 21 วันGBP/USD ทรงตัวรอบ 1.2750, มีแนวรับที่ EMA 21 วัน
- GBP/USD ยืนรอบ 1.2750, EMA 21 วันที่ 1.2684 เป็นแนวรับ.
- แนวรับหลักถัดไปที่ 1.2650, MACD ชี้วัดความระมัดระวัง.
- RSI และ MACD บ่งชี้ศักยภาพของ GBP/USD.
GBP/USD หยุดสตรีคชนะ 4 วัน, ซื้อขายต่ำใกล้ 1.2750 ในช่วงเช้าของเซสชันยุโรปวันอังคาร. คู่สกุลเงินอยู่ในจุดสำคัญ, การลดต่ำกว่าระดับสำคัญอาจนำไปสู่แรงกดดันลงเพิ่มเติม. EMA 21 วันที่ 1.2684 เป็นแนวรับที่สำคัญที่ต้องติดตาม.
การลดลงต่ำกว่า EMA 21 วันอาจบ่งชี้แรงขายเพิ่มขึ้น, และคู่สกุลเงินอาจเข้าใกล้แนวรับสำคัญที่ 1.2650. ระดับนี้, ซึ่งตรงกับการถอยหลัง Fibonacci 23.6% ที่ 1.2643, เพิ่มความสำคัญทางเทคนิคในโซนรับ.
RSI 14 วันที่อยู่เหนือระดับ 50 เป็นสัญญาณบวก, ชี้ว่า GBP/USD มีโมเมนตัมขาขึ้น. RSI เหนือ 50 มักชี้ว่ามีแรงซื้อมากกว่า, และสอดคล้องกับแนวโน้มขาขึ้นของคู่สกุลเงิน.
นอกจากนี้, ตัวบ่งชี้ MACD ยังให้ข้อมูลที่น่าสนใจ. การที่เส้น MACD อยู่เหนือเส้นกลางเป็นสัญญาณขาขึ้น, บ่งชี้โมเมนตัมขาขึ้นที่อาจเกิดขึ้น. อย่างไรก็ตาม, การรวมกันต่ำกว่าเส้นสัญญาณอาจบ่งบอกถึงความระมัดระวังของนักลงทุน.
ด้านบน, GBP/USD อาจเข้าถึงระดับสูงสุดของสัปดาห์ที่แล้วที่ 1.2771. การลดลงเหนือระดับนี้อาจสนับสนุน GBP/USD ในการสำรวจบริเวณรอบระดับจิตวิทยาที่ 1.2800 ตามด้วยระดับสูงสุดของเดือนธันวาคมที่ 1.2827.
📊 NZD/JPY: ลดลงหลังจุดสูงสุด, รอการรวมตัว! 🌟📉📉🌟 **NZD/JPY วิเคราะห์เทรนด์: หลังจากจุดสูงสุดหลายปี, เตรียมรวมตัวเพิ่มเติม!** 🚀💥
📊🔻 **ตลาดเคลื่อนไหวเข้มข้น!** ในวันพฤหัส, NZD/JPY พลิกลงอย่างมาก, ลดลงมากกว่า 1%, หลังจากทำจุดสูงสุดหลายปีที่ 91.20! 💹📉 การรวมตัวหลังจากชุมนุมนี้คือสิ่งที่เราต้องจับตา!
🔍📈 **มุมมองทางเทคนิค: กลางถึงบวก!** ตามกราฟรายวัน, NZD/JPY ยังคงเป็นกลางถึงเชิงบวก, แม้ RSI แสดงความเอนเอียงลบ. ด้วย MACD ที่ลดลงแต่ยังคงอยู่เหนือ SMA 20, 100, 200 วัน, ทีมซื้อยังคงมีความได้เปรียบ! 📊📈
🔎🕒 **ตรวจสอบกราฟ 4 ชั่วโมง:** ที่นี่, แนวโน้มเอนเอียงไปทางฝ่ายขาย, RSI และ MACD อยู่ในเขตลบ, ชี้ว่าคู่เงินอาจมีการรวมตัวเพิ่มเติมในระยะสั้น! 📉👀
🔵 **ระดับสนับสนุน:** 89.25, 89.00, 88.60 (20-day SMA)
🔴 **ระดับต้าน:** 90.00, 90.30, 91.20
#NZDJPY #ForexAnalysis #TechnicalAnalysis #CurrencyPair #TradingStrategy #MarketTrends #RSI #MACD #SMAs #ForexMarket 🌐💹📊📉🚀