ค้นหาในไอเดียสำหรับ "macd"
TQM เห็นหมี จับตาดูแนวรับ 117.5 MACDเกิดbearlish di. เมื่อเห็นสัญญาณหมีเลยหาแนวรับ มีแนว 128 แนวถัดไป 117.5 บาท ประกอบกับชุดขาขึ้นนับwaveแล้วเป็น Impulse แบบ x3 wave เมื่อจบ impulse จะต้องพักลงมา 61/8% of IM คือแนวรับ 74 บาท (จะเป็นแผนแบบสีน้ำเงิน/กรณีที่1)
มองอีกกรณีคือ wave 3 ยังไม่จบ จะทำsideway ออกข้างไม่หลุดแนวรับ 117.5 บาท เมื่อsidewayจบ นับเป็น wave 4 แล้วขึ้นต่อ wave5 โดย wave5=wave1 แนวต้าน 160บาท (จะเป็นแผนแบบสีเขียว/กรณีที่2)
ดังนั้นให้ดูที่แนวรับ 117.5 เป็นตัวตัดสินว่าจะเลือกทางกรณีแบบใด แล้ววางแผนอีกครั้ง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค GBP / CHFสัญญาณ MACD อยู่ในแดนบวก และชี้ไปที่ข้อเสนอในการซื้อ ตัวบ่งชี้สโตคาสติกถูกแสดงตัวที่บริเวณซื้อเกิน และสนับสนุนให้ซื้อ RSI ยังสนับสนุนข้อเสนอในการซื้อ ระดับความต้านทานอยู่ที่ประมาณ 1.3075, 1.3085 และ 1.31 ระดับแกนหมุนอยู่ที่เครื่องหมาย 1.3055 แนวรองรับอยู่ที่ 1.3036, 1.3026 ราคาเทรดอยู่ในช่องด้านข้าง เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
โดยรวม ที่ต้องการมากกว่าคือข้อเสนอซื้อ
BTC การขายแบบง่ายๆ แต่ยั่งยืนMACD-H แสดงถึง Bullish Divergence ราคามีโอกาสกลับตัว ในช่องสีนํ้าเงินคือโอกาสในการซื้อเมื่อราคายังวิ่งอยู่ใกล้เส้นแนวรับและยังไม่ทะลุลงไป เป้าหมายในการทำกำไร แบ่งเป็นสามช่วง
1. เมื่อราคาวิ่งเข้ากรอบสี เขียวให้ขาย 50%
2. กรอบสี ม่วงราคาวิ่งชน เส้นแนวต้านของช่องแนวโน้มขาลง และราคามีการพยายามที่จะ Break out ไปมากกว่า 1 ครั้งให้ขาย อีก 50% ของของที่เหลือ เช่น มี 100 BTC 2.67% ขายไปแล้วที่ข้อ 1 50% เหลือ 50 BTC 2.67% ให้ขายอีก 25 BTC 2.67%
3. กรณีที่ 1 ราคาไม่สามารถทะลุเส้นแนวต้านสีแดงไปได้ พิจารณาขายทั้งหมดในกรอบสี เขียว $8,000-8,300
กรณีที่ 2 ราคา Break out ไปได้ ราคาจะวิ่งชนเส้น MA200 ช่วงราคาประมาณ $10,000 ให้ปล่อยของ 50% จากที่ถือเมื่อราคาวิ่งแตะเส้น และขายทั้งหมดเมื่อแตะครั้งที่สอง
*กรณีที่ราคาทะลุเส้นแนวรับลงมาให้ขายทิ้งทั้งหมด ไม่รอการดีดกลับ ไม่ว่าจะเป็นการทะลุแบบหลอกหรือไม่
GBP / CHF - คุณเห็นรูปแบบการพลิกกลับหรือไม่?!ตามคู่สกุลเงินของเรา มันมีสิ่งพิมพ์และบทความมากมายที่อ้างว่าเรากำลังมองเห็นแนวโน้มขาลง และราคาอยู่ในระหว่างการแก้ไข
ถ้าเราพิจารณาตัวชี้วัดทางเทคนิคของเรา ในกราฟ MACD เราจะเห็นว่าเราได้เห็นจริงๆ ว่า เราได้ออกมาจากกราฟ และ ขณะนี้เรามีสัญญาณที่จะขายคู่สกุลเงินนั้น เมื่อเรามองไปที่สโตแคสติกบนแผนภูมิ 4 ชั่วโมง เราเห็นการเพิ่มขึ้นในทางตรงกันข้าม เนื่องจากตัวชี้วัดเหล่านี้ไม่ได้ให้สัญญาณที่ชัดเจนในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราลงไป และดูที่แผนภูมิ 1 ชั่วโมง เมื่อนั้นเราจะเห็นรูปแบบ "ปลายตัววีกลับทางเป็นคู่" ซึ่งมีลักษณะเป็นกราฟ 4 ชั่วโมงแบบ “หัวและไหล่" แบบย้อนกลับ
ตัวเลขเหล่านี้เป็นการพลิกกลับ ดังนั้นควรรอให้ราคาดีดตัวขึ้น และคาดว่าราคาจะทะลุสู่ระดับ 1.31 จากนั้นเราสามารถพิจารณาการกระทำเพิ่มเติมจากราคาของเรา
ทดสอบ//@version=5
strategy("Custom Trading System - 4hr Chart", overlay=true, shorttitle="CTS")
// กำหนดค่าของสีและความหนาของเส้น
fastLength = input(12, title="Fast Length", minval=1)
slowLength = input(26, title="Slow Length", minval=1)
signalLength = input(9, title="Signal Length", minval=1)
rsiLength = input(14, title="RSI Length", minval=1)
// คำนวณ MACD
src = close
fastEMA = ema(src, fastLength)
slowEMA = ema(src, slowLength)
macdLine = fastEMA - slowEMA
signalLine = ema(macdLine, signalLength)
// คำนวณ RSI
rsiValue = rsi(close, rsiLength)
// สร้างสัญญาณการเข้าซื้อและขาย
longCondition = crossover(macdLine, signalLine) and close > sma(close, 50) and rsiValue < 30
shortCondition = crossunder(macdLine, signalLine) and close < sma(close, 50) and rsiValue > 70
// การจัดการตำแหน่ง
strategy.entry("Buy", strategy.long, when = longCondition)
strategy.entry("Sell", strategy.short, when = shortCondition)
strategy.close("Buy", when = crossunder(macdLine, signalLine) and close < sma(close, 50))
strategy.close("Sell", when = crossover(macdLine, signalLine) and close > sma(close, 50))
ออมแว่น//@version=5
indicator("BSF V.7.0.1", overlay=true)
// กำหนดตัวแปรต่าง ๆ
sma_length_short = 14
sma_length_long = 50
rsi_length = 14
lookback = 20
adxPeriod = 14
adxSmoothing = 14 // Smoothing period for ADX
// คำนวณค่า SMA และ RSI
sma_short = ta.sma(close, sma_length_short)
sma_long = ta.sma(close, sma_length_long)
rsi = ta.rsi(close, rsi_length)
// คำนวณ MACD
= ta.macd(close, 12, 26, 9)
// คำนวณ ATR
atr = ta.atr(14)
// คำนวณ Fibonacci Retracement
highestHigh = ta.highest(high, 50)
lowestLow = ta.lowest(low, 50)
fibRange = highestHigh - lowestLow
fibRetrace0 = fibRange != 0 ? lowestLow + 0.236 * fibRange : lowestLow
fibRetrace1 = fibRange != 0 ? lowestLow + 0.382 * fibRange : lowestLow
fibRetrace2 = fibRange != 0 ? lowestLow + 0.618 * fibRange : lowestLow
fibRetrace3 = fibRange != 0 ? highestHigh : highestHigh
fibRetrace45 = fibRange != 0 ? lowestLow + 0.45 * fibRange : lowestLow
fibRetrace58 = fibRange != 0 ? lowestLow + 0.58 * fibRange : lowestLow
fibRetrace69 = fibRange != 0 ? lowestLow + 0.69 * fibRange : lowestLow
// คำนวณ Parabolic SAR
sar = ta.sar(0.02, 0.2, 0.2)
// คำนวณ ADX
= ta.dmi(adxPeriod, adxSmoothing)
// การตรวจสอบ Divergence ระหว่าง RSI และราคา
bullishDiv = rsi < 30 and close > ta.lowest(close, lookback)
bearishDiv = rsi > 70 and close < ta.highest(close, lookback)
// สัญญาณการ Breakout ของสามเหลี่ยม
highestHigh_lookback = ta.highest(high, lookback)
lowestLow_lookback = ta.lowest(low, lookback)
breakoutUp = close > highestHigh_lookback // Close is above the highest of the last `lookback` period
breakoutDown = close < lowestLow_lookback // Close is below the lowest of the last `lookback` period
// สัญญาณซื้อ/ขายหลัก
primaryBuySignal = close > fibRetrace2 and close > sma_short and rsi > 50 and close > sma_long and ta.crossover(macdLine, signalLine)
primarySellSignal = close < fibRetrace1 and close < sma_short and rsi < 50 and close < sma_long and ta.crossunder(macdLine, signalLine)
// กำหนดเส้น Buy และ Sell
buyLevel = lowestLow - 16
sellLevel = highestHigh + 16
// ตรวจสอบว่าเป็น Sideways หรือไม่ โดยดูจากความแตกต่างระหว่าง SMA สั้นและยาว
sidewaysCondition = math.abs(sma_short - sma_long) < atr // ใช้ ATR เป็นตัวบ่งชี้
trendColor = sidewaysCondition ? color.gray : (close > sma_short ? color.green : color.red) // กำหนดสี
// แสดงเส้น Buy และ Sell ด้วยความหนาและการเชื่อมต่อที่สวยงาม
plot(series=buyLevel, color=trendColor, linewidth=8, title="Buy Trend Line", style=plot.style_linebr)
plot(series=sellLevel, color=trendColor, linewidth=8, title="Sell Trend Line", style=plot.style_linebr)
// แสดงสัญญาณบนกราฟ
plotshape(series=primaryBuySignal, location=location.belowbar, color=color.green, style=shape.labelup, title="Confirmed Buy Signal", text="BUY")
plotshape(series=primarySellSignal, location=location.abovebar, color=color.red, style=shape.labeldown, title="Confirmed Sell Signal", text="SELL")
plotshape(series=breakoutUp, location=location.abovebar, color=color.green, style=shape.triangleup, title="Triangle Breakout Up", text="UP")
plotshape(series=breakoutDown, location=location.belowbar, color=color.red, style=shape.triangledown, title="Triangle Breakout Down", text="DOWN")
// แสดง Fibonacci Levels
plot(fibRetrace0, color=color.green, linewidth=1, title="Fib 23.6%")
plot(fibRetrace1, color=color.blue, linewidth=1, title="Fib 38.2%")
plot(fibRetrace2, color=color.orange, linewidth=1, title="Fib 61.8%")
plot(fibRetrace3, color=color.red, linewidth=1, title="Fib 100%")
plot(fibRetrace45, color=color.yellow, linewidth=1, title="Fib 45%")
plot(fibRetrace58, color=color.teal, linewidth=1, title="Fib 58%")
plot(fibRetrace69, color=color.purple, linewidth=1, title="Fib 69%")
// แสดง Parabolic SAR
plot(sar, color=color.purple, linewidth=2, style=plot.style_cross, title="Parabolic SAR")
// สัญญาณ Divergence
plotshape(series=bullishDiv, location=location.belowbar, color=color.green, style=shape.labelup, title="Bullish Divergence", text="Bull Div")
plotshape(series=bearishDiv, location=location.abovebar, color=color.red, style=shape.labeldown, title="Bearish Divergence", text="Bear Div")
// สัญญาณแจ้งเตือน
alertcondition(primaryBuySignal, title="Confirmed Buy Alert", message="Strong BUY Signal Confirmed")
alertcondition(primarySellSignal, title="Confirmed Sell Alert", message="Strong SELL Signal Confirmed")
alertcondition(breakoutUp, title="Triangle Breakout Up", message="Triangle Breakout Up Detected")
alertcondition(breakoutDown, title="Triangle Breakout Down", message="Triangle Breakout Down Detected")
alertcondition(bullishDiv, title="Bullish Divergence Detected", message="Bullish Divergence Pattern Detected")
alertcondition(bearishDiv, title="Bearish Divergence Detected", message="Bearish Divergence Pattern Detected")
// SC Pattern (Simple Custom Example)
scPatternBuy = close > ta.highest(high, lookback) and close > fibRetrace2
sc
Gold Market Outlook [Febuary 3, 2025]🌟 Gold Market Outlook
📈 "ทองคำแนวโน้มบวก หลัง Fed ส่งสัญญาณชะลอปรับลดดอกเบี้ย - แนะจับตา NFP สัปดาห์นี้"
ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) 🔍
ตลาดทองคำเริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ด้วยทิศทางเชิงบวก โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการประชุม FOMC เมื่อสิ้นเดือนมกราคม ที่ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% แต่ท่าทีของ Fed ต่อภาวะเงินเฟ้อที่ยังสูงได้สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์
เศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงสัญญาณชะลอตัวชัดเจน สะท้อนจาก GDP ไตรมาส 4 ที่ลดลงเหลือ 2.7% จาก 3.3% ขณะที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งสูงถึง 224,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis) 📊
การวิเคราะห์ระยะสั้น (Time Frame 15 นาที)
รูปแบบการเคลื่อนตัว: ราคากำลังเคลื่อนที่ในกรอบ Ascending Channel อย่างชัดเจน โดยมีการทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีการย่อตัวที่เป็นระเบียบ
ดัชนี RSI: อยู่ที่ระดับ 58 ซึ่งยังห่างจากเขต Overbought (70) ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้
MACD: เส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal Line แสดงถึงโมเมนตัมเชิงบวกในระยะสั้น และ Histogram กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น
Moving Averages: EMA 21 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับไดนามิกที่แข็งแกร่ง
Volume Profile: ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้น แสดงถึงแรงซื้อที่มีนัยสำคัญ
การวิเคราะห์รายวัน (Time Frame H1)
แนวโน้มหลัก: ราคาปัจจุบันที่ $2,797.94 กำลังเคลื่อนตัวในแนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง โดยมีการสร้าง Higher High และ Higher Low อย่างต่อเนื่อง
RSI (H1): ที่ระดับ 46.05 แสดงถึงโมเมนตัมที่อ่อนตัวชั่วคราว แต่ยังไม่เข้าสู่เขต Oversold ทำให้มีโอกาสฟื้นตัวได้
MACD (H1): ค่า MACD ที่ 3.96 ต่ำกว่า Signal Line ที่ 5.52 เล็กน้อย บ่งชี้ถึงแรงขายระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่แสดงสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน
Bollinger Bands: ราคากำลังเคลื่อนตัวใกล้เส้นกลาง แสดงถึงช่วงของการสะสมแรงซื้อ
Fibonacci Retracement: ระดับ 38.2% ที่ $2,790 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญ
รูปแบบแท่งเทียนที่น่าสนใจ
กราฟ 15 นาที: เกิดรูปแบบ Bullish Engulfing ที่แนวรับ ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น
กราฟรายชั่วโมง: มีการสร้าง Doji ที่แนวต้าน $2,800 แสดงถึงการชะลอตัวของแรงซื้อ
แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ 🎯
แนวต้าน:
R3: $2,815 (แนวต้าน Fibonacci Extension 161.8%)
R2: $2,810 (High ของสัปดาห์ที่ผ่านมา)
R1: $2,800 (แนวต้านจิตวิทยาและ Round Number)
แนวรับ:
S1: $2,790 (MA20 H1 และ Fibonacci 38.2%)
S2: $2,780 (MA50 H1)
S3: $2,775 (แนวรับ Channel ระยะกลาง)
กลยุทธ์การเทรดแบบ Multiple Time Frame 💡
Scalping (15 นาที)
ระดับเข้าซื้อ: $2,792-2,795 (บริเวณ EMA 21)
Stop Loss: $2,788 (ใต้แนวรับ Channel)
Take Profit 1: $2,800 (แนวต้านจิตวิทยา)
Take Profit 2: $2,805 (แนวต้าน Channel บน)
อัตราส่วน Risk:Reward = 1:1.5
Day Trading (H1)
Long Position:
จุดเข้าซื้อ: รอย่อตัวที่แนวรับ $2,790
ยืนยันด้วย: Bullish Candlestick Pattern และ RSI เริ่มฟื้นตัว
Stop Loss: $2,785
Take Profit: $2,800 และ $2,810
Short Position:
จุดขาย: แนวต้าน $2,800
ยืนยันด้วย: Bearish Candlestick Pattern หรือ Divergence
Stop Loss: $2,805
Take Profit: $2,790
ปัจจัยที่ควรจับตา 👀
การประกาศตัวเลข NFP วันที่ 7 กุมภาพันธ์ (เป้าหมายต่ำกว่า 200,000 ตำแหน่ง)
ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
การเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์ (DXY)
วิเคราะห์โดย : Beam
วิเคราะห์การเปิดสถานะ S50H25 (ราคาปิดล่าสุด: 881.80)### **วิเคราะห์การเปิดสถานะ S50H25 (ราคาปิดล่าสุด: 881.80)**
แผนการเทรดพร้อมจุดเข้า-ออก เน้นการใช้งานได้จริง เหมาะสำหรับทั้ง **Short** และ **Long** ตามสถานการณ์ พร้อม Risk/Reward (R/R) ที่คำนวณไว้เรียบร้อย ✅
---
#### **📉 แผนเปิดสถานะ Short (ขาย)**
✅ **หลักการ:**
ราคาปัจจุบันอยู่ใกล้โซนแนวต้านสำคัญ (Quarterly R2 = 883.1 และ Monthly S3 = 886.5) ซึ่งเหมาะสำหรับการพิจารณาเปิด Short หากมีสัญญาณกลับตัวลง
🔵 **จุดเข้า (Entry):**
- รอราคาทดสอบโซน **883.1 - 886.5**
- หากมีสัญญาณกลับตัว เช่น Bearish Engulfing หรือ Shooting Star ในกรอบเวลา M15/M30
🟢 **จุดทำกำไร (Take Profit):**
- เป้าหมายแรก: **877.3 (R3 Daily)**
- เป้าหมายถัดไป: **872.1 (S1 Daily)**
🔴 **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):**
- วางไว้ที่ **889.0** (สูงกว่า Monthly S3 เพื่อป้องกันความเสี่ยง)
📊 **ตัวอย่างการคำนวณ Risk/Reward (R/R):**
- Entry: **883.0**
- TP1: **877.3** (ระยะห่าง 5.7 จุด, R/R = 1.63)
- TP2: **872.1** (ระยะห่าง 10.9 จุด, R/R = 3.11)
- SL: **889.0**
✅ **โอกาสชนะ:** ~65%
---
#### **📈 แผนเปิดสถานะ Long (ซื้อ)**
✅ **หลักการ:**
เหมาะสำหรับการเปิดสถานะ Long เมื่อราคาทะลุแนวต้านสำคัญ (Quarterly R2 = 883.1) หรือกลับมายืนเหนือแนวรับ Daily Pivot (872.1) พร้อมสัญญาณขาขึ้น
🔵 **จุดเข้า (Entry):**
- เปิด Long เมื่อราคาทะลุ **883.1** พร้อม Volume สนับสนุน
- หรือ รอราคาย่อและยืนเหนือ **872.1**
🟢 **จุดทำกำไร (Take Profit):**
- เป้าหมายแรก: **886.5 (Monthly S3)**
- เป้าหมายถัดไป: **890.0 (Quarterly R3)**
🔴 **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):**
- สำหรับกรณีทะลุ 883.1: ตั้ง SL ที่ **880.0**
- สำหรับกรณีที่ยืน Pivot Point: ตั้ง SL ต่ำกว่า **870.0**
📊 **ตัวอย่างการคำนวณ Risk/Reward (R/R):**
- Entry: **884.0**
- TP1: **886.5** (ระยะห่าง 2.5 จุด, R/R = 0.63)
- TP2: **890.0** (ระยะห่าง 6.0 จุด, R/R = 1.5)
- SL: **880.0**
✅ **โอกาสชนะ:** ~45%
---
### **🔍 เปรียบเทียบสถานะ Short และ Long**
| **สถานะ** | **จุดเข้า (Entry)** | **เป้าหมาย (TP)** | **จุดตัดขาดทุน (SL)** | **R/R** | **โอกาสชนะ (%)** |
|-------------|----------------------------|--------------------------|-------------------------|------------------|-------------------|
| **Short** | 883.1 - 886.5 | 877.3 -> 872.1 | 889.0 | 1.63 -> 3.11 | ~65% |
| **Long** | >883.1 หรือยืนเหนือ 872.1 | 886.5 -> 890.0 | 880.0 หรือ <870.0 | 0.63 -> 1.5 | ~45% |
---
### **💡 คำแนะนำและปัจจัยเสริม**
#### **สำหรับ Short:**
- RSI: โซน Overbought (>70) พร้อม Divergence
- MACD: เส้น Signal ตัด MACD ลง
- Volume: ลดลงใกล้แนวต้าน
#### **สำหรับ Long:**
- RSI: แนวโน้มขาขึ้น (>50)
- Breakout: ราคาทะลุ 883.1 พร้อม Volume สนับสนุน
---
### **📌 สรุปและคำแนะนำ**
- **Short มีโอกาสชนะสูง (~65%)** เหมาะสำหรับการเปิดสถานะใกล้แนวต้าน 883.1 - 886.5
- **Long เหมาะสมเมื่อราคาทะลุ 883.1 ได้** พร้อมยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
🔥 **คำเตือน:** การลงทุนมีความเสี่ยง ควรจัดการความเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของพอร์ต และติดตามข่าวสารตลาดเสมอ!
#SET50 #TFEX #วิเคราะห์ตลาด #S50H25 #ShortOrLong #PivotTrading
การวิเคราะห์ข่าวสาร และกราฟหุ้น EE (1D)1. Technical Analysis (การวิเคราะห์ทางเทคนิค)
แนวโน้มราคา (Trend Analysis)
การพุ่งขึ้นล่าสุด (Bullish Breakout):
ราคาปรับตัวขึ้นเด่นชัดช่วงปลายปี 2024 พร้อม Volume เพิ่มสูง สะท้อนความสนใจของนักลงทุน
ปัจจัยหนุน: การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่และแผนธุรกิจใหม่
แนวรับ-แนวต้าน (Support and Resistance):
แนวรับสำคัญ: 0.50–0.55 บาท
แนวต้านสำคัญ: 0.70–0.75 บาท หากทะลุได้ อาจไปถึง 0.80 บาท
เครื่องมือทางเทคนิค (Indicators)
MACD:
อยู่ในโซนบวก สะท้อนโมเมนตัมขาขึ้น
หาก MACD Line ตัด Signal Line อาจเกิดแรงขายระยะสั้น
ปริมาณการซื้อขาย (Volume):
Volume สูง สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น
หาก Volume ลดลงในช่วงราคาสูง อาจบ่งบอกถึงแรงขาย (Divergence)
2. Fundamental Analysis (การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน)
2.1 คุณภาพรายได้
รายได้จากการดำเนินธุรกิจ:
รายได้ลดลงต่อเนื่อง:
ปี 2565: 13.14 ล้านบาท
ปี 2566: 5.13 ล้านบาท
งบ 9 เดือน 2567: 0.55 ล้านบาท (-87.14%)
ระยะเวลาเก็บหนี้:
ระยะเวลาเก็บหนี้เพิ่มขึ้นจาก 187.59 วัน (2566) เป็น 737.24 วัน (2567) สะท้อนปัญหาการจัดเก็บหนี้
2.2 ความสามารถในการทำกำไร
อัตรากำไรขั้นต้น:
ติดลบในปี 2566 (-71.24%) และ 2567 (-182.66%)
อย่างไรก็ตาม งบ 9 เดือน 2567 กลับมาเป็นบวก (1,991.04%) จากการลดต้นทุน
อัตรากำไรสุทธิ:
ติดลบหนักในปี 2566 (-9,633.59%) และ 2567 (-29,632.08%)
2.3 วงจรเงินสด
วงจรเงินสดโดยรวม:
งบ 9 เดือน 2567 วงจรเงินสดลดลงมาอยู่ที่ -22.77 วัน สะท้อนถึงการบริหารเงินสดดีขึ้น แต่ยังมีปัญหาเรื่องการเก็บหนี้
3. ปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้น
การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่:
การเข้ามาของนายพันธ์ธวัช ("นอท กองสลากพลัส") พร้อมแผนธุรกิจใหม่ในเทคโนโลยี เช่น Payment Gateway และ Marketplace
การระดมทุนและปรับโครงสร้างธุรกิจ:
การเพิ่มทุน 2,720 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจใหม่
ความสนใจจาก Volume การซื้อขาย:
Volume เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2024 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในอนาคตของบริษัท
4. การประเมินราคาเป้าหมาย (Target Price)
กรณีเชิงบวก (Optimistic Case):
ธุรกิจใหม่สำเร็จและสร้างรายได้:
ราคาหุ้น: 1.20–1.50 บาท (1 ปี) และ 1.80–2.00 บาท (2 ปี)
กรณีเชิงลบ (Pessimistic Case):
ธุรกิจล่าช้าหรือขาดความสำเร็จ:
ราคาหุ้น: 0.40–0.60 บาท
กรณีพื้นฐาน (Base Case):
ธุรกิจเริ่มต้นสร้างรายได้แต่ยังไม่เติบโตเต็มที่:
ราคาหุ้น: 0.80–1.00 บาท
5. แนวรับ-แนวต้านสำคัญ
แนวรับระยะยาว: 0.50–0.60 บาท
แนวต้านระยะกลาง: 0.80–1.00 บาท
แนวต้านเป้าหมายในอนาคต: 1.20–1.50 บาท
6. กลยุทธ์การลงทุน
ระยะสั้น (1-6 เดือน):
ซื้อ: เมื่อราคาย่อตัวที่ 0.55–0.60 บาท
ขาย: ที่แนวต้าน 0.70–1.00 บาท
ตัดขาดทุน: หากราคาหลุด 0.50 บาท
ระยะยาว (1-2 ปี):
สะสมหุ้นในช่วง 0.50–0.60 บาท หากธุรกิจใหม่มีความคืบหน้า
ถือยาวรอเป้าหมายที่ 1.20–1.50 บาท หรือมากกว่า
7. ข้อควรระวัง
หุ้น EE มีความเสี่ยงสูงจากการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ
ปัญหาเรื่องคุณภาพรายได้และกระแสเงินสดยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม
ควรติดตามผลประกอบการและแผนการดำเนินธุรกิจใหม่อย่างใกล้ชิด
เมื่อราคาหุ้น CCET ขึ้นมาที่ระดับ Fibonacci 200% เราควรทำอย่างไรการตัดสินใจเมื่อราคาหุ้น CCET (หรือหุ้นใดๆ) ขึ้นมาถึงระดับ Fibonacci 200% ควรพิจารณาหลายปัจจัยก่อนดำเนินการซื้อหรือขาย ดังนี้:
1. ตรวจสอบแนวโน้มราคาก่อนหน้า
การขึ้นมาถึง Fibonacci 200% อาจเป็นสัญญาณของความร้อนแรงในตลาดหรือการเก็งกำไร:
หากราคาขึ้นต่อเนื่องจาก Fibonacci 100% หรือ 161.8% ด้วยแรงซื้อที่ชัดเจน อาจบ่งบอกถึง โมเมนตัมขาขึ้น ที่ยังแข็งแกร่ง
แต่หากมีสัญญาณแผ่วลง (เช่น Volume ลดลง, ราคาขึ้นไม่สูงกว่าระดับนี้) อาจเกิดการพักตัวหรือกลับตัว
2. วิเคราะห์พฤติกรรมราคาและปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)
ดูว่ามี Volume เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหรือไม่:
Volume สูง และราคาทะลุ 200% ขึ้นไป: อาจเป็นสัญญาณการ Breakout
Volume ต่ำ แม้ราคาขึ้นถึง 200%: ระวังการกลับตัวหรือแรงขายทำกำไร
3. ใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคประกอบ
ตรวจสอบตัวชี้วัดอื่น เช่น:
RSI: หาก RSI เข้าโซน Overbought (>70) อาจเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อเริ่มแผ่ว
MACD: ดูว่ามีสัญญาณ Divergence (ความแตกต่างระหว่างราคาและ MACD) หรือไม่
Candlestick Patterns: หากมีแท่งเทียนกลับตัว (เช่น Shooting Star, Bearish Engulfing) ที่ระดับ 200% อาจบ่งบอกการปรับฐาน
4. ประเมินแนวต้านและเป้าหมายราคา
Fibonacci 200% อาจเป็นแนวต้านสำคัญ:
หากราคาไม่สามารถทะลุระดับนี้ได้ อาจพิจารณา ทยอยขายทำกำไร
หากทะลุและยืนได้ มีโอกาสที่ราคาจะไปต่อ (เช่น 261.8%)
5. วางกลยุทธ์
หากถือหุ้นอยู่:
ขายบางส่วน: หากราคาขึ้นเร็วและใกล้แนวต้าน 200% โดยไม่มีแรงสนับสนุนที่ชัดเจน
ถือรอต่อ: หากมีแรงซื้อชัดเจนและราคา Breakout ได้
ตั้ง Stop Loss ใกล้ Fibonacci 200% ในกรณีที่ราคาหลุดแนวนี้
หากกำลังพิจารณาซื้อ:
ระวังแรงขายทำกำไรที่ Fibonacci 200%
ซื้อเมื่อราคา Breakout และยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง พร้อม Volume สนับสนุน
6. ปัจจัยพื้นฐานและข่าวสาร
ตรวจสอบปัจจัยพื้นฐานของ CCET เช่น:
งบการเงิน
ข่าวสารหรือเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลต่อราคา
หากมีข่าวดีที่สนับสนุน เช่น ผลประกอบการดีขึ้น หรือตลาดโดยรวมเป็นบวก อาจเพิ่มความมั่นใจในการถือรอต่อ
สรุป
หากราคาขึ้นเร็วและถึง 200% โดยไม่มี Volume สนับสนุนหรือมีสัญญาณกลับตัว: ทยอยขายทำกำไร
หากทะลุ 200% และมีแรงซื้อชัดเจน: ถือรอต่อหรือลงทุนเพิ่ม แต่ต้องตั้ง Stop Loss
ควรใช้เครื่องมือเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานประกอบการตัดสินใจเสมอ
การลงทุนมีความเสี่ยง อย่าลืมประเมินสถานการณ์ตามเป้าหมายและความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้