Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์พักตัวจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น หลังราคาบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 55,800 เหรียญ ราคาพักตัวอยู่เหนือแนวรับของจุดสูงเก่าที่ 52,956 เหรียญ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางการปรับตัวขึ้น สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ราคามีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านกรอบบนของช่องแนวโน้มขาขึ้น และมีราคาเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 62,996 เหรียญ และเป้าหมาย 161.8% Fibonacci Projection อยู่ที่ 77,471 เหรียญ
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 39,573 เหรียญ หลังราคาสามารถยืนปิดเหนือ 52,956 เหรียญ ราคาบิทคอยน์มีทิศทางปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 ที่มีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 62,996 เหรียญ และเป้าหมาย 161.8% Fibonacci Projection อยู่ที่ 77,471 เหรียญ ตามลำดับ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 55,360 - 56,763 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 52,956 – 51,501 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 52,956 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 55,360 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 52,956 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 57,389 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 55,360 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 57,389 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
ค้นหาในไอเดียสำหรับ "COMMODITY"
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ลุ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,658 จุด
แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานและสถาบันการเงิน หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,633.72 จุด เพิ่มขึ้น 14.24 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1 แสนล้านบาท ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 3,133 ล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,658 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปรับตัวขึ้นปิดในแดนบวก ขานรับวุฒิสภาสหรัฐฯบรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้จนถึงเดือนธันวาคม
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดดีดตัวทะลุผ่านแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงที่ 1,628 จุด หลังจากดัชนีตลาดแกว่งตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมรูป Descending Triangle สัญญาณ DMI ขาดความชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,639 จุด โดยมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,613 – 1,602 จุด และมีแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,602 จุด สัญญาณทางเทคนิคัลเริ่มแสดงทิศทางการปรับตัวขึ้น โดยมีจุดสูงเก่าทำหน้าที่เป็นแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,658 จุด
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI เคยปรับลดลงแตะ 46.3 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ MACD เป็นลบ ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวขึ้นหลังดัชนีตลาดดีดตัวทะลุผ่านแนวต้านที่ 1,628 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,640 – 1,650 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,625 – 1,617 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบๆ ราคาเคลื่อนตัวออกด้านข้าง (Sideways) แท่งเทียนปรากฏเงาส่วนล่าง (Lower Shadow) สะท้อนถึงการเกิดแนวรับ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางขาลงที่ชะลอตัว สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ราคาทองคำระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบ 1,762 – 1,787 เหรียญ การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น จึงควรใช้กรอบนี้เป็นจุดซื้อ - จุดขาย ราคาทองคำเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ (ราคาทองคำได้ปรับลงมาทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ) และคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น (3),(v) มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,969 เหรียญ
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,770 – 1,776 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,753 – 1,747 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,753 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,770 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,753 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,776 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,762 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,776 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาน้ำมันดิบเปิดสูงปิดต่ำหลังราคาปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 84.22 เหรียญ แท่งเทียนเกิดสัญญาณกลับตัวรูป Bearish Engulfing กึ่งกลางลำตัวของแท่งเทียน Bearish Candlestick ทำหน้าที่เป็นแนวต้าน สัญญาณ DMI ที่แสดงถึงทิศทางขาขึ้น สัญญาณทางเทคนิคัลกลับมาเป็นลบในเขตซื้อมาก ภาวะซื้อมากเกินจะกระตุ้นแรงขาย ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้น ราคาน้ำมันจะมีทิศทางปรับตัวลงเมื่อราคาปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 79.97 เหรียญ
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 82.79 – 83.46 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 80.02 - 79.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) ช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 80.02 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 82.79 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 79.29 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 80.02 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 79.29 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์ดีดตัวขึ้นไปตามแนวโน้มขาขึ้น แท่งเทียนเกิดเป็น Bullish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวทำหน้าที่เป็นแนวรับ ราคาดีดตัวทะลุผ่านแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 52,956 เหรียญ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางการปรับตัวขึ้น สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ราคามีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านกรอบบนของช่องแนวโน้มขาขึ้น และมีราคาเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 62,996 เหรียญ และเป้าหมาย 161.8% Fibonacci Projection อยู่ที่ 77,471 เหรียญ
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 39,573 เหรียญ หลังราคาสามารถยืนปิดเหนือ 52,956 เหรียญ ราคาบิทคอยน์มีทิศทางปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 ที่มีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 62,996 เหรียญ และเป้าหมาย 161.8% Fibonacci Projection อยู่ที่ 77,471 เหรียญ ตามลำดับ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 57,389 - 59,603 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 52,956 – 51,501 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 53,433 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 55,345 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 52,956 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 57,389 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 55,345 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 57,389 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,630 จุด
แรงขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มนำตลาด กดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงปิดที่ 1,619.48 จุด ลดลง 4.76 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9.7 หมื่นล้านบาท นักลงทุนทั่วไปเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิ สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,630 จุด
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทประจำวันพุธที่ 6 ตุลาคม ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดในแดนบวก หลังการเจรจาขยายเพดานหนี้ไปในทางบวก รวมไปถึงตัวเลขการจ้างงานเดือนกันยายนที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนยังกังวลว่าเฟดจะปรับลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตร และตัวเลขเงินเฟ้อจะเป็นตัวเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงหลังดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงที่ 1,630 จุด สัญญาณ DMI และสัญญาณทางเทคนิคัลขาดความชัดเจน ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบสามเหลี่ยมแบบ Descending Triangle โดยมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,612 – 1,601 จุด และแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,602 จุด ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนียืนปิดเหนือ 1,630 จุด
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI เคยปรับลดลงแตะ 46.3 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดจะยืนยันทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงที่ 1,628 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,628 – 1,637 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,610 – 1,600 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากกำหนดจุดเข้าซื้อเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 1,593 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
วิเคราะห์ทองคำพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม 2564ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดตลาดบวก 90 เซนต์ หลังบอนด์ยีลด์ชะลอตัว/b]
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ปรับเพิ่มขึ้น 90 เซนต์หรือ 0.05% ปิดที่ระดับ 1,761.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ตลาดทองคำได้รับแรงหนุนการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1.515% เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา แต่ทองคำก็ยังต้องเจอกับการแข็งค่าของดอลลาร์ที่เข้ามาสกัดช่วงบวกของราคา
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักเพิ่มขึ้น 0.31% สู่ระดับ 94.2641
เมื่อคืนที่ผ่านมามีรายงานการจ้างงานของภาคเอกชน ADP สหรัฐที่เพิ่มขึ้น 568,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 425,000 ตำแหน่ง ทำให้ทองคำได้ถูกเทขายระยะสั้น แต่ก็ยังได้รับแรงซื้อเข้ามาส่วนหนึ่งจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับร่วงลงเช่นกัน
นักลงทุนเฝ้าติดตามการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์นี้ ซึ่งถือเป็นรายงานที่จะบ่งชี้ว่าเฟดอาจใช้ในการพิจารณาปรับลดวงเงินโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจะออกมาที่ระดับ 475,00 ตำแหน่งในเดือนก.ย.
ประเมินทางเทคนิคทองคำวันนี้
----------------------------------------------------
ทองคำปรับขึ้นมาเมื่อวานจากระดับต่ำสุดของวันที่ 1,745.76 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับ 1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นการปรับขึ้นในช่วงของวัน โดยประเมินเป้าหมายที่แนวต้าน 1770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้นั้นก็อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา สำหรับทองคำนั้นเวลานี้นั้นยังคงอยู่ในทิศทางลงที่ค่อนข้างชัดเจนในกรอบรายวัน และเมื่อพิจารณาในกรอบ Week เรายังเห็นการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยในลักษณะการปรับฐานราคา และมีโอกาสที่ราคาจะลงได้ต่อ โดยเป้าหมายของกรอบรายสัปดาห์นั้นเราประเมินที่ระดับ 1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ วันนี้ให้ตามการเคลื่อนไหวบริเวณแนวต้าน 1765-1770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวนี้ให้เราพิจารณามองหาโอกาสในการเปิดการ “ขาย”
…………………………………………………………………………………………………………….
============
Signal
============
สัญญาณเทรดชุดวันนี้มีดังนี้ (ชุดเดิม)
BUY : เปิดที่ราคา 1770 แนะนำให้เข้ารอบย่อหลังราคาผ่าน 1770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้เมื่อปร้บฐานย่อในแนวดังกล่าวให้เสี่ยงเปิด Buy ได้จากแนวสัญญาณเทรดได้ ระยะกำไรและขาดทุนตามภาพที่กำหนดให้
SELL : เปิดที่ราคา 1746 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้รอเข้ารอบสองหลังราคาผ่าน 1746 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงไปแล้วพักฐานขึ้นไปทดสอบแนว 1746 อีกครั้งให้เสี่ยงเปิด SELL ได้จากบริเวณดังกล่าว ระยะกำไรและขาดทุนตามภาพที่กำหนดให้
SELL (High risk) : หากราคาไม่สามารถผ่าน 1770 ขึ้นไปได้ให้รอ Sell ใต้ระดับ 1759 เพื่อเลี่ยงความผันผวนเหนือบริเวณดังกล่าว
……………………………………………………………………………………………………………
แนวรับ แนวต้าน กรอบรายชั่วโมง (ระยะสั้น)
-------------------------------------------
Resistance : 1770 / 1782 / 1795
-------------------------------------------
Support : 1752 / 1740/ 1722
-------------------------------------------
แนวโน้มทิศทางทองคำวันนี้
Time Frame H1 = Uptrend
Time Frame H4 = Downtrend
Time Frame Day = Downtrend
Time Frame Week = Uptrend
Time Frame Month = Uptrend
การถือครองทองคำกองทุน SPDR (รายเดือน)
---------------------------------------------------------------
สถานะทองคำรายวัน : ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครอง
ราคาซื้อขายล่าสุด : 1,760.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ถือครองทองคำสุทธิ : 986.54 ตัน
สถานะการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ : 1
รวมการเปลี่ยนแปลงในเดือนนี้ทั้งสิ้น : -3.49 ตัน
---------------------------------------------------------------
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**ข้อมูลจากการวิเคราะห์ไม่ได้เป็นเครื่องมือชี้นำระดมทุน เพียงเป็นเครื่องมือประกอบความรู้ในการลงทุนในแต่ละวันเท่านั้น จึงไม่มีส่วนต่อความรับผิดชอบใดๆ อันเกิดขึ้นในภายหลัง
***การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตี 100% ต่อการสร้างผลกำไรในอนาคต
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังราคาปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,768 เหรียญ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางขาลงที่ชะลอตัว สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ราคาทองคำระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบ 1,721 – 1,787 เหรียญ การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น จึงควรใช้กรอบนี้เป็นจุดซื้อ - จุดขาย ราคาทองคำเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ (ราคาทองคำได้ปรับลงมาทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ) และคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น (3),(v) มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,969 เหรียญ
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,769 – 1,776 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,750 – 1,742 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,750 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,769 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,750 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,769 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,750 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,769 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ราคาน้ำมันดิบมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของช่องแนวโน้มขาขึ้นที่ 85.10 เหรียญ ราคาน้ำมันสร้างจุดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีจุดต่ำยกสูง (Higher Low) ย้ำถึงทิศทางขาขึ้น สอดคล้องกับสัญญาณ DMI ที่แสดงถึงทิศทางขาขึ้น สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวกในเขตซื้อมาก ภาวะซื้อมากเกินจะกระตุ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีโอกาสพักตัวสลับกับการปรับตัวขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ราคาน้ำมันจะมีทิศทางปรับตัวลงเมื่อราคาปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 80.00 เหรียญ (แนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้น)
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 84.56 – 85.61 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 82.07 - 80.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 84.56 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 82.07 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 84.56 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 80.92 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 82.07 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 80.92 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก ราคาเปิดต่ำปิดสูง แท่งเทียนเกิดเป็น Bullish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวทำหน้าที่เป็นแนวรับ สัญญาณ DMI เริ่มแสดงทิศทางการปรับตัวขึ้น สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ราคาบิทคอยน์ระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 52,956 เหรียญ ราคาบิทคอยน์จะยืนยันการปรับตัวขึ้น และจบคลื่นปรับคลื่น 2 ที่ 39,573 เหรียญ และจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง คลื่น 3 ที่มีเป้าหมายอยู่ที่ 62,996 เหรียญ และ 77,471 เหรียญ (จากการวิเคราะห์ด้วย Fibonacci Projection)
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 37,481 เหรียญ เมื่อราคาสามารถยืนปิดเหนือ 42,614 เหรียญ โดยราคาจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น IV, E ที่ 29,296 เหรียญ เมื่อราคาสามารถปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 41,341 เหรียญ และราคาจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น V โดยมีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 50,520 เหรียญ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 52,956 - 54,500 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 49,965 – 48,231 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 52,956 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 49,965 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 52,956 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 50,570 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 52,956 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ลุ้นยืนเหนือ 1,630 จุด
แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารรวมไปถึงหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,624.24 จุด เพิ่มขึ้น 9.76 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8.86 หมื่นล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 600 ล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดจะยืนยันทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,630 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันอังคารที่ 5 ตุลาคม ดัชนีหลัก 3 ดัชนีปรับตัวขึ้นปิดในแดนบวก จากแรงซื้อเก็งกำไรที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นที่รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กยังมีความเสี่ยงจากการปรับลดวงเงินที่จะเข้าซื้อพันธบัตร และเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นจะกดดันให้อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดเปิดต่ำปิดสูง แท่งเทียนเกิดเป็น Bullish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวทำหน้าที่เป็นแนวรับ และมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,612 – 1,600 จุด สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลง ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนียืนปิดเหนือ 1,630 จุด ดัชนีตลาดมีจุดสูงเก่าเป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,639 จุด
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI อยู่ที่ 50.8 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดจะยืนยันทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงที่ 1,630 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,632 – 1,640 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,617 – 1,609 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากกำหนดจุดเข้าซื้อเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 1,593 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
วิเคราะห์ทองคำอังคารที่ 5 ตุลาคม 2564ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดตลาดบวก 9.2 ดอลลาร์ เหตุดอลลาร์ผันผวน/b]
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ปรับเพิ่มขึ้น 9.2 ดอลลาร์หรือ 0.52% ปิดที่ระดับ 1,767.6 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ตลาดทองคำปรับเพิ่มขึ้นจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักปรับลดลง 0.27% แตะที่ระดับ 93.7795 เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นของสหรัฐเมื่อวานนี้ปรับร่วงแรงอีกวันส่งผลปัจจัยหนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้น โดยดัชนีดาวโจนส์และดัชนี Nasdaq ที่ร่วงกว่า 300 จุด เป็นผลมาจากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และความกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ ที่เป็นกดดันตลาดหุ้น
สัปดาห์นี้รายงานตัวเลขสำคัญๆ ทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะทยอยออกมา โดยเฉพาะการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐหรือ Non-farm Payroll (NFP) ที่จะรายงานในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 475,000 ตำแหน่ง ซึ่งดีกว่าในเดือนสิงหาคมที่เพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่ง
ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) เดือนก.ย. นักวิเคราะห์คาดการณ์ 60.0 จากเดือนส.ค.ที่ 61.7 เวลา 21:00 ตามเวลาประเทศไทย
ประเมินทางเทคนิคทองคำวันนี้
----------------------------------------------------
ทองคำเช้าวันนี้ในกรอบรายวันจะเห็นได้ว่ามีการปฏิเสธราคาเกิดขึ้นในแนวต้านบริเวณ 1,774 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากวันนี้ราคายังทรงตัวเหนือบริเวณแนวรับ 1737 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้นั้นก็ยังคงสามารถรับแรงการเข้าซื้อทองคำได้อีกครั้ง สำหรับในกรอบรายชั่วโมงเราจะพิจารณาการทำกำไรระยะสั้น หากราคาทองคำยังไม่หลุด 1,752 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็ยังลุ้นปรับตัวได้ต่อ ทองคำยังคงมีลักษณะการปรับฐานสูงอยู่ แต่ต้องอาศัยแรงซื้อเข้ามาผยุงราคา เนื่องจากสัปดาห์นี้เป็นช่วงรายงานตัวเลขสำคัญๆ ของสหรัฐ จึงมีความผันผวนเกิดขึ้นกับราคาทองคำในรายวันได้ แนะนำให้ติดตามรายงานดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อสถานการณ์การลงทุนทุกๆ วัน
============
Signal
============
สัญญาณเทรดชุดวันนี้มีดังนี้
BUY : เปิดที่ราคา 1770 แนะนำให้เข้ารอบย่อหลังราคาผ่าน 1770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้เมื่อปร้บฐานย่อในแนวดังกล่าวให้เสี่ยงเปิด Buy ได้จากแนวสัญญาณเทรดได้ ระยะกำไรและขาดทุนตามภาพที่กำหนดให้
SELL : เปิดที่ราคา 1746 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้รอเข้ารอบสองหลังราคาผ่าน 1746 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงไปแล้วพักฐานขึ้นไปทดสอบแนว 1746 อีกครั้งให้เสี่ยงเปิด SELL ได้จากบริเวณดังกล่าว ระยะกำไรและขาดทุนตามภาพที่กำหนดให้
แนวรับ แนวต้าน กรอบรายชั่วโมง (ระยะสั้น)
-------------------------------------------
Resistance : 1770 / 1782 / 1795
-------------------------------------------
Support : 1752 / 1740/ 1722
-------------------------------------------
แนวโน้มทิศทางทองคำวันนี้
Time Frame H1 = Uptrend
Time Frame H4 = Downtrend
Time Frame Day = Downtrend
Time Frame Week = Uptrend
Time Frame Month = Uptrend
การถือครองทองคำกองทุน SPDR (รายเดือน)
---------------------------------------------------------------
สถานะทองคำรายวัน : ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครอง
ราคาซื้อขายล่าสุด : 1,760.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ถือครองทองคำสุทธิ : 986.54 ตัน
สถานะการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ : 1
รวมการเปลี่ยนแปลงในเดือนนี้ทั้งสิ้น : -3.49 ตัน
---------------------------------------------------------------
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**ข้อมูลจากการวิเคราะห์ไม่ได้เป็นเครื่องมือชี้นำระดมทุน เพียงเป็นเครื่องมือประกอบความรู้ในการลงทุนในแต่ละวันเท่านั้น จึงไม่มีส่วนต่อความรับผิดชอบใดๆ อันเกิดขึ้นในภายหลัง
***การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตี 100% ต่อการสร้างผลกำไรในอนาคต
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านทางเทคนิคัลที่ 1,768 เหรียญ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางขาลงที่ชะลอตัว สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ราคาทองคำระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,787 เหรียญ และมีจุดต่ำเก่าทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,747 เหรียญ ราคาทองคำมีทิศทางปรับตัวขึ้นสลับกับการปรับตัวลง เนื่องจากราคาทองคำเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ (ราคาทองคำได้ปรับลงมาทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ) และคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น (3),(v) มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,969 เหรียญ
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,776 – 1,787 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,760 – 1,750 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,776 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,760 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,776 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,765 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,776 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาขึ้น ราคาสร้างจุดสูงใหม่อย่างต่อเนื่อง และมีจุดต่ำยกสูง (Higher Low) ย้ำถึงทิศทางขาขึ้น สอดคล้องกับสัญญาณ DMI ที่แสดงถึงทิศทางขาขึ้น สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวกในเขตซื้อมาก ภาวะซื้อมากเกินจะกระตุ้นแรงขายออกมาเป็นระยะ ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีโอกาสพักตัวสลับกับการปรับตัวขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ราคาน้ำมันจะมีทิศทางปรับตัวลงเมื่อราคาปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 79.59 เหรียญ (แนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้น)
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 83.14 – 84.56 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 80.92 - 79.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 83.14 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 80.92 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 83.14 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 82.07 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 83.14 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 48,834 เหรียญ หลังจากราคาปรับตัวลงทำจุดที่ 39,573 เหรียญ สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก และเกิดสัญญาณกลับตัวรูป Double Bottom ราคาบิทคอยน์จะมีทิศทางปรับตัวขึ้นต่อเมื่อราคายืนปิดเหนือ 48,870 เหรียญ และราคาจะมีทิศทางปรับตัวลงเมื่อราคาปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 46,826 บาท
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 37,481 เหรียญ เมื่อราคาสามารถยืนปิดเหนือ 42,614 เหรียญ โดยราคาจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น IV, E ที่ 29,296 เหรียญ เมื่อราคาสามารถปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 41,341 เหรียญ และราคาจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น V โดยมีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 50,520 เหรียญ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 50,570 - 51,809 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 48,239 – 47,468 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 48,870 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 50,570 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 48,239 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 51,809 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 50,570 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 51,809 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ตลาดปิดบวกจากแรงซื้อเก็งกำไร
แรงซื้อเก็งกำไรที่กลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดในแดนบวกที่ 1,614.48 จุด เพิ่มขึ้น 9.31 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.8 หมื่นล้านบาท ต่างชาติกลับมาขายสุทธิ 1,035 ล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้างภายในสามเหลี่ยมแบบ Descending Triangle
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปรับตัวลดลง จากแรงขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้น และนักลงทุนวิตกว่ารัฐบาลสหรัฐฯอาจผิดนัดชำระหนี้
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นปิดเหนือแนวรับของเส้น MMA2 ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,611 – 1,600 จุด ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้น สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้างตามรูปแบบของ “Common Gap” ภายในกรอบสามเหลี่ยมรูป Descending Triangle มีจุดต่ำเก่าที่ 1,591 จุดเป็นแนวรับ และมีเส้นแนวโน้มขาลงเป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,630 จุด ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีสามารถยืนปิดเหนือแนวต้านนี้ได้
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI อยู่ที่ 50.8 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็น ดัชนีตลาดระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับฐานหรือแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideways) ตามรูปแบบของ Common Gap
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,625 – 1,635 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,605 – 1,595 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองคำแกว่งตัวแคบๆเข้าหาแนวต้านที่ 1,768 เหรียญ หลังจากราคาทองคำดีดตัวขึ้นกว่า 31 เหรียญ แท่งเทียนเกิดเป็น Bullish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวเป็นแนวรับ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางขาลงที่ชะลอตัว สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ราคาทองคำระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,787 เหรียญ และมีจุดต่ำเก่าทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,721 เหรียญ ราคาทองคำมีทิศทางปรับตัวขึ้นสลับกับการปรับตัวลง เนื่องจากราคาทองคำเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ (ราคาทองคำได้ปรับลงมาทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ) และคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น (3),(v) มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,969 เหรียญ
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,768 – 1,776 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,749 – 1,740 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,768 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,749 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,776 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,765 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,776 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาน้ำมันดิบแกว่งตัวผันผวนเหนือแนวรับที่ 78.35 เหรียญ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางการปรับตัวขึ้น สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวกในเขตซื้อมาก สัญญาณ Bearish Divergence ของ RSI เตือนให้ระวังถึงความเสี่ยงช่วงปลายตลาดขาขึ้น ภาวะซื้อมากเกินจะกระตุ้นแรงขายออกมาเป็นระยะ ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีโอกาสพักตัวสลับกับการปรับตัวขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ราคาน้ำมันจะมีทิศทางปรับตัวลงเมื่อราคาปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 78.35 เหรียญ
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 80.92 – 81.86 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 78.85 - 77.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 80.92 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 78.85 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 80.92 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 79.57 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 80.92 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์แกว่งตัวแคบๆขึ้นทดสอบแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 48,834 เหรียญ แท่งเทียนเกิดเป็น Spinning สะท้อนถึงการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อกับแรงขายที่มีพละกำลังพอๆกัน ราคาปิดวันถัดไปจะเป็นตัวบอกทิศทาง สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก และเกิดสัญญาณกลับตัวรูป Double Bottom ราคาบิทคอยน์จะมีทิศทางปรับตัวขึ้นต่อเมื่อราคายืนปิดเหนือ 48,834 เหรียญ และราคาจะมีทิศทางปรับตัวลงเมื่อราคาปรับตัวลงปิดต่ำกว่า 46,826 บาท
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 37,481 เหรียญ เมื่อราคาสามารถยืนปิดเหนือ 42,614 เหรียญ โดยราคาจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น IV, E ที่ 29,296 เหรียญ เมื่อราคาสามารถปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 41,341 เหรียญ และราคาจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น V โดยมีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 50,520 เหรียญ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 44,893 - 46,039 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 42,596 – 41,573 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 48,834 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 49,965 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 46,826 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 46,826 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 45,993 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 48,834 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ทดสอบแนวรับ 1,591 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยประจำวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม ดัชนีตลาดปรับลดลงในช่วงเปิดตลาด แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทนและธนาคารพาณิชย์ หนุนดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,605.17 จุด ลดลง 0.51 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.56 หมื่นล้านบาท ต่างชาติและสถาบันภายในประเทศเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปรับตัวขึ้นปิดในแดนบวก จากตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส และการร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบสามเหลี่ยมแบบ Descending Triangle ที่มีจุดต่ำเก่าทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,591 จุด และมีแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,585 จุด โดยมีเส้นแนวโน้มขาลงทำหน้าที่เป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,630 จุด ดัชนีตลาดระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้างตามรูปแบบของ “Common Gap” สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ดัชนีตลาดจะมีทิศทางปรับตัวลงหากดัชนีตลาดไม่สามารถยืนปิดเหนือ 1,591 จุด และดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,630 จุด
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI อยู่ที่ 46.3 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็น ดัชนีตลาดระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับฐานหรือแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideways) ตามรูปแบบของ Common Gap
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,614 – 1,623 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,595 – 1,586 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
วิเคราะห์ทองคำจันทร์ที่ 4 ตุลาคม 2564ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดตลาดเช้าวันเสาร์บวก 1.4 ดอลลาร์ เหตุเงินเฟ้อหนุนเข้าซื้อทองคำ/b]
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ปรับเพิ่มขึ้น 1.4 ดอลลาร์หรือ 0.08% ปิดที่ระดับ 1,758.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ปัจจัยหนุนทองคำหลังจากการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ตัวเลขดังกล่าวใช้สำหรับวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ให้ความสำคัญ โดยตัวเลขออกมาพุ่งสู่ระดับ 3.6% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายปีสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5% การพุ่งขึ้นของตัวเลขดังกล่าวจึงเป็นเหตุให้นักลงทุนกลับมากังวลกับเงินเฟ้อที่พุ่งมาอีกครั้ง เป็นเหตุหนุนราคาทองคำให้กลับมาเป็นบวกได้เล็กน้อย ทั้งนี้ทองคำก็ยังคงผันผวนจากการแข็งค่าของดอลลาร์และตลาดหุ้น จึงทำให้ทองคำระยะนี้ผันผวนในกรอบจำกัด นักลงทุนจึงควรติดตามสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำการตัดสินใจการลงทุนในระยะนี้
ประเมินทางเทคนิคทองคำวันนี้
----------------------------------------------------
ทองคำเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้นเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,764-1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เช้านี้ทองคำขยับบวกเล็กน้อย แต่ยังเป็นการบวกที่จำกัด โดยเช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ได้พุ่งกว่า 100 จุดรับแรงเข้าซื้อเข้าตลาดความเสี่ยงอีกวันหนึ่ง อันเป็นผลให้ทองคำวันนี้อาจปรับตัวต่ำได้อีกครั้ง ในส่วนของ RSI ยังเคลื่อนไหวสู่ระดับ 70 (Overbought) วันนี้หากราคาทองคำยังไม่สามารถปรับขึ้นเหนือแนวต้านบริเวณ 1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมาอีกครั้ง ประเมินแนวรับบริเวณ 1,748 และ 1,738 ดอลลาร์ต่อออนซ์
============
Signal
============
สัญญาณเทรดยังคงใช้สัญญาณเดิม โดยเข้าเงื่อนไขดังนี้
ฺBUY
- เมื่อราคาปรับขึ้นเหนือ 1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์ให้มองหาโอกาส BUY
- รอราคาย่อตัวก่อนหากย่อตัวแล้วปรับตัวกลับขึ้นไปอีกครั้งให้เสี่ยงเปิด BUY
- ระยะกำไรกำหนดตามแผนภูมิ
- ระยะตัดขาดทุนกำหนดตามแผนภูมิ
ฺSELL
- เมื่อราคาปรับตัวต่ำกว่า 1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์ให้มองหาโอกาส SELL ในกรอบระหว่าง 1,748-1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- ควรรอให้ราคาพักฐานก่อนหนึ่งรอบ หากคงปรับตัวต่ำต่อให้เสี่ยงเปิด SELL ได้จากบริเวณดังกล่าว
- ระยะกำไรกำหนดตามแผนภูมิ
- ระยะตัดขาดทุนกำหนดตามแผนภูมิ
แนวรับ แนวต้าน กรอบรายชั่วโมง (ระยะสั้น)
-------------------------------------------
Resistance : 1780 / 1790 / 1805
-------------------------------------------
Support : 1754 / 1738/ 1722
-------------------------------------------
แนวโน้มทิศทางทองคำวันนี้
Time Frame H1 = Uptrend
Time Frame H4 = Downtrend
Time Frame Day = Downtrend
Time Frame Week = Uptrend
Time Frame Month = Uptrend
การถือครองทองคำกองทุน SPDR (รายเดือน)
---------------------------------------------------------------
สถานะทองคำรายวัน : ขายออก -3.49 ตัน
ราคาซื้อขายล่าสุด : 1,760.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ถือครองทองคำสุทธิ : 986.54 ตัน
สถานะการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ : 1
รวมการเปลี่ยนแปลงในเดือนนี้ทั้งสิ้น : -3.49 ตัน
---------------------------------------------------------------
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**ข้อมูลจากการวิเคราะห์ไม่ได้เป็นเครื่องมือชี้นำระดมทุน เพียงเป็นเครื่องมือประกอบความรู้ในการลงทุนในแต่ละวันเท่านั้น จึงไม่มีส่วนต่อความรับผิดชอบใดๆ อันเกิดขึ้นในภายหลัง
***การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตี 100% ต่อการสร้างผลกำไรในอนาคต
วิเคราะห์ทองคำศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2564ทองปิดพุ่ง 34.1 ดอลลาร์อ่อนค่าหลังรายงานว่างงานพุ่ง/b]
เมื่อคืนนี้ตลาดทองคำนิวยอร์กปรับตัวพุ่งขึ้นเกือบ 2% ปัจจัยหนุนทองคำจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และรายงานผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่พุ่งขึ้นเกินคาดการณ์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ปรับเพิ่มขึ้น 34.1 ดอลลาร์หรือ 1.98% ปิดที่ระดับ 1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ปัจจัยหนึ่งของการปรับร่วงครั้งนี้เกิดจากข้อมูลแรงงานผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่เพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 362,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 335,000 ราย ปัจจัยอ่อนไหวที่ดอลลาร์ปรับลดลงหนักก็เป็นช่วง่ที่มีการแถลงการณ์ของเจอโรม พาวเวล โดยในรายละเอียดเรื่องของเงินเฟ้อนายเจอโรม กลับให้คำแถลงการณ์ตรงกันข้ามกับการแถลงการก่อนหน้าทั้งสิ้น เช่น เคยบอกว่าเงินเฟ้อพุ่ง และอาจใช้เวลายาวนาน แต่กลับมาบอกว่าเงินเฟ้อยังควบคุมได้และจะกลับมาสู่ระดับ 2% ในไม่ช้า การพูดลักษณะนี้นั้นทำให้นักลงทุนคาดการณ์เพิ่มเติมว่าเฟดอาจเปลี่ยนแปลงการปรับลดวงเงิน QE ที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้า ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าและหนุนทองคำส่วนหนึ่ง
การปรับขึ้นของทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากการปรับร่วงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้เมื่อนักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย การเข้าซื้อทองคำนั้นก็ยังมีนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ด้วยเช่นกัน ทำให้ดอลลาร์ยังทรงตัวเหนือระดับ 94 ก็เป็นปัจจัยสกัดช่วงบวกของทองคำได้เช่นกัน
เมื่อวานนี้สภาคองเกรสได้ผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อเลี่ยงการชัตดาวน์ แต่ก็ยังไม่รวมถึงการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ ซึ่งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน จะมีการหารือกันหลังจากนี้
ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวเตือนว่าสภาคองเกรสมีเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ที่จะพิจารณาการขยายเพดานหนี้และหลีกเลี่ยงหายนะที่จะเกิดกับเศรษฐกิจของประเทศ และหากการเพิ่มเพดานหนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากสภาคองเกรส ก็จะส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
ประเมินทางเทคนิคทองคำวันนี้
----------------------------------------------------
ทองคำยังมีลักษณะการปรับตัวตั้งฐาน ขณะที่ดอลลาร์ยังไม่ปรับร่วงลงมามากนัก หากทองคำยังไม่หลุดต่ำกว่า 1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็ยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้ ประเมินแนวต้านที่ 1764 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำปรับฐานต่ำกว่า 1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินแนวรับที่ 1738 ดอลลาร์ต่อออนซ์
============
Signal
============
สัญญาเทรดวันนี้เราจะวางเหนือทิศทางทั้งสองฝั่งเพื่อหลีกเลี่ยงช่วงพักฐานราคาที่อาจผันผวนเคลื่อนไหวในกรอบ (Sideway)
Buy Stop @1764 Risk & Reward Ratio 1:1 ก็ถือว่าพอยอมรับความเสี่ยงได้ ให้เข้าซื้อเหนือ 1,764 ขึ้นไป แนวโน้มกำไรให้ความสำคัญที่ TP1
Sell Stop @1738 Risk & Reward Ratio 1:1.5 เป็นระดับที่คุ้มค่าการเสี่ยง ให้เข้าต่ำกว่า 1,738 เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวน แนวโน้มกำไรให้ความสำคัญที่ TP1
กลยุทธ์การเทรดทองคำรายชั่วโมงวันนี้
Long Position : รอซื้อทองคำที่แนวรับบริเวณ 1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากทรงตัวได้แข็งแกร่งก็ให้เสี่ยงเปิด “ซื้อ” เน้นการเข้าทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น พิจารณาปิดทำกำไรที่แนวต้าน 1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านขึ้นไปได้ก็ให้ชะลอการปิดทำกำไรบางส่วนไปก่อน (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับตัวต่ำกว่า 1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
Short Position: หากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจมีแรงขายเกิดขึ้นให้เสี่ยงเปิด “ขาย” ได้ที่บริเวณดังกล่าว โดยเน้นการลงทุนระยะสั้นเท่านั้น พิจารณาปิดทำกำไรที่ 1,738 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับตัวขึ้นสูงกว่า 1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวรับ แนวต้าน กรอบรายชั่วโมง
-------------------------------------------
Resistance : 1764 / 1774 / 1790
-------------------------------------------
Support : 1748 / 1738/ 1722
-------------------------------------------
แนวโน้มทิศทางทองคำวันนี้
Time Frame H1 = Nature
Time Frame H4 = Downtrend
Time Frame Day = Downtrend
Time Frame Week = Uptrend
Time Frame Month = Uptrend
การถือครองทองคำกองทุน SPDR
---------------------------------------------------------------
สถานะทองคำรายวัน : ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครอง
ราคาซื้อขายล่าสุด : 1,734.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ถือครองทองคำสุทธิ : 990.02 ตัน
สถานะการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ : 0
รวมการเปลี่ยนแปลงในเดือนนี้ทั้งสิ้น : 0 ตัน
---------------------------------------------------------------
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**ข้อมูลจากการวิเคราะห์ไม่ได้เป็นเครื่องมือชี้นำระดมทุน เพียงเป็นเครื่องมือประกอบความรู้ในการลงทุนในแต่ละวันเท่านั้น จึงไม่มีส่วนต่อความรับผิดชอบใดๆ อันเกิดขึ้นในภายหลัง
***การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตี 100% ต่อการสร้างผลกำไรในอนาคต
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองคำเปิดต่ำปิดสูง แท่งเทียนเกิดเป็น Bullish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวเป็นแนวรับ ราคาทองคำปรับตัวลงทดสอบแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 1,717 เหรียญ (ระหว่างการซื้อขายราคาปรับตัวลงทำราคาต่ำที่ 1,721 เหรียญ)
สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางการปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเริ่มกลับมาเป็นบวกในเขตขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสลับกับการปรับตัวลง เนื่องจากราคาทองคำเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ (ราคาทองคำได้ปรับลงมาทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ) และคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น (3),(v) มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,969 เหรียญ
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,765 – 1,776 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,745 – 1,734 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,765 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,745 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,776 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,765 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,776 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity