BTC อยากให้มองเห็นถึงความเป็นจริงของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปของโลก พื้นฐานของ Bitcoin การมีกลุ่มคนหรือนายทุนเข้าซื้อแสดงถึง อนาคตหรือปัจจุบัน Bitcoin จะมาแทนทองคำในรูปแบบดิจิตอล ถามว่าทำไม ต้องศึกษาถึงกลไก ของระบบการทำงานของมันให้ดีถึงจะรู้ว่า มันจะมาแทนโลกการเงินปัจจุบันได้จริงๆ คือ มันอะไรมากกว่าแค่ตัว Bitcoin การเข้ามาระบบ defi ช่วยทำให้เป็นเรื่องง่ายของการเติบโตวงการนี้ อยากให้ลงทุนศึกษาให้ดี #ความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น
ค้นหาในไอเดียสำหรับ "BITCOIN"
BTCUSD การวิเคราะห์ประจำวัน 1/11/2020 by TraderTanราคา Bitcoin ได้พุ่งไปทำจุดสูงสุดในรอบปี 2020 ที่ระดับราคา 14,100 ดอลลาร์ ซึ่งทะลุแนวต้านสำคัญที่ราคา 13,880 ดอลลาร์
Bitcoin มูลค่า 6.2 หมื่นล้านบาทถูกนำไปไว้บน Blockchain ของ Ethereum แล้วโดย อ้างอิงจากข้อมูลของเว็บผู้ให้บริการด้าน blockchain ชื่อดัง โดยเหรียญ ‘โทเคน’ Bitcoin ที่อยู่บน Ethereum นั้นคิดเป็นราว ๆ 0.7% (150,049 BTC) ของจำนวน 21 ล้านเหรียญทั้งหมดที่อยู่ในตลาด และคิดเป็น 4.7% ของมูลค่าตลาดรวมของ Ethereum
และ การหันมาลงทุน bitcoin มูลค่าประมาณ 1.32 หมื่นล้านบาทของบริษัทด้านการลงทุนยักษ์ใหญ่ของ MicroStrategy นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่านักลงทุนสถาบันนั้นกำลังมอง Bitcoin ว่าเป็นตัวเก็บมูลค่าที่ได้รับการยอมรับแล้ว
มีสัญญาณ bearish divergence สัญญาณการบ่งบอกว่าอาจจะได้เห็นขาลงเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หากเจ้ามือเหรียญ BTC โอนเหรียญ จำนวนมหาศาลเข้าไปในเว็บเทรด
แนวต้าน 17183. 01
แนวต้าน 13843.06
แนวรับ 13713.45
แนวรับ 13586.71
ความคิดเห็นในเชิงเทคนิค
RSI
- ราคาขยับเข้าสู่โซนกลางและเข้าสู่ขาลง แต่ยังอยู่เหนือโมเมนตัมที่50
Trendline
- เส้นเทรนไลน์เป็นเทรนอัพ (สีแดง) ขาขึ้น
- ราคาสามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ 13843.06 ได้โดยทำจุดสูงสุด ที่ราคาเหนือ 14000 อาจจะมีการเทขายระยะสั้น เพื่อย่อและขึ้นต่อ เนื่องจากยังเป็นเทรนขาขึ้น
ทางเลือกในการลงทุน
เล่นตามกรอบ แนวรับแนวต้าน และ เส้นเทรนไลน์
1.หากราคามีสัญญาณกลับตัวบริเวณ 13843.06 เข้าขาย(sell) เป้าหมายกำไรอยู่ที่ราคา 13586.71
2.หากราคามีสัญญาณกลับตัวบริเวณ 13586.71เข้าซื้อ(buy) เป้าหมายกำไรอยู่ที่ราคา 17183. 01
บิทคอยน์ร่วงหนัก นักลงทุนผิดหวังกับท่าทีของทรัมป์Bitcoin ร่วงลงกว่า 8% หลังทำจุดสูงสุดใหม่ สาเหตุจากขาดแรงหนุนด้านนโยบายคริปโตของทรัมป์ นักลงทุนจับตาท่าทีอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ BTC มีแนวต้านที่ 107,855 และแนวรับสำคัญที่ 100,195 หากหลุดแนวรับ อาจลงถึง 91,750 แต่ถ้ายืนได้ มีโอกาสกลับมาทดสอบแนวต้านอีกครั้ง
แนวโน้มของ Bitcoin (BTC) ระยะสั้น EP.2correction นี้อาจปรับตัวจบแล้ว และมีลักษณะเหมือน Truncated Zigzag แต่ถ้าหากมีการ breakout ของเทรนไลน์จะช่วยยืนยันได้ว่าการปรับตัวคลื่นนี้จบลงแล้ว หากราคาลงต่ำกว่า 91718.7 อาจมองได้ว่าขา C ยังไม่สิ้นสุด และแพทเทิร์นโดยร่วมอาจจะเป็น Normal zigzag
กลยุทธ์หลังเกิด Truncated Zigzag
ตั้ง Stop-Loss ใกล้จุดสิ้นสุดคลื่น
Truncated Zigzag มักจะเป็นสัญญาณที่ดีในการบ่งบอกว่าตลาดอาจกำลังเปลี่ยนทิศทางอย่างมีนัยสำคัญ หากคุณวางแผนเทรด ควรติดตามโมเมนตัมและแนวรับ/แนวต้านเพื่อยืนยันแนวโน้มใหม่
เป็นเพียงการคาดการณ์แนวโน้มไม่ถูกต้องตามกฎทั้งหมด อาจไม่ตรงตามที่คาดไว้
แนวโน้มของ Bitcoin (BTC) ระยะสั้นสรุปการวิเคราะห์
A = W-X-Y (zigzag x zigzag)
B = Zigzag (elongate flat) หรือ Flat
C = Impulse หรือ Ending Diagonal
เราควรทำอย่างไรเมื่อราคามาถึง B?
โครงสร้างของ B สมบูรณ์หรือยัง?
อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค: เช่น RSI หรือ MACD เพื่อตรวจสอบ Divergence?
หากราคาทะลุเส้นแนวโน้มของคลื่น B อาจเป็นสัญญาณยืนยันว่าคลื่น C กำลังเริ่ม?
เป็นเพียงการคาดการณ์แนวโน้มไม่ถูกต้องตามกฎทั้งหมด อาจไม่ตรงตามที่คาดไว้
ทุก 1 ปีหรือ 1.5 ปี หลัง Halving มักจะมีการร่วงลงของราคาบิทคอยผู้เขียนขอเกริ่นนำก่อนที่จะเริ่มบทวิเคราะห์นี้ โดยการขอเกริ่นนำคร่าวๆ ว่า Bitcoin halving และการขุดเหรียญ Bitcoin ขึ้นมาคืออะไร คืออะไร อาจจะไม่ถูกเป้ะๆ แต่เพื่อความง่าย ขออธิบายประมาณนี้ครับ
เรามาเริ่มกันเลย!
ด้าน Quality data และ Quantity data
การขุดบิทคอยคืออะไร ถ้าจะให้เปรียบง่ายๆ ปริมาณเหรียญ BTC มีทั้งโลกประมาณ 21 ล้านเหรียญ ถ้าเทียบกับทองในโลก การขุดทอง ก็เหมือนกับการขุดบิทคอย เรายังขุดบิทคอยยังไม่ครบ 21 ล้านเหรียญ และปัจจุบันก็ยังมีการขุดต่อเรื่อยๆ เราขุดทองโดยการสร้างเหมืองขุด แต่การขุดบิทคอยคือการเปิดคอมพิวเตอร์ให้ระบบคอมแก้สมการไปเรื่อยๆ จนถอดรหัสออกมาได้ เราก็จะได้บิทคอยมาเป็นรางวัลของการขุดแบบนั้นๆ
ทีนี้ BTC halving คือเหตุการณ์หนึ่ง ที่จะเกิดขึ้นทุก 4 ปี ตามระบบของมัน ส่งผลทำให้การขุดบิทคอยยากขึ้น แล้วทำให้ปริมาณบิทคอยที่ขุดขึ้นมาหลังจากนั้นจะน้อยลง และเมื่อ Supply น้อยลง หากไม่มีปัจจัย Demand ที่เปลี่ยนแปลง ก็อาจจะทำให้ราคาบิทคอยพุ่งสูงขึ้นตามหลัก supply & demand
เมื่อ halving เกิดขึ้น ก็จะทำให้ขุดเหรียญได้ยากขึ้น ก็จะทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น (หาก demand ยังเหมือนเดิม)
งั้นเรามาดูเหตุการณ์ halving ที่ผ่านมาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับราคาหลังจาก Halving
1. Halving ครั้งแรก เมื่อ 28 พ.ย. 2012 หลังจากนั้น 1 ปี มีการพุ่งสูงขึ้นของราคาบิทคอย ก่อนที่จะย่อตัวลง
2. Halving ครั้งที่ 2 เมื่อ 9 ก.ค. 2016 หลังจากนั้น 1.5 ปี มีการพุ่งสูงขึ้นของราคาบิทคอย ก่อนที่จะย่อตัวลง
3. Halving ครั้งที่ 3 เมื่อ 11 พ.ค. 2020 หลังจากนั้น 1 ปีได้มีการย่อตัวลง 1 รอบ ก่อนที่จะทะยานตัวกลับไป และหลังจาก halving ครบ 1.5 ปี มีการพุ่งสูงขึ้นของราคาบิทคอย ก่อนที่จะย่อตัวลง
4. Halving ครั้งที่ 4 เมื่อ 19 เม.ย. 2024 ที่ผ่านมา หลังจากนั้น จะเป็นอย่างไร ไม่มีใครทราบ !
แต่หากจะประเมินตามสถิติ ก็คงจะราวๆ เมษา 2025 หรือ พฤศจิกา 2025 คงจะมีการร่วงลงของบิทคอย
เป็นไปได้มั้ยว่า หากมีคนมองเห็นภาพนี้ก่อนจะชิงขายก่อน ก็ไม่มีใครทราบได้
อีก 1 layer ของการวิเคราะห์ที่นอกเหนือจากเรื่องสถิติ ผมขอวิเคราะห์ด้าน Technical analysis เพิ่มเติม
ด้าน Technical analysis
ส่วนตัวผมค่อนข้างเข้าใจ Elliott wave และ Dow's theory มากกว่าทฤษฏีอื่นๆ ผมขออนุญาตใช้ทฤษฏีดังกล่าวประกอบการวิเคราะห์แล้วกันนะครับ
Wave 1 จากกราฟจะเห็นว่า หากมองภาพใหญ่ๆ การที่ราคาทะยานตัวมาถึง 68000$ เมื่อปี 21
อาจเทียบเท่าได้ว่าเกิด wave 1 (ซึ่งมี sub wave ครบ 5 wave และมี alternation rule ของ subwave 2 และ 4) ซึ่งการทะยานตัวของราคาดังกล่าว ทำให้เป็นช่วงที่คนส่วนหนึ่งเริ่มรู้จักบิทคอยและเข้าซื้อตาม
Wave 2 จากกราฟจะเห็นว่ามีการเทขายลงมาเหลือราวๆ 15000$ (เทียบ Fibo ราวๆ 78.6) ในปี 22 ปัจจัยแวดล้อมช่วงนั้นก็จะเป็นการทำ Quantitative Tightening จาก Federal reserve และสงครามส่งผลให้คนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง (ในมุมมองของนักลงทุนเวลานั้น) และเกิด Panic sell ระดับใหญ่ ผู้คนที่เคยเข้าซื้อ ออกจากตลาดกันค่อนข้างเยอะ และเริ่มมองภาพลบต่อบิทคอย
Wave 3 นั่นคือช่วงเวลาปัจจุบันนี้ หากลองเทียบ Fibonacci ratio ส่วนมาก wave 3 มักจะราคาพุ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ wave 1 ราวๆ 123.6%-161.8% หรือบางตำราอาจจะไปถึง 200-300%
ส่วนตัวผู้เขียนประเมินคร่าวๆ ว่าราคาอาจจะไปถึงช่วง ราวๆ 100000-130000$ ก็น่าจะเต็มกลืนแล้ว
ประกอบกับเส้นประสีเขียว ที่แตะเมื่อไหร่มักจะมีการร่วงลงของราคา จึงประเมินว่า Risk ของขาลงเริ่มเพิ่มมากขึ้น สวนทางกับข่าวสารปัจจุบันที่อาจจะมองบิทคอยในแง่ดี
ทั้งนี้การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้เขียนไม่ประสงค์ชี้แนะแนวทางการลงทุนใดๆ การลงทุนของผู้ลงทุนควรจะต้องเกิดจากความเข้าใจในตัวสินทรัพย์นั้นๆ และเหตุการณ์เศรษฐกิจโลก รวมถึงมีการประเมินความเสี่ยงอย่างครบถ้วน สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดีในโลกของการลงทุนครับ ขอบคุณครับ
ตลาดคริปโตพุ่งแรงทั่วกระดานตลาดคริปโตพุ่งแรง Bitcoin ทะลุแนวต้านสำคัญ เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากจุดต่ำสุดเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ Dogecoin พุ่ง 90% หลังการเลือกตั้งทรัมป์ คาดแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องจากการสนับสนุนของ Musk และกระแสเงินไหลเข้ากองทุน ETF
มุมมองทางเทคนิค
BTC ทะลุแนวต้านสำคัญที่ 74,140 และมีแนวโน้มขึ้นต่อ โดยเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 91,025 และ 100,870 ตามระดับ
วิเคราะห์ทิศทางราคาของ Bitcoin (BTCUSDT)
1. รูปแบบราคา (Price Action):
มีการทำ Higher Lows (HL) และ Lower Highs (LH) ซึ่งบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวในกรอบ (consolidation) หรืออาจจะเป็น sideway ได้
จุดสูงสุด (Highs) ที่สูงขึ้นและจุดต่ำสุด (Lows) ที่ต่ำลงบางจุดบ่งชี้ว่าตลาดยังไม่ชัดเจนว่าจะเลือกฝั่งใด โดยการ Breakout ของเส้นแนวต้านหรือแนวรับสำคัญจะเป็นตัวชี้ขาด
2. RSI (Relative Strength Index):
RSI ในช่วง Timeframes ต่าง ๆ ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ใน neutral zone ยกเว้นกราฟ 4 ชั่วโมง ที่ RSI อยู่ในโซน Overbought (73.50%) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีแรงซื้อมากเกินไปในช่วงเวลานี้ อาจมีการปรับฐาน (correction) ในระยะสั้นได้
RSI 1 วันและ 1 สัปดาห์ยังเป็น Neutral ซึ่งบ่งบอกว่าราคายังไม่ถึงระดับที่เป็นการซื้อหรือขายเกินไป
3. จุดสำคัญอื่น ๆ:
การเคลื่อนไหวผ่านเส้น BOS (Break of Structure) และ CHoCH (Change of Character) ในบางจุด บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางในบางช่วง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักเทรดในการจับทิศทางต่อไป
หากราคาสามารถ breakout ผ่านจุด LH (Lower High) ล่าสุด อาจเป็นสัญญาณของขาขึ้น
หากราคาหลุดระดับ HL (Higher Low) ที่มีการทำจุดต่ำสุดลง (LL) ราคามีแนวโน้มจะลงต่อได้
4. แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance):
แนวต้านที่แข็งแรงอยู่ที่ประมาณ 66,000 USDT (ใกล้กับระดับ LH) หากราคาสามารถทะลุขึ้นไปได้ อาจส่งสัญญาณการขึ้นต่อ
แนวรับสำคัญอยู่ที่ 63,379.5 USDT หากราคาหลุดต่ำกว่าแนวรับนี้ อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวเป็นขาลง
สรุป: ในระยะสั้น ราคามีโอกาสปรับตัวลงเนื่องจาก RSI บางช่วงเวลาแสดงว่าอยู่ในภาวะซื้อเกินไป (Overbought) แต่ในระยะยาวหากราคาสามารถทะลุแนวต้านหลักและทำ Higher Highs ต่อเนื่องได้ อาจส่งสัญญาณขาขึ้น
ดูเหมือนว่าราคากำลังอยู่ในลักษณะของ Rising Wedge เนื่องจากมีการทำ Higher Lows ต่อเนื่อง แต่การเคลื่อนไหวของราคามีการบีบตัวเข้าแคบลง หากราคาทะลุลงจากแนวรับของ Wedge อาจบ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นขาลง
จุดที่น่าสนใจคือถ้าราคาหลุดออกจากแนวรับที่ระดับประมาณ 63,379 USDT (จากข้อมูลที่แสดง) อาจเป็นสัญญาณยืนยันของการปรับตัวลงตาม Rising Wedge Pattern นี้
สรุปเกี่ยวกับ Wedge Pattern: ในกราฟนี้ ดูเหมือนจะมีลักษณะของ Rising Wedge ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงหากราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านได้และหลุดออกจากแนวรับ
BTCUSD เตรียมย่อชุดสุดท้ายเพื่อพุ่งทะยานสู่ 70,000Bitcoin บิตคอยน์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานเกือบ 5% ทะลุระดับ 63,000 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ 0.50% ในการประชุมวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณอัตราดอกเบี้ยขาลงอย่างน้อยจนถึงปี 2569
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บิตคอยน์จะพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่วานนี้
ทั้งนี้ การผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟดจะทำให้นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยง ขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยหนุนสภาพคล่องในตลาด ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้าสู่กองทุน Spot Bitcoin ETF
แนวรับแนวต้านที่สำคัญ
แนวต้าน
75,000
70,000
65,000
แนวรับ
55,000 แนวรับ
45,000 แนวรับ
35,000 แนวรับ
แนวทางการเทรด
1. หากราคามีสัญญาณกลับตัวบริเวณ 65,000 ให้หาจังหวะในการเข้าขาย (ซื้อ BUY) โดยเก็บกำไรระยะสั่น บริเวณต้าน 70,000 หรือตามแนวรับต้าน
2. หากราคามีสัญญาณกลับตัวบริเวณ 60,000 ให้หาจังหวะในการเข้าขาย (ขาย SELL) โดยเก็บกำไรระยะสั่น บริเวณรับ 45,000 หรือตามแนวรับต้าน
BTCUSD บิตคอยน์พุ่งขึ้นยืนโซน 60,000Bitcoin บิตคอยน์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานเกือบ 5% ทะลุระดับ 63,000 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ 0.50% ในการประชุมวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณอัตราดอกเบี้ยขาลงอย่างน้อยจนถึงปี 2569
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บิตคอยน์จะพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่วานนี้
ทั้งนี้ การผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟดจะทำให้นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยง ขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยหนุนสภาพคล่องในตลาด ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้าสู่กองทุน Spot Bitcoin ETF
แนวรับแนวต้านที่สำคัญ
แนวต้าน
75,000
70,000
65,000
แนวรับ
55,000 แนวรับ
45,000 แนวรับ
35,000 แนวรับ
แนวทางการเทรด
1. หากราคามีสัญญาณกลับตัวบริเวณ 65,000 ให้หาจังหวะในการเข้าขาย (ซื้อ BUY) โดยเก็บกำไรระยะสั่น บริเวณต้าน 70,000 หรือตามแนวรับต้าน
2. หากราคามีสัญญาณกลับตัวบริเวณ 60,000 ให้หาจังหวะในการเข้าขาย (ขาย SELL) โดยเก็บกำไรระยะสั่น บริเวณรับ 45,000 หรือตามแนวรับต้าน
BTCUSD Daily Analysis 5/9/2024 by TraderTanข่าวต่างประเทศ
วันนี้ราคาของ Bitcoin ยังคงมีความผันผวน โดยมีการคาดการณ์ว่าราคาอาจร่วงลงไปถึงระดับ $40,000 ในเดือนกันยายน เนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ย แต่ในขณะเดียวกัน หลายฝ่ายยังมองว่า Bitcoin มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ นอกจากนี้ การเกิดสัญญาณ 'Golden
Cross' ซึ่งเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่มักบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น กำลังเริ่มก่อตัวขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่าราคาอาจพุ่งทะยานอีกครั้ง
cr.investing
Trading note:✅
Sell : 58064.76
✅Tp: 57466.04 55847.86
❗SL: 58755.81
เหตุผลในการเข้าเทรด:
ยังคงเน้นแผนเดิม โดยตั้ง SL ตามแผนที่ว่างใว้
ยัังมีโอาสที่จะลุ้นในการลงต่อ ใครไม่อยากรอหาจังหวะ ปิดบวกได้ ครับ
fibo : เป้าแรก อยู่ที่ 168
เป้ามหาย 60000 คิดว่าปรับฐานที่ 54391.49
RSI: เป็นกลาง
รอให้มีสัญญาณกลับตัว หาจังหวะเข้า
หากรับความเสี่ยงได้และไม่อยากรอสามารถตั้ง Pending Sell บริเวณโซนดังกล่าวได้เลย
แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้ สามารถเข้าซื้อขายได้เลย
โดยสามารถเก็บกำไรระยะสั้น Scalping โดยมีจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน หรือ ถือยาวข้ามวัน ทั้งนี้เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประยะหนึ่ง สามารถตั้ง TSL เพื่อป้องกันกำไร หรือ ทะยอยปิด ออเดอร์ปิดกำไร
ประสบการณ์: เทรดเทรด Rebound เป็นรูปแบบที่นิยมมากเพราะเป็นการตามเทรน และได้ราคาที่ถูก และเป็นรูปแบบที่คาดหวังกำไร RRR เกิน 1:2 ขึ้นไปได้ และเป็นจุดที่ทำให้ราคาได้ราคาที่เปรียบ ซื้อถูกขายแพง เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นิยมใช้เทรด ไม่ว่าจะเป็น เทรดสั้น เทรดยาว
❗นี้เป็นเพียงความคิดส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
XAUUSD Daily Analysis 19/6/2024 by TraderTanข่าวต่างประเทศ
Bitcoin ทรงตัวอยู่ที่ประมาณ $67,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ยังคงมีความผันผวนสูง ขึ้นอยู่กับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นักลงทุนบางส่วนคาดหวังว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำลง
ผู้เชี่ยวชาญบางท่านคาดการณ์ว่า ราคา Bitcoin จะแตะ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2033
cr.investing
Trading note:✅
Buy : 2316.381
✅Tp: 2327.040 2337.608
❗SL: 2306.533
เหตุผลในการเข้าเทรด:
ราคาได้มีแรงซื้อกลับเข้ามา
และสร้างรูปแบบ QM รอจังหวะย่อแล้วเข้าซื้อขายตามโครงสร้าง QM
fibo : ลุ้นย่อประมาณ 50-78 ในการเข้าชื้อ
เป้าหมาย 63861.56 เป้าหมายกำไร 2337
RSI: กำลังขึ้นไปทดสอบ 70
รอให้มีสัญญาณกลับตัว หาจังหวะเข้า
หากรับความเสี่ยงได้และไม่อยากรอสามารถตั้ง Pending Buy บริเวณโซนดังกล่าวได้เลย
แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้ สามารถเข้าซื้อขายได้เลย
โดยสามารถเก็บกำไรระยะสั้น Scalping โดยมีจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน หรือ ถือยาวข้ามวัน ทั้งนี้เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประยะหนึ่ง สามารถตั้ง TSL เพื่อป้องกันกำไร หรือ ทะยอยปิด ออเดอร์ปิดกำไร
ประสบการณ์: การเทรดรูปแบบ QM เป็นรูปแบบที่มีนัยยะสำคัญที่มืออาชีพชอบเทรด และเป็นรูปแบบที่คาดหวังกำไร RRR เกิน 1:2 ขึ้นไปได้ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นิยมใช้เทรด ไม่ว่าจะเป็น เทรดสั้น เทรดยาว หรือ สายสวนเทรน ตามเทรน สามารถที่จะประยุกต์ได้หลอกหลาย
❗นี้เป็นเพียงความคิดส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
BTCUSD Daily Analysis 13/6/2024 by TraderTanข่าวต่างประเทศ
Bitcoin traded at around $24,200 at the time of writing, down slightly from yesterday.
ราคาอยู่ในช่วงผันผวนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีทั้งช่วงขึ้นและลง
นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าราคาอาจจะยังคงผันผวนต่อไปในระยะสั้น
cr.investing
Trading note:✅
Buy : 67950.00
✅Tp: 68800 ,69850
❗SL: 67144.00
เหตุผลในการเข้าเทรด:
ราคาได้มีแรงขายกลับเข้ามา
ลงมาทดสอบโซน ที่มีนัยยะสำคัญ
ลุ้นในการยกตังขึ้นต่อ ตามโครงสร้าง
fibo : fibo 78.00
โซนในการขึ้นต่อ 2313.74
RSI: เป็นกลาง
รอให้มีสัญญาณกลับตัว หาจังหวะเข้า
หากรับความเสี่ยงได้และไม่อยากรอสามารถตั้ง Pending Buy บริเวณโซนดังกล่าวได้เลย
แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้ สามารถเข้าซื้อขายได้เลย
โดยสามารถเก็บกำไรระยะสั้น Scalping โดยมีจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน หรือ ถือยาวข้ามวัน ทั้งนี้เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประยะหนึ่ง สามารถตั้ง TSL เพื่อป้องกันกำไร หรือ ทะยอยปิด ออเดอร์ปิดกำไร
ประสบการณ์: เทรดเทรด Rebound เป็นรูปแบบที่นิยมมากเพราะเป็นการตามเทรน และได้ราคาที่ถูก และเป็นรูปแบบที่คาดหวังกำไร RRR เกิน 1:2 ขึ้นไปได้ และเป็นจุดที่ทำให้ราคาได้ราคาที่เปรียบ ซื้อถูกขายแพง เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นิยมใช้เทรด ไม่ว่าจะเป็น เทรดสั้น เทรดยาว
❗นี้เป็นเพียงความคิดส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
DCA Under DCA Lineเส้นสีน้ำเงิน คือ เส้นราคาเฉลี่ย ถ้าเราซื้อ Bitcoin แบบ DCA วันละ 1 USD ทุกวัน เราจะได้ราคาเฉลี่ยที่ดีมากๆ แต่ปัญหาของ DCA คือ กำไรอาจจะต้อง และมี Drawdown เยอะ
เลยลองหาวิธีลด Drawdown ลง โดยแทนที่จะซื้อ DCA ทุกวัน เราจะซื้อ DCA ก็ต่อเมื่อ ราคาลงมาต่ำกว่าเส้น DCA สีน้ำเงิน และซื้อ 2 เท่าของ DCA ปกติ ผมตั้งชื่อว่า DCA Under DCA Line เราจะได้เส้นสีเขียว เป็นเส้นราคาเฉลี่ย ที่จะได้ต้นทุนต่ำกว่าการ DCA ปกติ และก็สามารถลด Drawdown ลงได้ ทำให้สามารถเพิ่มกำไรได้มากขึ้น
DCA จะมีปัญหาใหญ่ๆ ก็ คือการมี Drawdown เยอะทำให้ไม่สามารถใช้กับ Future ได้ไม่งั้นพอร์ตแตกซะก่อน แล้วก็ ถ้า DCA แล้ว แต่ดันไปเจอตอนที่กราฟมันดิ่งมากๆ ก็เศร้าได้เหมือนกัน เดี๋ยวต้องลองหาไอเดียอื่นๆ มาแก้ไขกรณีพวกนี้ต่อไป