ผู้บริหารไฟเซอร์กล่าวว่าโควิดอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่นผู้บริหารไฟเซอร์กล่าวว่าโควิดอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่นภายในปี 2024
สิ่งที่จะเกิดขึ้น?
ผู้บริหารของไฟเซอร์กล่าวว่าโควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่นโดยเร็วที่สุดในปี 2567 ซึ่งหมายความว่าไวรัสจะเปลี่ยนจากภาวะฉุกเฉินทั่วโลกไปสู่การมีอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้เกิดการระบาดในระดับภูมิภาคทั่วโลก เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่
“เราเชื่อว่า Covid จะเปลี่ยนไปเป็นสถานะเฉพาะถิ่น โดยอาจเป็นไปได้ภายในปี 2024” Nanette Cocero ประธานระดับโลกของ Pfizer Vaccines กล่าวระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์เมื่อวันศุกร์
ไวรัสโควิด-19 จะถึงระดับเฉพาะถิ่นเมื่อประชากรมีภูมิคุ้มกันเพียงพอจากวัคซีนหรือจากการติดเชื้อก่อนหน้านี้ เพื่อรักษาการแพร่เชื้อ การรักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิต ภายใต้การควบคุมแม้ว่าไวรัสจะแพร่ระบาด
Mikael Dolsten หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของไฟเซอร์กล่าวว่า "สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใดและอย่างไรขึ้นอยู่กับวิวัฒนาการของโรค สังคมใช้วัคซีนและการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด และการกระจายอย่างเท่าเทียมกันไปยังสถานที่ที่อัตราการฉีดวัคซีนต่ำ “การเกิดขึ้นของสายพันธุ์ใหม่อาจส่งผลกระทบต่อการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง”
การคาดหวังในครั้งนี้?
ระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงของ Covid ไปสู่สถานะเฉพาะถิ่นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ Dolsten กล่าว
“ดูเหมือนว่าในอีก 1-2 ปีข้างหน้า บางภูมิภาคจะเปลี่ยนไปใช้แบบจำลองเฉพาะถิ่น ในขณะที่ภูมิภาคอื่นจะยังคงอยู่ในโหมดระบาดใหญ่” Dolsten กล่าว
ความคิดเห็นจากผู้บริหารของไฟเซอร์เกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ ต่อสู้กับกรณีโควิดที่พุ่งสูงขึ้น นำโดยตัวแปรเดลต้า ในขณะที่สายพันธุ์โอไมครอนแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว โรเชลล์ วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคแห่งใหม่ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า จำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งใหม่โดยเฉลี่ย 7 วัน เพิ่มขึ้น 4% จากสัปดาห์ก่อน
แองเจลา ฮวัง ประธานกลุ่มบริษัท Pfizer Biopharmaceuticals Group กล่าวว่า การเก็บวัคซีนและการรักษาโควิด เช่น ยาเม็ดต้านไวรัสในช่องปากของไฟเซอร์อาจกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นเนื่องจากโรคนี้แพร่ระบาดในวงกว้าง
การวิเคราะห์ของราคา
ซึ่งปัจจัยนี้อาจจะทำให้หุ้นไฟเซอร์มีการทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 61.67 ดอลล่าร์ต่อหุ้นแนวต้านที่สองก็คือ 63.17 ดอลล่าร์ต่อหุ้นแนวต้านสุดท้ายก็คือ 65.08 ดอลล่าร์ต่อหุ้น
แต่ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 60.15 ดอลล่าร์ต่อหุ้นแนวรับที่สองก็คือ 59.21 ดอลล่าร์ต่อหุ้นแนวรับสุดท้ายก็คือ 57.34 ดอลล่าร์ต่อหุ้น