รูปแบบฮาร์โมนิค
14/01/25 สรุปการวิเคราะห์ USD/THB พร้อมแผนการเทรด บาทกำลังจะกลับมาแข็งค่า หุ้นไทยกำลังจะฟื้นจากท้องคลื่น
**สรุปการวิเคราะห์ USD/THB พร้อมแผนการเทรด**
ในกราฟ USD/THB มีการปรากฏของ **Bearish Gartley Pattern** ซึ่งเป็นรูปแบบที่บ่งชี้ถึงการกลับตัวขาลงจากแนวโน้มขาขึ้นเดิม โดยใช้เครื่องมือ Fibonacci และ TD Sequential ร่วมกัน ระดับราคาสำคัญและกลยุทธ์การเทรดอธิบายได้ดังนี้:
#### **โซนราคา (Price Zones)**
1. **จุดเข้า (Entry Zone):**
- ระหว่าง **34.75 - 34.85** (ใกล้จุดสิ้นสุดของ Bearish Gartley ที่ 78.6% Fibonacci)
2. **เป้าหมายการทำกำไร (Take Profit):**
- เป้าหมายแรก: **34.59** (ระดับ 61.8% Fibonacci retracement)
- เป้าหมายที่สอง: **34.41** (ระดับ 50.0%)
- เป้าหมายสุดท้าย: **34.24** (ระดับ 38.2%)
3. **Stop Loss:**
- ตั้ง Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของโครงสร้าง Gartley ที่ระดับ **34.95 - 35.00** เพื่อป้องกันความเสี่ยง
---
### **กลยุทธ์การเทรด**
| จุดสำคัญ | ราคา (THB) | แนวทางการเทรด |
|---------------------|------------|-------------------------------------|
| **จุดเข้า (Sell Zone)** | 34.75 - 34.85 | เปิดคำสั่ง **Sell** |
| **เป้าหมายแรก** | 34.59 | ปิดทำกำไรบางส่วน (หรือทั้งหมด) |
| **เป้าหมายที่สอง** | 34.41 | ปิดทำกำไรเพิ่มเติม |
| **เป้าหมายสุดท้าย** | 34.24 | ปิดทำกำไรเต็มจำนวน |
| **Stop Loss** | 34.95 - 35.00 | ป้องกันขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามคาด |
---
### **กรณีที่ USD กลับมาแข็งค่า: ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย**
1. **การแข็งค่าของ USD หมายถึง THB อ่อนค่า**
- ค่าเงินบาทที่อ่อนลงทำให้ต้นทุนในการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อบริษัทที่พึ่งพาการนำเข้า เช่น กลุ่มธุรกิจที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าและบริษัทพลังงาน
2. **หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งค่า**
- หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก (Exporters) เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, อาหาร และยานยนต์ จะได้รับประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในรูปสกุล USD
3. **ตลาดทุนโดยรวม**
- การอ่อนค่าของ THB อาจสร้างแรงกดดันต่อกระแสเงินทุนไหลออก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติจะมองหาสกุลเงินที่แข็งค่า ทำให้เกิดการขายสินทรัพย์ไทย เช่น หุ้นและพันธบัตร
---
### **สรุปความเข้าใจ**
- เปิดสถานะขาย (Sell) เมื่อราคายืนยันการกลับตัวในโซน 34.75-34.85 ด้วยเป้าหมายทำกำไรตาม Fibonacci retracement
- ติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และไทยเพื่อประเมินการเคลื่อนไหวของ USD/THB เพิ่มเติม
- หาก USD แข็งค่า อุตสาหกรรมส่งออกในไทยจะได้ประโยชน์ ขณะที่ธุรกิจที่พึ่งพาการนำเข้าและตลาดหุ้นโดยรวมอาจได้รับผลกระทบจากกระแสเงินทุนไหลออก
13/01/25 XAUUSD กับแนวคิดเชิงทฤษฎี พร้อมแผนการเทรดอย่างละเอียด13/01/2025 XAUUSD กับแนวคิดเชิงทฤษฎี พร้อมแผนการเทรดอย่างละเอียดที่สามารถนำไปใช้งานจริง โดยพิจารณาจาก Bearish Gartley, TD Sequential Sell Setup #9, และ Pivot Zone:
________________________________________
แนวคิดเชิงทฤษฎี
การวิเคราะห์ร่วมกันของ Bearish Gartley Pattern, TD Sequential Sell Setup #9, และ Pivot Zone:
1. Bearish Gartley:
รูปแบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ฮาร์โมนิคที่ใช้ Fibonacci retracement และ extension เพื่อระบุโซนกลับตัวลง จุดสำคัญคือ จุด D ซึ่งมักอยู่ใกล้ 127.2% - 161.8% ของขา BC
2. TD Sequential Sell Setup #9:
เป็นเครื่องมือวัดโมเมนตัมที่นับแท่งเทียนขึ้นถึง 9 เพื่อบ่งบอกถึงจุดที่แนวโน้มขาขึ้นเริ่มอ่อนแรงและมีแนวโน้มจะกลับตัวลง
3. Pivot Points:
แนวต้าน (Resistance) ที่สำคัญคือ R2 ซึ่งเป็นบริเวณที่ราคามักจะชะลอตัวหรือกลับตัวลง
________________________________________
การผสมผสานสัญญาณ
• จุด D ของ Bearish Gartley ตรงกับระดับ R2 (ประมาณ 2702 – 2720)
• การเกิด TD Sequential Sell Setup #9 ตรงบริเวณนี้ ยิ่งเสริมความแข็งแกร่งของโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลง
การที่สัญญาณทั้งหมดชี้ไปในทิศทางเดียวกันทำให้เกิดโอกาสเทรดขาลงที่มีความน่าเชื่อถือสูง
________________________________________
แผนการเทรด
1. กลยุทธ์ Short (Sell)
• จุดเข้า (Entry):
o โซน 2695 – 2705
o หรือรอการยืนยันแท่งเทียนกลับตัว เช่น Bearish Engulfing หรือ Shooting Star ในโซนดังกล่าว
• Stop Loss:
o ตั้งที่ 2720 – 2725 (เหนือแนวต้านสำคัญ R3 และจุด X เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการทะลุแนวต้าน)
• เป้าหมายกำไร (Take Profit):
o TP1: Pivot Point (2667)
o TP2: S1 (2636)
o TP3 (ขยาย): S2 (2602)
________________________________________
2. กลยุทธ์ Long (Buy)
• จุดเข้า (Entry):
o โซน 2623 – 2636 (ใกล้ S1) พร้อมสัญญาณแท่งเทียนกลับตัว เช่น Bullish Engulfing หรือ Pin Bar
• Stop Loss:
o ตั้งที่ต่ำกว่า 2600 เพื่อป้องกันการทะลุแนวรับ
• เป้าหมายกำไร (Take Profit):
o TP1: Pivot Point (2667)
o TP2: ใกล้ R1 (2710 – 2715)
________________________________________
การจัดการความเสี่ยง
• ใช้ Risk/Reward Ratio อย่างน้อย 1:2
• วางขนาดการเทรดที่เหมาะสมกับพอร์ต (Position Sizing) เพื่อไม่ให้เกิดการขาดทุนเกินกว่าที่รับได้
________________________________________
สรุปตารางแผนการเทรด
ประเภท Entry Zone Stop Loss Take Profit 1 Take Profit 2 Take Profit 3
Short 2695 – 2705 2720 – 2725 2667 2636 2602
Long 2623 – 2636 2600 2667 2710 —
________________________________________
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
1. รอให้ราคาทำพฤติกรรมที่สอดคล้องกับสัญญาณยืนยันก่อนเปิดสถานะ เช่น แท่งเทียนกลับตัว หรือ divergence ในโมเมนตัมอินดิเคเตอร์ เช่น RSI/MACD/AO
2. ติดตามข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่อาจมีผลต่อความผันผวนของ XAUUSD
วิเคราะห์ระยะยาวXAUUSD เเผนนี้มีผลกับราคาทองในเดือนมกราคาค่อนข้างมาก
ปัจจุบันราคาทองคำอยู่ ณ ราคา 2680 เเต่ยังมองได้ทั้ง2ทางว่าราคาจะมีการปรับตัวลงมาประมาณ60%เเละมีโอกาสขึ้นอีก40%
โดยวันนี้มีข่าวตัวนอนฟาร์มหากตัวเลขออกมาตามคาดการณ์ จะทำการเข้าเทรดออเดอร์ฝั่งขาBUY เพื่อไปเก็บกำไรที่2775 เเละถ้าตัวเลขผิดคาดการณ์จะเปิดออเดอร์ฝั่งขาSELLเเละมองเป้ายาวเหมือนเดิมที่ 2720 รวมทั้งหมดที่20,000จุด ถากราคาขึ้นไปจะได้กำไรประมาณ 3,500จุด เเละรออัพเดทเเผนใหม่หากราคามีการขึ้นมาเรียบร้อย
ในเชิงเทคนิคราคามีการเข้าโซนฮาโมนิคที่70%โอกาสที่ราคาจะมีการกดตัวลงก็มากเช่นกัน เเต่ข่าวที่ออกมาวันนี้อาจจะมองว่าเป็นการขึ้นไปเคลียร์เม่าก็เป็นไปได้ค่อนข้างสูง ยังไงก็รอติดตามอีกรอบนะครับ
BTCUSD : ระบบ MACD ตัด 0 (ActionZone) มีสัญญาณ "ขาย" 10/1/2025อธิบาย : ระบบ Action Zone หรือ MACD ตัดศูนย์ คือระบบที่ใช้หลักการดูเส้น MACD ว่า เส้นนี้จะตัดกับเส้นศูนย์เมื่อไหร่ โดย ถ้าตัดขึ้นก็จะเป็นสัญญาณซื้อ ถ้าตัดลงก็จะเป็นสัญญาณขาย ถือเป็นระบบ Trend Following ที่ใช้ได้ดีกับตลาดที่มีเทรนจ๋าๆ เช่น BTC
แต่ระบบนี้ก็จะมีจุดอ่อนอยู่หลายจุดเช่นกัน คือ ในช่วงตลาด sideway ออกข้างเราอาจจะเจอ false sig ทำให้ต้องคืนกำไร คืนทุน กันบ่อยๆ ได้ หรือบางทีถ้าตลาดมีการทุบแรงๆ ก็อาจจะทำให้เจอการคืนกำไรหมดเช่นกัน เพราะระบบจะต้องรอ confirm ของเส้น MACD ก่อน ถึงจะยอมขาย ตอนขึ้น บางทีทำให้มันถือได้นาน ถือได้ทน รันเทรนได้นาน แต่ถ้าลงแรงก็จบกัน 555
ความเห็นของรอบนี้ : เรียบร้อย รอบนี้ มาเร็ว เคลมเร็ว จุกๆ กันไป ใครวางความเสี่ยงไว้ก็เจ็บเท่าที่วางไว้ ใครไม่วางปล่อยไหลรอไปคัทตอนแดงก็จะจุกหน่อย เพราะ loss จริงจะเกินกว่าที่ตั้งไว้ครับ
ตลาดแบบนี้เปิดปีด้วยความแปลก เพราะปกติเวลาเริ่มปีใหม่ก็มักจะขึ้นต่อกันไปเลย แต่ก็นั่นแหละครับ ในการเทรด มันไม่มีอะไรแน่นอน เราจะไปแน่ใจกับภาพในอดีตไม่ได้ว่า ทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิม ดังนั้น การคุมความเสี่ยง ถึงสำคัญที่สุดครับ
BTC ActionZone = เขียว ( 7/1/2025 )
------------------
Entry : 102200+-
SL : 94500 ( -7.5% )
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )
BTC ActionZone = แดง ( 10/1/2025 )
------------------
Entry : 102200+-
Real Stop : 94500 ( -7.5% )
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )
Actual Loss = -1%
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2025 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(1Jan-???) EMA120D = ??%
(7Jan-10Jan) ATR = -1%
(7Jan-10Jan) ActionZone = -1%
Sum กำไรสะสมของปี 2025 = -2% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง ( Max 4% กำไรหน่วย USD )
เกร็งกำไร L ได้ระยะสั้นสัก 15 จุดแล้วค่อยคิดใหม่เนื่องจากติดภาระกิจสอน นักศึกษา ที่มหาลัย เกี่ยวกับหุ้น เลยไม่มีเวลา update มากนัก
การลงแต่ละครั้ง ถ้าใครมองสั้น และวางเงินไม่มาก แน่นอนจะกังวล
แต่ส่วนตัวผมมองว่ามันคือระยะเก็บ L แต่ต้องวางเงิน จำกัดความเสี่ยงใกล้ชิด ใครใช้ option เป็นก็ใช้ ใครใช้ไม่เป็นวาง stop loss เอาหรือ ทำ calndar spread ก็ได้แล้วแต่ถนัด
วิเคราะห์ XAUUSD 9/1/68วิเคราะห์ XAUUSD 9/1/68
ราคาทองคำในตลาดเมื่อวานนี้ ราคาพยายามจะขึ้นเทสแนวต้าน 2660-2665 ในช่วงบ่าย แต่ไม่สามารถขึ้นได้ในทีเดียว โดยราคาวิ่ง Sideway ในกรอบราคาระหว่างวัน ที่กรอบราคา 2645-2660 และย่อลงก่อนตอนราคาขึ้นมาแตะแนวต้านย่อยที่ราคา 2655 ก่อนจะสามารถ Rebound ขึ้น Breakout เหนือราคา 2655-2660 ช่วงเวลาเปิดตลาดตลาดอเมริกาจนถึงช่สงประกาศตัวเลข ADP ที่ออกมาเป็นผลบวกต่อตลาดทองคำ โดยออกามาต่ำกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้ทองดีดทำ New High อีกครั้ง ในรอบสัปดาห์
วันนี้กราฟรายวันและราย H4 เป็นแนวโน้มขาขึ้นได้อีกครั้ง หลังราคาสามารถเบรกเอ้าท์ทะลุราคา 2660-2665 ขึ้นมาได้ และทำไฮที่ 2670 โดยราคาปิดตลฃฃาดเมื่อวานอยู่ที่ 2661 ถือเป็นการปิดตลาดที่โซนแดนบวก ทำให้ภาพรวมทางเทคนิคเป็นการปรับตัวขึ้น และสามารถขึ้นต่อได้อีก หากมีปัจจัยข่าวทางเศรษฐกิจเข้ามาสนับสุนที่จะส่งผลบวกต่อราคาทองคำอีกรอบ นักลงทุนยังคงรอดู Nonfarm ของวันศุกร์เพื่อวิเคราะห์การตัดสินใจของเฟดในเรื่องกาารปรับลดอัตรดอกเบี้ย
ทางเทคนิคคอล ทองคำเป็น Bullish Trend ระหว่างวันจะมีพักฐานในระยะสั้น แนะนำว่าให้ว่างแผนการเข้าซื้อ เมื่อราคาย่อตัวลงมา ไม่ควรหลุด 2640 ไปมากหนัก จะทำให้ราคาไม่เสียทรง และเทรนด์จะแข็งแรงและไปต่อในแนวโน้มขาขึ้น โดยตอนนี้ราคาวิ่งเหนือเส้นค่าเฉลี่ย MA100และ200 ใน TFH1-H4 ให้ระวังการผันผวนช่วงข่าวเศรษฐกิจ
แนวรับรายวัน
2653-2651/2645-2642/2637-2632
แนวต้านรายวัน
2663-2665/2670-2677/2684
S50H25 ซึ่งแสดงรูปแบบ **Harmonic Bullish Crab บน (M30)06/01/25 ตลาดเทลงมา แต่ทว่าจากภาพ S50H25 ซึ่งแสดงรูปแบบ **Harmonic Bullish Crab** บนกราฟ **S50H25 (M30)**
เราะทำการวิเคราะห์โดยละเอียดสำหรับรูปแบบนี้และแนะนำแนวทางการเทรดให้ชัดเจนขึ้น:
---
### **หลักการของ Harmonic Bullish Crab**
1. จุด **X** คือจุดเริ่มต้นของขา XA
2. จุด **A** คือจุดสูงสุดแรกหลังจากขา XA
3. จุด **B** เป็นการ **retracement ของ XA** ในช่วง **38.2% ถึง 61.8%**
4. จุด **C** เป็นการ **retracement ของ AB** ในช่วง **38.2% ถึง 88.6%**
5. จุด **D** คือ **Fibonacci extension ของ XA** ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ที่ **161.8% ของ XA (ตำแหน่งกลับตัวหลัก)
---
### **วิเคราะห์โครงสร้างในภาพ**
#### **จุดที่ระบุในภาพ**
- **X = จุดต่ำสุดแรก** (ต้นขา XA)
- **A = จุดสูงสุดของขาขึ้นหลังจาก X**
- **B = จุดต่ำสุดที่ retracement ของ XA**
- **C = จุดสูงสุดของ retracement ของ AB**
- **D = จุดต่ำสุดที่ Fibonacci extension ของ XA คาดการณ์จุดกลับตัว**
#### **ขั้นตอนการคำนวณ**
1. **ขา XA**:
- จากภาพ จุด X และ A ถูกระบุไว้อย่างชัดเจน
- ระยะห่าง XA = A − X
2. **จุด B**:
- จุด B retraces ในช่วง **38.2% ถึง 61.8%** ของ XA
- ตรวจสอบว่าจุด B อยู่ในช่วงนี้เพื่อยืนยันรูปแบบ
3. **จุด C**:
- C retraces ในช่วง **38.2% ถึง 88.6% ของ AB**
- ตรวจสอบว่าสอดคล้องกับเกณฑ์นี้
4. **จุด D**:
- จุด D ใช้ **161.8% extension ของ XA**
- ระดับที่น่าสนใจคือช่วงนี้เพื่อตัดสินใจเปิดสถานะ
---
### **พิจารณาจุดกลับตัว D**
จากภาพ กราฟได้แตะจุดแนวรับบริเวณต่ำกว่าแนว Fibonacci 161.8% และใกล้กับโซน **882.5** ซึ่งเป็นระดับที่แสดงการกลับตัวตาม **Bullish Crab**:
1. จุด **D** คาดการณ์ไว้ใกล้ **ระดับ 882.5 (จากการคำนวณในภาพก่อนหน้า)
2. ในภาพนี้ ราคากลับตัวใกล้ **882.5** และมีสัญญาณการปรับตัวขึ้น
3. **สัญญาณ MACD** เริ่มแสดงการชะลอตัวของแรงขาย (เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว)
---
### **แนวทางการเทรด**
- เปิดสถานะ **LONG** ใกล้กับแนวรับปัจจุบันที่ **882 ถึง 885** หากราคายืนยันการกลับตัว
- วาง **Stop Loss ต่ำกว่า 880** หรือใกล้โซน 876 เพื่อป้องกันความเสี่ยง
- ตั้งเป้าหมายทำกำไรใกล้แนวต้านที่ 888, **Pivot Day (891.2)** หรือระดับถัดไปที่ 895 และ 902
---
### **สรุป**
1. รูปแบบ Bullish Crab ในภาพนี้มีจุด D ใกล้บริเวณแนวรับสำคัญ
2. จุดเข้าซื้อ (LONG) คือช่วง 882.5 ถึง 885 พร้อม Stop Loss ที่เหมาะสม
3. MACD และโครงสร้าง Fibonacci สนับสนุนสัญญาณกลับตัว
เเผนการวิเคราะห์ในระยะยาวโดยจุดที่มองว่าราคาทองคำจะมีการปรับตัวขึ้นมาเพื่อทำการปรับฐานก่อนที่ราคาจะมีการร่วงมาในระยะยาว ซึ่งโซนที่มองไว้ปัจจุบันมี2โซนหลักคือ2580เเละ2775 โดยโซนเเรกที่จะต้องมาทำการเช็คคือ2580หากราคาไม่สามารถทำราคาได้สูงมากกว่านี้ราคาอาจจะมีการปรับตัวลงมาประมาณ15000จุด โดยวิเคราะห์จากโคคงสร้างSMC ICT HARMONIC LQT BALANCEจะเห็นจุดเด่นเเละจุดด้อยของตลาดได้อย่างชัดเจน
xauusdจากข่าวและเทคนิคก็สนับสนุนให้เป็นไปตาม
Butterfly harmonic + minor swing
และสัญาณมาแล้ว แบ่งเป็น 2 ไม้เพื่อกันตกรถ
ไม้แรก 1:7 ไม้สอง 1:9
ถือยาวครับไม้นี้เพราะว่า Swap short +
แม้ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
แต่การที่ผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ
หยุดชะงักในการฟื้นตัวกลับดูเหมือนว่าจะช่วยให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยแบบดั้งเดิมเพื่อความปลอดภัย
เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ
ของจีนที่กำลังคืบคลานเข้ามาและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง
SET หลุด 1400 ดาวโจนส์ -1000 กว่าจุด ตลาดหุ้นไทย ยังไงดี?SET หลุด 1400 ดาวโจนส์ -1000 กว่าจุด ตลาดหุ้นไทย ยังไงดี?
ในกราฟที่แสดง มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) รวมถึงแนวโน้มราคา, โครงสร้างตลาด, และการใช้งาน Fibonacci Retracement และ Time Ratio ที่ช่วยคาดการณ์จุดกลับตัวในอนาคต ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์กราฟโดยละเอียด:
---
### 1. **โครงสร้างตลาด (Market Structure)**:
- กราฟนี้แสดงโครงสร้างราคาที่มีการเคลื่อนไหวแบบ **Higher High (H), Lower Low (L)** และ **Retest จุดเดิม (R)** โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้:
- ช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้น: กราฟสร้าง **Higher High (H)** โดยเป็นจุดสูงสุดใหม่
- ช่วงที่ตลาดปรับตัวลง: มีการทะลุแนวรับ (Break of Structure หรือ BOS) และเข้าสู่ช่วงแนวโน้มขาลง
- ช่วง **Retest**: ราคากลับมาทดสอบระดับแนวต้านที่เดิม (บริเวณสีแดง)
---
### 2. **Fibonacci Retracement**:
กราฟนี้แสดงระดับ Fibonacci Retracement ซึ่งช่วยระบุโซนแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ โดยระดับที่เด่นชัดคือ:
- **61.8% (1,411.21):** เป็นโซนที่ราคามักจะเด้งหรือกลับตัว (Good Probability)
- **78.6% (1,385.22):** เป็นโซนแนวรับที่แข็งแกร่ง (Very Good Probability)
- **88.6% (1,369.75):** เป็นโซนสุดท้ายที่มักจะใช้เป็นจุดตัดสินใจ ถ้าราคาทะลุโซนนี้ ตลาดอาจเข้าสู่แนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
---
### 3. **Break of Structure (BOS)**:
- จุด BOS (Break of Structure) เป็นบริเวณที่ราคา **ทะลุแนวรับสำคัญ** และบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง
- การเกิด BOS ในกราฟนี้ยืนยันว่าแนวโน้มขาลงกำลังแข็งแรง
---
### 4. **Time Ratio และวันที่สำคัญ (Fibonacci Time Zone)**:
- วันที่ **20/12/2024** ถูกระบุไว้ในกราฟ ซึ่งอาจเป็นการคาดการณ์จุดกลับตัวสำคัญ โดยสัมพันธ์กับ Fibonacci Time Ratio (0.618, 1.0, 1.618)
- วันที่นี้ถูกใช้เพื่อคาดการณ์ว่าตลาดอาจเริ่มมีการกลับตัวในแนวโน้ม หรือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
---
### 5. **โซนสภาพคล่อง (Liquidity Zone)**:
- บริเวณสีแดง: เป็นโซนแนวต้านที่ราคาทดสอบซ้ำ (Retest) และเป็นพื้นที่ที่นักลงทุนอาจมองหาการขาย (Sell Area)
- บริเวณสีเขียว: เป็นโซนแนวรับ (Demand Zone) ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเด้งกลับเมื่อมาถึง
---
### 6. **จุดสำคัญในกราฟ (Key Levels)**:
- **แนวต้าน (Resistance):**
- บริเวณที่ราคามีการ Retest และไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้ เป็นแนวต้านสำคัญที่บ่งบอกถึงความแข็งแรงของแรงขาย
- **แนวรับ (Support):**
- ระดับ Fibonacci (61.8%, 78.6%, 88.6%) เป็นแนวรับสำคัญที่ราคามักจะมีปฏิกิริยาเมื่อมาถึง
- **ระดับราคาเป้าหมาย (Target Levels):**
- ถ้าราคาทะลุระดับ 1,369.75 (88.6%) ตลาดอาจปรับตัวลงต่อ โดยเป้าหมายถัดไปอาจอยู่ในช่วง 1,344
---
### 7. **การวิเคราะห์การกลับตัว (Reversal Analysis):**
- หากราคาสามารถยืนเหนือระดับ **61.8% (1,411.21)** ได้ อาจมีโอกาสที่แนวโน้มจะกลับมาเป็นขาขึ้นในระยะสั้น
- ถ้าราคาลงไปที่ **78.6% (1,385.22)** หรือ **88.6% (1,369.75)** แต่มีแรงซื้อกลับมา อาจเกิดการเด้งกลับในแนวโน้มขาลง
---
### 8. **กลยุทธ์การเทรด (Trading Strategy)**:
- **สำหรับฝั่งขาย (Short):**
- มองหาการเปิดสถานะขายเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน (บริเวณสีแดง) หรือระดับ 61.8%
- **สำหรับฝั่งซื้อ (Long):**
- มองหาการเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาลงมาที่ระดับ 78.6% หรือ 88.6% และแสดงสัญญาณการกลับตัว
- **เป้าหมาย (Targets):**
- สำหรับฝั่งซื้อ: เน้นเป้าหมายระยะสั้นในกรอบ Fibonacci Retracement
- สำหรับฝั่งขาย: เป้าหมายที่ระดับ 1,344 หรือต่ำกว่า หากแนวรับถูกทะลุ
---
### สรุป:
กราฟนี้มีการใช้งาน Fibonacci Retracement, Time Ratio และการวิเคราะห์โครงสร้างตลาดอย่างชัดเจนเพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต จุดสำคัญที่ต้องจับตามองคือ:
1. การเคลื่อนไหวของราคาในระดับ Fibonacci 61.8%, 78.6%, และ 88.6%
2. การ Retest ในโซนแนวต้าน
3. วันที่ 20/12/2024 ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ
การวางกลยุทธ์ควรพิจารณาแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ และรอคอยการยืนยันจากพฤติกรรมราคาก่อนตัดสินใจเทรด
โอกาสลงจบและเข้าซื้อเกิดที่โซนราคาใด และ เมื่อไหร่
จากการวิเคราะห์ข้อมูลในกราฟ โอกาสเข้าสู่ **โซนซื้อ (Buy Zone)** ขึ้นอยู่กับจุดที่ราคาเคลื่อนที่ถึงแนวรับสำคัญ หรือแสดงสัญญาณกลับตัวในระดับ Fibonacci Retracement ที่สำคัญ รวมถึงโซนแนวรับเชิงโครงสร้างในตลาด (**Demand Zone**) ต่อไปนี้คือรายละเอียด:
---
### **1. ราคาเป้าหมายสำหรับโซนซื้อ**
#### ระดับ Fibonacci Retracement:
1. **78.6% (1,385.22):**
- เป็นโซนแรกที่มีโอกาสเห็นแรงซื้อกลับตัว เพราะระดับนี้มักเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในตลาดขาลง
- หากราคาลงมาทดสอบที่บริเวณนี้พร้อมด้วยสัญญาณกลับตัว เช่น แท่งเทียนกลับทิศ (Bullish Candlestick) หรือวอลุ่มเพิ่มขึ้น อาจเปิดสถานะซื้อได้
- **กลยุทธ์:** รอคอนเฟิร์มด้วย Price Action หรือ Bullish Divergence จากเครื่องมือ Indicator เช่น RSI
2. **88.6% (1,369.75):**
- หากระดับ 78.6% ไม่สามารถรองรับแรงขายได้ ราคาจะเคลื่อนที่ลงมายังโซนนี้ ซึ่งเป็นโซนสุดท้ายที่มีแนวโน้มจะเกิดการกลับตัว
- **กลยุทธ์:** พิจารณาเปิดสถานะซื้อในโซนนี้พร้อมตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ใต้โซนเล็กน้อย เช่น 1,360
#### โซนแนวรับเชิงโครงสร้าง (Demand Zone):
- บริเวณ **1,380 - 1,370** (พื้นที่สีเขียว):
- โซนนี้เป็นแนวรับเชิงโครงสร้างที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นจุดที่เคยเกิดแรงซื้อในอดีต
- สัญญาณการกลับตัวในบริเวณนี้จะเพิ่มความมั่นใจให้การเปิดสถานะซื้อ
---
### **2. เวลาเป้าหมาย**
#### Fibonacci Time Ratio:
- วันที่ระบุในกราฟคือ **20/12/2024**:
- วันที่นี้สัมพันธ์กับ Fibonacci Time Ratio ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสเกิดจุดกลับตัวสำคัญ
- หากราคายังอยู่ในแนวโน้มขาลง ณ เวลานี้ หรือเคลื่อนที่ลงมายังระดับ Fibonacci Retracement ที่ระบุไว้ (78.6% หรือ 88.6%) อาจเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเข้าสู่สถานะซื้อ
#### แนวโน้มโดยรวม:
- หากราคาปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วงก่อนวันที่ 20/12/2024 และเริ่มแสดงสัญญาณกลับตัวในช่วงใกล้วันดังกล่าว อาจถือเป็นจุดเข้าซื้อที่เหมาะสมที่สุด
---
### **3. สัญญาณยืนยันสำหรับเปิดสถานะซื้อ**
- **รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns):**
- แท่งเทียนกลับตัว เช่น **Bullish Engulfing**, **Hammer**, หรือ **Morning Star** ในระดับแนวรับ
- **วอลุ่ม (Volume):**
- ดูวอลุ่มเพิ่มขึ้นในช่วงแนวรับ หากมีแรงซื้อที่ชัดเจน
- **Divergence กับ Indicators:**
- ใช้ RSI หรือ MACD เพื่อดู **Bullish Divergence** (ราคาไปต่ำกว่า แต่ Indicator ไม่ต่ำกว่า)
---
### **สรุปโอกาสเข้าสู่โซนซื้อ**
- **ระดับราคาเป้าหมาย:**
- โซนแรก: 1,385 (78.6% Fibonacci Retracement)
- โซนสุดท้าย: 1,370 (88.6% Fibonacci Retracement)
- **เวลาเป้าหมาย:**
- ประมาณวันที่ **20/12/2024** หรือก่อนหน้านี้ หากราคาเคลื่อนที่เข้าสู่โซนซื้อในแนวรับที่สำคัญ
- **สัญญาณยืนยัน:**
- ใช้ Price Action, Volume, หรือ Indicators เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเปิดสถานะซื้อ
---
การตัดสินใจเข้าซื้อควรพิจารณาร่วมกับการตั้ง **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss)** และ **จุดทำกำไร (Take Profit)** เพื่อบริหารความเสี่ยงในการเทรดอย่างเหมาะสม.
890 ที่ใฝ่ฝัน- กลับไปดูไร่อ้อยที่ปลูกไว้ ตั้งแต่ วันเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อวานเปิดดู อ้าว เซอร์ไพรซ์ตลาดเรื่องกลุ่ม cp
- เอาเถอะเราไม่ใช่แนวพื้นฐาน เราวางแผนมาแล้ว
- 890 คือเลขที่ผมบอกมานานตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว ยิ่งเข้าใกล้ก็จะซื้อเก็บ แล้วไป stop loss ที่ 860
- ไสตล์ผมคือเล่นรอบ จะไม่เข้าออกบ่อยเพราะ เราเสียค่าคอมบ่อยไม่คุ้ม
- สัปดาห์ที่แล้วคิดว่าจะขึ้นไปไฮเดิม แต่มีเซอร์ไพรซ์ ผมแก้ยังไง ผมจะทำ calandar spread ไว้
- วันนี้ก็ลงต่อแต่ผมปลด Short ไปแล้วถือ L จะไปปิดจนกว่าจะหลุด 860
- ผมอาจจะผิดได้แต่ราคานี้ ค่อนข้างได้เปรียบ 890 - 885
การเพิ่มขึ้นของทองคำทำให้มีโอกาสที่จะร่วงลงหรือไม่?ทำความเข้าใจกับทองคำในประโยคเดียว: ทองทะลุกรอบเล็กน้อยในระยะสั้น และคาดว่าจะสูงขึ้นในวันนี้ และราคาโดยรวมยังอยู่ในช่วงช็อก
ราคาแนวต้านสั้น 1: 2688.00
ราคาแนวต้านสั้น 2: 2702.00
ราคาดุลยภาพสั้นและยาว: 2660.00
ราคาแนวรับกระทิง 1: 2653.00
ราคาแนวรับกระทิง 2: 2635.00
การวิเคราะห์บทความจะต้องพิจารณาจากแนวโน้มของตลาดแบบเรียลไทม์ เพื่อให้คุณสามารถดูด้านล่างของบทความและไปที่พื้นที่เพื่อรับคำตอบที่คุณต้องการ
ให้เราตรวจสอบแนวโน้มของทองคำด้วยกัน ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนผม
Trade record: Sell Goldเหตุผลที่เข้าเทรด
** เข้าตามแพทเทิร์น AB=CD และ Butterfly ใน TF m30
**แท่งเทียน Time Frame M15 มี reject
** มี Supply Zone ใน Time Frame M30, H1
**RSI ใน TF:M15, อยู่ในตำแหน่ง Overbought
**RSI เกิด Bearish divergance ใน Time Frame M5
**ราคาอยู่ในจุด Upper Band Time Frame M15
* มีวอลุ่มเทขายใน Time Frame M15
* มีการกวาด Liquidity ก่อนถึงโซน POI และ D point
** ตั้ง เบรคอีเว้นท์ 500 points
*ข้อมูลที่นำเสนอ เป็นเพียงการวิเคราะห์เชิง Technical ส่วนบุคคล เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเทรดเท่านั้น
*By ช่างพงษ์
Trade record: Buy Gold
เหตุผลที่เข้าเทรด
** เป็นการเล่น แพทเทิร์น AB=CD ใน ขา C ไป D
**แท่งเทียน Time Frame M5 มี reject
** มี Demand Zone ใน TF M15,M30,*ที่ส่งราคาไปชนะไฮล่าสุด**
** เกิด Bullish divergence ใน TF m1
**ราคาอยู่ในจุด Lower Band Time Frame M15
* มีการกวาด Liquidity ก่อนถึงโซน POI
* มีวอลุ่มซื้อใน Time Frame M5
** ตั้ง เบรคอีเว้นท์ 600 points
*ข้อมูลที่นำเสนอ เป็นเพียงการวิเคราะห์เชิง Technical ส่วนบุคคล เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเทรดเท่านั้น
*By ช่างพงษ์
SP500 กับ TD SEQUENTIALการใช้งาน **TD Sequential** แบบง่ายๆ มี 2 ส่วนหลัก คือ **การนับ Setup** และ **การนับ Countdown** โดยมีเป้าหมายเพื่อหาจุดที่ราคามีโอกาสกลับตัว (reversal) หรือเปลี่ยนทิศทางในอนาคต
---
### 1. **การนับ Setup (Setup Phase)**
เป้าหมาย: มองหาช่วงที่ราคาขึ้นหรือลงติดต่อกัน
- **เริ่มนับเมื่อพบแนวโน้มที่ชัดเจน**
- หากราคาปิด (close) สูงกว่าราคาปิดของแท่งเมื่อ **4 แท่งก่อนหน้า** (สำหรับแนวโน้มขาขึ้น) ให้เริ่มนับ "1, 2, 3..." ไปเรื่อยๆ
- ในทางกลับกัน หากราคาปิดต่ำกว่าราคาปิดเมื่อ 4 แท่งก่อนหน้า (แนวโน้มขาลง) ก็ให้เริ่มนับในทิศทางลง
- **หยุดนับเมื่อครบ 9 แท่ง**
- ถ้านับได้ครบ 9 แท่งขึ้นหรือลง แสดงว่ามี "สัญญาณระวัง" ว่าอาจใกล้ถึงจุดกลับตัว
- หากนับไม่ครบ 9 แต่มีแท่งที่ไม่เป็นไปตามกฎ เช่น ปิดต่ำกว่าราคาปิด 4 แท่งก่อน (ในขาขึ้น) การนับจะถูกรีเซ็ต
---
### 2. **การนับ Countdown (Countdown Phase)**
เป้าหมาย: ยืนยันจุดกลับตัวที่แข็งแรงขึ้น
- **เริ่มนับใหม่จากแท่งที่ Setup ครบ 9**
- ในขั้น Countdown จะดูราคาปิด (close) ว่าต่ำกว่า (หรือสูงกว่า) ราคาปิด **2 แท่งก่อนหน้า**
- นับไปเรื่อยๆ จนถึง 13 แท่ง (ต้องครบ 13 เพื่อยืนยันจุดกลับตัว)
- **หากไม่ถึง 13 อาจยังไม่มีการกลับตัวแน่นอน**
- หากมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มระหว่างทาง การนับ Countdown จะถูกรีเซ็ต
---
### การใช้งานจริง
1. **ดูแนวโน้มก่อน**
- ถ้าราคาขึ้นหรือลงต่อเนื่องเกิน 9 แท่ง อาจเป็นสัญญาณว่าตลาด "เหนื่อย" และใกล้กลับตัว
2. **ใช้ร่วมกับข้อมูลอื่น**
- TD Sequential จะให้ "สัญญาณเตือน" แต่ไม่ใช่ตัวบอกจุดเข้า-ออกที่แน่นอน ดังนั้นควรใช้ควบคู่กับเครื่องมืออื่น เช่น เส้นแนวรับ-แนวต้าน, Moving Average หรือ MACD
3. **ตัวอย่าง**
- หากนับได้ครบ **9 แท่งขาขึ้น (Setup)** และนับได้ **13 แท่ง (Countdown)** แล้วเห็นว่าราคาเริ่มนิ่งหรือกลับทิศ อาจพิจารณาขายทำกำไร
---
### สรุปแบบง่ายๆ
- **9 คือจุดเตือน**: ราคาขึ้น/ลงต่อเนื่องครบ 9 แท่ง อาจเตรียมกลับตัว
- **13 คือจุดยืนยัน**: หากครบ 13 แท่งใน Countdown แสดงว่าการกลับตัวมีโอกาสสูงขึ้น
TD Sequential ช่วยให้เรารู้จังหวะที่จะ **รอ** และ **ไม่รีบตัดสินใจ** ตามอารมณ์ของตลาด!






















