FROZEN MARKET – ควรเทรดเมื่อไร และควรอยู่เฉย ๆ เมื่อไร ?1️⃣ Education – Frozen Market คืออะไร?
Frozen market ไม่ได้หมายความว่าราคาไม่ขยับ
แต่คือราคาขยับ โดยไม่มี follow-through
ลักษณะที่พบได้บ่อย:
สภาพคล่องต่ำ
ราคาเคลื่อนไหวช้า สะดุด
ขึ้นลงเล็ก ๆ หลายครั้ง แต่ไม่เกิดเทรนด์
➡️ มักเกิดช่วงปลายปีหรือ session ที่ liquidity ต่ำ
2️⃣ Education – ความผิดพลาดที่ trader มักทำ
ใน frozen market trader จำนวนมาก:
เห็นราคาขยับนิดเดียวก็รีบเข้า
สับสนระหว่าง price movement กับ trend จริง
พยายามฝืนเทรดทั้งที่ market ยังไม่พร้อม
ผลลัพธ์คือ:
ขาดทุนเล็ก ๆ ต่อเนื่อง
จิตใจอ่อนล้า
Overtrade โดยไม่รู้ตัว
3️⃣ Education – Trader ที่มีวินัยทำอะไรต่างออกไป?
Trader ที่มีวินัยไม่บังคับ market
แต่จะ:
รอช่วงที่ market เริ่ม “ละลาย”
เทรดเฉพาะ session ที่มี liquidity จริง
รอสัญญาณยืนยัน ไม่เดา
📌 ใน frozen market การไม่เทรดคือการตัดสินใจที่ถูกต้องได้เช่นกัน
4️⃣ Education – บทเรียนสำคัญ
ไม่ใช่ทุกวันที่ market เหมาะกับการทำเงิน
การรู้ว่า เมื่อไรไม่ควรเทรด สำคัญพอ ๆ กับรู้ว่าเมื่อไรควรเทรด
Frozen market ไม่ได้เอาเงินคุณไปเร็ว
แต่มันทดสอบความอดทนของ trader ที่ไม่มีวินัย
Forexeducation
PRICE BREAKS FOR A REASON!ราคาไม่เคย Break แบบไร้เหตุผล!
1. Traders มักเห็น “การ Break” แต่ไม่เคยเห็น “เหตุผล” ที่อยู่ phíaหลัง
ส่วนใหญ่จะโฟกัสแค่:
การ Break trendline
การ Break pattern
การ Break support – resistance
แต่ความจริงคือ ราคาไม่เคย Break โดยบังเอิญ
👉 ทุกการ Break เกิดจาก flow ของเงิน, จิตวิทยาตลาด และเป้าหมายของ Market Maker
ถ้าคุณเห็นแค่ “ราคา Break แล้ว” → คุณจะเข้าออเดอร์ช้า
แต่ถ้าคุณเข้าใจ “ทำไมมัน Break” → คุณจะเข้า ก่อนฝูงชน
2. 80% Traders ขาดทุน เพราะคิดว่าราคา Break เพราะ “แรงเยอะ”
❌ ผิด completely.
Market ไม่ Break เพราะแรง
Market Break เพราะ เหตุผล
เหตุผลหลักที่ทำให้ราคาทะลุ (Break):
(1) Liquidity Grab (การเก็บสภาพคล่อง)
Market Maker ต้องการ liquidity เพื่อดันราคา → จึง Break บริเวณที่คนส่วนใหญ่ตั้ง SL ไว้
เป็น Break ที่ หลอก แต่จริงตาม mục đích → ทำให้ traders FOMO แล้วโดนล้าง
(2) Order Imbalance (ภาวะเสียสมดุลคำสั่ง)
เมื่อราคาสะสม (accumulation) นานพอ → buy/sell ไม่สมดุล
แรงฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากกว่า → เกิด Break ที่ “สะอาด – ชัดเจน”
Break แบบนี้มัก แรงและมี follow-through
(3) Narrative (เรื่องราวที่ตลาดกำลังเล่น)
ราคาไม่วิ่งเพราะข่าว
ราคาไม่วิ่งเพราะ indicator
ราคาเดินตาม เรื่องราวใหม่ของตลาด เช่น:
คาดหวังลดดอกเบี้ย
เงินย้ายจาก USD → Gold
ข่าวลือก่อนประกาศจริง
การเก็บ position ก่อน event
➡️ เข้าใจ narrative = เข้าใจทิศทางเงินใหญ่
(4) Stop Hunt ก่อนวิ่งจริง
ตลาดมัก “ปูทาง” ก่อนเคลื่อน:
กวาด SL
พัง pattern
เขย่า traders อ่อนประสบการณ์
➡️ Break แบบนี้ ไม่ได้เพื่อกลับทิศ
แต่เพื่อ “เคลียร์คนที่คิดว่าตัวเองถูก”
3. วิธีแยก Break จริง vs Break หลอก แบบนักเทรดเท่านั้น
Break หลอก (Fake Break):
ทะลุเร็วแต่ไม่มี volume/flow ยืนยัน
ไส้เทียนยาว
ราคาเด้งกลับเข้า zone สะสม
เกิดก่อนข่าวใหญ่
➡️ เป้าหมาย: เก็บ liquidity
Break จริง (True Break):
ปิดแท่งชัดเหนือ/ใต้โซน
มี volume & flow สนับสนุน
retest นิ่ม ไม่พังกลับ
narrative ปัจจุบันหนุนทิศทาง
➡️ เป้าหมาย: เปิด cycle ใหม่
4. อยากจับ Break จริง? ต้องตอบ 3 คำถามนี้
1️⃣ ใครกำลังติดลบในโซนนี้?
→ long หรือ short กำลังเจ็บ?
2️⃣ Liquidity อยู่ตรงไหน?
→ market วิ่งไปที่ liquidity เสมอ
3️⃣ ตอนนี้ตลาดกำลังเล่น narrative อะไร?
→ เทรนด์เกิดจากเรื่องราว ไม่ใช่ indicator
ถ้าคุณมองเห็นทั้ง 3 อย่างนี้ → คุณไม่ต้อง “เดา” Break
คุณ “อ่านมันก่อนเกิด” ได้
5. สรุป — ราคาไม่เคย Break เพราะอยาก Break
ไม่มีการ Break ใดเกิดแบบสุ่ม
ราคา Break เพราะมี:
เรื่องราว (narrative)
เป้าหมาย
สภาพคล่อง
และมีคน “ได้ประโยชน์” จากมัน
“Traders ที่ชนะ คือคนที่เข้าใจ ‘ทำไม’ ตลาดทำแบบนั้น
Traders ที่แพ้ คือคนที่เห็นแค่ว่าตลาดทำอะไร”

