FED กล่าวอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้ง ในปีนี้Bostic สมาชิก Fed กล่าวว่าอาจมีการปรับขึ้นมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้ แต่ต้องดูว่าเศรษฐกิจจะตอบสนองอย่างไร
สิ่งที่จะเกิดขึ้น?
นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐแอตแลนต้า กล่าวเมื่อวันพุธว่าเขาคาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยสามหรือสี่ครั้งในปีนี้ แต่เขาเน้นว่าธนาคารกลางไม่ได้ถูกผูกมัดอยู่ในแผนเฉพาะ
เมื่อพูดถึง "Squawk Box" ของ CNBC ผู้กำหนดนโยบายส่งสัญญาณมุมมองที่ก้าวร้าวน้อยกว่าอัตราของตลาด
“ในแง่ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตอนนี้ผมมีการคาดการณ์ 3 รายการสำหรับปีนี้” เขากล่าว “ฉันกำลังเอนเอียงไปทางสี่เล็กน้อย แต่เราจะต้องดูว่าเศรษฐกิจตอบสนองอย่างไรเมื่อเราทำตามขั้นตอนแรกของเราผ่านส่วนแรกของปีนี้”
การกำหนดราคาในตลาดในปัจจุบันคาดการณ์ไว้อย่างน้อย 5 แห่งและอาจจะเพิ่มขึ้น 6 ระดับที่ 0.25 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละจุด เมื่อเร็ว ๆ นี้ Bank of America คาดการณ์การเคลื่อนไหวเจ็ดครั้งในขณะที่ธนาคารกลางต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี
การคาดหวังในครั้งนี้?
Bostic ไม่ได้ยืนยันในการสัมภาษณ์ CNBC ของเขาที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
“สำหรับฉัน ฉันกำลังคิดถึงมุมมองพื้นฐาน 25 จุด” เขากล่าว “แต่ฉันต้องการให้ทุกคนเข้าใจว่าทุกตัวเลือกอยู่บนโต๊ะ และฉันไม่ต้องการให้ผู้คนมองว่าเราถูกขังอยู่ในวิถีเฉพาะในแง่ของอัตราของเราที่ต้องเคลื่อนไหวเมื่อเวลาผ่านไป เรากำลังจะให้ข้อมูลแสดงให้เราเห็นว่าจุดพื้นฐาน 50 จุดหรือการย้ายจุดพื้นฐาน 25 จุดนั้นเหมาะสมแค่ไหน”
ในการปรากฏตัวที่แยกออกมาในวันพุธ ลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดแห่งคลีฟแลนด์กล่าวว่าเธอคาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ปฏิบัติตามอัตราที่เธอสบายใจก็ตาม
“ในขณะที่ตัวแปร Omicron อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมในระยะใกล้ แต่ระดับเงินเฟ้อที่สูงและความตึงตัวในตลาดแรงงานเป็นกรณีที่น่าสนใจที่จะเริ่มปรับท่าทีของนโยบายการเงิน” เธอกล่าวในการกล่าวสุนทรพจน์ของ European Economics and ศูนย์การเงิน. “ยกเว้นภาวะเศรษฐกิจที่พลิกกลับอย่างไม่คาดคิด ฉันสนับสนุนให้เริ่มถอดที่พักโดยเลื่อนอัตราเงินกองทุนขึ้นในเดือนมีนาคม”
การวิเคราะห์ของราคา
อย่างไรก็ตามในการออกความเห็นของสมาชิกคณะกรรมการนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอาจจะส่งผลทำให้ตลาดมีความผันผวนโดยเฉพาะค่าเงินดอลล่าร์และคู่เงินที่มีความผันผวนก็คือ EURUSD ติดตามว่าปัจจัยนี้จะทำให้คู่เงินนี้มีความผันผวนระยะสั้นหรือไม่จึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลล่าร์แนวรับแรกก็คือ 1.13920 แนวรับที่สองก็คือ 1.13682 แนวรับสุดท้ายก็คือ 1.13270
แต่ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 1.14562 แนวต้านที่สองก็คือ 1.14840 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 1.15196
Fed
Fed’s Mester ต้องการให้ Taper เร็วขึ้นFed’s Mester เปิดให้ Taper เร็วขึ้นเพื่อชิงพื้นที่เพื่อขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สิ่งที่จะเกิดขึ้น?
ประธานธนาคารกลางสหรัฐแห่งคลีฟแลนด์กล่าวว่าเธอ “เปิดกว้างมาก” ในการปรับลดการซื้อสินทรัพย์ของเฟดด้วยอัตราที่เร็วขึ้น เพื่อให้สามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้สองครั้งในปีหน้าหากจำเป็น
“การทำให้เรียวเร็วขึ้นคือการซื้อประกันและทางเลือก ดังนั้นหากอัตราเงินเฟ้อไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า เราก็อยู่ในฐานะที่จะสามารถขึ้นได้ถ้าจำเป็น” เมสเตอร์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Kathleen Hays เกี่ยวกับ Bloomberg ทีวีวันพุธ. เธอกล่าวว่าข้อมูลล่าสุด “ได้สนับสนุนกรณีดังกล่าว ดังนั้นฉันจึงเปิดกว้างมากที่จะพิจารณาการเรียวที่เร็วขึ้น”
ธนาคารกลางสหรัฐกำลังกำหนดที่จะยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ในช่วงกลางปี 2565 ภายใต้แผนงานที่ประกาศเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนเพื่อชะลอการซื้อ 15 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน แต่เฟดสามารถลงคะแนนให้เร่งกระบวนการเรียวเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งได้เร่งตัวขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาและมีความต่อเนื่องมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งรวมถึงที่ธนาคารกลางเคยคาดไว้ด้วย
การคาดหวังในครั้งนี้?
“ตอนนี้ด้วยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่เป็นอยู่และด้วยตลาดงานที่แข็งแกร่งเท่าที่เป็นอยู่ ฉันคิดว่าเราต้องอยู่ในตำแหน่งที่หากเราต้องขึ้นอัตราสองครั้งในปีหน้าเราจะ สามารถทำเช่นนั้นได้” เมสเตอร์ผู้โหวตนโยบายในปีหน้ากล่าว
เมื่อถูกถามว่าเธอชอบที่จะเร่งให้เรียวเพื่อให้สิ้นสุดในเดือนมีนาคมหรือไม่ Mester กล่าวว่าตอนนี้ เธอจะสนับสนุนการยุติข้อตกลงในช่วงไตรมาสแรกหรือต้นไตรมาสที่สอง “จากสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจ”
ประธานเฟดเจอโรมพาวเวลล์กล่าวเมื่อต้นวันพุธว่า "เป็นการเหมาะสมที่เราจะพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไปให้ลดลงเร็วขึ้นเพื่อให้สรุปได้ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้" ผู้กำหนดนโยบายจะพบกันในวันที่ 14-15 ธันวาคม
การวิเคราะห์ของราคา
ปัจจัยนี้อาจจะทำให้ค่าเงินดอลล่าร์มีความผันผวนโดยเฉพาะ USDJPY ซึ่งถ้าเกิดมีความผันผวนจึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 113.290 แนวต้านที่สองก็คือ 113.567 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 113.941
แต่ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 112.952 แนวรับที่สองก็คือ 112.759 แนวรับสุดท้ายก็คือ 112.614
"พาวเวล" ส่งสัญญาณเฟดไม่เร่งขึ้นดอก"พาวเวล" ส่งสัญญาณเฟดไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย รอตลาดแรงงานขยายตัวเต็มศักยภาพ
สิ่งที่จะเกิดขึ้น?
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อคืนนี้ว่า เฟดสามารถอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับกล่าวว่าเฟดจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนนี้ แม้มีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดประกาศว่าจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. โดยเฟดจะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเดือนละ 10,000 ล้านดอลลาร์ และปรับลดวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) เดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์
การคาดหวังในครั้งนี้?
"การตัดสินใจปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมครั้งนี้ ไม่ได้แปลว่าเรากำลังส่งสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ย เราจะยังคงทำการทดสอบภาวะเศรษฐกิจอย่างเข้มงวดมากขึ้น ก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยคือการที่ตลาดแรงงานขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ ทั้งในแง่ของตัวเลขจ้างงานและอัตราการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงาน"
"เราไม่คิดว่า ขณะนี้เป็นเวลาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และหากเราสามารถสรุปได้ว่า จำเป็นต้องทำเช่นนั้น เราจะใช้ความอดทน แต่เราก็จะไม่ลังเล" นายพาวเวลกล่าว
การวิเคราะห์ของราคา
จากปัจจัยนี้ส่งผลทำให้สกุลดอลล่าร์มีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นทำให้คู่เงิน USDCHF มีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 0.91485 แนวต้านที่สองก็คือ 0.91684 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 0.91898
แต่ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 0.91049 แนวรับที่สองก็คือ 0.90861 แนวรับสุดท้ายก็คือ 0.90617
USD อ่อนค่าหลัง FED แถลงสกุลเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ ประธาน FED แถลงเมื่อวานที่ผ่านมา
สิ่งที่จะเกิดขึ้น?
จากการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาได้มีการแถลงนโยบายทางการเงินเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาส่งผลทำให้ดอลล่าร์มีการปรับตัวอ่อนค่าลงโดยเนื้อความสำคัญยังคงไม่มีการส่งสัญญาณในการลดการอัดฉีดเม็ดเงินในครั้งนี้
ประกอบกับมีการตอบคำถามจากผู้สื่อข่าวที่มีการถามในการแถลงในครั้งนี้โดยเนื้อความของผู้สื่อข่าวที่มีการถามที่มีใจความสำคัญก็คือจะมีโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ซึ่งประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาได้มีการตอบคำถามนี้อย่างน่าสนใจว่า
" ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำเป็นที่จะต้องมีการหยุดการอัดฉีดเม็ดเงินให้เป็นศูนย์ถึงจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ " ดังนั้นนักลงทุนจึงตีความจากการตอบคำถามในครั้งนี้ว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่อาจจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ววันนี้เพราะยังมีการอัดฉีดเม็ดเงินอย่างต่อเนื่อง
และอีกหนึ่งคำถามที่สำคัญอย่างมากก็คือตราสาร MBS จะมีความสำคัญหรือไม่เนื่องจากในส่วนของ ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยยังคงมีจึงมีคำถามจากผู้สื่อข่าวถามว่าตราสารหนี้ยังคงมีความสำคัญหรือไม่ประธานธนาคารกลางสหรัฐได้มีคำตอบออกมาและเนื้อความว่า "ตราสารนี้ยังคงมีความจำเป็นอยู่เนื่องจากว่าปัญหาของภาคที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่และยังคงต้องปรึกษาและอภิปรายกันครั้งถัดไปสำหรับตราสารนี้ " จากคำตอบนี้ทำให้นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าอาจจำเป็นจะต้องมีการเข้าซื้อตราสาร MBS จนกว่าราคาที่อยู่อาศัยและปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยจะน้อยลง
การคาดหวังในครั้งนี้?
ดังนั้นจากปัจจัยในการตอบคำถามของประธานธนาคารกลางสหรัฐทำให้นักลงทุนในหลายสำนักเริ่มตั้งข้อสังเกตว่าการอัดฉีดเม็ดเงินในครั้งนี้อาจจะยังคงอาทิตย์เม็ดเงินอย่างต่อเนื่องและในส่วนของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคงไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีถัดไปแน่นอนจึงทำให้ดอลล่าร์มีการปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
การวิเคราะห์ของราคา
ซึ่งปัจจัยในรอบวันทำให้ดอลล่าร์มีการปรับตัวอ่อนค่าลง -0.36% ในรอบวันและดูเหมือนว่าอาจจะมีการปรับตัวร่วงลงอย่างต่อเนื่องนักลงทุนยังคงมีการคาดการณ์ว่าสกุลเงินดอลล่าร์อาจจะลงไปถึงแนวรับสำคัญที่ 91.51 ดังนั้นถ้ามีการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจะสะท้อนให้เห็นถึงคู่เงินอื่นที่มีการเทียบกับดอลล่าร์ดีดตัวขึ้น
ซึ่งในส่วนของ NZDUSD ได้มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยในรอบวันมีการขยับตัวขึ้นถึง +0.73% และอาจจะมีการขยับตัวสูงขึ้นหลังจากที่ดอลล่าร์เริ่มมีการปรับตัวอ่อนค่าลงดังนั้นปัจจัยนี้อาจจะส่งผลทำให้คู่เงินนี้มีการขยับตัวสูงขึ้นจึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 0.70186 แนวต้านที่สองก็คือ 0.70274 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 0770402
แต่ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 0.69874 แนวรับที่สองก็คือ 0.69718 แนวรับสุดท้ายก็คือ 0.69522
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของ NZDUSD : ยังคงต้องเฝ้าจับตามองสกุลเงินนิวซีแลนด์อย่างมากเพราะจะมีการประกาศตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี้แต่ในส่วนของดอลล่าร์ยังคงต้องจับตาดูการประกาศดัชนี PCE วันศุกร์นี้เพราะอาจจะส่งผลทำให้ดอลล่าร์มีความผันผวนจึงควรติดตามอย่างมาก
USD แข็งค่าเนื่องด้วย FED พร้อมปรับดอกเร็วกว่าที่คาดสกุลเงินดอลล่าร์มีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา
สกุลเงินดอลล่าร์มีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากธนาคารกลางสหรัฐมีการส่งสัญญาณในการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดและดูเหมือนว่ามีการประเมินถึงเรื่อง อัตราการว่างานในปี 2021 ใกล้เคียง 4.0% ส่งผลทำให้สกุลเงินดอลล่าร์มีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องประกอบกับนักลงทุนเริ่มมีความกังวลถึงการใช้มาตรการลดการอัดฉีดเม็ดเงินในอนาคต จึงส่งผลทำให้ดอลล่าร์มีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นดังกล่าว
คู่เงิน EURUSD มีการปรับตัวร่วงลงหลังจากที่ดอลล่าร์มีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นดังนั้นจึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงทะลุ 1.18865 ลงมาได้แนวรับที่สองก็คือ 1.18635 แนวรับสุดท้ายก็คือ 1.18379
แต่ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 1.19498 แนวต้านที่สองก็คือ 1.20010 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 1.20416
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของคู่เงินนี้ : ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของสกุลเงินนี้ยังคงต้องติดตามถึงสกุลเงินดอลล่าร์ที่ยังคงต้องติดตามถึงปัจจัยที่จะเกี่ยวเนื่องกับสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและการใช้มาตรการลดการอาทิตย์เป็นเงินของสหรัฐอเมริกาซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยที่น่าจับตามองอย่างมากในช่วงนี้
ท่านที่เทรดสกุลเงินนี้ นั้นควรให้สังเกตตาม Zone แนวรับแนวต้าน ตรงที่แจ้งไว้ด้วยเนื่องจากอาจจะมีความผันผวนจนสุด Zone ซึ่งในการเทรดนั้นท่านที่ยังไม่มี Order หรือมีออเดอร์ EUR/USD ติดอยู่ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดด้วยนะครับ
(แนวรับแนวต้าน นั้นก็คือ ZONE ดังนั้นเป้าหมายที่แจ้งไปคือ Zone ดังนั้นไม่ต้องตามเป้าหมายเป๊ะแต่ให้ดูตาม Zone เพื่อจะเป็นจุดสำคัญในการตัดสินใจว่าจะเข้าเทรดหรือตัดสินใจของการเข้าออกออเดอร์หรือการจัดการออเดอร์ที่ดีที่สุด





